ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dragon Family The Musical

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8 :: รู้ไว้ซะ...ว่าคนๆนี้ไม่ธรรมดา ::

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 54


    8

                ภาคินขับรถเบนซ์พาเรืองฤทธิ์และศุภรุจมาเทียบหน้าคฤหาสน์ประจำตระกูลคำวิลัยศักดิ์ ก่อนที่ทั้งสามจะลงจากรถ แล้วขนของไปเก็บที่ห้องพัก นับว่าโชคดีเลยที่เดียวที่ทั้งสองพี่น้องได้มานอนห้องเดียวกัน ไม่งั้นคงจะกลุ้มใจแน่นอนถ้าเรืองฤทธิ์ได้ไปนอนกับภาคิน ; เรืองฤทธิ์สังเกตเห็นท่าทีแปลกๆของศุภรุจมาตั้งนานแล้ว เลยถามขึ้น

                “ คุณชาย ”

                “ อะไร ”

                “ พี่เป็นอะไรป้ะเนี่ย เห็นยิ้มมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว ”

                “ ก็ไม่มีอะไรนี่ ”

                ไม่มีอะไรจริงๆเหรอวะเรืองฤทธิ์แอบสบถเบาๆ และเก็บความสงสัยไว้ หลังจากที่ผู้เป็นพี่ชายยักไหล่ให้ สักพักภาคินก็เปิดประตูเข้ามา

                “ จัดห้องเสร็จยัง ”

                “ ยังเลยครับพี่โตโน่ ” ศุภรุจตอบหน้ารื่น

                “ ...!!??... >> โตโน่+ริท

                “ อะไร ”

                “ นายอายุมากกว่าฉันไม่ใช่เหรอรุจ แล้วทำไมต้องฉันว่าพี่... ”

                “ เอ้า...ให้เกียรติไงครับ ”

                พี่รุจแปลกไปจริงๆด้วย >> ริท

                “ เอาเหอะๆ เสร็จแล้วไปที่ห้องทำงานฉันก็แล้วกัน รีบๆหน่อยก็ดี ”

                ภาคินสาวเท้าออกจากห้องไปด้วยความสงสัย โดยที่เจ้าตัวหารู้ไม่ว่า ว่าที่บอดี้การ์ดอย่างศุภรุจกำลังฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์(และดูมีเสน่ห์มากพอที่กระชากใจสาวๆได้)

                ทั้งสองคนเดินไปที่ห้องทำงานของว่าที่เจ้านายอย่างภาคิน แต่ภายในกลับไม่มีใครเลย นอกจากชายร่างเล็กผิวสีน้ำผึ้ง เจ้าของตาหวานๆที่เรืองฤทธิ์เพิ่งจะสะดุดตาไปเจอเข้าให้

                “ เฮ้ย!!! ไอ้กัน...!!!

                “ เฮ้ย!!! ไอ้ริท...!!!

                เรืองฤทธิ์และนภัทรกระโจนเข้ากอดกันโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงไปเพราะความดีใจ

     

                “ ริท นายไปอยู่ไหนมา ทำไมฉันไม่เจอหน้านายเลย ” >> กัน

                “ ก็ฉันต้องไปเรียนหมอต่อที่ขอนแก่นนี่หว่า ว่าแต่นายเหอะกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ” >> ริท

                “ เรื่องมันยาวอ่ะริท เอ่อว่าแต่...นี่ใครวะ หน้าตามันคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนเลยว่ะ ” นภัทรถามเรืองฤทธิ์พลางชี้ไปที่เจ้าของร่างสูงที่นั่งข้างเรืองฤทธิ์

                “ อ้าวๆๆ ไอ้กัน ไม่เจอกัน 5-6 ปี จำฉันไม่ได้แล้วเหรอเนี่ย ” >> รุจ

                “ เฮ้ยกัน นายจำพี่ชายฉันไม่ได้แล้วเหรอ นี่พี่รุจไง พี่ศุภรุจอ้ะ ”

                “ หา!!!!! O[]O นี่พี่รุจเหรอเนี่ย!!! ไม่อยากจะเชื่อเลยอะ ” นภัทรร่างเล็กอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา “ ทำไมเปลี่ยนไปขนาดเนี้ย ”

                “ ก็พี่จิ้วเค้าเพิ่งจะมาสูงเอาๆตอนช่วงม.3 ม.4 แล้วไปทำตาตอนอยู่ปี 2 ล่าสุดนี้ก็เพิ่งไปตัดผมใหม่อ่ะ GET ยัง? ”

                “ เชื่อไอ้ริทเถอะกัน ฉันไปทำมาจริงๆอะแหละ ”

                “ พี่บอกผมหน่อยสิครับว่าพี่เช้งส์ลุคส์ยังไงครับ ถึงหล่อได้ขนาดนี้อ้ะ ” นภัทรถามพลางส่งสายตาเว้าวอนที่เต็มไปด้วยความอยากรู้

                “ ก็คนมันเทพนี่นา ฮะฮะ ”

                “ อะแฮ่ม เม้าท์กันสนุกเลยเชียวนะ ”

                ทั้งสามหนุ่มสะดุ้งตกใจเมื่อภาคินเข้ามาขัดจังหวะการเม้าท์อย่างสนุกสนานของพวกเขา ภาคินส่งสายตาอำมหิตไปที่ทั้งสาม จนนภัทรต้องรีบถอยห่างทันที

                “ รู้จักกันด้วยเหรอ ” เขาถามเสียงเรียบ

                “ ครับ ” >> รุจ+ริท+กัน

                “ แล้วเรียกผมมาน่ะ มีอะไรเหรอครับ ”

                “ ที่ฉันเรียกมาเพราะอยากทดสอบฝีมือของนายน่ะดอกเตอร์ ”

                “ อ...อย่าบอกนะว่าพี่โตโน่จะต่อยกับพี่รุจน่ะครับ ” >> ริท

                “ ฉลาดดีนี่ ”

                ขณะนั้นเองนภัทรก็เอียงหัวเข้ามาใกล้ๆกับหูของศุภรุจ

                “ ถึงเฮียเค้าจะแค่ทดสอบกับพี่นะครับ แต่สิ่งที่พี่ต้องระวังอย่างคือ พี่โตโน่เป็นแชมป์มวยกับคาราเต้แล้วก็เทควันโด้อย่างละ 7 สมัยซ้อนเชียวนะ ถ้าพี่พลาดให้เมื่อไหร่ล่ะก็มีเจ็บแน่ครับ ”

                “ อื้อ!!!

                “ ไอ้กัน เมิงกระซิบอะไรกับมัน ” ภาคินแทรกเข้ามา

                “ ป..ป..ปล่าวคร้าบ... ”

                ศุภรุจคว้าแจ็คเก็ตดำมาสวมทับเชิ้ตสีขาวขณะที่เดินมาอยู่ตรงหน้าภาคิน และขณะที่เรืองฤทธิ์ นภัทร และณัฐพัชรกำลังช่วยกันเคลียร์พื้นที่ ภาคินและศุภรุจแสยะยิ้มให้กันและกัน

                “ นายอาจจะมีฝีมือดีพอที่โค่นลูกน้องเป็นสิบๆของฉันได้ แต่สำหรับฉันคงจะไม่ง่ายอย่างที่ดอกเตอร์คิดหรอกนะ ”

                “ ฉันรู้ดี แต่มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนา ”

                “ คุณชาย อย่าแพ้เค้านะครับ ” เสียงเชียร์จากเรืองฤทธิ์ดังขึ้นมา

                “ วางใจได้เลยตัวเล็ก ”

     

                เปรี้ยง!!!!!!!

     

                “ โอ๊ย!!! ” ศุภรุจถูกหมัดหนักๆของภาคินกระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง โดยที่เขายังไม่ได้ตั้งตัวเลย เขารู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลจากมุมปาก

                “ หมัดหนักใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย ”

                “ งั้นก็ไม่เกรงใจละเว้ย ”

                ทั้งสองหนุ่มร่างสูงกระโจนเข้าตะลุมบอน ต่างรุกต่างรับกันอย่างดุเดือด แต่ไม่นานนักร่างสะบักสะบอมและอ่อนแรงของศุภรุจก็ล้มลงบนพื้น แล้วร้องครางออกมา

                “ จะไหวเหรอเนี่ย ” >> ริท

                “ ไอ้ฉันก็ลืมบอกไปเลยว่าพี่โตโน่ไม่เคยออมมือให้ใคร แบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ ” >> กัน

     

    ---ย้อนกลับมาที่รุจกับโตโน่---

                ภาคินเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงที่นอนเจ็บอยู่บนพื้น พลางยิ้มเหยียดๆใส่

                “ โธ่เอ๊ย...นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็อ่อนนี่หว่า ไม่เห็นจะเก่งเหมือนที่สู้กับลูกน้องฉันเลยนะนั่น ”

                ดูเหมือนคำพูดลอยๆที่ภาคินแกล้งพูดออกมาจะไปแทงจิตใจของศุภรุจเข้าจังๆซะแล้ว เพราะเขากลับยันตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนได้เหมือนเดิม และแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว

                ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปกระแทกหมัดใส่ภาคินอย่างรวดเร็วและรุนแรง ก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบหมัดและโต้ตอบทันทีที่ได้จังหวะ

     

                พลั่ก!!!!

     

                ชายหนุ่มกระโดดหมุนตัวเตะเสยคางของภาคิน จนเซไปเซมาแล้วหมดสติไปในที่สุด ศุภรุจเดินลากเท้ามา ก่อนที่ทรุดลงตรงหน้าเรืองฤทธิ์

                “ เฮ้ย...!! พี่รุจ เป็นอะไรรึเปล่าครับ ”

                เรืองฤทธิ์รีบพยุงศุภรุจที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์และเปรอะเปื้อนเลือด เจ้าของร่างสูงหันมายิ้มบางๆพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้ชายร่างเล็ก

                “ ไม่เป็นไร แค่นี้ชิลๆ ”

                “ ชิลๆไปบ่อยๆแบบนี้ระวังจะหมดหล่อซะนะครับพี่ แหม...คนอะไร อึดเกินคนซะอีกนะเนี่ย ”  นภัทรค้อนใส่ศุภรุจ ขณะที่เรืองฤทธิ์หัวเราะชอบใจ

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×