ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | KissMark ตราไว้ในใจนายคือของฉัน![END]

    ลำดับตอนที่ #23 : :: KISSMARK :: EP.23

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.53K
      79
      12 ม.ค. 58




                  -MARK PART-


                  ผมพยายามนั่งรออย่างใจเย็นแต่ก็เหมือนเวลาหรือไม่ก็เขาที่กลั่นแกล้งกัน ยิ่งรอก็เหมือนยิ่งนาน นานจนผมเริ่มหงุดหงิด ผมรอได้นะ แต่ไม่ค่อยเก่งเรื่องการรอคอยเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเรื่องแบบนี้ด้วยแล้ว... ผมหันมองนาฬิกาและประตูห้องน้ำสลับกันประมานสิบรอบได้ นั่งก็แล้วยืนก็แล้ว ลุกขึ้นเดินก็แล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะออกมา ถ้าไม่ได้ยินเสียงน้ำที่เปิดอยู่คงคิดว่าเขาเป็นอะไรไปแล้วแน่ๆ






    แกร๊ก!!






    สิ้นสุดการรอคอย ประตูห้องน้ำบานใหญ่ถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างเล็กในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาด ไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นแบมแบมในสภาพชุดคลุมอาบน้ำ เพราะแต่ละครั้งผมจะนั่งรอเขาที่โซฟา หรือไม่ก็ที่โต๊ะอาหาร






    เขาหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ซึ่งผมก็รอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว มันอึดอัดจนผมอยากจะระเบิดตัวเองออกมาตอนนี้เลย ผมเดินเปิดประตูตามเข้าไปในห้องแต่งตัว แบมแบมหันกลับมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยและนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนเปิดครีมกระปุกใหญ่และเริ่มทามันลงที่แขนทีละข้าง...






    "ให้ช่วยมั้ย?" ผมพูดเสียงเบาก่อนหยิบผ้าเช็ดผมที่พาดอยู่บนไหล่เล็กขึ้นมา





    "มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะ" แบมแบมพูดเสียงเรียบขณะที่ผมใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มอย่างเบามือ





    "ขอโทษ..." ผมเอ่ยเสียงแผ่ว





    เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่มองผมผ่านกระจกเงาด้านหน้าก่อนจะปิดตลับครีม และเปิดอีกอันขึ้นมาใหม่






    "ขอโทษ ที่ไม่ได้ขึ้นไปรับมากินข้าว ฉันไม่ได้ลืมนะ เพียงแต่ว่า..." ผมลากเสียงขณะนึกหาคำพูดที่เหมาะสม





    "เพียงแต่ว่าพี่มาร์คเล่นกับพี่จินยองอยู่ พี่มาร์คลืมแบมก็บอกเถอะ"





    "ไม่ใช่นะ ห้องใต้ดินมันไม่ได้ยินเสียงกริ๊งบอกเวลา แล้วโทรศัพท์ก็ปิดเสียงไว้ อีกอย่างฉันก็เก็บเอกสารอยู่"





    "ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่มาร์คไม่เคยโทษตัวเองซักครั้งเลย ห้องใต้ดินจะไม่ได้ยินเสียง โทรศัพท์จะปิดเสียง หรือแม้แต่พี่มาร์คเก็บเอกสารอยู่ถ้าพี่มาร์คนึกถึงแบมซักนิดหนึ่ง เห็นว่าแบมสำคัญซักนิดหนึ่ง มันก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ หรือให้พี่แจ็คสันหรือใครก็ได้บอกแบมซักนิด ไม่ใช่ให้แบมนั่งรอโดยที่ไม่รู้อะไรเลย"





    "ฉันถึงบอกว่าขอโทษนี่ไง"





    "ครับ มันก็คงทำได้แค่นั้นแหละครับ ถ้าคนเราทำผิดก็แค่ขอโทษ... แค่ขอโทษทุกอย่างก็จบ"





    ผมจำประโยคราวๆนี้ได้ ครั้งนั้นก็ประมาณนี้





    ผมมองใบหน้าหวานที่กำลังลงครีมใต้ตาอย่างเบามือ น่าแปลกที่ใบหน้านี่กลับสะกดผมให้มองอยู่นาน นานเกินไป... เกินกว่าที่ผมมองจินยอง แจ็คสัน หรือแม้กระทั่ง นางเอกที่เคยมาเล่นเอ็มวีให้ พวกหล่อนมีใบหน้าที่สวย งดงามต่างจากคนทั่วไป แต่กลับคนตรงหน้าผมแล้ว มันไม่ใช่สวย แต่มันหวาน หวานเกินกว่าจะเป็นใบหน้าของเด็กผู้ชายอายุสิบเจ็ด..





    "ยกโทษให้ฉันได้มั้ย?"





                  ผมถามอีกครั้งเมื่อแบมแบมเลื่อนดวงตาขึ้นสบตาผมผ่านกระจกเงาตรงหน้า






     

       "แบมมีสิทธิ์จะไม่ยกโทษให้ หรือโกรธด้วยหรือครับ?" เมื่อเห็นว่าผมทำหน้างงๆ ก็เริ่มพูดต่อ "นี่ก็ห้องพี่มาร์ค เสื้อผ้าที่แบมใส่ก็เงินพี่มาร์ค อาหารที่แบมกินก็เงินพี่มาร์ค ชุดนักเรียน น้ำหอม รองเท้า หนังสือเรียน กระเป๋านักเรียน และก็อะไรต่อมิอะไรอีก มันเป็นของพี่มาร์คทั้งหมด ถึงแบมจะอยากโกรธมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้หรอกครับ"





    "ถ้าโกรธก็แค่บอกว่าโกรธ แค่บอกว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง ฉันยินดีถ้านายต้องการ"





    "ไม่ต้องทำอะไรให้แบมแล้วครับ แค่ที่ทำให้อยู่ทุกวันก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณจนไม่กล้าแม้แต่จะโกรธแล้ว"





    "หนี้บุญคุณหรอ...?" ผมทวนก่อนส่ายหัวเบาๆ "ฉันทำให้ก็คือทำให้ ดูแลก็คือดูแล และจะไม่มีเหตุการณ์แบบวันนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันสัญญา"





    "แบมไม่เชื่อในคำสัญญาครับ แบมเชื่อในการกระทำ"




    ผมมองใบหน้าที่กำลังคลี่ยิ้มผ่านกระจกให้ผม มันทำให้ผมยิ้มตามได้อย่างอัตโนมัติ




    "แล้วคราวหลังก็ไม่ต้องตามเข้ามาคุยถึงในนี้นะครับ"




    "ทำไมล่ะ?" ผมถามขณะโยนผ้าเช็ดผมชื้นลงในตะกร้าที่อยู่มุมห้อง




    "เพราะว่าแบมเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ได้ไง แล้ววัฒนธรรมไทยก็ไม่เคยสอนให้ใครแต่งชุดคลุมอาบน้ำคุยกับคนอื่นแบบนี้"




    "แต่ฉันไม่ใช่คนอื่นนะ" ผมท้วง อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนแล้วคนอื่นอะไรกันห่างเหินชะมัด "นายเป็นน้องฉันนะ"




    "ถึงจะเป็นน้องแต่วัฒนธรรมไทยก็ไม่สอนให้น้องใส่ชุดคลุมอาบน้ำคุยกับพี่อยู่ดีครับ"




    "ไม่เป็นไรเดี๋ยววัฒนธรรมอเมริกาสอนเอง"




    ผมพูดยิ้มๆ ไม่รู้หรอกว่าอเมริกามีวัฒนธรรมแบบนี้หรือเปล่า รู้แต่ว่า มันไม่ได้ผิดกฎหมายข้อไหน หรือขัดต่อกฎธรรมชาติข้อใดที่ว่าห้ามใส่ชุดคลุมอาบน้ำคุยกับคนอื่น





    หรือมันอาจจะเป็นที่ความคิดผมเองก็ได้นะ





    "แล้วจะยืนอยู่อีกนานมั้ยครับ? ไปอาบน้ำไปตัวเหม็นหมดแล้ว"




    "อย่ามาตลก ฉันไม่มีกลิ่นตัวหรอก โคโลญจน์ฉันขวดเป็นหมื่นเป็นพัน" มันเป็นความจริงครับที่ว่าผมไม่มีกลิ่นตัวแม้จะไม่ได้ใช้น้ำหอมหรือโคโลญจน์อะไรเลยก็เถอะ ผมไม่ได้ออกแรงเยอะจนเหงื่อออก และผมไม่กินอาหารที่มีกลิ่นแรง และที่สำคัญผมไม่ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ตัวเองรู้สึกอับ....




    "ถึงอย่างนั้นก็ออกไปเถอะ แบมจะได้แต่งตัวซักที" พูดก่อนทำท่ารำคาญผมเต็มทน






                 หลังจากเคลียร์ปัญหาที่คาใจออกไปได้อย่างราบรื่นผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืนอยู่ในห้องนั้นต่อไป เลยยอมเดินออกมา แบมแบมเป็นเด็กที่มีเหตุผล เข้าใจอะไรง่าย ไม่ทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป ผมชอบนะเด็กแบบนี้....






    ผมหมายถึงว่าผมชอบเด็กที่มีนิสัยแบบนี้ นิสัยที่เป็นแบบผู้ใหญ่ ไม่ทำให้ผมอึดอัด...








                   

    เป็นเวลานานกว่าสามสัปดาห์แล้วที่ผมนอนโดยที่กอดแบมแบมแทนหมอนข้างมาตลอด ผมไม่รู้ว่าผมเลิกนิสัยติดหมอนข้างรึยัง เพราะผมกอดแบมแบมทุกวันและทุกคืน เวลานานประมาณแปดชั่วโมงที่ผมกอดเขาต่อหนึ่งวัน เวลานานประมาณห้าชั่วโมงที่ผมจับมือเขาต่อหนึ่งวัน เวลานานประมาณหนึ่งชั่วโมงที่เขาอยู่บนหลังผมต่อหนึ่งวัน ไม่รู้ว่าเหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่ที่ผมต้องอยู่กับเขาแบบนี้ ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นความเคยชินหรือยัง ไม่รู้ว่าถ้าวันไหนเด็กคนนี้ไม่อยู่ด้วย ผมจะเป็นอะไรหรือเปล่า






    แต่ที่ผมรู้มีอย่างเดียวคือ วันนี้เขายังอยู่กับผม อยู่ข้างๆ และอยู่ในอ้อมกอด






    วันนี้ผมตื่นก่อนเลยได้อาบน้ำก่อน ผมชอบอาบน้ำในอ่างเพราะว่ามันสบายกว่าการอาบด้วยฝักบัว แล้วอีกอย่างเวลาผมตื่นก่อนทีไร แบมแบมจะมาเคาะประตูเพื่อขอเข้าห้องน้ำทุกครั้งและวันนี้ก็เหมือนกัน...






    "ฉันชักเริ่มมีปัญหากับท่อปัสสาวะของนายแล้วนะ มันต้องทำงานเวลาเดิมตลอดเลยรึไง" ผมพูดเสียงเรียบขณะตีน้ำในอ่างเล่นไปมาจนเกิดฟองสีขาวเต็มไปหมด




    "คงงั้นมั้งครับ..." ตอบเสียงงัวเงียก่อนเดินไปล่างมือแล้วหาววอดใหญ่




    ถึงผมจะอาบน้ำในอ่างแต่ก็ใช้เวลาไม่มากเพราะรู้ว่าอีกคนต้องใช้เวลาอย่างยากลำบากกับการอาบน้ำแบบเอาขาออกห่างจากน้ำหนึ่งข้าง ผมแทบไม่อยากนึกภาพเลยถ้าตัวเองต้องอยู่ในสภาพแบบนั้นบ้างจะเป็นยังไง...






    ทันทีที่ผมขับรถมาถึงที่โรงเรียนก็เห็นจินยอง แจ็คสัน และยูคยอมยืนเรียงกันเหมือนรอต้อนรับเราสองคน วันนี้ไม่ว่าธุระจะเร่งด่วนยังไง ผมก็ต้องไปส่งแบมแบมที่คลาสเรียนให้ได้ จะไม่มีการให้ยูคยอมมันไปแทนอีก






    ไม่มีทาง...






    "ไงมึง!" เมื่อรับแบมแบมลงจากรถแล้วผมก็โยนกระเป๋าทั้งสองใบไปให้ยูคยอมและหันไปทักทายแจ็คสันกับจินยองในประโยคเดียวกัน




    "พี่แจ็คสัน เมื่อวานแบมขอโทษนะครับ...พอดีแบมกำลังหงุดหงิด" คนที่กำลังจับมือผมพูดเสียงอ่อยเหมือนสำนึกผิด




    "ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ นี่ดีกันแล้วใช่มั้ย?"




    "เออสิวะ วันนี้มึงต้องคุยกับกูแล้วนะ" ผมตอบทันควัน




    "เร็วจังนะมึง" แจ็คสันยักไหล่




    "แล้ววันนี้กูไม่ต้องทำอะไรใช่มั้ย? " หลังจากที่เคลียร์กับแจ็คสันเสร็จผมก็หันไปถามจินยองที่กำลังคุยกับยูคยอม




    "ไม่ต้องหรอก ทำแค่อาทิตย์ละครั้งก็พอ" จินยองตอบก่อนหันไปคุยกับยูคยอมต่อ




    "มึงคุยอะไรกันวะ ตั้งนานแล้วเนี่ยกูจับใจความไม่ได้ซักที" แจ็คสันที่ดูเหมือนจะฟังอยู่นานแล้วพูดออกแนวเริ่มรำคาญ




    "เรื่องไปเขาค่าย เพราะว่าแบมแบมขาหักผมเลยไม่รู้จะเลื่อนไปไว้ช่วงไหนดี อาจจะซักเดือนหรือสองเดือนข้างหน้า" จินยองหันมาตอบพลางมองแบมแบมที่ยืนอยู่ข้างผม




    "ไม่ต้องไปไม่ได้หรอ" ผมถาม "ให้ทำรายงานหรืออะไรแทนแบบนี้ จะได้ไม่ต้องเลื่อน"




    "ไม่ได้หรอกครับ เราต้องไปกันครบทุกคนเพราะว่ามันเป็นค่ายพี่กับน้อง เฉพาะเกรดที่ติดกัน และค่ายสุดท้ายก็คือเกรดของพวกเรา" คราวนี้เป็นยูคยอมที่หันมาตอบบ้าง




    ครั้งล่าสุดที่ผมได้ไปเข้าค่ายกับที่โรงเรียนก็คือสองปีที่แล้ว เป็นการเข้าค่ายที่เรียกว่า'ค่าย'ได้แบบเต็มปากจริงๆ ทั้งเรื่องนอนเต็นท์ อาบน้ำวันละครั้ง หรือต้องกินข้าวที่ทำเอง และเพราะมันเป็นค่ายที่ไม่มีครู พวกรุ่นพี่จึงได้สิทธิ์เต็มที่ที่จะดูแล หรือ กลั่นแกล้ง หรือ ใช้งาน หรือ อะไรก็ตามแล้วแต่ต้องการ แต่เรื่องหนักใจมันอยู่ที่ว่า เราไม่รู้ว่าจะได้น้องคนไหนมาน่ะสิ...



     


    ----------------------------

    #fickissmark

    ---------------------------


     themy butter


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×