ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | KissMark ตราไว้ในใจนายคือของฉัน![END]

    ลำดับตอนที่ #31 : :: KISSMARK :: EP.31

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.87K
      85
      12 ม.ค. 58





             -MARK PART-



    พอ






    พอซักที!!






    ผมทนเล่นสงครามประสาทบ้าๆนี่ ที่ไม่รู้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนไม่ไหวแล้ว เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ไอ้ยูคยอมนี่ได้ที่ก็เอาใหญ่ลูบหัว หยิกแก้ม อะไรกันนักกันหนาวะ ไอ้เด็กสองคนนี้นี่มันจะเกินไปหน่อยแล้ว!!






    ตอนแรกก็คิดว่าจะให้จินยองมันนอนซะที่นี่ไปเลย แต่มันออกจะเกินไปหน่อยถ้าผมจะทำอย่างนั้น และก็ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดที่เป็นคนหยุดเล่นสงครามบ้าๆนี่ไปซะก่อน เพราะแบมแบมดันขออะไรที่มันขัดใจผมสุดๆ ผมเคยบอกไปแล้วว่าไม่ชอบให้ใครมาอยู่ด้วย แค่แบมแบมคนเดียวประสาทผมก็จะกินแล้ว






    เฮอะ!!






    นอนที่ห้องหรอ?!






    นี่มันก็เกือบจะเที่ยงคืนแน่นอนว่ามันดึกจนรถหมดไปแล้ว แท็กซี่ก็น่าจะหายาก และแน่นอนว่าผมไม่ไปส่งมันหรอก มันไม่ใช่ธุระอะไรของผมซักหน่อย ให้คนที่บ้านมันมารับหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นอนที่นี่!!







    ให้คนที่บ้านนายมารับสิ




    ผมอยู่บ้านคนเดียวครับ




    นั้นคือคำตอบที่ผมได้รับ พร้อมกับสายตาของแบมแบมที่ตวัดมาหาแบบดุๆ





    มันจะดุได้ซักเท่าไหร่เชียวตาโตๆหวานแบบนั้น






    ผมก็ไม่ใช่คนที่ใจร้ายใจดำอะไรนะ ไหนๆมันก็ไม่มีทางที่จะให้กลับไปแล้ว ก็อยู่มันซะที่นี่แหละแน่นอนครับว่าไม่ใช่นอนในห้อง และก็ไม่ใช่บนโซฟา แต่เป็นห้องจินยอง ผมส่งข้อความไปหาและเขาก็อนุญาตให้ยูคยอมไปอยู่ได้ ผมเลยให้ไปหลังจากที่ส่งงานและเก็บของเรียบร้อยแล้ว






    หมดตัวน่ารำคาญซะที!!






    เหลือก็แต่คนที่ทำหน้ามุ่ยยืนพิงประตูห้องนอนอยู่นี่แหละ






    ไม่รู้ว่าจะหงุดหงิดอะไรนักหนามันควรจะเป็นผมมากกว่าที่ทำหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับ มันควรเป็นผมมากกว่าที่ทำแบบนั้นเพราะวันนี้ไม่ว่าอะไรมันก็ขัดใจผมไปเสียหมด ทั้งรถที่ไม่ชอบให้ใครมานั่งไอ้ยูคยอมก็มา บ้านที่ไม่ชอบให้ใครมาอยู่ไอ้ยูคยอมก็มา แล้วไหนจะที่แบมแบมดื้อกับผมอีก ก็ได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจพอได้คุยกับจินยองก็เหมือนจะลืมเรื่องที่หงุดหงิดไป แต่ก็ไม่ได้ลืมไปทั้งหมดนะครับ มันก็ยังมีอยู่แต่แค่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเท่านั้น







    “นี่! พี่มาร์คจะเลิกเล่นโทรศัพท์ได้รึยัง?” แบมแบมตะโกนถามเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่นอนกดโทรศัพท์




    “ซักพัก ปิดไฟแล้วมานอนสิ” ผมตอบเสียงเรียบก่อนเปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพื่อไม่ให้ไฟจากหน้าจอมือถือมันสว่างเกินไป




    “เลิกเล่นแล้วนอนเถอะ แบมเหนื่อย” เขาบอกก่อนปิดไฟและถอนหายใจเฮือกใหญ่







    นายเหนื่อย ฉันก็เหนื่อยเหมือนกันนั้นแหละ






    ผมก็อยากจะนอนหรอกนะตอนนี้มันเลยเวลานอนของผมมาสามชั่วโมงได้แล้ว แต่ติดอยู่ที่ว่ายังส่งข้อความคุยกับจินยองอยู่ แล้วมันก็เป็นคนที่คุยสนุกซะด้วยสิ ผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่คุยกับจินยอง มันก็เหมือนกับแจ็คสันแหละครับ เป็นเพื่อนที่ดีมากๆคนหนึ่ง แต่นิสัยของจินยองจะไปทางเด็กส่วนแจ็คสันจะไปทางผู้ใหญ่มากกว่า






    วันนี้เป็นครั้งแรกของการอยู่ร่วมกันมาเกือบสองเดือน เป็นครั้งแรกที่เรานอนหันหลังให้กัน แบมแบมนอนหันไปอีกฝั่งตามปกติอยู่แล้ว แต่ผมหันกลับมาอีกฝั่งเพราะว่าไม่อยากให้แสงจากจอมันออกไปทำลายความมืดมากกว่านี้ อีกทั้งอารมณ์ผมก็ยังไม่ค่อยจะดี ถ้าอีกคนหันมาแว๊ดๆใส่ผมคงระเบิดได้ง่ายๆ






    ติ๊ด!






    เสียงนาฬิกาดิจิตอลดังบอกเวลาขึ้นวันใหม่






    “พี่มาร์ค




    “ยังไม่หลับอีกหรอ” ผมตอบเสียงเรียบ




    “แสงไฟมันเข้าตา”




    “ขอโทษนะแต่ถ้าฉันปิดโคมไฟสายตาฉันจะแย่ เอาผ้าปิดตามั้ย?” ผมตอบขณะที่กำลังพิมพ์ตอบจินยอง




    “ไม่เป็นไรครับ” แบมแบมตอบพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ไม่ได้หันมาพูดกับผม ผมเลยลุกขึ้นนั่งเพื่อใช้ตัวบังแสงไฟ




    “ดีขึ้นมั้ย?” ผมหันไปถามอีกครั้งแต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนจะนอนหงายมองเพดานที่สะท้อนเงาของผม




    “เมื่อไหร่ขาแบมจะหายอะ?”




    “ประมาณเดือนสองเดือนนั่นแหละ ร่างกายนายฟื้นฟูได้ดีนี่”




    “งั้นก็แสดงว่าอีกเดือนสองเดือนแบมจะได้กลับไปที่บ้านตัวเองแล้วใช่มั้ย” แบมแบมละสายตาจากเพดานห้องมาจับจ้องอยู่ที่ผมซึ่งมีแสงไฟจากหน้าจอมือถือส่องสว่างอยู่






    คนอยู่ในที่สว่างจะมองไม่เห็นคนในที่มืดนั่นทำให้ผมต้องวางโทรศัพท์ลงไปกับเตียง ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้แบมแบมพูดแบบนี้ขึ้นมาอีก เขาเคยถามผมครั้งหนึ่งว่าขาจะหายเมื่อไหร่ และตอนนี้เขาก็ถามผมอีกแล้ว






    “ยูคยอมทำอะไรไม่ดีหรอ?” อยู่ๆแบมแบมก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องยูคยอมทำให้ผมหน้าตึงขึ้นมากะทันหัน






    มันคงจะเป็นประโยคคำสั่งอัตโนมัติไปแล้วเวลาได้ยินแบมแบมพูดว่า แจ็คสัน หรือ ยูคยอม หน้าผมจะตึงไปทันทีเลย






    “ทำไมถามแบบนั้นล่ะ” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตวาดหรือตะโกนออกไป




    “ก็พี่มาร์คดูไม่ค่อยลงรอยกับยูคยอมเท่าไหร่ เอะอะก็ตะโกนท่าเดียวเลย ดูไม่เมีเหตุผลเลยนะ”




    “แล้วทำไมฉันต้องไปลงรอยกับมันด้วย?”




    “แล้วทำไมจะลงรอยด้วยไม่ได้ล่ะ เขาเป็นเพื่อนแบมนะ”




    “เพื่อนนายไม่ใช่เพื่อนฉัน อีกอย่างฉันก็รู้จักมันมาก่อนนายอีก ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ”




    “หรอครับ แต่ถึงอย่างนั้นพี่มาร์คก็ดูไร้เหตุผลมากเลยนะ”




    “ยังไง?”




    “ก็ตอนที่พี่มาร์คให้แบมอยู่ห่างยูคยอม พี่มาร์คก็ไม่มีเหตุผลแล้ว นั่นเพื่อนแบมแล้วแบมก็ต้องทำงาน”






    เหตุผลน่ะมันมี แต่มันเป็นเหตุผลจากอารมณ์นี่ครับ จะให้พูดไปมันก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ว่าแต่ว่าทำไมผมต้องห้ามเขาสองคนอยู่ใกล้กันด้วยก็เพราะเห็นแล้วมันหงุดหงิดนะสิ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ถ้าผมไม่ชอบแล้วไม่จำเป็นเป็นต้องมีเหตุผลอื่นมารองรับอีก และถ้าผมชอบมันก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอื่นมารองรับอีก






    “ถ้าคราวหลังพี่มาร์คไม่มีเหตุผลอีกแบมจะโกรธจริงๆนะครับ”




    “มันจะมากเกินไปหน่อยแล้วนะ เห็นฉันยอมเดี๋ยวนี้เลยกล้าว่าฉันแล้วใช่มั้ย”




    “เปล่าครับ แบมก็แค่อยากให้พี่มาร์คใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์เท่านั้นเอง เพราะที่ขาแบมเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าพี่มาร์คใช้อารมณ์”




    “ถ้าจะว่าฉันเรื่องนี้ก็พอได้แล้ว มันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว แล้วนายก็ไม่ได้เดือดร้อนคนเดียวนี่ ความจริงฉันมีเหตุผลนะที่ห้ามนายใกล้ยูคยอม”




    “บอกมาสิครับ?”




    “ก็แค่ไม่ชอบ” ผมตอบก่อนกลอกตาไปมา




    “พี่มาร์คกลัวคนมาเห็นแล้วคิดว่าพี่มาร์คไม่ทำตามที่พูดหรอว่าจะดูแลแบม”




    “เปล่า ฉันบอกแล้วนี่ว่าแค่ไม่ชอบ ทั้งนายกับแจ็คสันแล้วก็นายกับยูคยอม” และผมก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อได้ยินที่อีกคนพูด




    “หวงแบมหรอ?”




    “ฉันน่ะนะ?”




    ผมยกมือขึ้นชี้ตัวเองในสมองก็ประมวลผลไปด้วยว่าผมไปหวงไปหึงอะไรเด็กคนนี้






    เปล่า ฉันบอกแล้วนี่ว่าแค่ไม่ชอบ ทั้งนายกับแจ็คสันแล้วก็นายกับยูคยอม






    นั่นแหละครับไอ้ประโยคที่เพิ่งพูดออกมานั่นแหละครับ ทั้งประโยคเลย ทั้งหมดเลย ผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ด้วยความที่ธรรมดาก็ไม่ได้เป็นคนคิดก่อนพูดอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก ผมพูดมันออกมาได้ยังไงน่ะ? มันถูกกลั่นออกมาจากสมองส่วนไหน? อะไรทำให้ผมพูดไปแบบนั้น? แต่จะว่าไปผมก็เหมือนจะหวงแบมอยู่เหมือนกันนะ






    เฮ้!!!






    ผมยังไม่ได้ยอมรับนะ






    แค่ไม่ชอบให้มองข้ามกันเฉยๆเท่านั้น






    ........มั้ง……






    “นี่!” เมื่อเห็นว่าผมเงียบไปแบมแบมก็ใช้มือเล็กฟาดลงมาที่ต้นขาผมอย่างแรง  “พี่มาร์ค




    “อะไร?”




    “อย่าหาเรื่องชวนแบมทะเลาะอีกนะ มันเหนื่อย” แบมแบมพูดหน้าซีเรียส






    ผมก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าครั้งนี้เราทะเลาะกันหรือผมแค่เล่นสงครามประสาทคนเดียว แต่มันก็ดูเหมือนว่าเราจะเหนื่อยใจด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่ได้อยากจะทะเลาะด้วยหรอกนะแต่บางครั้งอารมณ์มันก็พาไปจริงๆ รวมถึงครั้งนี้ด้วย เพราะผมก็แค่ไม่ชอบ






    นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กที่ผมขับรถชนจนทำให้เขาขาหัก และทำให้ผมเกือบดับอนาคตตัวเองจะมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้ ระยะวลาแค่เกือบสองเดือนไม่นับรวมกับที่ผมไปนั่งเฝ้าก่อนที่เขาจะฟื้นขึ้นมา ผมกลับรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนกับว่าเรารู้จักกันมาเป็นปีๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเราอยู่ด้วยกันทุกวัน และก็เป็นตัวของตัวเองกันแบบสุดๆ ผมปฏิเสธไม่ได้เลยนะว่ามันรู้สึกดีมากขนาดไหนที่มีเด็กคนนี้มาอยู่ด้วย







    ถึงการเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักกันมันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่การที่แบมแบมเป็นคนที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย อะไรที่ผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น เฮฮา และมีเหตุผลมันทำให้ผมสบายใจกับการที่มีเขามาอยู่ร่วมห้องด้วย มันก็ไม่ได้เลวร้ายมาก แต่กลับดีด้วยซ้ำที่ชีวิตได้มีอย่างอื่นนอกจาก เสียงเพลง เกม หนัง มันดีมากจริงๆ ดีจนไม่อยากให้เขาไปอยู่ที่อื่นแล้ว






    แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าความผูกพันที่เกิดอย่างรวดเร็วแบบนี้มันอยู่ในความรู้สึกแบบไหนกันแน่ คงไม่มีพี่น้องคู่ไหน นอนกอดกันทุกคืนใช่มั้ยครับ คงไม่มีพี่น้องคู่ไหนจับมือกันตลอดเวลาใช่มั้ยครับ และก็คงไม่มีพี่น้องคู่ไหนรู้สึกไม่ชอบเวลาเห็นพี่ หรือน้องตัวเองไปยุ่งกับคนอื่นใช่มั้ยครับนั่นแหละครับที่ผมไม่มั่นใจ เพราะว่าผมทำและเป็นแบบนั้นตลอดสองเดือน สามสิบเปอร์เซ็นคือการรักษาคำพูด ส่วนอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นผมมั่นใจว่ามันคือการทำความต้องการตัวเอง






    ผมนอนหงายมองเพดานครุ่นคิดเรื่องต่างๆตลอดสองเดือน คิดแล้วก็คิดอีก และเหมือนผลลัพธ์มันก็ไม่ชัดเจนซักที อยากจะหยุดคิดเพราะสมองและร่างกายเหนื่อยล้าเต็มทีแต่เหมือนว่าภาพของคนข้างๆมันก็ลอยเข้ามาเรื่อยๆ ผมหลับตาลงหลังจากเอื้อมมือไปปิดโคมไฟให้ในห้องเหลือแต่ความมืด และยังไม่ทันถึงสามสิบวินาทีผมก็ต้องลืมตาขึ้นมาใหม่






    “พี่มาร์ค




    “อะไรอีก?”




    “กอดแบมหน่อยสิ



     


    ----------------------------

    #fickissmark

    ---------------------------

    themy butter



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×