ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | KissMark ตราไว้ในใจนายคือของฉัน![END]

    ลำดับตอนที่ #16 : :: KISSMARK :: EP.16

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.15K
      93
      12 ม.ค. 58



             -MARK PART-




    นี่ก็หลายวันผ่านไปแล้วหลังจากวันที่แจ็คสันมันเอาหนังสือมาคืน หลังจากนั้นก็ไม่เห็นมันโผล่หัวมาอีกเลย แล้วเราสองคนก็ไม่ใช่พวกประเภทที่เพื่อนหายหัวไปแล้วโทรหากันเพราะคิดถึงซะด้วยสิ ผมไม่ได้คิดว่ามันจะโกรธจริงๆหรอก เพราะยังไงผมกับมันก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี มันก็ไม่ได้สนิทกับใครอีก ผมก็ไม่ได้สนิทกับใครอีก ก็มีแต่ไอ้เด็กที่นั่งโอดโอยเพราะเบื่อเฝือกที่ขาเต็มทีนี่แหละที่พอจะสนิทด้วย





    “พี่มาร์ค~” แบมแบมเรียกผมเสียงยาน




    “ว่าไง?”




    “เมื่อไหร่จะถอดเฝือกได้อะ แบมรู้สึกว่าชีวิตลำบากมาก”




    “น่าจะเดือนกว่าๆ ร่างกายนายแข็งแรงนี่ ขนาดอวัยวะช้ำยังหายซะเร็วเลย”




    “นานอะ” เขาเบ้ปากอย่างเบื่อหน่าย มันทำให้ผมรู้สึกผิดนะแต่ก็อย่างที่บอกแหละ ถ้าแท็กซี่คันนั้นไม่ปาดหน้ารถผมก่อน เหตุการณ์ทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น




    “พี่มาร์คไม่ออกไปเที่ยวไหนบ้างหรอ? ”




    “ฉันไม่ชอบเที่ยว ฉันไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะ มันน่าอึดอัดนะ อยากพักผ่อนแต่ต้องทำตัวเป็นไอดอลตลอดเวลามันเหนื่อย” ผมชอบนะที่มีคนมาสนใจ คอยมอง คอยติดตาม เห็นผมเป็นแบบอย่างเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิต ยิ่งเวลาจะทำอะไรแล้วมีคนคอยคาดหวัง ผมก็รู้สึกสนุกกับมันมากขึ้น แต่เมื่อไหร่ที่ผมต้องการจะพัก ผมก็รู้สึกอึดอัดที่มีคนมาจ้องมองตลอดเวลา มันทำให้ผมไม่สามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่




    “ก็พี่มาร์คเป็นคนดังไม่ใช่หรอ?”




    “นั่นแหละเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่ค่อยได้ไปไหน แล้วอีกอย่างนายก็ขาหักอยู่นี่ ฉันไม่เข็นวิลแชร์ให้หรอกนะ”




    “แต่แบมเบื่อ




    “แล้วคิดว่าฉันไม่เบื่อรึไง?”




    “ก็เห็นวันๆเอาแต่เล่นเกมส์ ไม่ก็นอนดูหนังอะ”




    “ก็ฉันไม่มีอะไรทำนี่ พูดอย่างกับตัวเองไม่ติดเกมส์” ผมว่าขณะเปรยตาไปยังจอไอแพดที่เปิดตารางซูโดกุอยู่





    สนุกตรงไหนวะ??





    “แบมไม่ติดนะ มันฝึกสมอง”




    “สมองนายยังไม่ฝ่อตอนอายุสิบเจ็ดหรอก” ผมพูดเสียงเรียบ “มันเป็นการฝึกสมองที่น่าเบื่อมากเลยรู้ไหม?”




    “งั้นออกไปข้างนอกกัน เบื่อจะตายอยู่แต่ในห้องเนี่ย เห็นแต่ตึกๆๆรอบตัวไปหมดเลย”




    ไม่ว่าจะเป็นวิวที่มองจากด้านไหนของห้อง มันก็คือตึกทั้งนั้นแหละครับ ผมอยู่ชั้นยี่สิบเจ็ด มันก็คงไม่แปลกที่จะมีตึกอยู่รอบไปหมด แล้วนี่มันโซล เป็นอุตสาหกรรมไม่ใช่เกษตรกรรม ที่จะได้มองไปเห็นท้องทุ่งนาสีเขียวขจี




    “ไม่ไป ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น วันนี้ชุดนักเรียนนายจะมาส่ง แล้วก็อีกสี่วันก็เปิดเทอมแล้ว เก็บสังขารไว้ไปโรงเรียนเถอะ”




    “จริงด้วยสิ” แบมแบมพูดทำหน้าเหมือนเพิ่งระลึกได้ว่าตัวเองไปตัดชุดนักเรียนเอาไว้






    ติ๊ง~ต๊อง~!!





    เสียงกริ๊งที่ไม่ได้ยินมาหลายวัน ดังขึ้นทำให้ผมและแบมแบมหันมามองหน้ากัน




    ดวงตาแบมแบมบอกว่า ขอให้เป็นพี่แจ็คสัน…’





    ดวงตาของผมบอกว่า ไม่มีทาง!!’





    และมันก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องเดินไปเปิดประตู เพื่อนหยุดเสียงกริ๊งที่ดังไม่หยุดนี่เสียที การกดกริ๊งมันเป็นมารยาท แต่กดรัวๆแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เสียมารยาทกันพอดี!!





    และเมื่อประตูสีดำบานใหญ่ถูกเปิดออก ผมก็ได้ชัยชนะมาเต็มๆเพราะว่าเป็นพี่จากร้านตัดชุดคนสนิท





    “ชุดมาแล้วแบมแบม!!” ผมเดินไปตะโกนไปโดยที่มีคนถือชุดเดินตามหลังมา “เอาไปไว้หน้าตู้เลยครับ” ผมชี้บอกทางก่อนจะหันไปหาแบมแบมที่ทำหน้ามุ่ยอยู่




    “ทำหน้าแบบนั้นทำไม ไม่ดีใจรึไงชุดนักเรียนของนายนะ”




    “เปล่านี่” ปฏิเสธก่อนเบ้ปาก




    “มาร์ค นี่ใบเสร็จ” หลังจากเดินเอาชุดไปแขวนไว้หน้าตู้เรียบร้อยก็เดินมายื่นใบเสร็จแผ่นเล็กให้ผม





    ความจริงถ้าไปตัดร้านเสื้อผ้าเราต้องลองชุดก่อนจ่ายเงินใช่ไหมครับ เผื่อต้องแก้ตามส่วนต่างๆ แต่กับที่นี่แล้วแทบไม่ต้องลองเลย เก็บไว้แล้วใส่วันจริงทีเดียวก็ยังได้เลย เพราะว่าเท่าที่ผมตัดชุดกับร้านนี้มา มันไม่เคยมีการผิดพลาด ไม่เคยต้องแก้ใหม่เลยสักครั้ง





    “พี่มาร์คใช้เงินแบมก็ได้” แบมแบมพูดขัดเมื่อเห็นผมกำลังเปิดกระเป๋าสตางค์





    “ไม่ต้องหรอก” ผมตอบก่อนหยิบแบงค์ใหญ่ในกระเป๋าแล้วยื่นให้ ถึงเงินมันจะเกินจำนวนแต่ก็เป็นที่เข้าใจว่า





    ไม่ต้องทอน





    “แล้ววันหลังอุดหนุนพี่อีกนะจ๊ะ” เธอพูดก่อนจะหันไปโบกมือให้แบมแบมและเดินออกไปหลังจากเขายิ้มให้เรียบร้อย





    ให้ตายเถอะ!! ทำเหมือนสมัยแรกที่รู้จักกับผมเป๊ะๆเลย





    “ไม่ลองชุดหรอ?” ผมหันไปถามเมื่อเขายังคงนั่งทำหน้าเครียดกับตารางซูโดกุ





    “เบื่อเฝือกอะไม่อยากเดินมาก” เขาตอบเสียงเรียบ




    “แล้วจะไม่ลองชุดใช่ไหม จะได้ไปเก็บเข้าตู้ให้”




    “ลองสิ




    “ก็ลุกสิ”




    บอกจะลองแต่ก็นั่งอยู่กับโซฟายังไงกันเด็กคนนี้




    “พาไปหน่อย ความจริงคนขาหักเขาไม่ให้เดินมากนะ” แบมแบมวางไอแพดลงกับโซฟาก่อนกวักมือเรียกผมให้เดินไปหา





    “ทีหลายวันยังเดินได้ วันนี้เกิดเดินไม่ได้นะ” ผมพูดเคืองๆแต่ก็ยอมเดินไปอยู่ดี “ตัวปัญหาจริงๆนะเรา” พูดก่อนจะใช้มือช้อนไปที่ข้อพับใต้หัวเข่า แต่ก็ถูกมือเล็กฟาดลงที่แขนจนต้องเงยหน้าขึ้นไปดุ “ตีทำไม?”





    “ไม่อุ้มดิ ไม่เอา”





    เรื่องมาก





    “จะขี่หลังอะ”





    เรื่องมากที่สุด!





    เอาแต่ใจที่สุด!!





    “หันหลังสิ”




    สั่งจังเลยวุ้ย!!





    แล้วยังไงผมก็ต้องทำตามไง!!






    ผมย่อตัวลงไปจนติดกับพื้นและใช้หลังพิงโซฟา เพื่อผ่อนน้ำหนักที่ค่อยๆขึ้นมาบนหลัง แบมแบมใช้แขนคล้องไว้กับคอ และวางคางลงมาที่ไหล่กว้าง ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นตั้งหลักให้ดีและเดินเข้าไปในห้องที่สำหรับแต่งตัวซึ่งติดอยู่กับห้องนอน







    มันเป็นห้องที่มีขนาดเท่าห้องนอนพอดีสองฝั่งที่ติดพนังเป็นตู้สูงจรดเพดาน ยาวไปสุดห้อง บานประตูตู้ทำตัวกระจกเงาทั้งหมด ผมเลยเห็นตัวเองได้ทุกองศา ไม่ต้องหันซ้ายทีขวาทีเวลาจะแต่งตัว ถึงจะงงๆบางครั้งเวลาเห็นตัวเองเป็นสิบๆคนก็เถอะ กลางห้องขนาดใหญ่มีตู้กระจกใสสองตู้วางโชว์เครื่องประดับต่างๆตั้งแต่หัวยันเท้า เท่าที่ร่างกายจะใส่มันได้ และตู้ทั้งสองก็ถูกกั้นกลางด้วยโซฟาบุหนังสีแดงสด





    ผมค่อยๆวางร่างที่อยู่บนหลังลงที่โซฟาตัวนั้นก่อนจะหยิบชุดนักเรียนออกมาจากถุงชุดที่อยู่หน้าสุดและเก็บที่เหลือเข้าไปในตู้ที่ผมยกให้สำหรับใส่เฉพาะชุดของเขาโดยเฉพาะ






    “แล้วพี่มาร์คจะยืนอยู่ตรงนี้น่ะหรอ?” แบมแบมถามหลังจากที่รับชุดไปจากมือผม





    “ทำไมอะ ฉันอยู่ไม่ได้หรอ?”




    “ไม่ได้สิ ก็แบมจะเปลี่ยนชุดนี่”




    “เราไม่ได้เป็นผู้ชายเหมือนกันหรอ?” ผมถามกลับ เพราะว่าสมัยเรียนผมกับแจ็คสันและก็คนอื่นๆก็จะเปลี่ยนชุดกีฬากันในห้องเรียนอยู่แล้ว ก็เป็นผู้ชายกันหมด ไม่มีใครต้องอายใคร ส่วนพวกผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ชายก็จะรอพวกผมเปลี่ยนเสร็จก่อนแล้วถึงจะเปลี่ยนกันเองทีหลัง




    “เป็นผู้ชายแล้วไงอะ? แบมไม่ใช่เด็กๆนะที่จะให้ใครมายืนอยู่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าอะ”




    เฮ้ย!! ผมก็ไม่ใช่เด็กนะ โตกว่ามันด้วยซ้ำไป




    นอกจากตอนที่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากันในห้องเรียน เวลาโชว์ตามไลฟ์ต่างๆนี่ เปลี่ยนกันแทบจะไม่เหลือคำว่าอายแล้ว แถมยังแข่งกันอีกด้วยซ้ำว่าใครรักษาหุ่นได้ดีกว่ากัน





    แน่นอนครับผมแพ้ราบคราบ เพราะว่าซิกแพคมันไม่ได้ขึ้นมาเป็นก้อนๆเหมือนพวกนักกล้าม




    “ยังไม่ออกไปอีก พี่มาร์ค!




    “ไล่ขนาดนี้ หรือว่าโตแต่ตัวอะไรๆมันไม่ได้โตด้วย” ผมแหย่เขาเล่นก่อนจะหันหลังเดินออกไป และมีเสียงโวยวายตามมาเป็นแบล็คกราวน์ด้านหลัง




    “ทะลึ่ง!!” นี่เป็นคำที่ชัดเจนที่สุดแล้วเท่าที่ได้ยิน




    ผมออกมายืนรอได้ซักห้านาทีแบมแบมก็เปิดประตูตามออกมาพร้อมกับเครื่องแบบที่สวมใส่อยู่ ตอนแรกผมก็คิดอยู่ว่าเด็กไทยจะเขากับชุดนักเรียนของเกาหลีได้ไหม แต่พอมาเห็นแล้วก็เข้ากันได้อย่างดีเลยดีมากกว่าเด็กเกาหลีบางคนด้วยซ้ำ





    เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดด้านในถูกคลุมทับด้วย เสื้อสูทสีเหลืองสดที่มีตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนอยู่ กางเกงแสลคที่ปกติต้องเป็นแบบขายาวปิดตาตุ่มแต่ในกรณีของแบมแบมแล้วมันกลับสั้นขึ้นไปเหนือหัวเข่าไม่มากนัก





    “แบมผูกไม่เป็นอะ” เขาว่าพลางชูเนคไทด์สีดำขึ้นมา




    “ลองแค่ชุดพอ ไทด์ไว้ค่อยใส่วันเปิดเทอม” ผมตอบ




    “เป็นไง แบมหล่อมั้ย? เหมือนเด็กเกาหลีเลยปะ”




    จะให้ตอบว่าอะไร




    ตอบว่าหล่อก็กระดากปากเกินไป แค่ชมตัวเองทุกวันนี่ก็กระดากปากจะแย่แต่ก็ต้องพูดเพื่อสร้างความมั่นใจ





    จะตอบว่าไม่หล่อมันก็ไม่จริงเท่าไหร่เพราะเด็กนี่ก็น่าตาดีใช้ได้เลยนะ




    ตอบแบบนี้ก็แล้วกัน





    “น่ารักดี

     


    ----------------------------

    #fickissmark

    ---------------------------


    themy butter


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×