คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : :: KISSMARK :: EP.28
- MARK PART-
และแล้ววันอาทิตย์วันหยุดที่แสนสงบสุดท้ายก็ผ่านไป ไม่มีเรื่องทะเลาะ ไม่มีเรื่องให้น่าปวดหัว แต่หลังจากนี้ทั้งการบ้าน การโรงเรียนคงตามมาอีกชุดใหญ่ เพราะพวกอาจารย์คงอัดอั้นกันมากแน่ๆ
“พี่มาร์คมองอะไรอยู่? ขึ้นรถสิ”
เสียงทุ้มหวานเรียกผมจากในรถเมื่อเห็นว่าผมเปิดประตูรถค้างไว้แต่ไม่เข้าไปนั่งเสียที
ไหนๆจินยองมันก็อยู่ที่นี่ถ้าไปโรงเรียนด้วยกันมันก็จะได้ไม่ต้องลำบากไง แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่เคยเห็นมันซักที เมื่อตอนที่ไปฟิตเนสยังไม่ทันได้ถามเบอร์ห้อง มันก็ชิงเดินหนีไปซะแล้ว...
“พี่มาร์ค! มันจะสายแล้วนะ คิดว่ามีเพื่อนเป็นประธานนักเรียนแล้วจะสายได้รึไง?”
ก็ไอ้ที่ยังไม่ไปก็เพราะมัวมองหาประธานนักเรียนนี่แหละ
“เปล่านี่ ไม่สายหรอกเชื่อเถอะ”
ที่นี่ก็อยู่ห่างจากโรงเรียนพอสมควร แต่ก็ไม่ไกลมากเท่าไหร่ ถึงการไปโรงเรียนเองด้วยแท็กซี่ หรือรถประจำทางมันจะไม่ลำบากมาก แต่ถ้าไปด้วยกันผมว่ามันก็น่าจะดีกว่าให้เขาไปเองทั้งๆที่รู้ว่าพักอยู่ที่เดียวกัน
เมื่อขับรถมาถึงที่โรงเรียนผมก็เห็นคนสามคนยืนเรียงกันรอต้อนรับที่หน้าตึกเหมือนเดิม แจ็คสัน ยูคยอม และจินยอง มันมาก่อนผมตลอดมิน่าล่ะถึงไม่เจอที่คอนโด
“มึงมาตอนไหนเนี่ย?” ทันทีที่ก้าวลงจากรถผมก็ยิงคำถามใส่จินยองก่อนจะได้ทักทายคนอื่นเสียอีก
“ผมก็มาก่อนทุกวันอยู่แล้ว ผมเป็นประธานนะ มาคนแรกของโรงเรียนก็ไม่แปลกหรอก”
“คนแรก!!” ผม แจ็คสัน ยูคยอม ตะโกนขึ้นพร้อมกัน ไม่รู้ว่ามันจะรีบมาช่วยยามเปิดประตูโรงเรียนรึไง
“ตกใจอะไรกัน นายรีบพาแบมแบมไปที่คลาสเถอะ จะเข้าคาบแรกอยู่แล้ว” จินยองพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบก่อนหมุนตัวเดินนำขึ้นบันไดไปตามด้วยยูคยอม ผม แบมแบม และแจ็คสันที่รีบปรี่เข้ามาหา
แน่นอนครับ ไม่ได้มาหาผมแน่นอน...
เมื่อไปส่งแบมแบมเข้าคลาสเรียนแล้วผมก็เดินลงมาอีกชั้นหนึ่งเพื่อเข้าคลาสเรียนตัวเอง และแยกคลาสกับจินยอง เพราะมันเรียนคลาสเอ คลาสที่สนใจแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว ซึ่งคลาสบีจะรองลงมาและเน้นไปด้านกิจกรรมมากกว่า ส่วนคลาสซี จะเป็นพวกกิจกรรมดีเด่นแต่การเรียนไม่ค่อยได้เรื่อง ส่วนพวกเด็กคลาสดี ถือว่าเลวร้ายสุดๆไม่เอาอะไรทั้งนั้น นี่ขนาดผมอยู่ตึกเอคลาสบีนะ แล้วถ้าพวกตึกดีคลาสดี มันคงจะเละเทะกันแบบสุดๆเลย แต่ถึงอย่างไรพวกเด็กตึกดีคลาสดีก็ถือว่าฉลาดกว่าเด็กคลาสดีของสถาบันอื่นๆ
ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากตั้งใจเรียนมากเท่าไหร่ แต่พอเห็นแจ็คสันมุ่งมั่นอยู่กับจอโปรเจ็คเตอร์หน้าคลาสความขยันมันก็พุ่งทะยานขึ้นมาทันที แต่ขยันได้คาบละไม่เกินยี่สิบนาทีผมก็กลับมานั่งหูทวนลมเหมือนเดิม... การเรียนสามคาบผ่านไปแบบสบายๆ ไม่มีใครสั่งการบ้าน ถือเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อเก็บของเรียบร้อยและก้าวเท้าออกไปหน้าคลาสก็เห็นร่างคุ้นตาของแบมแบมยืนรออยู่หน้าคลาสพร้อมกับเพื่อนร่างสูงที่ยืนขนาบข้าง เท่านั้นยังไม่พอ พวกนักเรียนเกรดเดียวกับผมยังเข้าไปทักทายเขาอีก ทั้งที่ผมกับแจ็คสันอยู่มานานยังไม่เคยโดนใครทักทายขนาดนี้เลยนะ
ทั้งๆที่เป็นคนดังมีชื่อเสียง แต่ไม่มีใครสนใจเราสองคนเลย ทุกคนที่เดินผ่านแบมแบมจะเข้าไปทักทายพูดคุย ไฮไฟว์ ขยี้หัว กอดคอ และเขียนเฝือกที่ขาซึ่งตัวหนังสือทับกันจนอ่านไม่ออกแล้ว แต่ก็ยังพยายามที่จะเขียนทับไปจนได้...
“อ๊ะ! พี่มาร์ค!!” แบมแบมตะโกนเรียกผมข้ามหัวใครหลายๆคนมาจนต้องกระจายตัวหลบกันไปให้ผมและแจ็คสันเดินไปหาได้อย่างสะดวก
และวันนี้แบมแบมทักผมก่อนทักแจ็คสัน นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง
“ฮอตจังนะ” แจ็คสันเอ่ยแซว
“ก็แบมน่ารักนี่ครับ”
“ใครบอกเราน่ะว่าน่ารัก” แจ็คสันถามต่อขณะที่ผมจับมือแบมแบมและเริ่มเดินไปตามทางเพื่อลงบันได
“พี่มาร์คครับ” ตอบก่อนหันมาคลี่ยิ้มให้ผม
“มึงอะนะ?” มันหันมาหาผมก่อนส่ายหัวเบาๆ
“ทำไม? ก็เด็กมันถามว่าหล่อมั้ย จะให้กูตอบว่าอะไร หล่อหรอ? ไม่ใช่อะกูหล่อสุดแล้ว”
“พี่มาร์คก็ตอบว่าไม่หล่อก็ได้นี่” ยูคยอมที่เงียบอยู่นานพูดขำๆก่อนจะโดนสายตาเฉือดเฉือนจากแบมแบม
เขาคงติดนิสัยการดุด่าทางสายตาจากผมไปแล้วแน่ๆ
“กูว่าแบมไม่น่ารักนะ...” แจ็คสันขัดประโยคทำให้แบมแบมหยุดเดินและหันไปมองหน้าแจ็คสัน “...แต่น่ารักมาก!”
โอ้ยยยยยยยยยยย!!!!
หลังจากจบประโยคแบมแบมก็ปล่อยมือผมและหันไปเกาะแขนไอ้แจ็คสันในทันทีพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
ใครก็ได้เอาสองคนนี้ไปเก็บที เกะกะลูกหูลูกตา!!!
“ห่าเอ้ย!” ผมสบถก่อนเดินนำลงมารอที่บันไดขันสุดท้าย
“พี่มาร์คหยาบคายอะ”
“จะปล่อยหรือไม่ปล่อย” ผมหันกลับไปทำตาดุใส่ก่อนจะมองไปที่มือเรียวที่เกาะแจ็คสันแน่น
“ไม่ปล่อยได้ป่ะ?” แบมแบมถาม
“ได้” แจ็คสันตอบ
“ไม่ได้โว้ย!” ผมตะโกนก่อนเดินไปดึงตัวเขากลับมาโดยที่ลืมไปว่าขาเข้าเฝือกอยู่
“ผมว่าอย่ายืนคุยกันตรงนี้เลยครับ” และก็เป็นยูคยอมที่หยุดศึกครั้งนี้ไว้เมื่อเห็นว่าที่ที่เรายืนกันอยู่มันคือหน้าห้องอาหารที่มีหลายสายตากำลังจับจ้องมา
“นี่ไง แค่พี่มาร์คดึงแบมก็ปลิวละ ถึงได้อยากเข้าฟิตเนสไง”
“พอเลยๆ” ผมพูดแบบเหนื่อยๆก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่
เพล้ง!!
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้องอาหาร เสียงถาดอาหารกระทบพื้นก็ดังขึ้นเรียกสายตาของทุกคู่ให้หันไป นักเรียนเกรดเดียวกับผมแต่อยู่คลาสดี เขามีสีผมที่โดดเด่นไม่แพ้ผมเลย สีเทาเงินทอประกาย กับดวงตาที่คมราวกับใบมีด
เขายืนมองนักเรียนรุ่นน้องที่ทำเสื้อยูนิฟอร์มสีเหลืองสดที่ด้านหลังคงเปื้อนรอยกิมจิสีแดง และน้ำแกงไปเรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ง่ายเลยที่รุ่นน้องคนนั้นจะมีชีวิตที่ปกติสุขต่อไป ใครๆก็รู้ว่าเขาหยิ่ง อวดดี และเอาเรื่องมากแค่ไหน ตั้งแต่ที่ผมเข้ามาเรียนที่นี่เขาก็เป็นแบบนั้น เป็นคนที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วย
“ขะ…ขอ…ขอโทษครับๆๆ” เมื่อพูดคำขอโทษออกมาได้ ก็พรั่งพรูตามออกมาอีกหลายคำ
“ถ้ามันซักไม่ออกนายจะว่ายังไง” เขาตอบคำขอโทษนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ก็ซื้อตัวใหม่สิ รวยไม่ใช่รึไง” เสียงของจินยองที่ไม่รู้ว่าเดินเข้าไปตอนไหนพูดแทรกขึ้น “อีกอย่างนายก็ไม่ได้ซักเสื้อผ้าเองซักหน่อยนี่อิมแจบอม”
“จินยอง...”
“ฉันไปสนิทกับนายถึงขั้นเรียกชื่ออย่างเดียวเมื่อไหร่กัน”
จินยองกับหมอนั่นไปรู้จักกันตอนไหนน่ะ?
“น้องเขาขอโทษแล้วก็จบเถอะ จะเอาอะไรอีก”
“นั่นสิเจบี” บุคคลที่สี่เดินเข้ามาแทรกตรงกลาง เขาก็เป็นเพื่อนของหมอนั่นนั่นแหละ รู้สึกว่าจะชื่อ...
“ยองแจฉันก็แค่อยากให้เด็กมันระวังหน่อย คราวหน้าจะได้มีสติขึ้นบ้าง” ใบหน้าเรียบนิ่งคลี่ยิ้มบางให้กับคนตรงหน้าก่อนผลักหัวยองแจให้เขาหลบไป “ส่วนนายก็อบรบเด็กมันให้มีสติบ้างนะ เป็นประธานไม่ใช่รึไง”
“แยกย้ายกันได้แล้ว!!” จินยองตะโกนเสียงดังลั่น ห้องอาหารทำให้ทุกคนหันกลับไปสนใจถาดอาหารของตัวเอง และเช็คให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุดมือไปหกเลอะเสื้อใครเข้าอีก
“โหดว่ะ” แจ็คสันพึมพำก่อนเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้แบมแบมนั่ง และยูคยอมที่เดินแยกออกไปยกถาดอาหาร
“ก็มึงไม่ใช่รึไงที่สอนมันให้เป็นแบบนี้” ผมทักท้วงเมื่อนึกย้อนไปเมื่อสองสามปีก่อน
“กูก็แค่ให้มันใช้ชีวิตแบบนอกตำราเฉยๆ ใครจะไปคิดว่าจะออกมาเป็นแบบนี้”
“แต่มันก็ดีแล้วนี่ เด็กปั้นกูกับมึงเลยนะเว้ยไอ้จินยองอะ” ผมพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เพราะเด็กที่เอาแต่เรียนส่วนมากเรื่องกิจกรรมจะไม่ได้เรื่องเลยแต่นี่ผมกับแจ็คสัน ทำให้จินยองทั้งเรียนและทำกิจกรรมไปด้วยได้แบบสบายๆ
ไม่เสียแรงเลยจริงๆ
“เลิกนินทาผม แล้วทานข้าวกันได้แล้วครับ” เสียงคุ้นหูของคนที่กำลังทำให้ผมภาคภูมิใจเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร ผมสามคนนั่งรอแล้วให้ยูคยอมไปยกคนเดียวมันก็ดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ก็ดีแล้วล่ะที่จินยองมันช่วยแบ่งภาระยูคยอมไป
“นินทาอะไรกัน กูชื่นชมอยู่ต่างหาก” ผมหันไปคลี่ยิ้มพร้อมหลิ่วตาแล้วเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างให้จินยองนั่ง
“ผมคงอยู่คุยได้แปปเดียว มีประชุมกับพวกอาจารย์ต่อ”
“อ่าว งั้นไปประชุมก็ได้ จะได้ไม่สาย”
“ไม่เป็นไรหรอก เขายังนั่งทานข้าวกันอยู่เลย” จินยองตอบขณะชี้ไปยังห้องอาหารครูที่อยู่ด้านในซึ่งถูกกั้นด้วยกระจกใสติดฟิล์มมืด
“เอ้อ ไปรู้จักกับสองคนนั้นได้ไงวะ” แจ็คสันถามตัดหน้าผมที่กำลังจะอ้าปากถาม
“สองคนไหน?”
“แจบอม กับยองแจไง”
“ก็สองคนนั้นเป็นเด็กคลาสดีที่ผลการเรียนต่ำสุด พวกครูเขาเลยให้ผมไปช่วยติวให้ แต่ผมว่ามันออกจะไร้สาระเพราะสองคนนั้นไม่สนใจผมเลย”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” ผมหันไปถาม
“ก่อนเป็นประธานนักเรียนอีก นานแล้วนะ แต่ว่าเราไม่ค่อยถูกชะตากันซักเท่าไหร่ ผมกับยองแจก็ธรรมดา แต่ดูเหมือนแจบอมจะเป็นเอามาก เขาไม่เรียนอะไรทั้งสิ้นเลย อะไรก็ไม่เอาทั้งนั้น หยิ่ง อวดดี ไม่ได้เรื่อง” จินยองพูดรัวตามด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ใจเย็นๆนะ คือมึงด่ามัน แต่ไม่ต้องจ้องหน้ากูขนาดนั้นก็ได้” ผมตอบเจื่อนๆก่อนเอื้อมมือไปตบบ่าๆมันเบาๆเป็นการให้กำลังใจแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมที่ถูกตัดจนสั้น “กูว่าทรงเก่าดีกว่านะ ผมมึงสั้นแบบนี้กูแกล้งไม่ได้อะ”
“พี่มาร์ค! ข้าวนี่จะกินมั้ย? ไม่งั้นแบมจะกินแล้วนะ” ในขณะที่ผมกำลังขยี้ผมจินยอง อยู่ดีแบมแบมก็ตะโกนขึ้นมา
“กินสิ” ผมหันไปตอบ
“มาร์คจะได้ไม่ต้องแกล้งผมไง ถึงเวลาผมต้องไปประชุมแล้วล่ะ”
“ตอนเย็นกลับด้วยกันมั้ยเดี๋ยวฉันรอ?” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกไปผมก็รั้งแขนกลับมาถาม เพราะถ้าแยกคลาสแล้วก็จะเจอกันยากหน่อย
“ยูคยอมเย็นนี้ฉันไปทำรายงานที่บ้านนายก็แล้วกัน!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้คำตอบจากจินยองแบมแบมก็พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ผมต้องหันกลับไปหาทันที
อะไรนะ? บ้านยูคยอมหรอ?!!
ความคิดเห็น