ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] TFBOYS ❀

    ลำดับตอนที่ #13 : [ Qian x Hong ] Love Rain : 4 [END]

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 59


    - 4 -

                       

                หลังจากที่คาบเรียนสุดท้ายของวันนี้จบลง จื่อฮงก็รีบออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขายังมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำอย่างหนึ่ง นั้นคือการไปยืนอยู่ที่หน้าทางออกของอาคารเรียน เพื่อที่จะรอเจอเซียนซี หวังว่าคงจะเจอกัน ถ้าเซียนซีไม่กลับบ้านไปก่อน

                ในขณะที่จื่อฮงกำลังยืนรอเซียนซีที่ยังไม่ออกมาจากอาคารเรียน เขาก็เกิดคำถามบางอย่างขึ้นมาในใจว่า ทำไม เขาจะต้องเป็นห่วงหมอนั้น ขนาดนั้นด้วย ถ้าเซียนซีทะเลาะกับหวังหยวนแล้วเลิกกันหรือจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเขาสักนิด แต่ที่เขายังต้องมายืนรออีกฝ่ายอยู่แบบนี้ คงเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากปล่อยให้เซียนซีเผชิญอยู่กับความเจ็บปวดนั้นคนเดียว อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้อยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้อีกฝ่าย เหมือนที่เซียนซีเคยทำกับเขาบ้างก็ยังดี

                ทันใดนั้นเอง จื่อฮงก็เห็นเซียนซีกำลังเดินลงมาจากอาคารเรียน จื่อฮงจึงรีบเดินเข้าไปทักทันที

    “ หวัดดี ”

    “ สวัสดี นายจะกลับบ้านยัง?

    “ ยัง ก็มารอเจอนายก่อนนี้ไง ” จื่อฮงตอบ

    “ มารอเจอฉัน ? รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่เลย ” เซียนซีตอบแล้วยิ้มอย่างฝืนๆ ให้อีกฝ่าย

    ทำให้จื่อฮงแอบคิดในใจว่า จะเป็นไปได้ไหม ที่เขาจะเปลี่ยนรอยยิ้มอย่างฝืนๆ ของเซียนซีให้กลับมาเป็นรอยยิ้มที่สดใสดังเดิม

    “ นายว่างไหม ฉันรู้จักร้านไอศครีมที่อยู่ในซอยใกล้ๆ โรงเรียน ร้านนี้อร่อยมากนะ เราไปหาอะไรกินด้วยกันก่อนกลับบ้านดีไหม ” จื่อฮงเอ่ยปากชวนเซียนซี ซึ่งทำให้เซียนซีถึงกับหัวเราะเบาๆ ออกมา 

    “ วันนี้มาแปลกแฮะ มารอเจอฉัน แถมยังชวนเที่ยวอีก นายมีแผนอะไรหรือเปล่าเนี่ย ”

    “ ไม่มี ล้านเปอร์เซ็นต์ ฉันก็แค่... ” แค่ไม่อยากให้นายซึมเศร้าจากการถูกบอกเลิกก็เท่านั้นเอง แต่สุดท้ายจื่อฮงก็ไม่ได้พูดประโยคนั้นออกไป

    “ หืม? แค่.. อะไร ” เซียนซีถาม เพราะสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย

    “ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่นายจะไปกับฉันไหมล่ะ?

    “ แล้วนายคิดว่าฉันจะไปหรือไม่ไปล่ะ ”

    “ อ้าว ไอ้นี้ ถามดีๆ ทำไม ต้องมากวนด้วย ” จื่อฮงทำเสียงเขียวพร้อมกับเบ้หน้าทำเป็นอารมณ์เสียใส่ แต่จริงๆ แล้ว เขาไม่ได้อารมณ์เสียหรอก ก็แค่แกล้งอีกฝ่ายเล่นๆ เท่านั้นเอง

    “ โอ๋ๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิครับ น้องจื่อฮงของพี่ ” เซียนซีเห็นจื่อฮงแกล้งทำเป็นอารมณ์เสียก็เลยง้ออีกฝ่ายไปตามน้ำ มองๆ แล้ว ก็เหมือนคู่รักที่กำลังงอนกันเลย น่ารักชะมัด

    “ ฉันไปเป็นน้องนายตอนไหน ไม่ทราบ แล้วสรุปจะไปไหมครับ คุณชายเซียนซี ” จื่อฮงตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ใจจริงแล้วก็แอบปลื้มกับคำหวานของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

    “ ไหนๆ นายก็อุตส่าห์ชวนฉันแล้ว งั้นก็ไปดิ รออะไร ” เซียนซีตอบแล้วหันหน้าไปมองจื่อฮง

    “ ก็รอนายตอบว่าจะไปไง กว่าจะตอบได้นี้ โคตรนาน ”

    “ ขอโทษ ” เซียนซีพูดออกมาแล้วบีบเสียงให้ดูน่ารักเหมือนเสียงเด็ก ฟังแล้วน่ารักบาดใจจริงๆ

    แต่ถึงจะน่ารักบาดใจยังไง จื่อฮงก็ยังทำเป็นหยิ่งไม่สนใจอยู่ดี ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าที่ไร้อารมณ์นั้น ในใจของเขาหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มและเสียงของเซียนซีมากแค่ไหน

    “ เค้าขอโทษนะ ที่รัก อย่างอนเค้าเลย ” เซียนซีบีบเสียงในขณะที่พูดอีกครั้ง แต่เสียงในคราวนี้ดูเหมือนจะเล็กแหลมกว่าคราวที่แล้วอีก ทำให้จื่อฮงหลุดขำออกมาเล็กน้อย

    “ โอเค ไม่งอนๆ เดี๋ยววันนี้ เค้าจะเลี้ยงไอติมที่รักแล้วกันนะ ” จื่อฮงตอบ แล้วก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว บางทีการที่เขากับเซียนซีเล่นกันแบบนี้ มันก็ทำให้จื่อฮงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาเป็นแฟนกับเซียนซีจริงๆ เขาคงได้หัวเราะและยิ้มแบบนี้ทั้งวันแน่ๆ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาคิดคำนึงถึงความสุขของตนเอง ขอแค่ทำให้เซียนซีมีความสุขและยิ้มได้เหมือนเมื่อกี้ แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับเขา

    ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเดินทางไปร้านไอศครีม เซียนซีก็สังเกตเห็นว่าตึกรามบ้านช่องที่เขากำลังเดินผ่านอยู่ในตอนนี้ เหมือนตอนที่เขาเคยเดินผ่านเมื่อวานตอนมาส่งจื่อฮงที่บ้านเลย

    “ นี้ๆ ร้านไอศกครีมที่เรากำลังจะไปอยู่ในซอยบ้านนายรึเปล่า ? ” เซียนซีเอ่ยถาม

    “ ใช่ ” จื่อฮงตอบ

     “ เอ่อ.. แล้วก็” เซียนซีกำลังจะถามขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ถาม ท้องฟ้าสีเทาก็ส่งเสียงคำราม ครืน ครืน มาแต่ไกล แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ฝนก็ตกลงมาโดยที่ทั้งสองยังไม่ทันได้ตั้งตัว

    “ เฮ้อ.. แย่จัง ฝนตกอีกแล้ว ” จื่อฮงพูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะคว้ามือเซียนซีให้วิ่งไปข้างหน้า เพื่อที่จะได้ไปถึงร้านไอศครีมให้เร็วที่สุด แต่ทว่ายิ่งวิ่งเร็วมากเท่าไร ฝนก็ยิ่งทวีความแรงมากขึ้นทุกที

    ในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังวิ่งฝ่าฝนเพื่อให้ไปถึงที่หมายนั้น เสื้อผ้าของพวกเขาเปียกมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างกับคนที่เพิ่งตกน้ำเลย จึงทำให้จื่อฮงคิดว่าถ้าพวกเขาจะเดินต่อไปทั้งที่เสื้อผ้ายังเปียกอยู่แบบนี้คงไม่ดีแน่ เพราะมันอาจทำให้พวกเขาเป็นไข้ในวันถัดไปได้ จื่อฮงจึงตัดสินใจพาเซียนซีไปแวะหลบฝนที่บ้านของตนเองซึ่งอยู่ในซอยนั้นพอดี  

    “ ไหนบอกจะพาไปร้านไอศครีม แต่ทำไมพามาบ้านแทนล่ะ ” เซียนซีถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยท่าทางขี้เล่นแบบที่เคยเป็นมาตลอด

    “ เอ๊ะๆ พาฉันมาบ้านแบบนี้ นายคิดอะไรกับฉันรึเปล่า ” เซียนซียิ้มและยกมือชี้ไปทางจื่อฮง เพื่อหยอกล้ออีกฝ่ายเล่น

    “ บ้า ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายทั้งนั้นแหละ ฝนตกหนักขนาดนี้จะให้ไปต่อได้ยังไง ฉันเลยต้องพานายมาหลบฝนอยู่ที่นี่ไง ”

    “ จริงหรอ ไม่ได้คิดอะไรกับฉันแน่นะ ” เซียนซีถามแล้วขยิบตาปิ๊งๆ ใส่จื่อฮง

    “ จริง ” จื่อฮงตอบด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะว่าเซียนซีทำให้จื่อฮงเขินอีกแล้ว

    “ ฉันว่าพวกเราสองคนควรไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนดีกว่า ใส่เสื้อผ้าเปียกๆ แบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ” จื่อฮงพูดขึ้นมา

    “ งั้นฉันขอยืมเสื้อผ้าของนายแล้วกัน ฉันไม่ได้เอาชุดมาเผื่อเลย ”

    “ ก็ได้ ฉันอนุญาต ” จื่อฮงพูดแล้วพยักหน้าเบาๆ ให้กับเซียนซีเป็นการตอบ ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนชุด โดยมีเซียนซีตามหลังมาด้วย และแล้วก่อนที่จื่อฮงจะได้เข้าไปในห้องของตนเอง เขาก็ถูกเซียนซีคว้าแขนเอาไว้ซะก่อน จื่อฮงจึงต้องหันหน้ากลับมาหาเซียนซีแล้วถามว่า

    “ มีอะไรรึเปล่า? ” จื่อฮงถาม ซึ่งเซียนซีไม่ได้ตอบอะไรออกมา นอกเสียจากใช้สายตามองเรือนร่างของจื่อฮงที่อยู่ในชุดสีขาวอันเปียกชื้นจนมองทะลุเห็นผิวกายข้างใน

    “ ฉันว่าไม่ต้องเปลี่ยนหรอก เพราะแบบนี้ก็ดูเซ็กซี่ดีนะ ” เซียนซีพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

    “ ไอ้บ้า ” จื่อฮงตะโกนใส่เซียนซีด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก ก่อนจะรีบเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

    หลังจากที่ทั้งสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที จึงทำให้จื่อฮงตัดสินใจทำอาหารทานเองที่บ้าน เพราะยังไงก็คงออกไปข้างนอกไม่ได้อยู่แล้ว และเมนูอาหารเย็นในวันนี้ก็คือ สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ซึ่งจื่อฮงเป็นคนลงมือทำเองทั้งหมดและเขาก็ทำเผื่อเซียนซีด้วยเช่นกัน

    หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ฝนที่เคยตกหนักก็ค่อยๆ ซาลงและหยุดตกแล้วในตอนนี้

    “ ฝนหยุดแล้วนะ นายจะกลับบ้านหรือยัง?

    “ คืนนี้ ฉันขอค้างบ้านนายสักคืนได้ไหม ” เซียนซีถาม

    “ ทำไมล่ะ?

    “ ไม่รู้สิ แค่ไม่อยากอยู่คนเดียวน่ะ ”

    “ ยังเศร้าเรื่องที่โดนหวังหยวนบอกเลิกอยู่หรอ? ” จื่อฮงถามออกไป ก่อนจะรีบพูดอีกประโยคขึ้นมาต่อทันที

    “ เอ่อ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ แต่ฉันบังเอิญเห็นเหตุการณ์นั้นเอง โดยไม่ได้ตั้งใจ ”

    “ ไม่เป็นไรหรอก ฉันมันไม่ดีเอง เขาถึงทิ้งฉันไปมีคนอื่น ”

    “ ไม่จริง ” จื่อฮงตอบขึ้นมาทันที

    “ การที่เขาทิ้งเราไปมีคนอื่น มันไม่ได้แปลว่าเราไม่ดีสักหน่อย แต่แค่เราอาจจะไม่ได้เป็น คนที่ใช่สำหรับเขาเท่านั้นเอง ”

    “ มันก็ถูกของนายนะ ”

    “ นายรู้ไหม เมื่อก่อนฉันกับแฟนของฉันเคยรักกันมากๆ ช่วงเวลาที่เรายังคบกันอยู่ทุกๆ อย่างก็ผ่านไปด้วยดีตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งฉันก็จับได้ว่าเขาแอบคบอยู่กับคนอื่น ซึ่งเธอคนนั้นเป็นผู้หญิง ” จื่อฮงเว้นช่วงจากการเล่าไปครู่หนึ่ง จึงทำให้เกิดความเงียบขึ้น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร

                “ แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น? ” เซียนซีถามต่อ

    “ หลังจากที่ฉันจับได้ เขาก็ขอเลิกกับฉันทันที ทั้งที่ฉันควรจะเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาต่างหาก ”

    “ ... ” เซียนซีนั่งฟังอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา

    “ แถมเขายังบอกอีกว่า ให้เราสองคนทำเหมือนเป็นคนไม่รู้จักกัน ”

    “ แฟนนายใจร้ายจัง แล้วนายจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?

    “ ก็ปล่อยเขาไป ”

    “ แค่นั้น? ” เซียนซีลากเสียงสูงท้ายคำเหมือนเป็นประโยคคำถาม

    “ ใช่ ถึงจะรั้งเขาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร สักวันหนึ่งเขาก็คงต้องไปอยู่ดี คนเราทุกคนต่างมีวิถีทางในชีวิตของตัวเอง ”

    “ นายไม่โกรธเขาหรอ เขาทำกับนายขนาดนี้ ”

    “ โกรธไปแล้ว จะช่วยอะไรได้ ถึงฉันจะโกรธเขามากแค่ไหน ก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องทั้งหมดไม่ได้อยู่ดี วิธีที่ดีที่สุดคือการปล่อยวางและอย่าปล่อยให้จิตใจจมอยู่กับความทุกข์ในอดีตต่างหาก ”

    “ พูดซะอย่างกับเป็นนักปราชญ์ ”

    “ นายเองก็อย่าเอาแต่จมอยู่กับหวังหยวนล่ะ เพราะชีวิตของคนเรามันต้องก้าวต่อไปข้างหน้า ”

    “ นั้นก็ถูกของนาย ที่จริงฉันกับหวังยวนเลิกกันไปเป็นเดือนแล้ว แต่ที่ฉันยังจมอยู่กับความเศร้ามันคงเป็นเพราะว่าฉันยึดติดกับความรักเกินไป แต่พอได้ยินนายพูดแบบนี้ มันก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า ฉันควรเลิกยึดติดกับมันและก้าวไปข้างหน้า ” เซียนซีพูดออกมายาวเหยียดราวกับเป็นการระบายความในใจ

    “ ถ้านายคิดได้แบบนั้น มันก็ดีแล้ว ” จื่อฮงตอบ

    “ ขอถามอะไรหน่อยสิ แฟนของนาย เขาคือ” เซียนซีถามขึ้น ก่อนจะเงียบไปอย่างดื้อๆ เพราะไม่ค่อยกล้าถามต่อ เขารู้ดีว่าการถามแบบนี้มันเหมือนเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมานานด้วยเหมือนกัน

    “ จะถามอะไรก็ถามมา ”

    “ แฟนของนาย เขาคือ จุนไค ใช่ไหม? ” เซียนซีถามขึ้น แล้วรีบก้มหน้าหลบตาอีกฝ่ายทันที

    “ ใช่ ” คำตอบของจื่อฮงทำให้เซียนซีเงยหน้าขึ้นมามองจื่อฮงอีกครั้ง

    “ เขาเคยบอกกับฉันด้วยนะ ว่าอย่าบอกใคร ว่าฉันกับเขาเคยเป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้ฉันคงไม่จำเป็นต้องปิดบังมันอีกต่อไปแล้ว ” หลังจากที่เซียนซีฟังจื่อฮงพูดเสร็จ สิ่งที่เขาเคยสงสัยมาตลอดก็คลี่คลายลงในทันที เพราะ ตอนนี้เขาได้รู้ความจริงแล้ว ว่าที่จื่อฮงเคยมีอาการแปลกๆ เวลาถามถึงจุนไคมันเป็นเพราะว่า พวกเขาสองคนเคยเป็นแฟนกันนี้เอง แถมจุนไคยังสั่งไม่ให้จื่อฮงบอกใคร ว่าเคยเป็นแฟนกับตัวเองอีก

    ซึ่งตรงจุดนี้ มันได้ไขสิ่งที่เขาข้องใจจนหมดจด เพราะจุนไคเคยบอกว่าเขาไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่สิ่งที่เขาได้ยินมาจากข่าวลือ รวมถึงท่าทางแปลกๆ ของจื่อฮงมันแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน ถึงเรื่องที่เขาสงสัยว่าจื่อฮงเคยเป็นแฟนกับจุนไค คือ ความจริง แต่แค่จุนไคไม่อยากยอมรับมันเท่านั้นเอง ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสักนิด การจะรักใครสักคนมันไม่สำคัญเลยว่าจะเป็นเพศไหน เพราะ ความรักมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน รวมถึงตัวของเองเซียนซีเองที่กำลังรู้สึกหวั่นไหวกับคนตรงหน้าด้วย

    “ เราสองคนนี้เหมือนกันเลยนะ โดนทิ้งเหมือนกัน ” จื่อฮงพูดขึ้นมาพร้อมกับก้มหน้าลง

    “ แต่ถึงจะโดนทิ้งฉันก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยนะ นายรู้ไหมว่าเพราะอะไร.. ” เซียนซีตอบ ทำให้จื่อฮงเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายทันที

    “ เพราะว่า ฉันมีนายอยู่ข้างๆ แบบนี้ไง ” คำตอบของเซียนซีทำให้จื่อฮงยิ้มกว้างอย่างมีความสุขและแก้มของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจากความเขินอาย

    “ ง่วงจัง คืนนี้นายจะให้ฉันนอนห้องไหน? ” เซียนซีพูดขึ้นและทำท่าบิดขี้เกียจ

    “ บ้านฉันมีห้องนอนอยู่สองห้อง คือห้องฉันกับห้องของแม่ นายนอนห้องฉันก็แล้วกัน ”

    “ ได้ ”

    “ นายมาค้างบ้านฉันแบบนี้ พ่อแม่นายจะไม่เป็นห่วงเอาหรอ? ” จื่อฮงถามด้วยความสงสัย

    “ วันนี้พวกท่านไม่กลับมาบ้านหรอก พวกท่านไปธุระที่ต่างจังหวัด ”

    “ อืม เข้าใจแล้ว ”

    หลังจากที่คุยกันเสร็จแล้ว จื่อฮงกับเซียนซีก็ขึ้นไปนอนพักผ่อนบนห้องนอนของจื่อฮง โดยเซียนซีได้นอนบนเตียงของจื่อฮง เนื่องจากเซียนซีเป็นแขกยังไงเขาก็ต้องต้อนรับให้ดีหน่อย

    ส่วนจื่อฮงนอนที่ไหนน่ะหรอ จะมีที่ไหนให้นอนได้ นอกจากนอนบนโซฟาที่อยู่ในห้องนอนของตัวเอง ตอนแรกเซียนซีก็ชวนให้จื่อฮงมานอนบนเตียงด้วยกัน แต่จื่อฮงปฏิเสธอย่างเดียวจนเซียนซีต้องยอมให้เป็นไปตามนั้น

    ที่เขาไม่นอนร่วมเตียงกับเซียนซีไม่ใช่เพราะรังเกียจหรืออะไรหรอกนะ แต่แค่กลัวว่าหัวใจจะเต้นแรงจนไม่อาจข่มตาให้หลับได้ต่างหาก จื่อฮงหันไปมองเซียนซีที่นอนหลับอยู่บนเตียงก่อนจะพูดว่า...

    “ ราตรีสวัสดิ์นะ เซียนซี ” จื่อฮงพูดขึ้นเบาๆ ราวกับกระซิบแล้วก็ยิ้มกับตัวเองคนเดียวอย่างมีความสุข ก่อนจะดำดึงลงสู่ห่วงนิทรา

    . . . . . . . . . . . . . . .

     

    เช้าวันต่อมาในเวลาประมาณเก้าโมงกว่าๆ แสงแดดจ้าจากฝากฟ้าได้ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ทำให้จื่อฮงตื่นขึ้นมา แต่แล้วเมื่อตื่นเขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เพราะร่างของเขาถูกย้ายมานอนอยู่บนเตียงกับเซียนซีได้ยังไง ทั้งที่เมื่อคืนเขานอนอยู่บนโซฟา เรื่องนี้มันต้องเป็นฝีมือของเซียนซีแน่ๆ

     “ เฮ้ย! นี้ฉันมานอนอยู่กับนายได้ยังไง? ” จื่อฮงรีบปลุกเซียนซีให้ลุกขึ้นมาตอบคำถามของตนเอง

    และเมื่อเซียนซีได้ยินจื่อฮงโวยวาย เขาก็ตื่นขึ้นมาตอบด้วยท่าทางทีงัวเงียเหมือนยังนอนไม่เต็มที่

    “ ฉันไม่อยากให้นายนอนอยู่บนที่แคบๆ อย่างโซฟา นอนบนเตียงด้วยกันดีกว่าตั้งเยอะ จริงไหม ?

    เซียนซีพูดขึ้นพลางคว้าร่างของจื่อฮงเข้ามากอดแล้วเอาใบหน้าของตนเข้าไปซุกไซร้กับร่างของจื่อฮงเบาๆ ทำให้จื่อฮงต้องผลักตัวของเซียนซีออกอย่างเบามือ

                “ นี้ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่ามาเจ๊าะแจ๊ะกับฉันให้มันมาก เดี๋ยวเอาไม้ฟาดหน้าซะเลย ”

    “ ไม่กลัว ” เซียนซีพูดแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จื่อฮง ก่อนจะพูดต่ออีกว่า..

    “ เพราะ ฉันรู้ว่านายไม่กล้าทำหรอก ” ตอนนี้เซียนซีกับจื่อฮงอยู่ใกล้กันมาก จื่อฮงจึงต้องรีบดันตัวอีกฝ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นคงได้เขินตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ

    “ อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า นายรีบไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ วันนี้เป็นวันเสาร์เดี๋ยวฉันจะพานายไปเลี้ยงไอติมแล้วกัน ”

    “ ว้าว! เยี่ยมเลย แต่ช่วงนี้ทำไมนายใจดีจัง นี้ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย ”

    “ อย่าพูดมาก! ” จื่อฮงหันมาทำหน้าดุและทำเสียงเขียวใส่เซียนซี ก่อนจะพูดต่ออีกประโยคด้วยน้ำเสียงปกติ ที่จื่อฮงมีอารมณ์แปรปรวนง่ายแบบนี้ เป็นเพราะเซียนซีทำให้เขาเขินอีกแล้ว

    “ พูดมากเดี๋ยวไม่พาไปนะจ๊ะ ที่รัก ” จื่อฮงพูดเสร็จก็หยิบผ้าขนหนูไปก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ทิ้งให้เซียนซีขมวดคิ้วงงอยู่กับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของอีกฝ่าย

    “ อะไรกันเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ”

     

    กว่าที่พวกเขาทั้งสองคนจะอาบน้ำแต่งตัวและทานอาหารเช้าเสร็จก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าๆ แล้ว พวกเขาจึงออกเดินทางไปยังร้านไอศครีมที่ตั้งใจจะไปกันตั้งแต่เมื่อวานทันที หลังจากที่เดินทางไปได้สักพัก ทั้งคู่ก็ถึงร้านไอศครีมและเมื่อพวกเขามาถึงที่ร้าน พวกเขาก็ผลักประตูร้านแล้วเข้าไปเลือกที่นั่งทันที

    ร้านไอศกรีมที่จื่อฮงพามาเป็นร้านไอศครีมเล็กๆ ที่ตอนนี้ยังมีลูกค้ามาใช้บริการไม่มากนัก เพราะยังเป็นช่วงเช้าอยู่ ผนังของร้านเป็นสีชมพูสลับขาวซึ่งเป็นลายทางแนวตั้ง โซฟาที่ใช้สำหรับรับแขกเป็นสีแดงเชอร์รี่ ส่วนโต๊ะที่ใช้สำหรับวางอาหารและเครื่องดื่มให้ลูกค้าเป็นสีขาวสะอาด

    “ นายจะสั่งอะไรหรอ? ” จื่อฮงถามขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงตรงโต๊ะริมหน้าต่างของร้าน

    “ ฉันจะสั่งไอศครีมรสช็อกโกแลตแล้วกัน นายล่ะจะสั่งอะไร?

    “ ฉันจะสั่งรสคุกกี้แอนด์ครีม

    “ โอเคๆ ”

    หลังจากที่ทั้งคู่เลือกได้แล้วว่าจะสั่งอะไร พนักงานของร้านก็เข้ามาจดรายการอาหารไปทันที แล้วหลังจากนั้นไม่นานไอศครีมที่พวกเขาสั่งก็มาเสิร์ฟ

    “ ว้าว! ของนายน่ากินจังเลย ” เซียนซีอุทานขึ้นหลังจากที่เห็นไอศครีมรสคุกกี้แอนด์ครีมถ้วยใหญ่ของจื่อฮงที่มีท็อปปิ้งเป็นโอริโอ้ วิปครีมสีขาวและวอฟเฟิล

    “ ของนายก็น่ากินเหมือนกันนะ ” จื่อฮงตอบ แล้วมองไปยังไอศครีมรสช็อกโกแลตของเซียนซีที่ถูกประดับด้วย วิปครีมสีขาวดูละมุนน่าทานมากแถมยังมีกล้วยที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ และสุดท้ายทุกอย่างก็ถูกราดด้วยซอสช็อกโกแลตอีกที

    “ แต่ฉันอยากกินของนายมากกว่า ” เซียนซีพูดพลางหยิบช้อนขึ้นมาแล้วทำท่าจะเข้าไปตักไอศครีมของจื่อฮงมาลองชิม จื่อฮงจึงยกถ้วยไอศครีมหนีแล้วก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เซียนซีประมาณว่า ประมาณว่าฉันไม่ยอมให้นายกินไอศครีมของฉันหรอก’ 

                 เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว เซียนซีก็ยู่ปากแกล้งทำหน้างอนใส่อีกฝ่าย จื่อฮงจึงวางถ้วยไอศครีมลงแล้วตักไอศครีมออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า..

    “ ถ้านายอยากกินล่ะก็.. ฉันจะเป็นคนป้อนให้เอง ” จื่อฮงพูดขึ้นก่อนจะชูช้อนที่ตักไอศครีมอยู่ขึ้นมาป้อนเซียนซี การกระทำของจื่อฮงทำให้เซียนซีใจเต้นอย่างแรง เพราะเขาไม่เคยเห็นจื่อฮงในโหมดน่ารัก อ่อนโยนแบบนี้เลย จนบางทีมันก็ทำให้เขาเดาใจอีกฝ่ายไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาคิดยังไงกับตัวเองกันแน่

    “ เป็นไง ไอศครีมอร่อยไหม? ” จื่อฮงถาม

    “ อร่อยหรือไม่อร่อยมันไม่สำคัญหรอก เพราะถ้าเป็นนายป้อน ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันก็อร่อยไปหมดนั้นแหละ ”

    คำพูดของเซียนซีทำเอาจื่อฮงยิ้มกว้างไม่ยอมหยุด แล้วหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็กินไอศครีมกันต่ออย่างเอร็ดอร่อยโดยมีแสงแดดอุ่นๆ ในยามสายของวันนี้ส่องเข้ามาในร้านซึ่งทำให้แอร์ในร้านไม่หนาวจนเกินไป

                “ จื่อฮง เรามาถ่ายรูปคู่กันสักรูปดีไหม ” เซียนซีพูดขึ้นในระหว่างที่พวกเขากำลังกินไอศครีม

                “ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย จะถ่ายไปทำไม ” จื่อฮงตอบ

    “ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ได้เป็นแล้ว ” เซียนซีตอบอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่สดใส ทำให้อีกฝ่ายใจเต้นแรงไม่เบา จนจื่ฮงต้องเบือนหน้าหนีแล้วพูดในใจคนเดียวว่า ถ้านายชอบฉันก็รีบบอกมาเร็วๆ สิ จะมัวลีลาอยู่ทำไมหรือว่าจริงๆ แล้ว นายไม่ได้คิดอะไรกับฉันแต่แค่คุยเพื่อแก้เหงา

    “ ว่างไงจะถ่ายไหม? ” เซียนซีถามย้ำอีกรอบ

    “ ถ่ายก็ได้ ”

    เมื่อพูดจบเซียนซีที่เดิมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจื่อฮงก็ย้ายตัวเองให้ไปนั่งข้างๆ จื่อฮงแทน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูป

    แชะ !

    เซียนซีกดถ่ายภาพในทันทีที่ตั้งท่าที่เหมาะสมในการถ่ายรูปได้ ซึ่งในรูปเซียนซีนั่งโอบไหล่จื่อฮงอยู่และฉากหลังก็เป็นวอลเปเปอร์ลายทางแนวตั้งสีชมพูสลับขาวซึ่งเป็นสีผนังอันหวานแหววของร้าน

    . . . . . . . . . . . . . . .


    หลังจากที่วันหยุดสุดสัปดาห์อย่างวันเสาร์ อาทิตย์ ผ่านไปก็ได้เวลาที่ต้องมาเรียนตามปกติแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนการมาโรงเรียนคงเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมากสำหรับจื่อฮง แต่ตอนนี้ไม่ว่ามันจะน่าเบื่อแค่ไหน มันก็ไม่สามารถมารบกวนจิตใจของเขาได้อีก เพราะตอนนี้ในใจของเขาคิดถึงแต่เซียนซีจนแทบไม่มีเวลาหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ที่ไร้สาระเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเป็น

    จื่ฮงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาของห้องสมุดที่แขวนอยู่บนผนังซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว

    “ ทำไมยังไม่มาอีกนะ ไหนบอกจะมาตอนสี่โมงตรง นี้ก็เลยไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ”

    ครืน.. ครืน.. เสียงท้องฟ้าคำรามแบบนี้คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากฝนคงตกอีกแล้ว

    ในทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของจื่อฮงดังขึ้นพอดี จื่อฮงจึงรีบสไลด์หน้าจอโทรศัพท์เพื่ออ่านข้อความที่ส่งมาหาเขา และเมื่อลองเข้าไปดูก็พบว่าคนที่ส่งข้อความมาหาเขาคือเซียนซี

                เซียนซี : ยังไม่เลิกเรียนเลยอ่ะ นายอยู่ไหน?

    จื่อฮง    : ฉันรอนายอยู่ที่ห้องสมุด

    เซียนซี : นายรีบหรือเปล่า ถ้ารีบเดี๋ยวฉันจะลงไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ

    จื่อฮง    : จะโดดเรียนมาหรอ?

    เซียนซี : ก็คงต้องเป็นแบบนั้น

    จื่อฮง    : อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด การเรียนเป็นสิ่งสำคัญ นายควรให้ความสำคัญกับมันมากกว่ามาหาฉัน

    เซียนซี : แต่สำหรับฉันแล้วนายสำคัญที่สุดนะ รู้ตัวไหม?

                จื่อฮงเห็นข้อความที่เซียนซีส่งมาก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ ช่วงนี้เขาหยอดคำหวานใส่ตลอดจนจื่อฮงใจเต้นไม่หยุดแล้ว จื่อฮงไม่ได้ตอบอะไรเซียนซีแต่ส่งอิโมชั่นรูปยิ้มกลับไปแทนคำตอบ

                ครืน.. ครืน.. เสียงฟ้าคำรามรอบที่สองดังขึ้น และทันใดนั้นเองฝนก็ตกลงมาทันที

    จื่อฮง    : ฝนตกแล้ว ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ ไว้วันหลังค่อยเจอกันก็ได้ ถ้าฝนตกหนักจะกลับบ้านลำบาก

    จื่อฮงส่งข้อความกลับไปหาเซียนซี ซึ่งเซียนซีได้กดอ่านข้อความเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ตอบกลับทันที ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่ช่างเถอะคนเราก็ต้องมีธุระกันบ้างจะมาให้ตอบแชทเร็วทันใจตลอดเวลาคงไม่ได้หรอก

    จื่อฮงเก็บของลงกระเป๋าและออกจากห้องสมุดเพื่อที่จะกลับบ้าน ถึงแม้ใจจริงเขาจะยังไม่อยากกลับเพราะยังไม่ได้เจอเซียนซีตามที่นัดไว้ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ถ้าฝนตกหนักมากไปกว่านี้คงต้องรออีกนาน เพราะเวลาที่ฝนตกหนักจริงๆ แม้แต่ร่มก็ช่วยบังฝนไม่ได้หรอก

    จื่อฮงกางร่มของตนเองออกแล้วก็ยกขึ้นมาบังฝนก่อนจะเดินออกไปจากอาคารเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ต้องหยุดชะงักในทันที เพราะมีมือของใครบางคนเข้ามาจับที่ข้อมือของเขาเอาไว้

    “ เซียนซี ” จื่อฮงหันไปมองคนที่เข้ามาจับข้อมือของเขา โดยที่ตนเองมีท่าทางตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ เซียนซีโผล่มา

    “ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว โชคดีจริงๆ ” เซียนซีพูด ขณะยกมือขึ้นเสยผมของตนเองที่เปียกชื้นจากการถูกฝนสาดให้ขึ้นไปด้านบนทำให้เขาดูเท่ไม่เบาเลยทีเดียว

    “ นายมาได้ยังไง เลิกเรียนแล้วหรอ ”

    “ ใช่เลิกแล้ว อาจารย์ปล่อยช้าชะมัด แต่ช่างเถอะ เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก เพราะฉันมีเรื่องสำคัญกว่าต้องบอกนาย ” เซียนซีพูดด้วยท่าทางจริงจังอย่างที่จื่อฮงไม่เคยเห็นมาก่อน การที่คนขี้เล่นแบบเขาจะมาพูดจาจริงจังแบบนี้มันเป็นภาพที่หาดูได้ยากเลยที่เดียว

    “ เข้ามาในร่มก่อนเถอะ เดี๋ยวเปียกแล้วจะไม่สบาย ” จื่อฮงเอามือตนเองโอบเอวเซียนซีแล้วดึงอีกฝ่ายให้เข้ามาอยู่ใต้ร่ม ซึ่งส่งผลให้ทั้งใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันมากขึ้น และแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็จ้องตากัน อย่างกับว่าต้องการจะสื่อความในใจผ่านสายตาไปเสียอย่างนั้น

    “ จื่อฮง ฉัน.. ” เซียนซีพูดขึ้นในขณะที่เขากำลังสบตากับจื่อฮง

    “ ฉัน.. ฉัน.. ชอบ.. ” เซียนซีพยายามที่จะพูดประโยคนั้นออกมา แต่แล้วเขาก็ได้แต่อ้ำอึ้ง

    ทำให้จื่อฮงขมวดคิ้วสงสัยกับประโยคที่แสนตะกุกตะกักของอีกฝ่าย

    เปรี้ยง! และแล้วในตอนนั้นเองเสียงสายฟ้าฟาดจากเบื้องบนก็ดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ ซึ่งเสียงดังที่เกิดขึ้นจากฟ้าผ่าส่งผลให้จื่อฮงตกใจกลัวอย่างแรงจนเผลอเข้าไปกระโดดกอดเซียนซีโดยไม่รู้ตัว แล้วในเวลานั้นเอง เซียนซีก็ได้โอกาสที่จะบอกความในใจกับจื่อฮง

     “ ฉันชอบ.. นาย ” เซียนซีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทำให้จื่อฮงที่เพิ่งกระโดดกอดเซียนซีไปเมื่อครู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย โดยที่ดวงตากลมโตใสแจ๋วของจื่อฮงยังมีความสับสนอยู่ในนั้น

    “ นาย ว่ายังไงนะ ? ” จื่อฮงถามซ้ำ เพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน

    “ ฉันจะพูดให้ฟังชัดๆ อีกครั้งนะ ฉันชอบนาย ” เซียนซีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วยิ้มหวานๆ ให้อีกฝ่าย ทำให้จื่อฮงหลุดยิ้มออกมาจนไม่สามารถหยุดได้ จนต้องเบือนหน้าหนีอีกตามเคย แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้จะเบือนหน้าหนีไปเฉยๆ เหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว เพราะจื่อฮงเองก็มีสิ่งที่อยากจะบอกกับเซียนซีเช่นกัน

    จื่อฮงเงยหน้าขึ้นมามองเซียนซีที่กำลังส่งสายตาหวานๆ ให้กับเขาอยู่ แล้วพูดว่า

     “ ฉัน.. ฉันก็ชอบนายเหมือนกัน เซียนซี ” จื่อฮงพูดประโยคนั้นออกไปด้วยความเขินอายอย่างที่สุด จนทำให้เขาปล่อยร่มที่ถืออยู่ในมือหล่นลงพื้น ซึ่งส่งผลให้ละอองฝนที่ตกลงมาจากเบื้องบนสาดใส่ร่างกายของเขาอย่างเต็มที แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเซียนซีดึงร่างของจื่อฮงเข้าไปกอดหน้าตาเฉย

    ทั้งสองคนกอดกันภายใต้ละอองฝนที่ตกลงมา ซึ่งละอองฝนดูคล้ายกับเกล็ดหิมะที่ลอยล่องอยู่ในอากาศ ทั้งเซียนซีและจื่อฮงกอดกันแนบชิดจนเหมือนจะร่วมร่างกันได้ และในช่วงที่ทั้งสองคนกำลังกอดกันอยู่นั้นเอง ใบหน้าของเซียนซีที่กำลังซบอยู่กับร่างของจื่อฮงก็เลื่อนไปประกบที่ริมฝีปากของจื่อฮงอย่างเบาๆ ริมฝีปากของเซียนซีและจื่อฮงแตะกันเพียงแวบเดียว ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะผละเอาจากกันโดยอัตโนมัติ

    จื่อฮงมองเซียนซีด้วยใบหน้าที่ตกใจนิดๆ กับการกระทำของอีกฝ่ายเมื่อครู่ ถึงมันจะเป็นแค่จูบที่เอาปากแตะกันเพียงแวบเดียวแต่มันก็ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวได้ไม่น้อยเลย

    “ กลับบ้านกันเถอะนะ ” เซียนซีหยิบร่มที่จื่อฮงทำตกพื้นขึ้นมา แล้วชูขึ้นเพื่อบังฝนให้กับตนเองและจื่อฮง ก่อนจะจูงมือของจื่อฮงให้เดินกลับบ้านด้วยกันโดยมีสายฝนที่ตกปรอยๆ เป็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามอยู่เบื้องหน้า


    THE END.

                O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×