ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เขาวานให้ผมเป็น(คุณชายกำมะลอ) -YAOI-

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ เด็กสลัมคนหนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 54


      

    ' ก๋วยเตี๋ยวเฮียเม้ง ' ร้านอาหารและที่ฝากท้องประจำชุมชนคลองภาษีเจริญ มีลักษณะห้องแถวโทรมๆแบบ1คูหา ด้านหน้าเป็นถนนราดปูนแคบๆ แต่ถึงกระนั้นก็มีผู้สัญจรโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ขับปราดหน้าเสียงแหลมแสบแก้วหูเป็นประจำ และเฮียเม้งก็จะตะโกนแหวกผ่านอากาศให้ศีลให้พรอย่างไม่ไว้หน้าทุกรายไป

    โอย...เด็กสมัยนี้พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนเลยบ้างหรือไงวะ เฮียเม้งชายหัวล้านเลี่ยนวัยกลางคน หน้าตาดุดันเหมือนลักษณะนิสัยบ่นเสียงดังกับตัวเอง ส่วนมือก็สาละวนอยู่กับการลวกเส้นบะหมี่ เขาสะบัดแขนสองทีแรงๆเหนือหม้อร้อนควันลอยระอุอย่างรวดเร็วเพื่อสะลัดน้ำ และใช้กระบวยตักน้ำซุปใส่ชาม

    บะหมี่น้ำลูกชิ้นหมูได้แล้ว เขาบอกเสียงกระโชก สำเนียงคนจีน

    ครับเฮีย เด็กหนุ่มรุ่นกระเตาะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟละมือจากเช็ดโต๊ะลูกค้าที่เพิ่งจะลุกออกไปได้สักครู่

     โต๊ะสามนะครับ เขาบอกขณะวางชามก๋วยเตี๋ยวลงตรงหน้า หญิงสาวสวยในชุดท่อนบนสวมสายเดี่ยวนำสมัย หากท่อนล่างกลับนุ่งผ้าถุงสีน้ำตาล

    กี้จ๊ะ เลิกงานแล้วไปเที่ยวกับพี่ไหมล่ะ วันนี้หน้าปากซอยมีตลาดนัดด้วย พี่น่ะมีของที่ต้องซื้อเยอะแยะเลย แต่ไม่อยากเดินคนเดียว เหงาอ่ะ กี้ไปเป็นเพื่อนหน่อนน้า เธอคนนั้นเอ่ยชวนพลางส่งสายตาโลมเลียมายังเด็กหนุ่ม

    นายกี้ที่ใครๆเขาเรียกกัน มาจากชื่อจริง กีรติ  ตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ ไม่ล่ะครับพี่นุจ ผมยังมีงานที่อื่นอีกน่ะครับ เขารู้จักเธอเพราะเธอเป็นลูกค้าประจำมาที่สั่งบะหมี่ทานบ่อยๆ

    งานอะไรจ๊ะ นุจรี ถามด้วยความอยากรู้ มือของเธอนำขึ้นมาเท้าคาง เพื่อต้องการโปรยเสน่ห์ ก่อนยิ้มกว้างอย่างอ่อนหวานซึ่งเป็นยิ้มละลายใจบรรดาพ่อบุญทุ่มให้ซื้อพวงมาลัยราคาพวงละหลายๆพันบาทมาคล้องคอเธอขณะร้องเพลงในคาเฟ่มานักต่อนักแล้ว

     เอ่อ.....ผม

     อากี้ เฮียเม้ง ร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ จนเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงรีบหันกลับไป

    งานลื้อเสร็จแล้วหรือไงถึงได้มาจ้อกับลูกค้าน่ะ มีอะไรก็ไปทำสิ เฮียเม้งเท้าสะเอวสั่ง ก่อนส่งสายตาขวางไปยังบุคคลที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ

    ลื้อก็เหมือนกันนุจรี ไม่ต้องมาทำหน้าแป้น อากี้ยังเด็กอย่าไปทำให้ชักนำให้เด็กมันเที่ยวเล่นใจแตก

    แหมเฮีย นุจรีเบือนหน้าหนีหันไปหยิบตะเกียบเติมเครื่อง เธอพูดเสียงสูง นุจชวนเที่ยวตลาดหน่อยเดียวเองง่ะ ไม่ได้พาไปเสียผู้เสียคนที่ไหน ก็น้องกี้ออกจะหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักซะขนาดนี้นี่นา

    เออ...เอาวะ อั้วก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรลื้อ แต่อย่ามาจีบเจิบอะไรประเจิดประเจ้อในร้านอั้วอีก ที่นี่ไม่ใช่คาเฟ่ที่ทำงานลื้อ อั้วไม่ชอบ เฮียเม้งกล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง ชายคนนี้เป็นคนเถรตรง และมักพูดอะไรเป็นเหตุเป็นผล จนคนแถวนั้นยำเกรง 

    นุจรีดูดตะเกียบก่อนอย่างไม่ใส่ใจจะต่อปากต่อคำอีก แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาไปยังหนุ่มน้อยที่วิ่งวุ่นยกน้ำ รับออร์เดอร์คิดเงินลูกค้าตลอดมื้อกลางวันนั้นของเธอ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    อากี้เฮียคุยขออะไรหน่อยได้ไหม เฮียเม้งทรุดตัวลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในร้าน กอดอกมองดูเด็กหนุ่มยกเก้าอี้ในร้านเก็บขึ้นซ้อนบนโต๊ะ

    ครับ? กีรติหันไปยิ้มเล็กน้อย เดินไปหยิบไม้มากวาดพื้นไปด้วย

    อั๊วอยากให้ลื้อระวังตัวจากแม่สาวพวกนั้น เอ่อ... ชายหนุ่มเว้นระยะถอนหายใจ บรรดาหมอนวด นักร้องคาเฟ่ทั้งหลายที่มารุมเอ็นดูแกน่ะ ฉันดูแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจยังไงไม่รู้ แต่ละคนก็สวยๆทั้ง..ลื้อเองก็หนุ่มแน่นหน้าตาดี เพราะงั้นพยายามอยู่ไกลๆเอาไว้เป็นดีนะ

    อืม ผมคิดว่าเธอเหลานั้นก็ไม่มีพิษภัยอะไรนะครับ บางคนก็ใจดี กลับมาจากทำงานเห็นผมยังยืนขายพวงมาลัยอยู่ ก็อุตสาห์เอาขนมมาฝากผมเลย

    ที่ทำใจดีก็หวังแอ้มลื้อนั่นแหละ เจ้านายลงความเห็น อย่าลืมสิลื้อก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว

    ครับ 20ปีนี้

    นั่นสิ ลื้อต้องอย่าคิดอะรเป็นเด็กนา ผู้ใหญ่อย่างอั้วมองแวบเดียวก็รู้ไส้รู้พุงอีแล้ว

    ผมก็รู้ดีนะครับว่าพี่ๆบางคนเขาคิดยังไงกับผมอยู่ แต่จะไม่รับหรือทำเย็นชาใส่เขาก็ดูไม่เข้าท่า ผมเองคิดกับพวกเขาเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ ไม่หลงใหลจนเกินเลยไปมากกว่านั้นหรอกครับ

    ก็ดี...ถ้านึกได้อย่างนั้นจริงๆตามที่พูดน่ะนะ ชายหนุ่มได้แค่พูดเตือนสติเท่านั้น เพราะคงก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเด็กในร้านกว่านี้ไม่ได้ เข้าทำนองชีวิตใคร ชีวิตมัน ตัวอย่างที่ดีและไม่ดีมีให้ดูอยู่ทุกวัน เรื่องไม่ดีไม่งามมักจะเกิดขึ้นโดยความไม่ระวังและขาดการยับยั้งชั่งใจ

     เออแล้วนี่ ใกล้เปิดเทอมแล้วไม่เตรียมตัวเรียนหนังสือเหรอ

      คำถามนี้ทำให้สีหน้าของเด็กหนุ่มสลดขึ้นทันใด

    มีอะไรหรือ เฮียเม้งซักต่อเมื่อเห็นความผิดปกติ

    ผมไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยหรอกครับเฮีย   

    อ้าวเฮ้ย ทำไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ

    ผมต้องออกมาทำงาน ข้าวปุ่นน้องชายผมน่ะครับปีนี้ขึ้นป.1 ต้องเรียนหนังสือแล้ว ถ้าผมมัวแต่ห่วงทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนต่อมหาลัย คงจะไม่มีเหลือส่งให้น้องเรียนได้แน่ๆ กีรติใช้มือขยี้จมูกที่ไม่มีดั้งของตัวเองแรงๆ เลยคิดอยู่เหมือนกันว่าจะขอร้องเฮียให้จ้างผมต่อด้วยล่ะครับ

    นายจ้างเงียบไปสักพัก ก่อนหัวเราะเบาๆเหมือนว่าตนไม่ได้คิดตัดสินใจยากลำบากแม้แต่น้อย เอาเถอะร้านเฮียก็ขาดคนอยู่  ลื้อจะทำยาวไปถึงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ว่าคิดดีแล้วเหรอ เด็กเก่งอย่างลื้อน่าจะมีหนทางมากกว่านี้นะ

    ผมก็ไม่ได้เรียนเก่งหรอกครับ เรียนศิลป์คำนวน เกรดก็3กว่าๆเอง

    นั่นแหละเก่งแล้ว....อืม เอาล่ะ ถ้าลื้อจะเลือกทำงานจริงๆก็พยายามต่อไปล่ะอากี้ มีปัญหาอะไรก็มาปรึกษาอั้วได้ เรามันคนกันเองเหมือนครอบครัวนะ เฮียพูดยิ้มๆเป็นกันเอง เขาลอบถอนหายใจ ขณะมองเด็กหนุ่มหน้าหวานดวงตาตี่ๆแบบคนจีนพยักหน้ากลับมาให้ ด้วยความรู้สึกปนสงสารในชะตาชีวิตกีรติอย่างยิ่ง

    เขารู้จักกีรติมาตั้งแต่เด็กหนุ่มยังแบเบาะ เพราะกีรติเป็นชาวชุมชนนี้โดยกำเนิด ช่วปิดเทอมก็มักจะมาทำงานพิเศษช่วยล้างจานชามในร้านเพื่อหาลำไพ่ไปให้คนเป็นแม่ทุกๆครั้ง หากแม่ผู้แสนดีก็เป็นโรคติดการพนันอย่างหนัก ตัวหาบขนมขายได้เงินมาเท่าไหร่ ก็เสียในบ่อนจนแทบไม่เหลือหรอให้เป็นค่าเลี้ยงดูลูก โชคยังดีที่ผัวคนแรกมีการมีงานทำเป็นยามเฝ้าตึกสำนักงาน แต่พอทนนิสัยผลาญเงินแย่ๆของเมียไม่ไหวก็หย่าขาดเอาเสียดื้อๆ แถมทิ้งลูกที่เพิ่งจะพูดได้เอาไว้ให้แม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเลี้ยงดูกันเองอีก ช่วงแรกๆค่าใช้จ่ายไม่เยอะก็ฝากลูกให้คนอื่นเลี้ยงดู แต่พอกีรติโตขึ้นมาต้องเข้าโรงเรียนเรียนหนังสือ เธอไม่มีเงินส่งเสียจึงผลักดันให้ลูกเป็นเป็นเด็กขายพวงมาลัยส่งเสียเลี้ยงตัวเอง

     แม้จะยังเล็กแต่กีรติก็เข้มแข็งและมีจิตใจงดงามไม่มั่วสุมคลเพื่อนเลวที่รวมตัวเป็นแก๊งระรานชาวบ้านแถวๆท้ายซอย ดังนั้นเฮียเม้งที่ผ่านโลกมาเยอะจึงคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ควรจะมีโอกาสได้รับการศึกษาสูงๆเพื่ออนาคตที่ดี เพราะนโยบายบริษัททุกแห่งไม่คิดจ้างคนทำงานเงินเดือนหลายพันบาทด้วยวุฒิการศึกษาเพียงแค่จบม.6เป็นแน่ กระนั้นก็ตามจะให้คนนอกที่เป็นแค่เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวออกปากสั่งให้กีรติที่แบกภาระหนักของบ้านเอาไว้ให้เห็นแก่ตัวเรียนต่อก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ฐานะการเงินของเฮียเม้งเองก็ลำบากไม่แพ้กว่ากัน เมียก็ยังต้องทำงานโรงงานกลับดึก ส่วนลูกสาวก็กำลังจะขึ้นมัธยม จะให้เขาใจกว้างเผื่อแผ่เงินมาให้กีรติกู้เรียนอีกคนคงจะไม่ไหว แค่ช่วยเหลือจ้างงานเด็กหนุ่มต่อไปเท่านั้นก็สุดกำลังของเม้งแล้ว

    ถ้าว่ากันตามจริงเมื่อกีรติมาช่วยเฉพาะช่วงปิดเทอมอย่างก่อนหน้านี้ก็พอไหวอยู่เพราะเด็กที่ไม่ได้ไปโรงเรียนอยู่กับบ้าน เอะอะก็หิวตลอดทั้งวัน ลูกค้าจึงมีมากกว่าปกติ การได้ลูกมือมาสักคนก็แบ่งเบาภาระไปได้เยอะพอสมควร ในทางตรงข้ามถ้าเป็นวันธรรมดาอย่าเปิดเทอมแล้ว ลูกค้าจะบางตาลง การจ้างกีรติจึงเรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย แม้ว่าค่าจ้างเด็กหนุ่มจะไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือนก็ตาม แต่สำหรับครอบครัวหาเช้ากินค่ำของเม้งแล้วก็นับว่ามากพอดู แต่ด้วยความอยากจะช่วยเหลือเด็กกตัญญูและรู้การรู้งานเป็นอย่างดีเอาไว้สักคน เขาก็จะยอมทนฟังคำคัดค้านของภรรยาที่คงบ่นจนหูชาเมื่อได้รู้เรื่องที่เขาตัดสินใจโดยพลการไม่ถามความเห็นของเธอก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน          .**********************.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×