คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 5927 ผู้ภักดี
Chapter
TWO ผู้ภักดี
“ฉันบอกพวกแกแล้วใช่ไหม
เอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับรุ่นที่สิบโดยตรงต้องผ่านการพิจารณาจากฉันก่อน”
น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความเกรี้ยวกราดดังขึ้นมาจากชายหนุ่มผมเงินหลังได้รับการรายงานจากลูกน้องในสังกัดตน
“ขออภัยด้วยครับท่านโกคุเดระ
พวกผมทราบมาว่าท่านมีกำหนดการประชุม เลยถือวิสาสะ..” เจ้าตัวเว้นวรรคกลืนน้ำลายดังอึก
“แต่ผมตรวจสอบดูแล้วเป็นเอกสารรายงานจากพันธมิตร
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ”
“เรื่องใหญ่เลยต่างหากเล่า!”
เจ้าตัวก้าวสับขารัวตรงไปยังห้องของผู้ถูกกล่าวถึง
มือเรียวเคาะประตูขออนุญาตบุคคลภายในห้อง
เอ่ยตอบโดยไม่มองคู่สนทนาที่เดินตามมาติดๆ
“อะ อะไรนะครับ!?
หรือว่านั่นจะไม่ใช่เอกสารปกติเป็นไปได้ว่าจะมีเครื่องส่งสัญญาณระบุตำแหน่ง
หรือมียาพิษร้ายแรง! ไม่สิ..คุณโกคุเดระ หระ หรือว่ามันเป็นระเบิดครับ!!”
พูดอย่างร้อนพลางนึกคาดโทษตัวเองที่ไม่คิดให้รอบคอบถึงผลร้ายที่อาจตามมา
มือพลันเอื้อมแตะไมโครโฟนข้างขมับเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยให้พวกพ้องเตรียมรับมือ
ถ้าหาก..ถ้าหากว่า
เกิดอะไรขึ้นกับบอสแล้วเขาคงไม่มีวันยอมให้อภัยตัวเองเป็นเด็ดขาด
โกคุเดระเดาะลิ้น “..อิตาลีไม่ได้”
เพราะมัวแต่วุ่นวายติดต่อกำลังเสริมเจ้าตัวเลยฟังคำพูดของผู้พิทักษ์วายุหัวหน้าหน่วยของตนได้ไม่ถนัด
ชายหนุ่มชะงักเงยหน้าขึ้นมาถามทวนอีกครั้ง
“ครับท่าน?” ถามขึ้นพอๆกับที่เส้นความอดทนของชายผมเงินขาดสะบั้น
”รุ่นที่สิบอ่านภาษาอิตาลีไม่ได้เว้ยเจ้าพวกโง่!!”
ไม่ได้เรื่อง..
ไม่ได้เรื่องสักคน
โกคุเดระได้แต่นั่งเครียดจนกุมขมับ
นี่เขาอบรมพวกนั้นบกพร่องตรงไหนกันนะ..? ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจยามนึกเห็นภาพตัวเองที่อธิบายด้วยหลักการอันแสนเพอร์เฟค
ทำไมมันถึงไม่เข้าใจหลักการของเขากัน
เหงื่อแตกพลั่กเมื่อเหลือบไปเห็นลูกน้องในสังกัดกลุ่มหนึ่งของตนกำลังวิ่งไล่จับเจ้าอูริตัวแสบผ่านทางหน้าต่างด้านหลังผู้เป็นบอสอย่างเอาเป็นเอาตายจนต้องถอนหายใจอย่างปลงตก
ประเดี๋ยว..นี่มันชั้นสองไม่ใช่รึไงกัน มันขึ้นไปทำอะไรบนหลังคา..
นึกได้ดังนั้นก็เผลอเอามือตบหน้าผากตัวเองดังโป๊กจนคนที่อยู่ในห้องเดียวกับตนยังสะดุ้ง
เวรเอ้ย!
นี่มันกองกำลังสอดแนมหรือกลุ่มเด็กมหาลัยฝึกงานกันแน่วะ!!
“เอ่อ..มีอะไรเหรอ
โกคุเดระคุง ?”
สิ้นเสียงนั้นจิตใจขุ่นมัวเมื่อครู่ของผู้พิทักษ์วายุราวกับได้ถูกชำระล้างจนขาวสะอาด
โกคุเดระละมือออกจากหน้าผากทันใดนั้นออร่ามากมายก็พุ่งตรงใส่ชายหนุ่มอย่างรุนแรงจนแทบสำลัก
รุ่นที่สิบที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานยอมสละเวลาอันมีค่ามาคุยกับคนอย่างเขาทั้งยังรอยยิ้มส่งมาที่เจิดจ้าจนดวงตาพร่ามัวนึกอยากจะหยิบแว่นกันแดดในกระเป๋าขึ้นมาสวมทับนั้น
ยิ่งทำให้เจ้าตัวรู้สึกอิ่มเอมใจจนมีกำลังใจทำงานข้ามวันข้ามคืน
โกคุเดระยิ้มปริ่มจมูกราวกับจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความกระปรี้กระเปร่านึกขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ตนได้มาพบนางฟ้าบนดินผู้แสนบริสุทธิ์คนนี้
แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าเลยสักนิดก็ตาม..
“อ้อ..ไม่มีครับท่าน
ทุกอย่างปกติดีครับ!”
โกคุเดระฉีกยิ้มหวานไร้คราบของคนเจ้าอารมณ์ที่เพิ่งอาละวาดไปเมื่อไม่นานมานี้
เอ่ยตอบพลางตะเบ๊ะท่าทำความเคารพโดยมีออร่าดอกไม้สีชมพูเบ่งบานรอบกาย พร้อมเดินไปชงโกโก้ร้อน
เมื่อยกแก้วอันเย็นชืดที่พร่องไปเพียงเล็กน้อยบนโต๊ะมาเก็บให้เรียบร้อย
มือหนายกจับอุปกรณ์อย่างคล่องแคล่วตามความคุ้นชิน
นมสดหนึ่งถ้วยตวงกับน้ำตาลสองก้อน สูตรอาหารที่จำได้ขึ้นใจเพราะเป็นเรื่องของคนสำคัญ
“งั้นเหรอ อ่ะ
ขอบคุณนะ” ทันทีที่รับแก้วโกโก้ใบใหม่มาเจ้าตัวก็ไม่รีรอยกแก้วจรดริมฝีปากดื่มน้ำรวดเดียวจนเกือบหมดแก้ว
ความอุ่นร้อนแล่นผ่านคอช่วยให้ร่างกายผอมบางผ่อนคลายความเมื่อยล้าลง ทากแต่ยังไม่ทันได้ซึมซับความสบายมากนักก็รู้สึกได้ถึงสายตาเรียบนิ่งของคนที่ชอบทำตัวเป็นสัตว์เลี้ยงขี้อ้อนจ้องเขม็งมายังเจ้าตัว
ครั้นพอจะเอ่ยทักก็ถูกมือหนานั่นทาบทับหน้าผากตนเสียแล้ว..
อา.. ปิดคนคนนี้ไม่เคยได้เลยจริงๆ
“คุณมีไข้..”
“เอ๊ะ..? จริงเหรอ
ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่สบายใจได้”
สิ้นประโยคนั้นห้องทั้งห้องที่เคยอบอวลไปด้วยความละมุนกลับถูกแทนที่ด้วยความหนาวเหน็บ
อุณหภูมิห้องที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเหมือนใจของร่างสูงทำให้สึนะสัมผัสได้ถึงกระแสอารมณ์ที่ขุ่นมัวของผู้เป็นมือขวาจนเหงื่อข้างขมับแตกพลั่ก
แย่ล่ะ เผื่อสับสวิตซ์เสียแล้วสิ
สึนะเผลอนึกพลางลอบกลืนน้ำลาย
ก้มมองดูแก้วโกโก้ทียังมีน้ำหลงเหลืออยู่อีกเล็กน้อยในมือตนแล้วรีบซดจนหมด
ราวกับว่าจะไม่ได้ดื่มมันไปอีกนาน
“กลับบ้าน”
“เอ๋.. แต่โกคุเดระคุง
ฉันยังทำงานของวันนี้ไม่เสร็จเลยนะ” พูดโดยอาศัยน้ำเย็นเข้าลูบหากแต่ร่างกายตนเองนั้นเริ่มกระตุกเกร็งพร้อมคว้าเก็บสัมภาระอย่างเร็วไว
ก็โกคุเดระคุงโหมดนี้น่ะ น่ากลัวจะตายไป..
ผู้เป็นบอสได้แต่หวั่นเกรง
แต่ถึงต่อให้รีบอย่างไรก็ไม่อาจเร็วทันใจคนที่เดือดเป็นพายุในตอนนี้ได้
โกคุเดระฉวยคนร่างเล็กขึ้นพาดบ่าตนเดินดุ่มๆออกจากคฤหาสน์วองโกเล่ จัดวางร่างเล็กให้อยู่ในท่านั่งเอนเบาะกึ่งนอนให้ถนัดก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับแล้วออกรถทันทีโดยไม่ฟังคำทักท้วงของคนที่นั่งข้างกายเลยสักนิด
“...นะ”
“สึนะ..”
.
.
.
“นี่ สึนะ”
!
“อะ อะไรเหรอ ยามาโมโตะ..?”
เพราะเสียงเรียกจากอีกฝ่ายหรือแรงเขย่าที่บ่าก็ดี
พลันทำให้ร่างเล็กหลุดจากภวังค์ความคิดของตน สึนะเงยหน้ามองชายหนุ่มอดีตนักกีฬาพลางแย้มยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างที่ตนชอบทำจนเป็นนิสัย
“นายเหม่อบ่อยนะ มีอะไรหรือเปล่า”
ผู้พิทักษ์พิรุณถามเจ้าตัวด้วยความเป็นห่วงทั้งที่สีหน้าตนนั้นก็อิดโรยไม่แพ้กัน
“อื้ม เปล่าหรอก ก็แค่..นึกถึงเรื่องเก่าๆน่ะ”
พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นว่าเย็นมากแล้ว
ครั้นพอจะขยับตัวก็สะดุดชายผ้าที่ห่อม้วนตัวเองไว้เป็นก้อนกลมจนแทบลื่นล้มหัวคะมำตกเตียง
สึนะลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าพลางตั้งสติก็เห็นว่าตัวเองได้กลับมานอนบนเตียงกว้างในคอนโดหรูกลางเมืองที่เขาอาศัยอยู่กับมือขวาคนรักตน
ใช่.. ทั้งสองคนเป็นคนรักกัน
นั่งสูดลมหายใจก็ได้ยินเสียงน้ำมูกฟืดฟาดทั้งที่ช่วงเช้ายังไม่ออกอาการหนักขนาดนี้แท้ๆ
นึกย้อนไปบางทีคงเป็นผลพวงมาจากการทำงานฝืนตัวเองจนพักผ่อนไม่เพียงพอติดกันหลายคืนทั้งที่รับปากกับโกคุเดระไว้แล้วว่าจะไม่หักโหมแล้วเชียว
สึนะบุ้ยปาก ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะเป็นหมาน้อยน่ารัก
ทำไมนับวันคนที่ต้องยอมกลับกลายเป็นเขาแทนล่ะ ตำแหน่งบอสยังสำคัญอยู่ไหมเนี่ย..?
‘ฮ่าๆ เจ้าโกคุเดระมันไม่เกรงนายตั้งแต่วันที่มันได้กดนายแล้วล่ะ’
พรืดดดดด
ร่างเล็กเผลอสำลักน้ำลายเมื่ออยู่ดีๆความทรงจำงานเลี้ยงกลุ่มพันธมิตรวันก่อนที่ยามาโมโตะตัวดียกเหล้าแรงสุดๆมาให้คนในแฟมิลี่กินจนเป๋กันทั้งคฤหาสน์
พร้อมกับพูดเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเมากลางวงสนทนาด้วยประโยคที่เขาและบรรดาลูกน้องทุกคนจำมาฝังใจ
โถ่..ถึงจะเป็นความจริงแต่มันก็เกินไปนะ
แบบนี้เขาก็หมดสิทธิ์ตั้งตนเป็นใหญ่แม้แต่ต่อหน้าผู้คนเลยสิ
นอนเถียงกับความคิดตัวเองได้ครู่ใหญ่ๆก็ตัดสินใจลองลุกขึ้นจากเตียง
ดักแด้สึนะย้ายตัวเคลื่อนเตาะแตะเดินมาในห้องครัวแม้จะยังคงมึนหัวอยู่เป็นพักๆ หวังหาอะไรดื่มดับกระหาย
ก็เห็นร่างของใครบางคนที่กำลังสาละวนอยู่หน้าหม้อจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของข้าวต้มลอยมาพอเดาได้ว่าเป็นของตน
“หิวไหมครับ”
ครั้นจะส่งเสียงขานรับลำคอแห้งผากกลับมีแต่เสียงลมแผ่วๆดังออกมาฟังดูไม่เป็นคำ
จึงเปลี่ยนใจผงกหัวรับเบาๆแทนคำตอบ แม้จะยังปวดจี๊ดทุกครั้งที่โคลงศีรษะ
โกคุเดระดึงเก้าอี้ออกผายมือมาให้ร่างเล็กเห็น
เจ้าตัวเดินมานั่งอย่างไม่รอช้าพร้อมๆ กับที่ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้ได้ระยะที่พอดี
หันไปตักข้าวต้มที่เพิ่งทำเสร็จร้อนใส่ถ้วยเคลื่อนมาวางตรงหน้า
ก่อนจะตักขึ้นมาเป่าทีละคำแล้วป้อนใส่ปากให้คนป่วย
สึนะทานอาหารอย่างว่าง่าย
สัมผัสแก้มยังรู้สึกร้อนๆอยู่ไม่หายยิ่งช่วงนี้เข้าช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยไม่แปลกใจทำไมถึงป่วยหนักนัก
แอบรู้สึกดียามป่วยก็มีคนมาคอยเอาอกเอาใจแต่คิดๆดูไอ้อาการที่ขยับตัวหรือทำอะไรไม่ได้ดังใจคิดก็เป็นเหตุที่ทำให้ไม่อยากป่วยอีกเหมือนกัน
ได้เพียงก้มหน้าหงึกหงักตอบรับถึงจะไม่รู้ว่าคนรักตนพูดอะไรก็ตาม
ฝ่ายโกคุเดระก็ได้เพียงลอบยิ้มบางๆเพรารู้ดีว่าเจ้าตัวคงไม่ได้ยินสิ่งที่ตนพูดหรอก
มีอย่างที่ไหนถามว่าเย็นนี้จะทานอะไร
กลับได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าเสียนี่ โกคุเดระนึกพลางส่ายหน้ายิ้มๆอย่างเอ็นดูพร้อมป้อมข้าวต้มคำสุดท้ายให้ร่างบาง
“ถ้าไม่ทานยาก็ไม่หายป่วยนะครับ”
ชายหนุ่มเรือนผมสีเงินพูดย้ำเป็นครั้งที่ห้าเมื่ออีกฝ่ายกลับไม่อิดออดไม่ยอมทานยาเสียนี่ บอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่เกลียดการกินยาเหมือนเด็กประถมไม่มีผิด นึกแล้วก็ได้แต่ขำ..
“เกิดคุณรีบอร์นทราบว่าคุณโหมงานจนป่วยแล้วยังไม่ยอมกินยาอีก
จะเกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้ด้วยนะครับ”
แม้จะยกชื่อบุคคลที่ทูน่าน้อยหวาดกลัวที่สุดมาขู่ก็ไม่ทำให้เจ้าตัวยอมรับฟังได้
สึนะนั่งส่ายหน้าไปมาพร้อมคิ้วขมวดเป็นพักเมื่อรู้สึกจี๊ดราวกับโดนเข็มแทงสมองขนาดคนยืนดูยังรู้สึกสงสารจับใจ
โกคุเดระถอนหายใจ
ส่วนหนึ่งที่ป่วยหนักก็เป็นเพราะความดื้อของเจ้าตัวนั่นแหละ เขาคงจะตามใจให้ไม่ได้หรอก
เห็นทีเขาคงต้องใช้วิธีนั้นจริงๆเสียแล้วสิ
ทั้งที่ไม่อยากใช้วิธีรุนแรงแบบนี้เลยแท้ๆเชียว เพื่อรุ่นที่สิบ..
เพื่อรุ่นที่สิบ..
“ดื้อไม่รักนะครับ”
“แล้วมีธุระอะไรงั้นเหรอ?”
“หือ.. ก็นะ ฮิบาริให้มาตามนายน่ะ
พิธีจะเริ่มแล้ว”
“อะไรกัน ฉันยังไม่มั่นใจเลยนะ”
มือเล็กที่แบกรับภาระทุกสิ่งขยับจัดชายเสื้อและผมเผ้าตนให้เข้าที่เรียบร้อย
พลางหัวเราะแห้งแก้อาการเคอะเขินของตน “ขืนทำพลาดในพิธีมีหวังโดนโกคุเดระคุงโกรธแหง”
ยามาโมโตะแย้มยิ้มมุมปาก
เพี๊ยะ!
“อึก!? อะไรเนี่ยยามาโมโตะ”
“ตบหลังเรียกสติไงล่ะ พ่อฉันทำแบบนี้ประจำเลยเวลาที่ฉันตื่นเต้น” เจ้าตัวพูดพร้อมกับชูมือข้างที่ตบหลังอีกฝ่ายให้ดูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“น่าๆ โกคุเดระน่ะไม่เป็นไรหรอก ที่น่าห่วงคือฮิบาริต่างหาก..” นึกได้ดังนั้นก็หยิบนาฬิกาพกประจำตัวขึ้นดู “นายกำลังจะสายนะ”
“ฮะ! ไม่นะ
มีหวังโดนคุณฮิบาริบ่นหูชาแหง งั้นฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันในพิธี” พูดเองเสร็จสรรพโดยไม่รอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายพร้อมกับออกวิ่งไปยังจุดนัดหมายในงานพิธีทันที
“คุซะ
ดอกไม้ที่อยู่ตรงนี้ขอเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมดเลยนะ แล้วก็..”
“คุณฮิบาริ!” เสียงทุ้มที่ไม่ได้ดูโตไปกว่าเมื่อสมัยมอต้นดังขึ้นขัดบทสนทนาก่อนจะตามมาด้วยร่างเล็กผมฟูฟ่องที่มาหยุดยืนหอบสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่ตรงกลางวงสนทนา
“แฮ่ก อะ ขอโทษ..ที่ให้รอครับ”
เหมือนเพิ่งตั้งสติได้ ฮิบาริกระแอมพลางส่งสายตาให้คนสนิทตนแยกไปจัดการธุระให้เรียบร้อย
ดวงตาสีนิลเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่หน้าโบสถ์ “ช้าไปสามนาที”
“หึ
เจ้าห่วยยังไงก็ยังเป็นได้แค่เจ้าห่วยสินะ” เสียงทุ้มเข้มของบุคคลร่างสูงที่นั่งจิบกาแฟอยู่ไม่ไกลเอ่ยแขวะด้วยประโยคแสนคุ้นเคย
เรียกรอยยิ้มกว้างจากบอสมาเฟียใหญ่จนลืมความรู้สึกผิดเมื่อครู่ไปหมดสิ้น
“รีบอร์น! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“แค่ไปตรวจสอบงานของเจ้าดีโน่เอง
จะให้ฉันไปเป็นปีเลยรึไง”
“ยังพูดจาไม่เข้าหูไม่เคยเลยแฮะ”
“เลิกไร้สาระกันสักที
แล้วมาซ้อมขั้นตอนพิธีซะ..” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังยกทอนฟามาจ่อคอคนตัวเล็กกว่าอย่างรวดเร็ว
“ท ทราบแล้วครับ!!”
“นายคิดจะทำแบบนั้นจริงๆเหรอสึนะโยชิคุง..”
เสียงสั่นๆเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเองพูดขึ้นกลางวงสนทนา
บทสนทนาที่เป็นความลับ ที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้
“บ้าระห่ำเกินไปแล้ว”
“ไม่หรอก เพราะฉันเชื่อมั่นในตัวพวกนายและแฟมิลี่ของฉัน”
ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างอย่างสบายอารมณ์ราวกับเรื่องที่พูดคุยนั้นไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัส
บางทีคงเริ่มติดอิทธิพลของผู้พิทักษ์พิรุณมากระมัง
“ตะ แต่ว่า! มันมีความเสี่ยงสูงมากเลยนะ ถ้าเกิดว่าเราพลาดล่ะก็..”
“นายจะตาย”
ฮิบาริเสริม
เกิดความเงียบระหว่างบทสนทนาที่ไม่มีใครคิดจะสานต่อ
อิริเอะ โชอิจิ
ก้มหน้าลงนึกถึงความเป็นเป็นไปได้อื่นที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งกว่าแต่กลับทำให้เจ้าตัวยิ่งปวดท้องหนักกว่าเดิม
ส่วน ฮิบาริ เคียวยะ
ก็เพียงแค่มองใบหน้าของชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้อยู่จุดสูงสุดของวองโกเล่
ไม่ว่าร่างเล็กตัดสินใจจะทำอะไรเขาก็เคารพในการติดสินนั้น
“ไม่หรอก ไม่เป็นไร” น้ำเสียงที่อ่อนลงดึงความสนใจคนทั้งคู่ให้กลับมายังเรื่องเดิม ใบหน้าคมแต่อบอวลด้วยความอ่อนโยนฉายชัดความมั่นใจ "เพราะว่า.."
ดวงตาสีเปลือกไม้ฉายชัดความหวังและมั่นใจทอประกาย
“อีกไม่นาน
ฉัน..คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด จะมา”
“ไม่จริงน่า..”
“บอสน่ะเหรอคะ”
“วองโกเล่ ตายแล้ว..?”
การรวมตัวประชุมของผู้พิทักษ์ในวันนี้ถูกเปิดหัวข้อโดยผู้พิทักษ์เมฆาที่ซึ่งออกไปทำภารกิจลอบโจมตีกองกำลังมิลฟิโอเล่
ราวกับเวลาหยุดหมุนทันทีที่ฮิบาริ เคียวยะพูดจบ ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความนิ่งงัน
“ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด! ฮิบาริแกเป็นคนอยู่กับซาวาดะไม่ใช่เหรอ!!”
เป็นซาซางาวะ
เรียวเฮที่ตั้งสติได้ก่อนใคร เจ้าตัวส่งเสียงดังโวยวายพยายามใช้กำลังคาดคั้นคำตอบจากอีกฝ่าย
คำตอบที่ว่าล้อเล่น.. คำตอบที่ว่านภาผู้สดใสคนนั้นยังอยู่กับพวกเขา..
ฮิบาริปัดมืออีกฝ่ายออกจากคอเสื้อตน
“คนของหน่วยเมฆากำลังทำการเคลื่อนย้ายศพ
เราจะจัดพิธีแบบเงียบๆ ไม่ให้ศัตรูรู้” เขาปรายตามองมือซ้ายของผู้เป็นบอสที่ทำสีหน้าคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แน่นอน.. เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร
“เสียใจด้วยยามาโมโตะ ทาเคชิ เราจะจัดพิธีให้เร็วที่สุด
ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน” ชายหนุ่มเดินผ่านร่างของผู้พิทักษ์สายหมอกที่ทรุดเข่าลงพร้อมปลอบผู้พิทักษ์น้องเล็กที่นั่งร้องไห้กับพื้นอย่างไม่ใยดี
“เจ้านั่นมาไม่ทันหรอก..”
สิ้นประโยคนั้นเจ้าตัวก็เดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งไว้เพียงมวลความเศร้า ความสับสน และความรู้สึกผิด ยามาโมโตะยืนกำหมัดแน่น ใบหน้าที่มักจะแย้มยิ้มตลอดเอ่อนองด้วยน้ำตา เขายื้อเวลาเพื่อเพื่อนสนิทของเขาไม่ได้เลยสักนิด
ขอโทษนะ.. ฉันขอโทษ โกคุเดระ!
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยแผ่วเบาอย่างสั่นเครือ มือหนาลูบไล้ฝาดลงสีดำสนิทที่ประทับตราลองโกเล่ไว้อย่างประณีต
ยามาโมโตะเลือกจะเมินคำถาม “เราควรกลับได้แล้วนะ ไม่งั้นพวกมิลฟิ..”
“ช่างหัวแฟมิลี่งี่เง่านั่นสิวะ!” โกคุเดระลุกขึ้นยืนเต็มความสูงใบหน้าที่ควรจะเกรี้ยวกราดกลับถูกแทนที่ด้วยหยาดน้ำตาจนคนมองรู้สึกสงสารจับใจ
“ที่ฉันอยากรู้คือตั้งแต่เมื่อไหร่.. ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ดวงใจของฉันต้องมานอนอยู่คนเดียวแบบนี้”
ยามาโมโตะสะอึกกับคำพูดนั้น
เขาทรุดเข่าลงก้มหัวแนบพื้นพลางเอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาทั้งน้ำเสียงสั่นเครือ
“หึ แกจะบ้ารึเปล่า” เขารู้สึกตงิดใจกับท่าทางของอีกฝ่าย โกคุเดระดูนิ่งเกินไปผิดกับนิสัยของเจ้าตัว
“ถึงมาขอโทษหน้าโลงก็ไม่ได้ทำให้รุ่นที่สิบหายเหงาหรอก
เจ้าโง่”
นับตั้งแต่ที่โกคุเดระกลับมาคฤหาสน์ก็เต็มไปด้วยความหดหู่
แม้เจ้าตัวจะยังทำหน้าที่มือขวาได้ไม่มีขาดตกบกพร่องจนข่าวการตายของสึนะไม่มีหลุดไปถึงหูแฟมิลี่อริ
แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าเจ้าตัวเพียงต้องการที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองมีเวลาไปนึกถึงคนรักของตนก็เท่านั้น
ฝ่ายฮิบาริที่ควรจะอยู่บอกเล่ารายละเอียดกลับหายตัวไปสืบหาแหล่งที่อยู่ของมิลฟิโอเล่ตามลำพัง
ก่อนจะส่งข่าวมาให้ทุกคนย้ายมาประจำการที่ฐานทัพลับที่ญี่ปุ่น
ฐานทัพที่อยู่ใกล้โลงศพของรุ่นที่สิบมากที่สุด..
นานวันร่างกายของโกคุเดระก็ยิ่งโทรมหนักจนเห็นได้ชัด ทุกครั้งที่เจ้าตัวว่างเขาก็มักจะมานั่งอยู่ที่หน้าโลงศพของบอสผู้เป็นที่รักพร้อมช่อดอกลิลลี่สีขาว
“ผมรักคุณ..”
โกคุเดระพร่ำเพ้อ
“ตื่นมาหาผมเถอะคนดี... คุณก็รู้ผมนอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกอดคุณ”
“วันนี้ผมซื้อผงโกโก้ยี่ห้อโปรดของคุณมาด้วยนะ
ไว้จะชงให้กินล่ะ”
“เจ้าวัวบ้ามันส่งเสียงน่ารำคาญทุกคืนเลยล่ะครับทำเอาผมนอนไม่หลับเลย”
“มิลฟิโอเล่ระแคะระคายข่าวของคุณแล้ว..
ผมจะทำอย่างไรดี”
“ผมเหนื่อยจังเลยครับ”
“ที่รัก.. ผมคิดถึงคุณ”
“เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง
ได้เวลาเริ่มพิธีแล้ว”
“อะแฮ่ม! ฉันหล่อแล้วใช่ไหมโคลม”
ก่อนตอบฮิบาริก็หันมาถามหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวให้แน่ใจเสียก่อน
“หล่อมากเลยค่ะบอส”
“เยี่ยม ถ้างั้นก็พร้อมแล้ว”
“ระวังอย่ากัดลิ้นตัวเองล่ะสึนะ”
“อะไรกันยามาโมโตะ ไม่ใช่เด็กซะหน่อย
อ๊ะ!”
“เอาจริงดิซาวาดะ นี่วันสำคัญนะ”
ซาซางาวะผู้ร้อนแรงเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“วองโกเล่กัดลิ้นตัวเองจริงๆด้วยแหละ..”
ส่วนผู้พิทักษ์อัสนีกลับทำเพียงยืนกลั้นขำในความเบ๊อะบ๊ะของบอสตนเอง
“ไม่เอาน่าทุกคน..” ไม่ทันได้พูดจบดีเสียงดนตรีก็บรรเลงเป็นจังหวะให้รู้ว่าพิธีการได้เริ่มขึ้นแล้ว
“เอาล่ะไปกันเถอะ”
“โอ๊ะ สึนะ นายลืมช่อดอกไม้”
“จริงด้วยสิ โกคุเดระคุงชอบดอกลิลลี่มากซะด้วย
เกือบไปแล้วเชียว ขอบใจนะยามาโมโตะ”
แสงสว่างที่สาดส่องมาจากทางเข้าโบสถ์ราวกับเป็นคำอวยพรจากเหล่าเทพให้พวกเขายิ้มแย้มอย่างมีความสุขต่อไป..
เสียงระฆังดังสลับกับเสียงกระพือปีกของเหล่าวิหกที่ราวกับมาเป็นสักขีพยานในพิธีสำคัญครั้งนี้..
ดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานอยู่รอบกายคนที่รออยู่อีกฟากประตู
ชุดสูทสีดำที่เห็นจนชินตา
ใบหน้าดุดันแต่แฝงด้วยความอ่อนโยนยามทอดมองคนอันเป็นที่รัก..
“แย่แล้วล่ะฮิบาริ! เจ้านั่น โกคุเดระน่ะ..”
ยามาโมโตะเร่งรุดเข้ามาฐานทัพลับส่วนตัวของฮิบาริโดยไม่สนใจสิ่งอื่น
เจ้าตัวรีบเอ่ยข้อความให้คนตรงหน้าฟัง ไวกว่าความคิดผู้พิทักษ์เมฆารีบส่งสัญญาณฉุกเฉินไปยังพันธมิตรทันที
“อิริเอะ โชอิจิ เราต้องยกเลิกแผน” เขาพูดปนหอบ “ปลุกซาวาดะขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
โลงศพสีดำสนิทตั้งตระหง่านอยู่สุดทางของโบสถ์
ผู้คนมากมายล้วนพร้อมหน้าพร้อมตากันในพิธีสำคัญนี้ ไม่ใช่โลงที่ประทับตัวอักษรโรมันที่แปลว่า
‘สิบ’
แต่เป็นโลงศพที่ประทับตราประจำกาย
‘ผู้พิทักษ์วายุ’
“ฉันไม่เข้าใจฮิบาริ เกิดอะไรขึ้น”
“โกคุเดระ.. ฆ่าตัวตาย”
จดหมายสีขาวที่ถูกวางไว้ข้างกายถูกเขียนไว้สั้นๆอย่างบรรจง
ราวกับรอให้คนที่ตนอยากส่งข้อความหามาพบ..
il mio cuore batte solo per te.
“นี่นายบ้ารึไงกัน ถ้าไม่มีนายฉันจะอ่านภาษาอิตาลีได้ยังไงกันเล่า”
สึนะเอ่ยตัดพ้อเสียงแผ่ว
ใบหน้าเล็กแย้มยิ้มบาง
นึกย้อนเห็นภาพตัวเองที่นั่งคร่ำครวญเจียนขาดใจพลางกอดศพชายผู้เป็นที่รักไว้อย่างหวงแหน
ริมฝีปากบางโน้มลงจุมพิต
จูบสุดท้ายของเราทั้งคู่..
“กลับมาแล้วที่รัก..”
Talk with writer
ว่าจะแต่งแบบละมุนมาฮีลตับไตจากตอนที่แล้ว ไปๆมาๆไหงตับไตหายไปหนักกว่าเดิมอีกคะเนี่ย—
-
บอกไว้เผื่อใครยังไม่รู้นะคะ
สึนะอ่านภาษาอิตาลีออกค่ะ คล่องมากด้วย
-
ประโยคภาษาอิตาลีนั้นเราจะไม่บอกคำแปลค่ะ
ใครสนใจเสิร์ชเอาเลยนะคะ ประโยคนี้มันกินใจฟง
เข้ากับคาแรคเตอร์ของโกคุเดระมากเลยค่ะ
สุดท้ายนี้ใครที่อยากได้ฟิคฮีลลิ่งคงต้องรอนานนะคะ
พล็อตเรื่องทำลายจิตใจนี่มีเยอะมาก
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนจบ ไว้พบกันใหม่ตอนต่อไป
สวัสดีค่ะ
Scarlet Fox
ความคิดเห็น