ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ BNHA/MHA X OC ]SNOWFLAKES

    ลำดับตอนที่ #7 : 06 — USJ (1)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 66


     

    06 — USJ (1)

     


     

    พอรู้สึกตัวอีกทีคิเคียวก็อยู่ที่โซนดินถล่มกับจิโร่ ยาโอโยโรสึ และคามินาริ เสียแล้ว ไม่นานก็มีวิลเลินหลายคนเดินเข้ามาล้อมพวกเรา คิเคียวเหลือบมองไปยังอีกสามคน ในบรรดาพวกเธอ มีคามินาริอยู่คนนึงที่ดูจะกลัวจนออกนอกหน้ากว่าใครๆ

     

    “โฮ่ยๆ ไอ้พวกลูกเจี๊ยบพวกนี่ดูจัดการง่ายว่าปะพวก” เสียงวิลเลินคนหนึ่งเอ่ย 

     

    “เฮ้ย อย่าประมาท ต่อให้ไอ้พวกนี้มันจะเป็นลูกเจี๊ยบแต่มันก็เป็น ‘นักเรียนฮีโร่’ นะ”

     

    สถานการณ์ที่เริ่มตึงเครียด วิลเลินมีจำนวนมากกว่ามากและทุกคนอาวุธครบมือ สำหรับเด็กมัธยมปลายปีแรก ต่อให้เรียนสาขาฮีโร่ ยังไงก็ต้องมีกลัวกันเป็นเรื่องปกติ ไม่เว้นแม้แต่ยาโอโยโรสึ แต่ถึงแม้หล่อนจะกลัวแต่ก็พยายามตั้งสติแล้วพูดเรียกสติคนอื่น

     

    และก็คงมีคิเคียวเนี่ยแหละที่ไม่ปกติอะนะ ที่ยังยืนมองราวกับไม่หวั่นกลัววิลเลินตรงหน้าเลยสักนิด

     

    “คามินาริซัง เดี๋ยวฉันจะสร้างฉนวนกันไฟฟ้าขนาดหนานะคะ รบกวนช่วยใช้อัตลักษณ์ของคุณในการจัดการด้วยค่ะ” ยาโอโยโรสึพูดพลางสร้างของที่ต้องการไปด้วย มีจิโร่ เคียวกะยืนบังไม่ให้คามินาริมอง

     

    “โอ้ส รับทราบ! ไว้ใจได้เลย” คามินาริตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจพลางเริ่มใช้อัตลักษณ์ของตน

     

    คิเคียวหันไปบอกยาโอโยโรสึ “เดี๋ยวฉันจะโดดขึ้นไปอยู่บนเนินดินที่ไกลจากระยะไฟฟ้า ไม่ต้องห่วงฉัน” ก่อนจะหันไปมองคามินาริ

     

    “ส่วนนายถึงยาโอโยโรสึจะบอกว่าให้ใช้อัตลักษณ์ของนายจัดการ แต่ถ้านายใช้จนนายไม่มีสติหรือหมดสภาพสู้ นั่นคงแย่นะ ทั้งๆ ที่ตรงนี้มีเพื่อนคนอื่นอยู่พอจะซัพพอร์ตนายได้แท้ๆ” คิเคียวมองคามินาริด้วยสายตาเรียบเฉย

     

    “อยากทำเท่แต่สุดท้ายเป็นภาระคนอื่นมันไม่เท่หรอกนะ นายคิดว่างั้นไหม? คามินาริ” คิเคียวยิ้มให้ก่อนจะกระโดดหลบออกไปอยู่บนเนินดินที่ระยะห่างพอประมาณ

     

    จิโร่กับยาโอโยโรสึอดจะรู้สึกแย่กับคำพูดนั้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามันก็เป็นเรื่องจริง ถ้าคามินาริใช้อัตลักษณ์มากไปจนไม่สามารถสู้ต่อหรือดูแลตัวเองได้ พวกเขาแย่แน่ กับวิลเลินที่จำนวนมากกว่าแบบนี้ พวกเขาที่ไม่มีประสบการณ์เจอเรื่องแบบนี้มาก่อน สู้ไปปกป้องไปมันเสี่ยงจะบาดเจ็บมาก

     

    คามินาริที่ได้ฟังก็พยายามคิดตาม แต่เขามองจำนวนวิลเลินพลางหันไปมองพวกยาโอโยโรสึที่อยู่ไม่ไกล เขามั่นใจว่าจากจำนวนเท่านี้เขาจัดการได้แน่ มันไม่เกินกำลังเขา แค่ช็อตด้วยความแรงที่สุด เขาจัดการวิลเลินพวกนี้ได้และเขาไม่เป็นภาระกับเพื่อนแน่นอน

     

    พอตัดสินใจได้ คามินาริไม่รอช้าที่จะใช้อัตลักษณ์ของตัวเองทันทีที่ยาโอโยโรสึให้สัญญาณ

     

    ไม่นานทัศนวิสัยก็ถูกบดบังด้วยความสว่างที่เกิดจากการใช้อัตลักษณ์

     

    คิเคียวยืนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย ความร้อนรุ่มตรงแผลเมื่อคืนยังคงตามประท้วงอยู่เนืองๆ ทั้งๆ ที่แผลถูกรักษาไปแล้ว ราวกับย้ำเตือนไม่ให้คิเคียวหลงลืมว่าตนเป็นอะไรกับหล่อน ร่างกายที่ดูเผินๆ นั้นเหมือนปกติแต่ความจริงกลับ ‘ขยับไม่ได้ดั่งใจนึก’ เลย

     

    ไม่ให้หลงลืมและย้ำเตือนว่าคิเคียวไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งของหล่อน

     

    น่ารำคาญชะมัด เรื่องของคามินาริก็น่ารำคาญ เรื่องวิลเลินบุกนี่ก็น่ารำคาญ เรื่องแผลกับยัยนั่นก็น่ารำคาญ

     

    มีแต่เรื่องน่ารำคาญเต็มไปหมด แต่จะโมโหไม่ได้ ถ้าโมโหล่ะก็งานคงจะยุ่งแน่ 

     

    หลังจากที่คามินาริปล่อยไฟฟ้าแรงที่สุดเท่าที่จะปล่อยได้ ก็จริงที่ดูเหมือนว่าจะจัดการวิลเลินได้หมด แต่มันก็แค่ ‘เหมือนจะ’ อะนะ ไม่นานก็มีวิลเลินที่ลุกขึ้นมาได้

     

    อัตลักษณ์มีร้อยพันแบบ แต่ละอัตลักษณ์มีทั้งแพ้ทางและไม่แพ้ทางไฟฟ้า และการที่ไม่ลองโจมตีดูเชิงว่าอัตลักษณ์ของตนเองแพ้ทางหรือชนะทางหรือไม่ ตัดสินใจเลยว่าจะใช้โจมตีเพียงทีเดียวแบบทุ่มสุดตัวนั่น ถ้าเกิดว่าชนะทางก็จัดการได้หมด แต่ถ้าไม่ล่ะ? 

     

    มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะมันจะเป็นดาบสองคมให้กับตัวเอง เหมือนตอนนี้

     

    คามินาริที่ดูเหมือนจะไม่มีสติได้แต่เดินไปเดินมาแล้วก็พูด ‘เว๊~’ อยู่แบบนั้น กับยาโอโยโรสึที่สร้างของชิ้นใหญ่จนกำลังเหนื่อยมากและจะสลบได้ทุกเมื่อ ไม่มีทางมีสติมาตั้งรับกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีแน่

     

    ทั้งๆ ที่เคยบอกแล้วแท้ๆ ว่าควรมีแผนสองสามรองรับในกรณีแผนแรกมันไม่ได้ผล แต่ดูเหมือนเพราะความกลัวจะทำให้การตัดสินใจทื่อลงสินะ

     

    ช่วยไม่ได้ ถึงหลังจากนี้อาจจะต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นแล้วเจอกับยัยนั่นอีกรอบก็เถอะ แต่เธอไม่ยอมเป็นหมากของยัยนั่นหรอกนะ เพราะแต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ใช่ ‘หุ่นเชิด’ ที่เชื่อฟังอยู่แล้ว เป็นแค่หุ่นที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น

     

    เปลวเพลิงสีฟ้าถูกบีบอัดแล้วยิงออกไปตามทิศทางที่เธอต้องการอย่างรวดเร็ว มันเผาวิลเลินที่ยังเหลือรอดจนวิลเลินหมดสภาพ คิเคียวขยับข้อมือเล็กน้อยเพื่อแก้อาการปวดที่ราวกับถูกบีบรัดด้วย ‘อะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น’ ที่พยายามจะรั้งตัวเธอและควบคุมให้เป็นไปตามต้องการ

     

    น่าเสียดายที่ใน ‘บทละคร’ นี้ คิเคียวจะไม่ยอมเป็น ‘หุ่นเชิด’ ที่เล่นตามบทแน่นอน

     

    จิโร่ยืนมองภาพตรงหน้าพลางประคองทั้งคามินาริและยาโอโยโรสึ ไฟสีฟ้าพอได้มองใกล้ๆ ทั้งที่มันร้อนมากแท้ๆ แต่กลับสวยงาม เพียงแค่ใช้อัตลักษณ์ครั้งเดียวก็จัดการวิลเลินที่เหลือได้หมด ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งจิโร่ก็รู้สึกว่าคิเคียวเป็นคนที่สุดยอด

     

    และทั้งๆ ที่สุดยอดถึงขนาดนั้น แต่สีหน้ากลับดูไม่ได้ภูมิใจกับมันเลยสักนิด ไม่ว่าจะตอนไหนก็ทำหน้าตาไร้อารมณ์อยู่ตลอด แม้แต่ตอนที่เจอวิลเลินก็ไม่ได้มีท่าที่ตื่นตกใจหรือหวาดกลัว จิโร่มองอยู่ตลอดนั่นแหละ ถึงได้เห็น

     

    คิเคียวไม่กลัววิลเลินตรงหน้าเลยสักนิดแล้วอีกฝ่ายก็ไม่แคร์คามินาริที่ใช้อัตลักษณ์มากไปจนหมดสภาพเลยด้วย ที่พูดมาตอนแรกอาจจะดูเหมือนว่าเป็นห่วง แต่แท้จริงคงพูดเพราะถ้าคามินาริหมดสภาพต่อสู้ ก็จะเป็นเธอกับยาโอโมโมะที่ลำบาก

     

    จากที่ฮากาคุเระเคยเล่าว่าคิเคียวดูจะสนใจเธอ,ทสึยุจัง,ยาโอโมโมะแล้วก็ฮากาคุเระ จิโร่คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากให้คนที่น่าสนใจต้องเจ็บตัวหรือเป็นอะไรไปถึงได้พูดแบบนั้นกับคามินาริ

     

    เพราะในแววตาตอนที่พูด คิเคียวไม่ได้แสดงอารมณ์เป็นห่วงหรืออะไรเลย มันมีเพียงแค่ความเย็นชาเท่านั้น 

     

    บางครั้งเวลาที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นนั่นจิโร่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองยืนท่ามกลางหิมะ

     

    มันดูเย็นชาแต่ในขณะเดียวกันก็ดูเศร้าสร้อย เหมือนกับเพลงที่อีกฝ่ายเล่นในเย็นวันนั้น ทำนองที่เศร้าสร้อยแฝงอยู่ในความงดงามของโน้ตเพลง หากไม่ใช่คนที่เล่นดนตรีจริงๆ หรือฟังดนตรีบ่อยๆ คงยากจะรู้สึกถึงมัน ราวกับตั้งใจหลบซ่อนความเศร้าโศกไว้ภายใต้โน้ตเพลงที่สวยงามและรื่นเริง 

     

    วินาทีที่จิโร่ได้สบตากับคิเคียวอีกครั้งหลังจากที่คิเคียวลงมาจากเนินดินและมารับตัวคามินาริขึ้นมาแบกบนหลัง แม้จะเพียงเสี้ยววิ แต่จิโร่ก็ได้เห็นแววตาที่แตกต่างออกไปจากทุกที 

     

    “เก่งมากจิโร่ซัง เราไปรวมกลุ่มกับคนอื่นที่หน้าทางเข้าเถอะ” พร้อมกับคำพูดที่ไม่เคยได้ยินจากคิเคียวมาก่อนแบบนี้

     

    มันอดทำให้เธอโล่งใจไม่ได้จริงๆ อ่า พวกเราไม่ได้ตาย ไม่มีใครบาดเจ็บมากอะไร รอดแล้วสินะ

     

    เสียงระเบิดดังขึ้นในบริเวนลานกว้าง คิเคียวหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะก้มมองข้อมือของตัวเองที่ตอนนี้แม้จะถูกแขนเสื้อโค้ทบดบังไว้แต่ก็รู้สึกได้ถึง 'การรัด' ที่แน่นขึ้นจนอดรู้สึกเจ็บจนนิ่วหน้าไม่ได้ ไม่ต้อองเห็นก็รู้ได้ว่ามันขึ้นรออยรัดให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นแน่

     

    เธอชำเลืองมองทางจิโร่ก่อนจะตัดสินใจทิ้งคามินาริให้จิโร่พาแบกกลับไปด้วยอีกคน ส่วนตัวเองก็แยกออกไปหลบในที่ไกลจากคนอื่น

     

    ‘ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อดูท่าจะแย่แน่ ไม่รู้ว่าจะต้านได้อีกนานเท่าไหร่ ยัยนั่นไม่ยอมให้ฉันขัดขืนไปมากกว่านี้แล้วแน่’

     

    อดจะสบถในใจเสียไม่ได้ ถ้าขัดขืนมากกว่านี้แล้วถูก ‘สิง’ ขึ้นมานั่นแย่แน่นอน แค่ตอนนี้ก็แย่พอแล้ว ฮีโร่อันดับหนึ่งที่ควรอยู่ตรงนี้ก็หายหัว อีเรเซอร์เฮดก็จะไม่ไหวแล้ว ไหนจะไอ้พวกอยากทำตัวเป็นฮีโร่แต่แค่ปกป้องตัวเองยังทำไม่ได้อย่างมิโดริยะอีกที่ทำท่าจะกระโจนเข้าไปช่วยอยู่รอมร่อ

     

    มีแต่เรื่องที่ชวนปวดหัว แม่งเอ้ย ไอ้หมอนั่นไม่ใช่คนที่จะถูกจัดการได้ง่ายอีก จะให้ไปสู้ถ่วงเวลาก็ทำไม่ได้ ที่มันรัดแน่นขึ้นจนแทบจะแกล้งทำตัวปกติต่อไม่ได้ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าอย่ายุ่งและให้ทำตัวตามบทละครที่ยัยนั่นเขียน

     

    แม่งเอ้ย เป็นแบบนี้อีกแล้ว แม่งเอ้ย ห่วยแตก บัดซบ สมใจเธอรึยัง ยัยเวรเอ้ย กำลังยิ้มอยู่ล่ะสิท่า 

     

    ‘รู้ด้วยหรอ? เก่งจังนะ สมแล้วที่เป็นหุ่นเชิดของฉัน’

     

    พูดถึงก็มาเลยสินะ เหอะ 

     

    ‘ฟุๆ ฉันชอบเวลาที่เธอทำหน้าแบบนั้นจังคิเคียวของฉัน เป็นไงล่ะชอบของขวัญที่ฉันให้รึเปล่า?’ เสียงนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดีของ อากิฮิโระ ไอ 

     

    ‘ชอบไหม? นี่ไงโลกที่เธอเคยบอกกับฉันว่าอยากได้น่ะ เป็นไงล่ะ โทมุระคุงน่ะสุดยอดไปเลยใช่ไหม? ถึงฉันจะเสียดายที่เด็กคนนั้นเป็นหมากให้ท่านเขาไปแล้วก็เถอะ’ 

     

    ‘ฉันน่ะนะเอาจริงเอาจังกับการทำให้คำขอในวันนั้นของเคียวจังเป็นจริงอยู่นะ เพราะงั้นเคียวจังช่วยอย่ามาขัดขวางได้ไหม?’ เมื่อสิ้นประโยคร่างกายที่จนถึงเมื่อครู่แม้จะถูกรัดจนแทบขยับไม่ได้แต่ยังพอฝืนขยับตามใจตนให้วิ่งออกห่างมาจนถึงบริเวนที่เช็คแล้วไม่มีใคร ก็กลับไม่สามารถขยับได้ดั่งใจนึกอีก ทำให้ร่างกายหยุดวิ่งกลับมายืนในท่าตรง

     

    คิเคียวเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา คำขอ? ของเธอ? 

     

    ‘เพราะงั้นหลังจากนี้ฉันจะเป็นคิเคียวจังเองนะ หลับไปสักพักหนึ่งเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอลำบากแน่นอน’ ราวกับมีบางอย่างแตกสลายอยู่ภายใน มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ไม่ ไม่มีทาง

     

    ‘เพราะเคียวจังน่ะสำคัญกับฉันมากเลยยังไงล่ะ’ เสียงที่พูดกลับไม่ใช่เสียงของไออีกต่อไป แต่กลายเป็นเสียงที่คิเคียวคุ้นเคยยิ่งกว่าใคร สิ้นประโยคสติของคิเคียวก็พลันเลือนหายไป

     

    ร่างของคิเคียวที่หยุดยืนอยู่นิ่งจนถึงเมื่อครู่เริ่มมีการขยับอีกครั้ง จากแววตาสองสีที่แม้จะดูเย็นชาแต่ก็แฝงความใจดีไว้ภายในกลับกลายเป็นแววตาสองสีที่เย็นชาและว่างเปล่า

     

    “ว่าแล้วเชียวร่างกายของเคียวจังเนี่ยสุดยอดไปเลยนะ” พลางขยับมือ เหยียดแขน วอร์มร่างกายให้คุ้นชิน

     

    “แต่ถ้าเทียบกับตอนเด็กๆ แล้ว ดูเหมือนอัตลักษณ์จะไม่ได้ใช้รุนแรงแบบเหมือนก่อนแล้วสิท่า ไม่ได้นะเนี่ย ถ้าสนิมขึ้นมามันจะแย่เอาน้า”

     

    “ฟุๆ แต่ว่าจะไปซนตอนนี้คงไม่ได้ ไม่งั้นท่านคนนั้นคงจะดุแน่ๆ” แย่จังเนอะ อดซนแล้วสิ นานๆ ทีจะได้มาใช้ร่างเคียวจังด้วย :( ฮึ่ม 

     

    คิเคียวหันซ้ายหันขวาพลางมองตำแหน่งของเพื่อนร่วมห้องที่แสดงอยู่ในแว่นตา

     

    อ๊ะ เจอเป้าหมายน่าสนุกแล้ว~ นานๆ ทีเล่นบทฮีโร่ก็คงสนุกดีใช่มั้ยเนอะ

     

    แล้วก็ดูท่าเคียวจังจะไม่ชอบนายหัวเขียวคนนั้นด้วยสิ งั้นเค้าจะไปแกล้งให้เคียวจังเอง!

     

    เพราะอะไรที่เคียวจังต้องการ เค้าก็จะทำให้เป็นจริง อะไรที่เคียวจังไม่ชอบ อะไรที่เคียวจังชอบ เค้าก็จะไม่ชอบและชอบด้วย 

     

    เพราะเคียวจังสำคัญกับเค้ามากแท้ๆ เพราะสำคัญมากเค้าถึงต้องคุมไว้ยังไงล่ะ ถ้าปล่อยไปละก็เคียวจังคงต้องหายไปแน่ๆ ถ้าพ้นสายตาไปทีไรก็เจ็บตัวสะบักสะบอมตลอด

     

    เหมือนกับตอนนั้นที่เค้าละสายตาไปแค่แว้บเดียวแท้ๆ กลับเจอเรื่องแบบนั้นซะได้เนอะ เคียวจังที่แตกสลายแบบนั้นเค้าไม่อยากเห็นหรอก เคียวจังที่เจ็บปวดแบบนั้นเค้าไม่อยากเห็นแล้ว

     

    เพราะงั้นที่เค้ามาคุมร่างก็เพื่อไม่ให้เคียวจังต้องไปเจอเรื่องยุ่งยาก ถึงไม่รู้ว่าคิเคียวจะรู้ตัวแล้วหรือยังว่าอากิฮิโระ ไอ ที่คุยกันทุกครานั้นแท้จริงแล้ว—

     

    ขอให้ไม่รู้เถอะนะ :( 

     

     

     

     

    ความวุ่นวายที่ลานกว้างเริ่มมากขึ้น มิโดริยะรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขาควรจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนที่หน้าทางเข้าได้แล้ว แต่ว่าสภาพของอาจารย์ไอซาวะที่เขาเห็นมันทำให้เขาไม่อยากไปรวมกลุ่มกับเพื่อน

     

    เขาอยากช่วยอาจารย์! เขาปล่อยอาจารย์ไว้แบบนี้ไม่ได้! 

     

    ในวินาทีที่เขาตัดสินใจจะพุ่งออกไป วิลเลินที่จัดการอาจารย์ก็เปลี่ยนเป้ามาทางทสึยุจังเพื่อนของเขา ก่อนที่มือของวิลเลินจะสัมผัสกับหน้าของทสึยุจัง ก่อนที่เขาจะพุ่งไปต่อยแขนของวิลเลิน เปลวไฟสีฟ้าพุ่งเข้าอัดร่างอย่างจัง ไฟสีฟ้าที่เขาจำได้ว่ามันเป็นของเพื่อนร่วมห้องของเขาคนหนึ่งจนตัวเขากระเด็นออกไปพ้นระยะของวิลเลิน

     

    คนที่ชนะคัตจังในการสอบ! เขาจำได้!

     

    “แค่กๆ อะไรเนี่ย” ไฟพวกนี้ไม่ได้พุ่งมาโดนแค่เขาคนเดียว มันโดนพวกทสึยุจังกับมิเนตะรวมถึงวิลเลินคนนั้นที่กำลังเปลี่ยนทิศมาจะเล่นงานเขาด้วย 

     

    เขาหันไปมองพวกทสึยุจังก็พบว่าดูเหมือนทสึยุจะหลบได้ทันและพามิเนตะหลบได้อย่างเฉียดฉิว แม้เขาจะสังเกตเห็นรอยไหม้เล็กน้อยก็ตาม แต่ดีที่ปลอดภัย

     

    “เซนส์ดีนะ สมแล้วกับที่ฉันสนใจ”

     

    ไม่นานพวกเขาก็ถูกพาออกมาให้ไกลจากจุดที่วิลเลินผมสีฟ้าอยู่ด้วยฝีมือของอากิฮิโระซัง

     

    “เล่นเป็นฮีโร่สนุกไหม? มิโดริยะ” อากิฮิโระซังเอ่ยถามผม เพราะตอนนี้อยู่ข้างหลังถึงได้มองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรอยู่

     

    “ครับ?” เอ่ยถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “ใช้พลังปกป้องตัวเองไม่ได้แท้ๆ แต่กลับจะใช้เพื่อช่วยคนอื่น ตลกดีนะ”

     

    “นายคุมอัตลักษณ์ของตัวเองไม่ได้เลยนี่ ใช้ทีก็ระเบิดแขนระเบิดขา แต่นี่คิดจะระเบิดแขนขาตัวเองเพื่อช่วยเพื่อนแล้วให้เพื่อนช่วยอีกรอบหรอ?”

     

    “ถ้าเพื่อนนายช่วยไม่ทันนายก็ตาย คิดว่าชีวิตคือเกมรึไงที่ตายแล้วก็ฟื้นน่ะ งี่เง่าชะมัด ใช้พลังปกป้องตัวเองไม่ได้ยังมีหน้ามาปกป้องคนอื่นอีก”

     

    “หมดเวลาเล่นเป็นฮีโร่ในคอมมิคแล้ว ต่อให้อัตลักษณ์นายจะเสริมกำลังจนน่ากลัวขนาดไหนถ้าใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ได้มันก็แค่ขยะ” ว่าจบก็จัดการพาพวกเขาทุกคนรวมถึงอาจารย์ไอซาวะออกจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว เสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดของวิลเลินผมฟ้าดังขึ้นตามมา

     

     

     

     

    เธอมองสภาพของกลุ่มคนที่เธอไปทำตัวเป็นฮีโร่หิ้วมาส่งที่กลุ่มใหญ่ที่อยู่หน้าประตูทางเข้าออกโดมแห่งนี้ด้วยแววตารำคาญ โดยเฉพาะนายหัวเขียว กังวลจนออกนอกหน้าในทันทีที่เห็นออลไมท์สู้กับโนมุ 

     

    ไม่เก็บอาการหน่อยเลยเนอะ โชคดีชะมัดที่สถานการณ์ตอนนี้เอ้้อให้น่ากังวลน่ะไม่งั้นคงมีพิรุธจะแย่

     

    แต่ว่าโทมุระคุงก็เล่นใหญ่ใช้ได้เลยน้า แหม สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของท่านคนนั้น เกลียดออลไมท์มากเลยสิท่า ดูทรงแล้ว แต่ก็คิดแผนง่ายไปนิดหน่อย แต่ก็อย่างว่าละนะ นี่เป็นงานเปิดตัวครั้งแรกของโทมุระคุงในฐานะหัวหน้าสมาพันธ์วิลเลินนี่ มีผิดพลาดกันบ้างคงไม่ใช่เรื่องแปลก

     

    มีคุโรกิริอยู่ด้วยยังไงก็หนีรอดละนะ ฮะๆ เฮ้อ แต่รีบๆ ทำให้จบสักทีเถอะออลไมท์ อยู่กลางดงฮีโร่นานๆ ก็ชักจะเอียนจนอยากอ้วกจะแย่อยู่แล้วอ่า

     

    เฮ้อ จบไวหน่อยก็ดีน้า มีอนิเมที่อยากดูอะ หงุง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×