ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลองแต่งเล่นๆ เลยยังไม่มีชื่อเรื่อง

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 56





    เฟิร์สๆ นายดูเสื้อฉันสิ เท่ใช่ไหมล่ะชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับเดินอวดเสื้อตัวใหม่ของตัวเองไปมา

    เสื้ออ่ะเท่แต่พอนายใส่แล้วมันทุเรศว่ะชายหนุ่มฝ่ายถูกถามตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล ฉันแนะนำนะนายควรจะเอาเสื้อตัวนั้นไปขายซะ แล้วนายก็ไปหาเสื้อถูกๆมาใส่ก็พอแหล่ะเพราะถึงนายจะใส่เสื้อเท่ขนาดไหนอ่ะนะ ก็ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเค้ามาสนใจนายหรอกว่ะ  

    ชิ    ใครจะไปเหมือนนายล่ะขนาดใส่แค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ก็ยังมีสาวๆมาตามจีบกันให้ตรึมชายหนุ่มฝ่ายเริ่มถามบ่นโดยใช้น้ำเสียงเชิงน้อยใจ

    ฮ่าฮ่า  ฉันบอกอะไรให้นะ ถ้าฉันไม่ใส่ไรเลยจะมีสาวๆมาตามจีบเยอะกว่านี้อีก  แต่ถ้าเป็นนายอ่ะนะคงจะมีแต่คนวิ่งหนีว่ะ เฟิร์สพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วยทำให้อีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจ

    นายนี่ชอบทำพูดจายียวนกวนปราสาททำให้ฉันอารมณ์เสียได้ทุกทีเลยนะ  ถ้าไม่ติดที่นายเก่งกว่าฉันล่ะก็นะ ฉันจะซัดนายให้มอบเลย คอยดู!!”เขาพูดพร้อมกับเชิดหน้าไปทางอื่นทำให้เฟริส์รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มอารมณ์เสียแล้ว

                เฟิร์สค่อยๆเดินเข้ามาหาชายหนุ่มอีกฝ่ายพร้อมกับเอามือลูบหัวเขาเบาๆ “โอ๋ๆ อย่าอารมณ์เสียไปเลยนะฟาส  ความจริงนายก็สามารถเอาชนะฉันได้นะ” เฟิร์สเริ่มปลอบโยนอีกฝ่ายด้วยการให้กำลังใจทำให้ชายหนุ่มอีกฝ่ายที่ชื่อฟาสเริ่มอารมณ์ดีขึ้น

    “ถ้าตอนนั้นฉันหลับอยู่อ่ะนะ”เฟิร์สพูดเสริมโดยเปลี่ยนน้ำเสียงจากเห็นใจมาเป็นดูถูก

                ปึก... ฟาสปัดแขนขอเฟิร์สออกจากหัวด้วยแรงสุดตัวของเขา “ฉันไม่น่าหลงดีใจที่นายมาปลอบเลยอ่ะ ฉันก็น่าจะรู้ว่านายก็ทำอย่างนี้กับฉันเป็นประจำ”ฟาสกลับมาอารมณ์เสียอีกครั้ง “ต่อไปนี้ฉันจะไม่คุยกับนายอีกต่อไปแล้ว...   จำไว้!!”  ฟาสเดินจากไปทันทีหลังจากพูดจบส่วนเฟิรส์ก็กลับไปนั่งที่นั่งของเขาเหมือนเดิม

    “เฮ้ออายุตั้ง 16 แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย”เฟิร์สบ่นพึมพำกับตัวเอง

    “แล้วมาใช่เพราะนายรึไงที่ทำให้ฟาสเป้นแบบนั้นน่ะ”ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นหลังจากนั่งฟังเฟิร์สกับฟาสคุยกันและได้ยินที่เฟิร์สบ่น

    “นี่ฉันฝันไปหรือป่าวเนี่ย!? อยู่ดีๆนายก็พูดขึ้นมาเองเนี่ยนะ!” เฟิร์สพูดเหน็บชายหนุ่มอีกฝ่าย “ฉันสารภาพเลยนะตั้งแต่ที่ฉันได้อยู่กับนายมาฉันคิดว่านายเป็นต้นไม้ที่พูดไม่ซะอีก เล่นไม่ยอมพูดจงพูดจาอะไรเลย นี่ถ้าเป็นหนักกว่านี้อีกเนี่ยนะฉันจะยื่นเรื่องให้กินเนสบุ๊คส์พิจรณาให้นายเป็นมนุษย์ที่พูดน้อยที่สุดบนโลกนี้เล้ย”เฟิร์สพูดพร้อมกับทำหน้าทำตาอย่างจริงจังและพูดอีกเล็กน้อยว่า “เหมาะสมกับชื่อคามของนายจริงๆเลย”

    “ถ้ามันเป็นเรื่องไร้สาระก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วทคี่ฉัยจะไม่พูดแต่ถ้าเป็นเรื่องท่สำคัญอย่างเช่นเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนแล้วละก็ฉันก็จำเป็นที่จะต้องพูด”คาม ชายหนุ่มที่ถูกหาว่าเป้เนต้นไม้พูดอย่างมีสาระ แล้วลงมือถักผ้านิตติ้งของตัวเองต่อไป

    “ฮั้ว  ฟังนายบ่นแล้วฉันรำคาญจริงๆเลย  ฉันน่าจะไปช่วยเอ็กซ์หาอาหารมากินมื้อค่ำนี้ตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงนั่งฟังคนพูดคนบ่นอยู่อย่างนี้”เฟิร์สพูดพร้อมเดินจากไปจากบริเวณที่พวกเขากางเต้นท์และเดินมุ่งหน้าเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว

    หลังจากที่ฟาสเดินหนีเฟิร์สออกมาแล้วเขาได้มุ่งหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่กำลังผ่าฝืนอยู่ริมมาน้ำ

    “นอร์ๆ  นายดูเสื้อฉันสิ เท่ใช่ไหมล่ะ” ฟาสยังไม่ลืมที่จะอวดเสื้อของเขากับ ‘นอร์เหมือนที่ทำกับเฟิร์ส

    “อืม  เท่มากเลยล่ะ”นอร์กล่าวคำชมแบบฝืนๆเพราะเขารู้ดีว่าการที่ฟาสเดินมาหาเขาแบบนี้แสดงว่าพึงทะเลาะกับเฟิร์สมาแน่ เขาจึงต้องฝืนโกหกเพื่อให้ฟาสสบายใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเสื้อแจ๊กเก๊ตเท่ๆตัวนั้นช่างไม่เหมาะกับหน้าตาน่ารักๆ แสนอ่อนโยนของฟาสเอาซะเลย

    “ฉันว่าแล้ว!! ว่านายจะต้องคิดเหมือนฉันแน่ๆเลย ถ้ารู้อยากนี้นะฉันมาถามนายตั้งแต่แรกก็ดีไม่น่าไปถามเฟิร์สก่อนให้เสียอารมณ์เบย”   ด้วยคำชมของนอร์ทำให้ฟาสยิ้มจนหุบปากไม่ได้ทำให้คำที่อยากพูดว่า เลยเป็น เบย โดยไม่ได้ตั้งใจ   “เดี๋ยวฉันของเอาเสื้อไปเก็บก่อนนะแล้วจะมาช่วยนายผ่าฝืน” หลังจากหุบยิ้มได้แล้วฟาสจึงกลับมาพูดได้เหมือนปกติ

           “อืม”  นอร์ตอบ

     

    ซู่  ซู่ ...   เสียงเปลวไฟดังขึ้นเป็นระยะๆ ไอของเปลวไฟค่อยๆลอยไปในอากาศอย่างช้าๆพร้อมกับเศษเธาธุลีของควันไฟ ดวงอาทิตย์ที่เคยสว่างสดใสเริ่มถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์ ก้อนเมฆสีขาวๆที่เคยลองละล่องไปมาเริ่มถูกเงาดำปกคลุมจนมองไม่เห็น ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสเริ่มมืดมิด บ่งบอกว่าทิวากาลของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว

    “เฟิร์สๆ  ตี่นได้แล้ว พระอาทิตย์ตกดินแล้วนะยังจะมานอนอยู่อีก ” ฟาร์ลงมือปลุกเฟิร์สที่กำลังหลับอย่างสบายด้วยการเข้าไปเรียกและจับแขนเขาแล้วเขย่าเบาๆทำให้เฟิร์สลืมตาขึ้น    
     “โอ๊ยยย   ฉันยังง่วงอยู่เลยของนอนต่ออีกหน่อยนะ” เฟิร์สปฏิเสธคำพูดและการกระทำของฟาสแล้วหลับตานอนต่อ

    “ถ้านายยังนอนต่อ แนจะให้คามเป็นคนมาปลุกนายนะ”ฟาสเริ่มอ้างถึงบุคคลที่สามเพื่อทำให้เฟิร์สตื่น

    “ยะ อย่านะนายอย่าเรียกคามมาปลูกฉันนะ ฉันขี้เกียจฟังมันบ่น” เฟิร์สพูดอย่างสะลืมสะลือก่อนจะยกหัวออกมาจากหมอนที่นอนอยู่

    “นายคิดได้อย่างนั้นก็ดีฉันจะได้ไม่ต้องไปเรียกคามมา”ฟาสพูดและคิดในใจว่า ‘ถ้าเฟิร์สยังคงคิดจะนอนต่อไปล่ะก็ เขาก็ไม่ถ่อสังขารแบกร่างกายของเขาไปเรียกคามมาหรอกปล่อยให้นอนต่อไปแล้วให้คามมาบ่นเองดีกว่างั้นฉันไปช่วยนอร์เตรียมอาหารเช้าก่อนนะ รีบๆตามไปก็แล้วกัน” ฟาสพูดกับเฟิร์สเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไป

     ฟาร์ นอร์ คาม และ เอ็กซ์ ทุกคนต่างนั่งพร้อมหน้ากันอยู่หน้ากองไฟด้วยท่วงท่าที่พร้อมจะเขมือบอาหารที่อยู่ตรงหน้าได้ทันที

    “โอ๊ย  ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย ทำไมเราต้องรอเจ้านั่นด้วยนะ”ฟาสที่เพิ่งกลับจากการไปปลุกเฟิร์สมาบ่นพร้อมเอือมมือไปหยิบอาหารที่อยู่ตรงหน้า

    เพียะ... เสียงตบเบาๆดังขึ้นหนึ่งทีแสดงถึงการที่มีคนทำความผิด

    “นายจะยังกินตอนนี้ไม่ได้”เอ็กซ์พูดขึ้นหลังจากเห็นฟาสกำลังจะหยิบอาหารเข้าปากของตัวเอง

    ก็ฉันหิวง่ะ   ขอกินหน่อยเถ๊อะ”    ฟาสที่ผิดหวังจากการที่ไม่ได้กินข้าวเริ่มใช้วิธีออดอ้อนออเซาะเอ็กซ์เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหาร

    ไม่ได้เอ็กซ์ตอบโดยใช้น้ำเสียงเย็นชาราวกับพายุหิมะที่เกิดขึ้นกลางขั้วโลกเหนือ  “พวกเราทุกคนต้องกินข้าวพร้อมกัน

    อาบน้ำพร้อมกัน นอนพร้อมกัน ตื่นพร้อมกัน ออกเดินทางพร้อมกัน ท่องกฎบัญญัติทั้ง  10 ข้อพร้อมกะ……… 

    โธ่ๆ  คุณมนุษย์น้ำแข็ง พูดจายาวเหยียดซะขนาดนี้คิดจะให้พวกเราแข็งตายหรือไงห่ะ เฟิร์ส  ที่เดินมาถึงกองไฟได้ยังไม่ทันจะดิบดีพูดเหน็บแนมเอ็กซ์ในขณะที่ยังยืนอยู่และไม่ลืมที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า ‘มนุษย์น้ำแข็ง’ หรือก็คือฉายาที่เขาตั้งให้เอ็กซ์นั่นเอง

     “เฟิร์ส!” ฟาสตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียงด้วยความดีใจ “หายหัวไปไหนมาเนี่ย ฉันรอนายจนจะหิวตายแล้วอยู่แล้ว”

    “นายก็รู้นิว่าฉันมีครีมที่ต้องทาเกือบชนิดแล้วไหนจะต้องฉีดน้ำหอมให้ชโลมทั่วทุกส่วนของร่างกายอีกมันก็ต้องใช้เวลานานเป็นธรรมดา” เฟิร์สพูกโดยทำท่าทางประกอบประมาณว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่คนอื่นก็ทำกัน

    “ฉันเหม็นกลิ่นน้ำหอมของนายจนจะกลัวแล้วเนี่ย ฉีดมาได้ไงเยอะขนาดนี้ ไอ้บะ......”

    “ถ้ารู้ว่าต้องใช้เวลานานก็ควรจะรีบตื่นให้เร็วกว่านี้สิ” ยังไม่ทันทีฟาสจะพูดจบคามก็พูดขึ้นมาเพื่อหยุดการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายและด้วยความที่เขาเป็นคุยไม่ค่อยพูดด้วยแล้วทำให้ทุกคนรอบกองไฟหันมาให้ความสนใจคามแทน

    “ถูกต้องเลยคาม ฉันตั้งใจจะบอกกับเฟิร์สแบบนั้นอยู่พอดี” ฟาสรีบกลับลำเปบี่ยนคำพูดของตัวเองโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการพูดว่าอะไร

    เฟริสทำสีหน้าเชิงขี้เกียจอธิบายพร้อมบอกว่า “ถ้าฉันตื่นเร็วได้ฉันก็คงจะตื่นเร็วไปแล้วล่ะ ร่ายกายและหน้าตาของฉันต้องได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอจะให้มานอนวันละ 5-6 ชม. ได้ไงเหล่า!!” เฟริสเริ่มออกอาการโวยวายโดยใช้ สาเหตุของความหล่อเป็นข้ออ้าง

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×