NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #60 : บทที่ 51 สิ้นหวัง (100%!!!!! ) จบตอนซักที!!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      194
      16 เม.ย. 64

     

    บทที่ 51 สิ้นหวัง


     

    เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ เรี่ยวแรงที่เคลื่อนไหวขยับไปตามแรงของสารอะดรีนาลีนในตัว สัญชาตญานทั้งหมดที่ถูกขัดเกลาตั้งแต่เยาว์วัยถูกใช้ยามที่สติไม่ครบ

    นินจาสาวสองคนต่างเข้าปะทะกับอีกฝ่ายไม่หยุด กระบวนท่าการต่อสู้รุกรับไม่น้อยหน้ากันและกัน

    พื้นรอบด้านมีร่างของเหล่านินจาที่สู้กับมิกิและอันโกะตายเกลื่อนมากมาย แต่ก็ยังมีเหลือรอดยืนชมการต่อสู้ที่แสนป่าเถื่อนนี้และเชียร์อย่างสนุกสนาน

    โคมะรับมือทั้งคู่ได้ดี แต่ไม่ได้สบายอย่างที่คิด เธอคิดว่าการที่ลงมาสู้ในยามที่อีกฝ่ายสิ้นฤทธิ์มันจะทำให้แผนสำเร็จลุล่วงไปอีกขั้น แต่ไม่เลย

    พวกหล่อนแข็งแกร่งว่าที่คิด ...

    5 ปีที่โคมะไปฝึกวิชามันเทียบไม่ได้กับแรงใจของทั้งคู่ที่พยายามปกป้องสิ่งสำคัญเอาไว้

    ชายสวมหน้ากากกล่าวกับเธอว่า มันก็แค่สิ่งที่ล่อลวงให้เราลุ่มหลง

    หมู่บ้าน... ของพรรค์นั้นทำให้เธอต้องสูญเสียคนที่รัก

    ทำไมเธอยังสู้เพื่อองค์กรนี้อยู่ มิกิ !!

    “ย้ากกก!!!”

    พลั่ก!!

    โคมะปล่อยจักระใส่ทั้งคู่ ทว่าพวกเขากลับหลบและล๊อคแขนได้

    “แววตาเธอมีแต่คำถามนะ โคมะ”

    อะไรนะ!!

    “ช่องว่างเลยเต็มไปหมดยังไงล่ะ”

    โคมะหัวเราะหึ “พวกเธอก็ด้วยนี่”

    !!!!

    “อั่ก!”

    “อ่อก!”

    จักระที่แหลมคมถูกส่งผ่านมือทั้งคู่แนบเข้าที่ใต้ซี่โครงของทั้งคู่เหมือนกับมีดหลายเล่มเสียบเข้าที่อก พวกเธอเกร๊งตัวจนหงิกงอและล้มลง

    “แค่นี้ ท่านโฮคาเงะก็ทนดูพวกเธอสู้ต่อไม่ไหวแล้ว จริงไหม”

    ว่าแล้วก็เงยหน้าไปมองอดีตหัวหน้าของตนที่มองสบกับตาของเธออย่างแข็งกร้าว

     

    “....”

     

    โคมะพูดถูก คราวนี้เธอทั้งคู่ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก เลือดไหลกลบปาก ตัวชาหนึบ

    มิกิไม่อยากยอมแพ้ ยังมีเพื่อนที่เธอต้องปกป้องเอาไว้ พวกเด็กๆ

    ยัง...ยังตายไม่ได้

     

     

    ไม่มีใครแสดงท่าทีใดๆ เมื่อเห็นหญิงสาวผมบลอนด์อ่อนยืนขึ้นช้าๆอย่างยากลำบาก เธอยืนนิ่งเงียบ โคมะก็ยังคงยืนมองดูท่าทีของมิกิ

    “...”

    ผมของมิกิเต็มไปด้วยคราบเลือดจนกลายเป็นสีแดงหม่น เลือดไหลตามแผลหลายจุด

    “ไม่มีวันยอมแพ้”

    “หา?”

    “ฉันน่ะ...ยอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้หรอก โคมะ” เธอว่า “ตอนนี้นะ หลานชายของฉันกำลังสู้อย่างไม่ยอมแพ้อยู่ที่ห่างไกลจากที่นี่ ....แล้วถ้าฉันตายตอนนี้ ฉันก็ไม่มีวันได้เห็นวันนั้นของเขาสิ”

    “....”

    “เด็กคนนั้น ไม่เคยยอมแพ้เลยสักนิด”

    ตอนนี้มิกิได้แต่นึกถึงหลานชายตัวเอง หน้าที่ของเธอ ตัวตนของเธอ ...

     

     

    เหนือหัวขึ้นไปยังแท่นผู้ชมหลังโคมะ เกียวคุโร่ยังชมจ้องมองหญิงสาวที่สภาพเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย แต่ยังฝืนยืนอยู่ได้

    นิสัยไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ... เป็นเด็กที่บ้าบิ่นจริงๆ

    อีกนิดเดียว ....อีกนิดเดียวเท่านั้น เมื่อเหล่าโคโนฮะสิ้นหวังมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอ่อนแอมาเท่านั้น

    เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยคนอย่างพวกแก สอนให้ฆ่า สอนให้สู้ นั่นแหล่ะ ฉันจะทำให้...มันแว้งกัดทำลายพวกแกซะ

    เกียวคุโร่จ้องมองนึกวาดภาพแผนการต่อไปอย่างตื่นเต้น เขาไม่รู้เลยว่าพวกพรรคที่ยืนอยู่ด้านหลังค่อยๆล้มลงไปทีละคน... จนกระทั่งความเย็นจากวัตถุแหลมคมสัมผัสที่คอของเขา

    “อย่าตุกติกเชียว ไม่งั้นมือฉันอาจจะลื่นเสียบคอแก...”

    โห...ใช้เวลานานเชียว กว่าจะมาถึงตรงนี้

    “ผิดคาดแหะ ที่นายมาช้ากว่าที่คิด ฮาตาเกะ คาคาชิ” เกียวคุโร่ว่าอย่างใจเย็น และยังคงนั่งบนเก้าอี้สบายใจ

    “รู้สึกยังไงบ้างล่ะที่เห็นแฟนสาวสภาพแบบนั้น”

    “....”

    ไม่รู้ว่าคาคาชิทำไมไม่ตอบ อาจจะเพราะเขามองลงไปที่ลานประลองหรือกำลังมีคำถามในหัว

    “ทำไมฉันถึงรู้จักนายงั้นเหรอ? หรือว่ารู้ความสัมพันธ์ของนายกับหล่อน ทั้งๆที่ยังไม่ได้ประกาศให้ใครรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ? หึ...”

    แรงกดของมีดแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ขยับตัว

    “เรื่องของลูกสาว คนเป็นป๊ะป๋าจะต้องรู้ ถูกไหม?”

    “หมายความว่าไง!!” คราวนี้ร่างสูงกลับคว้าผมของเกียวคุโร่ดึงให้อีกฝ่ายเงยหน้า

    “ฮะๆ ตกใจงั้นเหรอ? สวัสดีพ่อตาหน่อยเป็นไงล่ะ คาคาชิ”

    ศัตรูจ้องมองคาคาชิด้วยตาสีน้ำเงินเข้ม พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าเขาจะพินิจมองชายคนนี้อย่างไร เค้าหน้าก็ไม่เหมือนมิกิสักนิด

    “โกหก...”

    “เรื่องแบบนี้ไม่เคยโกหกหรอก แม่ของยัยเด็กนั่นกับรุ่นที่สี่ ฉันสนิทชิดเชื้อเป็นอย่างดี ก่อนจะถูกพวกโคโนฮะอย่างพวกแกชิงไป”

    ไม่ว่ายังไงคาคาชิก็ไม่เชื่อ ทุกอย่างที่เขาสงสัยมันไม่ใช่แบบนี้

    “ยอมรับความจริงไม่ได้สินะ แล้วถ้าเกิดลูกสาวของฉันรู้เข้า จะเป็นอย่างไรน้า... ป๊ะป๋าอยู่นี่ คิดถึงป๊ะป๋าไหมจ๊ะ ฮ่าๆ”

    เสียงหัวเราะแสบแก้วหูลั่นห้อง ราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเกียวคุโร่ ใช่ มันเป็นไปตามแผนจริง ...

    “ถ้าแกเป็นพ่อของเธอจริง แล้วทำไมถึงสนุกกับการดูลูกตัวเองทรมาน”

    “โอ้...มาคำถามแบบนี้ ฉันล่ะอยากตอบ เพื่อที่จะให้หล่อนเกลียดชังพวกแกจากก้นบึ้งความสิ้นหวัง แล้วมาซบอกป๊ะป๋าอย่างฉันไงล่ะ ฮ่าๆๆ”

    สิ้นหวัง ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นี่จะทำให้เธอสิ้นหวังลงได้  คาคาชิคิดไตร่ตรอง ทว่าพอเขาหันกลับไปมองในลานประลอง สถานการณ์กลับ

    เลวร้ายมากกว่าเดิม


     

     

    ก่อนหน้านั้นราวๆ ครึ่งชั่วโมง

    หลังจากที่มิกิพูดว่าตนไม่มีทางยอมแพ้ออกมากับศัตรูที่เคยเป็นเพื่อน จ้องตาอีกฝ่ายแน่วแน่ ครานี้ โคมะก็ได้แต่ยิ้มขำออกมา

    “ไม่มีวันยอมแพ้งั้นเหรอ ฮะๆ”

    “....”

    “เธอนี่มัน...ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆสินะ มิกิ” โคมะหยุดเบิกเนตรสีขาวของตน แล้วจ้องตอบเธอ

    “สู้ต่อไปก็พบแต่ความสูญเสีย ทำไมไม่ยอมแพ้และพบกับความฝันซะนะ”

    “....ความฝัน...ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เฉยๆแล้วได้มันมาหรอก” มิกิตอบ

    “เธอนั่นแหล่ะที่ไม่เข้าใจ!!” โคมะแผดเสียง “การที่เราสูญเสียใครซักคนไป พอพบว่าจริงๆแล้วยังไม่ได้เสียไปจริงๆ เธอจะพยายามรักษามันไหม”

    “....”

    “นั่นแหล่ะ ฉันพยายามรักษามัน ต่อให้ต้องทรยศหมู่บ้านเพื่อเขา....”

    มิกิรู้สึกได้ว่าเธอพอจะเดาสาเหตุที่หญิงสาวตรงหน้าหักหลังพวกเธอแล้ว เธอกลืนน้ำลายอย่างหนืดคอ

    “หรือว่าที่เธอทำอยู่ตอนนี้เพราะคนๆนั้นสั่งเธอมา”

    โคมะไม่เคยอุทิศตัวเพื่อสิ่งใดหลังจากตนสูญเสียความเชื่อมั่นไปในวัยเด็ก แล้วถ้าสิ่งที่เธอเชื่อมั่นในตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่

    “โคมะ ...”

    “เขาต้องการให้เธอ เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มิกิ” ใบหน้าของโคมะตอนนี้เหมือนกับว่าเธอยอมแพ้เสียแล้ว “เหมือนกับที่เขาได้เจอ...”

    “เพราะจริงๆแล้วเธอไม่ควรมีชีวิตแทนที่คนๆนั้น”

    ภาพของใครบางคนผุดขึ้นมาในหัว คนที่ทั้งโคมะและมิกิรู้จักดี ...

    มันคือความกลัวของมิกิ

    “ชายที่สวมหน้ากาก...เขาคนนั้นคือ โอ—“

    ฉึบ!

    บางสิ่งถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว คำพูดของโคมะหยุดชะงัก ปากของเธอมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

    !!

    มิกิมองตาค้าง ภาพของเพื่อนกำลังเลือดไหลจากปากราวกับก๊อกน้ำ บางสิ่งร่วงลงมารวมกับกองเลือด

    “อ่อก!”

    ลิ้นของโคมะกระเด็นมาอยู่ตรงหน้าเธอ ส่วนเจ้าของนั้นยืนนิ่งแล้วล้มไปกองกับพื้น ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างเหลือกขึ้นเล็กน้อย และสิ้นใจลงทันที

    ไม่มีอากัปกิริยาใดขยับเขยื้อน มีแต่ความเงียบงัน ตกตะลึงกับความตายที่ปรากฏตรงหน้า

    มิกิรู้สึกหัวตื้อ หายใจถี่รัว เธอไม่สามารถช่วยโคมะจากความตายได้ทัน ที่ตายตรงหน้าเธอ

    ท่ามกลางความเงียบที่ชวนสยดสยอง ร่างของผู้มาใหม่ก็เดินเข้ามาประจันหน้ามิกิแทนโคมะ เขายืนมองศพตรงหน้าพลางถอนหายใจ

    “ทั้งๆที่ขู่แล้วว่าถ้าเปิดโปงตัวของฉัน ฉันจะตัดลิ้นหล่อนซะ ก็ทำจนได้”

    ชายสวมหน้ากาก

    “เจอกันอีกแล้วนะ นามิคาเสะ มิกิ” ดวงตาเนตรวงแหวนนั้นยิ้มให้กับเธอ “สภาพดูไม่จืดเชียว เลือดอาบไปทั้งตัว”

    “....”

    “เธอเนี่ยไม่ต่างกับคาคาชิเลยนะ มือสังหารไม่เลือกหน้า”

    ตอนนี้มิกิก็ยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นใครอยู่ดี

    “แกหลอกใช้เธอ”

     

    “หมากตัวนึงเท่านั้นเอง”


     

     

    ---------------------------------------------------------------

    รีไรท์ตั้งแต่จุดนี้นะคะ

    -----------------------------------

    คำพูดที่ไม่สนสิ่งใดพร้อมกับรอยยิ้มเยาะหยันใส่เธอ สร้างอารมณ์คุกกรุ่นในอกเธอจนนัยน์ตาเบิกกว้าง

    “เห็นแค่เธอเป็นหมากใช้แล้วทิ้ง!!!” เธอพุ่งตัวเข้าไปหาไปทันที ทว่าพอนิ้วมือเธอเอื้อมไปแตะหน้ากาก ร่างเธอก็ถูกผลักออกห่างแทน

    “ปล่อยนะ!!”

    “สู้หมอนั่นไม่ได้หรอก มิกิ!”

    ร่างสูงที่คว้าตัวเธอและกอดรัดเธอเอาไว้นั่นก็คือเก็นมะ  เขาเห็นชายสวมหน้ากากกะจะใช้อาวุธแท่งสีดำซ่อนอยู่ด้านหลังโจมตีหญิงสาว   

    แววตาของหญิงสาวจ้องโทบิอย่างเคียดแค้น เธอใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดพยายามดิ้นออกจากแขนเหล็กของเก็นมะ พร้อมกับกรีดร้องลั่น

    “ฉันจะฆ่ามัน!! ฉันจะกระชากหน้ากากแก จะบดขยี้แก!!!”

    โทบิยืนมองอย่างขบขัน แล้วก็หันไปสนใจผู้มาเยือนคนใหม่ในเงามืด

     

    ตึก ตึก ...

     

    มิกิหยุดดิ้นเมื่อเห็นร่างปริศนาที่กำลังเดินเข้ามา แสงสะท้อนจากดาบขยับพลิ้วไหวกระทบสายตาของหญิงสาว ร่างสูงดวงตาสีดำสนิทปรากฏตัวขึ้น

    “เธอน่ะเหรอ คืออดีตอาจารย์ของอิทาจิ”

    อุจิวะ ซาสึเกะ!!

     

     

    เหล่านินจาโคโนฮะยืนทึ่งกับการปรากฏตัวของทายาทแห่งอุจิวะคนสุดท้าย ทุกอย่างรอบด้านเงียบกริบ เด็กหนุ่มกลับสนใจหญิงสาวที่มีแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

    “ต้นเหตุที่ทำให้อิทาจิต้องตาย เริ่มมาจากการสอนของเธอสินะ”

    ฉึบ!

    ปลายดาบตวัตจ่อเข้าที่หน้าของมิกิ เธอกลับหาได้สนใจไม่ เธอจ้องเด็กหนุ่ม แล้วยืนขึ้น

    “ถ้านี่คือการเริ่มต้นล้างแค้นของเธอ ฉันคงจะยอมให้เธอทำไม่ได้ ซาสึเกะคุง”

    แววตาของซาสึเกะเป็นสีแดง เขาเบิกเนตรแล้ว

    “มันยังไม่ใช่...”

    ทันทีที่พูดจบ ร่างบางก็พุ่งเข้าไปทางโทบิและซาสึเกะโดยที่เก็นมะไม่ทันรู้ตัว แต่ซาสึเกะอ่านทางของมิกิออกแล้ว เขาเรียกสายฟ้ารวมไว้ที่มือแล้วห่อหุ้มดาบเอาไว้

    “ซาสึเกะคุง!!”

    !!!

    เสียงร้องเรียกคุ้นหูทำเอาเด็กหนุ่มหยุดชะงัก ขณะที่ตนวาดดาบโจมตี ร่างของมิกิหายวับไป สายฟ้าปลายดาบก็เช่นกัน

    เขาเงยหน้าไปมองต้นเสียง ก็เห็นอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขายืนจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาหวาดกลัว

    “..ซากุระ...?”

    เขารีบหันไปมองรอบๆ เผื่อว่าใครบางคนที่มักจะอยู่ด้วยเสมอจะอยู่แถวนี้

    นารูโตะไม่อยู่งั้นเหรอ

     

    ขณะที่ซาสึเกะหลงลืมไปชั่วขณะ ร่างของมิกิก็ปรากฏขึ้นตรงยังแท่นผู้ชมพอดี

    ตรงหน้าบัลลังค์ของเกียวคุโร่

    “โห่ มาถึงจนได้สินะ”

    “ตายซะ”

    ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที ที่ทุกอย่างลื่นไหลไปอย่างรวดเร็ว การที่มิกิมาปรากฏตรงหน้าเกียวคุโร่ด้วยคาถาฮิไรชิน เขาคาดการณ์ไว้แล้ว

    “อย่าเข้าใกล้ตัวเขานะ มิกิ!!”

     

    “!!!”

    ปลายดายห่างจากปลายจมูกเกียวคุโร่ไม่ถึงเซน แววตาของหญิงสาวว่างเปล่า  เธอมองไปยังด้านหลังของบัลลังค์ ร่างสูงของคาคาชิยืนอยู่ แต่สายตาเธอกลับไม่ได้มองเขา แต่เป็นอีกร่างหนึ่ง

    ดวงตาสีฟ้า ... ที่เหมือนกันเธอ

    “ไม่จริง...”

    รอยยิ้มปรากฏที่หน้าเกียวคุโร่ เมื่อเห็นสีหน้าอันว่างเปล่าของเธอ

    “ตกใจใช่ไหมล่ะ ไม่คิดว่าจะได้เจอใช่ไหม สาวน้อย”

    คาคาชิหันไปมองด้านหลังเช่นกัน เขาก็ตะลึงไม่ต่างจากมิกิมากนัก ร่างที่ยืออยู่ด้านหลังของเขานั่นก็คือ

    มินาโตะวัยเด็ก...

    “อาจารย์มินาโตะ...”  

     

     

     ทันใดนั้นเสียงระเบิดจากด้านบนก็ดังสนั่น ท่านผู้ชมฝ่ายโคโนฮะระเบิดออก พร้อมม่านควันฟุ้งกระจาย

    ...โฮคาเงะฟื้นตัวแล้วสินะ... โทบิคิดในใจ

    “พวกแกหยามนินจาผู้หญิงอย่างพวกฉันเกินไปแล้ว!!!” ซึนาเดะแผดเสียง พร้อมส่งหมัดกระแทกพื้นให้ระเบิดกระจายอีกหน

    ตู้มมม!!!

     

     

    ร่างของเด็กผู้ชายตรงหน้าคาคาชิเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงสิ่งที่มิกิเห็นเมื่อคืน

    มันไม่ใช่ความฝัน

    พวกศัตรูตั้งใจจะลักพาตัวเธอจริงๆ !

    เป็นไปได้ยังไง วิชาปลอมตัวงั้นเหรอ?

    แต่นี้ก็ไม่ใช่เวลามาตั้งคำถามแบบนั้น หญิงสาวอยู่ใกล้ตัวศัตรูมากเกินไป เขาต้องหาทางแยกทั้งคู่ออก

    “มิกิ ถอยออกมาจากตัวมันซะ”  คาคาชิเตือน เขาเพิ่งจะเห็นสภาพเนื้อตัวเธอ บาดแผลชกต่อยเต็มตัว เลือดไหลอาบใบหน้า เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

    เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เกิดการต่อสู้หนักถึงขนาดนี้

    ร่างข้างกายคาคาชิขยับก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว ทำให้เขากลับมามองอาจารย์วัยเด็กของตน ซึ่งตอนนี้ดวงตาสีฟ้าสดใสนั้นจ้องมองหญิงสาวอย่างสะพรึงและหวาดหวั่น

    ถ้านี่คือวัยเด็กของรุ่นที่ 4 จริงๆ แปลว่าเขาก็ไม่เคยพบเธอมาก่อน

    “หึๆ ฮ่าๆ พอเห็นสายสัมพันธ์ที่รักยิ่งขนาดนั้น ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยเหรอ” เกียวคุโร่หัวเราะจ้องมองกรอบหน้าของหญิงสาว พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าของเธอ

    “พอได้มองใกล้ๆแบบนี้ชัดๆเธอก็ดูเหมือนแม่ของเธอจริงๆนะ”

    มินาโตะมีท่าทางกลัวขึ้นเมื่อเห็นเกียวคุโร่ เขายืนกำหมัดแน่นอย่างไม่มีทางสู้ คาคาชิไม่แน่ใจถึงอาการแบบนั้น แต่เขาก็รู้ความจริงบางอย่าง

    เกียวคุโร่ อาจจะเป็นพ่อของทั้งคู่ !

     

    ท่ามกลางแรงสั่นไหวจากแรงหมัดของซึนาเดะภายนอก ในสถานที่ผู้ชมอีกอีกฝั่ง มิกิหาได้สนใจอะไรอีก เธอเดินเข้าไปหา มองเด็กชายตรงหน้าโดยไม่ละสายตา

    มันไม่ใช่ความฝัน ....

    “พี่...ทำไมถึง...”

    ไม่สิ มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ

    “น่าเสียดายจริงๆนะที่ครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันครบ ฉันอุตส่าตามหาร่างของลูกชายเพื่อคืนชีพเขา แต่กลับตามหาร่างของหญิงอันเป็นที่รักของฉันไม่ได้”

    “คีนชีพ?” มิกิทวนคำก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มผู้มีตาสีน้ำเงิน “ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพียงเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ?”

    มีคนตาย...

    “เพื่อแก้แค้น!! ที่พวกโคโนฮะพรากครอบครัวของฉันไปไงล่ะ”

    “ฉันไม่ใช่ครอบครัวของแก!!” มิกิแผดเสียงลั่น

    “ว่าไงนะ?”

    คาคาชิยืนมองเธอสัมผัสได้ถึงความโกรธจากแวตานั้น ซึ่งเมื่อครู่ยังเต็มไปด้วยความสับสน

    “แกกล้าพูดกับพ่อที่พยายามตามหาพวกแกแบบนี้เหรอ!!”

    “ถึงแกจะเป็นพ่อของฉันจริงๆ ฉันก็ไม่มีวันนับ คนที่ทำลายหมู่บ้านอย่างแก”

    เสียแผน ไม่ได้ผลทั้งหมด

    เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ซักนิด  

    “เพราะเจ้ารุ่นที่ 2 สอนมาสินะ”

    !!

    นี่เป็นอีกครั้งที่มิกิได้ยินความเกี่ยวโยงแบบไร้เหตุผลถึงโฮคาเงะ

    “เพราะมันแย่งทุกอย่างไปจากฉัน!!! ทั้งแม่ของแก ทั้งพวกแกทั้งคู่!!”

    มินาโตะเข้ามาหามิกิและจับมือเธอเอาไว้แน่น เขาดูหวาดกลัวเกียวคุโร่

    “เฮ้ย มินาโตะ บอกน้องสาวแกไปสิ ว่าทำไมแม่ของพวกแกถึงตาย ทั้งชีวิตที่ถูกแบกรับบาปและถูกทอดทิ้งน่ะ!!”

    “เลิกเพ้อเจ้อซักทีเถอะ” มิกิกุมมือพี่ชายของเธอแล้วชี้ดาบไปที่อีกฝ่าย “ถ้าแกหวังให้ฉันรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดและทำลายหมู่บ้าน แกคิดผิดตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว”

    “นังเด็กโง่”

    พื้นดินสั่นสะเทือนขึ้น สัมผัสได้ถึงมวลจักระในพื้นที่เกียวคุโร่ยืนอยู่ ทันใดนั้นเอง วัตถุประหลาดก็ดันตัวขึ้นมาจากพื้น โลงศพเก่าๆมากมายเปิดบานประตูออกมา

    คาถาสัมภเวสีคืนชีพ!!

    คนๆนี้ก็สามารถใช้คาถาของรุ่นที่ 2 ได้ด้วยงั้นเหรอ? คาคาชิถามในใจ ก่อนจะจัดการศพนินจาที่โผล่มาด้านหลังและเข้ามาสมทบมิกิ

    “ศพพวกนี้แตกต่างจากที่เคยเห็นนะ” มิกิบอกคาคาชิ

    “แปลกใจนะที่เธอยังสามารถสังเกตไรตอนนี้ได้”

    “....มันเบลอๆน่ะ” เธอตอบ

    “อดทนอีกนิดนะ ฉันจะพาเธอออกไป”  เขาสัญญาก่อนจะเข้าไปจัดการศพที่กรู่เข้ามา

    มันไม่ใช่อย่างที่มิกิว่า พวกมันเหมือนผีดิบเสียมากกว่า

     

     

     

    หลังซึนาเดะทำลายกระจกกั้นใสนั้นได้ โดยมีไกและยามาโตะลอบเข้ามาช่วย ตอนนี้พวกเขากำลังค่อยๆพาตัวประกันคนอื่นออกไปจากที่นี่

    “ไก... มิกิกับอันโกะอยู่ด้านล่าง!” คุเรไนโถมตัวเข้าหาเพื่อนชายด้วยความเป็นห่วง

    “เข้าใจแล้ว คนอื่นๆกำลังเข้าไปช่วย” ไกบอก “เธอต้องรีบออกไปจากที่นี่ เร็วเข้า”

    “มาเถอะค่ะ ครู” ฮินาตะเข้ามาประคองครูสาวของตนเพื่อนพาออกไปจากที่นี่ แต่ด้านนอกก็มีพวกศัตรูกรู่เข้ามาขัดขวาง

    “ไม่ยอมให้พวกแกหนีไปได้หรอก” หนึ่งในพวกมันว่าพลางคว้าคุไนออกมาเตรียมสู้

    ซากุระเป็นคนที่ยืนนำทุกคนอยู่ด้านหน้า เธอหนไปด้านหลังก็พบว่าทั้งไกและยามาโตะต่างชุลมุนกับศัตรูที่โผล่มาด้านหลัง

    ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องลงมือแล้ว...

     

    เปรี๊ยะ...

    “พันปักษา!!”

    แสงสายฟ้าวูบวาบพร้อมกับเสียงของเหล่าปักษากรีดร้องผ่านหน้าของซากุระไปจนเธอต้องยกแขนมาบังสายตา

    วิชานี้...

    พอเธอลืมตาขึ้น ศัตรูตรงหน้ากลับตายเรียบ โดยมีร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่

    ดวงตาสีแดงคู่จดจ้องมองมาจากเงามืด ในมือมีจักระสายฟ้าประกายไฟ

    “ซะ...ซาสึเกะคุง”

    ไม่รู้ว่าเหตุใด แต่ซากุระกลับไม่คาดคิดว่าจะเจออีกคนในที่แบบนี้

    อุจิวะ ซาสึเกะ หยุดใช้พันปักษาลง เขายืนเงียบๆอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ก่อนจะโดดหายไป ไม่พูดอะไร

    มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะร้องเรียกอีกฝ่าย ซากุระสูดหายใจอีกครั้งและพาคนอื่นๆเดินฝ่าศพที่นอนเรียงรายออกไป

    ------------------------------------------------------------------

    มาต่อแล้วจ้า

    ------------------------------------------------------------------

     

    ความอดทนของเกียวคุโร่หายวับไปตั้งแต่คนที่เขามองว่าเป็นลูกสาวตะโกนประกาศว่าเธอไม่ต้องการเขา กลับกลายเป็นความผิดหวัง

    เฝ้าดูมาตลอด รู้ว่าเด็กคนนี้มีแต่ความสูญเสีย แต่ก็ไม่สามารถใช้เธอมาเป็นเครื่องมือได้

    ชายสวมหน้ากากคนนั้นบอกว่ามันต้องได้ผล เพราะอะไรกัน ทำไมถึงไม่ได้ผล

    เกียวคุโร่เฝ้ามองและถามกับตัวเอง เขาเชื่อว่ามิกิสามารถเป็นเครื่องจักรสังหารได้ ถ้าสูญเสียจุดอ่อน

    จุดอ่อน?

    “อา...อย่างนี้นี่เอง”

    ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์เกินวัยยิ้มมุมปากเมื่อเห็นจุดอ่อนของลูกสาว

    “แกเป็นจุดอ่อนของหล่อนสินะ คาคาชิ!!” ร่างสูงพุ่งฝ่าเข้าไปในดงศพ ตวัดดาบเข้าไปยังกลางอกของคาคาชิ

    ทว่ามันกลับผ่าร่างศพที่เคลื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แทน

    “คาคาชิ!!” มิกิเอ่ยเรียกอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าหัวหน้ากลุ่มโอนิวะเข้าโจมตีแล้ว

    “แกสินะ ที่เอาหัวใจลูกสาวของฉันไป”

    “อึก...”

    เหมือนมิกิจะเข้ามาช่วย คาคาชิก็ห้ามเอาไว้

    “หนีไป พาอาจารย์ไปด้วย”

    “ตะ...แต่...”

    “ไป!”

    สิ้นเสียงสั่งของเขา มิกิก็ดึงแขนมินาโตะน้อยหันหลังผ่าดงสัมภเวสีประหลาดออกไป

    “แกมันน่ารำคาญเป็นบ้า เกียวคุโร่”

    “ถ้าฉันฆ่าแกได้แล้ว ลูกสาวของฉันก็จะยอมทำตามในสิ่งที่ฉันต้องการ”

    “คิดว่าแกรู้จักมิกิดีขนาดนั้นเชียวเรอะ” เขาถามพร้อมกับซัดอีกคนกระเด็นออกไป 

    รอยยิ้มบ้าคลั่งยังไม่หายไปจากใบหน้าของเกียวคุโร่

    “ก็คอยดูสิ ฮาตาเกะ คาคาชิ”

    นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย ณ ตอนนี้

     

    แฮ่ก...แฮ่ก...

    เสียงหอบหายใจหนักหน่วงไปตามเส้นทางที่มืด มือบางที่เต็มไปด้วยแผลกำมือเล็กๆเอาไว้แน่น ขาทั้งสองพยายามวิ่งออกไปสุดแรงเท่าที่เหลือ

    มิกิเริ่มอ่อนแรงลงเสียแล้ว หลังจากต่อสู้มาเป็นระยาเวลานาน

    “แฮ่ก....แฮ่ก...อึก!”

    ไม่รู้ว่าด้านหลังของเธอมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้มีสิ่งเดียวที่ต้องทำ คือการพาเด็กชายคนนี้ออกไปจากที่นี่

    ทว่าเธออ่อนแรงเหลือเกิน

    “มิกิ!!”

    “ฉะ...ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

    มินาโตะน้อยเข้ามาประคองผู้เป็นน้องสาวด้วยความเป็นห่วง สายตาของเขาแปลกใจกับความอดทนของเธอไม่น้อย

    “เพื่อนของมิกิ... เขาจะไม่เป็นไรใช่ไหม”

    เขาคงจะหมายถึง คาคาชิ

    “เขาไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอตอบพลางยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง “เราต้องออกไปจากที่นี่... ไปกันเถอะค่ะ”

    ...

    หลังจากนั้นสักพัก สองพี่น้องต่างวัยก็ออกมารังลับได้

    “นี่...ไม่สงสัยบ้างเหรอ?”

    “เอ๋?”

    จู่ๆ มินาโตะก็เงยหน้าขึ้นมาถาม แววตาของเขาทั้งกังวลแล้วเศร้าในเวลาเดียวกัน

    “เรื่องของผู้ชายคนนั้น แล้วเรื่องของผม” เขาพูดแล้วบีบมือเธอแน่นขึ้น “รวมถึง ทำไมถึงช่วยผม”

    “....”

    เรื่องนั้นเธอก็ลืมเช่นกัน รู้เพียงแค่ว่าทำตามที่คาคาชิสั่ง แถมยังไม่สงสัยอะไรในตัวพี่ชายวัยเด็กเลยสักนิด

    มิกิดึงมือเด็กน้อยเดินออกมาจากรัง คิดไว้เพียงแค่ว่าออกให้ห่างจากที่นั่นถือจะดีที่สุด

    “ทั้งๆที่เขาบอกว่าเขาเป็นพ่อของพวกเรา เธอก็ยังไม่สนใจ ทำไมงั้นเหรอ?”

    พ่อ...

    “มันก็ชวนตกใจอยู่เหมือนกันค่ะ เพียงแต่...”

    “แต่?”

    “ทั้งชีวิตของฉันที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเลยเพราะพี่น่ะ เลือกที่จะไม่บอก ฉันเลยทำใจไว้อยู่ก่อนแล้ว ว่าถ้าเกิดได้รู้ความจริง ฉันจะไม่ลังเล”

    “แล้วเชื่อรึเปล่า?”

    “เอ่อ...เรื่องนั้น...—“

    ตู้มมมม!!!!!!!!!!!!!!

     

    ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร เสียงระเบิดจากด้านหลังก็ดังสนั่นขึ้น รวมถึงเงาของคนสองคนกำลังพุ่งมาทางนี้

    เกียวคุโร่!!

    ต้องหนี ไปหากำลังเสริม!

     

    “มาเร็ว!!” หญิงสาวกระชากแขนของมินาโตะใช้แรงทั้งหมดวิ่งออกไปทันที

    เขาจัดการคาคาชิได้งั้นเหรอ?

    ไม่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิ

     

    ทั้งคู่วิ่งเข้าไปในป่าลึก ถึงแม้ว่าเวลาตอนที่เธออยู่ข้างในจะยาวนานขนาดไหน แต่ดูเหมือนข้างนอกจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ท้องฟ้ายังมีอาทิตย์ส่องแสงอยู่

    อาการเจ็บปวดปะทุขึ้นหลังออกวิ่งได้มาซักระยะ จนเธอต้องล้มลงแล้วพ่นเลือดออกมา

    “อุ้บ! อ่อก!”

    “มิกิ!!” มินาโตะน้อยยังคงพยายามพยุงตัวเธอขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเธอจะเริ่มขยับไม่ไหวเสียแล้ว

    “พี่ต้องไป ไปที่หมู่บ้าน....”

    “ถ้าเธอไม่ไปกับผม ผมไม่ยอมทิ้งเธอหรอก”  เสียงของเขาสั่นเครือ

    “พี่มินาโตะ...”

    “ผมสัญญากับแม่ไว้แล้ว ว่าจะปกป้องน้องสาวของผม ผมสัญญาไว้แล้วนะ”

    ไม่เคยเห็นพี่ชายของเธองอแงแบบนี้มาก่อนเลย มีแต่เราที่งอแงใส่เขา

    คิดถึงจัง สมัยตอนที่เรากอดเขา ...

     

    ท้ายสุดแล้ว ชายผู้มีนามว่า เกียวคุโร่ ก็ไล่ตามทั้งคู่ทัน

    “เป็นลูกๆที่ดื้อเหมือนแม่จริงๆนะ มินาโตะ มิกิ” เขาว่า พร้อมรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ

    “พ่อมีของมาฝากลูกด้วยนะ เผื่อว่าลูกจะลืมเอาไว้ มิกิ” เขาว่าแล้วยกร่างของคู่ต่อสู้ล่าสุดที่ล้มไม่เป็นท่าให้เขา

    มิกิได้แต่ตกตะลึง เมื่อเห็นร่างคุ้นตาหมดสภาพ

    คนๆนี้แข็งแกร่งขนาดนี้

    “มินาโตะ ลูกเป็นอดีตที่พ่อปลุกขึ้นมาแท้ๆ แต่ไม่เคยเชื่อฟังพ่อเหมือนตัวลูกจริงๆเลยนะ”

    มินาโตะไม่ได้หวาดกลัวชายตรงหน้าอีกแล้ว เขาเอาตัวปกป้องน้องสาวของเขา โดยคุไนเล่มเดียว

    “อย่าได้แตะต้องเธอ!!”

    “โอ้ พ่อไม่แตะแน่ พ่อจะให้ลูกพาเธอกลับมาต่างหาก...” เขาว่าแล้วยกมือแบบยอมแพ้ “เหมือนกับที่ลูกทำเมื่อคืนยังไงล่ะ”

    “อึก...”

    มิกิมองทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ มีคำถามมากมายว่าทำไมพี่ชายของมินาโตะถึงปิดบังเรื่องครอบครัวกับเธอ แต่สิ่งที่เกียวคุโร่ทำต่อหน้า มันทำให้เธอตัดสินแล้วว่าชายคนนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอแล้ว

    แต่ทำไม...ถ้าเขาเป็นพ่อจริง ทำไมเขาถึงต้องการทำลายหมู่บ้าน

    “แค่เพราะ...หมู่บ้านแย่งพวกฉันไปจากแก ...งั้นเหรอ?”

    “หา?”

    “เพราะอะไร ทำไมแกต้องทำลายหมู่บ้าน ทั้งๆที่แค่มาหาพวกฉันแล้วบอกว่าเป็นใคร แค่นั้นก็เพียงพอแล้วนี่”

    ประโยคนั้นทำเอาเกียวคุโร่กัดฟันกรอด เขาเห็นบางสิ่งในแววตาของมิกิ สิ่งที่เขาเกลียดชัง เกลียดกว่าอะไรทั้งหมด

    “สิ่งที่มันขโมยไป....จากฉัน... ฉันจะใช้มันทำลายสิ่งที่มันรัก...” เขาว่าแล้วก้าวเข้ามาหาทั้งคู่

    “โฮคาเงะที่พวกแกรักไงล่ะ!!”

    ไม่ร็ว่าหัวหน้ากลุ่มโอนิวะบังเข้ามาจะทำอะไร แต่เหมือนเขาจะหยุดชะงักไปเสียแล้ว พร้อมกับเสียงดัง ฟุ่บ!

    ช่องท้องของเกียวคุโร่กลายเป็นรูโหว่อย่างไม่ทันตั้งตัว

    “อะไรกั—อ่อก!!”

    เขาล้มลง เลือดไหลออกมาไม่หยุด มิกิรีบมองหาผู้ช่วยชีวิตคนใหม่ทันที ก็พบกับร่างผู้ไม่คาดคิดยืนอยู่ดานหลังเธอ

    “ทะ...ท่านดันโซ!!”

     

     

     

     

    ชิมูระ ดันโซ

    บุคคลที่ควรเฝ้าระวังที่สุดในโคโนฮะ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้

    “น่าสมเพชซะจริง เกียวคุโร่ มุดหัวอยู่ในรูมาเสียนาน ออกมากลับพึ่งพาคนอื่น”

    “กะ...แก ดันโซ !”

    ชายชราเดินด้วยไม้เท้าก้าวเข้าไปหาร่างที่หายใจระริน ยืนจ้องมองไร้เมตตา

    “และนี่เป็นสิ่งที่สุดท้าย ที่ท่านโฮคาเงะรุ่นที่สองต้องการก่อนท่านจะจากไป”

    “รุ่นที่สอง...?”

    อีกแล้ว... พูดถึงอีกแล้ว...

    “เหอะ ไอเด็กขี้ขลาดอย่างแกเนี่ยนะ ทำหน้าที่ปกป้องลูกๆของฉัน”

    ไม้เท้าถูกฟาดเข้าไปอย่างจัง

    “พวกเขาไม่ใช่ลูกของแก เกียวคุโร่” ดันโซกล่าว “ไม่เคยเป็น”

    “แก...รู้...อะไร...”

    หลังจากนั้น ดันโซก็ย่อตัวลงขยับปากข้างหูชายผู้ใกล้ตาย โดยที่มิกิและมินาโตะไม่ได้ยิน

    เกียวคุโร่เบิกตากว้าง ก่อนจะยิ้มขัน “เหอะ งั้นเหรอ ที่ผ่านมาฉัน...ไม่เคยทำมัน...สำเร็จสินะ”

     

    และจากนั้น เกียวคุโร่แห่งโอนิวะบังก็จากไป ทิ้งไว้เพียงปริศนาที่เขารับรู้ก่อนจะสิ้นลม 


     

    ----------------------------------------------------------------------

    ในที่สุดก็จบตอนซักทีค่ะ !!! น๊านนานกลับมาอีกจริงๆ แงง ขอโทษที่ให้รอนะคะ งานมันเยอะจริงๆ พักไม่ได้เลย TOT  

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×