คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1827 พันธนาการ
“อื้ม อะ อ๊า!”
น้ำเสียงหวานครางกระเส่าดังแผ่วมาจากบริเวณดาดฟ้าโรงเรียนที่ไม่น่าจะมีคนอยู่
เสียงดูดดุนน่าละอายและเสียงเฉอะแฉะดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปนเสียงหอบหายใจบุคคลทั้งสอง
“อ๊ะ! ยามา อึก..โมโตะ แรง ฮ๊า อีก” เสียงหวานเอ่ยเร่งจังหวะด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงตามด้วยเสียงกระทบเนื้อที่รุนแรงขึ้นตามคำขอของอีกฝ่าย
น่ารำคาญ..
ชายหนุ่มที่นอนเอนกายรับลมอยู่ด้านบนห้องของดาดฟ้าลืมตาตื่นอย่างเสียไม่ได้
กับเสียงบทรักร้อนแรงที่ดังแทรกผ่านโสตประสาท
ที่แม้จะได้ฟังจนคุ้นชินแล้วก็ยังไม่อาจทนนิ่งเฉย
“อ๊า ฉัน จะ...”
“อึก พร้อมกันนะ..สึนะ”
เสียงกระแทกรัวเร็วครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง
เหลือเพียงเสียงหอบของคนทั้งคู่ที่ราวกับออกกำลังเล่นกีฬามาอย่างเหน็ดเหนื่อย
แถมเป็นกีฬาในที่โล่งแจ้งซะด้วย..
“เอาล่ะ ฉันขอลงไปก่อนนะ นายล่ะจะเอายังไง” ยามาโมโตะ ทาเคชิ เอ่ยถามร่างบางที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและคู่นอนของตน
ด้วยน้ำเสียงติดจะขี้เล่นตามนิสัยของเจ้าตัวหลังจากลุกขึ้นมาแต่งกายให้เรียบร้อยจนดูปกติ
“ฉันขอนอนพักสักหน่อยแล้วกัน
ฝากนายบอกโกคุเดระคุงด้วยว่าฉันเพลียนิดหน่อยอยากนอนพัก ไม่ต้องมาตาม”
“โอ๊ส” หนุ่มนักกีฬาประจำโรงเรียนรับคำ
ก่อนจะเดินลงจากดาดฟ้าไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปัง!
เสียงประตูดาดฟ้าปิดลง เหลือเพียงความเงียบและเสียงหอบอ่อนๆจากร่างเล็กที่นอนเปลือยกายอยู่พื้นดาดฟ้านั้น
“เมื่อไหร่ คุณจะเลิกทำแบบนี้สักที”
ฮิบาริ
เคียวยะ พูดขึ้นพลางเดินมาหยุดมองร่างบางที่นอนยกมือก่ายหน้าผากด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“หมายถึงเซ็กส์น่ะหรอครับ ?”
เด็กหนุ่มหันมาสบตากรรมการคุมกฎด้วยใบหน้าหวานที่ยกยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมทั้งถามกลับราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
ฮิบาริถอนหายใจ “สวมเสื้อผ้าซะ
มันทุเรศ”
“ครับๆ” รับคำอย่างว่าง่าย
ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเหยียดขาพลางจัดแจงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแล้วคลุมทับด้วยกั๊กสีดำของโรงเรียนให้เรียบร้อย
แล้วจึงใช้มือท้าวยันตัวจากด้านหลังพร้อมปรายสายตามาสบกับร่างสูงที่ยืนมองอยู่
“คุณฮิบาริ”
“อะไร”
“ขาผมมันล้าไปหมดแล้ว..” ซาวาดะ
สึนะโยชิ ว่าพลางเอียงคอทำสีหน้าออดอ้อนใส่อีกฝ่าย ก่อนจะหรี่ตาลงหวานหยดย้อย
ริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่อเล็กน้อยจากการจูบอย่างดูดดื่มเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ยกยิ้มมุมปาก
“ช่วยหน่อยสิครับ”
เป็นอีกครั้งที่กรรมการคุมกฎถอนหายใจ
ฮิบาริย่อตัวลงคุกเข่าหน้าร่างบางแล้วคว้าหยิบกางเกงขายาวและชั้นในมา มือเรียวยกข้อเท้าเด็กหนุ่มเพื่อจะสวมท่อนล่างแต่ขาที่แยกออกจากกันและชายเสื้อที่ปิดอย่างหมิ่นเหม่ก็เผยให้เห็นสะโพกขาวและส่วนลับที่ยังมีคราบเปรอะเปื้อนไหลออกมาซึ่งด้านในคงยังมีค้างอีกมาก
“อึก! คุณฮิบาริ” สึนะโยชิส่งเสียงร้องเมื่อนิ้วเรียวยาวของร่างสูงถูกใช้เข้ามาเบิกช่องทางของตนจนเกิดความกระสันอีกระลอก
“เงียบน่า” ชายหนุ่มกล่าว
ยิ่งเขาล้วงนิ้วเข้าไปลึกเท่าใดช่องทางนั้นก็ยิ่งตอดรัดแน่นจนลำบาก
แต่หากปล่อยไว้คงทำให้ร่างบางป่วยเป็นแน่ มีแต่ต้องจัดการให้เรียบร้อย
“อ๊ะ ฮ่า..” เป็นอีกครั้งที่เด็กหนุ่มเสร็จสุขสม
สึนะโยชิกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนจะนอนหอบจนตัวโยน
“แค่ทำความสะอาดก็เสร็จแล้ว คุณนี่ตัณหาจัดจริงๆ” ฮิบาริพูดพร้อมกับดึงนิ้วออกจากช่องทางที่ถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อย
แล้วจึงสวมชั้นในและกางเกงให้สึนะโยชิแล้วผละออกมาอย่างรวดเร็ว
“แค่รู้สึกว่าถูกคุณมองอยู่ผมก็จะเสร็จอีกครั้งแล้ว” ร่างบางพูดอย่างไม่อายปาก ร่างกายบิดเร่าไปมาให้กับความต้องการที่ไม่ยอมหยุดหย่อน
ฮิบาริเพียงปรายตามองร่างบางอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเดินผ่านไปด้วยสีหน้าเรียบสนิทที่ตนชอบทำ
ออกจากบริเวณดาดฟ้าโดยทิ้งเด็กหนุ่มให้นอนระส่ำระส่ายอยู่เช่นเดิมโดยไม่เอ่ยคำใดๆอีก
ฮิบาริกำลังเดินที่ระเบียงทางเดินของอาคาร
เหล่าผู้คนที่เดินพลุกพล่านทำให้ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าหมดเวลาเรียนช่วงเช้าแล้ว และยิ่งน่าหงุดหงิดเมื่อเขาเห็นคนยืนเกาะกันเป็นกลุ่มอย่างเช่นสัตว์กินพืชอ่อนแอ
ฮิบาริส่งสายตากดดันจนเหล่านักเรียนที่เคยยืนเกาะกลุ่มทั้งหลายต้องแตกกระเจิงก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินหมายจะกลับไปนอนที่ห้องของตน
“เฮ้ย ฮิบาริ”
ฮิบาริหยุดเดินแล้วหันมามองคนที่เรียกอย่างไม่มีสัมมาคารวะ
ใจจริงกรรมการคุมกฎก็นึกอย่างฟาดทอนฟาใส่คนที่ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้นั่นเสียให้เข็ด
หากไม่ติดว่า..
“มีอะไร โกคุเดระ ฮายาโตะ”
บอกตามตรงตอนนี้เขาหัวเสียกับการไม่ได้นอนเสียมากกว่า..
โกคุเดระขมวดคิ้วมุ่นคล้ายไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขานัก
แต่ก็ต้องจำใจ “แกเห็นรุ่นที่สิบมั้ย” ตัดสินใจถามอย่างอับจนหนทางด้วยเพราะเป็นห่วงผู้เป็นนาย..แต่เจ้าเพื่อนตัวดีที่เอาแต่ยิ้มก็ไม่ยอมบอกอะไรตนเลยเสียนี่
จะเป็นอย่างไรนะ
ถ้าสุนัขที่แสนภักดีรู้ว่านายของมันไม่ได้ขาวบริสุทธิ์อย่างที่คาดหวัง ?
“ไม่เกี่ยวกับผม” พูดแล้วเดินจากมาทันที
เดินมาไม่นานนักก็ถึงห้องของคณะกรรมการคุมกฎ
ฮิบาริผลักประตูเข้าไปโดยไม่คิดจะเคาะขออนุญาตเจ้าของ ก็เจ้าของห้องนี้คือเขานี่
จะให้ขออนุญาตใครล่ะ ? เมื่อเข้ามาในห้องที่เหมือนจะเป็นห้องพักผ่อนมากกว่าห้องทำงาน
ฮิบาริก็ทำการถอดเสื้อกั๊กคุรันสีดำที่ตนชอบสวมพาดไว้บนพนักเก้าอี้
ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟายาวแล้วหลับอย่างง่ายดายด้วยความเหนื่อยอ่อน
ในความฝันฮิบาริเห็นตัวเองในอดีต วันนั้นเป็นวันที่เขานอนหลับบนดาดฟ้าเช่นเคย
แต่มันไม่เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา
เพราะวันนั้น..เป็นวันที่เขาได้รู้ความลับของซาวาดะ สึนะโยชิ
.
.
“ฮ่าๆ จั๊กจี๊นะครับ”
เสียงหัวเราะคิกคักดังแผ่วมาจากบริเวณพื้นดาดฟ้า
ปลุกให้กรรมการคุมกฎผู้มีประสาทสัมผัสไวจนน่าหงุดหงิดต้องลืมตาตื่น
ฮิบาริล้วงควานหาทอนฟาในชายเสื้อตนอย่างอารมณ์เสีย
พลางนึกตั้งใจจะสั่งสอนคนที่มันโดดเรียนมาส่งเสียงน่ารำคาญรบกวนการนอนของตัวเขา
“น่ารักจังเลยน้า~ สึนะ”
ฉับพลันเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นมาก็ทำให้ร่างสูงชะงัก ฮิบาริจำได้
เจ้าคนน่ารำคาญที่ชอบพูดว่าตนเป็นครูสอนพิเศษของเขา ม้าพยศดีโน่
ฮิบาริขมวดคิ้ว ไหนว่ากลับอิตาลี ? หรือเจ้านี่คืออาจารย์คนใหม่ที่นักเรียนลือกัน
ไหนจะการที่ทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกันเกินกว่าการเป็นศิษย์พี่น้องนั่นอีก
ฮิบาริได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ แม้ตัวเขาจะอยากลงไปประลองฝีมือกับม้าพยศนั่นแค่ไหน
แต่ในเวลานี้ร่างสูงก็รู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องที่ตนควรจะยุ่ง
“อะ อุ๊บ!” เสียงที่หลุดออกมาของร่างบางราวกับอยู่ดีๆก็ถูกปิดปากอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ชายหนุ่มนึกเอะใจ
จนต้องแอบชำเลืองมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านล่างนั้น
“!” ร่างสูงแปลกใจจนเกือบถึงขั้นสะดุ้ง
เมื่อสิ่งที่เขาเห็นคือชายหนุ่มสองคนทั้งยังเป็นคนที่เขาคุ้นเคยดีทั้งคู่
กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มเสียจน.. ฮิบาริได้ยินเสียงอันน่าอายนั่น
“แฮ่กๆ คุณดี- อื้อ!”
ไม่ปล่อยให้ร่างบางได้หายใจถนัดคนเป็นศิษย์พี่ก็เข้าประทับจูบอีกระลอก
ทั้งรุนแรงและราวกับจะปลุกเร้าอารมณ์ร่างเล็กให้ร้อนจนละลาย ไม่รอให้เสียเวลาท่อนแขนที่มีรอยสักของม้าพยศก็จัดการถอดเสื้อผ้าร่างเล็กจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า
ดีโน่ละจูบออกให้สึนะโยชิได้มีโอกาสหายใจให้ทั่วท้อง
ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมาดูดเม้มที่ซอกคอขาวนั่นแทน สึนะโยชิพยายามใช้มือดันต้านอีกฝ่าย
แต่ร่างกายสั่นๆที่แทบจะยืนไม่อยู่ก็ไม่ต่างอะไรจากลูกนกที่กำลังจะถูกสัตว์ตัวโตขย้ำ
ที่ไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
“สึนะ..ฉันขอนะ” ม้าพยศเคลื่อนใบหน้ามาจุมพิตปากอย่างเบาบาง
มือใหญ่ปาดเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลมาจากดวงตาสีหวาน
“มันจะ..เจ็บมั้ยครับ”
“ฉันจะอ่อนโยนกับนายเอง”
สึนะโยชิเม้มปากแน่นอย่างหวาดหวั่น ใบหน้าสวยคลอด้วยน้ำตาจนแดงก่ำ
ฝืนใจพยักหน้ารับอย่างช้าๆ
“อ๊ะ! อื้อ” น้ำเสียงหวานครางปนสะอื้นให้กับบทรักที่ถูกชักนำโดยอีกฝ่าย
ความเจ็บปวดที่รุมเร้าพาให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วไหลออกมาอีกครั้ง
ในขณะที่คนหนึ่งสุขสันต์อีกคนก็เจียนขาดใจ
ฮิบารินอนหันหลังไปอีกทางไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า
เขาข่มตาลงด้วยอารมณ์หลากหลายที่ปนเปกัน ถ้าไม่อยากทำถึงขนาดนั้นแล้วทำไมต้องยอมด้วยนะ
ร่างสูงไม่เข้าใจความคิดของสึนะโยชิจริงๆ
ไม่นานดาดฟ้าแห่งนี้ก็กลายเป็นที่ประจำของคนทั้งสอง
ทุกคาบแรกของวันสึนะโยชิและดีโน่จะพากันมาละเลงบทเพลงรักด้วยกันเสมอ
ร่างบางที่เคยทำอะไรไม่เป็นก็เริ่มที่จะเรียนรู้และตอบสนองม้าพยศอย่างดุเดือด
กับสายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักที่มีให้ร่างสูง
“สึนะ..เก่งขึ้นมาก เลยนะ” ม้าพยศพูดพลางเร่งจังหวะรัวเร็วจนร่างบางหลุดเสียงครางหวาน
“มันน่าอาย อ๊ะ นะครับ.. ฮ้า คุณดีโน่” สึนะโยชิพูดติดขัดสลับกับเสียงครางอย่างสุขสม
บางครั้งฮิบาริก็รู้สึกว่าตัวเองนหน้าไม่อาย ที่ยังคงนอนนิ่งฟังกิจกรรมของคนพวกนั้นได้ทุกวัน แต่เพราะร่างเล็กที่เขาพบเห็น..ทำให้ชายหนุ่มอยากเข้าใจในตัวของสึนะโยชิให้มากกว่านี้
วันนี้ฮิบาริมีงานเอกสารตั้งแต่เช้า
ทำให้เขาไม่ได้ไปนอนเล่นบนดาดฟ้าเหมือนทุกที
ชายหนุ่มพ่นหายใจหลังจากก้มหน้าทำงานติดกันกันหลายชั่วโมง มือเรียวยกนวดระหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นจนเมื่อยล้าไปหมด
หลังจากเหตุการณ์บนดาดฟ้าในวันนั้นก็ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คนพวกนั้นจะมีอะไรกันได้ทุกวันโดยไม่มีลดหย่อนเลย
เป็นกระต่ายหรือไง ?
“เคียวย้า~”
เสียงทุ้มติดร่าเริงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าของคนน่ารำคาญในสายตาฮิบาริ
ผลักประตูห้องเข้ามาโดยไม่มีการขออนุญาตตามฉบับนิสัยของตน
“ผมไม่เห็นรู้ว่าคุณมีสิทธิในการเข้าออกพื้นที่ของผม ได้ตามใจชอบแบบนี้”
ฮิบาริกล่าวเสียงแข็งพลางง้างทอนฟาเตรียมหาเรื่องอีกฝ่ายเต็มที่
“เดี๋ยวสิ! เคียวยะ!! ฉันแค่จะมาบอกว่า..ฉันอยากจะขึ้นไปเดินบนดาดฟ้าสักหน่อย
แต่ประตูมันล็อคอยู่น่ะ ช่วยไปเปิดให้ทีสิ” ดีโน่ยกมือห้ามร่างสุงไว้ก่อนจะบอกจุดประสงค์ของตนเองให้ฮิบาริฟัง
ฮิบารินึกฉงน ทั้งที่เขาเป็นคนมาเปิดไว้ตั้งแต่เช้าแท้ๆ..
“เดี๋ยวนี้คุณกล้าออกคำสั่งผมเหรอ”
ไม่รอให้ตอบร่างสูงก็ฟาดทอนฟาใส่ม้าพยศที่ไร้ซึ่งลูกน้องจนหน้าหงายทันที
ฮิบาริเดินมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเจ้าม้าพยศที่ถูกเขาฟาดหน้าไปกลับทำสำออยขอตัวไปห้องพยาบาลก่อน
จนเขาต้องเป็นคนเดินมาเปิดประตูดาดฟ้าด้วยตัวเอง
กึก ครืด..
ทันทีที่เปิดประตูออก
สายตาเฉียบแหลมของกรรมการคุมกฎก็เหลือบไปร่างของใครบางคนกำลังนอนแผ่ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
ฮิบาริเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นคนคุ้นเคยหากแต่..มีบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากทุกที
เสื้อผ้าถูกฉีกขาดจนไม่เหลือชิ้นดี ร่างกายเต็มไปด้วยรอยกุหลาบที่มีอยู่แทบทุกแห่ง
รอยช้ำเขียวเป็นจ้ำๆ ไม่เว้นแต่รอยฟันที่กัดลงแรงจนเลือดซึม
ทั่วทั้งร่างกายเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำรักจนเหม็นคาว ช่องทางด้านล่างถูกทำร้ายอย่างไม่ผ่อนแรงจนกล้ามเนื้อฉีกขาดมีเลือดไหลน่ากลัว
ดวงตาสีโกโก้หม่นแสง เหม่อลอยด้วยอาการสติหลุด
ริมฝีปากบางแดงเจ่อและมีเลือดไหลออกตามมุมปาก
ใบหน้าแดงจัดที่ยังคงมีคราบน้ำตาหลงเหลือจากการร้องไห้อย่างหนัก
ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารจับใจ
“นี่คุณ.. ซาวาดะ สึนะโยชิ”
ฮิบาริถอดเสื้อกั๊กคุรันสีดำประจำตนมาคลุมร่างบางพลางยกขึ้นพิงแนบอกตน
เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
ทว่ามันช่างแผ่วบางเหลือเกิน ราวกับจะหายไปได้ทุกเมื่อ...
เมื่อเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับจากร่างบาง ฮิบาริจึงตัดสินใจโอบอุ้มร่างของสึนะโยชิพาลงมาจากบริเวณดาดฟ้าทันที
“รองกรรมการคุมกฎ”
ไม่รอช้าฮิบาริเรียกผู้ช่วยของตนทันทีที่พาร่างบางมาถึงห้องส่วนตัวของตน
“ครับคุณเคียว” คุซาคาเบะ เท็ตสึยะ
ส่งเสียงตอบรับหัวหน้าของตน “ซะ ซาวาดะ! เกิดอะไรขึ้นครับ”
“รักษาซะ”
“..ทราบแล้วครับ”
คุซาคาเบะรับคำ
ก่อนจะเดินไปหยิบเครื่องปฐมพยาบาลมา
แล้วเริ่มลงมือรักษาและทำความสะอาดให้แก่ร่างเล็ก โดยเก็บความสงสัยของตนไว้เพียงในใจ
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงหัวค่ำในที่สุดสึนะโยชิก็ฟื้นคืนสติ ดวงตาที่ยังมองเห็นไม่ชัดปรากฏเป็นเงารางๆของใครบางคนนั่งอยู่ไม่ไกล
“คุณ..ดีโน่ ?”
เรียกหาชื่อคนที่คิดว่าใช่ที่สุดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เจ้านั่นกลับอิตาลีไปแล้ว”
ฮิบาริพูดกับร่างบางที่ตื่นขึ้นมา
น่าขันที่หลังจากที่ฮิบาริช่วยสึนะโยชิไว้ได้ไม่นาน
ม้าพยศดีโน่ก็ขอตัวลากลับอิตาลีด้วยเหตุว่ามีธุระต้องรีบไปสะสางด่วน
“งั้นเหรอครับ” ตอบเสียงแผ่วราวกระซิบ
หยาดน้ำตาพลันเอ่อท้วมท้นอีกระลอก ได้แต่เม้มปากเก็บเสียงไว้เพราะรู้ดีว่ากรรมการคุมกฎไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย
ท่าทีอาลัยอาวรณ์คนที่ไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ยิ่งทำให้ร่างสูงไม่สบอารมณ์ เมื่อเผลอนึกใบหน้าของคนที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าระรื่นราวกับตัวเองไม่รู้ไม่เห็นใดๆ
“น่ารำคาญ” เผลอหลุดปากว่าม้าพยศไปโดยไม่รู้ตัว
“เอ่อ ขอโทษด้วยครับ เป็นภาระคุณไม่พอยังทำตัวน่ารำคาญอีก ผมนี่แย่จริงๆ..”
เสียงสั่นๆพยายามฝืนกลั้นสะอื้นพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ
พลันให้ชายหนุ่มได้สติว่าเผลอพูดที่ใจคิดออกไป
“รู้ตัวก็ดี” หากแต่ไม่ได้เอ่ยปัด ซ้ำยังพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจแบบนั้นต่อไป
เกิดความเงียบชั่วอึดใจ
ก่อนร่างบางจะเค้นเสียงตัวเองออกมาได้ “งั้น..ผมว่าผมกลับเลยดีกว่า”
สึนะโยชิพูดพลางพยายามลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาว
หากแต่ความเจ็บปวดทั่วร่างกายและความอ่อนล้าก็พลันให้ท่อนขาหมดแรงทรุดลงนั่งที่เดิม
“เสียเวลาเปล่า รองกรรมการคุมกฎบอกว่าอาการของคุณไม่ดี
เจ้าหนูก็บอกว่าให้คุณลาหยุดพักฟื้นสักระยะ”
“แต่..”
“จะดันทุรังกลับตอนนี้ก็ไม่เป็นไร
ถ้าคิดว่าเดินพ้นประตูห้องนี้ได้” ฮิบาริไม่พูดเปล่า ขยับกายพลางพยักเพยิดไปทางประตูที่ช่างอยู่ไกลแสนไกลนักในสายตาคนป่วย
ทั้งที่แท้จริงมันห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว
สึนะโยชิหยัดกายขึ้นอีกครั้ง แต่ร่างกายที่บอบช้ำบวกกับการเพิ่งฟื้นคืนสติได้ไม่นานก็ทำให้ร่างเล็กหน้ามืดจนเซล้มไม่เป็นท่า
ลำบากคนคอยมองต้องเข้ามาคว้าท่อนแขนไว้ไม่ให้พลาดหัวฟาดฟื้นไปเสียก่อน
“ขอบคุณครับ..” สึนะโยชิกลับมานั่งพิงโซฟาตัวเดิมอย่างอ่อนแรง
ดวงตาสีโกโก้เหลือบมองแขนของตนที่ถูกกรรมการคุมกฎจับอยู่
ฮิบาริปล่อยมือเมื่อเห็นว่าร่างเล็กนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
อาการแข็งเกร็งและสั่นเป็นระยะที่ส่งมาทำให้ชายหนุ่มรับรู้ได้
กลัว
เด็กคนนี้กลัวเขา..
“ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณสักหน่อย เลิกตัวสั่นได้แล้ว”
“เอ๋!? ปะ เปล่า..ไม่ใช่นะครับ”
โกหก
ฮิบาริกระตุกยิ้ม แม้จะผ่านศึกในโลกอนาคตจนทำให้เหล่าผู้พิทักษ์รู้จักตัวตนกันมากแล้วก็ตาม
แต่เขาก็ยังเป็นเมฆาที่แยกตัวไม่เคยคิดจะเข้าใกล้ไปกว่านี้.. อย่างที่รู้เมฆาน่ะ
รักสันโดษและไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย
ถึงกระนั้นเมฆาก็เป็นผู้เฝ้าดูที่รับรู้ทุกสิ่งของคนในแฟมิลี่
โดยเฉพาะเรื่องของผู้เป็นบอส
“ม้าพยศทำ อย่างนั้นเหรอ ?”
พูดเสียงแผ่วราวกระซิบผิดวิสัยตน แล้วก็ได้รับคำตอบเป็นดวงตาเปลือกไม้ที่ไหววูบ
“น่าสมเพชใช่มั้ยครับ ยอมเขาทุกอย่าง
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่จริง” สึนะโยชิพูดเสียงสั่น
ใบหน้าที่ตอนนี้ไม่มีน้ำตาให้หลั่งอีก แดงก่ำจนน่ากังวล “คุณดีโน่น่ะ..เจ้าชู้มากเลยล่ะครับ”
ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นเพื่อกลืนก้อนสะอื้นที่จุกตรงลำคอจนหายใจไม่ออก “แต่พอเขาบอกว่าจะหยุดที่ผมคนเดียว ผมก็เชื่อหมดหัวใจ” นึกถึงเรื่องที่ราวกับนรกบนดินที่ตนเผชิญมาก็ทำให้แทบฝืนรั้งสติไว้ไม่อยู่
‘สึนะ นายก็รู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นคนรักลูกน้องน่ะ’
‘ครับ
คุณดีโน่ใจดีจริงๆ เพราะแบบนี้ผมถึงรักคุณที่สุดเลย’
‘งั้นถ้ารักฉัน
ก็ต้องใจดีกับลูกน้องฉันด้วยนะ’
‘เอ๋?’
‘ฉันน่ะ
ถ้าได้อะไรก็ตาม ลูกน้องฉัน ทุกๆคนก็ต้องได้’
‘คุณ..ดีโน่ ?’
‘ถูกต้องสึนะ
หมายถึงนายนั่นแหละ’
ฮิบาริได้แต่รับฟังโดยไม่พูดอะไร ชายหนุ่มรู้ดีว่าสึนะโยชิในตอนนี้ต้องการที่พึ่งพิงและคนปลอบโยนอย่างเหลือคณา
แต่คนเย็นชาแบบเขาจะรู้วิธีการทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน..
เพียงรับฟังเสียงสะอื้นไห้แทบขาดใจ
โดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย..
เพราะอะไรเขาถึงเก็บเรื่องแบบนี้มาคิดให้ปวดใจกันด้วยนะ ? ฮิบาริ เคียวยะ ผู้โดดเดี่ยวอย่างเขาความรู้สึกของสัตว์กินพืชน่ะ ไม่สำคัญหรอก.. แต่ถึงกระนั้น ก็ยังอยากจะรู้..
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ”
ว่านภาที่ถูกทำให้หมองหม่นจะยังคงเป็นนภาผู้อ่อนโยนได้อยู่ไหม..
สึนะโยชิก้มมองฝ่ามือตนเองอย่างครุ่นคิด ช่างโสมมนัก
ตัวเขาคนนี้ ถูกใครที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ ทรมาณเขาอย่างสุดสาหัสต่อหน้าคนที่รัก ที่ยืนมองดูเขาด้วยความสนุกสนานราวกับยืนมองดูการแสดงของสัตว์เลี้ยงในกรง
ก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะแหบแห้งจนร่างสูงที่ยืนมองนึกแปลกใจ
“ผมจะเอาคืนเค้า” ดวงตาสีน้ำตาลหม่นทึบแสงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด เสียใจและเคียดแค้น..
“ให้คุณดีโน่ได้รู้ซะบ้างว่าไม่มีแค่เค้าหรอกที่เปลี่ยนคู่นอนได้ไม่ซ้ำหน้า”
หลังจากนั้นฮิบาริก็ไม่พบสึนะโยชิที่แสนสดใสคนเดิมอีกเลย..
.
.
พรึ่บ..!
ฮิบาริลืมตาโพลงหลุดจากความฝัน
เมื่อมีเสียงแปลกปลอมดังขึ้นในห้องของตนเอง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังเป่ารดหน้าตัวเอง
“ทำอะไรของคุณ ?”
ชายหนุ่มถามพลางสบตากับร่างบางซึ่งใช้แขนสองข้างยันเบาะโซฟาเป็นป้อมปราการกัก
และลำตัวคล่อมทับเขาที่นอนอยู่ ด้วยแววตาเบื่อหน่าย
“กำลังพยายามจะลักหลับคุณฮิบาริน่ะครับ” สึนะโยชิตอบพลางแย้มยิ้มแพรวพราว
โดยไม่สนใจว่าตนอาจจะไปกระตุกหนวดเสือเข้าให้
“โอ้.. กล้าหาญไม่เบานี่” ฮิบาริเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสร้งตื่นเต้นและจ้องมองอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ลดละ
“แล้วไงต่อ..?”
เขาพูดพลางยกมือขึ้นกอดอกส่งสายตาให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าถ้ายังไม่เลิกเล่นบ้าๆ คงไม่จบแค่ถูกทอนฟาฟาดแน่นอน
“เฮ้อ เลิกแล้วครับ..”
เหมือนรับรู้ได้ถึงสายตานั้น สึนะโยชิพูดเสียงอ่อยพร้อมกับถดตัวมานั่งปลายโซฟาด้วยท่าทางซึมๆ อารมณ์ของเจ้าตัวที่เปลี่ยนไปมาง่ายดายราวสับเปลี่ยนหน้ากากนั้นเป็นตัวตนของสึนะโยชิที่เกิดขึ้นมาใหม่ที่เขาเห็นจนคุ้นชิน
ฮิบาริหยัดกายขึ้นมานั่งชันเข่า เมื่อเห็นดังนั้นสึนะโยชิจึงเอนกายลงพิงขาของร่างสูงพร้อมถอดหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“เมื่อไหร่คุณฮิบาริจะรักผมหรอครับ..” คำถามเรียบง่ายที่ได้ยินทุกครั้งยามพบกัน..
สึนะโยชิถามเขาแบบนี้เสมอหลังจากเรื่องราวอันผิดปกตินี้เกิดขึ้น
พลั่ก!
ท่อนขาเรียวยกถีบแผ่นหลังบางที่พิงทับมาจนร่วงตกโซฟาเกิดเสียงดังตุ้บ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักสำหรับสึนะโยชิ ฮิบาริลุกขึ้นจากโซฟาหยิบเสื้อกั๊กคุรันมาสวมทับให้เรียบร้อย
"วันนี้คุณเคลียร์งานเอกสารให้ด้วยล่ะ ผมมีธุระ"
เหลือบมองนาฬิกาเพิ่งจะพักเที่ยง
มิน่า ถึงได้มานั่งลอยหน้าลอยตาในห้องของเขาได้.. ชายหนุ่มพ่นเสียงหัวเราะหึในลำคอ
ทิ้งประโยคสุดท้ายให้คนเจ้าเล่ห์ที่นั่งกุมหลังตัวเอง แล้วเดินออกจากห้องไปทันที
“แล้วอย่าคิดว่าผมจะยอมเป็นหนึ่งในของเล่นคุณสิ”
และคำตอบของเขาก็ยังคงเดิม..
+++++++++++++++++++++++
อีกแล้วหรือ..
สึนะโยชิใจกระตุกวูบเมื่อตกเย็นยามเลิกเรียน
ทันทีที่ร่างบางเปิดล็อกเกอร์เก็บรองเท้าตนก็พบกับซากหนูที่ถูกชำแหละไม่เหลือชิ้นดี
ไม่สิ นี่มันรุนแรงกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา เขาแทบหลุดเสียงกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นสภาพของมัน
ดวงตาถูกควักออกแล้วแทนทีด้วยกระดุมเย็บ มีด้ายร้อยปิดปากของมันไว้
และช่องท้องที่ถูกผ่ายัดอุปกรณ์บางอย่างลงไป
เลือดถูกทาเปรอะเปื้อนไปทั่วล็อกเกอร์จนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง
ไม่เว้นแม้แต่รองเท้าของร่างบาง กลิ่นเหม็นสาบของมันทำให้สึนะโยชิแทบอาเจียน
หากแต่เขาก็ต้องฝืนทนกลั้นใจนำเศษกระดาษมาต่างถุงมือ เพื่อจะหยิบเจ้าสิ่งที่ถูกทำให้ดูคล้ายตุ๊กตานี้ไปฝังให้เป็นที่เป็นทาง
แกร่ก แกร่ก..
“เฮ้ย!!”
ทันใดนั้นเจ้าสิ่งที่ไม่น่าเป็นตุ๊กตาได้นั้นก็ส่งเสียงประหลาดดังออกมา
สึนะโยชิตกใจจนเผลอโยนมันลงทำให้หยาดเลือดสาดกระเซ็นทั่วพื้น ร่างของมันกลิ้งไปมาก่อนจะหยุดนิ่ง
มองมาราวกับกำลังสบตากับร่างบาง..
‘นะ..สึนะ.. ท..ที่รัก..ของฉัน’
เจ้าหนูนั้นเริ่มส่งเสียงอีกครั้ง สึนะโยชิรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเสียงที่ดังออกมานั้นมาจากอุปกรณ์ที่ถูกยัดไว้ด้านใน
แต่กระนั้นเสียงทุ้มต่ำจากการใช้เครื่องดัดเสียงดังขึ้นขาดระยะก็ทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งนัก
สึนะโยชิกลืนน้ำลายดังเอื้อกเหลือบมองไปมา จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันนะ ที่เขาถูกใช้ให้ทำงานของกรรมการคุมกฎเป็นกอง
จนออกมาเย็นเกินจนที่แห่งนี้ไม่มีนักเรียนคนไหนเหลืออยู่แล้ว นอกจากเขา..
‘เธอมาช้า..นะ ที่รัก อยู่กับ..เจ้า ก กรรม— กฎ งั้นห.. หรอ’
กรรมการคุมกฎ ?
“แกเป็นใคร”
ลองกลั้นใจถามทั้งที่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่สามารถใช้คุยโต้ตอบได้
‘ทำไมกันนะ..’
เจ้าของเสียงที่อัดไว้เริ่มพูดอีกครั้ง คราวนี้เสียงของมันหายติดขัดแล้ว
จึงไม่ยากแก่การฟังนัก แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้ร่างบางต้องขนลุกเกรียวด้วยความหวาดกลัว
‘ทั้งๆที่ฉันรักเธอยิ่งกว่าใครแท้ๆ คอยเฝ้ามองเธอมาตลอด
แม้เธอจะมีใครฉันก็ไม่เคยโกรธเคืองเพราะฉันรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับมาหาฉัน แล้วทำไม
ทำไมต้องเป็นเจ้านั่น ฮิบาริ เคียวยะ! ทำไมเป็นมัน ทำไม ทำไม
ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม! ทำไมเธอต้องให้ความสนใจมันมากกว่าคนอื่นๆด้วย!! อา..ไม่เป็นไรที่รัก
ฉันรู้ว่าเธอแค่หลงผิด อย่างไรซะเธอก็คงจะถูกเจ้านั่นหลอกอีกใช่ไหมล่ะ? ใช่ เหมือนเจ้าอาจารย์จอมกะล่อนนั่นไง ฉันเสียใจนะ
ที่ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่ช่วยเธอเลยน่ะที่รัก
ถ้าไอ้เจ้าบ้านั่นมันไม่ล็อคประตูดาดฟ้าแล้วล่ะก็
ฉันแทบจะออกไปหาเธอให้เร็วที่สุดเลยล่ะ แต่ตอนนี้มันก็ไม่โผล่หัวมาแล้วนี่
เอ..หรือว่าโดนไล่ออกเพราะความสำส่อนของมันไปเข้าหูเบื้องบนกันน้า..? บังอาจมาทำร้ายที่รักของฉัน ฉันไม่ฆ่าแกก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่สิ รึจะฆ่าดี.. หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ ช่างเถอะ
ถ้ามันหายไปจริงๆแบบนั้นก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง..แต่เธอไม่ต้องกังวลไปนะ
ฉันไม่มีวันทำร้ายเธอหรอก เพราะฉันรักเธอไง สึนะที่รัก อย่าทำเขินอายไปเลย
ฉันรู้ว่าเธอแค่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากฉันเท่านั้น
ที่จริงแล้วเธอเองก็รักฉันมากเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ก็เราเป็นคู่แห่งพรหมลิขิตนี่ รู้ไหม.. ทุกครั้งที่เจ้าพวกคนน่ารังเกียจพวกนั้นมันเข้าใกล้เธอ
ฉันรู้สึกเกลียด เกลียดจนอยากจะทำให้พวกมันรู้ว่าเธอเป็นของฉัน ไหนจะสายตาโลมเลียแล้วก็ท่าทางที่มันมีต่อเธอนั่นอีก
เกลียด ฉันเกลียดจริงๆ! ฮะๆๆๆ ฉันรู้ว่าเธอคงจะงอนฉันแน่ถ้าฉันหึงมากจนเกินไป
ดังนั้นคงไม่ดีแน่ถ้าฉันเคลื่อนไหวตอนนี้ เห็นไหมฉันเป็นคนมีเหตุผลจะตาย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จดรายชื่อของพวกมันทั้งหมดไว้เลยนะ
เผื่อมีใครมารังควานให้เธอไม่สบายใจ ฉันจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเองนะเจ้าหญิง
ฉันจดรวมทั้งวันนี้ด้วยเหมือนกัน ถ้าเธอไม่เชื่อฉันจะอ่านให้ฟัง เอ..ไหนดูสิ
นิชิดะ.. โมริยาม่า.. แล้วก็ยามาโมโตะ ? แหมๆ กะแล้วจริงๆด้วยว่าเจ้านี่มันต้องคิดจะกินเธอแน่นอน
ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดที่พวกมันได้สัมผัสที่รักของฉันแบบนั้น เกลียด
อยากจะฆ่ามันให้ตายๆไปซะ ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย..
ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย.. ตาย..
โอ้ ฉันยังไม่ทำตอนนี้หรอกนะที่รัก ไม่ต้องกังวลไป จริงสิ!ฉันเตรียมเรือนหอของเราไว้ด้วยล่ะ
แปะรูปคู่ของเราไว้เต็มไปหมดเลยนะ เห็นไหมว่าฉันรักเธอขนาดไหน แต่เธอต้องรู้ไว้นะว่าถึงแม้พวกเราจะรักกันมากแค่ไหน
ถ้าหากเธอยังคงทำตัวดื้อดึงแบบนี้ต่อไปฉันคงต้องให้บทเรียนกับเธอซะบ้าง แน่นอนว่าพวกเพื่อนๆ..ไม่สิ
ผู้พิทักษ์ ว้าว.. นี่เธอคิดว่าจะปิดบังคนอื่นๆได้จริงหรอที่รัก
ว่าพวกเธอเป็นกลุ่มมาเฟียน่ะ คิกๆๆๆๆๆๆๆๆ บอกแล้วไงว่าฉันเฝ้ามองเธออยู่ ไม่แปลกใจเลย..ว่าทำไมเจ้าตัวปัญหาอย่างโกคุเดระ
ถึงได้กระดิกหางให้เธอแบบนั้น คงมีแต่เจ้านั่นสินะ ที่ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นแบบนี้..อ้อจริงสิ
เธอคิดยังไงกับของขวัญที่ฉันส่งมาให้เอ่ย ชอบรึเปล่า ฉันรู้ว่าเธอชอบสัตว์ตัวเล็กๆน้า
แต่ดูจากที่เธอโวยวายเมื่อกี้แล้วฉันคงต้องคิดใหม่ เอ.. หนูคงไม่เหมาะสินะ
ฉันขอโทษนะที่รัก อืมม งั้นคราวหน้าเอาเป็นอะไรดี กระต่าย แมว หรือเจ้านกสีเหลืองของกรรมการคุม--’
พลั่ก!
“หุบปาก”
‘เธอคงชอบ..’
ตุ้บ!
“หุบปาก!”
‘ก็เรารักกัน..’
ตึก!
“ไปตายซะ!!”
กึก! เผละ..
แรงกระทืบซ้ำๆของร่างบางทำให้ซากของหนูตัวนั้นแหลกละเอียด หยาดเลือดที่กระเด็นเปื้อนขาในที่สุดก็ทำให้ร่างบางได้สติ สึนะโยชิหน้าถอดสีทันทีเมื่อรู้ว่าตนเพิ่งทำอะไรลงไป ร่างบางทรุดลงนั่งกับพื้นไม่ห่างจากซากเจ้าหนูนักพลางจับจ้องมันด้วยดวงตาเบิกโพลงและร่างกายอันสั่นเทิ้ม
“ไม่นะ ไม่..”
ทันใดนั้น สัมผัสถึงมือหนาที่แตะลงบนไหล่บางก็ทำให้สึนะโยชิสะดุ้งสุดตัว..
‘ฉันเฝ้ามองเธอตลอด สึนะที่รัก’
“อ๊ากกกกก!!”
“มีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม”
ฝ่ายถูกถามพ่นลมหายใจเบาๆ พลางส่ายหน้า “ขออภัยด้วยครับคุณเคียว..”
“… ไม่เป็นไร คุณออกไปได้แล้ว” เขาพูดต่อโดยไม่ละสายตาจากงานเอกสารบนโต๊ะ
“ครับ..” คุซาคาเบะรับคำ
ก่อนจะเดินออกจากห้องไปตามคำสั่งของชายหนุ่ม
หลังสิ้นเสียงปิดประตู
ฮิบาริที่นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้นเมื่อครู่ก็ละมือจากงาน
ก่อนจะเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง
ร่างสูงถอนหายใจยาวนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
ซาวาดะ สึนะโยชิ หายสาบสูญไปร่วมสองเดือนแล้ว..
ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร..
มันเป็นแค่เช้าวันธรรมดาที่นักเรียนมาเรียนตามปกติ
หากแต่วันนั้น..กลับมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญของโกคุเดระ ฮายาโตะ
ชายผู้ก้าวร้าวจนคนมากมายไม่อยากข้องเกี่ยว
ท่ามกลางสายตาของเหล่านักเรียนนาโมมิริทั้งหลาย
โกคุเดระเพียงแค่นั่งกอดชุดนักเรียนเปื้อนเลือดขาดๆตัวหนึ่ง ที่หน้าตู้ล็อกเกอร์ที่มีคราบเลือดมากไม่แพ้กัน ตู้ล็อกเกอร์..ที่มีเจ้าของคือซาวาดะ สึนะโยชิ
ฮิบาริหลับตาลง ดูเหมือนว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
วองโกเล่จะระดมพลแทบทั้งหมด ไม่เว้นกระทั่ง Varia quality และ CEDEF ทั้งยังพันธมิตรมากมายจากทั่วทิศในการออกค้นหานภาที่หายไป
ก็แน่ล่ะ..ผู้เป็นดั่งหัวใจหายไป โครงสร้างของแฟมิลี่คงอยู่ไม่ได้
ต้องยกความชอบให้ผู้ดูแลนอกแก๊งเหมือนกันที่สามารถแก้ไขปัญหากับทางบ้านของสึนะโยชิได้จึงทำให้เรื่องราวไม่เอิกเกริกไป
แต่..แม้จะพยายามมากเพียงใด นภาที่หายไปก็ไม่มีวี่แววจะกลับคืน และสถานการณ์ยิ่งแย่ไปใหญ่เมื่อฝ่ายอริรู้ข่าวก็ฮึกเหิมส่งกองกำลังมา
หวังทำลายฐานที่มั่นของวองโกเล่ให้ย่อยยับ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
ประวัติศาสตร์สี่ร้อยกว่าปีย่อมต้องแข็งแกร่งให้สมเกียรติ
แต่ถึงแม้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด
หินผาที่โดนน้ำกัดเซาะนานปีเข้าก็ผุกร่อน วองโกเล่ที่ไร้ซึ่งบอสไม่นานคงล่มสลาย
ดังนั้นเหล่าผู้นำชั้นสูง จึงลงความเห็นให้เลือกนภาคนใหม่
เพื่อช่วยค้ำจุนฐานของวองโกเล่ น่าขันที่คนพวกนั้นแอบโล่งใจเมื่อรู้ว่าแหวนแห่งนภาไม่ได้หายไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งนั่นสร้างความไม่พอใจแก่เหล่าผู้พิทักษ์เป็นอย่างมากและมันคงเป็นชนวนที่จะก่อให้เกิดสงครามภายในอันยิ่งใหญ่ของวองโกเล่อีกครั้งอย่างแน่นอน
ฮิบาริหัวเราะหึในลำคอ คิดไปก็เปล่าประโยชน์..
อย่างไรเสียเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกแล้ว เดิมทีก็เพราะถูกบังคับนี่นะ ?
ตอนนี้หน้าที่ของเขาก็จบลงแล้ว ไม่มีนภาอย่างสึนะโยชิ
ฮิบาริเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่
ชายหนุ่มนั่งมองนิ้วเรียวของตนที่เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้เคยสวมทับด้วยแหวนแห่งเมฆา
ตำแน่งผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาก่อน
บัดนี้มันกลับมาว่างเปล่าดังเดิมอย่างที่ควรเป็น เหลือบไปมองนาฬิกาเห็นว่าใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วจึงไม่รอช้าเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านทันที
ตัวเขาในตอนนี้ก็มีเรื่องให้ทำมากมายกว่ามานั่งสนใจเรื่องมาเฟียไร้สาระนั่นเสียอีก
บรื้น..
เสียงบิดคันเร่งมอเตอร์ไซด์คันโปรดของกรรมการคุมกฎหนุ่มดังขึ้นตามความเร็วที่เจ้าตัวขี่
หยาดฝนที่โปรยปรายลงมาแม้เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วของเครื่องยนต์นั้นลดลงเลย กลับกันยิ่งทำให้ร่างสูงเร่งความเร็วเครื่องมากยิ่งขึ้นจนน่าหวาดเสียว
สายฝนกระหน่ำ เสียงลมกรรโชกแรง
ในที่สุด ฮิบาริ เคียวยะ ก็มาถึงที่หมาย ชายหนุ่มจอดรถในร่มก่อนจะตรวจเช็คข้าวของให้เรียบร้อยตามนิสัยตน
แล้วจึงไขกุญแจประตูคฤหาสน์ทรงญี่ปุ่นโบราณที่เป็นที่พักอาศัยของเจ้าตัวเข้าไป
ปัง!
ชายหนุ่มปิดประตูทันทีที่ตนเข้ามา
เสียงหยาดฝนที่รุนแรงจนไม่ยินเสียงใดเมื่อครู่เริ่มเบาลงเมื่อเข้ามาอยู่ใต้ตัวอาคาร
ฮิบาริสางผมที่ชุ่มด้วยหยดน้ำพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกโชกไม่แพ้กันออก
ดวงตาสีนิลกวาดมองไปตามทางเดินที่มืดสนิทก่อนจะสว่างวาบเมื่อฟ้าคะนอง
อา.. แย่จริง
ชายหนุ่มนึก
เขาละมือจากกระดุมที่เพิ่งปลดเสร็จไว้บนร่างกายแบบนั้น
ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงมายังห้องนอนของตัวเองอย่างเร่งรีบโดยไม่เก็บอาการ
เสียงหัวใจเต้นแรงระรัวแข่งกับเสียงฟ้าร้องที่ดังเป็นระยะอยู่ภายนอก มือเรียวผลักประตูเข้าไปอย่างไม่รีรอทันที
พลันท้องฟ้าก็สว่างวาบมาอีกครั้ง
เปรี้ยง!
"ฮึก.."
ฮิบาริหยุดนิ่งอยู่ปลายเตียง
เส้นผมสีขนกาปรกทับใบหน้าจนไม่อาจทราบอารมณ์ของเจ้าตัวได้
ครืน.. เปรี้ยง!!
"อ๊ะ! อึก.."
จนกระทั่งเสียงฟ้าร้องดังแทรกมาอีกรอบชายหนุ่มจึงเริ่มขยับกาย
เขาเดินตรงมาช้าๆที่หัวเตียงหยุดจ้องมองร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงของเขา
ยังคงสั่นกลัวและร้องไห้ ดวงตาหลับสนิทราวกับไม่อยากรับรู้สิ่งรอบกาย
บางที..หากยกแขนมาปิดตาได้ ร่างเล็กก็คงทำ
น่าเสียดายที่ทำแบบนั้นไม่ได้..
แขนของร่างบางถูกรั้งล่ามโซ่คล้องไว้กับหัวเตียงแน่นจนขยับไม่ได้
ร่างกายสั่นเทาหลับตาแน่นยังคงปรากฏคราบน้ำตาที่เพิ่งเหือดแห้งทิ้งคราบไว้
ริมฝีปากเม้มแน่นกลั้นเสียงครางสะอื้นของตน แม้จะกลัวแทบขาดใจ กับร่องรอยสีกุหลาบที่ยังคงเด่นชัดทั่วร่างกายที่พ้นประปรายออกมานอกชายเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่เจ้าตัวสวมอยู่
ร่างบางของสึนะโยชิที่ถูกล่ามโซ่ไว้ช่างดูน่าเวทนา..
"ชะ.. ช่วยด้วย ฮึก"
น้ำเสียงสั่นเทาพูดแผ่วเบาราวกับคนขาดน้ำ
ยามขยับตัวก็ได้ยินเสียงโซ่ครูดกับหัวเตียงเป็นระยะ
ฮิบาริเหยียดยิ้มกว้าง
หรี่ตามองร่างบนเตียงด้วยสายตาหยาดเยิ้มดังจ้องมองสิ่งที่รักใคร่
ใบหน้าคมที่มักจะขาวซีดแต่งแต้มด้วยสีแดงกุหลาบทั่วใบหน้า
เขาขยับขึ้นเตียงจนเบาะยุบฮวบ ทำให้ร่างเล็กที่ไม่รู้ว่ามีคนอื่นนอกจากตนอยู่สะดุ้งไม่ใช่น้อย
"อะ คุณฮิ-- อื้ม"
ไม่ทันให้ร่างบางที่ลืมตาโพลงตกใจกับการปรากฏตัวของร่างสูงได้เอ่ยให้จบ
ริมฝีปากเรียวก็เข้าประกบปากบางแน่นพลางฉกลิ้นอย่างรวดเร็วฉาบฉวยปลุกอารมณ์คนที่หวาดกลัวตัวสั่นเมื่อครู่ให้ร้อนเป็นไฟ
"อื้อ อ๊า เดี๋ยว-- แฮ่กๆ อุ๊บ!" อีกครั้งและอีกครั้งที่ชายหนุ่มผละออกให้ร่างบางได้หายใจแล้วระดมจูบแลกลิ้นควานหาความหวานที่มีไม่รู้หมดจนร่างเล็กคล้อยตามอย่างง่ายดาย
ในที่สุดฮิบาริก็ถอนจูบ ร่างบางคิดว่าเขาจะหยุดลงแค่นั้น
แต่เปล่าเลย เมื่อร่างสูงเริ่มไล้มือไปใต้เสื้อเชิ้ตสะกิดยอดสีหวานทั้งสองข้างจนร่างเล็กทั้งบิดกายเร่า
"เฮือก! อ๊ะ เจ็บ" สึนะโยชิหลุดเสียงร้องเมื่อร่างสูงทำกายสอดใส่เข้ามาทันทีโดยไม่มีการเบิกช่องทางใดๆ ใบหน้าปริ่มน้ำตา หากแต่เมื่อจะเอ่ยต่อเสียงที่ออกมาก็กลับเป็นเสียงครางด้วยความสุขสมแต่ไม่นานก็เปลี่ยนมาเน้นย้ำกระแทกส่วนล่างจนร่างเล็กหายใจเฮือก
"อึก คุณฮิบาริ! ผมเจ็บ อ๊า!!" เสียงหวานครางออดอ้อน
หาได้เข้าหูชายหนุ่มไม่
ฮิบาริยิ้มแย้มราวกับคนได้รับชัยชนะจนผิดวิสัยตน ก่อนจะเร่งจังหวะเร็วขึ้น.. เร็วขึ้น.. เร็วจนในที่สุดร่างบางก็เสร็จสมอารมณ์
ร่างบางหอบจนตัวโยนหลังจากผ่านศึกรักไปหมาดๆ
"ทำไม.. คุณอิบาริ ทำไมคุณถึง.."
สึนะโยชิถามร่างสูงด้วยความสับสน ใบหน้าหวานเอ่อล้นด้วยน้ำตา
และสีหน้าแห่งความเจ็บปวด ท่อนแขนที่ถูกโซ่ล่ามไว้เป็นรอยช้ำเขียวน่าสงสาร
"เธอน่ะ เป็นของผมคนเดียวเท่านั้น"
พูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะเริ่มสานต่อบทรักที่ตัวเองค้างทันทีและดูท่าว่ามันคงจะไม่จบลงง่ายๆ ท่ามกลางเสียงฟ้าฝนที่กระหน่ำลงมา ฮิบาริยังคงสุขสมเคล้าเสียงสะอื้นไห้ของร่างบางที่ไม่อาจต่อต้านได้ ตัวตนของนภา.. ที่ถูกวองโกเล่ทอดทิ้ง..
และถูกเมฆากลืนกิน..
ชั่วขณะนั้นมุมปากบางยกยิ้มหวานก่อนจะเลือนหายไป แทนที่ด้วยสีหน้าที่แสร้งทำดังเดิม..
'ดีจริงๆที่ผมกับคุณฮิบาริใจตรงกัน นึกว่าจะต้องใช้วิธีรุนแรงกว่านี้ซะอีก'
คำถาม : ในนี้ใครโรคจิตสุดเอ่ย
ก. เคียวยะ
ข.สึนะโยชิ
ค.คนแต่ง -..-
ใครงงมายืนกับฟงตรงนี้ ฮ่าาา ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
Scarlet Fox
ความคิดเห็น