ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | KissMark ตราไว้ในใจนายคือของฉัน![END]

    ลำดับตอนที่ #50 : :: KISSMARK :: EP.50

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.92K
      56
      12 ม.ค. 58



    แย่…


    โคตรแย่…



    ตั้งแต่เกิดมาจินยองยังไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้เลยนะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่มีปัญหากับที่บ้าน ตอนย้ายโรงเรียนมาช่วงแรกๆแล้วต้องอยู่คนเดียว หรือจะเป็นตอนที่รู้ว่ามาร์คไม่ได้มีความรู้สึกแบบเดียวกันเลยซักนิด แต่ทั้งหมดนี้จินยองก็ยังไม่รู้สึกแย่เท่ากับที่ตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนสองคนต้องทะเลาะกัน แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนนั้นจะคืนดีกันแล้วก็ตาม…



    เมื่อคืนหลังจากที่แจ็คสันโทรมาบอกว่ามาร์คเข้าโรงพยาบาลเขาก็ยิ่งหนักใจไปมากกว่าเดิม รู้สึกแย่หนักกว่าเดิม กลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไป จะรีบตามไปโรงพยาบาลแต่ก็โดนห้ามเอาไว้เพราะแบมแบมก็อยู่ด้วย สุดท้ายก็เลยได้แต่นั่งภาวนาอยู่ในห้องไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะเป็นกังวล พอมาตอนเช้าเห็นแจ็คสันกลับมาเอาของถึงได้รู้ว่ามาร์คปลอดภัยดีแล้ว ความรู้สึกโล่งใจ สบายใจมันก็เริ่มมีแทรกเข้ามา แต่ไอ้ความรู้สึกแย่ๆนี่ก็ยังหายไปซักที



    ถ้าไปขอโทษแบมแบมก็ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นมาบ้างรึเปล่า…แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปขอโทษเรื่องอะไร ปกติเจอหน้ากันก็ใช่ว่าจะได้พูดกันซะเมื่อไหร่



    เห้อออออออออออออออออ~



    ตอนเป็นประธานนักเรียนใหม่ๆยังไม่เคยหนักใจอะไรเท่านี้เลย นี่ตั้งแต่ออกมาจากโรงแรมจินยองก็เอาแต่ถอนหายใจ ทำหน้าเบื่อโลกบอกบุญไม่รับ ตีหน้านิ่งบ้าง ขมวดคิ้วบ้าง จนยูคยอมที่นั่งอยู่ข้างๆต้องคอยปลอบ คอยถามเป็นระยะๆ จนกระทั่งกลับมาถึงโรงเรียนเขาก็ยังรู้สึกว่าไม่โอเค… มันไม่มีอะไรโอเคเลย ทั้งมาร์ค แจ็คสัน แล้วก็แบมแบมยังไม่มีใครกลับมาซักคน



     เมื่อยกของลงไปเก็บในห้องกรรมการนักเรียนกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็ทยอยกันกลับบ้าน เนื่องจากเหนื่อยกันมามากก็คงไม่มีใครมีกระจิตกระใจอยากจะขึ้นตึกไปนั่งเรียนต่อ ทั้งเหนื่อยจากทำงานแล้วก็เหนื่อยจากการปาร์ตี้ และยูคยอมก็เป็นอีกคนที่เลือกจะกลับบ้านทันทีที่จัดของเสร็จ



    “กลับบ้านมั้ยพี่ ผมไปส่ง” ร่างสูงหันมาถามจินยองที่นั่งทำหน้านิ่งๆส่งทุกคนอยู่หน้าตึกก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าเบาๆกลับไป



    “อ่าครับ ไม่ต้องคิดมากนะพี่ เดี๋ยวเขาก็กลับมากัน”



    “อือ”



    “อย่าเฟลดิพี่ ประธานนักเรียนอะไร มาทำหน้าท้อแท้ใจกับเรื่องแบบนี้” ยูคยอมแซวก่อนจะเอื้อมมือไปตบไหล่บางเบาๆ



    “ก็กูนี่แหละ จะกลับบ้านก็ไปดิ”



    “แล้วพี่จะกลับตอนไหนอะ…



    “เย็นๆมั้ง รอพวกนั้นกลับมาก่อน”



    “ถ้ายังไม่กลับวันนี้อะ…



    “ก็คงกลับพรุ่งนี้”



    “พี่เข้าไปนอนรอในห้องกรรมการดิ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนไม่ใช่หรอ” ยูคยอมว่าพลางชี้นิ้วไปยังบันไดลงชั้นใต้ดิน เขาไม่เคยเห็นจินยองในสภาพนี้เลยจริงๆ ดูไม่เป็นประธานนักเรียนเลยซักนิด บอกได้คำเดียวว่าหมดสภาพ…



    “เออๆ มึงก็ไปซักทีดิ คนสุดท้ายละเนี่ย จะเข้าไปล็อกห้องนอนล่ะ ไปเหอะๆ กูอยู่ได้”



    “แน่นะพี่ อย่าเหี่ยวตายนะ”



    “เออหน่า”



    “ผมไปนะ”



    “อือ”



    “พักผ่อนด้วยนะพี่ ประธานนักเรียนป่วยจะพาซวยรองอย่างผม”



    “เออ”



    “ไปแล้วนะ”



    “ไปซักทีเถอะมึงอะ ไม่ไปกูถีบ”



    “ครับ”



    แค่จินยองชักสีหน้าและบอกว่าจะถีบพร้อมยกเท้าขึ้นมา คิมยูคยอมก็ตอบกลับมาสั้นๆก่อนจะโค้งให้หนึ่งครั้งแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ตามจริงก็ไม่ได้เดินเร็วเท่าไหร่หรอก แต่ไอ้ขายาวๆเกินความจำเป็นของเด็กอายุสิบเจ็ดมันเลยทำให้ดูเหมือนว่าเดินเร็ว จินยองนั่งมองแผ่นหลังกว้างๆของรุ่นน้องตัวสูงเดินออกไปจนพ้นรั้วโรงเรียน ก็ทำท่าจะลุกขึ้นเดินกลับไปยังชั้นใต้ดินถ้าไม่มีเสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมาหลายวันดังเรียกซะก่อนน่ะนะ…



    “เฟลเรื่องไรมาอะ?” น้ำเสียงทุ้มกึ่งงัวเงียเป็นเอกลักษณ์ดังมาทำให้จินยองต้องหันกลับไปมองด้วยความเร็ว



    “แจบอม…” จินยองพึมพำ



    “เจบี!” เขาท้วง “ไม่เห็นหน้ากันหลายวันลืมชื่อแล้วรึไง?”



    “ลงมาทำไมอะ นี่มันเวลาเรียนนะ ไปเรียนสิ” จินยองโบกมือไปมาเป็นเชิงไล่ก่อนจะลุกขึ้นยืน



    “ครูไม่เข้าอะ ไปไหนไม่รู้”



    “ครูไม่เข้าก็ไม่ได้หมายความว่านายจะเดินออกมานอกคลาสเรียนได้นะ ยองแจล่ะ?”



    “หลับอยู่…



    “แล้วนายลงมาทำไมอะ แทนที่จะไปเฝ้ายองแจ”



    “ทีจริงก็เฝ้ามันอยู่แหละ เกือบหลับตามไปแล้วด้วย แต่ได้ยินเสียงรถมาเลยลงมาดูอะ” แจบอมตอบพลางพยักเพยิดไปที่รถตู้ซึ่งจอดอยู่หน้าตึก



    “แล้วลงมาทำไม ฉันไม่อยู่นี่มาเรียนสายมั้ยเนี่ย?”



    “ไม่สาย…มาเช้า”



    “จริงดิ?!



    “อือ กลัวประธานเสื่อมเสียชื่อเสียงไง”



    “ก็ดี ขึ้นไปได้ละไป ฉันจะลงไปห้องใต้ดินแล้ว” จินยองโบกมือไล่อีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับโดยที่ไม่ได้สนใจอีกคนที่กำลังเดินตามมาข้างหลัง



    “ฉันไปด้วยสิประธาน”



    “ขึ้นไปบนคลาสสิ ยองแจอยู่คนเดียวไม่ใช่รึไง” มือที่กำลังจะเปิดประตูชะงักก่อนจะหันไปถาม แต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาเลย แจบอมทำเพียงแค่ยื่นมือไปเปิดประตูแล้วดันหลังอีกคนเข้าไปข้างในก่อนจะล็อกประตูเพื่อไม่ให้ครมารบกวนแล้วเดินนำเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง



    “ข้างบนมันเสียงดังอะ เดี๋ยวยองแจตื่นเขาก็โทรหาฉันเองแหละ”



    “เอ้า!! แล้วจะมาอยู่ด้วยทำไม ไหนบอกไม่ชอบห้องนี้ไง”



    “แล้วอยู่ไม่ได้หรอ เงินที่ใช้สร้างห้องนี้นี่เงินมอบตัวฉันเข้าโรงเรียนเลยมั้ง” แจบอมว่าขณะเงยหน้ามองไปรอบๆห้องแล้วพยักหน้าพออกพอใจกับการบอกว่าตัวเองต้องจ่ายมากขนาดไหน



    “ฉันจะนอน! เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน เพลียจะแย่แล้วเนี่ย” จินยองเริ่มกระชากเสียง



    “ก็มานอน”



    “ลุกดิ ออกไปสิ”



    “บอกมาก่อนสิว่าเฟลเรื่องอะไรมา ไปทำอะไรมาถึงได้เพลียขนาดนี้ แล้วทำไมไม่ได้นอน ไม่ได้พักเลยหรอ น่าตานี่อิดโรยมากเลยรู้ตั้วมั้ยเนี่ย” แจบอมพูดพลางใช้สายตากวาดมองใบหน้าหวานที่ดูเหนื่อยล้าเต็มที



    “ยุ่งหน่า…จะนอนแล้ว นายก็ลุกออกไปซักที”



    “นอนตักฉันดิ”



    “ไม่ใช่เรื่อง! จะลุกมั้ย ไม่ลุกจะกลับไปนอนบ้านแล้ว” เมื่อพูดจบแจบอมก็แทบจะเด้งตัวขึ้นมาทันที ฝ่ามือหนาผายออกให้จินยองเดินมาเอนตัวลงนอน ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงที่พื้น แล้วเกยคางไว้กับเบาะโซฟา



    “ไปเฟลอะไรมา…บอกได้มั้ยอะ?”



    “ไม่ต้องรู้หรอก ไม่ใช่เรื่องของนาย…



    “เรื่องมาร์คต้วนหรอ…



    “ยุ่งหน่า…



    “ถ้าอึดอัดระบายให้ฉันฟังก็ได้นะ”



    “ไม่ได้อึดอัด…



    “แล้ว…?”



    “แค่เสียใจ…แต่เดี๋ยวก็หาย



    “ประธาน…ชอบมาร์คใช่มั้ย?”



    “…



    “ประธาน…



    “…



    “อือ ไม่กวนแล้วก็ได้…” เขาพูดเสียงแผ่วก่อนจะเท้าคางมองจินยองที่ค่อยๆหลับตาลง หัวคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนยุ่ง แจบอมอยากจะเอามือขึ้นไปนวดให้ แต่ก็กลัวโดนว่ากลับมาอีก เลยได้แต่นั่งมองอย่างนึกเป็นห่วง



    ตอนแรกเขาก็แค่จะลงมาดูว่ากลับมาแล้วเป็นยังไงบ้าง เพราะว่าตอนที่ไปจินยองบอกว่าจะโทรมาปลุกก็ไม่โทรมา แต่ถึงยังไงเขาก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนอยู่แล้ว นั่งรอจนยองแจตื่น ยองแจอาบน้ำเสร็จจนมาถึงโรงเรียนโทรศัพท์ก็ยังเงียบอยู่ แจบอมคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะทำงานจนหนักก็ได้เลยลืม แต่พอมาเห็นแล้วคงจะไม่ได้ทำงานหนักอย่างเดียว…



    เห็นอีกคนท่าทางไม่ค่อยดี เขาก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาแปลกๆ จากที่ตอนแรกจะกลับขึ้นไปเฝ้ายองแจ ก็กลายเป็นว่าต้องมานั่งเฝ้าประธานนักเรียนแทน… ทีจริงเขาก็ไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเรื่องของจินยองมากเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็คงต้องถามอะไรบ้าง แต่ในเมื่อไม่อยากเล่าเขาก็ไม่อยากรู้  ไม่ได้อยากรู้ด้วยซ้ำ มันรู้สึกหน่วงๆ ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่มันก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ



    “ประธาน…” แจบอมเรียกคนที่นอนเสียงแผ่วเบา เมื่ออยู่ๆน้ำตาหยดใสก็ค่อยๆไหลซึมลงมาอาบข้างแก้มเนียน น้ำตาของจินยองทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ นิ้วมือเรียวยกขึ้นหวังจะเอื้อมไปเช็ด แต่อีกคนก็พลิกตัวกลับไปเสียก่อน




    “ไหวมั้ยจูเนียร์…?”



    “อือ ไม่เป็นไร…” ตอบกลับมาด้วยน้ำสียงสั่นเครือจนทำให้เขารู้สึกอยากร้องไห้ตาม จะปลอบก็ทำไม่ได้ จะทำอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง



    เพราะขนาดจินยองร้องไห้เรื่องอะไรเขายังไม่มีสิทธิ์รู้เลย



    .

    .

    .




    เคยรู้สึกว่ารอบตัวมันว่าง ทั้งๆที่มีคนอยู่เต็มไปหมดเลยมั้ยครับ...มีคนเป็นสิบยี่สิบคนที่อยู่ในห้องนี้  เสียงก็ดังจนแทบจะทะลุไปห้องข้างๆ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าอยู่คนเดียวในห้องที่โล่งและเงียบ ไม่ใช่ว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยหรือเล่นกับผมนะ คนที่เดินผ่านโต๊ะที่ผมนั่งก็ทักทายผมกันทั้งนั้นแหละ แต่ที่ผมรู้สึกว่ามันเงียบๆก็คงจะเป็นเพราะไม่มีเสียงของเจ้าของที่นั่งข้างๆผม



    เจบีหายไปไหน...



    นี่เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมาแล้วไม่เจอคนที่มักจะอยู่กับผมตลอดเวลา คาบเรียนเมื่อกี้อาจารย์ไม่ได้เข้าสอนผมเลยฟุ่บหลับไป พอตื่นมาผมก็ไม่เห็นเจบีแล้วทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังอยู่ พอถามคนในห้องก็ไม่มีใครเห็น พอโทรไปหาก็พบว่าโทรศัพท์เจบีวางอยู่ใต้โต๊ะให้ผมกดรับเองเลยแหละ



    “กล้าทิ้งกูไว้คนเดียวมึงตายแน่เบบี้บี...” ยองแจพูดรอดไร้ฟัดด้วยความหงุดหงิดก่อนที่สายตาจะมองตามอาจารย์ที่เดินเข้ามาในคลาสและเริ่มการสอนโดยไม่สนใจนักเรียนในคลาสว่าพร้อมที่จะรียนกันรึเปล่า



    เพราะยังไงคลาสเรียนนี้ก็ถือว่าเป็นคลาสที่แย่ที่สุดจะเรียนหรือไม่เรียนก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่



    หงุดหงิด



    ตอนนี้ยองแจกำลังรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมากแม้สีหน้าที่แสดงออกมาจะเรียบเฉยก็เถอะ การที่ไม่มีเจบีอยู่ข้างๆมันทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจที่จะทำอะไรซักอย่าง ถึงตอนนี้จะแค่นั่งเรียนเฉยๆก็ตาม แต่ถ้าเกิดถูกเรียกตอบอะไรที่มันง่ายๆแล้วตอบไม่ได้ขึ้นมาก็คงอายมากแน่ๆ



    “แม่งเอ้ย” ยองแจสบถเบาๆแล้วฟุ่บหน้าลงไปกับโต๊ะอีกครั้งหวังว่าถ้าตื่นมาอีกครั้งเขาจะเจอเจบีนั่งอยู่ข้างๆ



    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง!! กริ๊งงงงงงงงงงงงงง!!



    เสียงกริ๊งเลิกเรียนดังขึ้นบอกเวลาหมดคาบเรียนคาบสุดท้ายของวัน อาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าคลาสหันกลับมาเก็บของก่อนจะเดินออกไป นักเรียนก็มีมารยาทมากพอที่จะรอให้อาจารย์เดินออกไปก่อนที่ตัวเองจะวิ่งสี่คูณร้อยแข่งกันไปถึงหน้าประตูโรงเรียนเหมือนกับนักโทษโดนปล่อยออกจากเรือนจำ แต่ถึงคนอื่นจะรีบวิ่งกันไปแค่ไหนแต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ



    ชเว ยองแจ



    เจบีหายไปเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงแล้วนะ ไอ่เรื่องจะไปเนี่ยเขาไม่ห้ามหรอกถ้ามีธุระหรือว่าอะไร แต่ไปไหนก็ไม่บอกแถมยังทิ้งไว้กับโทรศัพท์ของเจ้าตัวอีกต่างหาก แบบนี้มันก็หมายถึงว่าไม่ให้ตามตัวกันเลย  เพราะยองแจก็ไม่รู้ด้วยว่าจะไปตามที่ไหนดี



    TRRRRRRRRRRRRRRRRR!!



    “ครับ” นั่งหงุดหงิดอยู่ซักพักก็มีคนโทรเข้ามาให้เขากรอกเสียงเหวี่ยงๆใส่



    (“พ่อให้คนไปรับนะรออยู่หน้าตึกล่ะ”)



    “พ่อ” ยองแจเอียงโทรศัพท์มาดูรายชื่อคนโทรเข้าเพื่อเช็คความแน่ใจอีกครั้งก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ปกติ “แต่ผมนัดเจบีไว้”



    (“วันนี้พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”)



    “เรื่องอะไรครับ”


     


    “ก็ได้ครับ” ตอบเสียงเซ็งๆแล้วยัดโทรศัพท์เครื่องหรูลงในกระเป๋ากางเกง หันกลับไปที่นั่งๆแยกเขี้ยวให้หนึ่งทีราวกับเจ้าของที่จะเห็น ก่อนจะลุกขึ้นเดินลงไปข้างล่างตึก ทีจริงพ่อส่งคนมารับแบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องรอเจบีที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน แล้วจะมาเมื่อไหร่



    เอี๊ยดดด!



    ยืนเบื่อๆอยู่ไม่นานรถยนต์คันหรูก็แล่นมาจอดเทียบทางขึ้นตึก เรียกให้ยองแจหันไปมองแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินไปหา เพราะเขารู้ว่ารถคันนั้นไม่ใช่รถของที่บ้าน แต่เป็นรถของใครก็ไม่รู้ที่บ้าติดฟิล์มดำรอบคัน แถมเบรกแรงไม่กลัวเบรกแตกอีกต่างหาก



    ปัง!



    ไม่กลัวประตูรถพังด้วย



    “เห้ย!” นิ้วมือเรียวถูกยกขึ้นมาชี้ไปยังร่างสูงตรงหน้าที่กำลังกดรีโมทอัตโนมัติล็อกรถ “ถ้าไม่ได้เคลียร์อย่ามาเรียกกูว่าชเวเลยเถอะ  ไอ้แจ็คสัน!!



    “ห้ะ?!” ร่างสูงเจ้าของชื่อหันมาตามเสียง เรียกให้หัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย “ใครวะ?”



    “ฉันเอง!” ยองแจกระชากเสียงใส่



    “นั้นแหละใคร?”



    “แกล้งจำไม่ได้รึไง”



    “ไม่มีเวลามากพอมาแกล้งใครหรอกนะ ไม่มีอะไรก็หลบไปเสียเวลา” แจ็คสันพูดเสียงเรียบพร้อมกับใช้ฝ่ามือดันไหล่อีกฝ่ายให้หลบทาง



    “ไรวะ! คราวที่แล้วเดินชน คราวนี้มาผลักไหล่อีก มันจะมากไปหน่อยแล้วนะเว้ย!!



    “เดี๋ยวนะ



    “ขอโทษดิ แค่ขอโทษนี่ยากมากป่ะ ขอโทษก็จบ!



    “ฉันทำอะไรผิดรึไงถึงต้องขอโทษ” แจ็คสันพูดตอบพลางนึกไปถึงเหตุการณ์คุ้นๆก่อนหน้านี้



    เดินชนแล้วไม่ขอโทษหรอ



    อ๋ออออออ~



    “มึงนี่เอง”



    “นึกออกแล้วเปลี่ยนสรรพนามเลยหรอวะ ฉันไปสนิทด้วยเมื่อไหร่ หยาบคายว่ะ” ยองแจเบะปาก



    “จะหาเรื่องอะไรอีก”



    “นายยังไม่ขอโทษฉันอะ ทั้งเดินชนแล้วก็ผลักไหล่เมื่อกี้ด้วย ขอโทษดิ!



    “แค่นี้



    “ก็ขอโทษมาดิ ยากรึไงวะ รึจะมีเรื่อง!



    “นักเลงชิบหาย” แจ็คสันพึมพำ



    “มึงด่ากู!



    “ไม่ได้ด่า แค่คิดดังไปหน่อย”



    “นักกีฬาจริงป่ะวะน้ำใจนักกีฬาแม่งไม่มี”



    “มีกับคนที่ควรจะมี



    “เห้ย! แม่ง



    “คุณหนูชเวครับ!” เสียงทุ้มดังตะโกนเรียกจากทางด้านหลังทำให้คุณหนูชเวต้องหันไปมองอย่าหงุดหงิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า



    เวลาจะมีเรื่องกับไอ้นี่ทีไรต้องมีคนมขัดตลอด แม่ง!!



    “ขอโทษดิวะ!” ยองแจเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับถลึงตาใส่


    “ไม่” แจ็คสันตอบกลับมากวนๆ “ขึ้นรถสิ ปล่อยคนรอนานไม่ดีนะคุณหนูชเว


    “เออ!!” ยองแจกระแทกเสียงก่อนจะแตะขาคนตรงหน้าแรงๆไปหนึ่งทีแล้วรับวิ่งไปทีรถปล่อยอีกคนยืนกระโดดไปมาเพราะความเจ็บ



    นี่ถ้าไม่ใช่พ่อที่รออยู่ได้ตายกันไปข้างแน่ๆ คนอะไรไม่รู้แม่งโคตรกวนประสาทเลยโว้ยยยยยยย!! แค่ขอโทษนี่คงยากมาก พูดออกมาตัวก็ไม่เตี้ยไปกว่านี้หรอกแม่ง วันนี้มีแต่เรื่องหุงดหงิด เจบีก็หาย พ่อก็มาเรียกคุยอะไรไม่รู้ แถมยังเจอไอ้นักกีฬาเวรนี่อีก



    วันนี้แม่งวันซวยของเด็กชายชเวจริงๆ!!

     

    ----------------------------------------

    #fickissmark

    -----------------------------------------


    : โม่ยังไม่ตายนะทุกคน5555555 โดนงาน รร รุม :


     
     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×