คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
“เฟิร์สๆ นายดูเสื้อฉันสิ เท่ใช่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับเดินอวดเสื้อตัวใหม่ของตัวเองไปมา
“เสื้ออ่ะเท่แต่พอนายใส่แล้วมันทุเรศว่ะ” ชายหนุ่มฝ่ายถูกถามตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล “ฉันแนะนำนะนายควรจะเอาเสื้อตัวนั้นไปขายซะ แล้วนายก็ไปหาเสื้อถูกๆมาใส่ก็พอแหล่ะเพราะถึงนายจะใส่เสื้อเท่ขนาดไหนอ่ะนะ ก็ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเค้ามาสนใจนายหรอกว่ะ”
“ชิ ใครจะไปเหมือนนายล่ะขนาดใส่แค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ก็ยังมีสาวๆมาตามจีบกันให้ตรึม”ชายหนุ่มฝ่ายเริ่มถามบ่นโดยใช้น้ำเสียงเชิงน้อยใจ
“ฮ่าฮ่า ฉันบอกอะไรให้นะ ถ้าฉันไม่ใส่ไรเลยจะมีสาวๆมาตามจีบเยอะกว่านี้อีก แต่ถ้าเป็นนายอ่ะนะคงจะมีแต่คนวิ่งหนีว่ะ ”เฟิร์สพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วยทำให้อีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจ
“นายนี่ชอบทำพูดจายียวนกวนปราสาททำให้ฉันอารมณ์เสียได้ทุกทีเลยนะ ถ้าไม่ติดที่นายเก่งกว่าฉันล่ะก็นะ ฉันจะซัดนายให้มอบเลย คอยดู!!”เขาพูดพร้อมกับเชิดหน้าไปทางอื่นทำให้เฟริส์รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มอารมณ์เสียแล้ว
เฟิร์สค่อยๆเดินเข้ามาหาชายหนุ่มอีกฝ่ายพร้อมกับเอามือลูบหัวเขาเบาๆ “โอ๋ๆ อย่าอารมณ์เสียไปเลยนะฟาส ความจริงนายก็สามารถเอาชนะฉันได้นะ” เฟิร์สเริ่มปลอบโยนอีกฝ่ายด้วยการให้กำลังใจทำให้ชายหนุ่มอีกฝ่ายที่ชื่อ ‘ฟาส’ เริ่มอารมณ์ดีขึ้น
“ถ้าตอนนั้นฉันหลับอยู่อ่ะนะ”เฟิร์สพูดเสริมโดยเปลี่ยนน้ำเสียงจากเห็นใจมาเป็นดูถูก
ปึก... ฟาสปัดแขนขอเฟิร์สออกจากหัวด้วยแรงสุดตัวของเขา “ฉันไม่น่าหลงดีใจที่นายมาปลอบเลยอ่ะ ฉันก็น่าจะรู้ว่านายก็ทำอย่างนี้กับฉันเป็นประจำ”ฟาสกลับมาอารมณ์เสียอีกครั้ง “ต่อไปนี้ฉันจะไม่คุยกับนายอีกต่อไปแล้ว... จำไว้!!” ฟาสเดินจากไปทันทีหลังจากพูดจบส่วนเฟิรส์ก็กลับไปนั่งที่นั่งของเขาเหมือนเดิม
“เฮ้ออายุตั้ง 16 แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย”เฟิร์สบ่นพึมพำกับตัวเอง
“แล้วมาใช่เพราะนายรึไงที่ทำให้ฟาสเป้นแบบนั้นน่ะ”ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นหลังจากนั่งฟังเฟิร์สกับฟาสคุยกันและได้ยินที่เฟิร์สบ่น
“นี่ฉันฝันไปหรือป่าวเนี่ย!? อยู่ดีๆนายก็พูดขึ้นมาเองเนี่ยนะ!” เฟิร์สพูดเหน็บชายหนุ่มอีกฝ่าย “ฉันสารภาพเลยนะตั้งแต่ที่ฉันได้อยู่กับนายมาฉันคิดว่านายเป็น ’ต้นไม้’ ที่พูดไม่ซะอีก เล่นไม่ยอมพูดจงพูดจาอะไรเลย นี่ถ้าเป็นหนักกว่านี้อีกเนี่ยนะฉันจะยื่นเรื่องให้กินเนสบุ๊คส์พิจรณาให้นายเป็นมนุษย์ที่พูดน้อยที่สุดบนโลกนี้เล้ย”เฟิร์สพูดพร้อมกับทำหน้าทำตาอย่างจริงจังและพูดอีกเล็กน้อยว่า “เหมาะสมกับชื่อ’คาม’ของนายจริงๆเลย”
“ถ้ามันเป็นเรื่องไร้สาระก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วทคี่ฉัยจะไม่พูดแต่ถ้าเป็นเรื่องท่สำคัญอย่างเช่นเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนแล้วละก็ฉันก็จำเป็นที่จะต้องพูด”คาม ชายหนุ่มที่ถูกหาว่าเป้เนต้นไม้พูดอย่างมีสาระ แล้วลงมือถักผ้านิตติ้งของตัวเองต่อไป
“ฮั้ว ฟังนายบ่นแล้วฉันรำคาญจริงๆเลย ฉันน่าจะไปช่วยเอ็กซ์หาอาหารมากินมื้อค่ำนี้ตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงนั่งฟังคนพูดคนบ่นอยู่อย่างนี้”เฟิร์สพูดพร้อมเดินจากไปจากบริเวณที่พวกเขากางเต้นท์และเดินมุ่งหน้าเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ฟาสเดินหนีเฟิร์สออกมาแล้วเขาได้มุ่งหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่กำลังผ่าฝืนอยู่ริมมาน้ำ
“นอร์ๆ นายดูเสื้อฉันสิ เท่ใช่ไหมล่ะ” ฟาสยังไม่ลืมที่จะอวดเสื้อของเขากับ ‘นอร์’ เหมือนที่ทำกับเฟิร์ส
“อืม เท่มากเลยล่ะ”นอร์กล่าวคำชมแบบฝืนๆเพราะเขารู้ดีว่าการที่ฟาสเดินมาหาเขาแบบนี้แสดงว่าพึงทะเลาะกับเฟิร์สมาแน่ เขาจึงต้องฝืนโกหกเพื่อให้ฟาสสบายใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเสื้อแจ๊กเก๊ตเท่ๆตัวนั้นช่างไม่เหมาะกับหน้าตาน่ารักๆ แสนอ่อนโยนของฟาสเอาซะเลย
“ฉันว่าแล้ว!! ว่านายจะต้องคิดเหมือนฉันแน่ๆเลย ถ้ารู้อยากนี้นะฉันมาถามนายตั้งแต่แรกก็ดีไม่น่าไปถามเฟิร์สก่อนให้เสียอารมณ์เบย” ด้วยคำชมของนอร์ทำให้ฟาสยิ้มจนหุบปากไม่ได้ทำให้คำที่อยากพูดว่า ‘เลย’ เป็น ‘เบย’ โดยไม่ได้ตั้งใจ “เดี๋ยวฉันของเอาเสื้อไปเก็บก่อนนะแล้วจะมาช่วยนายผ่าฝืน” หลังจากหุบยิ้มได้แล้วฟาสจึงกลับมาพูดได้เหมือนปกติ
“อืม” นอร์ตอบ
ซู่ ซู่ ... เสียงเปลวไฟดังขึ้นเป็นระยะๆ ไอของเปลวไฟค่อยๆลอยไปในอากาศอย่างช้าๆพร้อมกับเศษเธาธุลีของควันไฟ ดวงอาทิตย์ที่เคยสว่างสดใสเริ่มถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์ ก้อนเมฆสีขาวๆที่เคยลองละล่องไปมาเริ่มถูกเงาดำปกคลุมจนมองไม่เห็น ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสเริ่มมืดมิด บ่งบอกว่าทิวากาลของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว
“เฟิร์สๆ ตี่นได้แล้ว พระอาทิตย์ตกดินแล้วนะยังจะมานอนอยู่อีก ” ฟาร์ลงมือปลุกเฟิร์สที่กำลังหลับอย่างสบายด้วยการเข้าไปเรียกและจับแขนเขาแล้วเขย่าเบาๆทำให้เฟิร์สลืมตาขึ้น
“โอ๊ยยย ฉันยังง่วงอยู่เลยของนอนต่ออีกหน่อยนะ” เฟิร์สปฏิเสธคำพูดและการกระทำของฟาสแล้วหลับตานอนต่อ
“ถ้านายยังนอนต่อ แนจะให้คามเป็นคนมาปลุกนายนะ”ฟาสเริ่มอ้างถึงบุคคลที่สามเพื่อทำให้เฟิร์สตื่น
“ยะ อย่านะนายอย่าเรียกคามมาปลูกฉันนะ ฉันขี้เกียจฟังมันบ่น” เฟิร์สพูดอย่างสะลืมสะลือก่อนจะยกหัวออกมาจากหมอนที่นอนอยู่
“นายคิดได้อย่างนั้นก็ดีฉันจะได้ไม่ต้องไปเรียกคามมา”ฟาสพูดและคิดในใจว่า ‘ถ้าเฟิร์สยังคงคิดจะนอนต่อไปล่ะก็ เขาก็ไม่ถ่อสังขารแบกร่างกายของเขาไปเรียกคามมาหรอกปล่อยให้นอนต่อไปแล้วให้คามมาบ่นเองดีกว่า’ “’งั้นฉันไปช่วยนอร์เตรียมอาหารเช้าก่อนนะ รีบๆตามไปก็แล้วกัน” ฟาสพูดกับเฟิร์สเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไป
ฟาร์ นอร์ คาม และ เอ็กซ์ ทุกคนต่างนั่งพร้อมหน้ากันอยู่หน้ากองไฟด้วยท่วงท่าที่พร้อมจะเขมือบอาหารที่อยู่ตรงหน้าได้ทันที
“โอ๊ย ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย ทำไมเราต้องรอเจ้านั่นด้วยนะ”ฟาสที่เพิ่งกลับจากการไปปลุกเฟิร์สมาบ่นพร้อมเอือมมือไปหยิบอาหารที่อยู่ตรงหน้า
เพียะ... เสียงตบเบาๆดังขึ้นหนึ่งทีแสดงถึงการที่มีคนทำความผิด
“นายจะยังกินตอนนี้ไม่ได้”เอ็กซ์พูดขึ้นหลังจากเห็นฟาสกำลังจะหยิบอาหารเข้าปากของตัวเอง
“ก็ฉันหิวง่ะ ขอกินหน่อยเถ๊อะ” ฟาสที่ผิดหวังจากการที่ไม่ได้กินข้าวเริ่มใช้วิธีออดอ้อนออเซาะเอ็กซ์เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหาร
“ไม่ได้” เอ็กซ์ตอบโดยใช้น้ำเสียงเย็นชาราวกับพายุหิมะที่เกิดขึ้นกลางขั้วโลกเหนือ “พวกเราทุกคนต้องกินข้าวพร้อมกัน
อาบน้ำพร้อมกัน นอนพร้อมกัน ตื่นพร้อมกัน ออกเดินทางพร้อมกัน ท่องกฎบัญญัติทั้ง 10 ข้อพร้อมกะ……… ”
“โธ่ๆ คุณมนุษย์น้ำแข็ง พูดจายาวเหยียดซะขนาดนี้คิดจะให้พวกเราแข็งตายหรือไงห่ะ ” เฟิร์ส ที่เดินมาถึงกองไฟได้ยังไม่ทันจะดิบดีพูดเหน็บแนมเอ็กซ์ในขณะที่ยังยืนอยู่และไม่ลืมที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า ‘มนุษย์น้ำแข็ง’ หรือก็คือฉายาที่เขาตั้งให้เอ็กซ์นั่นเอง
“นายก็รู้นิว่าฉันมีครีมที่ต้องทาเกือบชนิดแล้วไหนจะต้องฉีดน้ำหอมให้ชโลมทั่วทุกส่วนของร่างกายอีกมันก็ต้องใช้เวลานานเป็นธรรมดา” เฟิร์สพูกโดยทำท่าทางประกอบประมาณว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่คนอื่นก็ทำกัน
“ฉันเหม็นกลิ่นน้ำหอมของนายจนจะกลัวแล้วเนี่ย ฉีดมาได้ไงเยอะขนาดนี้ ไอ้บะ......”
“ถ้ารู้ว่าต้องใช้เวลานานก็ควรจะรีบตื่นให้เร็วกว่านี้สิ” ยังไม่ทันทีฟาสจะพูดจบคามก็พูดขึ้นมาเพื่อหยุดการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายและด้วยความที่เขาเป็นคุยไม่ค่อยพูดด้วยแล้วทำให้ทุกคนรอบกองไฟหันมาให้ความสนใจคามแทน
“ถูกต้องเลยคาม ฉันตั้งใจจะบอกกับเฟิร์สแบบนั้นอยู่พอดี” ฟาสรีบกลับลำเปบี่ยนคำพูดของตัวเองโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการพูดว่าอะไร
เฟริสทำสีหน้าเชิงขี้เกียจอธิบายพร้อมบอกว่า “ถ้าฉันตื่นเร็วได้ฉันก็คงจะตื่นเร็วไปแล้วล่ะ ร่ายกายและหน้าตาของฉันต้องได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอจะให้มานอนวันละ 5-6 ชม. ได้ไงเหล่า!!” เฟริสเริ่มออกอาการโวยวายโดยใช้ ‘สาเหตุของความหล่อ’ เป็นข้ออ้าง
ความคิดเห็น