คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Special Chapter 2718 Puppy LOVE
"นี่น่ะเหรอผู้นำคนใหม่ของตระกูลฮิบาริ"
"หน้าโคตรตุ๊ดเลยว่ะ"
"ก็ตามประสาพวกลูกคุณหนูไง"
เสียงบทสนทนาแว่วเข้าโสตประสาท
เคียวยะขมวดคิ้วแน่น รู้สึกปวดร้าวระบมทั่วร่างจากการถูกลอบทำร้ายด้วยคนนับสิบแม้จะพอรับมือได้
แต่สุดท้ายกลับพลาดท่าถูกลอบยิงยาสลบทำให้หมดสติไป
เขาลืมตาแล้วแต่ภาพที่เห็นก็มีเพียงความมืดภายใต้ผ้าปิดตา
แขนทั้งสองข้างถูกมัดไขว้หลังจนปวดเมื่อย
ไปหมด ไม่เว้นกระทั่งปากที่มีเศษผ้าเหม็นอับมัดปิดไว้ พยายามจะเงี่ยหูฟังสิ่งที่คนเหล่านั้นคุยกันแต่กลับไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์สักนิด
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ ลองขยับแขนที่ถูกมัดไปมาเพื่อให้เชือกคลาย
"เฮ้ย! อย่าขยับไม่งั้นสมองแกเละแน่"
หลังของเขาถูกเตะอย่างแรงจนเกิดเสียงตุ้บ
ปลายกระบอกปืนลูกซองจ่อแนบขมับจนชายหนุ่มต้องวางมือลงแล้วนอนนิ่งๆดังเดิม อย่างน้อยตอนนี้พวกมันก็ยังฆ่าเขาไม่ได้
เพราะงั้นไม่มีอะไรต้องกลัว
"เหมือนมันมีอะไรอยากพูดนะ แกะผ้า"
เสียงแหบพร่าของคนที่น่าจะเป็นผู้นำของมันกล่าวขึ้นพอๆกับที่ปากของเขาได้เป็นอิสระ
ชายหนุ่มหันไปตามทิศที่มาของเสียงด้วยดวงตาที่ยังถูกปิดไว้อยู่
"ใครจ้างพวกแก"
"เรื่องนั้นสำคัญด้วยเหรอ..?"
เสียงนั้นขยับเข้ามาใกล้จนกลายเป็นกระซิบข้างหู
เคียวยะตัวสั่นด้วยความหงุดหงิดขยะแขยงจนแทบคลื่นไส้แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นจึงยิ่งได้ใจ
"บอกก็ได้ แต่ขอฉันสนุกกับแกก่อนแล้วกัน"
ทันทีที่พูดจบโลหะเล็กเย็นเยียบก็จ่อแนบหลังคอ
เคียวยะเพิ่งจะเข้าใจว่ามันคืออะไร
ก็ตอนที่อีกฝ่ายเปิดเครื่องให้กระแสไฟฟ้าแรงสูงพุ่งเข้าสู่ทั่วร่างกาย
"อ๊ากก!"
ความเจ็บแปล๊บแล่นทั่วร่างกายจนปวดหนึบ
เคียวยะกัดฟันแน่นเรี่ยวแรงที่มีเหมือนถูกสูบฉีดออกไปหมด
"ร้องให้มากกว่านี้สิ เผื่อฉันจะใจดี" พูดย้ำพร้อมยิงเครื่องช็อตไฟฟ้าใส่อีกครั้ง
ชายหนุ่มพยายามต่อสู้
ยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะตวัดขาที่ไม่ถูกพันธนาการฟาดเข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง
มันชะงักมือปาดเลือดที่ไหลจากมุมปากช้าๆด้วยสายตาไม่คาดคิด
พลางส่งสัญญาณมือห้ามพวกตัวเองที่จ่ออาวุธใส่คนมองไม่เห็น
สมกับเป็นผู้นำของตระกูลฮิบาริขนาดถูกมัดมือปิดตาจนมองไม่เห็น
แต่..นั่นก็แค่เพราะความประมาท แรงดันไฟฟ้าถูกปรับสูงสุดจนเผาไหม้กล้ามเนื้อได้
มือหยาบกร้านคว้ากระชากเรือนผมสีขนกากดลงแนบพื้น
แล้วใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าใส่โดยไม่มีหยุดหย่อน ซ้ำแล้ว.. ซ้ำเล่า..
"อั่ก! อ๊ากก!!"
เคียวยะหูอื้อร่างกายปวดล้าจนชาไปทั้งตัว
เขารู้สึกมึนหัวคล้ายจะสลบ
แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งเมื่อใบหน้าหวานถูกกระชากกดกระแทกพื้นปูนเพื่อรับรู้กระแสไฟฟ้าที่แล่นผ่านตัว
ทั่วทั้งร่างปวดหนึบได้กลิ่นเหม็นไหม้จางๆ
แผลปริแตกเล็กๆทั่วตัวแสบไปหมดราวมีดนับพันรุมกรีด เขาอ้าปากสูดลมหายใจอย่างยากลำบาก
สติเริ่มเลือนลางจนไม่อาจรับรู้เวลาหรือสิ่งรอบกาย
ยิ่งในยามดวงตามืดบอดมองไม่เห็นทิศทาง หนทางรอดช่างริบหรี่
ปัง!
เพียงเสียงปืนดังลั่นนัดเดียวความทรมานทั้งหมดก็หายไป
เคียวยะทรุดตัวลงหายใจหอบอย่างหมดแรง ท่ามกลางกลิ่นเหม็นไหม้กับเขม่าดินปืนที่คละคลุ้งลอยตีกันจนจมูกแสบเพี้ยนกลับมีกลิ่นหนึ่งที่แรงกว่าทั้งมวลที่สัมผัสได้ชัดเจน
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วร่างเขา
"อ๊าก!!"
เสียงกระสุนปืนดังขึ้นติดต่อกันอีกเป็นสิบนัด
ตามด้วยเสียงหนักๆของร่างไร้ชีวิตที่ทรุดลงกับพื้น ฝีเท้าคู่นั้นก้าวเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ
ในขณะที่เคียวยะเริ่มฟื้นคืนสติและกลับมาหายใจด้วยจังหวะคงที่
เชือกและผ้าปิดตาถูกแกะออกอย่างเบามือ
ชายหนุ่มรีบลืมตามองแต่ก็ต้องหลับตาปี๋อีกครั้งเมื่อถูกแสงจ้าแยงตา
เขาหลับตาให้เวลาสายตาที่ยังไม่คุ้นชินสักครู่
จนเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ได้พบใบหน้าคุ้นเคยที่จ้องมองมาด้วยสายตาประกายวาววับ
"นายมาช้า" เคียวยะติ
"ขอโทษด้วยครับ คนของมันเยอะเลยใช้เวลานานไปหน่อย"
เขาพูดด้วยความสำนึกผิด
มือเรียวหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อตัวเองออกมาบรรจงเช็ดแก้มใบหน้าหวานที่เลอะคราบเลือด
เคียวยะหยัดกายขึ้นยืนโดยมีอีกฝ่ายคอยประคอง
เขาปรายสายตามองรอบกาย มันเป็นโกดังร้างบนเกาะห่างไกลตัวเมืองพอควร
ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะตามมาได้ช้า ทั่วทั้งโกดังเต็มไปด้วยจำนวนศพมากมายที่นอนเกลื่อนท่ามกลางเลือดที่ฉาบพื้นปูนสีซีดให้แดงฉาน
เห็นกี่ครั้งก็ยังไม่อาจทำใจให้คุ้นชินได้
"อะ อ่อก..."
เสียงครวญครางของคนแทบเท้าดึงความสนใจเคียวยะกลับมา
ร่างของหัวหน้ากลุ่มโจรถูกกระสุนปืนเจาะพรุนทั่วร่าง
เว้นจุดสำคัญแต่ก็ทำให้ขยับตัวหนีไปไหนไม่ได้ เคียวยะย่อกายลงมองอีกฝ่าย
บังเอิญนักที่ท่าทางนั้นคือสิ่งที่มันปฏิบัติกับเขาก่อนหน้านี้
"ฉันจะถามอีกครั้ง ใครจ้างพวกแก"
"ใครบางคน.. ทะ ที่อยากให้แกตายไง"
เสียงตะกุกตะกักตอบกลับอย่างอ่อนแรงแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงความหยิ่งทระนงในน้ำเสียง
คำตอบนั้นไม่เพียงพอเสียเลย
ตระกูลฮิบาริใช่มีคนปองร้ายกระหายในอำนาจแค่คนสองคนที่ไหน
เจ้าตัวส่ายหน้ายันแขนกับพื้นเพื่อดันตัวเองลุกขึ้น
ฉับพลันร่างที่นอนนิ่งก็กระชากตัวเขากลับมา
เคียวยะเสียการทรงตัวร่างกายล้มตามแรงโน้มถ่วง ดวงตาสีดำเบิกกว้างเมื่อเห็นปลายมีดแหลมโค้งที่จ่อรอรับลำคอของเขา
ฉึก!!
แต่คนข้างกายเขาไวกว่า
แขนเรียวดึงรั้งร่างบางกลับมาซบแนบอกใหญ่ใต้ชุดสีดำสนิท
ส่วนอีกข้างก็แย่งมีดมาแล้วพลิกกลับแทงฝ่ามืออีกฝ่ายตรึงไว้กับพื้นจนมันส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด
เขาคลายอ้อมกอดให้เคียวยะที่หวิดจากการถูกจ้วงแทงคอกลับมานั่งหายใจหายคอปกติ
ก่อนจะหันกลับมากระชากมีดเล่มเดิมแล้วแทงย้ำลงมือขวานั่นอีกครั้ง
"อ๊ากกก!!"
"มือนี้ใช่ไหมที่หันมีดใส่เคียวยะ" น้ำเสียงเย็นพูดย้ำพลางแทงมีดซ้ำครั้งที่สาม
"ขอโทษ! ฉัน อั่ก!! ผิดไป.. ละ แล้ว"
"มือนี้สินะ" ครั้งที่สี่
"ไม่ ไม่.. ได้โปรด อึก! อ๊าก!!"
"แกคิดจะทำร้ายเคียวยะงั้นเหรอ คิดจะฆ่าเคียวยะงั้นเหรอ!!"
เสียงมีดแทงย้ำถี่ขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน
มือหนาโชกเลือดเป็นรอยแผลเหวอะหวะน่าสยดสยอง เคียวยะเสหน้าหนี
เขาไม่อยากยืนมองภาพแบบนี้เลย
ทันทีที่เสียงมีดครั้งสุดท้ายจบลงเสียงร้องโหยหวนก็เงียบไปด้วย
คราวนี้มันไม่ได้ปักที่มือแต่เป็นกลางลำคอ... เคียวยะหน้าถอดสีกลิ่นคาวเลือดเหม็นรุนแรงจนเกิดอาการคลื่นเหียน
เขาสบตากับเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลทึบหม่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย
"เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการ ไม่เห็นต้องฆ่ามันเลย"
"มันทำร้ายคุณ"
ชายหนุ่มตอบอย่างไม่หยี่ระ
เรียวขายาวสมส่วนขยี้เท้าบดพื้นเช็ดคราบเลือดที่เลอะรองเท้าหนังด้วยความรังเกียจ
คิ้วบางขมวดมุ่น
ริมฝีปากสีกุหลาบเม้มแน่นจมกับความคิดตัวเอง
ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองร่างไร้ชีวิตที่กองแทบเท้า ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ทั้งที่สมองคัดค้าน แต่ส่วนหนึ่งภายในใจกลับเต้นลิงโลดอย่างน่าประหลาด..
ร่างกายเบาหวิวถูกท่อนแขนแกร่งซ้อนหลังและข้อพับช้อนตัวเขาขึ้นมาอย่างทะนุถนอม
กลิ่นหอมประหลาดจากตัวชายหนุ่มแทนที่จะเป็นกลิ่นคาวสนิมทำให้อีกฝ่ายดูลึกลับและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน
เคียวยะตาพร่าเบลอ ไม่เข้าใจความรู้สึกร้อนรุ่มดังไฟเผาที่แผ่ซ่านทั่วอณูทุกครั้งยามผิวกายสัมผัสกันและกัน
นึกคิดว่าคงมีไข้
สมองขาวโพลนยามเมื่อพบคนที่ไว้วางใจร่างกายก็ปลดเปลื้องภาระความกังวลหมดสิ้น
ใบหน้าหวานเอนซบบ่าใหญ่แล้วผล็อยหลับใหล
ราวกับกลิ่นนั้นมัวเมากล่อมประสาทจนสติจางหาย
++++++
และหลังจากวันนั้นเคียวยะก็ไข้ขึ้นสูงต้องนอนซมอยู่ที่บ้านเหมือนที่คิดไม่มีผิดเพี้ยน
มือเรียวปิดหนังสือลงเมื่ออาการมึนหัวนั้นมีมากจนอ่านหนังสือไม่รู้ความ
บาดแผลทั่วร่างถูกทายาและพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาด
บางครั้งก็รู้สึกอึดอัดจนอยากแกะออก
หันไปมองหน้าต่างหยาดฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องแม้จะเข้าสู่วันใหม่แล้วก็ตาม
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวหลังวางแก้วน้ำชาที่เพิ่งดื่ม เมื่อไหร่จะหมดฤดูฝนนะ?
เสียงเคาะประตูดังขัดอารมณ์ที่เหม่อลอย
ดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
ก่อนจะขานรับอนุญาตให้คนที่อยู่อีกฟากประตูเข้ามา
"ไง ป่วยแบบนี้ไปเล่นน้ำฝนที่ไหนมาอีกล่ะ"
"บ้านแกสิ ฉันเกลียดฝนจะตาย"
"ฮ่าๆๆ"
คนที่เข้ามาทักคือ
ยามาโมโตะ ทาเคชิ
เพื่อนสมัยเด็กที่เกี่ยวโยงกันทางด้านธุรกิจแต่ดันทึกทักเอาเองว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขา
เคียวยะขมวดคิ้วแค่เห็นหน้าเจ้านี่ก็รู้สึกหงุดหงิด
รีบดึงผ้าห่มคลุมมิดหัวแล้วนอนหันหลังใส่ผู้มาเยือนทันที
"เอ๋? งอนหรือไง ไม่เอาน่า ~" ไม่พูดเปล่าใช้นิ้วจิ้มไปมาผ่านผ้าห่มอีก
"หยุดกวน ไม่งั้นฉันจะขย้ำแก..."
พูดได้เพียงนิดหน่อยก็ดันไอจนแสบคอ
ถึงอย่างนั้นเจ้าของฉายาแป๊ะยิ้มก็ยังไม่เลิกใช้นิ้วเขี่ยกวนราวกับต้องการยั่วโมโห
บ้าจริง คุซะเอาทอนฟาไปเก็บไว้ไหนกัน...
เมื่อไม่รู้จะทำเช่นไรชายหนุ่มจึงเพิกเฉยการกระทำชวนโมโหนั่นแล้วข่มตานอนพยายามปลอบตัวเองว่าเดี๋ยวเบื่อมันคงเลิกไปเอง
ในห้วงนิทราเคียวยะฝัน..
ภาพความทรงจำในวันวานย้อนวนมาให้ตระหนักถึงอีกครั้ง
ภายใต้ค่ำคืน....ที่เหล่าหยาดฝนโปรยปราย
ชายคนหนึ่งทอดกายลงนอนกลางลานกว้างที่ไร้ซึ่งผู้คน
เส้นผมเปียกลู่บดบังดวงตาสีหม่น บาดแผลทั่วกายเจ็บช้ำทุกครั้งยามหยดน้ำกระทบใส่
แต่กระนั้นมันก็ทำให้เขายิ้ม.. ยิ้มที่ได้รู้ว่าตนไม่ได้อยู่เพียงแค่ความฝัน
ภาพนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาของผู้มาใหม่
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่จังหวะการเดินของรองเท้าหนังราคาแพงหยุดลงอยู่กับที่
ใบหน้าเปี่ยมสุขที่เห็นนั้นช่างต่างจากตัวเอง
ต่อให้จิตใจจะผุผังเพียงใดสำนึกที่ถูกบ่มฝังมายังคอยตอกย้ำถึงภาระที่สวมบนหน้ากากผู้ดีจอมปลอม
ไม่มีทางหลีกหนี
การพบเจอโดยบังเอิญหรือโชคชะตา
ร่มสีใสที่ยื่นให้โดยไม่สนว่าตัวเองจะเปียกปอน
หนึ่งอิสระล่องลอยไร้ซึ่งที่พึ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจ
อีกหนึ่งมากด้วยผู้คนล้อมรอบกายแต่กลับไร้ซึ่งความเสรี
'อยากให้ฉันเป็นเจ้าของไหม เจ้าลูกหมา?'
เกี่ยวพันโชคชะตา
คำเชิญชวนที่เอื้อนเอ่ยออกไป
ราวกับมีแสงสว่างลอดผ่านมาจากปลายอุโมงค์ที่ปิดตาย
"เมื่อไหร่แกจะกลับไปสักที" เคียวยะสบถคำอย่างหงุดหงิดขณะปัดช้อนข้าวต้มร้อนๆที่อีกฝ่ายจ่อมา
ลืมตาตื่นมาไอ้คนหน้าแป้นแล้นเมื่อสองชั่วโมงก่อนก็ยังไม่หายไปไหน
ครั้นยังถือดีมาใช้ครัวตามใจชอบอีกยิ่งไม่สบอารมณ์ไปใหญ่
"ก็นายให้คนออกไปสืบเรื่องพวกที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวไม่เว้นแม้แต่คุซาคาเบะ"
ยามาโมโตะนั่งทานอาหารที่ตั้งใจนำมาให้คนป่วยในทีแรกด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อยจนเกินจริง
ส่งเสียงพูดงึมงำทั้งที่ยังกลืนอาการไม่หมดปาก "เลยกลัวว่าอยู่คนเดียวจะเหงาไง"
ชายหนุ่มถอนหายใจเลิกโต้แย้ง
ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่อีกฝ่ายคิดหรอก อย่างไรหมอนั่นก็ไม่มีวันอยู่ห่างเขาอยู่แล้ว
นึกคิดพลางสอดส่ายสายตาหาบุคคลที่สาม ที่ยังไม่เห็นหน้าค่าตาตั้งแต่เช้า
หายไปไหนของมันกัน...
"ระหว่างที่ฉันนอน มีใครมาบ้างไหม"
"ใคร? ที่นี่มีแค่ฉันกับนายนะ"
ชายหนุ่มส่งเสียงจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด
อะไรของมันกันแน่ ทั้งที่ปกติชอบทำตัวตามติดเป็นหมาเชื่องๆ
แต่พอเขาป่วยกลับหายหน้าหายตาไปซะอย่างนั้น
ความรู้สึกแปลกๆไม่ทราบสาเหตุในใจทำให้คันแผลถลอกบริเวณข้างแก้มยิบๆ
มือเรียวใต้ผ้าพันแผลขาวสะอาดกระชากผ้าก๊อซแปะแผลตามแรงอารมณ์จนคนมองดูสูดปากนึกเจ็บแทน
ยิ่งมองลอดหน้าต่างท้องฟ้าที่มืดสลัวยิ่งทำให้ชายหนุ่มใจครุกกรุ่นจนอยากอาละวาด
แต่ทันใดสายตาเขากลับสบกับดวงตาสีน้ำตาลหม่นของคนนอกหน้าต่างเหมาะเจาะ
ใบหน้านิ่งๆกับสายตากดต่ำมองมาแค่เห็นแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเองก็หงุดหงิดเพียงไหน
เวร คนที่ควรหงุดหงิดมันคือเขาไม่ใช่หรือไง...
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดมากมายที่ก่อตัว
เหลือบเห็นคนตัวโตที่สมองมีแต่กล้ามข้างกายก็พลันนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้
ขอเอาคืนเล็กๆน้อยๆหน่อยแล้วกัน...
"งั้นในเมื่อที่นี่มีแค่ฉันกับนาย ทำไมเราไม่มาหาอะไรสนุกๆทำด้วยกันล่ะ?"
เรียวแขนเกี่ยวกระหวัดลำคอของหนุ่มนักกีฬาพลางพูดเย้าข้างหูด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย
ฉับพลันดวงตาเรียบนิ่งสีหม่นของบุคคลที่ยืนมองอยู่ด้านนอกก็ประกายวาวโรจน์จนน่าหวาดหวั่น
ซาวาดะ สึนะโยชิ
เบิกตาโพลงกัดฟันกรอดดูแล้วไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่พร้อมกระโจนฉีกทึ้งเหยื่อตรงหน้าอย่างไร้ปราณี
เคียวยะยิ้มเยาะ
เคลื่อนกายดึงรั้งอีกฝ่ายเข้าหาตัวมากยิ่งขึ้นจนกายทั้งสองแนบชิดกัน
"ฮะ.. ฮิบาริ" ยามาโมโตะที่ถูกดึงมาเป็นหมากของสงครามประสาทยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์
ใบหน้าคมแดงก่ำมือสองข้างเก้ๆกังๆขยับหาเพื่อกอดตอบร่างบาง
เพล้ง!
เสียงกระจกหน้าแตกทำให้ร่างนัวเนียทั้งสองสะดุ้งแยกห่างกัน
ยามาโมโตะผุดลุกขึ้นเดินสำรวจที่มาของเสียง ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าเป็นแค่กิ่งไม้ที่มากระแทกหน้าต่าง
"สงสัยจะโดนลมพัดมาน่ะ" เจ้าตัวพูดพร้อมโยนกิ่งไม้ออกนอกหน้าต่าง
แต่เคียวยะไม่คิดแบบนั้น
"ฉันจะออกไปดูข้างนอก"
"เอ๋? อ๊ะ! เดี๋ยวสิ..." ยามาโมโตะเรียกอีกฝ่าย
หากแต่เจ้าตัวก็เดินออกจากห้องไปก่อนหน้าแล้ว
รู้ตัวอีกทีร่างบางก็เผลอก้าวเดินเข้ามาในป่าอย่างไร้จุดหมาย
ด้วยเพราะตระกูลฮิบารินั้นรักความเป็นส่วนตัวมากคฤหาสน์จึงปลีกตัวออกจากตัวเมืองและล้อมรอบด้วยป่าทึบ
ทำให้ตอนมืดค่ำฤดูฝนบรรยากาศดูค่อนข้างเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ดวงตาสีนิลกวาดมองหาร่างคนที่หนีหายตามมุมต่างๆที่พอเป็นไปได้พลางใช้มือปัดกิ่งไม้ที่โน้มมาขวางทาง
ลมหนาวพัดวูบ
กลิ่นดินโชยแตะจมูก
ยิ่งรู้สึกปั่นป่วนใจเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องท่ามกลางความเงียบงัน
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขณะเงยหน้ามองท้องฟ้า
คงไม่ดีต่อร่างกายเขาที่ยังไม่ฟื้นไข้แน่หากไม่กลับเข้าที่พักตอนนี้
อากาศตอนกลางคืนช่างหนาวเหน็บ
เคียวยะเริ่มใจเสียเมื่อนึกได้ว่าลืมแม้กระทั่งเสื้อคลุมในตอนที่เดินออกมา
หงุดหงิดไม่น้อยที่เผลอหัวปั่นตามคนเอาแต่ใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
นี่มันไม่ใช่นิสัยของเขาด้วยซ้ำ
หมาบ้าอย่างมันมีสิทธิ์โกรธเขาด้วยหรือไง!
ห่าฝนที่เริ่มเทลงหนักจนเกิดเสียงกระทบดังซ่า
ทำให้เคียวยะตัดสินใจได้ไม่ยาก ชายหนุ่มหมุนตัวกลับตามทางที่เคยมา
แต่ระหว่างนั้นกลับมีเสียงบางอย่างดังแว่วมาเบาๆขัดจังหวะการเดิน ท่อนขาเรียวหยุดนิ่งห่างจากที่เดิมไม่กี่ก้าว
รู้ดีว่าพื้นที่ส่วนตัวนี้ไม่มีทางที่สัตว์ป่าจะออกมาเดินเล่นได้ ชายหนุ่มถอนหายใจ
ตอนตามหาตั้งนานไม่ยักโผล่หัวแต่พอจะกลับก็ดันออกมาง่ายๆเสียอย่างนั้น
ใบหน้าเรียวก้มต่ำส่งเสียงเรียกเบาๆท่ามกลางสายฝนอย่างเหนื่อยหน่าย
"สึนะโยชิ"
เสียงพุ่มไม้ด้านหลังสั่นไหวตอบรับ
ทันใดนั้นร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มก็พุ่งพรวดออกมา
กระโจนเข้ากอดคนที่เผลอตัวอยู่จนทั้งคู่เสียหลักไปนอนราบกับพื้น
เคียวยะปวดร้าวระบมแผ่นหลังที่กระแทกพื้น
เขากำหมัดชกสีข้างจนอีกฝ่ายส่งเสียงโอดโอย ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดละอ้อมกอด
ครั้นยังถูไถใบหน้ากับอกบาง เรียกเสียงก่นด่าและกำปั้นอยู่เนืองๆ
"เคียวยะออกมาตามหาผมเหรอครับ ดีใจจังเลย"
"หยุดนะเจ้าหมาบ้า!"
เคียวยะร้องเสียงหลงเมื่อใบหน้ากระล่อนนั้นเริ่มมุดใต้ชายเสื้อมาสัมผัสหน้าท้องเปลือยเปล่า
ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันยังทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนอยู่แท้ๆ
"สึนะโยชิ ฉัน..อ๊า บอกให้หยุด!"
มือปลาหมึกก็เริ่มโลมเล้านวดเฟ้นสะโพกสลับหยอกล้อด้านหน้าอย่างเบาแรง
ชายหนุ่มเผลอเกร็งหน้าท้องรับยามลิ้นร้อนตวัดเลียไปมาแล้วพ่นลมหายใจเป่ารดให้เกิดความกระสัน
เคียวยะหน้าแดงซ่านเหมือนคนไข้จับทั้งที่อุณหภูมิในกายเย็บเฉียบจนแทบหนาวตายเพราะฝน
"อึก ฮ่า.."
เวร!
เจ้าบ้านี่กำลังทำให้เขามีอารมณ์!!
เขาผิดที่ปล่อยให้คนตรงหน้ามีอิทธิพลกับตัวเขาได้ถึงขนาดนี้
เคียวยะถอนใจ อีกฝ่ายรู้จักร่างกายเขาแทบทุกส่วน
หมอนั่นรู้ดีว่าตรงจุดไหนจะทำให้เขารู้สึกดีหรือจุดไหนจะทำให้เขาปั่นป่วนมากที่สุด
"เคียวยะครับ.."
รู้สึกตัวอีกทีเสื้อของร่างบางก็ปลิวออกไปอยู่ข้างกายเสียแล้ว
ผิวกายขาวละเอียดเปียกชุ่มน้ำฝนที่ตกลงมาทำให้กายบางดูราวกับทอแสงจันทร์เรืองรอง
ตุ่มไตสีชมพูเด่นหราจนอยากเคลื่อนปากไปครอบครอง สึนะโยชิเรียกเขาด้วยเสียงแหบพร่า
กลืนน้ำลายลงคออย่างกระหายพลางทำสีหน้าออดอ้อนถึงความต้องการที่คับตุงกลางเป้า
ที่เจ้าตัวพยายามอดกลั้นไม่กระโจนใส่เขาโง่ๆอย่างที่ทำไปตอนแรก
เห็นอย่างนั้นก็อดเห็นใจไม่ได้ ฉวยจับมือหนามาสัมผัสแก่นกลางตนที่ชูชันไม่แพ้กันขณะที่แสร้งทำไม่สนใจด้วยพวงแก้มแดงก่ำ
"รับผิดชอบซะ"
สึนะโยชิยิ้มกริ่ม
ดีใจที่ไล่ต้อนจนเจ้าตัวออกปากเองสำเร็จ ใบหน้าคมโน้มลงไปมอบจูบแสนหวานอย่างล้ำลึก
เสียงชื้นแฉะบริเวณปากดังแข่งกับเสียงฝนที่กระทบใบไม้
มือหนายื่นไปปลดเข็มขัดให้อย่างอ้อยอิ่ง
ขอเพียงเขาได้มอบความสุขล้นจนแทบสำลักให้คนใต้ร่าง
ให้รับรู้ถึงความรักที่ทั้งชีวิตเขามีให้ที่ใครอื่นใดไม่อาจเทียบเคียงแค่คิดหัวใจก็พองโตดั่งลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
ดวงตาสีน้ำตาลหม่นทอดมองคนที่ตนรักสุดหัวใจ
หวนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ทำให้ควบคุมตัวเองไม่อยู่เผลอดูดเม้มริมฝีปากสีสดแรงๆจนบวมเจ่อ
"ฮิบาริ นั่นนายเหรอ?"
...!
ราวกับมีกระแสไฟแล่นปลาบขัดกระแสอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ
เคียวยะสะดุ้งตกใจรีบลุกขึ้นนั่งชันขา
ส่งผลให้เข่ากระแทกกลางเป้าเต็มแรงจนสึนะโยชิจุกน้ำตาเล็ดลงไปนอนแดดิ้นกับพื้น
มือเรียวคว้าเสื้อผ้าของตนมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
ฝนเริ่มซาแล้ว
เคียวยะมองเห็นแสงไฟไกลๆคงเป็นยามาโมโตะนึกดังนั้นก็คิดจะลุกเดินไปหาอีกฝ่าย
เพราะการเปลือยท่อนบนตากลมตากฝนอยู่เนิ่นนานแบบนี้รังแต่จะส่งผลเสียกับตัวเขาที่ยังไม่หายบาดเจ็บดี
ทว่าไม่ทันได้ทำดังที่คิดกลับถูกคนมือดีปิดปากกระชากตัวเขาดึงรั้งแผ่นหลังใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางมาแนบชิดอกเปียกชื้นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงข้างหู
เสียงฝีเท้าย่ำใบไม้กรอบแกรบสลับกับแสงไฟฉายที่สาดส่องไฟมาภายใต้สายฝน
ทำให้เคียวยะเผลอกลั้นหายใจ
นิ้วเรียวจิกเล็บลงบนท่อนแขนหนาที่กอดรัดเอวทุกครั้งที่แสงเฉียดใกล้ตัวพวกเขาทั้งสอง
ไม่นานนักการเคลื่อนไหวของยามาโมโตะก็หยุดลง จังหวะนั้นหัวใจร่างบางเต้นรัวแรงเผลอกลั้นหายใจพลางขยับเคลื่อนถอยกายแนบชิดคนข้างหลังมากยิ่งขึ้นจนแทบหลอมรวมกัน
"..."
ยามาโมโตะถอนหายใจเมื่อไร้วี่แววของเพื่อนสนิท
เขาหมุนตัวเดินกลับไปหาทางอื่นพร้อมก้าวขายาวๆจากไปอย่างรวดเร็วด้วยใจร้อนรน
"ฮ๊า! พอแล้ว"
เคียวยะส่งเสียงครางเมื่อมือหนาปล่อยปากบางให้เป็นอิสระ
หัวทุยๆของสึนะโยชิไซร้ซอกคอเขาอย่างหื่นกระหายทันทีที่เพื่อนของเขาหันหลังใส่
และมันเป็นเรื่องยากมากที่เคียวยะต้องกลั้นเสียงไว้จนกว่ายามาโมโตะจะเดินพ้นไป
ชายหนุ่มกัดฟันข่มอารมณ์ที่กำลังจะโดนปลุกเร้าเพื่อสานต่อเรื่องที่ค้างคา
ฟันศอกเข้ากลางลิ้นปี่เต็มแรงแม้ความรุนแรงจะเทียบตอนใช้ทอนฟาไม่ได้
แต่เขามั่นใจว่าคงทำให้เจ้าหมาติดสัดนี่ได้สติ
"เคียวยะผมเจ็บ.."
"ใครสั่งให้ทำรอยจูบ!"
"รักของผมไงครับ"
แล้วสึนะโยชิก็ได้รับหมัดเสยคางเป็นค่าตอบแทน
"เฮ้อ..."
เคียวยะถอนหายใจกับเอกสารกองพะเนินที่ต้องพิจารณาในช่วงที่เขาหายไปพักรักษาตัวร่วมหนึ่งสัปดาห์
คุซะก็ช่วยไปตั้งครึ่งนึงทำไมมันยังเยอะขนาดนี้กันนะ
มือเรียวที่จับปากการ่วมชั่วโมงละมานวดหว่างคิ้วคลายความเมื่อยล้า
"เหนื่อยงั้นเหรอครับ" เจ้าของผมทรงรีเจนต์ผู้มาใหม่เอ่ยถามพร้อมวางถ้วยน้ำชาที่ยังมีควันจางๆลอยคลุ้งลงบนโต๊ะ
กลิ่นหอมอ่อนๆช่วยให้คนล้าผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
"อือ" เคียวยะครางรับในลำคอขณะจิบชาอย่างละเมียดละไม
"แล้วเรื่องที่ฉันสั่งให้ไปทำเป็นไงบ้าง"
"คนสั่งการเป็นหนึ่งในผู้นำตระกูลรองของทางเราครับ
เขาระวังตัวจัดเลยสืบหาต้นตอได้ช้ากว่าที่ควร" มือตอกปึกเอกสารกับโต๊ะให้ทุกด้านเรียบเสมอกัน "ดูเหมือนเพราะมีข่าวการสูญเสียอดีตผู้นำกะทันหันจึงเป็นโอกาสให้พวกเขาวางแผนยึดตระกูลหลัก
ตอนนี้ผมให้คนของเราจัดการถอนรากถอนโคนหมดแล้วครับ"
"หึ กับอีแค่ถูกเด็กคราวลูกขึ้นกดหัวเป็นผู้นำก็วิ่งเต้นทนไม่ได้"
ชายหนุ่มหัวเราะเย้ยหยันในลำคอ
ดวงตาเรียวสีนิลพินิจมองเข็มกลัดสีเงินสัญลักษณ์ตระกูลในมือ
"จริงสิครับคุณเคียว คุณยามาโมโตะมารอพบอยู่ที่ห้องรับแขก
จะให้ผมบอกเขาไหมครับว่าคุณไม่ว่าง"
"ไม่ต้อง" เขาผุดกายลุกออกจากโต๊ะผ่านร่างสูงของลูกน้องคนสนิทที่มีสีหน้ามึนงงกับการกระทำของเจ้าตัว
"เอ่อ..คุณเคียวครับ" คุซาคาเบะเหงื่อตกรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะมีงานเพิ่มขึ้น
"ฉันเบื่อแล้ว นายจัดการเอกสารพวกนี้ให้หมดแล้วกัน"
และใช่..
เขาคิดถูก
ตลอดช่วงชีวิตสิบเจ็ดปี
ฮิบาริ เคียวยะ เกลียดการถูกช่วงชิงอิสระมากกว่าสิ่งไหน ชายหนุ่มทำหน้าทะมึนทึงใบหน้าครึ่งล่างถูกมือหนาบดบังไว้
แต่เดาไม่ยากว่าริมฝีปากสีสดนั้นต้องคว่ำลงอย่างไม่สบอารมณ์แน่ๆ
"โอ๊ย! เคียวยะกัดผมทำไมครับ"
สึนะโยชิปล่อยใบหน้าของร่างบางให้เป็นอิสระทันทีราวกับโดนน้ำร้อนลวกใส่
มือหนากางออกเผยให้เห็นรอยฟันและเลือดที่ไหลซิบจางๆ
"คิดจะทำอะไรเนี่ย"
เคียวยะถลึงตาทำท่าทางตะคอกด้วยน้ำเสียงกระซิบ
ไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าตัวเองถูกมือดีฉวยโอกาสตอนไม่ระวังลากตัวเข้ามานอนเล่นในดงพุ่มไม้
ทำไมชีวิตเขามันถึงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ใต้พุ่มไม้เลยกันนะ หรือหมาชอบอยู่ตรงพุ่มไม้?
แบบนี้สั่งให้คนโค่นทิ้งให้หมดคงดี
"ผมเหงานี่ครับ เคียวยะทำแต่งานไม่สนใจผมเลย"
ถึงน้ำเสียงจะฟังดูน่าสงสารแต่ลิ้นยาวที่เลียแผลฝ่ามือไม่ต่างจากสัตว์ที่บาดเจ็บ
เห็นแล้วก็รู้สึกจั๊กจี้ชอบกล
"นายมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ในคฤหาสน์นี้อยู่แล้วจะเหงาอะไรอีก" เคียวยะถอนหายใจ
อยู่กับเจ้านี่แล้วเขามักติดนิสัยถอนหายใจบ่อยๆอยู่เสมอ "ไอ้นิสัยชอบทำตัวหลบๆซ่อนๆตามพุ่มไม้เนี่ย
คิดว่าตัวเองกลายเป็นหมาจริงๆไปแล้วหรือไง"
"โฮ่ง"
คำตอบของคนที่นั่งยองๆยิ้มระรื่นราวกับมีหูและหางโบกสะบัดนั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิดมากไปอีก
มือบางดันใบหน้าอีกฝ่ายขณะที่อีกข้างก็พยายามแกะแขนที่เกี่ยวเอวตน
"พอได้แล้ว ฉันมีนัด"
ใบหน้าหล่อเหลาหุบยิ้มลงทันควัน
ดวงตาสีหม่นฉายแววเย็นยา สีของมันเข้มจนเกือบคล้ายดวงตาดำสนิทของเคียวยะ
"ยามาโมโตะ ทาเคชิ"
"นายรู้"
ท่อนแขนกอดรัดแน่นยิ่งขึ้น
สึนะโยชิส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจคล้ายเด็กโดนแย่งของเล่น
"ผมเกลียดเขา"
สึนะโยชิเข้าใจธาตุแท้ของชายคนนั้น
สายตาที่มองด้วยความต้องการ
ใจที่คิดเกินเลยและอยากสานสัมพันธ์กับร่างบางทำให้เขาแทบบ้า
ชายหนุ่มกัดฟันกรอดหวนนึกถึงตอนที่มันขโมยจูบร่างบางยามหลับใหลเมื่ออาทิตย์ก่อน
และยิ่งโกรธแค้นมากยิ่งขึ้นเมื่อมือสั่นๆนั่นเคยพยายามเอื้อมมากอดก่ายเอวเล็กของคนตรงหน้า
เขาเสยผมตัวเอง
ทีแรกก็คิดว่าจะปล่อยทำเป็นไม่สนใจแต่มันก็ยังหน้าด้านมาที่คฤหาสน์อีก
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแวววับด้วยความอาฆาต
ในเมื่อแตะต้องเคียวยะของเขามันก็จะไม่มีโอกาสได้หายใจบนโลกต่อไป
ลิ้นร้อนแลบเลียลำคอขาวสัมผัสกลิ่นกายหอมหวานชวนลุ่มหลง อา เคียวยะช่างน่ารักเหลือเกิน...
"หมอนั่นเป็นเพื่อนฉัน"
เสียงราบเรียบขัดกระแสอารมณ์ที่อีกฝ่ายพยายามเล้าโลม
"ห้ามฆ่าล่ะ"
ฉับพลันร่างทั้งร่างของสึนะโยชิก็กระตุก
ใบหน้าคมมีเหงื่อผุดออกตามไรผมไม่ต่างจากคนที่ถูกจับได้ว่าคิดเรื่องไม่ดี เขายิ้มจนตาหยีส่งเสียงหัวเราะแหะๆแก้เก้อ
"นี่คิดจะฆ่าจริงๆสินะ"
"โถ่..เคียวยะ" สึนะโยชิส่งเสียงร้องอย่างอ่อนใจแต่ก็ไม่คิดเถียง
ซบหน้าลงบนบ่าเล็ก เหลือเพียงคราบหมาน้อยตาใสไร้พิษภัยที่กำลังออดอ้อนเจ้าของ
"พวกเราน่าจะหนีไปอยู่ด้วยกันตามลำพัง"
"ไร้สาระน่า"
"แล้วก็มีลูกสักสามคน"
ไอ้หมาบ้านี่มันเพ้อเป็นตุเป็นตะอะไรของมัน
เคียวยะพยายามดันตัวเองออกจากท่อนแขนเหนียวแน่นเหมือนแปะกาวแต่ก็ไม่ได้ผล
"ปล่อยฉันสักที"
"ไม่ครับ ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปจากชีวิตผมเด็ดขาด"
เออ..
เยี่ยม
อยู่ด้วยกันตรงนี้จนฟ้าดินสลายเลยไอ้บ้า
เคียวยะกรอกตานับวันยิ่งพูดจาเอาแต่ได้จนน่าเหนื่อยใจ
เมื่อคิดได้ว่ามันคงไม่ปล่อยเขาไปจริงๆแน่ ไวกว่าความคิดมือบางประคองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วประกบทับด้วยริมฝีปากทันที
รู้สึกตัวเองบ้าบิ่นมากที่เป็นคนส่งลิ้นเข้าไปกวาดควานหาความหวาบหวามในโพรงปากร้อนระอุ
มันเหมือนมีดวงไฟเล็กๆแล่นผ่านแผดเผาทั่วร่างเขา
ใบหน้าขาวดั่งหิมะแดงก่ำคล้ายผลไม้สุกงอมอีกทั้งอาการมวลท้องจากปีกผีเสื้อที่กระพือตีทั่วภายในจนร่างกายบิดเร่า
สึนะโยชินั่งนิ่งเป็นหุ่นปูนปั้น
ดวงตาสีทึบเคลื่อนไหวไปมาสังเกตการณ์กระทำของร่างบางโดยคิดไม่ตอบโต้
ตึก
แต่เหมือนเขาจะทนได้ไม่ถึงครึ่งนาทีด้วยซ้ำ
เคียวยะที่ผละออกมายังไม่ทันสูดลมหายใจให้เต็มปอดมือหนาก็คว้าท้ายทอยดันใบหน้าหวานตอบรับจูบอันหนักหน่วง
สึนะโยชิผลักเคียวยะลงไปนอนกับพื้นช้าๆโดยไม่ละจูบออกจากกัน
เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อปลายลิ้นเล็กจนเคียวยะละอายจูบของตัวเองที่ช่างอ่อนหัดเหมือนกับเด็กๆ
เปลือกตาบางปรือมองเห็นแพขนตาสลวยที่เปียกชุ่มหยาดน้ำตาจางๆ
เป็นไปได้ร่างสูงก็อยากหยุดเวลาอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหน
แต่สุดท้ายก็ต้องถอดใจเมื่อกำปั้นเล็กทุบอกให้รู้ว่าควรหยุดก่อนที่มันจะเลยเถิด
ชายหนุ่มพรมจูบทั่วไปหน้าก่อนจะยกตัวผู้นำตระกูลขึ้นมานั่งตักตัวเองเหมือนก่อนหน้า
แม้ใจจริงเขาจะไม่สนสักนิดว่าจะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขาเกิดมาเล่นหนังสดกันตรงนี้
แต่นึกถึงแผ่นหลังบางที่ถูกเศษหินและกิ่งไม้ครูดเป็นทางเมื่อคราวก่อนก็ทำให้สึนะโยชิต้องข่มอารมณ์บ้าคลั่งในตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งมองใบหน้าแดงก่ำของคนที่เอนกายซบหอบหายใจข้างลำคอเขาอย่างไม่ระแวดระวังภัยแล้ว...
มันน่าอุ้มไปมีเซ็กส์ที่ไหนเงียบๆสักที่จริงๆ
"แฮ่กๆ ฉันจะพูด แค่ครั้งเดียวนะ.."
"ครับ" ชายหนุ่มเผลอกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสบตากับใบหน้าแดงก่ำที่มีหยาดน้ำลายสีใสไหลลงมาตามมุมปาก
อืม.. อีโรติกชะมัด
"เลิกหึงไปทั่วเหมือนหมาบ้าสักที" เสียงหวานแผ่วลงจนคล้ายกระซิบ
แต่เพราะใบหน้าคนทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจึงไม่เป็นผล "เพราะฉันยอมทำแบบนี้กับนายแค่คนเดียว"
ตึกตัก ตึกตัก
โอ้..
โอ้...!!
เหมือนกับมีใครมาตีกลองรัวในอก
เสียงระฆังดังก้องกังวานข้างหูช่างไพเราะเพราะพริ้ง
สึนะโยชิรู้สึกมีความสุขจนแทบสำลักตาย ใบหน้าคมซบลงกับฝ่ามือตัวเองบดบังใบหน้าที่แดงเถือกไปจนถึงหู
เขาหุบยิ้มไม่ได้เลยตอนนี้
สารภาพรักเหรอ
เคียวยะสารภาพรักเหรอ!!!
"ผมอยากมีลูกกับคุณไวๆจัง"
"บอกว่าให้หยุดพุดเรื่องไร้สาระไง"
สึนะโยชิแกล้งทำหูทวนลม
ฝ่ามือข้างที่ไม่มีแผลลูบไล้หน้าท้องบางเบาๆเหมือนกับจะมีสิ่งมีชีวิตน้อยๆเกิดขึ้นมาจริงๆ
"ลูกผู้หญิงคงสวยเหมือนแม่ แต่ถ้าเป็นผู้ชาย... ไม่ ไม่เอาผู้ชาย"
เคียวยะได้แต่ฟังอีกฝ่ายพร่ำบ่นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
มันบ้าจนกู่ไม่กลับแล้ว
เปลือกตาคู่สวยหลับลงกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวสึนะโยชิทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเสมอ
ในใจลึกๆตัวเขาเองก็ไม่ได้รำคาญหรือรังเกียจการเข้ามายุ่มย่ามทำตัวเองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของแบบนี้
แต่จะบอกว่ากับทุกคนก็เหมือนกันก็ไม่ใช่..
เคียวยะแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกหอมหวานอ่อนระทวยอย่างที่ใครเขาเรียกกันว่ารัก
มันเรียบง่ายกว่านั้น คล้ายโชคชะชาที่ถูกผูกโยงเข้าด้วยกัน
ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ไม่ต่างกันเขาเองก็อยากผูกมัดอีกฝ่ายไว้กับตนและประกาศให้คนอื่นๆได้รู้ว่า
"นายเป็นหมาของฉันคนเดียวนะ"
ทันใดนั้นเสียงบ่นเจื้อยแจ้วไม่หยุดของสึนะโยชิก็เงียบหายราวกับมีใครมากดปิดสวิตซ์เครื่องเล่นเทปฉับพลัน
เคียวยะรู้ทันทีว่าตัวเองทำพลาด
เขาลืมตาขึ้นช้าๆสบตากับดวงตาสีน้ำตาลหม่นสั่นระริกปิดความต้องการไม่มิด
แย่ล่ะ...
เผลอหลุดปากไปจนได้
ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมาแขนแกร่งสอดใต้หลังและข้อพับอุ้มร่างบางที่ดิ้นไปมาด้วยใบหน้าแดงก่ำตรงขึ้นห้องนอนผู้นำตระกูลทันที
"สึนะโยชิ! หยุดนะ อ๊ะ! อ๊า..."
ดูท่าว่าบทรักวันนี้คงอีกยาวไกล.....
สี่ชั่วโมงผ่านไป
น้ำชาถูกดื่มจนหมดอีกครั้งเป็นแก้วที่สิบ ยามาโมโตะหัวเราะแก้เก้อ หยาดน้ำตาซึมออกจากหางตาภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม "ฮิบาริ ยังไม่มาอีกเหรอ"
Talk
With FONG(Writer)
จะ.. จบแล้วค่า แชปนี้ยาวสุดเท่าที่เคยทำมาเลย
เป็นตอนพิเศษสำหรับขอบคุณยอดเฟบเกินหนึ่งร้อยค่ะ
ไม่คิดเลยว่าจะมีคนชอบงานดาร์กของตัวเองขนาดนี้ *หัวเราะ*
ที่จริงฉันตั้งใจว่าจะแต่งแค่ประมาณสิบถึงสิบห้าหน้าแต่ดันกลายเป็นว่าไม่รู้จะจบยังไงดี
สุดท้ายก็เลยเปิดฉากให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้วก็ตัดจบแบบดื้อๆเลยเพราะมันเป็นตอนพิเศษนี่เนอะคงไม่น่าแปลกเท่าไหร่
ที่มันเป็นตอนพิเศษก็เพราะสึนะโยชิได้รุกนั่นเอง...
มีใครสนใจนั่งดื่มน้ำชาเป็นเพื่อนยามาโมโตะไหมคะ?
ด้วยรัก
ฟง จิ้งจอกสีชาด
ความคิดเห็น