คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : :: KISSMARK :: EP.48
มาร์คกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปบนท้องถนนเรียบชายหาด ดวงตาคมพยายามเพ่งมองหาร่างบางของแบมแบมทั้งฝั่งซ้ายและขวา แต่ก็ไม่เจอซักที จากจุดที่เขาจากกับแจ็คสันมามันก็ไกลพอสมควรแล้ว แบมแบมที่เพิ่งถอดเฝือกออกก็ไม่น่าจะวิ่งไปไหนได้ไกล แค่ระยะทางที่เขาเดินมานี่ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นแล้วนะ
นอกจากระยะทางมันจะไกลเกินสมควรแล้ว บริเวรนี้มันยังเงียบสงบไร้ผู้คนอีกต่างหาก แต่เพราะเป็นทะเลที่มีรีสอร์ทมีโรงแรมเสียงของงานปาร์ตี้สังสรรค์มันก็ดังออกมาทำให้ไม่เงียบจนมีแต่เสียงลมมากเกินไป… มาร์คเดินต่อไปเรื่อยๆเมื่อหันซ้ายหันขวาแล้วก็ไม่พบใคร สองขาก็ก้าวยาวๆอย่างนึกเป็นห่วงอีกคน อีกอย่างแสงไฟบริเวณนี้มันก็น้อยเสียด้วยสิ ถ้าไม่มีแสงจากดวงไฟสาธารณะที่ติดดวง ดับดวง กระพริบดวง บริเวณนี้ก็คงจะมืดสนิท
“หายไปไหนของเขาเนี่ย?” มาร์คพึมพำกับตัวเองก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกครั้ง ยิ่งวิ่งออกไปไกลจากโรงแรมเท่าไหร่ ก็เหมือนว่าทางมันจะยิ่งมืดมากขึ้นเท่านั้น เสียงงานปาร์ตี้สังสรรค์มากมายมันก็เริ่มที่จะเบาลง
ในเมื่อยังไม่เห็นแบมแบม เขาก็ต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าทางมันยังไม่ตันยังไงเขาก็ต้องเจอแบมแบม…
แบมแบมไม่ชอบความมืด…
อยู่ๆข้อความที่แบมแบมเคยบอกเขาก็ผุดขึ้นมาในหัว ทันทีที่สายตากระทบเข้ากับความมืดสลัวบนถนนตรงหน้า ดวงไฟริมทางที่ดีบ้างเสียบ้าง กลับเสียไปทั้งหมด เหมือนเป็นถนนที่ไม่ค่อยมีคนได้ใช้ เลยไม่มีการซ่อมแซมให้เปลืองงบประมาณ ถึงแม้ว่ามันจะมืด แต่ก็ยังคงมีแสงสว่างที่ลอดออกมาจากบ้านของชาวประมง และโรงแรมที่อยู่ไกลๆ มันก็เลยทำให้พอมองเห็นบ้างแต่ก็ยังมืดอยู่ดี ถ้าทางมืดขนาดนี้แบมแบมไม่มีทางเดินมาหรอก แต่ตั้งแต่ที่เดินมาเขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของแบมแบมเลยด้วยซ้ำ
แบมแบมไม่ชอบความเงียบ…
แบมแบมบอกว่าเวลารอบๆตัวมันเงียบ เขาจะเหงาโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นตอนนอนแบมแบมเลยต้องฟังเพลงถึงจะนอนหลับ เป็นเพราะตอนเด็กที่ไม่ได้เติบโตมากับพ่อแม่ แล้วยังมีคุณป้าที่เป็นผู้จัดการบริษัทอีก โตมาคนเดียวกับความเงียบ เวลาจะนอนก็เลยต้องหาอะไรที่มันมีเสียงมาอยู่เป็นเพื่อน นั่นก็คือเพลง… แต่ที่มาร์คเดินอยู่ตอนนี้ อย่าว่าแต่เสียงเพลงเลย เสียงคนคุยกันยังไม่มี มีแต่เสียงลมที่ดังหวิวๆอยู่ข้างหู
ยิ่งเดินก็ยิ่งมืด ยิ่งเดินก็ยิ่งเงียบ…
แล้วแบมแบมจะเดินมาที่ๆทั้งมืดทั้งเงียบแบบนี้ทำไม ทั้งๆที่ขาก็เพิ่งจะหายดี…
เมื่อคิดได้ดังนั้นมาร์คก็เลือกที่จะหมุนตัวกลับไปในทางเดิมที่เดินมา แม้ว่าทางข้างหน้ามันจะมีให้เดินต่อก็ตาม แต่ทางที่ทั้งมืดทั้งเงียบแบบนี้แบมแบมไม่มีทางเดินมาแน่ๆ จิตใต้สำนึกมันบอกเขาแบบนั้น…
เมื่อเดินกลับมาเขาก็พยายามมองหาให้มากกว่าเดิม เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินแล้วค่อยๆมองๆที่ละจุด จากเก้าอี้ทีละตัว หน้าบ้านที่ละหลัง ตรอกซอยตันเล็กๆ ใต้ดวงไฟสาธารณะที่ริบหรี่ จนจะกลับไปยังจุดที่เขาเจอกับแจ็คสัน เขายังไม่เจอแบมแบม…
มือหนาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบมือถือเครื่องหรูขึ้นมากดหาเบอร์ที่ตั้งเป็นเบอร์ฉุกเฉินไว้เบอร์แรก…
-แบมแบม-
(“มึงยังไม่เจอแบมอีกหรอวะ?”) รอฟังเสียงสัญญาณอยู่ไม่นานเสียคุ้นหูจากปลายสายก็ดังตอบกลับมา
“จ แจ็คสันหรอ ทำไมโทรศัพท์แบมอยู่กับมึง” คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง
(“กูก็เพิ่งรู้เนี่ยว่า โทรศัพท์แบมอยู่บนรถ-”)
มาร์คกดตัดสายไปทันทีที่รู้ว่าฟังไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ตอนแรกก็ว่าจะหาเอง แต่พอไม่เจอก็โทรหา พอโทรไปโทรศัพท์ก็ดันไปอยู่กับแจ็คสันอีก แล้วเขาจะหาแบมแบมเจอมั้ยเนี่ย วันนี้จะได้เจอกันมั้ย จะได้คุยกันได้มั้ย จะได้ปรับความเข้าใจกันรึเปล่า
จากตอนแรกที่เป็นห่วงอยู่แล้วก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก ตอนนี้มันทั้งดึก ทั้งมืด ทั้งเงียบ ทั้งเปลี่ยว บรรยากาศรวมๆแล้วก็ไม่น่าอยู่คนเดียวซักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าป่านนี้แบมแบมจะป็นยังไงบ้าง ไปอยู่ที่ไหน ร้องไห้อยู่รึเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับแบมแบม…แต่ก็คงไม่มั้ง…
คิดในแง่ดีเอาไว้มาร์ค ต้วน…
แต่ว่า…
ในวันฟ้าปิด เวลาห้าทุ้มเกือบๆเที่ยงคืน ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด มีเพียงความเงียบที่เขาปกคลุม มันก็ทำให้เขาเริ่มคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนานา แล้วแต่ละอย่างที่คิดมันก็เริ่มทำให้เส้นเลือดในสมองเขาเต้นตุ้บๆ ดวงตาคมเพ่งมองรอบๆบริเวณ ขาสองข้างเริ่มออกเดินอีกครั้ง
คนที่ทำให้แบมแบมต้องวิ่งนีออกมากคือเขาเอง ถ้ามาร์คไม่กอดกับจินยอง ถ้ามาร์คทำตามที่แบมแบมขอเอาไว้ตั้งแต่แรกเรื่องแบบนี้มันก็คงจะไม่เกิดขึ้น แบมแบมไม่ต้องวิ่งหนีมาร์คจนหายไปไหนก็ไม่รู้ แล้วถ้าเขาตามมาตั้งแต่แรกแบมแบมก็จะไม่หายไปแบบนี้ แล้วมาร์คก็ไม่ต้องวิ่งตามหาจนขาลากเหมือตอนนี้ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเป็นห่วง จนเส้นเลือดในสมองเต้น ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านถึงสิ่งไม่ดีที่อาจจะเกิดขึ้น…จนเริ่มที่จะหงุดหงิด
ถ้าแบมแบมเป็นอะไรไปเขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่…
ถ้าเขาตามออกมาทันทีแบบที่แจ็คสันบอก ก็คงไม่ต้องมาเดินเป็นห่วงจนจะเป็นบ้าแบบตอนนี้หรอก
ปัง!!
กล่องยาพลาสติกใสถูกกระแทกลงกับเก้าอี้ไม้อย่าหงุดหงิดก่อนที่มาร์คจะยกฝ่ามือขึ้นมาขยี้เรือนผมสีน้ำตาลแดงจนมันยุงเหยิงเล็กน้อย ริมฝีปากหยักพ่นลมออกมาแรงๆอย่างลืมตัวจนรู้สึเจ็บแปล๊บๆที่บาดแผล
“เชี่ยมาร์ค” เสียงทุ้มพึมพำก่อนจะปรายสายตาไปยังบริเวณชายหาดเพื่อมองหาแบมแบมอีกครั้ง แต่แบมแบมจะลงไปทำอะไรที่ชายหาดซึ่งมืดกว่าบนถนนนี่ล่ะ เมื่อกำลังจะเบนสายตากลับมายังท้องถนนตงหน้า ดวงตาคมก็สะดุดเข้ากับเงาลางๆที่อยู่บริเวณชายหาดไกลออกไปพอสมควร สองขาเรียวก้าวสลับกันอย่างรวดเร็ววิ่งเตะพื้นทรายจนฝุ่นคลุ้งเข้าไปหาร่างเล็กที่ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งคุ้นตา…
“แบมแบม…” มาร์คเรียกร่างเล็กที่อยู่ห่างออกไปสามสี่เมตรอย่างแผ่วเบา หากแต่ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะเงียบเสียงที่ว่าเบาแล้ว มันก็กลับดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แบมแบมหันกลับมามองตามต้นเสียงดวงตาแดงก่ำเบิกกว้างขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวกลับไป และออกเดินอย่างไม่ถนัดมากนัก เป็นเพราะเมื่อกี้แบมแบมวิ่งมาไกลมาก ทั้งหกล้ม ทั้งเป็นแผล แบมแบมเจ็บแต่ก็ต้องทน พอมานั่งพักรู้สึกดีขึ้นหายเหนื่อย หายเมื่อย แต่ไอ้แผลที่เลือดมันแห้งแล้วกลับทำให้เขาเดินลำบากกว่าตอนแรกเสียอีก
“จะไปไหนอีก?!” เสียงทุ้มตะโกนดัง ทำให้แบมแบมรีบเดินให้เร็วกว่าเดิม แต่ผลก็คือ…
“โอ้ยยยยยยย!” แบมแบมล้มถลาลงไปกับพื้นทรายอย่างแรง ขาสองข้างที่มีแผลจมลงไปกับทรายสีขาว เนื้อตัวเปรอะเปื้อนฝุ่นทรายเต็มไปหมด
“แบม!!” มาร์คตะโกนลั่นก่อนวิ่งเข้ามาย่อตัวลงช่วยคนที่กำลังพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปจับแขนแบมแบมก็ถูกมือเล็กปัดออกอย่างรวดเร็ว
“อย่ามายุ่ง!” เสียงหวานตวาดพร้อมตวัดสายตาแดงก่ำมามอง
“แบมแบม!!” มาร์คเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืนมองคนที่กำลังปัดทรายออกจากตัวลวกๆ
“ไม่ต้องมาเรียกแบม! จะไปไหนก็ไป จะกอดกับใครก็เชิญ จะไปทำอะไรก็ไปเลย ไปให้ให้พ้นเลย!!!” แบมแบมตะโกนอย่างเกี้ยวกราดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในตอนนี้เขาแทบจะไม่เหลือความเป็นแบมแบมเด็กที่สุภาพอ่อนโยนเลยซักนิด
“แบม...หยุดประชด แล้วฟังกันก่อนได้มั้ย?” มาร์คพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตัวเองตวาดแบมแบมกลับ เพราะถ้าเป็นปกติแล้วถ้าแบมแบมมาตะโกนประชดประชันใส่เขาแบบนี้เขาคงไม่ยอมแน่
“ไม่ได้ประชด!! แล้วก็ไม่อยากฟังด้วย!!”
ใช่…ไม่อยากฟังแล้ว แบมแบมไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินอะไรจากมาร์คต้วนทั้งนั้น เพราะอะไรที่ออกมาจากปากผู้ชายตรงหน้านี้มันก็จะมีแต่คำโกหก คำพูดหลอกลวง คำแก้ตัวต่างๆนานาที่ฟังแล้วก็ต้องยอมใจอ่อนให้ ฟังแล้วก็ต้องให้อภัยอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย แบมแบมไม่อยากถูกหลอก ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ไอ้สิ่งที่เห็นเมื่อกี้มันก็มากเกินพอแล้ว จะมาหลอกให้แบมแบมเชื่ออะไรอีก จะสัญญาอะไรแล้วไม่ทำตามอีก จะต้องให้แบมแบมผิดหวังไปถึงไหนกัน!!
“จะไม่ไปใช่มั้ย? ได้!! งั้นแบมไปเอง!!”
แบมแบมรู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้มแข็งมากขนาดที่จะยืนจ้องหน้ามาร์คต้วนได้นานๆ แม้ว่าอยากจะมองมากแค่ไหนก็ตาม สายตาจากร่างสูงที่มองมาอย่างเป็นห่วงมันทำให้หัวใจของแบมแบมเต้นถี่รัวขึ้น รอบๆดวงตากลมโตเริ่มร้อนผ่าว และก่อนที่น้ำตาหยดใสจะไหลออกมา แบมแบมก็หมุนตัวหันหลังให้อีกคนแล้วค่อยๆก้าวเดินออกมา บาดแผลที่ขาเรียวเริ่มเจ็บแปล๊บขึ้นอีกครั้ง แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหนมันก็ยังไม่เท่ากับบาดแผลในหัวใจที่กำลังบอบช้ำอยู่ตอนนี้…
“แบม…” เสียงทุ้มเรียกแผ่วเบาพร้อมกับยื่นมือไปจับเรียวแขนเล็กไว้หวังจะให้อีกคนกลับมา
“อย่ามาแตะตัวแบม!” แบมแบมกัดฟันพูดอย่างฝืนใจ ก่อนสะบัดแขนตัวเองให้หลุดออกจากฝ่ามืออุ่นนั่น แม้ว่าใจจริงแล้วอยากจะหันกลับเข้าไปสวมกอดร่างสูงมากก็ตาม...
เจ็บ…
มันเจ็บเกินไป…
แบมแบมทนไม่ไหวหรอก…
“ปล่อย!!” แบมแบมตวาดเสียงดังอีกครั้งเมื่อมือที่เพิ่งหลุดไปกลับเข้ามาจับต้นแขนตัวเองไว้แน่นกว่าเดิม
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อนได้มั้ย” เสียงทุ้มพูดอย่างพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์ของตัวเองที่ค่อยๆพุ่งสูงขึ้น
ปกติแล้วแบมแบมที่เป็นเด็กสุภาพอ่อนโยนนั่นไม่เคยทำให้เขาต้องโมโหเลยซักครั้ง จะมีก็แต่ที่ตัวเองเข้าไปกวนอีกฝ่ายก่อนแล้วแบมแบมก็หงุดหงิดใส่กลับมา มาร์คที่เป็นคนเริ่มแกล้งก่อนเลยพาลหงุดหงิดตามไปด้วย แต่ถึงอย่างไรการที่แบมแบมโกรธเขาแบบที่ผ่านมานั่นมันก็คงเอามาเทียบอะไรไม่ได้กับครั้งนี้
แบมแบมเด็กที่สุภาพก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เพียงเด็กหัวรั้นอายุสิบเจ็ดที่พูดอะไรก็ไม่ยอมฟัง เอาแต่ใจตัวเอง และไม่ยอมเชื่ออะไรทั้งนั้น ทุกครั้งที่แบมแบมพูดเสียงดัง และตวาดมาร์คออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง ก้าวร้าว อารมณ์ที่ไม่ค่อยคงที่มันก็ยิ่งสั่นคลอน ด้วยความที่เป็นคนโมโหง่ายอยู่แล้วมันเลยกลับกลายเป็นว่าเขาต้องพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างมาก มากกว่าที่แบมแบมต้องพยายามฝืนใจเดินจากมาเสียอีก…
มาร์คไม่เคยคุมอารมณ์ตัวเองซักครั้งเมื่อมีอะไรอยู่ในใจ เขาก็จะระเบิดมันออกมาแบบที่ไม่เคยคิดถึงอนาคต ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนที่ต้องเป็นที่รองรับของสิ่งที่เขาทำ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละครั้งมันไม่เคยมีผลดีหรอก แต่เขาพยายามแล้วพยายามควบคุมมันแล้ว และครั้งนี้เขาก็จะต้องพยายามให้มากกว่าครั้งก่อนๆ เพราะคนที่ต้องรองรับมันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแบมแบม…
“ไม่คุย! ต้องคุยอะไรอีก ก็เห็นๆกันอยู่ว่าพี่มาร์คไม่รักแบมแล้ว พี่มาร์คไม่เคยรักแบม!!” ร่างเล็กตะโกนลั่นน้ำเสียงสั่นเครือในประโยคท้ายน้ำหยดใสที่ไหลอาบอยู่ข้างแก้มเริ่มเปียกชื้นมากกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นแบมแบมก็ไม่ยอมหันกลับไปหาอีกคนอยู่ดี
เพราะกลัวว่าจะต้องให้อภัย กลัวว่าตัวเองจะเผลอเข้าไปกอด กลัวว่าจะต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า… กลัวว่าจะหลงรักคนที่เขารักคนอื่น…
“ทำไมจะไม่รัก ถ้าไม่รักจะตามมาง้ออยู่แบบนี้หรอ แค่หันกลับมาพูดด้วยดีๆมันคงยากมากเลยสินะแบมแบม!”
“เออยาก!! แล้วมันก็ยากกว่าการที่จะต้องไปกอดกับคนอื่นด้วย”
“แบมแบม!! บอกว่าอย่าประชดไง”
“ไม่ได้ประชด!!”
“ไม่ได้ประชดก็หันมาพูดดีๆ หยุดตวาด หยุดตะโกนได้แล้ว”
“ดีแต่ห้ามนั่น ห้ามนี่คนอื่น ไอ้ที่คนอื่นเขาห้ามอะเคยทำได้บ้างมั้ย?!!!”
“ก็บอกให้ฟังไง ฟังก่อนได้มั้ย มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ หันมาคุยกันดีๆไม่ได้รึไง!” เสียงทุ้มพูดแม้ภายในใจจะรู้สึกผิด แต่เขาก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้แบมแบมมาตวาดใส่ได้นะ
ตอนเจอกันครั้งแรกๆ ตอนที่แบมแบมย้ายมาอยู่คอนโดของเขากฎข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘ห้ามเสียงดัง’ มาร์คไม่ชอบเสียงอะไรก็ตามที่มันดังจนเกินเหตุ นอกเสียจากเสียงเวลาเล่นคอนเสิร์ตหรือเวลาร้องเพลง แต่นั่นเป็นข้อยกเว้น เพราะยังไงเขาก็จะได้ยินแค่เสียงตัวเอง ที่มันยังอยู่ในโทนที่เรียกว่า ‘ทุ้ม’ แต่เสียงของคนอื่นมันไม่ใช่ เวลาตะโกน หรือตวาดมันจะดัง จนเขาเริ่มรำคาญ พอรำคาญมันก็จะหงุดหงิด พอหงุดหงิดมันก็ต้องคุ้มอารมณ์ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดเลยซักนิด
เปลือกตาสีเข้มค่อยๆหลับลงและผ่อนลมออกมาช้าๆทางปากเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดเตรียมพร้อมที่จะระเบิดออกมา แม้ว่าการเป็นนักร้องมันจะเป็นงานบันเทิงที่ต้องเอนเตอร์เทรนคนดู แต่มาร์คก็ยังเป็นคนที่มีความเครียดอยู่ดี แล้วไอ้ที่เครียดนี่ก็ไม่ใช่อะไร ก็เป็นผลมาจากการที่เขาไม่ชอบเสียงดังนี่แหละ เพราะเวลาที่โมโหหงุดหงิดแล้วไม่ได้ระบายหรือทำอะไรไม่ได้ เขาจะเกิดอาการเครียดได้ง่าย เหมือนที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้…
“เข้าใจผิดหรอ แบมเองแหละเข้าใจผิด”
“แบม…”
“เข้าใจผิดว่าพี่มาร์คเป็นคนรักษาสัญญาแล้วก็รักแบมมาตลอดไง!! เฮอะ! โง่เนอะ…” แบมแบมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันมากกว่าเดิมก่อนจะแค่นหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง
“แบมแบมมันไม่ใช่แบบนั้น ฉันรักนายนะ…รักมาตลอด”
“เรียกชื่อผิดรึเปล่า…ไม่ใช่จินยองหรอกหรอ?”
แค่นั้นยังไม่พอหรอแบมแบม ถึงต้องตอกย้ำด้วยตัวเอง…
ทุกครั้งที่ริมฝิปากอิ่มขยับพูด หัวใจของแบมแบมมันก็ยิ่งบอบช้ำ บอกช้ำจากคนที่กำลังจับแขนเขาไว้แน่น แล้วก็ต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคำพูดของตัวเอง แต่ที่แบมแบมพูดออกไปนั้นก็เพื่อย้ำให้ตัวเองไม่ลืมว่าเขากำลังพูดอยู่กับคนที่ไม่ได้รักตัวเองแล้ว พูดเพื่อให้ตัวเองเจ็บแล้วเดินหนีไปไกลๆแต่ยิ่งพูดมันก็ยิ่งหมดแรง…แบมแบมแทบจะไม่เหลือแรงหายใจด้วยซ้ำ มันเจ็บ มันปวด มันท้อ…
“แบมแบม!! ทำไมชอบประชดแบบนี้?! ”
มาร์คไม่ชอบการที่มีคนมาประชดประชันใส่เพราะนอกจากจะไม่ได้เคลียร์ดีๆแล้ว มันยิ่งจะทำให้มีปัญหามากไปกว่าเดิมอีก แล้วตอนนี้สิ่งที่มาร์คไม่ชอบมันก็กำลังมาอยู่รวมกัน ทั้งประชดทั้งเสียงดัง เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าความโกรธมันกำลังพุ่งขึ้นมาฝ่ามืออุ่นที่จับแขนแบมแบมไว้ก็เริ่มคลายออก เพราะกลัวว่าแบมแบมจะเจ็บเวลาเขาเผลอบีบมันแรงๆ แต่พอปล่อยแขนแบมแบมก็ทำท่าจะเดินหนีไปเขาเลยต้องรีบเดินไปดักทางข้างหน้าไว้
ทันทีที่เห็นใบหน้าขาวใสเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา หัวใจของเขามันก็แทบจะสลายลง ดวงตาแดงก่ำแข็งกร้าวที่แฝงไปด้วยความจ็บปวดมันกำลังทำให้เส้นเลือดในสมองของเขาเต้นตุ้บๆ ทั้งๆที่เคยสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้ ไม่ทำให้เสียใจ แต่เขาก็ยังคงทำมัน ทำให้แบมแบมต้องเจ็บต้องเสียน้ำตา…
ทำไมเขาถึงได้แย่แบบนี้วะ…
“ขอโทษ…” เสียงทุ้มพูดแผ่วเบาก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะยื่นออกไปหวังจะเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานตรงหน้าแต่ก็โดนฝ่ามือเล็กปัดมันลงอย่างไม่ไยดี
“ไม่ต้องการ” แบมแบมกัดฟันพูดเสียงแข็ง
“ขอโทษจริงๆ แต่ฉันกับจินยองมันไม่มีอะไรเลยนะ มันก็แค่น้องคนหนึ่งที่นายเห็นฉันก็แค่ปลอบมันเฉยๆ ให้กำลังใจมันก็เท่านั้น”
“ถ้าพี่จินยองมาได้ยินคงจะเสียใจนะครับ”
“ต้องทำยังไงถึงจะเชื่อ ต้องทำยังไงถึงจะฟังกันบ้าง”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะแบมจะไม่เชื่อพี่มาร์คแล้ว!”
“แบมแบม!!”
“อยากเรียกก็เรียกให้พอ!! อยากมองก็มองให้พอ!! เพราะมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นแบม!! อ๋อ! แต่มองจากด้านหลังนะ เพราะแบมไม่อยากเห็นหน้าพี่มาร์ค…” ร่างเล็กพูดก่อนจะหันหลังกลับไปอีกทาง ทั้งๆที่อยากจะมองใบหน้าของคนที่รักให้มากที่สุด ให้นานที่สุดแต่แบมแบมเจ็บเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ ทุกครั้งที่น้ำเสียงทุ้มลอยเข้าหูมาแบมแบมก็อยากจะเชื่อ อยากจะยกโทษให้ แต่มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าแบมแบมจะไม่เจ็บอีก จะไม่เสียใจอีก
ตั้งแต่เกิดมาแบมแบมก็ไม่เคยอยู่กับคนที่รักได้เลย ขนาดพ่อกับแม่ก็ยังหย่ากันตั้งแต่แบมแบมยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ พอโตมาคุณป้าที่เลี้ยงแบมแบมมาอย่างดีก็เสียไปโดยทิ้งให้แบมแบมต้องเผชิญกกับโลกอันโหดร้ายนี่คนเดียว พี่มาร์คที่เคยบอกว่ารักแบมแบมยังไม่รักแบมแบมเลย…อยู่ไปมีแต่เจ็บ…
“ถ้ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ฟังกันก่อน แล้วจะไปไหนก็ค่อยไป!!! ”
เหนื่อย…มาร์คต้วนเหนื่อยแล้ว ไม่ใช่ไม่รัก ไม่ใช่ว่าไม่อยากง้อ อยากง้อจะตาย รักจนจะคลั่ง แต่ในเมื่อแบมแบมไม่ฟังกัน ไม่ยอมคุยดีๆ เอาแต่ประชดกัน เอาแต่ตวาดเสียงดังใส่ เขาก็เหนื่อยนะ มาร์คยังไม่อยากช็อกตายเพราะต้องทนเก็บอารมณ์แล้วก็ฟังเสียงดังๆนี่อีก จะมองว่ามาร์คต้วนเห็นแก่ตัวก็ได้ จะมองว่าเขาไม่ดีก็ได้ แต่ในเมื่อแบมแบมไม่ยอมฟังเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไม่รั้งแล้ว ไม่ห้ามแล้ว…
รักแต่ไม่ไหวแล้ว…ถึงเวลาจะผ่านมาไม่เท่าไหร่ แต่เขารู้สึกเหนื่อยแล้วก็หมดแรงไปมาก
“แบมไปแน่พี่มาร์คอย่าตามมาแล้วกัน!! แบมแบมโคตรเกลียดพี่มาร์คเลย เกลียด!! ไม่ชอบ!! ไม่รักแล้ว!!”
“ที่พูดน่ะจริงหรอ?”
“เออ!!”
“เกลียดใช่มั้ย?”
“โคตรเกลียด” …เกลียดที่ชอบทำให้รักมากขึ้นทุกครั้งเวลาคุยกัน
“ไม่ชอบใช่มั้ย?”
“ไม่ชอบ” …ไม่ชอบที่ทำแบมแบมต้องใจเต้นทุกครั้งเวลาเข้ามาใกล้ๆ
“ไม่รักด้วยหรอ?”
“ไม่รัก” …ไม่รักหรอก ถ้าไม่ใช่พี่มาร์ค
“แต่ฉันรักนายนะ…รักมากด้วย”
“แบมไม่อยากได้ยิน!!”
“ขอโทษ”
“บอกว่าไม่อยากฟัง!!”
“เดี๋ยวก็จะไม่ได้ฟังแล้วล่ะ ฉันจะไม่ไหวแล้ว…” ประโยคหลังมาร์คพูดแผ่วเบาพร้อมกับฝ่ามือหนาที่เลื่อนขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองก่อนจะยกขึ้นไปจับขมับแล้วคลึงเบาๆขับไล่ความปวดที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นจนลามมาที่รอบดวงตาและลงไปที่ท้ายทอย นอกจากเสียงเส้นเลือดเต้นตุ้บๆดังก้องอยู่ในหัวแล้วเขาก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงอื่นเลย…
“แบมก็ไม่อยากฟังแล้ว!!” แบมแบมยกมือปิดหูตัวเองแล้วตะโกนเสียงดัง
“ทำไมชอบพูดเสียงดังจังเคยห้ามแล้วนี่ เคยบอกแล้วนี่ว่าไม่ชอบเสียงดัง…”
“พี่มาร์คก็ไม่เคยชอบอะไรซักอย่างแหละ เพราะเป็นแบมไงเลยไม่ชอบ ใช่มั้ยล่ะ?!”
“ไม่ใช่… ขอโทษ แต่นายกำลังเข้าใจผิดฉันกับจินยองไม่มีอะไรมากไปกว่าพี่น้องจริงๆ ที่นายเห็นฉันก็แค่ปลอบมัน ให้กำลังใจมัน แล้วที่ฉันไม่ตามมาก็เพราะว่ากลัวนายจะไม่ฟังกลัวจะทะเลาะกันมากกว่าเดิม…แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”
“แล้วมันไม่ใช่เพราะพี่มาร์คหรอ!!” แบมแบมตวาดลั่นก่อนหันกลับมามองร่างสูงที่สีหน้าผิดไปจากเดิม จากใบหน้าหล่อคมกึ่งหงุดหงิด ตอนนี้มันแทบจะไม่มีแววของความหงุดหงิดอยู่เลย มันเป็นความเหนื่อยเข้ามาแทนที่
การมาขอโทษแบมแบมนี่มันคงเหนื่อยแล้วก็น่ารำคาญมากเลยสินะ…
“อย่าเสียงดังขอร้อง ไม่ไหวแล้ว…”
“งั้นก็ไม่ต้องฟัง!!” ตะโกนก่อนจะถอยหลังออกมา คิดว่าแบมแบมไหวหรอ คิดว่าแบมแบมไม่เหนื่อยใช่มั้ย “แบมแบมโคตรเกลียดพี่มาร์คเลย!!”
“แบม…” และก่อนที่ร่างสูงจะได้ตอบอะไรเสียงที่ดังเกินจำเป็นมันก็ถูกส่งเข้ามาในโสตประสาทที่ก้อนความเครียดกำลังก่อตัว เส้นเลือดในสมองที่เต้นอยู่ก็เต้นแรงมากกว่าเดิม หัวใจที่กำลังบอบสลายไม่แพ้แบมแบมก็เต้นถี่รัวขึ้น อาการปวดจากรอบดวงตาที่ลามไปถึงท้ายทอยก็ปวดมากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาคมเริ่มพร่ามัวมองภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวหากแต่เสียงของแบมแบมที่ตะโกนมาว่าเกลียดมันก็ยังดังก้องอยู่ในหัว ขาสองขาพยายามจะก้าวเดินตามร่างเล็กตรงหน้าแต่มันก็อ่อนแรงก่อนที่พาร่างของเขาล้มจมลงไปบนพื้นทรายละเอียด…
แบมแบม ฉันรักนายนะ…
---------------------------------------
#fickissmark
---------------------------------------
:: บอทฟิค ::
พี่่มาร์ค @MarkKM_
แจ็คสัน @JacksonKM_
แบมแบม @bambibamFKM
ประธานนักเรียนจินยอง @jinyoungFKM
เด็กชายชเว @youngjaeFKM
เบบี้บี @jaebumFKM
รองประธานนักเรียนยูคยอม @yuggyfkm
ความคิดเห็น