ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Where the journey begins.
Ep005 : Where the journey begins.
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ยามแสงอาทิตย์ลับตาไปท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ สัตว์ต่างๆ ก็เริ่มทยอยกลับรังของมัน สัตว์ป่าหลากหลายชนิดที่เริ่มต้นชีวิตหลังท้องฟ้ามืดก็เริ่มออกหาอาหาร ภายในบริเวณป่า Hollow point นั้นช่างมืดมิดเนื่องด้วยเป็นคืนเดือนมืดไร้แสงจันทร์ แต่ในความมืดนั้นกลับมีแสงสว่างของกองไฟเล็กๆ กองหนึ่ง กลิ่นเหม็นไหม้ของถ่านไม้ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ กองไฟเล็กๆ มิอาจหยุดแม้สายลมเอื่อยๆ ที่พัดมาต้องกาย สร้างความหนาวสะท้านไปถึงกระดูก ภายใต้แสงสีส้มนั้น เสียงพูดเบาๆ ของหญิงสาวดังขึ้นทำลายความเงียบ
" เธอไม่นอนพักเอาแรงเลยหรือ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางอีกไกลนะ " ลาวีพูดขึ้น " เดี๋ยวร่างกายก็รับไม่ไหว เป็นลมเป็นแล้ง ฉันกับอารินคงแบกเธอไม่ไหวหรอก "
" แล้วเราจะเอาเจ้านั่นไปด้วยทำไมล่ะคะพี่ ปล่อยให้มันกลายเป็นอาหารสัตว์ป่าไปเถอะ " อารินกระแทกเสียงใส่โดยมีเป้าหมายไปทางชายหนุ่มที่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่ที่อีกด้านของกองไฟ
" อืม... "
ชิกิพูดเหม่อๆ ไม่มีแม้กระทั่งการเปลี่ยนสีหน้า เขานั่งอยู่อย่างนั้นมานาน ตั้งแต่ทั้งสองคนลุกขึ้นและเขาอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟังแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยเกินกว่าคำว่า 'อืม...', 'นั่นสินะ...' และ 'ได้...'
"อ้าว นี่นายก็พูดเป็นด้วยหรือนี่ ชิ... นึกว่าทำปากตกหายไปแล้ว" อารินยังไม่เลิกกัด "พี่ลาวีถามตั้งนานไม่ตอบ คนอะไรก็ไม่รู้ ไร้มารยาทสิ้นดี พวกสหพันธ์คงเป็นอย่างนี้กันหมด...ไร้ความรู้สึก ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ รู้จักแต่การทำลาย "
" อาริน พี่ว่าอย่าเพิ่งพูดเลยนะ... พี่ขอละ "
" ก็แหม พี่ลาวี หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรเค้าสักหน่อย หนูว่าไอ้พวกสหพันธ์ต่างหาก แล้วอีกอย่างทำไมพี่ลาวีต้องปกป้องหมอนี่ด้วยล่ะ ? มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราซักนิดเดียว"
" หมอนี่แหละ... ที่เป็นคนยิงลุงเก็น... "
อารินซ่อนสายตาไม่ให้ใครมองเห็น ตัวสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหนาวหรืออย่างอื่น
" เรื่องมันแล้วไปแล้ว อาริน... เขาแค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้นเอง "
" ถ้ามันยังมีความเป็นคนอยู่ละก็ มันคงไม่ทำหรอก !!! มันก็แค่ทะเยอทะยาน อยากได้ตำแหน่งสูงๆ โดยการประจบสอพลอพวกสารพัดนายพล แล้วมาเอาหน้ากับการถล่มชาวบ้านตาดำๆ เล่นเท่านั้นเอง "
" อาริน พอได้แล้ว พี่ว่าเค้าก็น่าจะรู้แล้วนะ"
" ยังไม่พอค่ะ พี่ลาวี " อารินยังไม่ยอมหยุด "รู้ไหมคนที่ตายไปน่ะมีกี่คน ทั้งเฮ็นริเอตต้า... ฮันเซล... แม๊ค แล้วยังชาวบ้านคนอื่นๆอีก แล้วคนที่สั่งฆ่าพวกเขาทุกคนก็ยังมานั่งลอยหน้าผิงไฟอยู่ตรงนี้นี่ไง"
"อาริน พี่บอกให้หยุดได้แล้ว !!! มันเป็นเรื่องไร้สาระมากน่ะที่เราจะมานั่งซ้ำเติมคนอื่นน่ะ "
"นี่ พี่ลาวีอย่าบอกนะคะ...ว่าพี่เข้าข้างไอ้หมอนี่ "
"พี่ก็ไม่ได้บอกว่าเข้าข้างเขานะ พี่เพียงแต่คิดว่า เขาก็สูญเสียไม่น้อยไปกว่าเราเลย ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปตอกย้ำเขาอีก" ลาวีพยายามพูดให้อารินที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์เคียดแค้นเข้าใจ " พี่ว่าอารินไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอ"
อารินน้ำตาไหลซึม แต่ยังโมโหจนหน้าแดง เธอก้าวฉับๆ ไปหาที่นอนชั่วคราวที่สร้างจากเศษไม้และใบไม้แล้วทิ้งตัวโครม แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงบ่นงึมงำลอดออกมาด้วย ครู่เดียวเสียงบ่นก็เปลี่ยนเป็นเสียงหายใจช้าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง ลาวียิ้มเล็กๆ แล้วหันมาหาชายหนุ่มบ้าง
" อย่าไปถือสาเขาเลยนะ " ลาวีพูดกับชิกิ พลางเช็ดแว่นตาของเธอไปด้วย " ตอนนี้เขากำลังพยายามหาทางออกให้กับตัวเองอยู่ เหตุการณ์นั้นกำลังทำให้เธอเสียศูนย์และไร้ที่พึ่ง ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำให้ตัวเองสบายใจ...ก็คือโทษคนอื่นไงล่ะ"
ชิกิยังไม่ตอบ สายตาเหม่อลอยมองไปหาสิ่งที่ไม่มีตัวตน
"เออ จะว่าไปแล้ว เธอชื่ออะไรเหรอ ? ฉันก็ไม่อยากใช้คำว่าเธอตลอดการเดินทางหรอกนะ"
"ชิกิ... ชิกิ โทโนะ " ชิกิหันมาตอบก่อนที่จะหันกลับไปมองเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาเมื่อถูกสายลมพัด
"ฉันชื่อ ลาวี ส่วนเด็กคนนั้นชื่อ อาริน... อย่าไปใส่ใจคำพูดของอารินเลย ถึงชิกิคุงจะเห็นเค้าพูดแบบนี้ก็เถอะนะ แต่จริงๆแล้วอารินเป็นเด็กดีมากเลยล่ะ "
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่เธอพูดก็ถูก" ชิกิพูดยาวเกินกว่าหนึ่งประโยคเป็นครั้งแรก
"ตัวผมมันก็แค่คนเลว... ไร้ความสามารถ... แม้กระทั่งเพื่อน ลูกน้อง คุณเลขา... ไม่ว่าใครผมก็ปกป้องไว้ไม่ได้ มีแต่ต้องให้คนอื่นเขาช่วยอยู่ร่ำไป ในเวลาคับขันผมก็ไม่มีพลังอะไรที่จะช่วยพวกเขาได้...ทั้งๆ ที่พวกเขาอยู่แค่เอื้อมแท้ๆ...ผม... "
เหมือนมีก้อนอะไรมาติดอยู่ที่คอของชายหนุ่ม คำพูดทั้งหมดที่เขาอยากจะพูดไม่สามารถผ่านลำคอออกมาได้ กลับมีเพียงเสียงขบฟันอย่างแค้นใจ และหมัดที่กำแน่นจนเลือดไหลออกมา
ลาวียิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินมาหาชิกิ โดยถือผ้าพันแผลมาด้วย เธอเอามือแกะหมัดของชิกิออก แล้วเอาผ้าพันห้ามเลือดที่ไหลหยดลงบนพื้น มือทั้งสองของลาวีจับมือของเขาไว้เพื่อกดให้เลือดหยุดไหล ชิกิเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ความอบอุ่นของมือทั้งสองข้าง ส่งผ่านทะลุผ้าพันแผลเข้าสู่กายของเขา ผ่านกรอบแว่นของลาวีเข้าไป ชิกิมองเห็นสายตาที่แสดงความหวังดีและเอื้ออาทรอย่างจริงใจ มันทำให้เขารู้สึกสงบอย่างประหลาด
"ฉันรู้แล้วละ ว่าทำไมโซลถึงฝากฝังให้เธอมาเดินทางกับพวกเรา... นี่ชิกิ เธอรู้ไหมคนเราต่อสู้ไปเพื่ออะไร ?"
"คนเราจะต่อสู้เมื่อมีสิ่งที่ต้องปกป้องไงล่ะ... นั่นแหละ คือสิ่งที่เป็นเหตุผลทำให้เราสู้" ลาวีเฉลยคำถามเองเมื่อเห็นชิกิไม่ตอบ "ฉันก็ไม่รู้ว่าที่ฉันพูดเธอจะฟังแล้วคิดตามหรือเปล่า หรือเธอจะยอมรับคำแนะนำที่จะพูดนี้หรือไม่ มันก็เป็นสิทธิของเธอ เอาล่ะฟังนะ..."
" คนเราทุกคนน่ะเกิดมาต้องรู้จักความสูญเสียทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครที่เกิดมาบนโลกนี่โดยไม่รู้จักความสูญเสียหรอก แต่ว่ามากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่อดีตที่ทุกคนเผชิญมา... อย่างตอนนี้ ชิกิคุงสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่เรียกว่าเพื่อนไป มันไม่ผิดที่จะเสียใจ มันไม่ผิดที่จะร้องไห้ เพราะสิ่งนี่แหละที่เป็นหลักฐานว่ายังเธอเป็นคนอยู่"
" เมื่อเรามีสิ่งที่มีค่าอยู่กับตัวเท่าไหร่ เวลาเราเสียมันไป ความเสียใจก็จะมากเท่านั้น... เราไม่สามารถย้อนคืนเวลาไปแก้ไขสิ่งที่เราสูญเสียไปได้ มีแต่ต้องก้าวไปเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป..."
เลือดที่มือของชิกิหยุดไหลแล้ว แต่ลาวีก็ยังจับมือเขาอยู่
"พี่ไม่ได้บอกให้ชิกิคุงลืมเพื่อนๆ ไปหรอกนะ แต่ให้เก็บพวกเขาไว้ในความทรงจำ แล้วก้าวต่อไปอย่างแข็งแรงเถอะ" ลาวีลูบหัวเขาเบาๆ " ถ้าคุณเลขาของเธอมาเห็นเข้า คงจะดุว่าทำตัวไม่สมกับเป็นหัวหน้าคนแน่ จริงมั้ยจ๊ะ ?"
ชิกิก้มหน้า แล้วหัวเราะเบาๆ แต่หยาดน้ำใสๆ หลายหยดก็ตกลงกระทบพื้น
"คงอย่างนั้นล่ะครับ...ฮ่ะฮ่ะ... ถ้าเป็นคุณเลขา คงจะเอ็ดผมแน่เลยละ... ทั้งๆ ที่เป็นแค่เลขาแท้ๆ...ฮ่ะฮ่ะ..."
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้าของชิกิ
" ทำใจให้สบายแล้วกันนะ พี่ขอตัวไปนอนก่อนล่ะ... อ้อ แล้วก็ อย่านอนดึกนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพ"
ลาวีพูดจบก็แยกตัวไปนอนกับอาริน ในขณะที่ชิกิก็นั่งคิดอะไรหลายอย่าง พลางมองดุ้นฟืนติดไฟที่ส่องแสงสีส้มออกมาเจิดจ้าเป็นแสงสุดท้ายก่อนจะมอดเป็นขี้เถ้า แสงริบหรี่จากกองไฟที่กำลังจะมอดดับ ส่องสะท้อนแว่นตาและสายน้ำที่ไหลอาบแก้มของเขา
"บ้าเอ๊ย... ฉัน...ไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย...อาริฮิโกะ... แค่เหงื่อไหลออกทางตาเท่านั้นเอง..."
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น การเดินทางเป็นไปอย่างเงียบๆ เหมือนเคย อารินเดินลิ่วไปข้างหน้าไม่ยอมหยุดจนลาวีที่ตามมาข้างหลังต้องขอให้เบาฝีเท้าลงบ้าง เพราะกระโปรงที่เธอใส่อยู่นั้นทำให้ก้าวยาวๆ ไม่ได้ ส่วนชิกิที่ยังคงไม่ได้พูดอะไรเหมือนเคยอยู่รั้งท้าย แต่เขาก็ยังเดินตามทันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ป่าสีเขียวขจีด้านหลังไม่เหลือเค้าความน่ากลัวอย่างเมื่อตอนกลางคืน กลับกลายเป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ นกน้อยขับขานเสียงเพลงบนกิ่งไม้ กวางป่าเฝ้าด้อมมองผู้มาเยือนอย่างสนใจ ชิกิเดินตามหลัง มองดูอารินแล้วถอนหายใจ ไม่ใช่ถอนหายใจเรื่องความปากร้ายของเธอหรอก แต่เขาถอนหายใจให้ความเลวร้ายที่เขาได้ทำกับเธอลงไป ถึงแม้เธอจะโกรธ จะเกลียดเขาเท่าไหร่ ก็ยังมีความรู้สึกเหมือนว่า สิ่งที่เขาได้รับเพียงแค่นี้ยังไม่สาสม...
...ต่อให้ยกชีวิตนี้ให้ ก็ยังไถ่บาปที่ทำไว้กับเธอไม่พอหรอก...
แซ่ก---
ชิกิหลุดจากห้วงภวังค์เมื่อได้ยินเสียงผิดสังเกต น่าแปลกที่เขาสะกิดใจกับเสียงนี้ ในเมื่อมันอาจเป็นเสียงของอะไรก็ได้ เขาหยุดแล้วสังเกตุบริเวณที่ได้ยิน...
กลิ่นดินปืน !!!
"ทุกคน !!! หลบเร็วเข้า "
ตูมม --- !!!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นตรงที่ที่อารินและลาวีเคยอยู่ ควันขาวๆ ฟุ้งไปทั่วบริเวณ ชิกิเอามือปิดจมูกป้องกันควันไว้แล้วชักปืนพก Luger มาเตรียมพร้อม ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรส่งเสียงเรียกทั้งสองคน เพราะจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งในหมอกควันกำบัง ชิกิจับเสียงไอค่อกแค่กของหญิงสาวดังมาจากทางด้านหนึ่ง เขารีบวิ่งออกไปตามเสียงทันที แต่สิ่งที่รอเขาอยู่เมื่อควันจางกลับไม่ได้มีแค่สองคน แต่กลับมีถึงสาม
"สวัสดี คนทรยศ" ร่างลึกลับค่อยๆ ปรากฎให้เห็นมากขึ้นเมื่อควันค่อยๆ จางลง "ผมไม่เคยนึกเลยนะว่ารุ่นพี่จะรอดมาได้ "
" ...สตอร์ม" ชิกิจ้องหน้าเหมือนไม่เชื่อสายตา
สตอร์มเรจ เซีย ผู้นำทัพครั้งที่สองสู่หมู่บ้าน Shrouded Hills หมู่บ้านที่หายไปนั้น บัดนี้ยืนอยู่ต่อหน้าเขา เสื้อแจ๊คเก็ตกันกระสุนที่เขาใส่อยู่มีรอยขาดทั่ว หน้าตาเต็มไปด้วยรอยแผลถลอกและขีดข่วน ปืนพกของเขาจี้ไปที่หัวของอารินที่ยังไอโขลกจากผลของควันกำบัง ส่วนลาวีนอนสลบอยู่ที่ต้นไม้ใกล้ๆ เลือดไหลออกจากหัวแตก
"สงสัยจะนัดแนะกันไว้สินะ... ทั้งพ่อลูกเลย" สตอร์มหัวเราะแค่นๆ "คงคิดจะสร้างฐานทัพสนับสนุนล่ะสิ แต่มันคงไร้ประโยชน์แล้วละ แผนการของพวกรุ่นพี่น่ะล่มแล้ว !!!"
"แผนการ? ฐานทัพ? นี่มันอะไรกัน? ฉันทำอะไรเหรอสตอร์ม !?"
"อย่ามาทำไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลยน่า--- พ่อของรุ่นพี่ที่ก่อกบฎที่ทาแรนต์น่ะถูกปราบไปแล้ว !!! หึหึหึ... ไม่เคยนึกมาก่อนเลยนะ ว่าตระกูลที่ใกล้ชิดกับองค์กษัตริย์เกือบจะมากที่สุดอย่างตระกูลโทโนะจะคิดการใหญ่ จะเปลี่ยนระบอบกษัตริย์เป็นแบบเผด็จการ"
อะไรนะ !? พ่อน่ะเหรอก่อกบฎ !?
สตอร์มยังพูดต่อ "แต่องค์กษัตริย์ก็สิ้นพระชนม์พร้อมรัชทายาท เพราะน้ำมือของเจ้ามากิฮิสะนั่นแล้ว ตอนนี้ท่านนายพลโคห์เลอร์กับรัฐสภาจึงเข้ารักษาความสงบและประกาศกฎอัยการศึกและตั้งพวกรุ่นพี่เป็นอาชญากรสงครามที่มีค่าหัวห้าสิบล้านโกลด์... แต่ผมไม่สนใจหรอกเรื่องค่าหัวนั่น..."
"เดี๋ยว... ฉันไม่รู้เรื่อง..."
"หยุดอยู่ตรงนั้นละ !!!" สตอร์มเอาปากกระบอกปืนกดไปที่หัวของอาริน "แล้วโยนลูเกอร์กระบอกนั้นมานี่ !!! "
"ไม่นะ !!! ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนายเลยแท้ๆ !!! ทำไมต้องมาจับฉันเป็นคัวประกันอย่างนี้ด้วยล่ะ !!! ปล่อยสิ !!!" อารินร้อง เตะถีบขาเป็นพัลวัน
ชิกิโยนปืนพกลงพื้นแล้วเตะไปหาสตอร์มอย่างว่าง่าย
"ไม่หรอก ฉันคิดถูกแล้วละ--- รุ่นพี่เป็นห่วงแก ฉันรู้ตั้งแต่ตอนที่ซุ่มดูอยู่เมื่อคืนแล้ว"
"เมื่อคืน...!?"
"ช่างหัวมันเถอะ ไม่มีประโยชน์ถ้าจะอธิบายให้คนที่กำลังจะตายฟัง... " เขาชี้ปืนพกเล็งมาที่หน้าผากของชิกิที่ไร้การป้องกันตัว นิ้วพร้อมอยู่ที่ไกปืน
"ตายซะเถอะ ไอ้คนทรยศต่อราชบัลลังก์ !!!"
ปัง !!!
"อ๊าก !!!" สตอร์มร้องลั่น มือขวาจับอยู่ที่ข้อมือที่กำลังเลือดไหล "ยัยบ้าเอ๊ย !!! งับมาได้ !!!"
อารินงับเข้าไปที่ข้อมือของสตอร์มจมเขี้ยว ทำให้กระสุนที่หมายสังหารชิกิพลาดไปโดนต้นไม้ข้างๆ เป็นรูใหญ่ เธอสลัดหลุดจากพันธนาการของเซียมาได้แล้วกำลังพยายามวิ่งออกข้างทาง สตอร์มที่กำลังเดือดดาลเปลี่ยนเป้าหมายของเขาเป็นอาริน ปืนพกสีขาวดำทั้งสองกระบอกเลื่อนเป้าหมายไปที่กลางหลังของอารินที่กำลังวิ่งหนี
"ถ้าอยากตายก่อนก็ย่อมได้ !!! ตายซะเถอะ !!!"
ชิกิคิดอะไรไม่ออก นี่เขากำลังจะปล่อยให้เธอตาย ปล่อยให้คนตายต่อหน้าโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว... เขาทำได้เพียงยื่นมือออกไปข้างหน้า แล้วตะโกนสุดเสียง---
"ไม่----------!!! "
ลมกรรโชกขึ้นมาจากด้านหลังของชิกิอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กระแสลมเกรี้ยวกราดม้วนตัวเข้าหาสตอร์มที่กำลังตกใจ เขากระโดดพุ่งตัวออกมาให้พ้นทาง เสียงลมหวีดหวิวดั่งใบมีดโกนนับร้อยทะลวงผ่านอากาศเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง สตอร์มขึ้นไปยืนอยู่บนคาคบไม้พลางสังเกตรอบๆ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจากลมประหลาดเมื่อสักครู่หรือเปล่า
"อะไรอีกล่ะทีนี้ ? " สตอร์มพูด "นึกว่าจะเป็นอะไรอันตรายซะอีก ที่แท้ก็ของเล่นธรรมดา... แต่ก็ตกใจดีนะรุ่นพี่"
แคร่ก...
"หือ? "
สตอร์มมองหารอบๆ ตัว แต่ก็ไม่พบอะไรไปมากกว่าต้นไม้ที่เขากำลังยืนอยู่... กำลังจะหลุดเป็นท่อนๆ !!!
โครมมมม---!!!
ต้นไม้ทั้งต้นที่สตอร์มยืนอยู่นั้นพังทลายลงมาเหมือนเต้าหู้ที่โดนมีดแล่เนื้อตัด เขาแหวกว่ายอากาศอยู่ที่ความสูงหลายสิบเมตรเหนือพื้นดินก่อนจะตกโครมลงไปบนกองเศษต้นไม้ที่กระจัดกระจาย ส่งฝุ่นขี้เลื่อยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ซึ่งมากพอที่จะหลบหนีออกไปได้ ในขณะนั้นเอง ลาวีก็วิ่งเข้ามาคว้าข้อมือชิกิที่กำลังสงสัยเต็มที่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสามคนวิ่งหนีออกมาให้ห่างบริเวณที่สตอร์มโดนถล่มทับอยู่ จนในที่สุดก็ไกลจนเกินกว่าจะมองเห็นได้ ทิ้งสตอร์มเรจ เซีย เอาไว้เบื่องหลังแนวป่า แล้วบ่ายหัวออกสู่ถนน
หลังจากพักหอบแฮ่กกันอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำใกล้ๆ อารินที่หายเหนื่อยลงบ้างก็นั่งลงหลบแดดที่ต้นไม้ใหญ่ริมน้ำ เธอถามชิกิที่กำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ว่า
"เฮ้ นาย --- นายใช้เวทย์มนตร์ได้ด้วยเหรอ ?"
"ไม่รู้สิ..." ชิกิเช็ดหน้ากับเครื่องแบบสีฟ้าซกมกที่เขาใส่อยู่ " อยู่ๆ มันก็ออกมาเองประมาณนั้นล่ะ... "
"แล้วนายทำยังไงเหรอมันถึงออกมาได้น่ะ ? นายไม่น่าจะเคยบัคเพื่อรับเวทย์มาก่อนนี่นา... "
ชิกินั่งลงใต้ต้นไม้ใกล้ๆ กับอาริน เอาหัวเกยกับลำต้นสากๆ แล้วฟังเสียงนกร้องเพลงอยู่บนกิ่งไม้เหมือนไม่เคยมีเรื่องใดที่กวนใจชีวิตของมันเลยนับแต่เกิดมา
"ตอนนั้นฉันคิดว่า... ฉันต้องช่วยเธอ ไม่ว่ายังไงก็ต้องไม่ให้เธอได้รับอันตราย แล้วมันก็ออกมาของมันเองน่ะ "
อารินหันหน้าควับมาหา ทำหน้าตื่นๆ และเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอเปลี่ยนการเรียกผู้ชายคนนี้จาก "แก" เป็นคำว่า "นาย" ตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนชิกิก็พูดต่อไปโดยไม่รู้สึกว่ามีอารินจ้องหน้าเขาอยู่
" ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต "
หน้าของอารินแดงฉ่าขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ เธอตกใจในคำพูดของชายหนุ่ม แต่เมื่อไม่เห็นชิกิหันหน้ามาทำซึ้งหรืออะไรคล้ายๆ แบบนั้น เธอก็เดาเอาว่า เขาคงพูดด้วยความรู้สึกผิดที่ทำลายวิถีชีวิตของเธอ... เขาคงแค่ต้องการชดใช้บาปแน่ๆ... เธอคิดเช่นนั้น อย่างน้อยเธอก็อยากจะคิดแค่นั้นแหละน่า
"แหม แหม--- ดีจังนะจ๊ะ หนุ่มๆ สาวๆ เนี่ยะ "
ลาวีพูดแทรกเข้ามา ทำหน้ายิ้มๆ อยู่ระหว่างทั้งสองคน ในมือถือผ้าชุบน้ำมาผืนหนึ่งยื่นให้อาริน
"เอ๋ ??!! อย่าบอกนะว่า... เมื่อกี๊พี่ได้ยินหมดเลย ??"
"อื้อ" เธอตอบอารินที่รับผ้าชุบน้ำไป "นอกจากจะทำความสะอาดแผลที่ถลอกแล้ว ใช้ผ้านั่นเช็ดหน้าซะด้วยนะจ๊ะ แดงเชียว ท่าจะร้อนล่ะสิ อิอิ"
อารินยิ่งหน้าแดงหนักเข้าไปอีก พอชิกิหันมามองอาการแปลกๆ ของเธอ เธอก็หลบตาเขาอย่างรวดเร็วและวิ่งหนีไปหาลาวี
"ไม่ใช่นะคะพี่ !!! ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ !!! จริงๆ สาบานได้ !!!"
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ด้วยความช่วยเหลือจากชาวนาที่ผ่านมาแถวๆ นั้นที่แบ่งที่หลังรถม้าให้ ทำให้ทั้งสามคนมาถึงที่โรงเตี๊ยมริมทาง "เฟลมมิ่ง ลิซาร์ด" ได้ก่อนตะวันจะลับฟ้า หลังจากกล่าวขอบคุณชาวนาผู้มีน้ำใจมาแล้ว ลาวีก็พาทั้งสามคนเข้าไปในร้านไม้สองชั้นที่เป็นเป้าหมายของการเดินทาง
ภายในร้านเป็นเรือนไม้ที่มีโต๊ะขนาดกำลังพอดีอยู่ห้าหกตัว ไฟจากตะเกียงหลายอันที่แขวนอยู่ให้แสงสีส้มพลิ้วไหวดูสบายตา แต่ที่นี่ก็มีหลอดไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่มีชายคนหนึ่งเอามาวางประกันค่าเหล้าวางอยู่บนเคาน์เตอร์ด้วย หลอดไฟดวงกระจิริดเปล่งแสงจากไส้หลอดทังสเตนสู้แสงตะเกียง แต่ดูท่าจะสู้ไม่ไหว เพราะเจ้าของร้านลืมเอาไปตากแดดอยู่หลายวันเหมือนกัน
ลาวีทักทายเด็กเสิร์ฟสาวในร้านอย่างคุ้นเคย และหันไปพูดกับมาสเตอร์เจ้าของร้านที่มาต้อนรับ หลังจากบทสนทนาผ่านไปได้สักครู่ มาสเตอร์ก็พาลาวีไปทางหลังร้านด้วยท่าทางเคร่งเครียด ก่อนที่ทั้งสองคนจะผลุบหายเข้าไปทางหลังร้าน ลาวีหันมาบอกกับชิกิและอารินที่รออยู่ว่า
"หาอะไรทำไปสองคนก่อนนะจ๊ะ ขอพี่ไปปรึกษาธุระก่อน เดี๋ยวมานะ"
เวลาผ่านไปสักครู่ ระหว่างที่ลาวียังไม่กลับออกมา ชิกิถือโอกาสนี้สำรวจร้านไปด้วย
ในร้านมีคนมากมายหลายประเภทและฝ่าย เขาเห็นชายใส่ชุดฟอร์มคล้ายทหารพกปืนหรากำลังนั่งเล่นไพ่โป๊กเกอร์กับผู้หญิงหัวสีน้ำเงินอีกคน ไกลไปอีกนิดเขาเห็นตาแก่ในชุดผ้าคลุมยาวถึงข้อเท้าพูดพึมพำอยู่กับตัวเฟอเร็ต ปลายไม้เท้าคริสตัลสีหม่นๆ โผล่พ้นผ้าคลุมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชิกิข้องใจเป็นที่สุดว่าที่นี่ทำยังไงถึงสามารถหยุดความบาดหมางของฝั่งเทคโนและนักเวทย์ซึ่งกัดกันเป็นหมากับแมวมาตลอดให้เงียบสนิทเช่นนี้ได้ เด็กเสิร์ฟชื่อมาริเอลตอบคำถามของเขาแถมด้วยรอยยิ้มกว้าง
"อ๋อ... เรื่องนั้นเดี๋ยวคุณก็ได้เห็นเจ้าค่ะ ที่นี่จะมีอย่างต่ำหนึ่งครั้งทุกคืนแหละ" เธอตอบ "เป็นที่มาของชื่อร้านเฟลมมิ่ง ลิซาร์ด หรือจิ้งเหลนไฟที่พวกเขาเรียกกันน่ะแหละเจ้าค่ะ"
ชิกิที่กำลังงงงวยกับคำตอบที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ นั่งลงคอยสิ่งที่ "เกิดขึ้นอย่างต่ำหนึ่งครั้ง" ของที่นี่ต่อไป ซึ่งก็ไม่ต้องรอนานเพราะเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแทบจะทันทีที่ก้นของเขาสัมผัสกับเก้าอี้
"เฮ้ย !!! แล้วแกจะชดใช้ยังไงกับการที่ไอ้กระจั๊วนี่มันมาขี้รดรองเท้าบู๊ทชั้นเนี่ยหา !!!"
"หึหึ... ปุ๊กกี้มันพยายามช่วยแกนะนั่น... พวกแกมันเหม็นสาบเหล็กและน้ำมัน มันก็เลยไปดับกลิ่นให้ด้วยสิ่งที่กลิ่นดีกว่าไงล่ะ"
"จะบอกว่าขี้เนี่ยนะกลิ่นดี !!! ไอ้แก่วิปลาสเอ๊ย !!!"
ชายตัวโตที่มีแขนกลกำลังเขย่าตาแก่ในชุดคลุมอยู่กลางอากาศ ชายแก่ห้อยร่องแร่งเหมือนไม่มีกระดูกอยู่สูงเหนือพื้นหลายฟุต โดยมีเฟอเร็ตตัวปัญหาวิ่งว่อนอยู่รอบๆ จังหวะนั้นลาวีกับมาสเตอร์เดินออกมาจากหลังร้านพอดี หนูมาริเอลหยิบสำลีมาอุดหูตัวเธอเองและชิกิอย่างรู้งาน ลาวีรวมถึงคนอื่นๆ ที่พอจะรู้แล้วต่างก็เอามือปิดหูกันถ้วนหน้า มาสเตอร์เลิกแขนเสื้อขึ้น แล้วหายใจเข้าเต็มปอด หันหน้าไปทางทั้งสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่
"หยุด - เดี๋ยว - นี้ - นะ - โว้ยยยยยยยยยยยย ------!!!"
มาสเตอร์ร้านระเบิดเสียงระดับเขย่าหลังคาบ้านปลิวออกมา ชิกิรู้สึกเหมือนโดนคลื่นเสียงอัดจนแบนติดพนักเก้าอี้ ข้าวของเครื่องใช้ในร้านปลิวว่อนไปตามแรงอัดเสียง (ยกเว้นบางอย่างที่ผูกติดกับกำแพงเอาไว้แล้ว) รวมถึงตาแก่กับนักกล้ามแขนกลที่ลงไปกลิ้งอยู่ตรงมุมร้าน นอนมึนแบบหาทางกลับบ้านไม่ถูก
"ฉันไม่ยอมให้มีคนทะเลาะกันในร้าน !!! ไปต่อยกันข้างนอก ไป !!!"
ลูกค้าในร้านพากันปรบมือกราวให้กับมาสเตอร์ที่ค้อมหัวรับ แล้วกลับไปทำอาหารต่อที่หลังครัว มาริเอลลากทั้งสองคนที่นอนไม่รู้เรื่องออกไปโยนไว้นอกประตู แต่ก่อนจากก็ไม่ลืมที่จะล้วงเอาเงินค่าอาหารในกระเป๋าสตางค์ออกมาด้วย ชิกิที่กำลังเอาที่อุดหูออกคิดอยู่ในใจว่าร้านนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อจากจิ้งเหลนไฟเป็นจิ้งเหลนกัมปนาทมากกว่า ไม่รู้ว่าชายชราร่างผอมๆ คนนั้นไปเอาเสียงที่ไหนมาระเบิดได้ทุกวัน หรือแกจะมีปืนใหญ่เก็บไว้ในคอ ?
หลังจากร้านกลับเข้าสู่สภาพปรกติอีกครั้ง ลาวีก็กลับมาหาทั้งสองคน
"ตกใจหน่อยนะชิกิ พี่ก็ลืมบอกก่อนจะมาถึง... ไม่เป็นไรนะ ?"
"ไม่เป็นไรครับ เด็กคนนั้นเอาที่อุดหูมาใส่ให้ผมทันพอดี" เขาตอบ
"ว่าแต่... แล้วเราจะเป็นยังไงกันต่อไปเหรอคะ ??" อารินถามอย่างร้อนใจ "คนของทัลล่าจะมาช่วยเรามั้ยคะ ?? แล้วเราต้องทำอะไรอีกเหรอคะ ??"
"พวกหนูยังเป็นเด็กๆ กันอยู่เลย ไม่ต้องคิดมากกับเรื่องอย่างนี้หรอกจ้ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาจัดการเถอะ"
"โธ่ พี่คะ หนู 18 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้ว ส่วนตัวพี่ก็เพิ่ง 25 ไม่นานนี้เองไม่ใช่เหรอคะ ?"
"ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ" ลาวีตอบตัดบท "เดี๋ยวพี่จะต้องไปแจ้งข่าวกับทางทัลล่าด่วนเลย"
"เอ๋ ?" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
"เดี๋ยวมาสเตอร์จะเป็นคนดูแลพวกเธอเองในช่วงนี้ เรื่องค่าอาหารกับที่พักไม่ต้องห่วง มาสเตอร์บอกว่าพวกเธออยู่ได้ฟรี แต่ก็ต้องช่วยงานในร้านด้วยนะจ๊ะ"
ลาวีหันมาพูดกับชิกิต่อ
"ส่วนชิกิคุงก็อยู่ได้เหมือนกัน แต่ว่าเธอจะไปไหนก็ได้แล้วแต่นะ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดหรอก แล้วก็..."
เธอเอามือของชิกิมาบีบแน่น
"ดูแลอารินด้วยนะจ๊ะ... ดูแลเธอในส่วนของโซลด้วย รบกวนด้วยนะ---"
แล้วลาวีก็ไปเตรียมของสำหรับการเดินทาง แล้วเอาม้าออกไปในเวลาไม่นาน มันกระทันหันเสียจนทั้งชิกิและอารินคิดหาคำกล่าวลาไม่ทัน เมื่อทั้งสองคนรู้ตัว ลาวีก็เหลือเป็นแค่จุดเล็กๆ ตรงขอบฟ้าเสียแล้ว
มาสเตอร์เดินเข้ามาตบบ่าทั้งสองคน แล้วยื่นไม้กวาดให้
"ไม่เป็นไรหรอกน่ะ เดี๋ยวเขาก็กลับมา" เขาพูดยิ้มๆ "ช่วยจัดร้านหน่อยนะหนุ่มสาว ยังยุ่งๆ อยู่เลยหลังจากพวกทะเลาะกันเมื่อกี้นี้"
ชิกิลากไม้กวาดไปกวาดเศษแก้วบนพื้นอย่างงงๆ แล้วเขาก็สังเกตเห็นอีกคู่ที่กำลังจะปะทุเดือด ชิกิตาเหลือกแล้ววิ่งไปหาที่อุดหูทันที
"คืนตังค์ฉันมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย !!!" ชายในชุดฟอร์มส่งเสียงดัง
"ทำไมล่ะ? ก็เห็นๆ อยู่ว่าชั้นชนะ" ผู้หญิงผมน้ำเงินที่นั่งตรงข้ามพูด เธอกระดกแว่นอันเล็กนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ "คนแพ้ก็เสียตังค์ มันก็เป็นเรื่องปรกติธรรมชาตินี่หน่า ?"
"จะบ้ารึไง !!! หน้าไพ่ออกรอยัลสเตรทฟลัชสามทีเนี่ยนะ !!! ไม่โกงแล้วเขาจะเรียกว่าอะไร !!!"
"ดวงดีไง"
"หนอยแน่ะ--- แก !!!"
มาสเตอร์เดินออกมาจากหลังร้านแล้ว และตอนนี้กำลังเลิกแขนเสื้อขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นสังเกตเห็นเหมือนกัน เธอยกมือปรามคู่ไพ่แล้วเดินไปจ่ายเงิน
"จ่ายเผื่อคนใส่ชุดฟอร์มนั่นด้วยนะลุง ยังไงก็ตังค์เค้า... อ้อ แล้วก็ยังไม่ต้องเก็บจานของชั้นนะ เดี๋ยวจะกลับมากินต่อ---"
หญิงสาวเดินนำหน้าคู่ไพ่ที่กำลังโมโหหน้าแดงออกไปข้างนอกร้าน คนในร้านพากันออกไปดูมวยวัดที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ คนหัวใสบางคนเริ่มประกาศรับพนันกันแล้ว ชิกิและลาวีก็ออกมาดูกับเขาด้วย บรรยากาศที่หน้าร้านในตอนนี้เหมือนกับในหนังคาวบอยที่ชิกิเคยดูบ่อยๆ เพียงแต่ที่หน้าร้านนี่ไม่ใช่ทะเลทรายรัฐเนวาด้าเท่านั้นเอง
"คืนตังค์ข้ามานะเว้ย ไม่งั้นมีนองเลือดแน่ !!!" ชายชุดฟอร์มสีฟ้าชักปืนพกรีวอลเวอร์ .38 ชี้ไปทางเธอ แต่เธอดูเหมือนจะไม่ยี่หระเอาเสียเลย
"ก็บอกแล้วไงว่าชั้นเล่นไพ่ชนะมาแล้วน๊า---- ยังจะมาขี้แพ้ชวนตีอีก... ถ้าอยากได้เงินคืนก็ลองมาเล่นต่ออีกสักสองสามรอบสิ อาจจะถอนทุนก็ได้ ? "
"ไม่คืนใช่มั้ย !?!? งั้นข้าจะเอาเงินคืนจากศพแกก็ได้วะ !!!"
ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!
เสียงปืนดังขึ้นสามนัด ผู้คนรอบๆ แตกฮือ การวิวาทธรรมดาได้กลายเป็นการฆาตกรรมไปเสียแล้ว แต่ชิกิเป็นคนแรกที่เห็นว่าการต่อสู้ยังไม่จบ
หญิงสาวหัวน้ำเงินโผล่ออกมาจากหลังกระเป๋าสีดำดูคล้ายโลงอันใหญ่ที่เธอยกมาบังกระสุนปืน บนกระเป๋ามีรอยถลอกจางๆ จากกระสุนนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
"ยังอ่อนไป ยังอ่อนไป... ปืนน่ะใช่ว่าสักแต่ยิงแล้วก็จบ มันต้องคิดด้วยว่ายิงยังไงให้ได้ผลนะ"
"หนอยยยยยยย------ ยัยบ้า ตายซะเทอะ !!!"
ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!
เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ปืนลูกโม่ทั้งสองกระบอกมีควันขึ้นฉุย แต่เป้าหมายหลังที่กำบังประหลาดก็ ก็ไม่แสดงอาการทุกข์ร้อนอันใด เขาหยิบเอาปืนกลหนักพร้อมสายกระสุนที่พาดบ่าขึ้นมาบรรจุ เตรียมรัวใส่หญิงสาวที่ยังอยู่หลังกระเป๋า
"เอาสิวะ อึดได้อึดไป ต่อหน้าปืนกลหนัก MG42 นี่ ที่กำบังที่แข็งแค่ไหนก็คือเศษขยะดีๆ นี่เอง !!! ไอ้กระเป๋านั่นก็เตรียมตัวเจ๊งได้แล้ว !!!"
หญิงสาวยืนขึ้นหลังจากที่นิ่งอยู่หลังกำบังมานาน เธอเอากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนไหล่แล้วบิดขี้เกียจพักหนึ่ง ไม่สนใจปืนกลหนักที่ชี้มาเลยแม้แต่น้อย
"เฮ้ย !? ไม่กลัวรึไงวะ !! ปืนกลหนักนะว้อย !! แถวบ้านไม่เคยเห็นรึไง !?"
"วู้ยยย--- เห็นจนเบื่อแล้ว โดยเฉพาะรุ่นนั้นน่ะ จับแงะประกอบใหม่ไปไม่รู้กี่สิบรอบ" เธอตอบหน่ายๆ แล้วเริ่มจัดการอะไรบางอย่างกับกระเป๋ายักษ์
"อ้อ... แล้วก็นะ ไอ้นี่ไม่ใช่กระเป๋าหรอก"
เธอนั่งกางขาออกอยู่บนพื้นเพื่อปรับสมดุล กระเป๋าที่ว่ากางขาทรายไว้บนพื้น ลำกล้องขนาดใหญ่มหึมาโผล่ออกมาจากด้านหน้ากระเป๋า ไกอันเบ้อเริ่มสลับที่กับหูยกที่เธอใช้ถืออยู่เมื่อสักครู่ คู่กรณีของเธอตัวสั่นเทาเมื่อเห็นปากลำกล้องขนาดใหญ่กว่าหัวชี้ตรงมาหา
"อะ... หรือว่า..." เขาพูดตะกุกตะกัก "...หรือว่าเธอจะเป็น... -Blue Hornet- ที่เขาร่ำลือกัน !?!?"
หญิงสาวหัวน้ำเงินตอบ พร้อมทั้งยิ้มร่า
"บลูเบลออะไรไม่รู้เรื่อง... แต่ก็คงใช่มั้ง ? "
ตูมมมม---!!!
ป่าข้างๆ หัวของชายชุดฟอร์มหายไปเป็นแถบ คมกระสุนจากปืนใหญ่ลำกล้องแฝดของบลูฮอร์เน็ททิ้งรูกว้างระดับคนมุดผ่านได้ไว้บนเนื้อไม้พร้อมทั้งเสียงโครมครามไกลออกไปเกือบสามกิโลเมตร เธอยืนขึ้นบิดหัวไหล่ไปมาพลางบ่นพึมพำ
"ถึงไม่ค่อยอยากใช้อันนี้ไง ยิงแต่ละทีไหล่แทบหลุดแน่ะ... อ้อ ! ยังจะเอาตังค์คืนอยู่มั้ย ?"
"ไม่เอาแล้วครับผม !! ขอลาครับ !!!"
ชายชุดฟอร์มวิ่งไปเอาสัมภาระตัวเองได้ก็ขึ้นม้าควบอ้าวกลับทางเก่าทันทีโดยไม่คิดกลับมาที่นี่อีกตลอดชีวิตของเขา บลูฮอร์เน็ทเดินผ่านฝูงชนรอบๆ ที่ต่างก็มีทั้งตะโกนเชียร์ (เพราะชนะพนัน) กับตะโกนสาบแช่ง (เพราะเสียพนัน) กลับเข้าไปในร้าน ก่อนที่ชิกิจะได้ยินเสียงเธอโวยออกมาจากในร้านว่า
"ปัทโธ่ลุง !!! ก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งเก็บจานโธ่เอ๊ย !!! ต้องนั่งรออีกแล้วสิเนี่ยะ !!!"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รุ่งเช้าของอีกวัน ชิกิเดินเข้าไปหาบลูฮอร์เน็ตที่เดินลงมากินข้าวเช้าจากห้องพักด้านบน เธอดูแปลกใจพอสมควรที่ชิกิเดินตรงแน่วเข้ามาหา ทำหน้าเหมือนเธอลืมจ่ายค่าอาหารเมื่อคืนอะไรอย่างนั้น หลังจากชิกิเดินมาวางจานอาหารแล้วเขาก็ยืนนิ่งไม่ยอมไปไหน จนบลูฮอร์เน็ตต้องเอ่ยปากถาม
"มีอะไรเหรอ เด็กเสิร์ฟ ??"
"รับผมเป็นลูกศิษย์ด้วยครับ !!!"
บลูฮอร์เน็ตแทบจะสำลักข้าวเช้าออกมาทางจมูก เธอไอโขลกๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามชิกิว่า
"แล้วทำไมเด็กเสิร์ฟอย่างนายถึงจะต้องมาฝึกอะไรด้วยล่ะ? อีกอย่างชั้นก็ดูไม่เหมือนอาจารย์ตรงไหนเลยนะเนี่ย ?"
"เพราะคุณเป็นคนเก่ง ผมถึงอยากจะเรียนรู้จากคุณครับ !!!" ชิกิตอบเสียงดังฟังชัด สายตาแน่วแน่ของเขาจ้องสู้กับตาคู่น้ำเงินคมกริบเหมือนจิ้งจอกของบลูฮอร์เน็ต จนทำให้เธอสงสัยในที่มาของดวงตามุ่งมั่นคู่นี้ เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นมันมาแล้ว
"แล้วทำไมนายถึงอยากเรียน? จะอยากเก่งไปทำไม? ไหนตอบฉันซิ..."
"...เพราะผมไม่อยากจะเสียใครไปเพราะไร้พลังอีกแล้วครับ" เป็นคำตอบของเขา
เพื่อปกป้อง?
ไม่อยากสูญเสีย?
ต้องการเป็นประโยชน์กับคนอื่น?
เหตุผลงี่เง่า... เธอคิด
สิ่งที่ดูเหมือนเป็นความจริงที่ไม่อาจหนีได้คือ เมื่อมนุษย์มีพลังยิ่งใหญ่อยู่ในมือก็มักจะก้าวเข้าสู่ด้านมืด... ไม่ว่าจะมีปณิธานที่แน่วแน่ขนาดไหน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าความยั่วยวนของพลังมันก็จะแตกสลายไปทุกที ดังนั้นเหตุผลที่บอกมาก็เหมือนกับลมปากที่เชื่อไม่ได้...
...แต่เหตุผลงี่เง่าพรรค์นี้ก็ทำให้เธอได้เรียนกับท่านอาจารย์เหมือนกันสิน่า
"เฮ่อ... ชั้นแพ้สายตาแบบนี้ซะด้วยสิ" บลูฮอร์เน็ตถอนหายใจ "เพราะชั้นไม่เคยเป็นครูของใคร ดังนั้นห้ามบ่นเวลาสอนไม่รู้เรื่องนะเข้าใจมั้ย ?"
"ครับ !!! คุณบลูฮอร์เน็ต !!!"
"หึหึ... มาขอบจงขอบใจอะไร ฉันโหดนะจะบอกให้" เธอหัวเราะ "อีกอย่างนะ ชั้นไม่ได้ชื่อบลูฮอร์เน็ต ไอ้พวกนั้นมันตั้งกันเอาเองแหละ ชื่อชั้นคือปาร์โก้ ส่วนนามสกุล... ช่างมันเหอะ"
"ครับ อาจารย์ปาร์โก้ เดี๋ยวผมจะรีบไปบอกมาสเตอร์ก่อนนะครับ"
"วุ้ย จะมาเรียกอาจงอาจารย์อะไรกันเล่า เรียกพี่สาวก็ได้"
ชิกิวิ่งแน่บไปหามาสเตอร์ และกำลังจะเอ่ยปากบอกว่าจะขอออกไปจากที่นี่ แต่ก็พบมาสเตอร์ยืนรออยู่แล้ว เขายิ้มนุ่มละไมอย่างเคยพร้อมยื่นกระเป๋าใบใหญ่ให้ ชิกิที่กำลังงงๆ ก็เผลอรับกระเป๋ามา ภายในกระเป๋ามีอาหาร เสื้อผ้า และอุปกรณ์จำเป็นในการดำรงชีวิตอีกหลายอย่าง รวมถึงเต๊นท์สนามอีกอันเบ้อเร่อ
"เอ่อ... มาสเตอร์ครับ ?" ชิกิเอ่ยถาม แต่มาสเตอร์ทำมือปรามแล้วบอกว่า
"ไม่ต้องหรอก ฉันเห็นสายตาเธอเมื่อคืนก็พอรู้แล้วว่ามันต้องออกมาเป็นอย่างนี้... ไปเถอะ"
"ขอโทษด้วยนะครับที่ยังไม่ได้ทำงานอะไรเลย แถมยังต้องให้มาสเตอร์มาลำบากขนาดนี้ด้วย..."
มาสเตอร์ตบบ่าของชิกิเบาๆ แล้วรุนหลังเขาออกประตูไป
"เฮ่อ--- อย่างที่คิดเอาไว้เลยน้า--- สมเป็นลูกชายของมากิฮิสะจริงๆ "
"เอ๋ ?? มาสเตอร์รู้จักกับพ่อของผม ---!!"
"ช่างเถอะๆ รีบไปเข้าล่ะ คุณผู้หญิงคนนั้นจะออกเดินทางเช้านี้แล้วนะ"
ชิกิหันมามองมาสเตอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังออกสู่โลกกว้าง ซึ่งเขาต้องออกก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อเรียนรู้ใหม่... อีกครั้ง
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับมาสเตอร์ !! ฝากอารินด้วยนะครับ !!"
หลังจากชิกิออกไปจากครัวแล้ว อารินก็เดินเข้ามาทางประตูด้านหลัง เธอดูแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย แต่มาสเตอร์ก็พอจะรู้ว่าเพราะอะไร
"อยากไปกับเขามั้ย ?" มาสเตอร์ถาม
"ไม่เห็นอยากเลยค่ะ... อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องก็คลี่คลายแล้ว ยังจะออกไปหาเรื่องเข้าตัวอีก แถมยัง..." อารินหน้าแดง แต่ยังปั้นหน้าเหมือนโมโหอยู่ "...ยังจะมาบอกว่าปกป้องอะไรนั่นอีก... น่าอายชะมัดเลย"
"โฮ่ะโฮ่ะโฮ่ะ---- วัยรุ่นก็อย่างนี้หละเนาะ สมัยก่อนลุงก็เคยเป็นนะ"
"...หนูขอตัวไปกวาดร้านก่อนล่ะค่ะ" อารินเดินออกไปนอกห้อง แต่เธอก็ยังซ่อนความรู้สึกไม่เก่งเหมือนเคย มาสเตอร์สังเกตสายตาที่เธอใช้มองชิกิที่กำลังจะออกไปจากที่นี่แล้วเขาก็ถอนหายใจเบาๆ
"วัยรุ่น...วัยรุ่น... วัยแห่งความสับสนของหัวใจ เฮ่อ--- หวนรำลึกถึงความหลังครั้งเก่าๆ แท้น้อ"
อารินที่กำลังกวาดร้านพยายามไม่มองไปทางชิกิที่เตรียมตัวออกไปจากที่นี่ แต่ก็หลบไม่พ้น ชิกิเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งบอกเธออย่างมั่นใจ
"ไม่เป็นไร ทำใจให้สบายนะ ผมจะกลับมาหลังจากผมเก่งขึ้น แล้วผมจะปกป้องเธอเอง"
อารินอายจนแดงไปทั้งหัวที่ชิกิพูดประโยคน่าอายเหมือนหลุดมาจากการ์ตูนรักหวานแหววได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเบือนหน้าหนีแล้วตอบเบาๆ
"ตาบ้า--- จะไปไหนก็ไปเลยไป"
"ไปละนะครับมาสเตอร์ !!! " ชิกิหันไปหามาสเตอร์ที่ออกมาส่งจากหลังครัว เขาโบกมือหยอยๆ ส่งชิกิที่กำลังเดินจากไปกับปาร์โก้ อารินยืนนิ่งมิงดูทั้งคู่จากไป ในใจมีอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกหมุนวนอยู่
มือที่ถือไม้กวาดของอารินสั่นไหว ในสมองคิดถึงแต่ใบหน้าของเจ้าหมอนั่น... ทำไมมันต้องมาโผล่ในใจฉันด้วยนะ? มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นเลย... ทั้งๆที่ฉันเกลียดหมอนั่นจะตาย... เธอคิด
มาสเตอร์สะกิดแขนอารินเบาๆ แล้วยื่นกระเป๋าที่เหมือนกับของชิกิให้อีกใบ
"เอ้า--- เขาจะไปแล้วนะ"
อารินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจรับเอากระเป๋ามา แล้วค้อมหัวให้มาสเตอร์หนึ่งที เธอวิ่งออกไปนอกร้านแล้วตะโกนกลับหลังมาหามาสเตอร์และร้านเฟลมมิ่งลิซาร์ดที่ตั้งเด่นอยู่ริมถนน
"ขอบคุณค่ะมาสเตอร์ !! แล้วจะรีบกลับมานะคะ !!"
-------------------------------------------------------------------------------
เลยร้านไปได้ไม่ไกล อารินวิ่งตามมาทันกับปาร์โก้และชิกิ เธอหยุดพักหอบแฮ่กสักครู่ ชิกิพยายามให้เธอกลับไป
"ก็ผมบอกให้เธอรออยู่ไงล่ะ--- แล้วอย่างนี้ผมจะออกมาฝึกทำไมละเนี่ย ?"
"นี่...รู้มั้ย ผู้หญิงน่ะไม่ชอบการรอคอยหรอก" อารินตอบทั้งๆที่กำลังหอบ "แล้วก็... ถ้าเก่งสองคนมันก็ดีกว่าเก่งคนเดียวนะ ว่ามั้ย? "
"เอ่อ... อาจารย์ครับ ทำอะไรหน่อยสิ..." ชิกิหันไปหาปาร์โก้ ทำเสียงอ่อยๆ
"ใช่แล้ว !!! ผู้ชายไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงรอ !!! เธอตามมาได้ !!!"
"หา !!" ชิกิตอบอย่างไม่เชื่อหู อาจารย์ของเขาไปช่วยคนอื่นเฉยเลย
"นายคงต้องทนเสียงบ่นของชั้นไปอีกยาวเลยแหละย่ะ !! ซวยหน่อยนะ อิอิ" อารินแลบลิ้นใส่ชิกิที่กำลังทำหน้าปูเลี่ยน
"เอาเถอะ หยุดบ่นได้แล้วทั้งสองคน"
ปาร์โก้พูด เธอหันมาหาทั้งชิกิและอาริน เตรียมที่จะพูดถึงสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังต้องเผชิญข้างหน้า
"ต่อไปนี้เธอจะต้องพเนจรไปอีกไกล ไปในการเดินทางที่ไม่รู้ว่าที่ไหนคือจุดสิ้นสุด การเดินทางของเราอาจจะไม่ราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ อาจจะไม่มีของกินอุดมสมบูรณ์ อาจไม่มีเตียงนุ่มๆได้นอน มีรถม้าดีๆ ไว้เดินทาง จะต้องมีความลำบากหลายอย่างรอพวกเธออยู่ข้างหน้าแน่ๆ และฉันก็ต้องดูแลตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง พวกเธออาจต้องเอาตัวรอดกันเอง... เธอสองคนพร้อมที่จะใช้ชีวิตติดดิน ดิบๆ เถื่อนๆ อย่างนี้มั้ย ?? ถ้าไม่ใช่ก็หันหลังกลับไปที่โรงเตี๊ยมนั่นซะ"
ปาร์โก้ไม่จำเป็นต้องรอคำตอบของทั้งสองคน เพราะสายตาของทั้งคู่บอกออกมาหมดแล้ว
"ครับ/ค่ะ !!!"
"เอาละ... งั้นก็เดินหน้ากันเถอะ"
คู่ที่แปลกประหลาดสามคนเดินเคียงข้างกันอยู่บนถนนชนบท ชายหนุ่มอดีตทหาร... นักเวทย์ฝึกหัด... และหญิงสาวลึกลับกับปืนอันโต...
การผจญภัยเริ่มขึ้นแล้ว !!!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-TO BE CONTINUED-
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ยามแสงอาทิตย์ลับตาไปท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ สัตว์ต่างๆ ก็เริ่มทยอยกลับรังของมัน สัตว์ป่าหลากหลายชนิดที่เริ่มต้นชีวิตหลังท้องฟ้ามืดก็เริ่มออกหาอาหาร ภายในบริเวณป่า Hollow point นั้นช่างมืดมิดเนื่องด้วยเป็นคืนเดือนมืดไร้แสงจันทร์ แต่ในความมืดนั้นกลับมีแสงสว่างของกองไฟเล็กๆ กองหนึ่ง กลิ่นเหม็นไหม้ของถ่านไม้ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ กองไฟเล็กๆ มิอาจหยุดแม้สายลมเอื่อยๆ ที่พัดมาต้องกาย สร้างความหนาวสะท้านไปถึงกระดูก ภายใต้แสงสีส้มนั้น เสียงพูดเบาๆ ของหญิงสาวดังขึ้นทำลายความเงียบ
" เธอไม่นอนพักเอาแรงเลยหรือ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางอีกไกลนะ " ลาวีพูดขึ้น " เดี๋ยวร่างกายก็รับไม่ไหว เป็นลมเป็นแล้ง ฉันกับอารินคงแบกเธอไม่ไหวหรอก "
" แล้วเราจะเอาเจ้านั่นไปด้วยทำไมล่ะคะพี่ ปล่อยให้มันกลายเป็นอาหารสัตว์ป่าไปเถอะ " อารินกระแทกเสียงใส่โดยมีเป้าหมายไปทางชายหนุ่มที่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่ที่อีกด้านของกองไฟ
" อืม... "
ชิกิพูดเหม่อๆ ไม่มีแม้กระทั่งการเปลี่ยนสีหน้า เขานั่งอยู่อย่างนั้นมานาน ตั้งแต่ทั้งสองคนลุกขึ้นและเขาอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟังแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยเกินกว่าคำว่า 'อืม...', 'นั่นสินะ...' และ 'ได้...'
"อ้าว นี่นายก็พูดเป็นด้วยหรือนี่ ชิ... นึกว่าทำปากตกหายไปแล้ว" อารินยังไม่เลิกกัด "พี่ลาวีถามตั้งนานไม่ตอบ คนอะไรก็ไม่รู้ ไร้มารยาทสิ้นดี พวกสหพันธ์คงเป็นอย่างนี้กันหมด...ไร้ความรู้สึก ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ รู้จักแต่การทำลาย "
" อาริน พี่ว่าอย่าเพิ่งพูดเลยนะ... พี่ขอละ "
" ก็แหม พี่ลาวี หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรเค้าสักหน่อย หนูว่าไอ้พวกสหพันธ์ต่างหาก แล้วอีกอย่างทำไมพี่ลาวีต้องปกป้องหมอนี่ด้วยล่ะ ? มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราซักนิดเดียว"
" หมอนี่แหละ... ที่เป็นคนยิงลุงเก็น... "
อารินซ่อนสายตาไม่ให้ใครมองเห็น ตัวสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหนาวหรืออย่างอื่น
" เรื่องมันแล้วไปแล้ว อาริน... เขาแค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้นเอง "
" ถ้ามันยังมีความเป็นคนอยู่ละก็ มันคงไม่ทำหรอก !!! มันก็แค่ทะเยอทะยาน อยากได้ตำแหน่งสูงๆ โดยการประจบสอพลอพวกสารพัดนายพล แล้วมาเอาหน้ากับการถล่มชาวบ้านตาดำๆ เล่นเท่านั้นเอง "
" อาริน พอได้แล้ว พี่ว่าเค้าก็น่าจะรู้แล้วนะ"
" ยังไม่พอค่ะ พี่ลาวี " อารินยังไม่ยอมหยุด "รู้ไหมคนที่ตายไปน่ะมีกี่คน ทั้งเฮ็นริเอตต้า... ฮันเซล... แม๊ค แล้วยังชาวบ้านคนอื่นๆอีก แล้วคนที่สั่งฆ่าพวกเขาทุกคนก็ยังมานั่งลอยหน้าผิงไฟอยู่ตรงนี้นี่ไง"
"อาริน พี่บอกให้หยุดได้แล้ว !!! มันเป็นเรื่องไร้สาระมากน่ะที่เราจะมานั่งซ้ำเติมคนอื่นน่ะ "
"นี่ พี่ลาวีอย่าบอกนะคะ...ว่าพี่เข้าข้างไอ้หมอนี่ "
"พี่ก็ไม่ได้บอกว่าเข้าข้างเขานะ พี่เพียงแต่คิดว่า เขาก็สูญเสียไม่น้อยไปกว่าเราเลย ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปตอกย้ำเขาอีก" ลาวีพยายามพูดให้อารินที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์เคียดแค้นเข้าใจ " พี่ว่าอารินไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอ"
อารินน้ำตาไหลซึม แต่ยังโมโหจนหน้าแดง เธอก้าวฉับๆ ไปหาที่นอนชั่วคราวที่สร้างจากเศษไม้และใบไม้แล้วทิ้งตัวโครม แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงบ่นงึมงำลอดออกมาด้วย ครู่เดียวเสียงบ่นก็เปลี่ยนเป็นเสียงหายใจช้าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง ลาวียิ้มเล็กๆ แล้วหันมาหาชายหนุ่มบ้าง
" อย่าไปถือสาเขาเลยนะ " ลาวีพูดกับชิกิ พลางเช็ดแว่นตาของเธอไปด้วย " ตอนนี้เขากำลังพยายามหาทางออกให้กับตัวเองอยู่ เหตุการณ์นั้นกำลังทำให้เธอเสียศูนย์และไร้ที่พึ่ง ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำให้ตัวเองสบายใจ...ก็คือโทษคนอื่นไงล่ะ"
ชิกิยังไม่ตอบ สายตาเหม่อลอยมองไปหาสิ่งที่ไม่มีตัวตน
"เออ จะว่าไปแล้ว เธอชื่ออะไรเหรอ ? ฉันก็ไม่อยากใช้คำว่าเธอตลอดการเดินทางหรอกนะ"
"ชิกิ... ชิกิ โทโนะ " ชิกิหันมาตอบก่อนที่จะหันกลับไปมองเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาเมื่อถูกสายลมพัด
"ฉันชื่อ ลาวี ส่วนเด็กคนนั้นชื่อ อาริน... อย่าไปใส่ใจคำพูดของอารินเลย ถึงชิกิคุงจะเห็นเค้าพูดแบบนี้ก็เถอะนะ แต่จริงๆแล้วอารินเป็นเด็กดีมากเลยล่ะ "
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่เธอพูดก็ถูก" ชิกิพูดยาวเกินกว่าหนึ่งประโยคเป็นครั้งแรก
"ตัวผมมันก็แค่คนเลว... ไร้ความสามารถ... แม้กระทั่งเพื่อน ลูกน้อง คุณเลขา... ไม่ว่าใครผมก็ปกป้องไว้ไม่ได้ มีแต่ต้องให้คนอื่นเขาช่วยอยู่ร่ำไป ในเวลาคับขันผมก็ไม่มีพลังอะไรที่จะช่วยพวกเขาได้...ทั้งๆ ที่พวกเขาอยู่แค่เอื้อมแท้ๆ...ผม... "
เหมือนมีก้อนอะไรมาติดอยู่ที่คอของชายหนุ่ม คำพูดทั้งหมดที่เขาอยากจะพูดไม่สามารถผ่านลำคอออกมาได้ กลับมีเพียงเสียงขบฟันอย่างแค้นใจ และหมัดที่กำแน่นจนเลือดไหลออกมา
ลาวียิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินมาหาชิกิ โดยถือผ้าพันแผลมาด้วย เธอเอามือแกะหมัดของชิกิออก แล้วเอาผ้าพันห้ามเลือดที่ไหลหยดลงบนพื้น มือทั้งสองของลาวีจับมือของเขาไว้เพื่อกดให้เลือดหยุดไหล ชิกิเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ความอบอุ่นของมือทั้งสองข้าง ส่งผ่านทะลุผ้าพันแผลเข้าสู่กายของเขา ผ่านกรอบแว่นของลาวีเข้าไป ชิกิมองเห็นสายตาที่แสดงความหวังดีและเอื้ออาทรอย่างจริงใจ มันทำให้เขารู้สึกสงบอย่างประหลาด
"ฉันรู้แล้วละ ว่าทำไมโซลถึงฝากฝังให้เธอมาเดินทางกับพวกเรา... นี่ชิกิ เธอรู้ไหมคนเราต่อสู้ไปเพื่ออะไร ?"
"คนเราจะต่อสู้เมื่อมีสิ่งที่ต้องปกป้องไงล่ะ... นั่นแหละ คือสิ่งที่เป็นเหตุผลทำให้เราสู้" ลาวีเฉลยคำถามเองเมื่อเห็นชิกิไม่ตอบ "ฉันก็ไม่รู้ว่าที่ฉันพูดเธอจะฟังแล้วคิดตามหรือเปล่า หรือเธอจะยอมรับคำแนะนำที่จะพูดนี้หรือไม่ มันก็เป็นสิทธิของเธอ เอาล่ะฟังนะ..."
" คนเราทุกคนน่ะเกิดมาต้องรู้จักความสูญเสียทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครที่เกิดมาบนโลกนี่โดยไม่รู้จักความสูญเสียหรอก แต่ว่ามากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่อดีตที่ทุกคนเผชิญมา... อย่างตอนนี้ ชิกิคุงสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่เรียกว่าเพื่อนไป มันไม่ผิดที่จะเสียใจ มันไม่ผิดที่จะร้องไห้ เพราะสิ่งนี่แหละที่เป็นหลักฐานว่ายังเธอเป็นคนอยู่"
" เมื่อเรามีสิ่งที่มีค่าอยู่กับตัวเท่าไหร่ เวลาเราเสียมันไป ความเสียใจก็จะมากเท่านั้น... เราไม่สามารถย้อนคืนเวลาไปแก้ไขสิ่งที่เราสูญเสียไปได้ มีแต่ต้องก้าวไปเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป..."
เลือดที่มือของชิกิหยุดไหลแล้ว แต่ลาวีก็ยังจับมือเขาอยู่
"พี่ไม่ได้บอกให้ชิกิคุงลืมเพื่อนๆ ไปหรอกนะ แต่ให้เก็บพวกเขาไว้ในความทรงจำ แล้วก้าวต่อไปอย่างแข็งแรงเถอะ" ลาวีลูบหัวเขาเบาๆ " ถ้าคุณเลขาของเธอมาเห็นเข้า คงจะดุว่าทำตัวไม่สมกับเป็นหัวหน้าคนแน่ จริงมั้ยจ๊ะ ?"
ชิกิก้มหน้า แล้วหัวเราะเบาๆ แต่หยาดน้ำใสๆ หลายหยดก็ตกลงกระทบพื้น
"คงอย่างนั้นล่ะครับ...ฮ่ะฮ่ะ... ถ้าเป็นคุณเลขา คงจะเอ็ดผมแน่เลยละ... ทั้งๆ ที่เป็นแค่เลขาแท้ๆ...ฮ่ะฮ่ะ..."
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้าของชิกิ
" ทำใจให้สบายแล้วกันนะ พี่ขอตัวไปนอนก่อนล่ะ... อ้อ แล้วก็ อย่านอนดึกนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพ"
ลาวีพูดจบก็แยกตัวไปนอนกับอาริน ในขณะที่ชิกิก็นั่งคิดอะไรหลายอย่าง พลางมองดุ้นฟืนติดไฟที่ส่องแสงสีส้มออกมาเจิดจ้าเป็นแสงสุดท้ายก่อนจะมอดเป็นขี้เถ้า แสงริบหรี่จากกองไฟที่กำลังจะมอดดับ ส่องสะท้อนแว่นตาและสายน้ำที่ไหลอาบแก้มของเขา
"บ้าเอ๊ย... ฉัน...ไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย...อาริฮิโกะ... แค่เหงื่อไหลออกทางตาเท่านั้นเอง..."
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น การเดินทางเป็นไปอย่างเงียบๆ เหมือนเคย อารินเดินลิ่วไปข้างหน้าไม่ยอมหยุดจนลาวีที่ตามมาข้างหลังต้องขอให้เบาฝีเท้าลงบ้าง เพราะกระโปรงที่เธอใส่อยู่นั้นทำให้ก้าวยาวๆ ไม่ได้ ส่วนชิกิที่ยังคงไม่ได้พูดอะไรเหมือนเคยอยู่รั้งท้าย แต่เขาก็ยังเดินตามทันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ป่าสีเขียวขจีด้านหลังไม่เหลือเค้าความน่ากลัวอย่างเมื่อตอนกลางคืน กลับกลายเป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ นกน้อยขับขานเสียงเพลงบนกิ่งไม้ กวางป่าเฝ้าด้อมมองผู้มาเยือนอย่างสนใจ ชิกิเดินตามหลัง มองดูอารินแล้วถอนหายใจ ไม่ใช่ถอนหายใจเรื่องความปากร้ายของเธอหรอก แต่เขาถอนหายใจให้ความเลวร้ายที่เขาได้ทำกับเธอลงไป ถึงแม้เธอจะโกรธ จะเกลียดเขาเท่าไหร่ ก็ยังมีความรู้สึกเหมือนว่า สิ่งที่เขาได้รับเพียงแค่นี้ยังไม่สาสม...
...ต่อให้ยกชีวิตนี้ให้ ก็ยังไถ่บาปที่ทำไว้กับเธอไม่พอหรอก...
แซ่ก---
ชิกิหลุดจากห้วงภวังค์เมื่อได้ยินเสียงผิดสังเกต น่าแปลกที่เขาสะกิดใจกับเสียงนี้ ในเมื่อมันอาจเป็นเสียงของอะไรก็ได้ เขาหยุดแล้วสังเกตุบริเวณที่ได้ยิน...
กลิ่นดินปืน !!!
"ทุกคน !!! หลบเร็วเข้า "
ตูมม --- !!!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นตรงที่ที่อารินและลาวีเคยอยู่ ควันขาวๆ ฟุ้งไปทั่วบริเวณ ชิกิเอามือปิดจมูกป้องกันควันไว้แล้วชักปืนพก Luger มาเตรียมพร้อม ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรส่งเสียงเรียกทั้งสองคน เพราะจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งในหมอกควันกำบัง ชิกิจับเสียงไอค่อกแค่กของหญิงสาวดังมาจากทางด้านหนึ่ง เขารีบวิ่งออกไปตามเสียงทันที แต่สิ่งที่รอเขาอยู่เมื่อควันจางกลับไม่ได้มีแค่สองคน แต่กลับมีถึงสาม
"สวัสดี คนทรยศ" ร่างลึกลับค่อยๆ ปรากฎให้เห็นมากขึ้นเมื่อควันค่อยๆ จางลง "ผมไม่เคยนึกเลยนะว่ารุ่นพี่จะรอดมาได้ "
" ...สตอร์ม" ชิกิจ้องหน้าเหมือนไม่เชื่อสายตา
สตอร์มเรจ เซีย ผู้นำทัพครั้งที่สองสู่หมู่บ้าน Shrouded Hills หมู่บ้านที่หายไปนั้น บัดนี้ยืนอยู่ต่อหน้าเขา เสื้อแจ๊คเก็ตกันกระสุนที่เขาใส่อยู่มีรอยขาดทั่ว หน้าตาเต็มไปด้วยรอยแผลถลอกและขีดข่วน ปืนพกของเขาจี้ไปที่หัวของอารินที่ยังไอโขลกจากผลของควันกำบัง ส่วนลาวีนอนสลบอยู่ที่ต้นไม้ใกล้ๆ เลือดไหลออกจากหัวแตก
"สงสัยจะนัดแนะกันไว้สินะ... ทั้งพ่อลูกเลย" สตอร์มหัวเราะแค่นๆ "คงคิดจะสร้างฐานทัพสนับสนุนล่ะสิ แต่มันคงไร้ประโยชน์แล้วละ แผนการของพวกรุ่นพี่น่ะล่มแล้ว !!!"
"แผนการ? ฐานทัพ? นี่มันอะไรกัน? ฉันทำอะไรเหรอสตอร์ม !?"
"อย่ามาทำไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลยน่า--- พ่อของรุ่นพี่ที่ก่อกบฎที่ทาแรนต์น่ะถูกปราบไปแล้ว !!! หึหึหึ... ไม่เคยนึกมาก่อนเลยนะ ว่าตระกูลที่ใกล้ชิดกับองค์กษัตริย์เกือบจะมากที่สุดอย่างตระกูลโทโนะจะคิดการใหญ่ จะเปลี่ยนระบอบกษัตริย์เป็นแบบเผด็จการ"
อะไรนะ !? พ่อน่ะเหรอก่อกบฎ !?
สตอร์มยังพูดต่อ "แต่องค์กษัตริย์ก็สิ้นพระชนม์พร้อมรัชทายาท เพราะน้ำมือของเจ้ามากิฮิสะนั่นแล้ว ตอนนี้ท่านนายพลโคห์เลอร์กับรัฐสภาจึงเข้ารักษาความสงบและประกาศกฎอัยการศึกและตั้งพวกรุ่นพี่เป็นอาชญากรสงครามที่มีค่าหัวห้าสิบล้านโกลด์... แต่ผมไม่สนใจหรอกเรื่องค่าหัวนั่น..."
"เดี๋ยว... ฉันไม่รู้เรื่อง..."
"หยุดอยู่ตรงนั้นละ !!!" สตอร์มเอาปากกระบอกปืนกดไปที่หัวของอาริน "แล้วโยนลูเกอร์กระบอกนั้นมานี่ !!! "
"ไม่นะ !!! ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนายเลยแท้ๆ !!! ทำไมต้องมาจับฉันเป็นคัวประกันอย่างนี้ด้วยล่ะ !!! ปล่อยสิ !!!" อารินร้อง เตะถีบขาเป็นพัลวัน
ชิกิโยนปืนพกลงพื้นแล้วเตะไปหาสตอร์มอย่างว่าง่าย
"ไม่หรอก ฉันคิดถูกแล้วละ--- รุ่นพี่เป็นห่วงแก ฉันรู้ตั้งแต่ตอนที่ซุ่มดูอยู่เมื่อคืนแล้ว"
"เมื่อคืน...!?"
"ช่างหัวมันเถอะ ไม่มีประโยชน์ถ้าจะอธิบายให้คนที่กำลังจะตายฟัง... " เขาชี้ปืนพกเล็งมาที่หน้าผากของชิกิที่ไร้การป้องกันตัว นิ้วพร้อมอยู่ที่ไกปืน
"ตายซะเถอะ ไอ้คนทรยศต่อราชบัลลังก์ !!!"
ปัง !!!
"อ๊าก !!!" สตอร์มร้องลั่น มือขวาจับอยู่ที่ข้อมือที่กำลังเลือดไหล "ยัยบ้าเอ๊ย !!! งับมาได้ !!!"
อารินงับเข้าไปที่ข้อมือของสตอร์มจมเขี้ยว ทำให้กระสุนที่หมายสังหารชิกิพลาดไปโดนต้นไม้ข้างๆ เป็นรูใหญ่ เธอสลัดหลุดจากพันธนาการของเซียมาได้แล้วกำลังพยายามวิ่งออกข้างทาง สตอร์มที่กำลังเดือดดาลเปลี่ยนเป้าหมายของเขาเป็นอาริน ปืนพกสีขาวดำทั้งสองกระบอกเลื่อนเป้าหมายไปที่กลางหลังของอารินที่กำลังวิ่งหนี
"ถ้าอยากตายก่อนก็ย่อมได้ !!! ตายซะเถอะ !!!"
ชิกิคิดอะไรไม่ออก นี่เขากำลังจะปล่อยให้เธอตาย ปล่อยให้คนตายต่อหน้าโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว... เขาทำได้เพียงยื่นมือออกไปข้างหน้า แล้วตะโกนสุดเสียง---
"ไม่----------!!! "
ลมกรรโชกขึ้นมาจากด้านหลังของชิกิอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กระแสลมเกรี้ยวกราดม้วนตัวเข้าหาสตอร์มที่กำลังตกใจ เขากระโดดพุ่งตัวออกมาให้พ้นทาง เสียงลมหวีดหวิวดั่งใบมีดโกนนับร้อยทะลวงผ่านอากาศเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง สตอร์มขึ้นไปยืนอยู่บนคาคบไม้พลางสังเกตรอบๆ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจากลมประหลาดเมื่อสักครู่หรือเปล่า
"อะไรอีกล่ะทีนี้ ? " สตอร์มพูด "นึกว่าจะเป็นอะไรอันตรายซะอีก ที่แท้ก็ของเล่นธรรมดา... แต่ก็ตกใจดีนะรุ่นพี่"
แคร่ก...
"หือ? "
สตอร์มมองหารอบๆ ตัว แต่ก็ไม่พบอะไรไปมากกว่าต้นไม้ที่เขากำลังยืนอยู่... กำลังจะหลุดเป็นท่อนๆ !!!
โครมมมม---!!!
ต้นไม้ทั้งต้นที่สตอร์มยืนอยู่นั้นพังทลายลงมาเหมือนเต้าหู้ที่โดนมีดแล่เนื้อตัด เขาแหวกว่ายอากาศอยู่ที่ความสูงหลายสิบเมตรเหนือพื้นดินก่อนจะตกโครมลงไปบนกองเศษต้นไม้ที่กระจัดกระจาย ส่งฝุ่นขี้เลื่อยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ซึ่งมากพอที่จะหลบหนีออกไปได้ ในขณะนั้นเอง ลาวีก็วิ่งเข้ามาคว้าข้อมือชิกิที่กำลังสงสัยเต็มที่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสามคนวิ่งหนีออกมาให้ห่างบริเวณที่สตอร์มโดนถล่มทับอยู่ จนในที่สุดก็ไกลจนเกินกว่าจะมองเห็นได้ ทิ้งสตอร์มเรจ เซีย เอาไว้เบื่องหลังแนวป่า แล้วบ่ายหัวออกสู่ถนน
หลังจากพักหอบแฮ่กกันอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำใกล้ๆ อารินที่หายเหนื่อยลงบ้างก็นั่งลงหลบแดดที่ต้นไม้ใหญ่ริมน้ำ เธอถามชิกิที่กำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ว่า
"เฮ้ นาย --- นายใช้เวทย์มนตร์ได้ด้วยเหรอ ?"
"ไม่รู้สิ..." ชิกิเช็ดหน้ากับเครื่องแบบสีฟ้าซกมกที่เขาใส่อยู่ " อยู่ๆ มันก็ออกมาเองประมาณนั้นล่ะ... "
"แล้วนายทำยังไงเหรอมันถึงออกมาได้น่ะ ? นายไม่น่าจะเคยบัคเพื่อรับเวทย์มาก่อนนี่นา... "
ชิกินั่งลงใต้ต้นไม้ใกล้ๆ กับอาริน เอาหัวเกยกับลำต้นสากๆ แล้วฟังเสียงนกร้องเพลงอยู่บนกิ่งไม้เหมือนไม่เคยมีเรื่องใดที่กวนใจชีวิตของมันเลยนับแต่เกิดมา
"ตอนนั้นฉันคิดว่า... ฉันต้องช่วยเธอ ไม่ว่ายังไงก็ต้องไม่ให้เธอได้รับอันตราย แล้วมันก็ออกมาของมันเองน่ะ "
อารินหันหน้าควับมาหา ทำหน้าตื่นๆ และเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอเปลี่ยนการเรียกผู้ชายคนนี้จาก "แก" เป็นคำว่า "นาย" ตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนชิกิก็พูดต่อไปโดยไม่รู้สึกว่ามีอารินจ้องหน้าเขาอยู่
" ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต "
หน้าของอารินแดงฉ่าขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ เธอตกใจในคำพูดของชายหนุ่ม แต่เมื่อไม่เห็นชิกิหันหน้ามาทำซึ้งหรืออะไรคล้ายๆ แบบนั้น เธอก็เดาเอาว่า เขาคงพูดด้วยความรู้สึกผิดที่ทำลายวิถีชีวิตของเธอ... เขาคงแค่ต้องการชดใช้บาปแน่ๆ... เธอคิดเช่นนั้น อย่างน้อยเธอก็อยากจะคิดแค่นั้นแหละน่า
"แหม แหม--- ดีจังนะจ๊ะ หนุ่มๆ สาวๆ เนี่ยะ "
ลาวีพูดแทรกเข้ามา ทำหน้ายิ้มๆ อยู่ระหว่างทั้งสองคน ในมือถือผ้าชุบน้ำมาผืนหนึ่งยื่นให้อาริน
"เอ๋ ??!! อย่าบอกนะว่า... เมื่อกี๊พี่ได้ยินหมดเลย ??"
"อื้อ" เธอตอบอารินที่รับผ้าชุบน้ำไป "นอกจากจะทำความสะอาดแผลที่ถลอกแล้ว ใช้ผ้านั่นเช็ดหน้าซะด้วยนะจ๊ะ แดงเชียว ท่าจะร้อนล่ะสิ อิอิ"
อารินยิ่งหน้าแดงหนักเข้าไปอีก พอชิกิหันมามองอาการแปลกๆ ของเธอ เธอก็หลบตาเขาอย่างรวดเร็วและวิ่งหนีไปหาลาวี
"ไม่ใช่นะคะพี่ !!! ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ !!! จริงๆ สาบานได้ !!!"
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ด้วยความช่วยเหลือจากชาวนาที่ผ่านมาแถวๆ นั้นที่แบ่งที่หลังรถม้าให้ ทำให้ทั้งสามคนมาถึงที่โรงเตี๊ยมริมทาง "เฟลมมิ่ง ลิซาร์ด" ได้ก่อนตะวันจะลับฟ้า หลังจากกล่าวขอบคุณชาวนาผู้มีน้ำใจมาแล้ว ลาวีก็พาทั้งสามคนเข้าไปในร้านไม้สองชั้นที่เป็นเป้าหมายของการเดินทาง
ภายในร้านเป็นเรือนไม้ที่มีโต๊ะขนาดกำลังพอดีอยู่ห้าหกตัว ไฟจากตะเกียงหลายอันที่แขวนอยู่ให้แสงสีส้มพลิ้วไหวดูสบายตา แต่ที่นี่ก็มีหลอดไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่มีชายคนหนึ่งเอามาวางประกันค่าเหล้าวางอยู่บนเคาน์เตอร์ด้วย หลอดไฟดวงกระจิริดเปล่งแสงจากไส้หลอดทังสเตนสู้แสงตะเกียง แต่ดูท่าจะสู้ไม่ไหว เพราะเจ้าของร้านลืมเอาไปตากแดดอยู่หลายวันเหมือนกัน
ลาวีทักทายเด็กเสิร์ฟสาวในร้านอย่างคุ้นเคย และหันไปพูดกับมาสเตอร์เจ้าของร้านที่มาต้อนรับ หลังจากบทสนทนาผ่านไปได้สักครู่ มาสเตอร์ก็พาลาวีไปทางหลังร้านด้วยท่าทางเคร่งเครียด ก่อนที่ทั้งสองคนจะผลุบหายเข้าไปทางหลังร้าน ลาวีหันมาบอกกับชิกิและอารินที่รออยู่ว่า
"หาอะไรทำไปสองคนก่อนนะจ๊ะ ขอพี่ไปปรึกษาธุระก่อน เดี๋ยวมานะ"
เวลาผ่านไปสักครู่ ระหว่างที่ลาวียังไม่กลับออกมา ชิกิถือโอกาสนี้สำรวจร้านไปด้วย
ในร้านมีคนมากมายหลายประเภทและฝ่าย เขาเห็นชายใส่ชุดฟอร์มคล้ายทหารพกปืนหรากำลังนั่งเล่นไพ่โป๊กเกอร์กับผู้หญิงหัวสีน้ำเงินอีกคน ไกลไปอีกนิดเขาเห็นตาแก่ในชุดผ้าคลุมยาวถึงข้อเท้าพูดพึมพำอยู่กับตัวเฟอเร็ต ปลายไม้เท้าคริสตัลสีหม่นๆ โผล่พ้นผ้าคลุมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชิกิข้องใจเป็นที่สุดว่าที่นี่ทำยังไงถึงสามารถหยุดความบาดหมางของฝั่งเทคโนและนักเวทย์ซึ่งกัดกันเป็นหมากับแมวมาตลอดให้เงียบสนิทเช่นนี้ได้ เด็กเสิร์ฟชื่อมาริเอลตอบคำถามของเขาแถมด้วยรอยยิ้มกว้าง
"อ๋อ... เรื่องนั้นเดี๋ยวคุณก็ได้เห็นเจ้าค่ะ ที่นี่จะมีอย่างต่ำหนึ่งครั้งทุกคืนแหละ" เธอตอบ "เป็นที่มาของชื่อร้านเฟลมมิ่ง ลิซาร์ด หรือจิ้งเหลนไฟที่พวกเขาเรียกกันน่ะแหละเจ้าค่ะ"
ชิกิที่กำลังงงงวยกับคำตอบที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ นั่งลงคอยสิ่งที่ "เกิดขึ้นอย่างต่ำหนึ่งครั้ง" ของที่นี่ต่อไป ซึ่งก็ไม่ต้องรอนานเพราะเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแทบจะทันทีที่ก้นของเขาสัมผัสกับเก้าอี้
"เฮ้ย !!! แล้วแกจะชดใช้ยังไงกับการที่ไอ้กระจั๊วนี่มันมาขี้รดรองเท้าบู๊ทชั้นเนี่ยหา !!!"
"หึหึ... ปุ๊กกี้มันพยายามช่วยแกนะนั่น... พวกแกมันเหม็นสาบเหล็กและน้ำมัน มันก็เลยไปดับกลิ่นให้ด้วยสิ่งที่กลิ่นดีกว่าไงล่ะ"
"จะบอกว่าขี้เนี่ยนะกลิ่นดี !!! ไอ้แก่วิปลาสเอ๊ย !!!"
ชายตัวโตที่มีแขนกลกำลังเขย่าตาแก่ในชุดคลุมอยู่กลางอากาศ ชายแก่ห้อยร่องแร่งเหมือนไม่มีกระดูกอยู่สูงเหนือพื้นหลายฟุต โดยมีเฟอเร็ตตัวปัญหาวิ่งว่อนอยู่รอบๆ จังหวะนั้นลาวีกับมาสเตอร์เดินออกมาจากหลังร้านพอดี หนูมาริเอลหยิบสำลีมาอุดหูตัวเธอเองและชิกิอย่างรู้งาน ลาวีรวมถึงคนอื่นๆ ที่พอจะรู้แล้วต่างก็เอามือปิดหูกันถ้วนหน้า มาสเตอร์เลิกแขนเสื้อขึ้น แล้วหายใจเข้าเต็มปอด หันหน้าไปทางทั้งสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่
"หยุด - เดี๋ยว - นี้ - นะ - โว้ยยยยยยยยยยยย ------!!!"
มาสเตอร์ร้านระเบิดเสียงระดับเขย่าหลังคาบ้านปลิวออกมา ชิกิรู้สึกเหมือนโดนคลื่นเสียงอัดจนแบนติดพนักเก้าอี้ ข้าวของเครื่องใช้ในร้านปลิวว่อนไปตามแรงอัดเสียง (ยกเว้นบางอย่างที่ผูกติดกับกำแพงเอาไว้แล้ว) รวมถึงตาแก่กับนักกล้ามแขนกลที่ลงไปกลิ้งอยู่ตรงมุมร้าน นอนมึนแบบหาทางกลับบ้านไม่ถูก
"ฉันไม่ยอมให้มีคนทะเลาะกันในร้าน !!! ไปต่อยกันข้างนอก ไป !!!"
ลูกค้าในร้านพากันปรบมือกราวให้กับมาสเตอร์ที่ค้อมหัวรับ แล้วกลับไปทำอาหารต่อที่หลังครัว มาริเอลลากทั้งสองคนที่นอนไม่รู้เรื่องออกไปโยนไว้นอกประตู แต่ก่อนจากก็ไม่ลืมที่จะล้วงเอาเงินค่าอาหารในกระเป๋าสตางค์ออกมาด้วย ชิกิที่กำลังเอาที่อุดหูออกคิดอยู่ในใจว่าร้านนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อจากจิ้งเหลนไฟเป็นจิ้งเหลนกัมปนาทมากกว่า ไม่รู้ว่าชายชราร่างผอมๆ คนนั้นไปเอาเสียงที่ไหนมาระเบิดได้ทุกวัน หรือแกจะมีปืนใหญ่เก็บไว้ในคอ ?
หลังจากร้านกลับเข้าสู่สภาพปรกติอีกครั้ง ลาวีก็กลับมาหาทั้งสองคน
"ตกใจหน่อยนะชิกิ พี่ก็ลืมบอกก่อนจะมาถึง... ไม่เป็นไรนะ ?"
"ไม่เป็นไรครับ เด็กคนนั้นเอาที่อุดหูมาใส่ให้ผมทันพอดี" เขาตอบ
"ว่าแต่... แล้วเราจะเป็นยังไงกันต่อไปเหรอคะ ??" อารินถามอย่างร้อนใจ "คนของทัลล่าจะมาช่วยเรามั้ยคะ ?? แล้วเราต้องทำอะไรอีกเหรอคะ ??"
"พวกหนูยังเป็นเด็กๆ กันอยู่เลย ไม่ต้องคิดมากกับเรื่องอย่างนี้หรอกจ้ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาจัดการเถอะ"
"โธ่ พี่คะ หนู 18 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้ว ส่วนตัวพี่ก็เพิ่ง 25 ไม่นานนี้เองไม่ใช่เหรอคะ ?"
"ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ" ลาวีตอบตัดบท "เดี๋ยวพี่จะต้องไปแจ้งข่าวกับทางทัลล่าด่วนเลย"
"เอ๋ ?" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
"เดี๋ยวมาสเตอร์จะเป็นคนดูแลพวกเธอเองในช่วงนี้ เรื่องค่าอาหารกับที่พักไม่ต้องห่วง มาสเตอร์บอกว่าพวกเธออยู่ได้ฟรี แต่ก็ต้องช่วยงานในร้านด้วยนะจ๊ะ"
ลาวีหันมาพูดกับชิกิต่อ
"ส่วนชิกิคุงก็อยู่ได้เหมือนกัน แต่ว่าเธอจะไปไหนก็ได้แล้วแต่นะ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดหรอก แล้วก็..."
เธอเอามือของชิกิมาบีบแน่น
"ดูแลอารินด้วยนะจ๊ะ... ดูแลเธอในส่วนของโซลด้วย รบกวนด้วยนะ---"
แล้วลาวีก็ไปเตรียมของสำหรับการเดินทาง แล้วเอาม้าออกไปในเวลาไม่นาน มันกระทันหันเสียจนทั้งชิกิและอารินคิดหาคำกล่าวลาไม่ทัน เมื่อทั้งสองคนรู้ตัว ลาวีก็เหลือเป็นแค่จุดเล็กๆ ตรงขอบฟ้าเสียแล้ว
มาสเตอร์เดินเข้ามาตบบ่าทั้งสองคน แล้วยื่นไม้กวาดให้
"ไม่เป็นไรหรอกน่ะ เดี๋ยวเขาก็กลับมา" เขาพูดยิ้มๆ "ช่วยจัดร้านหน่อยนะหนุ่มสาว ยังยุ่งๆ อยู่เลยหลังจากพวกทะเลาะกันเมื่อกี้นี้"
ชิกิลากไม้กวาดไปกวาดเศษแก้วบนพื้นอย่างงงๆ แล้วเขาก็สังเกตเห็นอีกคู่ที่กำลังจะปะทุเดือด ชิกิตาเหลือกแล้ววิ่งไปหาที่อุดหูทันที
"คืนตังค์ฉันมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย !!!" ชายในชุดฟอร์มส่งเสียงดัง
"ทำไมล่ะ? ก็เห็นๆ อยู่ว่าชั้นชนะ" ผู้หญิงผมน้ำเงินที่นั่งตรงข้ามพูด เธอกระดกแว่นอันเล็กนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ "คนแพ้ก็เสียตังค์ มันก็เป็นเรื่องปรกติธรรมชาตินี่หน่า ?"
"จะบ้ารึไง !!! หน้าไพ่ออกรอยัลสเตรทฟลัชสามทีเนี่ยนะ !!! ไม่โกงแล้วเขาจะเรียกว่าอะไร !!!"
"ดวงดีไง"
"หนอยแน่ะ--- แก !!!"
มาสเตอร์เดินออกมาจากหลังร้านแล้ว และตอนนี้กำลังเลิกแขนเสื้อขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นสังเกตเห็นเหมือนกัน เธอยกมือปรามคู่ไพ่แล้วเดินไปจ่ายเงิน
"จ่ายเผื่อคนใส่ชุดฟอร์มนั่นด้วยนะลุง ยังไงก็ตังค์เค้า... อ้อ แล้วก็ยังไม่ต้องเก็บจานของชั้นนะ เดี๋ยวจะกลับมากินต่อ---"
หญิงสาวเดินนำหน้าคู่ไพ่ที่กำลังโมโหหน้าแดงออกไปข้างนอกร้าน คนในร้านพากันออกไปดูมวยวัดที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ คนหัวใสบางคนเริ่มประกาศรับพนันกันแล้ว ชิกิและลาวีก็ออกมาดูกับเขาด้วย บรรยากาศที่หน้าร้านในตอนนี้เหมือนกับในหนังคาวบอยที่ชิกิเคยดูบ่อยๆ เพียงแต่ที่หน้าร้านนี่ไม่ใช่ทะเลทรายรัฐเนวาด้าเท่านั้นเอง
"คืนตังค์ข้ามานะเว้ย ไม่งั้นมีนองเลือดแน่ !!!" ชายชุดฟอร์มสีฟ้าชักปืนพกรีวอลเวอร์ .38 ชี้ไปทางเธอ แต่เธอดูเหมือนจะไม่ยี่หระเอาเสียเลย
"ก็บอกแล้วไงว่าชั้นเล่นไพ่ชนะมาแล้วน๊า---- ยังจะมาขี้แพ้ชวนตีอีก... ถ้าอยากได้เงินคืนก็ลองมาเล่นต่ออีกสักสองสามรอบสิ อาจจะถอนทุนก็ได้ ? "
"ไม่คืนใช่มั้ย !?!? งั้นข้าจะเอาเงินคืนจากศพแกก็ได้วะ !!!"
ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!
เสียงปืนดังขึ้นสามนัด ผู้คนรอบๆ แตกฮือ การวิวาทธรรมดาได้กลายเป็นการฆาตกรรมไปเสียแล้ว แต่ชิกิเป็นคนแรกที่เห็นว่าการต่อสู้ยังไม่จบ
หญิงสาวหัวน้ำเงินโผล่ออกมาจากหลังกระเป๋าสีดำดูคล้ายโลงอันใหญ่ที่เธอยกมาบังกระสุนปืน บนกระเป๋ามีรอยถลอกจางๆ จากกระสุนนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
"ยังอ่อนไป ยังอ่อนไป... ปืนน่ะใช่ว่าสักแต่ยิงแล้วก็จบ มันต้องคิดด้วยว่ายิงยังไงให้ได้ผลนะ"
"หนอยยยยยยย------ ยัยบ้า ตายซะเทอะ !!!"
ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!ปัง !!! ปัง !!! ปัง !!!
เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ปืนลูกโม่ทั้งสองกระบอกมีควันขึ้นฉุย แต่เป้าหมายหลังที่กำบังประหลาดก็ ก็ไม่แสดงอาการทุกข์ร้อนอันใด เขาหยิบเอาปืนกลหนักพร้อมสายกระสุนที่พาดบ่าขึ้นมาบรรจุ เตรียมรัวใส่หญิงสาวที่ยังอยู่หลังกระเป๋า
"เอาสิวะ อึดได้อึดไป ต่อหน้าปืนกลหนัก MG42 นี่ ที่กำบังที่แข็งแค่ไหนก็คือเศษขยะดีๆ นี่เอง !!! ไอ้กระเป๋านั่นก็เตรียมตัวเจ๊งได้แล้ว !!!"
หญิงสาวยืนขึ้นหลังจากที่นิ่งอยู่หลังกำบังมานาน เธอเอากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนไหล่แล้วบิดขี้เกียจพักหนึ่ง ไม่สนใจปืนกลหนักที่ชี้มาเลยแม้แต่น้อย
"เฮ้ย !? ไม่กลัวรึไงวะ !! ปืนกลหนักนะว้อย !! แถวบ้านไม่เคยเห็นรึไง !?"
"วู้ยยย--- เห็นจนเบื่อแล้ว โดยเฉพาะรุ่นนั้นน่ะ จับแงะประกอบใหม่ไปไม่รู้กี่สิบรอบ" เธอตอบหน่ายๆ แล้วเริ่มจัดการอะไรบางอย่างกับกระเป๋ายักษ์
"อ้อ... แล้วก็นะ ไอ้นี่ไม่ใช่กระเป๋าหรอก"
เธอนั่งกางขาออกอยู่บนพื้นเพื่อปรับสมดุล กระเป๋าที่ว่ากางขาทรายไว้บนพื้น ลำกล้องขนาดใหญ่มหึมาโผล่ออกมาจากด้านหน้ากระเป๋า ไกอันเบ้อเริ่มสลับที่กับหูยกที่เธอใช้ถืออยู่เมื่อสักครู่ คู่กรณีของเธอตัวสั่นเทาเมื่อเห็นปากลำกล้องขนาดใหญ่กว่าหัวชี้ตรงมาหา
"อะ... หรือว่า..." เขาพูดตะกุกตะกัก "...หรือว่าเธอจะเป็น... -Blue Hornet- ที่เขาร่ำลือกัน !?!?"
หญิงสาวหัวน้ำเงินตอบ พร้อมทั้งยิ้มร่า
"บลูเบลออะไรไม่รู้เรื่อง... แต่ก็คงใช่มั้ง ? "
ตูมมมม---!!!
ป่าข้างๆ หัวของชายชุดฟอร์มหายไปเป็นแถบ คมกระสุนจากปืนใหญ่ลำกล้องแฝดของบลูฮอร์เน็ททิ้งรูกว้างระดับคนมุดผ่านได้ไว้บนเนื้อไม้พร้อมทั้งเสียงโครมครามไกลออกไปเกือบสามกิโลเมตร เธอยืนขึ้นบิดหัวไหล่ไปมาพลางบ่นพึมพำ
"ถึงไม่ค่อยอยากใช้อันนี้ไง ยิงแต่ละทีไหล่แทบหลุดแน่ะ... อ้อ ! ยังจะเอาตังค์คืนอยู่มั้ย ?"
"ไม่เอาแล้วครับผม !! ขอลาครับ !!!"
ชายชุดฟอร์มวิ่งไปเอาสัมภาระตัวเองได้ก็ขึ้นม้าควบอ้าวกลับทางเก่าทันทีโดยไม่คิดกลับมาที่นี่อีกตลอดชีวิตของเขา บลูฮอร์เน็ทเดินผ่านฝูงชนรอบๆ ที่ต่างก็มีทั้งตะโกนเชียร์ (เพราะชนะพนัน) กับตะโกนสาบแช่ง (เพราะเสียพนัน) กลับเข้าไปในร้าน ก่อนที่ชิกิจะได้ยินเสียงเธอโวยออกมาจากในร้านว่า
"ปัทโธ่ลุง !!! ก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งเก็บจานโธ่เอ๊ย !!! ต้องนั่งรออีกแล้วสิเนี่ยะ !!!"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รุ่งเช้าของอีกวัน ชิกิเดินเข้าไปหาบลูฮอร์เน็ตที่เดินลงมากินข้าวเช้าจากห้องพักด้านบน เธอดูแปลกใจพอสมควรที่ชิกิเดินตรงแน่วเข้ามาหา ทำหน้าเหมือนเธอลืมจ่ายค่าอาหารเมื่อคืนอะไรอย่างนั้น หลังจากชิกิเดินมาวางจานอาหารแล้วเขาก็ยืนนิ่งไม่ยอมไปไหน จนบลูฮอร์เน็ตต้องเอ่ยปากถาม
"มีอะไรเหรอ เด็กเสิร์ฟ ??"
"รับผมเป็นลูกศิษย์ด้วยครับ !!!"
บลูฮอร์เน็ตแทบจะสำลักข้าวเช้าออกมาทางจมูก เธอไอโขลกๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามชิกิว่า
"แล้วทำไมเด็กเสิร์ฟอย่างนายถึงจะต้องมาฝึกอะไรด้วยล่ะ? อีกอย่างชั้นก็ดูไม่เหมือนอาจารย์ตรงไหนเลยนะเนี่ย ?"
"เพราะคุณเป็นคนเก่ง ผมถึงอยากจะเรียนรู้จากคุณครับ !!!" ชิกิตอบเสียงดังฟังชัด สายตาแน่วแน่ของเขาจ้องสู้กับตาคู่น้ำเงินคมกริบเหมือนจิ้งจอกของบลูฮอร์เน็ต จนทำให้เธอสงสัยในที่มาของดวงตามุ่งมั่นคู่นี้ เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นมันมาแล้ว
"แล้วทำไมนายถึงอยากเรียน? จะอยากเก่งไปทำไม? ไหนตอบฉันซิ..."
"...เพราะผมไม่อยากจะเสียใครไปเพราะไร้พลังอีกแล้วครับ" เป็นคำตอบของเขา
เพื่อปกป้อง?
ไม่อยากสูญเสีย?
ต้องการเป็นประโยชน์กับคนอื่น?
เหตุผลงี่เง่า... เธอคิด
สิ่งที่ดูเหมือนเป็นความจริงที่ไม่อาจหนีได้คือ เมื่อมนุษย์มีพลังยิ่งใหญ่อยู่ในมือก็มักจะก้าวเข้าสู่ด้านมืด... ไม่ว่าจะมีปณิธานที่แน่วแน่ขนาดไหน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าความยั่วยวนของพลังมันก็จะแตกสลายไปทุกที ดังนั้นเหตุผลที่บอกมาก็เหมือนกับลมปากที่เชื่อไม่ได้...
...แต่เหตุผลงี่เง่าพรรค์นี้ก็ทำให้เธอได้เรียนกับท่านอาจารย์เหมือนกันสิน่า
"เฮ่อ... ชั้นแพ้สายตาแบบนี้ซะด้วยสิ" บลูฮอร์เน็ตถอนหายใจ "เพราะชั้นไม่เคยเป็นครูของใคร ดังนั้นห้ามบ่นเวลาสอนไม่รู้เรื่องนะเข้าใจมั้ย ?"
"ครับ !!! คุณบลูฮอร์เน็ต !!!"
"หึหึ... มาขอบจงขอบใจอะไร ฉันโหดนะจะบอกให้" เธอหัวเราะ "อีกอย่างนะ ชั้นไม่ได้ชื่อบลูฮอร์เน็ต ไอ้พวกนั้นมันตั้งกันเอาเองแหละ ชื่อชั้นคือปาร์โก้ ส่วนนามสกุล... ช่างมันเหอะ"
"ครับ อาจารย์ปาร์โก้ เดี๋ยวผมจะรีบไปบอกมาสเตอร์ก่อนนะครับ"
"วุ้ย จะมาเรียกอาจงอาจารย์อะไรกันเล่า เรียกพี่สาวก็ได้"
ชิกิวิ่งแน่บไปหามาสเตอร์ และกำลังจะเอ่ยปากบอกว่าจะขอออกไปจากที่นี่ แต่ก็พบมาสเตอร์ยืนรออยู่แล้ว เขายิ้มนุ่มละไมอย่างเคยพร้อมยื่นกระเป๋าใบใหญ่ให้ ชิกิที่กำลังงงๆ ก็เผลอรับกระเป๋ามา ภายในกระเป๋ามีอาหาร เสื้อผ้า และอุปกรณ์จำเป็นในการดำรงชีวิตอีกหลายอย่าง รวมถึงเต๊นท์สนามอีกอันเบ้อเร่อ
"เอ่อ... มาสเตอร์ครับ ?" ชิกิเอ่ยถาม แต่มาสเตอร์ทำมือปรามแล้วบอกว่า
"ไม่ต้องหรอก ฉันเห็นสายตาเธอเมื่อคืนก็พอรู้แล้วว่ามันต้องออกมาเป็นอย่างนี้... ไปเถอะ"
"ขอโทษด้วยนะครับที่ยังไม่ได้ทำงานอะไรเลย แถมยังต้องให้มาสเตอร์มาลำบากขนาดนี้ด้วย..."
มาสเตอร์ตบบ่าของชิกิเบาๆ แล้วรุนหลังเขาออกประตูไป
"เฮ่อ--- อย่างที่คิดเอาไว้เลยน้า--- สมเป็นลูกชายของมากิฮิสะจริงๆ "
"เอ๋ ?? มาสเตอร์รู้จักกับพ่อของผม ---!!"
"ช่างเถอะๆ รีบไปเข้าล่ะ คุณผู้หญิงคนนั้นจะออกเดินทางเช้านี้แล้วนะ"
ชิกิหันมามองมาสเตอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังออกสู่โลกกว้าง ซึ่งเขาต้องออกก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อเรียนรู้ใหม่... อีกครั้ง
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับมาสเตอร์ !! ฝากอารินด้วยนะครับ !!"
หลังจากชิกิออกไปจากครัวแล้ว อารินก็เดินเข้ามาทางประตูด้านหลัง เธอดูแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย แต่มาสเตอร์ก็พอจะรู้ว่าเพราะอะไร
"อยากไปกับเขามั้ย ?" มาสเตอร์ถาม
"ไม่เห็นอยากเลยค่ะ... อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องก็คลี่คลายแล้ว ยังจะออกไปหาเรื่องเข้าตัวอีก แถมยัง..." อารินหน้าแดง แต่ยังปั้นหน้าเหมือนโมโหอยู่ "...ยังจะมาบอกว่าปกป้องอะไรนั่นอีก... น่าอายชะมัดเลย"
"โฮ่ะโฮ่ะโฮ่ะ---- วัยรุ่นก็อย่างนี้หละเนาะ สมัยก่อนลุงก็เคยเป็นนะ"
"...หนูขอตัวไปกวาดร้านก่อนล่ะค่ะ" อารินเดินออกไปนอกห้อง แต่เธอก็ยังซ่อนความรู้สึกไม่เก่งเหมือนเคย มาสเตอร์สังเกตสายตาที่เธอใช้มองชิกิที่กำลังจะออกไปจากที่นี่แล้วเขาก็ถอนหายใจเบาๆ
"วัยรุ่น...วัยรุ่น... วัยแห่งความสับสนของหัวใจ เฮ่อ--- หวนรำลึกถึงความหลังครั้งเก่าๆ แท้น้อ"
อารินที่กำลังกวาดร้านพยายามไม่มองไปทางชิกิที่เตรียมตัวออกไปจากที่นี่ แต่ก็หลบไม่พ้น ชิกิเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งบอกเธออย่างมั่นใจ
"ไม่เป็นไร ทำใจให้สบายนะ ผมจะกลับมาหลังจากผมเก่งขึ้น แล้วผมจะปกป้องเธอเอง"
อารินอายจนแดงไปทั้งหัวที่ชิกิพูดประโยคน่าอายเหมือนหลุดมาจากการ์ตูนรักหวานแหววได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเบือนหน้าหนีแล้วตอบเบาๆ
"ตาบ้า--- จะไปไหนก็ไปเลยไป"
"ไปละนะครับมาสเตอร์ !!! " ชิกิหันไปหามาสเตอร์ที่ออกมาส่งจากหลังครัว เขาโบกมือหยอยๆ ส่งชิกิที่กำลังเดินจากไปกับปาร์โก้ อารินยืนนิ่งมิงดูทั้งคู่จากไป ในใจมีอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกหมุนวนอยู่
มือที่ถือไม้กวาดของอารินสั่นไหว ในสมองคิดถึงแต่ใบหน้าของเจ้าหมอนั่น... ทำไมมันต้องมาโผล่ในใจฉันด้วยนะ? มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นเลย... ทั้งๆที่ฉันเกลียดหมอนั่นจะตาย... เธอคิด
มาสเตอร์สะกิดแขนอารินเบาๆ แล้วยื่นกระเป๋าที่เหมือนกับของชิกิให้อีกใบ
"เอ้า--- เขาจะไปแล้วนะ"
อารินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจรับเอากระเป๋ามา แล้วค้อมหัวให้มาสเตอร์หนึ่งที เธอวิ่งออกไปนอกร้านแล้วตะโกนกลับหลังมาหามาสเตอร์และร้านเฟลมมิ่งลิซาร์ดที่ตั้งเด่นอยู่ริมถนน
"ขอบคุณค่ะมาสเตอร์ !! แล้วจะรีบกลับมานะคะ !!"
-------------------------------------------------------------------------------
เลยร้านไปได้ไม่ไกล อารินวิ่งตามมาทันกับปาร์โก้และชิกิ เธอหยุดพักหอบแฮ่กสักครู่ ชิกิพยายามให้เธอกลับไป
"ก็ผมบอกให้เธอรออยู่ไงล่ะ--- แล้วอย่างนี้ผมจะออกมาฝึกทำไมละเนี่ย ?"
"นี่...รู้มั้ย ผู้หญิงน่ะไม่ชอบการรอคอยหรอก" อารินตอบทั้งๆที่กำลังหอบ "แล้วก็... ถ้าเก่งสองคนมันก็ดีกว่าเก่งคนเดียวนะ ว่ามั้ย? "
"เอ่อ... อาจารย์ครับ ทำอะไรหน่อยสิ..." ชิกิหันไปหาปาร์โก้ ทำเสียงอ่อยๆ
"ใช่แล้ว !!! ผู้ชายไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงรอ !!! เธอตามมาได้ !!!"
"หา !!" ชิกิตอบอย่างไม่เชื่อหู อาจารย์ของเขาไปช่วยคนอื่นเฉยเลย
"นายคงต้องทนเสียงบ่นของชั้นไปอีกยาวเลยแหละย่ะ !! ซวยหน่อยนะ อิอิ" อารินแลบลิ้นใส่ชิกิที่กำลังทำหน้าปูเลี่ยน
"เอาเถอะ หยุดบ่นได้แล้วทั้งสองคน"
ปาร์โก้พูด เธอหันมาหาทั้งชิกิและอาริน เตรียมที่จะพูดถึงสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังต้องเผชิญข้างหน้า
"ต่อไปนี้เธอจะต้องพเนจรไปอีกไกล ไปในการเดินทางที่ไม่รู้ว่าที่ไหนคือจุดสิ้นสุด การเดินทางของเราอาจจะไม่ราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ อาจจะไม่มีของกินอุดมสมบูรณ์ อาจไม่มีเตียงนุ่มๆได้นอน มีรถม้าดีๆ ไว้เดินทาง จะต้องมีความลำบากหลายอย่างรอพวกเธออยู่ข้างหน้าแน่ๆ และฉันก็ต้องดูแลตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง พวกเธออาจต้องเอาตัวรอดกันเอง... เธอสองคนพร้อมที่จะใช้ชีวิตติดดิน ดิบๆ เถื่อนๆ อย่างนี้มั้ย ?? ถ้าไม่ใช่ก็หันหลังกลับไปที่โรงเตี๊ยมนั่นซะ"
ปาร์โก้ไม่จำเป็นต้องรอคำตอบของทั้งสองคน เพราะสายตาของทั้งคู่บอกออกมาหมดแล้ว
"ครับ/ค่ะ !!!"
"เอาละ... งั้นก็เดินหน้ากันเถอะ"
คู่ที่แปลกประหลาดสามคนเดินเคียงข้างกันอยู่บนถนนชนบท ชายหนุ่มอดีตทหาร... นักเวทย์ฝึกหัด... และหญิงสาวลึกลับกับปืนอันโต...
การผจญภัยเริ่มขึ้นแล้ว !!!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-TO BE CONTINUED-
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น