ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ KHR reborn ] short fic 1827 5927 6927 2718 X27 G27 10027 127 8027 R27 0027 All27

    ลำดับตอนที่ #3 : 6927 คำลวง

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 62


     





     Chapter THREE คำลวง




    ซาวาดะ สึนะโยชิ คิดว่าบางทีเรื่องทั้งหมดอาจเป็นแค่ความฝัน..

     

     

                หยาดโลหิตสีแดงชาดปรากฏชัดเจนในวิสัยทัศน์ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง กลิ่นเหม็นไหม้จากเขม่าดินปืน ทุกสิ่งตีปนกันจนประสาทรับรู้เพี้ยนไปหมด

     

     

    แต่ความฝันนี้ช่างโหดร้ายจนอยากจะตื่นเสีย

                                                                      

     

                ลำคอตีบตันแน่นจนหายใจแทบไม่ออก เหงื่อไคลไหลย้อมทั่วใบหน้าทั้งที่อุณหภูมิติดลบ ดวงตาพร่าเลือนกับใบหูที่อื้ออึงเงยหน้าพยายามอ้าปากสูดลมหายใจเข้าอย่างยากลำบาก

     

     

    หรือบางที..

     

     

                เขาพยายามรีโหลดลูกกระสุนแต่มือนั้นสั่นเทาจนแทบคุมไม่อยู่..  

     

     

    เขาอาจไม่มีวันตื่นจากฝันตลอดกาล

     

     

                ลางสังหรณ์สุดยอดร้องเตือนภัยจนใจเต้นระรัว บอสหนุ่มกระชับปืนในมือแน่นเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรู เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ก็เผยกายจากที่ซ่อนเร้นแล้วเหนี่ยวไกปืนอย่างไร้ความลังเล..

     

     

     

     

    ปัง! ปัง! ปัง!

     

     

    แต่ทิศทางที่ลูกกระสุนถูกลั่นไกกลับมีเพียงกองซากศพ.....

     

     

                สึนะหายใจถี่เร็วด้วยความตื่นตระหนก ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้... ความเจ็บปวดทั่วร่างตอกย้ำให้เจ้าตัวรับรู้ถึงโลกความเป็นจริง ชายหนุ่มลดปืนในมือลงเหมือนคนหมดแรง นี่เขาทำบ้าอะไรอยู่..?  ประสาทหลอนจนลางสังหรณ์เพี้ยนไปแล้วหรือไรกัน แค่นหัวเราะให้ความโง่เง่าของตัวเอง

     

                ไม่มีผู้คุม ไม่มีพันธนาการ กระสุนปืนพกที่เหลืออยู่สามนัดสุดท้ายถูกใช้อย่างไร้ประโยชน์ สึนะกำหมัดแน่นพลางขยับร่างกายลุกขึ้นยืนอย่างปวดร้าว แขนขวาร้าวจากการตกลงมาจากที่สูง เจ็บ.. เสียจนแทบยืนไม่อยู่ ปืนพกที่มีไม่ต่างจากขยะไร้ค่าจึงโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ชายหนุ่มกัดฟันฝืนความเจ็บเดินสำรวจซากปรักหักพังของปราสาทในความมืด ก้าวผ่านซากศพของเหล่าลูกน้องที่เคยใช้ชีวิตรับใช้เขามาตลอดจนลมหายใจสุดท้าย หัวใจพลันปวดหนึบยามนึกย้อนถึงวันวาน

     

                เหม่อมองเรียวนิ้วที่ว่างเปล่าจนรู้สึกโหวงอย่างประหลาด แต่ก็โยนความสงสัยทิ้งไป..ตอนนี้มีเรื่องอื่นสำคัญกว่า ไม่มีเวลามานึกถึงวองโกเล่หรอก.. จนในที่สุด..ก็เดินมาจนถึงหน้าประตูห้องของตัวเอง ที่ซึ่งถูกปิดสนิทไร้ซึ่งเค้าลางของการถูกจู่โจม บางทีห้องนี้คงเป็นเพียงห้องเดียวที่ยังคงปลอดภัย

     

                สึนะหยุดหอบหายใจ เขารู้สึกขลาดเกินกว่าจะผลักประตูบานนี้เข้าไปเพราะลางสังหรณ์มันร้องเตือนถึงบางสิ่งที่อยู่เบื้องหลังประตูบานใหญ่ เขาคว้าเศษกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงบนพื้นชิ้นหนึ่งมาเก็บไว้ ท่อนขาสั่นเทาจนแทบยืนไม่อยู่ สิบปีที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้นิสัยความเป็นเจ้าห่วยหายไปเลย กลับกันมันแค่ถูกเก็บซ่อนไว้และมักเผยออกมาทุกครั้งยามจิตใจสั่นคลอน

     

                “ทุกคน.. ฉันต้องช่วยทุกคน..

     

                ชายหนุ่มพูดหวังสะบัดความหวาดกลัวที่เกาะกุมใจตัวเอง ตอนนี้ความเป็นห่วงแฟมิลี่เขามีมากกว่าสิ่งใด ขอร้องล่ะ ขอให้ทันเวลาที ขอให้ทุกคนปลอดภัย..

     

     

                 แกร๊ก แอด..

     

                !

     

                เสียงกลอนประตูถูกปลดพร้อมกับบานประตูที่แง้มออกช้าๆ โดยที่ยังไม่ถูกเขาแตะต้องใดๆ คล้ายระเบิดเวลาที่รอคนมาเหยียบอย่างใจเย็น ชายหนุ่มมองบานประตูด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนจะข่มใจก้าวเข้าไปตามคำเชื้อเชิญ

     

     

                “ทุกคน..!”

     

     

                ชั่วพริบตาที่เปิดประตูเข้ามาก็เผลอหลุดเสียงเรียกออกไปแต่ทว่าเสียงของเขากลับขาดหายไปกลางคันดั่งถูกตัดหาย กลิ่นคาวคละคลุ้งตีขึ้นมาจนอยากอาเจียน ไม่ทันเสียแล้ว..

     

     

     

                ผู้พิทักษ์เขา..

                ครอบครัวของเขา..

     

     

     

                เหมือนมีใครเปิดเทปกรอในสมอง เสียงของบรรดาผู้พิทักษ์ในวันวานที่เคยมีดังวนซ้ำไปซ้ำมา เสียงที่เอ่ยเรียกเขา เสียงหัวเราะของพวกเขา

     

     

                “ไม่นะ..

     

                หยาดน้ำตาร่วงหล่น เจ็บปวดใจเหมือนถูกหอกเสียดแทงทะลุไปถึงข้างหลัง สึนะยกมือปิดหูพลางส่ายหน้าไปมาความเจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงอยู่ในหัวทั้งความทรมาณจนหายใจไม่ออกทำให้เขาแทบเป็นบ้า ได้เพียงหวังให้เสียงที่คอยหลอกหลอนตนหายไป

     

                “พอ.. พอสักที

     

                 เขาวิงวอนอย่างอ่อนแรง

     

     

     

                วายุ.. พิรุณ.. อรุณ.. อัสนี..

              กวาดตาดูเพียงเท่านั้นก็ไม่อาจข่มใจดูได้อีก แต่ลางสังหรณ์ที่แม่นจนเกินพอดีก็ทำให้คาดเดาได้ไม่ยาก...

     

     

                หมด.. หมดสิ้นแล้วแฟมิลี่ของเขา

     

     

     

               

                 “ทำไมถึงต้องทำให้มันเป็นเรื่องยากด้วยล่ะครับ?”

     

                ฉับพลันแว่วเสียงที่ดังกึกก้องจนหัวแทบแตกก็พลันหายเงียบไป ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บอสวองโกเล่หนุ่มทรุดตัวลงนั่งกับพื้นที่เต็มไปด้วยคราบเลือด สึนะดวงตาเบิกโพลงสะบัดหัวไปมาเพื่อเรียกสติ พยายามปรับจังหวะลมหายใจตัวเองให้เป็นปกติ

     

                “ทั้งที่ถ้ายอมรับข้อเสนอตั้งแต่แรก คงไม่เป็นแบบนี้แล้วแท้ๆ

     

                ท่ามกลางศพนั้น มีเพียงผู้เดียวที่ยืนอยู่.. เรือนผมสีไพลินกับกลิ่นอายชวนอึดอัด ชายหนุ่มสะบัดหอกสามง่ามที่เปรอะเลือดในมือ ดวงตาต่างสีจ้องมองมาราวกับมองทะลุทุกสิ่ง

     

     

     

                พลั๊วะ! โครม!!

     

     

                ปลายกระจกสะท้อนแสงมันวาวจนเห็นความคมที่จ่อนิ่งอยู่ปลายคางของคนที่ถูกผลักลงไปนอนกับพื้น ดวงตาสีไพลินงามกับทับทิมแดงสดจ้องมองมาอย่างเรียบเฉยขณะที่มุมปากกลับยกยิ้ม

     

                สึนะกัดฟันแน่นข่มอารมณ์โกรธแค้นที่กำลังจะประทุอยู่เต็มอก มือกำเศษกระจกที่จ่อคออีกฝ่ายแน่นจนเจ็บแปลบเมื่อถูกความคมของมันบาดมือจนเป็นแผลยาว ไม่รู้เพราะความเหนื่อยล้าหรือความโกรธแค้นกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกพร่าเลือนจนแทบคุมสติไม่อยู่

     

                “คึหึหึ ทุกอย่างมันเป็นเพราะคุณนั่นแหละใบหน้าคมยิ้มเยาะเอียงคอพลางเอ่ย

     

                “หุบปากซะ มุคุโร่

     

                ของมีคมถูกกดลงแนบลำคอบาดลึกจนเลือดไหลปนกับหยดเลือดจากมือเจ้าตัว ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินแย้มยิ้มกว้างยามเห็นดวงตาที่สะท้อนความชิงชังจากผู้เป็นนภา

     

                “คุณคิดจริงๆเหรอว่าสภาพแบบนี้จะทำอะไรผมได้?”

     

                ชายหนุ่มย้อนถามใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มชวนอึดอัดแม้ลำคอจะยังถูกของมีคมกดทับอยู่ก็ตามที

     

                 “ตัวคุณที่ไร้อาวุธและพลัง.. เขาปรายตามองแขนข้างที่อีกฝ่ายใช้การไม่ได้ ส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะกระชากท่อนแขนอย่างแรงจนบอสวองโกเล่เสียหลัก ไหนจะแขนนี่อีก

     

                “อึก!!” สึนะเสียหลักล้มไปนอนกับพื้นแทนที่มุคุโร่ อาวุธสุดท้ายที่อยู่ในกำมือกระเด็นหลุดไกลห่างจากตัวแต่หาได้มีใครสนใจไม่ ชายหนุ่มนอนกุมแขนตัวเองพยายามข่มอาการทรมาณอย่างแสนสาหัส

     

                สึนะเหลือบตามองชายหนุ่มเจ้าของเสียงหัวเราะเอกลักษณ์ ใบหน้าคมยังคงฉีกยิ้มเย้ยหยันให้ตัวเขาที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย ความเจ็บปวดถามโถมจนร่างกายไม่สามารถแม้แต่จะกระดิกปลายนิ้ว สึนะกัดลิ้นหวังให้ความเจ็บปวดช่วยรั้งไม่ให้สติตัวเองหายไป จนสัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก ไม่ เขาจะหมดสติไม่ได้เด็ดขาด..

     

     

                แต่ถึงกระนั้น.. ใบหน้าโน้มลงมากระซิบข้างหู หลับฝันดีนะครับ.. ทันทีที่พูดจบ สติอันน้อยนิดของนภาแห่งวองโกเล่ก็ดับวูบไป

     

     

     

     

     

     

     

    ***********************************************

     

     

     

     

     

     

     

     

                สึนะรู้สึกว่าเขาลืมตาแล้ว.. หากแต่ภาพที่ปรากฏแก่สายตากลับมีเพียงความมืดมิด เขาพยายามใช้แขนดันตัวเพื่อลุกขึ้นนั่งแต่ก็ไม่สำเร็จ ข้อมือทั้งสองถูกมัดไขว้หลังอย่างแน่นหนาจนรู้สึกเจ็บแสบไปหมด

     

                “ทำไมไม่ฆ่าฉันสักทีล่ะ?”

     

                สิ้นคำพูดนั้นชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินผู้เฝ้ามองบอสวองโกเล่ก็เผยรอยยิ้มกว้าง เขาย้ายตัวมาทรุดลงนั่งบนเตียงข้างกายชายที่ถูกพันธนาการ มือหนาที่สวมถุงมือดำเชยคางอีกฝ่ายขึ้นจากเตียงแต่กลับถูกสะบัดหน้าหนีออกอย่างนึกรังเกียจ

     

                “ความตายของคุณไม่ใช่เป้าหมายครับ

     

                มุคุโร่ยกมือกลับมาวางเท้าที่เตียงดังเดิม เขาสัมผัสได้ถึงกระแสความเกลียดชังจากอีกฝ่ายพลอยให้เจ้าตัวหลุดเสียงหัวเราะเอกลักษณ์ออกมาเสียมิได้

     

     

                ทั้งที่แกเป็นคนฆ่าแฟมิลี่ของฉันแท้ๆ

     

                เค้นเสียงพูดเจือปนด้วยความโกรธแค้น ทั้งที่เชื่อใจ.. ทั้งที่คิดว่าเป็นพวกเดียวกัน.. เจ็บใจนัก

     

                “คุณมันเชื่อคนง่าย..ราวกับล่วงรู้ความคิด จากเสียงทุ้มนุ่มกวนประสาทกลับกลายเป็นโทนนิ่งลึกยากจะคาดเดาความคิด เสียใจหรือ..? เขาเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เช่นกัน

     

                “จะบอกว่าฉันโง่เองที่หลงไว้ใจแกงั้นสิ..?”

     

                แต่ผู้เป็นนภาหาได้สน..

     

                “อันที่จริง..นิ้วเรียวยาวยกจับคางอย่างคนใช้ความคิด แต่แท้จริงแค่แสร้งทำ.. คำตอบน่ะมีอยู่นานแล้ว..  สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดก็คือการที่คุณเป็นบอสมาเฟียไงล่ะครับ

               

     

                ชั่วขณะนั้นร่างของผู้เป็นบอสกลับนิ่งงัน ใบหูอื้ออึงลืมทุกสิ่งไปชั่วขณะ กับคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน อะไรกัน..เขาเอ่ยถาม ทว่าเสียงที่ออกมามันกลับขาดห้วงจนฟังแทบไม่เป็นคำเสียนี่  เหตุใดจึงนึกเชื่อในเมื่อรู้อยู่แก่ใจ โกหก.. เพื่อหวังครอบครองร่างกาย..

     

                ชายหนุ่มรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาก เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง จะบอกว่าที่ทุกคนตายเป็นเพราะฉันรึไงกัน?” จะแต่งเติมเสริมปั้นอย่างไรอีก..

     

                สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ ของคู่สนทนาคล้ายกับจะช่วยยืนยันคำตอบนั้น

     

                “ไม่จริง เรื่องแค่นั้นนายถึงกับ..ในใจร้องปฏิเสธว่าไม่ใช่ความจริง แต่ดวงตาแน่วแน่ที่สะท้อนกลับมาทำให้สึนะลังเล เพราะดวงตาคือหน้าต่างแห่งหัวใจ แม้กระทั่งผู้หลอกลวง...

     

                “ถ้างั้นจะลองดูไหมละครับ..?”

     

                ทันใดนั้นจากวิสัยทัศน์ที่มืดสนิทก็ฉายภาพชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา สึนะหรี่ตาด้วยความไม่คุ้นชิน เพราะถูกผ้าปิดตามัดไว้เป็นเวลานาน เมื่อเริ่มมองเห็นเป็นปกติ อักขระบนดวงตาสีแดงสดก็เปลี่ยนไป..

     

                “ความจริงที่อยู่ในความทรงจำ

     

                สึนะรู้สึกปวดหัว เขาเหมือนเห็นภาพซ้อนแทรกเข้ามาจนสับสนไปหมด ดวงตาพร่าเลือน ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าของชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินกำลังแย้มยิ้มให้กับเขา ทว่าดวงตาคู่นั้น.. ช่างดูเศร้าเหลือเกิน...

     

     

                “ไม่ใช่เพราะคุณ แต่เป็นตำแหน่งของคุณต่างหากล่ะครับ..

     

                มุคุโร่พูดเบาๆ พลางลูบเรือนผมสีน้ำตาลนั้นอย่างทะนุถนอม ใบหน้าคมฉายแววอ่อนลง ดวงตาต่างสีทอดมองร่างของผู้เป็นนภาอย่างไม่ละสาย..

     

     

     

     

     

     

    ***********************************************

     

     

     

     

     

                อึดอัด.. ทรมาณ..

     

     

     

                สึนะรู้สึกเหมือนร่างตัวเองกำลังจมลึกลงไป.. ลึกลงไปเรื่อยๆ ด่ำดิ่งลงราวกับมหาสมุทรที่ไร้ก้น เขาตะเกียกตะกายใช้สองมือปิดปากปิดจมูกไม่ให้สำลักน้ำเข้าปอด แต่ในท้ายสุดร่างกายเขาก็เกิดขีดจำกัด

     

                อากาศเฮือกสุดท้ายลอยออกไปพร้อมมวลน้ำมหาศาลที่เข้ามาแทนที่ เขาพยายามคายออกแต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตามสั่ง การตะเกียกตะกายเพื่อเอาอากาศเข้าปอดกลับกลายเป็นการคร่าชีวิตตัวเองเสียนี่

     

               ในปอดแน่นไปหมด ร่างกายหนักอึ้ง แขนขาก็ไร้เรี่ยวแรง.. ชั่วขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะหมดสิ้นสติ ดวงตาสีเปลือกไม้พลันเหลือบไปเห็นร่างของคนคุ้นเคยซึ่งถูกพันธนาการไว้ ภายใต้น้ำอันเย็นเฉียบ

     

     

     

     

    โรคุโด มุคุโร่

     

     

     

     

               ทันใดนั้นมวลความรู้สึกทั้งหลายกลับหายไปเป็นปกติ สึนะรู้สึกได้ว่าตัวเองอยู่ใต้ผืนน้ำแต่เขากลับไม่รู้สึกอึดอัดหรือทรมาณ.. ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องหายใจ... คงเพราะนี่คือความทรงจำของอีกฝ่ายกระมัง ลางสังหรณ์บอกเขา

     

     

     

     

    หนาว..

     

     

     

     

               แว่วเสียงคุ้นเคยดังก้องในหัว สึนะหันไปมองเจ้าของเรือนผมสีไพลินผู้ซึ่งถูกพันธนาการ แต่อีกฝ่ายเพียงหลับใหล ราวกับเสียงนั้นส่งผ่านออกมาจากจิตใต้สำนึก....

     

     

     

     

    เกลียด เกลียดมัน

     

     

     

     

               ความรู้สึกฉายชัดในน้ำเสียงที่ส่งผ่านมา สึนะขยับกายเข้าหาอีกฝ่าย เมื่อเขายื่นมือไปหาก็พบว่ามีกระจกบางกั้นระหว่างตัวพวกเขาอยู่

     

               เพราะอะไรกันนะเขาถึงอยากสัมผัสอีกฝ่าย สึนะก้มมองฝ่ามือตัวเองพลางครุ่นคิดเขาแนบหน้ากับกระจกบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ทอดสายตามองคนที่หลับตาพริ้มไร้ซึ่งสติ

     

     

     

     

    พวกมาเฟียสารเลว!

     

     

     

     

               พลันดวงตาต่างสีก็เบิกโพลง แววตาอัดแน่นไปด้วยความชิงชังเต็มประดา สึนะตกใจจนผละถอยห่าง ทันใดนั้นรอบด้านก็มืดสนิทก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่ใหม่ราวกับละครถูกตัดฉาก

     

     

     

     

     

     

     

     

               “คึหึหึ ผมไม่ไว้ใจคำพูดของพวกมาเฟียหรอกนะครับ

     

               สึนะผินหน้าตามเสียงนั้น ใบหน้าของเขารื้นด้วยความอาวรณ์ เสียงหัวเราะเอกลักษณ์ดังมาจากริมฝีปากบางของหญิงสาวร่างเล็ก โคลม โดคุโร่ หนึ่งในผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ด คนสำคัญของเขาที่ตายจาก..

     

               “นี่เป็นการเจรจาแลกเปลี่ยน ฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอไว้ใจพวกเราอยู่แล้ว

     

               โทนเสียงคุ้นเคยทำให้สึนะต้องประหลาดใจ พ่อ..หลุดปากครางเรียกคู่สนทนาของสายหมอก

     

               อิเอมิสึนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงข้ามกับผู้พิทักษ์สายหมอกที่อยู่ข้างเขา สายตาเรียบนิ่งทำเหมือนกับเรื่องที่คุยนั้นเป็นเพียงการเจรจาธุรกิจธรรมดา ครั้นความจริงมันคือชีวิตและอนาคตของลูกชายตัวเอง

     

               “นี่คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าจะเป็นยังไง ถ้าเกิดผมได้ไปอยู่ข้างเขา..มุคุโร่ในร่างโคลมพูดพร้อมแสยะยิ้มกว้าง

     

               “ขอแค่วองโกเล่ไม่ตกไปอยู่ในมือซันซัสก็พอ นอกนั้นฉันไม่สน

     

               สิ้นคำพูดนั้นสึนะรู้สึกปวดหนึบราวกับมีหอกปักลงกลางใจ กระบอกตาร้อนผ่าว มือเรียวที่สวมแหวนยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่อีกฝ่ายไม่มีวันได้ยิน คนที่พูดผลักไสและไม่ไยดีต่อชีวิตลูกชายคือผู้เป็นพ่อแท้ๆ เพราะอะไร.. ไม่เข้าใจ.. เหตุใดวองโกเล่จึงสำคัญกว่าตน..

     

               ใบหน้าของหญิงสาวเสมองทิวทัศน์ด้านข้าง แต่บังเอิญนักดวงตาสองสีของผู้คุมร่างนั้นกลับประสานกับดวงตาสั่นเทาของเขาที่ยืนอยู่ข้างกาย ตกลงครับ ผมยอมรับข้อเสนอ

     

               แล้วภาพความทรงจำก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทอีกครั้ง...

              

     

     

     

     

     

     

     

     

               คราวนี้ภาพตัดกลับมาในยุคปัจจุบัน สิบปีต่อมาที่เขาได้กลายเป็นบอสเต็มตัว..

     

     

     

              

               “ถ้ายกร่างของคุณให้ สัญญาว่าจะปกป้องครับ..ข้อเสนอของสายหมอกที่ถูกหยิบยื่นให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

               “ขอโทษนะมุคุโร่ และเป็นเขาที่ปฏิเสธข้อเสนอนั้นทุกครา ฉันต้องเข้าพิธีสืบทอดตำแหน่ง

     

                ดวงตาสีเปลือกไม้ทอประกายเหนื่อยล้า สึนะหลับตาลงช้าๆ ก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วหันมามองสบคู่สนทนา อาจเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่สัญญา.. สัญญาจะปกป้องฉันโดยไม่ยึดครองร่างได้ไหม..?”

     

               กระแสลมพัดผ่านเข้ามายังในห้องที่เงียบงัน

     

               สึนะเม้มปาก เขาไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจึงกระวนกระวายใจยิ่งนัก ขอแค่จนกว่าจะจบพิธีก็ได้

     

               “ย่อมได้..สายหมอกมากมายปกคลุมทั่วร่างชายหนุ่ม ในพิธีสืบทอด.. ผมจะมาหาอย่างแน่นอนรับคำมั่นก่อนเลือนหายไป

     

     

     

     

     

     

     

     

               “จะว่าไป.. โรคุโด เจ้านั่นยังไม่ล้มเลิกแผนยึดร่างสึนะงั้นสิ?”

     

               ผู้พิทักษ์พิรุณเปิดบทสนทนา ใบหน้าสงบนิ่งลึกดั่งสายน้ำพูดขึ้นพร้อมยกแก้วกาแฟจิบอย่างผ่อนคลายบนโซฟายาวกลางห้องอันเงียบเชียบ

     

               “โคลม.. แกคงไม่ได้วางแผนกับเจ้านั่นในวันพิธีสืบทอดหรอกนะ

     

               โกคุเดระ ฮายาโตะ เพียงปรายสายตามองหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตน

     

               ร่างบางสีหน้าสลด พักหลังมานี้ ฉันติดต่อท่านมุคุโร่ไม่ได้เลยค่ะเธอพูดพลางถอนหายใจ

     

               “พวกแกจะวางใจเกินไปหรือเปล่า เรามีเวลาเตรียมการแค่สองวันนะ!”  ซาซางาวะ เรียวเฮ สบถคำทุบโต๊ะอย่างไม่พอใจ เรียกสายตาคนทั้งห้องให้หันไปมองตนได้อย่างดี แต่เพียงชั่วครู่..สายตาเหล่านั้นก็เพิกเฉยกลับไปจุดเดิม

     

               “แล้วยังไง..?” ผู้เป็นมือขวาของนภาเอ่ยถาม

     

               “อึก..เรียวเฮส่งเสียงครางในลำคอ เขาพูดไม่ออกยามเจอสายตากดดันจากอีกฝ่าย

     

               “ฮ่าๆ พี่ซาซางาวะเนี่ยใจร้อนจังเลยนะครับ..

     

               ท่ามกลางความอึดอัดกลับกลายเป็นยามาโมโตะที่ส่งเสียงหัวเราะออกมา ชายหนุ่มทำท่าปาดน้ำตาราวกับเรื่องเมื่อครู่เป็นเรื่องตลกขบขันเสียจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จิบกาแฟที่เหลืออยู่จนหมดแก้วก่อนจะลุกย้ายมานั่งข้างกายผู้พิทักษ์อรุณ

     

               “เอาน่าๆ ทุกคนเตรียมตัวพร้อมหมดแล้วล่ะครับ เหลือแค่รอเวลา

     

     

     

               ‘ทุกคนพูดเรื่องอะไรกัน?’

     

               สึนะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ดวงตาสีเปลือกไม้ลอกแล่กมองเหล่าผู้พิทักษ์ของตนเองด้วยความไม่คุ้นเคย กลัว..  เขาไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของทุกคนมาก่อน..

     

     

               ยามาโมโตะที่มีรอยยิ้มน่าหวาดหวั่น...

     

     

               คุณพี่ที่เกรี้ยวกราดกว่าครั้งไหนๆ...

     

     

              แรมโบ้น้องน้อยที่ไม่ส่งเสียงพูดกับใคร..

     

     

               โคลมที่ดูหวาดกลัวจนเกินไป...

     

     

               และ...

               .

               .

     

               ดวงตาเรียบนิ่งของโกคุเดระที่มองทะลุตรงมายังเขา นิ่งสนิทดั่งความสงบก่อนพายุลูกใหญ่...








    Talk  with writer


    ตอนนี้ยาวกว่าตอนอื่น เล่นเอาเหนื่อยเลยค่ะ ขออนุญาตแบ่งเป็นสองพาร์ทนะคะ *ปาดน้ำตา*


    ScarletFoxxz


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×