คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่5 : เวทมนตร์ต้องห้าม 100% แล้วจ้า
ในความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันท่ามกลางการทดสอบที่ดุเดือดที่สุด ทุกสายตาจับจ้องมายังกลางสนามประลอง ภาพของนักบวชหนุ่มที่ควบตำแหน่งนักฆ่าฝีมือดี กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับ ว่าที่ผู้นำของ เทอร์บูเลนซ์ คอมเพชั่น ที่มาพร้อมกับอาวุธในตำนานอย่างบลัดดิช บาสซูน
ถ้าใช้เวทย์บทนั้น ถึงจะเสี่ยงแต่ก็ดูท่าว่าในเวลานี้มันจะเป็นอะไรที่ดูเข้าท่าที่สุด เพราะถ้ายังดึงดันอยู่ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะเป็นเป้าให้ฝ่ายตรงข้ามซะมากกว่า สู้ยอมเสี่ยงไปเลยน่าจะดีกว่า
แต่ตอนนี้สงสัยฉันคงจะต้องจัดการกับเสียงของเพาว์ลี่ที่ตะโกนไปมา และก็แน่นอนว่ามีแต่ฉันคนเดียวที่ได้ยิน
‘อย่าทำอะไรบ้าๆอย่างนั้นนะเฟ้ย!!!’
‘ฟังที่ข้าพูดอยู่หรือเปล่า หา!!!!’
‘เจ้าไม่คิดจะฟังข้าเลยใช่ไหม!!!’
ใช่!!! พอสักทีเถอะ นายคิดว่าถ้าฉันไม่ทำฉันจะชนะเหรอ นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่ชนะก็ไม่แต่ตาย ลำพังตัวฉันนะดูก็รู้ว่าไม่มีทางชนะ นายไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูด!!!!!!!!
ฉันตะโกนตอบในความคิดทันที เสียงของเพาว์ลี่เงียบลงไปทันที ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ นะ
ฉัน...
‘ไม่ต้องพูด จะทำอะไรก็ทำข้าจะไม่ขวาง ต่อให้ข้าจะถูกจับอยู่แบบนี้!!!’
หา!!! นายว่าอะไรนะ เพาว์ลี่!!!
เสียงของเพาว์ลี่หายไป ไม่ว่าจะพยามเรียกยังไงหมอนั้นก็ไม่ยอมตอบ หมายความว่าไงที่บอกว่าถูกจับอยู่ ใครจับเพาว์ลี่ไว้ ในหัวฉันตอนนี้มีแต่คำถามพวกนี้ลอยอยู่ในหัว แล้วอยู่ๆ
ตูม!!!!!
“คอนซา ดิ ลอนดิเน่!!!!”
ทุกสายตาจับจ้องไปยังกลางสนาม ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรู้แต่ว่าตอนนี้สมองของฉันไม่รับรู้เรื่องอะไรทั้งสิ้นนอกจากความเจ็บปวดหัวที่ประดังเข้ามาอย่างกระทันหัน ราวกับว่ามีใครเอาคีมคีบอันใหญ่ยักษ์มาบีบหัวของฉัน ฉันทรุดลงกับพื้นแข็งกระด้างก็จะดิ้นพล่านอย่างเจ็บปวด ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับลง
ไม่ได้นะ!!!ฉันจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
‘เธออยากชนะใช่ไหม’
ใครนะ!!!
ฉันตะโกนถามในความมืด แต่ฉันก็ต้องตะลึงกับภาพตรงหน้าที่มาพร้อมกับคำตอบของเสียงปริศนานั้น
‘ฉัน...ก็คือเธอไงละ’
ร่างแบบบาง ผมสไลท์ยาวประบ่าถูกเสยขึ้นไปอย่างไม่ใส่ใจ ร่างบางเลียริมฝีปากตัวเองเบา ก่อนจะแลบลิ้นใส่ฉัน ดวงตาที่ไร้ตาขาวมองมาอย่างเยาะเย้ย ทั้งท่าทาง รูปร่าง ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าคือตัวฉันอย่างแน่นอน!!! จะมีก็แค่ตาขาวของมันที่เป็นสีดำสนิท ตัดกับตาดำที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเจิดจ้า กับ เสื้อผ้าแบบเดียวกับฉัน ต่างกัน ตรงที่เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวก็เท่านั้น!!!
‘เหมือนใช่ไหมละ ข้าวฟ่าง ฉันกับเธอน่ะเป็นครึ่งขึ้นของกันและกันนะ คึหึหึหึ’
‘อยากชนะไหมล่ะ ฉันช่วยเธอได้นะ’
‘ฉันไม่อยากแพ้!!!’
‘งั้นให้ฉันช่วยนะ’
ตัวฉันอีกคนเดินเข้ามาพลางเอามือลูบหน้าฉันเบาๆ วูบเดียวที่รู้สึกเจ็บ ฉันยกมือขึ้นแตะข้างแก้ม ของเหลวสีแดงสดติดปลายนิ้วมาเล็กน้อย ตัวฉันอีกคนดึงมือที่แตะอยู่ที่ข้างแก้มของฉันออก ที่ปลายนิ้วมีเลือดติดอยู่เหมือนกับฉันในตอนนี้ สายตานั้นมองมาอย่างถูกใจก่อนจะแลบลิ้นเลียเลือดที่ติดอยู่ที่ปลายนิ้วอย่างพอใจ
โรคจิต!!!
ไม่ทันที่ฉันจะได้ทำอะไร ตัวฉันอีกคนก็ผลักฉันให้ล้มลง ก่อนจะขึ้นมาคร่อมบนตัวฉันแล้วออกแรงตบหน้าฉันไม่ยั้ง จนฉันรู้สึกถึงเลือดคาวในปาก มันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสะใจ ก่อนจะออกแรงจิกผมของฉันขึ้นมา
‘ไม่ต้องกลัว ฉันจะช่วยให้จอมห่วยอย่างแกได้ชนะสมใจอยาก แต่คงจะต้องรอให้ฉันได้ควบคุมร่างของแกก่อนนะ ฮาๆๆๆ’
ผัวะๆๆ!!!
‘มองหน้าทำไม แกนะไม่มีทางสู้ฉันได้หรอกฮาๆๆๆ แกก็แค่ใช้ไอ้มังกรนั้นเป็นเกราะป้องกันความอ่อนแอของตัวเอง ไม่มีใครต้องการแกหรอก ไม่มีใครต้องการแก!!! แม้แต่แม่กับน้องก็ไม่ต้องการแก!!! ทุกคนเกลียดแก ทุกคนเกลียดแก!!!’
“ฉันไม่ต้องการให้ใครรัก...”ฉันกัดฟัดพูด มองร่างตรงหน้าราวกับสัตว์ประหลาด ความรู้สึกขยะแขยงจู่โจมเข้ามา ครึ่งหนึ่งของฉันงั้นเหรอ คนตรงหน้าไม่มีทางที่จะเป็นตัวฉันแน่!!! ตอนนี้ร่างกายสมองทุกสิ่งในร่างการของฉันพยามต่อต้านกับทุกสิ่งที่เข้ามา ฉันไม่ได้ใช้ใครเป็นเกราะป้องกันความอ่อนแอ ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่ ไม่ ไม่!!!!
‘รู้สึกไหมว่าฉันกำลังกลืนกินแกอยู่ แกมาได้แค่นี้แหละ หลับให้สบายนะ หลับไปตลอดกาล ฮาๆๆๆ’
ไม่มีใครต้องการแกหรอก!!!
ไม่!!!
ไม่มีใครต้องการแก!!!
ไม่!!!
ทุกคนเกลียดแก!!!
ไม่!!!ไม่เอาแบบนี้!!!
แม้แต่แม่กับน้องก็ไม่ต้องการ...
ใคร...ใครก็ได้ช่วยฉันที ช่วยฉันที!!!
สติของฉันใกล้จะหลุดลอยไปทุกที รู้สึกทรมานไปทุกส่วนของร่างกาย เหมือนไฟลามเลียไปทั่วร่างกาย วูบหนึ่งที่ฉันคิดถึงใครบางคน...เพาว์ลี่ ไม่ฉันไม่ได้คิดถึงหมอนั้น ฉันไม่ได้ใช้ใครเป็นเกราะป้องกัน ฉันไม่ได้อ่อนแอ!!!
ทำนบกั้นน้ำตาเริ่มจะพังลงอย่างช้าๆ ใครบอกว่าการร้องให้ไม่ผิดกัน มันผิดมากต่างหาก เพราะมันทำให้ความเข้มแข็งพังทลายลง ฉันเข้มแข็งจะตายไป ฉันต้องไม่ร้องไห้...ต้องไม่ร้องไห้ แต่เหมือนยิ่งห้ามน้ำตาบ้าๆก็ยิ่งไหลออกมา ฉันไม่มีแรงจะขัดขืน ไม่มีแม้แต่แรงจะเช็ดน้ำตาด้วยซ้ำ ตอนนี้ฉันเข้าใจดีเลยละว่าไอ้อาการเจ็บปางตายมันเป็นยังไง ไม่มีแม้แต่แรงจะหายใจด้วยซ้ำ
‘กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!’
ฉันพยามลืมตามองเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ก็ไม่สามารถจะเห็นได้ชัดเจนนัก เพราะม่านน้ำตาที่คอยบดบัง เสียงดังโครมครามของอะไรบางอย่างดังมาเป็นระยะ พร้อมกับ เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน ตอนนี้สมองรับรู้เพียงความเจ็บปวดจนไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นเสียงของใคร หรือเกิดอะไรขึ้น
พลันความรู้สึกเย็นไปทั่วร่างราวกับว่ามีใครเอาน้ำเย็นจัดมาสาด
‘ยัยบ้า ใครใช้ให้เจ้าตายกัน ตื่นมาคุยกับข้าเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย!!!’
“ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่ท่านผู้นำจะต้องไม่เป็นอะไร”อีกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆแต่ฉันกลับรู้สึกถึงกระแสความร้องรนของเจ้าของเสียง ผ่านไปครู่หนึ่งฝีเท้าของบ้างคนก็ทิ้งลงด้านข้าง ก่อนจะช้อนตัวของฉันขึ้นจากพื้น เพียงครู่ความอบอุ่นบางอย่างก็แทรกเข้ามาแทนความเย็น
อุ่นจัง!
ร่างของฉันเบาหวิวราวกับลอยอยู่ในอากาศ ความอบอุ่นนั้นทำให้สติของฉันคอยๆหลุดลอยไปช้าๆก่อนจะเคลิ้มหลับไปในที่สุด
“ข้าวฟ่างตื้นได้แล้ว”
ที่นี่มันที่ไหนกัน ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนอนสีเขียวอ่อนๆ ขนาดใหญ่ มีจิ๊กซอว์และโปสเตอร์การ์ตูนที่ฉันชอบประดับอยู่บนฝาผนัง เตียงเดียวสีฟ้าลายวันพีช สวนเตียงที่ติดกันเป็นเตียงแบบนอนได้สองคน ลายโดราเอม่อน มีหมอนสองใบสองสีวางอยู่ พร้องกับตุ๊กตาหมีสีขาวและชมพู ที่นี่มันห้องนอนบ้านฉันนี่
“ไอ้หมูอ้วน ตื่นแล้วยังจะนอนต่ออีก ไปกินข้าวกัน”
“เนย...แม่...”
ฉันเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ กับภาพตรงหน้า นี่มันอะไรกัน เมื่อกี้ฉํนยังอยู่ในสนามประลองอะไรนั้นอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ห้องนอนของตัวเองได้
“เนย แกไม่ว่าพี่แล้วเหรอ”
“ว่าเรื่องอะไรอะ”
“ก็เนยชอบหาว่าพี่ไปเที่ยวกลางคืนทั้งที่พี่ไปพับถุงกล้วยแขกส่งเนยเรียนอะ”
“จะบ้าเหรอ พี่เนี่ยนะพับถุงกล้วยแขกส่งหนูเรียน บ้านเราไม่ได้จนขนาดนั้นนะ แถมพี่ก็อยู่หอตลอด แถมยังซ้อมทุกวันจะเอาเวลาที่ไหนไปพับถุงกล้วยแขก”
“เมาที่นอนหรือเปล่า”แม่พูดติดตลก
“หา....หนูซ้อมตลอด ซ้อมอะไร แล้วทำไมหนูถึงไอยู่หอ แล้วๆ”ฉันเอ่ยปากถามออกมาอย่างงุงงงไม่เข้าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิด แม่กับเนยยิ้มขำๆเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“สงสัยนอนมากความจำเลยเสื่อมแฮะ ก็ลูกชื่อ พัชรณัฐ อุ่นแก้ว ชื่อเล่นก็ข้าวฟ่าง จบอนุบาลที่อนุบาลหมาน้อย ประถมที่โรงเรียนประถมเชาว์ๆ มัธยมต้นที่มัธยมปอร์เช่ ต้อนนี้เรียนม.ปลายอยู่ที่โรงเรียนดนตรีที่ใหญ่ที่สุดแล้วก็ดีที่สุดในประเทศไทย วิชาเอกร้องเพลงคลาสสิก แนวเพลงที่ชอบ คลาสสิก ป๊อป แจ๊ส ชอบกินกาแฟ กับเค้กช็อกโกเล็ตขมๆ ชอบดูการ์ตูนเรื่องวันพีช บลีช ไม่ชอบกินของมันๆ แต่ชอบกินแป้ง ตุ๊กตาตัวโปรดเป็นตุ๊กตาแมวชื่อโตโต้ ส่วนตุ๊กตากระต่ายชื่อ สปาเนอร์ เป็นตัวผู้ทั้งคู่ ชอบซุมซ่าม เดินไม่ดูทาง แต่เป็นเด็กเรียนเก่ง ปกติจะกลับมาเยี่ยมบ้านทุกสองอาทิตย์ แต่ตอนนี้ปิดเทอมเลยมาอยู่ยาวจนกว่าจะเปิดเทอม”
ฉันนั่งอึ้งกับเรื่องที่แม่เล่ามาทั้งมันถูกต้องหมดทุกอย่าง ฉันเริ่มจำได้แล้วเมื่อคืนฉันหลับเพราะว่าเหนื่อยจากการเดินทางกลับบ้าน เพราะว่าจากโรงเรียนถึงบ้านมันค่อนข้างไกล ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง ที่สำคัญ ฉันไม่ได้ชื่อปฐวี อัครเวทย์ แต่เป็น พัชรณัฐ อุ่นแก้ว ต่างหาก ส่วนเรื่องชื่อปฐวีมาจากไหนนั้น ฉันจำได้แล้วว่ามันเป็นชื่อของไอดอลที่ฉันชอบ แม่ทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“เราอยู่ด้วยกันสามคนมีแม่ ข้าวฟ่าง แล้วก็น้อง”
“งั้นแสดงว่าที่เนยเคยว่าหนู ที่แม่ชอบตีแล้วก็ใช่ให้หนูไปพับถุงกล้วยแขกขาย รวมทั้งเรื่องที่หนูต้องต่อสู้เพื่อเป็นบอสของบริษัทนักฆ่านั้นก็เป็นความฝันหมดเลยนะสิ “ฉันถามอย่างตื่นเต้น ฉันไม่ต้องไปพับถุงกล้วยแขก ไม่ต้องถูกหมาไล่ฟัด มีต้องมีเรื่อง ไม่ต้องกระโดดน้ำ ไม่ต้องเจอพระเจ้า เป็นแค่คนธรรมดาๆ ใช่ชีวิตแบบธรรมดา ไม่ต้องต่อสู้ ไม่ต้องฝึกเพื่อที่จะต่อสู้เพื่อทดสอบการเป็นบอส
และ
ไม่ต้องเจอเพาว์ลี่
ทำไมฉันต้องแอบใจหายด้วยละ
ก็ดีแล้วนี่
นั้นสินะ ถ้าไม่เจอเพาว์ลี่ ฉันก็ไม่ต้องฝึกอะไรที่มันลำบาก ถูกบังคับให้วิ่งรอบเขาอะไรนั้นด้วย ไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรกังวลหรือใจหายเลยซักนัด
“จะว่าไปก็เกือบทั้งหมดนะ”
“แม่หมายความว่ายังไง”
“นั่นสินะ”เนยพูดต่อ มันหมายความว่ายังไงกัน
“ทุกเรื่องเป็นความฝัน ยกเว้นเรื่องที่ลูกคุยกับแม่อยู่แล้วก็เรื่องที่ลูกไปเจอกับเพาว์ลี่และการต่อสู้ทอดสอบเป็นบอสนั้นแหละ”
“หา!!!”
“ไม่ต้องหาแล้ว ไปได้แล้ว”
“เฮ้ย เนยจะให้พี่ไปไหนอะ”
“ก็กลับไปที่สนามประลองไง”
“หา!!!”
“ทำไมชอบทำหน้าบื้อจัง” อ้าวไหงหาว่าฉันทำหน้าซื่อบื้อละฟะ ไอ้น้องคนนี้ แต่ก็ดีแล้วละที่ฉันได้น้องแบบนี้กลับมา ดีว่าในฝันบ้าๆนั้นเยอะเลย ว่าแต่เมื่อไหร่จะเลิกดันหลังฉันซะที
“แล้วจะไปยังไงอะ เฮ้ย พี่อยากอยู่กับแม่มากกว่า”
“ลูกแง่ติดแม่”เนยพึมพำออกมา ฉันไม่ได้ติดแม่โว้ย
“มาๆ สุดที่รักของแม่มาให้มาให้แม่กอดลาที่หนึ่งมา” แม่พูดพลางวิ่งเข้ามากอด ทำหน้าอย่างกับว่าเป็นแจ๊คที่วิ่งเข้ามากอดโรสงั้นแหละ
กอดแบบนี้มันก็ดีอยู่หลอกแต่...
หะ...หายใจไม่ออก
“แม่...ปล่อยพี่ได้แล้ว พี่จะตายอยู่แล้ว”
“โอเค”
“งั้นก็ไปได้แล้ว”เนยพูดก่อนที่ฉันจะทันได้รู้ตัว อะไรบางอย่างก็ปะทะเข้ากลางหลังด้วยแรงประหนึ่งถูกช้างแมมมอตถีบ
“เหวออออออออ”
ฉันร้องเสียงหลง ก่อนที่ภาพต่างๆจะ หายวับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันแน่ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝันแน่เพราะว่าแรงถีบบวกกับ เสียงของแม่กับน้องดังแว้วมาไกล พอจับใจความได้ว่าโชคดีนะ กับอีกประโยคที่พูดว่า เก็บของที่ให้ไปให้ดีนะ
ของอะไรวะ
และไม่ทันที่ฉันหายสงสัยฉันก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหล่นเฉียดหัวฉันลงมา แถมยังเป็นอะไรที่ทำให้ฉันร้องเสียงหลงได้ซะด้วย
“เฮ้ยยยยยย!!!!!”
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่พร้อมกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คสุดที่รักกำลังร่วงลงไปที่ไหนซักแห่ง ไม่ได้นะเฟ้ยนั้นเป็นโน๊ตบุ๊คที่ฉันเก็บเงินแทบตายกว่าจะได้มา ราคาตั้งหลายหมื่น
“กลับม่า!!!!!”
ฉันตะโกน ก่อนจะพยามว่ายอากาศ (เป็นภาพที่สวยงามน่าดูชม) อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว
หมับ!!!
ฉันคว้ากระเป๋าโน๊ตบุ๊ตมาได้สำเร็จ แต่เรื่องดีดีไม่ทั้นจะหายเรื่องร้ายๆ ก็เข้ามาแซก เพราตอนนี้ความมืดรอบด้านเริ่มเปลี่ยนไป แสงสว่างเริ่มเข้ามาแทนที่ ฉันหรี่ตาลงเพื่อปรับแสง แต่พอตาเริ่มชินกับแสงฉันก็ได้พบความข้าวร้ายที่มาความซวยแบบสุดๆของฉัน
เพราะว่าตอนนี้ฉันกำลังร่วง
ไม่ใช่ร่วงแบบธรรมดานะ แต่เป็นร่วงจากที่สูงลิบ มองเห็นสนามประลองการทดสอบเป็นบอสอะไรนั้นเล็กเท่าขี้เล็บ
“แว้กกกกก!!!”
อะไรมาฉุดก็เอาไม่อยู่เพราะตอนนี้ฉันกำลัง ร่วง จากที่สูงด้วยความเร็วที่ถ้าเป็นความเร็วของจรวดที่บินไปนอกโลกละก็ คงจะบินทะลุแรงโนมถ่วงโลกไปได้แบบไม่ถึงนาที และขณะที่ฉันกำลังร่วงสายตาอันเฉียบแหลมของฉันก็บังเอิญไปหยุดที่อะไรบางอย่างเข้า
นั้นอะไรนะ!
มีใครเห็นเหมือนฉันบ้างไหม ที่พื้นด้านล่างตรงสนามประลอง ฉันเห็นสีม่วงแวบๆ ที่สะท้อนเข้าตาแข่งกับแสงสปอร์ตไลท์ และยังมีอะไรบางอย่างเป็นขยับไปมาเหมือนคลื่นสีแดง ซ้ำร้ายถ้าฉันมองไม่ผิดอะไรบางอย่างที่เป็นสีแดงนั่นกำลังพุ่งมา
แถมยังมาทางฉันอีก
ตายแน่ๆ ตู
เค้ายังไม่อยากตายยยยยย!!!
ฉันหลับตาปี๋ เตรียมรับอะไรบางสีแดงๆนั้น ถ้าจำไม่ผิด ไอ้สีแดงๆนั้นคือกลีกุหลาบแดง ที่เป็นอาวุธของดีโน่ และแน่นอนสีม่วงที่ฉันเห็นก็คงจะเป็นผมของดีโน่แน่ๆ
ทำไมแม่กลับเนยถึงถีบให้หนูมาตายแบบนี้ อี๊ อี๊ อี๊ (จะแอกโค่เพื่อ...)
โครมมมมม!!!
ตุ๊บ!!!
“แอ่กกกกก!!!”
“โอ๊ยยยยย!!!”
ฉันร้องออกมาเสียงหลงความจุกแล่นไปทั่วร่าง ว่าแต่เสียงร้องอีกเสียงหนึ่งมันคือเสียงใครกัน ช่างมันเถอะ ตอนนี้ประเด็นสำคัญอยู่ที่ โน๊ตบุ๊คของฉันยังอยู่ในสภาพครบสามสิบสองหรือเปล่า
ฉันรีบลุกขึ้นนั่งอย่างอย่างรวดเร็วก่อนจะสำรวจกระเป๋าโน๊ตบุ๊คว่าขาดตรงไหนหรือเปล่า และรูดซิปกระเป๋าออกหยิบโน๊ตบุ๊คแบบบางสีควันบุหรี่มาหมุนซ้ายขวา ส่องดูความผิดปกติ อา...ดีจัง ยังอยู่ครบสามสิบสองดี
และระหว่างที่ฉันกำลังนั่งกอดโน๊ตบุ๊คสุดที่รักอยู่นั้นเอง ฉันก็ได้ยินอะไรแว่วๆมาจากประตูบานไหนบานหนึ่งในสนาม
“บะ...บอสระวัง!!!”
“ตายแน่ๆ บอสหลบ...”
ยังไม่ทันจบประโยคดีฉันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างพุ่งฝ่าอากาศมาอย่างรวดเร็ว ฉันเงยหน้ามองขึ้นข้างบน ทำหน้าเหวอประหนึ่งเห็นปลาบู่กับสิงโตทะเลกัดกัน ชนิดที่หาความงามไม่เจอทีเดียวเชียว คำว่าไม่งามกระเด็นออกจากหัวฉันไปตั้งแต่เห็นกระเป๋าเดินทางใบเบ่อเริ่มที่กำลังลอยละลิ่ว (ความจริงต้องเรียกว่าพุ่งลงมามากกว่า) หมุนเป็นวงสวยด้วยความเร็วสูงยังกับเครื่องเล่นสกายโคลสเตอร์ ยังไงอย่างงั้น
ฉันรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่ว่าสะดุดขาตัวเองล้มหน้าคว่ำเสียงดังสนั่น แต่ก็ยังดีเหมือนโชคจะเข้าข้างอยู่บ้าง เพราะว่าฉันบังเอิญหลบมันได้ทันพอดี แต่...
โครมมม!!!
“แอ๊ฟฟฟฟฟฟ!!!”
เสียงร้องหลงๆ ทำให้ฉันหันไปมองทันที มีฝุ่นควันเกิดขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากแรงกระแทกที่ถึงขั้นทำให้พื้นสนามประลองที่ขนาดฉันโดนดีโน่อันพลังใส่เปรี้ยงๆ พื้นยังไม่เป็นรอยเลยสักกะติ๊ด ตอนนี้เป็นหลุมลงไปเลยที่เดียว ฉันไอแรงๆออกมาสองสามที เนื่องด้วยอาการแพ้ฝุ่นกำเริบขึ้นมานิดหน่อย (ความจริงก็ไม่หน่อยหรอกนะ) ฝุ่นควันเริ่มจางลงบ้าง ทำให้พอมองเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น
เฮ้ยยย!!!
ดะ...ดีโน่งั้นเหรอ
ฉันมองผู้เคราะห์ร้ายอย่างดินิวิต้า อาเชดิเนโก้ หรือดีโน่ ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งสงสาร เห็นใจ แต่ส่วนมากจะเอียงไปในทางสมน้ำหน้าและสะใจเป็นที่สุด เพราะสภาพตอนนี้เรียกได้เลยว่าไม่มีอะไรจะขำกว่านี้แล้ว เพราะตอนนี้ตัวของดีโน่ถูกทับด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เท่าบ้าน ขาชี้ฟ้า นอนชักกระแด่วกระแด่วอยู่ใต้กระเป๋าเดินทาง ผมที่ถูกหวีอย่างเรียบร้อยสีม่วงนั้นยุ่งฟูไม่เป็นทรง
“ก๊ากกกกๆ “ฉันหัวเราะลั่น น้ำหูตาไหลอย่างไม่เกรงใจใคร ก็ท่าของดีโน่มันขำซะจนทนไม่ได้เองนี่นา ถึงจะหน้าสงสารไปบ้าง (แต่ไม่คิดจะช่วยเลยสักนิด สาบานได้)
ฟิ้ว!
เสียงอะไรหว่า ช่างเถอะขอขำดีโน่ก่อนดีกว่า ฮาๆๆๆๆ
“แอ๊ฟฟฟฟฟ!!!”
สงสัยที่เขาเรียกว่าหัวเราะทีหลังดีกว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้ฉันลงมานอนชักดิ้นงอเป็นเพื่อนดีโน่เรียบร้อย จากกระเป๋าอีกใบเป็นเหตุ ก็ระหว่างที่ฉันหัวเราะขำกลิ้งเป็นบ้าเป็นหลัง กระเป๋าอีกใบที่เล็กว่า (แต่พุ่งมาเร็วกว่า) ก็ลอยมาจากด้านหลังก่อนหล่นตุ๊บลงบนที่ๆไม่ควรจะหล่นอย่างหัวฉัน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าเวรกรรมมีจริง หรือ เพราะความซวยบวกห่วยของฉันกำเริบแต่จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ
แต่ตอนนี้...
ใครก็ได้ช่วยลากฉันไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ!!!
ความคิดเห็น