คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ผู้มาเยือน!!!(แก้จ้า)
“ฉันขอโทษษษษษษษ!!!!” ภาพของเด็กสาวผู้น่ารักอย่างฉัน =,.= กำลังวิ่งหนีไอ้เจ้ามังกรขี้โมโหอย่างเพาว์ลี่ กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่(จำ)ต้องทำทุกวันตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ฉันตกลงว่าจะมาอยู่กับเพาว์ลี่ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพจมานยังไงอย่างงั้นเลยแฮะ...
“วิวาโต้!!!!!!”
ตูม!!!
เสียงร่ายเวทย์นั้นทำให้ฉันชะงัก จะไม่ชะงักได้ไงละ ก็หมอนั้นดันเล็งตำแหน่งมาที่ด้านหน้าฉันพอดีเลยนะสิ นี้ถ้าเบรกไม่ทันมีหวังถูกย่างสดแต่เช้าแน่เลย อึย!
“ไม่ต้องมาอึย! เลย รู้ไม่ว่านี้มันใบที่เท่าไรแล้ว”
“สอง...”ฉันตอบเสียงอ่อย แต่กลับถูกเพาว์ลี่ตะโกนเสียงดังใส่หน้า แง...ใจร้ายที่สุด
“สองใบ บ้านเจ้าสิ นี่มันใบที่ห้าสิบแล้วโว้ย!!!”
“งะ...ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าจานมันจะร่วงลงมา”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว วันนี้ถ้าข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า อย่ามาเรียกข้าว่าเพาว์โรอาเรซิน”
ตูม!!!
“อ๊ากกกกกกกกกกกก!!! ช้านนนนผิดไปแล้วยกโทษให้ฉันด้วยยยยยย!!!”
เอาละทุกคนคงสงสัยว่า ทำไม่สาวน้อยน่าลัก(ไปฆ่า)อย่างฉันถึงได้โดนไอ้เพาว์ลี่ (เปลี่ยนคำนำหน้าใหม่เรียบร้อย) ฆ่าแบบนี้ แต่ก่อนที่เราจะย้อนไปดู ขอให้ทุกท่านโปรดไว้อาลัยต่อหน้าเด็กสาวที่ตอนนี้กลายสภาพไปศพไปแล้วเรียบร้อยเป็นเวลา 3 นาที อาเมน!
เมื่อ 10 นาทีก่อน
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”ฉันตะโกนถามเพาว์ลี่ ที่ตอนนี้กำลังก้มๆเงยๆทำอะไรสักอย่างอยู่หน้าบ้าน แต่ที่นี่ก็แปลกดีแฮะ! พระจันทร์ของที่นี่มันเล่นขึ้นทั้งวันทั้งคืน นี่ถ้าไม่มีนาฬิกาฉันคงจะนอนหลับมันทั้งวันแน่ๆ
“ไม่มี เจ้าไปนั่งเล่นเถอะ!”
“อืม!”
ฉันตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟากลางบ้าน ก่อนจะนั่งคิดอะไรเพลินๆ ฉันมองไปรอบๆบ้าน บ้างที่ถ้าที่นี่ไม่มีเพาว์ลี่ ฉันคิดว่ามันแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากที่บ้านฉันเลยสักนิด ทั้งโซฟา ที่นอน ห้องครัว หรืออะไรต่างๆ ฉันคงคิดว่าที่นี้เป็นที่ไหนสักทีหนึ่งในประเทศไทยแน่ๆ
จริงซิ! พอคิดถึงครัว ลองเข้าไปดูดีกว่าว่ามีอะไรให้กินบ้าง เหอะๆ แม่จะกินให้หมดเลย ฉันค่อยๆเดินไปยังห้องครัวแต่สภาพที่ฉันเห็นทำให้ฉันแทบช็อค!
เนี่ยนะ! ที่บอกว่าไม่มีงาน จานกองพะเนินเทินทึก ชนิดที่สูงกว่าหัว กองรวมกันอยู่ในอ่างล้างจาน เอาว่ะ! อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ล้างจงล้างจานให้มังกรใช้ (สุภาษิตบ้านให้เนี่ย! )หลังจากนั้นการลงมือล้างจานก็เริ่มต้นขึ้นจนถึงไปสุดท้าย...
“แค่นี้ก็เรียบร้อย อ้าว! อะเฮ้ย!!!”
ฉันร้องเสียงหลง เมื่อจานที่ถูกจัดเก็บบนชั้นจู่ๆก็ร่วงกราวลงมาแบบไม่ได้ทันตั้งตัว เสียงของจานที่กระทบกับพื้นดังสนั่นไปทั่วบ้านและ...
“จาน...ฉันจะฆ่าเธอออออออ!!!!”
“เค้าขอโตดดดดดดดด!!!”
และนั้นก็เป็นต้นเหตุของการวิวาทแบบรุนแรงของวันนี้ แต่ฉันไม่ควรจะคิดเรื่องนั้นใช่ไหม เพราะว่าตอนนี้หลังของฉันชนเข้ากับผนังซะแล้ว แว้กกกกก!!! แล้วจะหนีไปไหนได้ละทีนี้
“เหอะๆๆ ไม่ต้องคิดหนีเลย เพราะยังไงวันนี้เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี”
ไม่พูดเปล่าเพาว์ลี่เดินเข้ามาพร้อมกับหักนิ้วดังกรอบๆ น่ากลัวเป็นที่สุด...แม่จ้า! ทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้ลูกสาวคนนี้ด้วยนะจ๊ะ ลูกสาวคนนี้จะไปสวรรค์อีกรอบแล้ว!!!
ขณะที่ฉันกำลังหลับตาปี๋แบบยอมรับชะตากรรม นานหลายนาทีก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากความรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนซ้าย ฉันลืมตาขึ้นข้างหนึ่งและสิ่งที่ฉันพบคือ...
เพาว์ลี่ที่ทำท่าจะฆ่าฉันในตอนแรก กำลังจับแขนซ้ายของฉันพลิกไปมาอย่างเบามือ แต่ว่านั้นมันเลือดไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าเพาว์ลี่จะฆ่าฉันจริงๆ
“จะบ้าหรือไง เจ้าทำจานแตกใส่แขนตัวเอง ข้าไปทำอะไรเจ้าตอนไหน”เพาว์ลี่โวยวาย แต่ขณะเดียวกันก็รักษาแผลลึกที่แขนซ้ายไปในตัว
“ก็ใครจะไปรู้ ว่าจานมันจะตกลงมาเล่า”ฉันบ่นเบา แต่เพลาว์ลี่นี่ก็ดันหูดี ได้ยินที่ฉันพูดอีก
“ถ้ามีคราวน่าอีกฆ่าจะข้าเจ้าจริงๆด้วย”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ดูจากการกระทำของเพาว์ลี่ มันห่างไกลจากคำว่า’ฆ่า’ไปมากโขเลยทีเดียว บางทีหมอนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดแฮะ! ถึงจะปากเสีย ใจร้อน หรือขี้โมโหไปหน่อย แต่หมอนี่ก็ยังใส่ใจสิ่งรอบตัวอยู่บ้างละนะ ดูจากที่เพาว์ลี่รักษาแผลที่แขนซ้ายด้วยเวทย์อะไรก็ไม่รู้แล้ว...ถ้าเป็นคนที่คิดจะฆ่ากันจริงๆคงไม่รักษาให้แบบนี้หรอก ดูสิ! ขนซ้ายตอนนี้กลับมาเป็นปกติ ไม่มีริ้วรอยแผลเป็นให้เห็นเลยแม้แต่น้อยราวกับว่า ไม่เคยถูกของมีคมบาดยังไงยังงั้นแหละ!
“อย่าได้ใจไปก็แล้วกัน!”
ง่ะ...โดนดุอีกแล้วอะ ไม่เข้าใจจริงว่าทำไมฉันถึงได้ห่วยแบบนี้นะ เกิดมาทำไมเนี่ยรกโลกชะมัดยาก =,.=
“รู้ตัวด้วยเหรอ! เชื่อเขาเลย มีใครบนโลกนี้ที่ทำจานแตกมาราธอนวันละห้าสิบใบแบบเจ้าได้บ้างเนี่ย เอาๆ ข้าจะออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่ง หวังว่ากลับมาข้าจะไม่เห็นจานแตกอีกรอบนะ”
“รู้แล้วละน่า ไปเถอะ”
“งั้นข้าไปแล้วนะ...เออ! อีกอย่างหนึ่ง ถ้าใครมาถามหาข้า อย่าเปิดประตูให้ละ” เพาว์ลี่ที่เดินออกจากบ้านไปแล้ว เหมือนจะนึกอะไรออก ก่อนชะโงกหน้าเข้ามาสั่ง สั่งกันจนนาทีสุดท้ายจริงๆเลย
“รู้แล้วๆ ไปทำธุระของนายให้เสร็จแถอะ”
“ข้าไปนะ”
“เออ!!!”
หลังจากที่เพาว์ลี่ออกจากบ้านไป คนที่ไร้งานทำอย่างฉันก็ได้แต่นั่งๆนอนๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี จะทำอะไรดีน้า...หมอนั้นก็ออกไปทำธุระ งั้น!
ฉันบอกไปหรือยังว่าถึงฉันจะห่วยแบบสุดๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องทำอาหารหรือชงชาละก็ ฉันก็ไม่แพ้ใครนะ เพราะว่าฉันนะ เคยเป็นมาสเตอร์ของร้านขนมชื่อดังในกรุงเทพฯเชียวนะ(แต่ก็โดนไล่ออกเพราะทำจานแตกเนี่ยแหละ =,.= ) ถ้าไม่อร่อยก็ให้มันรู้ไป
หลังจากคิดได้ดังนั้น ภารกิจทำๆขนมจึงเริ่มขึ้นทันที ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงขนมหน้าตาสวยพร้อมกับชานมรสเข้มข้นก็ถูกนำมาว่าบนโต๊ะรับแขกที่ตั้งอยู่กลางบ้าน...ไม่ได้ทำขนมมาซะนานยังอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่าเนี่ย ต้องอร่อยอยู่แล้วละ อ้ำ...
กริ๊งๆๆ
ใครมากดกริ่งหน้าบ้านเนี่ย!!! คนกำลังจะกินขนมอยู่เลยเชียว ถ้าเป็นเพาว์ลี่นะ แม่แตะยอดหน้าให้หนีออกจากบ้านไม่ทันเลย(พูดไปงั้นแหละ ความจริงแตะไม่ถึงหรอก ก็ฉันสูงแค่ไหล่เพาว์ลี่เองนี้นา)ฉันเดินไปเปิดประตูบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ บังอาจมาขัดขวางเวลากินของฉัน
“มาเรียกอะไร ตอนคนจะกินขนม ทีหลังก็เดินเข้ามาเอง...”
ฉันหยุดไปด้วยอาการอึ้งกิ้มกี่ มะ...ไม่ใช่เพาว์ลี่หรอกเหรอ คนตรงหน้าฉันตอนนี้ไม่ใช่เพาว์ลี่ แต่เป็นหญิงสาวผมทอง หุ่นเซ็กซี่ ตาคมสีฟ้าทอประกายหวานล้ำ เฮ้ย! อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะเฟ้ย!!!
“บอส...”
และก่อนที่ฉันจะทันได้ตั้งตัว อาเจ๊ผมทองก็ตรงเข้ามากอดฉันไว้แน่น แถมยังเรียกฉันไม่ขาดปากว่าบอสอีก นี่มันอะไรกันเนี่ย!
“ในที่สุดก็ได้พบกันซะที”
“พี่เป็นใคร แล้วมากอดหนูทำไมเนี่ย!”
“ทำไมบอสแทนตัวเองว่าหนูละคะ บอสเป็นผู้ชายนะคะ”
“ห๊า!!!!”เอาอีกแล้ว...ฉันเหมือนผู้ชายนักหรือไงฮะเนี่ย หน้าตาก็ออกจะน่ารัก แถมขาวยังกับหิมะ อย่างฉันเนี่ยเหมือนผู้ชายตรงไหนวะ(ตรงนี้แหละ)
“พี่สาวคงเข้าใจผิด หนูเป็นผู้หญิง!!! ผู้หญิง 100% ค่ะ”
หญิงสาวก้มลงมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยิ้มหวานหยาดเยิ้ม พร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“ขอโทษด้วยค่ะบอส ข้าลืมมองไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ แหะๆ”ฉันตอบก่อนจะหัวเราะแห้งๆ
“ไปกับเถอะค่ะ”หญิงสาวพูดขึ้น ก่อนจะออกแรงลากฉันออกไปนอกบ้าน เฮ้ย! จะพาฉันไปไหนเนี่ย
“พี่จะพาหนูไปไหนเนี่ย!”
“ไปที่ เทอร์บูเลนซ์ คอมพานี ไงละค่ะ”หญิงสาวตอบก่อนจะออกแรงลากฉันอีกรอบ ทำไงดีล่ะ เกิดพี่สาวคนนี้เป็นปีศาจลากฉันไปกินตับก่อนที่เพาว์ลี่กลับมาจะทำยังไงล่ะ ฉันไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าป่าต้องสาปนี้ไปอีกคนหรือไง ไม่เอาน้า!!!
“เข้าไปนั่งในบ้านก่อนไม่ได้เหรอค่ะ คือ...คือ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะบอส ไปกันเลยดีกว่า”
ไม่พูดเปล่าพี่สาวผมทองออกแรงดึง( ความจริงต้องเรียกว่ากระชากซะมากกว่า) โดยมีฉันขืนตัวไว้แบบสุดฤทธิ์
“ไม่ปายยยย เค้าไม่ปายยย แว้กกกกก ช่วยด้วย เค้าจะถูกปีศาจกินหัวแล้ว แง”
ได้ผล พี่สาวผมทองหยุดกึกก่อนจะหันมามองหน้าฉันแบบยิ้มหวานชวนใจละลาย แต่ไหงฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามันมีเงาทะมึนๆ อึมครึมกระจายทั่วบริเวณ หรือว่าจะคิดไปเองหว่า
“เมื่อกี้บอสเรียกข้าว่าอะไรนะค่ะ”
“อะเออ”
“เรียกว่าอะไรค่ะ”
ง่า ทำไมต้องกดดันเค้าด้วย เค้าทำไรผิด
“ปะ...ปีศาจจ้า แหะๆ”
กรอบ!!!
เสียงอะไรบางอย่างลั่นดังกรอบ เสียงอะไรกัน ฉันก็ไม่ได้เหยียบกิ่งไม้นี่นา แล้วไอ้เสียงอะไรหักนี่มันอะไรกัน พลันอยู่ๆ ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาแทนที่ อย่าบอกนะว่า
กรอบๆๆ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!! “
ฉันร้องเสียงหลง เมื่อพบว่าพี่สาวผมทองกำลังหักข้อมือฉันเหมือนเป็นแค่ของเล่น ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งแขน เจ็บชนิดเรียกว่าหาคำมาบรรยายไม่ได้ และฉันก็ไม่ใช่พวกที่อดทนสูง ตอนนี้ฉันทำได้แค่ดิ้นเอาตัวรอด แต่ด้วยกำลังของอีกภายที่มากกว่า เลยดูเหมือนการขัดขืนจะไร้ประโยชน์ ทะ...ทำยังไงดีละ จะเอาตัวรอดไปยังไงดี
ใช้ไม้แข็งไม่ได้ก็ใช่ไม้อ่อนแล้วกัน
“พี่สาวคนสวยขา...ปะ ปล่อยมือก่อนได้ไหมค่ะ”
เหมือนจะได้ผล เพราะแรงบีบที่ข้อมือลดลงไปมาก ถึงแม้ว่าจะยังไม่ปล่อยมือแต่ก็ถือว่าได้ผลละวะ และดูเหมือนว่าพี่สาวผมทองจะเพิ่งรู้ตัวว่าจับแขนฉันแน่นไปหน่อย(ความจริงต้องเรียกว่ามากเลยละ)
“ขะ ขอโทษคะ บอส ว้าย มือบอสไปโดนอะไรมาคะ”
พี่สาวผมทองรีบปล่อยมือที่จับแขนฉันลงทันที ผลคือ
“ว้ากกกก เจ็บๆๆๆ แงๆๆ แม่จ้าช่วยด้วย”
ฉันแหกปากร้องเสียงดังลั่น โดยมียัยเจ๊ผมทอง (เปลี่ยนสรรพนามเรียกกะทันหันเลยทีเดียวเชียว) ยืนทำท่าลนลานอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อนอะไรหลังดี
“อะ...เออ”
“เจ็บอะ เจ็บบบบ”
“บะ...บอสค่ะ”
“แงๆ”
“หยุดร้องได้แล้ว”
“อุ๊บส์”
ฉันปิดปากสนิททันที ยัยผมทองดูจะพอใจกับการที่ทำให้ฉันหยุดตะโกนแบบปวดประสาทได้ เพราะแม่คุณยิ้มร่าซะขนาดนั้น
“เงียบสักที ยืนแขนมาซิค่ะบอส เดียวข้าจะทำแผลให้”
ฉันส่ายหัวแรงๆ ทางยัยผมทองก็ไม่ได้มีท่าทียินดียินร้ายอะไรสักเท่าไร แถมยังยิ้มหวาน ก่อนจะพูดซ้ำ
“ยืนแขนมาสิค่ะ บอส...”
เออ...ไม่ได้ยินดียินร้าย แต่ไหงส่งสายตากดดันมาให้ซะขาดนั้น ถ้าไม่ส่งมือให้ชะรอยว่าอาจจะถูกหักคอได้ ฉันก็เลยได้แต่ยืนมือให้อีกภายดู (ในสภาพจำยอมแบบที่สุด)
“แหม...บอสนี่พูดง่าย น่ารักจังเลยนะค่ะ”
ฉันถูกเธอบังคับต่างหากเล่า
และระหว่างที่ฉันกำลังบ่นงึมงำอยู่ในใจ ฉันรู้สึกถึงความเย็นราวกับว่ามีใครเอาน้ำแข็งมาราดลงบนข้อมือตรงที่หัก แสงสีเงินสาดส่องไปทั่วบริเวณข้อมือ ก่อนที่ความเจ็บปวดและรอยเขียวช้ำภายจะหายไป
“อืมเรียบร้อย หายแล้วก็ไปกันเถอะบอส”
ไม่ทันไรยัยผมทองก็หันมายิ้มหวานอีกระลอก (แต่ฉันว่ามันมันคือยิ้มสยองดีๆนี่เอง)
“อะ...เออ พี่สาวอย่าเพิ่งไปได้ไหมค่ะ อยู่กินน้ำชากันก่อน”
ฉันพูดเสียงหวาน ก่อนจะพยามแกะมือที่จับแขนฉันไว้แน่น (เป็นอะไรกับข้อมือฉันหนักหนาฟะ จับจัง) พี่สาวคนนั้นยิ้มหวานก่อนจะตอบตกลง เอาว่ะ! ถ่วงเวลาไว้ก่อน เพาว์ลี่บอกว่าในป่าแห่งนี้ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ งั้นก็แสดงว่าพี่สาวคนนี้ ต้องเป็นปีศาจชัวร์! เพาว์ลี่นะเพาว์ลี่ ดันไปไหนก็ไม่รู้เวลาแบบนี้ฉันจะเอาตัวรอดได้ยังไงกันละเนี่ย!
“อร่อยไหมคะ”
“ฝีมือบอสสุดยอดเลยละค่ะ”หญิงสาวพูดก่อนจะเคี้ยวขนมจนแก้มตุ่ย ถ้าเป็นคนฉันก็ว่ามันน่ารักอยู่หรอกไอ้ท่าทางแบบนั้นนะ
“ว่าแต่ ไอ้เทอร์บูเลนซ์ คอมพานี มันคืออะไรเหรอคะ”ฉันเอ่ยปากถาม
“ก็เป็นกิจการของตระกูลบอสไงละค่ะ รู้ไหมคะ ว่าพวกข้าตามหาท่านมากว่าร้อยปีแล้วนะคะ เทอร์บูเลนซ์ของพวกเรา ขาดผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำ ตั้งแต่บอสคนเก่าเสียไป...”
นั้นไงบอสคนเก่าเสียไป แสดงว่าผู้โชคร้ายคนก่อนต้องโดนพี่สาวคนนี้ฆ่าแน่เลย! ตายๆๆๆๆ ฉันต้องโดนฆ่าทิ้งเหมือนกันแน่ๆเลย แล้ว...แล้วฉันจะโดนฆ่าแบบไหนละเนี่ย จะโดนจับถ่วงน้ำ จับกินทั้งเป็น ถูกจับเผาไฟถลกหนังอย่างเกลือ หรือตัดหัวเสียบประจานหรือๆๆๆ โอ๊ย! คิดไม่ออกแล้ว ในหัวตอนนี้มีแต่วิธีการฆ่าแบบประหลาด โหดร้าย เต็มไปหมด ฉันไม่อยากตายแบบนี้นะเฟ้ยยยยยยยยยย!!!
“เออ...บอสเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“ปะ...เปล่าไม่ได้เป็นอะไรเลย เล่าต่อเถอะ”
“คะ บอสนะเป็นรุ่นที่สิบของเทอร์บูเลนซ์ ทุกคนกำลังรอการกลับมาของบอสอยู่นะคะ ตั้งแต่บอสคนก่อนเสียไป พวกเลซินคลอ มันก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แถมยังบุกถล่มสำนักงานใหญ่ของพวกเราจนย่อยยับ จนพวกข้ากับเหล่าลูกน้องเจ็ดพันสามร้อยคนต้องถอยไปตั้งหลักในเขตสปาย ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม พวกข้าต้องเจอกับอุปสรรค์ต่างๆมากมาย แต่พวกข้าก็ยังหวังว่าสักวันจะเจอผู้สืบทอดตำแหน่ง และตอนนี้บอสก็นั่งอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว ยังไงข้าก็ต้องพาท่านกลับไปให้...โอ๊ย!!!”
ฉันมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจ เมื่อประตูที่ถูกบุด้วยผ้ากำมหยี่ โผล่ขึ้นมาจากพื้นห้องด้านหลังที่ที่พี่สาวคนนั้นนั่งอยู่ก่อนที่ประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงในเสื้อปกตั้งสีดำแถบแดง ดวงตาคมจ้องมาที่ฉันอย่างคาดโทษ มือใหญ่ฉุดข้อมือของหญิงสาวผมทองให้ลุกขึ้น ก่อนจะตะคอกด้วยเสียงอันดัง
“เจ้าเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร!!!”
“แหม! เวลาแค่ร้อยกว่าปีทำให้เจ้าลืมเพื่อนเก่าคนนี้ไปแล้วหรือ”หญิงสาวพูดก่อนจะแกะมือของของเพาว์ลี่ออกอย่างง่ายดาย
“ข้าไม่เคยรู้จักเจ้า!!!”
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะลืมข้าหรอกนะ เพาว์โรอาเรซิน”หญิงสาวพูดพลางเอามือลูบไล้แผงอกกว้างของเพาว์ลี่ สองคนนี้เขารู้จักกันด้วยเหรอ เพาว์ลี่ที่ดูจะหงุดหงิดกับการกระทำของหญิงสาว ปัดมือของเธอออกอย่างไม่ใยดี แต่หญิงสาวกลับฉวยข้อมือของเพาว์ลี่ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างตกใจ
“นี่เจ้า! ทำพันธะสัญญาแห่งนายกับบอสงั้นเหรอ!!!”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า!!!”
“มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง เจ้าตัดหน้าข้านิ”
“นั้นมันก็เรื่องของเจ้า!!!”
นี้มันอะไรกัน! ฉันนั่งมองคนสองคนที่เถียงกันจะเป็นจะตายอยู่กลางบ้าน เหมือนฉันไม่มีตัวตนอะไรอย่างงั้น แล้วอยู่พี่สาวคนนั้นก็หันมาวีนใส่ฉัน ง่า...เมื่อกี๊ยังเถียงกับเพาว์ลี่อยู่เลย ไหงมาลงที่ฉันซะละ
“ทำไมบอสถึงไปทำพันธะสัญญาแห่งนาย กับไอ้มังกือไม่สมประกอบนั้นละค่ะ ข้านะออกจะสวยเซ็กซี่แต่ทำไมท่านไม่ทำพันธะสัญญากับข้า หรือว่าข้าสวยไม่พอ”
“เจ้านะเหรอสวย มีแต่พวกบ้าเท่านั้นแหละที่จะชอบเจ้า ยัยป้ามารีอา!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!”
“พอได้แล้วหยุดทั้งสองคนเลย!!!” ในที่สุดความอดทนของฉันก็หมดลง หลังจากที่พี่สาวคนนั้นกรีดร้องเสียจนแก้วหูแทบจะกระเด็นออกมาเต้นระบำ ขืนยังปล่อยให้เถียงกันมีหวังฉันจะได้หูหนวกก่อนจะได้กลับบ้านนะซิ
“ที่พี่เล่าให้หนูฟังจริงหรือเปล่า”ฉันถามขณะที่จัดการแยกพี่สาวคนนั้นกับเพาว์ลี่ออกจากกัน เพาว์ลี่ที่ตอนนี้ย้ายก้นมานั่งคุมเชิงอยู่ข้างๆฉัน ได้นั่งหน้าบูดบ่นกระปอดกระแปดอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว
“สิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงค่ะ”
“แล้วหนูจะเชื่อได้ยังไงว่าที่พี่พูดเป็นเรื่องจริง”
“การที่บอสสามารถใส่แหวนวงนั้นได้ก็แสดงชัดแล้วว่า ท่านคือบอสรุ่นที่สิบแห่งเทอร์บูเลนซ์ คอมพานี”
“จะบ้าเหรอแหวนแบบนี้ใครๆก็ใส่ได้ทั้งนั้น ไม่เชื่อหนูจะถอดให้พี่ลองเลย...อะ! ทำไมถอดไม่ได้”
“ไม่ต้องพยามหรอกค่ะ ถ้าแหวนนั่นถูกสวมโดยผู้เป็นเจ้าของแล้วมันจะไม่สามารถถอดได้ค่ะ”
ง่า...ไม่จริงงงงงงงงงงงงง!!!
‘เรื่องจริง100%เลยละ’
เสียงของคนที่นั่งหน้าบูดมานานตอบ ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย อยากตะโกนให้โลกรู้ไปเลยว่าคนอย่างข้าวฟ่าง มันทั้งห่วยทั้งซวย ฮือ...
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิค่ะบอสมันไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น”ไม่ต้องมาพยามปลอบใจกันเลย คนอย่างฉันมันห่วยยยยย! แง...
“ถ้าท่านขึ้นรับตำแหน่งเป็นบอส ท่านจะได้กินขนมฟรีตลอดชีวิตนะค่ะ”ทันที่ที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเบะหญิงสาวก็ยืนข้อเสนอที่ทำให้คนที่ทำหน้าเบะเมื่อครู่ ตาโตขึ้นอย่างตกใจทันที กินขนมฟรีตลอดชีวิตงั้นเหรอ งั้น!
‘เจ้าคิดจะทำอะไรนะ!!!’
“ตกลง!!!”
“เฮ้ย!!!”
“จะ...จริงเหรอค่ะ บอส แหม ไม่นึกว่าบอสจะเห็นแก่กินขนาดนี้”
“หา ว่าไงนะ”
“เปล่าค่ะๆ ไม่มีอะไร แหะๆ”
เหรอฟะ แล้วทำไมฉันรู้สึกเหมือนโดนหาว่าเห็นแก่กินเลยแฮะ
“อืม! ว่าแต่การเป็นบอสมันต้องทำอะไรบ้างอะ”ฉันถามขณะที่เพาว์ลี่ทำท่าเหมือนอยากจะฆ่าฉันเต็มแก่ ผิดกับอีกคนที่ยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อีก 3 วันข้างหน้า ท่านจะต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อขึ้นเป็นรุ่นต่อไป”
“แล้วไอ้การทดสอบอะไรนั้นมันยากไหมอะคะ”
“ก็ไม่อยากหรอกค่ะนิดๆหน่อยๆเอง”
“งั้นก็ตกลงเลย อีก 3 วันจะมารับใช่ไหมคะ”
“ค่ะ แต่ว่าท่านต้องเซ็นนี่ก่อนนะค่ะ”
ฉันมองกระดาษที่เขียนด้วยตัวอักษรประหลาดๆเต็มไปหมด กลางหน้ากระดาษมีตราประทับแบบเดียวกับที่ข้อมือด้านขวา ด้านล้างมีช่องที่เว้นไว้สำหรับเซ็นชื่อ และขณะที่ฉันกำลังจะเซ็นชื่อนั้น...
แคว่กกกกกกก!!!
เสียงกระดาษฉีกขาดออกจากกันเป็นสองซีกตามด้วยชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกมากมาย ฉันมองการกระทำของเพาว์ลี่อย่างอึ้งๆ หมอนี่ทำลายความฝันในการกินขนมฟรีตลอดชีวิตของฉันลงต่อหน้าต่อตา
“ทำอะไรน่ะ”
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเซ็นชื่อเด็ดขาด!!!”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาขัดขวางการกินขนมฟรีตลอดชาติของฉันฮะ”
“นี่! เธอเห็นแก่กินขนาดนี้เลยเหรอ OoO”
“ฉันจะเห็นแก่กินหรือไม่มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน คุณพี่ค่ะ ไหนกระดาษที่จะให้เซ็นละค่ะ”
“นี่ค่ะ!”
และพอฉันจะเซ็น...
แคว่กกกกก!
“เอ๊ะ!”
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้ามีอีก....หลายปึกเลย”ฉันมองกระดาษในมืออย่างอึ้งๆ นี้พี่แกเตรียมมาเพื่อการนี้เลยเหรอ สุดยอดดดดด!!!
ปัง!!!
ฉันเอามืออุดหูอย่างตกใจ เมื่อเพาว์ลี่เอาปืน(ไม่รู้ไปเอามาตอนไหน)ยิงกระดาษปึกนั้นกระจุย โดยที่พี่สาวคนนั้นไม่มีบาดแผลเลยสักนิด ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนถือกระดาษปึกนั้นไว้
“ทีนี่ก็คงไม่มีการเซ็นอะไรแล้วสินะ”เพาว์ลี่พูดก่อนจะยิ้มอย่างผู้ชนะ แงๆๆๆๆๆ หมดกัน! ความหวังที่จะได้กินขนมฟรีตลอดชีวิต คอยดูไอ้มังกือเพาว์ลี่ ฉันจะขอสาปแช่งแก! โทษฐานทำให้ฉันอดกินขนม
‘จ้างให้ข้าก็ไม่กลัว!’
ว้ากกกกกกก!!! ฉันอยากตายยยย!
“ดูท่าทางว่าเจ้าคงเข้าใจอะไรผิดแล้วละ เพาว์โรอาเรซิน”หญิงสาวจงใจเน้นชื่อของมังกรหนุ่ม ก่อนจะฉวยมือของเด็กสาวไปประทับตราบนกระดาษทันที แสงสีส้มกระจายไปทั่วแผ่นกระดาษ ตราสัญลักษณ์กลางหน้ากระดาษส่องแสงเรื่องรองราวกับตอบรับเจ้าของฝ่ามือ เพียงชั่วครู่แสงสว่างก็ดับลง ก่อนจะกลับเป็นปกติ เว้นแต่ท้ายกระดาษที่มีลายมือหวัดๆเป็นตัวเขียนอย่างสวยงาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นข้ากลับก่อนนะค่ะ อ้อ! ขออภัยที่ไม่ได้แนะนำตัว ข้า มารีอา เอลเดส มือขวาของรุ่นก่อนค่ะ”
“ค่ะ! กลับบ้านดีๆนะค่ะ บ๊ายบาย”
“อะ...O//////O ค่ะ!”แล้วพี่มารีอาก็เดินหายเข้าไปในป่าต้องสาป ทิ้งไว้เพียงเด็กสาวที่ยืนโบกมือลาอย่างสบายอารมณ์กับชายหนุ่มที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายไม่ยอมหยุด
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน ยัยป้า เฮ้ย!”
เฮ้อออออ...สบายใจจังเลย ทีนี้ก็แค่นับวันรอเวลาที่จะได้กินขนมฟรี แค่คิดก็มีความสุขแล้ว...
และทันทีที่ฉันกำลังจะเตรียมตัวเข้าบ้าน....
“เจ้ารู้ไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไป!!!!”เพาว์ลี่ตะคอกเสียงดัง ก่อนจะเดินเข้ามา จับไหล่ฉันเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน โอ๊ย!!! ฉันจะอ้วกแล้วนะเว้ย และเหมือนเพาว์ลี่จะรู้จึงปล่อยมือที่จับไหล่ออก แต่ก็ยังไม่ได้ลดความขุ่นมัวที่ฉายชัดจากในตาคมเข้มเลยซักนิด
“ก็แค่เซ็นชื่อทำสัญญากินขนมฟรีนี่ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
“นี้เจ้าโง่หรือแกล้งโง่กันเนี่ย!!!!”เพาว์ลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆราวกับต้องการระงับอารมณ์ที่เดือดทะลุ 100 องศาเซลเซียสไปเรียบร้อย
“นั้นมันเป็นสัญญาที่ว่าด้วยการเป็นบอส...ของบริษัทนักฆ่า!!!”
“ห๊า!!!”ฉันร้องเสียงหลง บะ...บอสของบริษัทนักฆ่างั้นเหรอ ไม่จริงงงงงงงง!!!
“ข้าขอย้ำว่าจริง...”
เหมือนโลกถล่มลงมาตรงหน้า บ้าเหรอ...จะให้ฉันเป็นนักฆ่าเนี่ยนะ ไม่มีทาง ขนาดมดซักตัวฉันยังไม่เคยฆ่าเลย...(ที่จริงก็เคยคิดจะฆ่านะแต่ถูกมดทั้งรังรุมกัดแทบไม่เหลือชิ้นดี=,.=)
“งั้นก็ยกเลิกสัญญาอะไรนั้นไปสิ”
“ไม่มีทางสัญญานั้นจะไม่มีการยกเลิก เว้นแต่...”
“แต่อะไร”
“เว้นแต่เจ้าจะตายไปแล้วนะสิ”
ขอบคุณสวรรค์ คำตอบโดนใจยิ่งนัก =,.=
“ข้าคิดว่าตอนนี้สัญญานั้นคงส่งถึงที่มั่นในเขตสปายเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็คงมีคนมาตามล่าเจ้าแบบนับไม่ถ้วน แล้วถ้าเจ้ายกเลิกสัญญาเจ้าก็จะถูกฆ่าหันศพ มีแต่ตายกับตายเท่านั้นแหละ”
อย่าพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆสบายๆแบบนั้นได้ไหม ฟังแล้วปวดกระดองใจ TT^TT
“สรุปว่าฉันต้องไปทดสอบอะไรนั้นใช่ไหม”
“ใช่!”
“แล้วถ้าแพ้ละ...”ฉันทำเสียงอ่อย
“ก็คงกลายเป็นศพไร้ญาติแถบนั้น หรือไม่วิญญาณเจ้าก็คงถูกพวกอสูรกินเป็นอาหารว่าง”
สรุป! ยังไงฉันก็ต้องตายใช่ไหมเนี่ย อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!! ฉันไม่อยากตายแบบนั้น!!! พ่อแก้วแม่แก้วได้โปรดช่วยลูกช้างด้วย!!!
ความคิดเห็น