ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 จอมห่วย
กึกๆๆๆ
เสียงกัดฟันถี่ดังมาจากบนหลังของมังกรหนุ่มสีฟ้า มันช่างหน้าหงุดหงิดเสียเหลือเกิน ฉันกระชับเสื้อคลุมตัวใหญ่ เข้าหาตัวแน่นขึ้นอีก มันจะไม่ไปไรเลยถ้าไม่บังเอิญว่านาฬิกาดิจิตอลของฉันมันไม่บอกว่าอุณหภูมิตอนนี้ติดลบ 30 องศา
อ่านไม่ผิดหรอก มันติดลบ 30 องศาจริงๆ แล้วคนที่อยู่เมืองร้องอย่างประเทศไทยเนี่ย ถ้าไม่หนาวตายก็ให้มันรู้ไป กึกๆๆๆ
เอาเข้าไป ฉันอายุแค่ 17 ขวบเองนะเว้ย วัยนี้มันต้องเป็นวัยบ้าๆบอๆ ที่ควรจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน เพื่อ เรียน เรียน แล้วก็เรียน!!!
แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ต่อให้ฉันยังอยู่ที่บ้าน หน้าฉันมันก็มีคำว่าห่วย ปูดขึ้นมาอยู่แล้วนิ ใช่สิ! ฉันมันห่วย ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องนอกจาก วาดรูปกับร้องเพลง เย็นชา แถมปากเสีย ไม่มีเพื่อนคบ บลาๆๆ สรุปก็คือห่วย! แหลกลาน ดังสโลแกน ห่วยคือฉายา วิ่งหนีหมาคืองานประจำ
อา...ประชดตัวเองเข้าไป
สายลมเย็นเยียบโหมกระหน่ำ ทำให้ต้องดึงหมวกฮูด
ลงมาปิดหัว ก่อนที่จะแข็งตายคาหลังมังกร เชื่อเค้าเลยชีวิตฉันนี้มันสุดขั่วเกินไปแล้วววววว!!!
ใช่สิ! ฉันมันห่วย ห่วยเสมอต้นเสมอปราย ห่วยไม่มีวันตายยยย!!! โอ้เย้!!!! (เริ่มบ้าแล้วเว้ยเฮ้ย!!!)
ไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อวานมันเป็นเพราะคำทำนายหรือเปล่า ที่ทำให้ฉันต้องมานั่งเป็นยัยบ้าบนหลังมังกรแบบนี้
เอาล่ะ...ย้อนความหลังกันสักเล็กน้อยแล้วกัน เพื่อมันจะซวยให้น้อยลง(เกี่ยวเหรอ?)
ย้อนไปเมื่อวานนี้...
“ไอ้ฟ่าง ข้าวฟ่าง ฟ่าง!!!!!”
เสียงใสตะโกนดังลั่นหอประชุม ฉันหันไปมองทางต้นเสียง ยัยพลอยเรียกฉันทำไมเนี้ย!!! เออ! ลืมแนะนำไป ยัยเนี่ย! ชื่อพลอยเป็นรองประทานนักเรียนสุดป๊อบ หนึ่งในเพื่อนสนิทจำนวนน้อยนิดเท่าขี้มดของฉัน
“มีอะไรอ่ะ”
“อาจารย์ธนบดีเรียกพบด่วนเลย”
“เรื่องอะไรอ่ะ”
“อืม! รู้สึกว่าแกจะไม่ผ่านกิจกรรมนะ”
หา!
ฉันอุทานในใจ บ้าเหรอ ฉันเนี๊ยนะ! ไม่ผ่านกิจกรรมบ้าไปแล้ว เมื่อเช้ายังดีใจอยู่แหม่มๆ ไหงตอนเย็นระเบิดนิเคลียร์ถึงลงกลางหัวฉันแบบนี้ละ อยากตายยยยยยยย!!!
“แกไม่เครียดเลยเหรอ”
พลอยถาม ก็จะไม่ถามได้ไงละ ก็ฉันนะมันเป็นพวกหน้านิ่งได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะนิ่ง แต่ในใจ อยากจะกรีดร้องให้โลกแตกไปเลยโว้ยยยยยย!!!
“เรื่องเล็กน้อย หึๆๆๆ”
ซะเมื่อไรละ...
“อืม! งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ”
“อือ”
เฮ้อ!!! บอกแล้วว่าฉันจอมมันห่วย
ตกได้แม้กระทั้งกิจกรรม!!!
สรุปแล้วก็ต้องไปหาอาจารย์อยู่ดี ก็เลยเป็นอันว่าต้องกลับบ้านเย็นอยู่ดี ฉันแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ของเหลวสีใสหยดลงบนในหน้าที่ละน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระหน่ำทันที
เออ!ดี ตกลงมาแรงๆเลย จะได้ชำระล้างความห่วยออกไปจากตัวซักที และขณะที่ฉันกำลังเดินกลับบ้านแบบนางเอก MV
ฟุ่บ!!!
อะไรนุ่มๆหว่า ฉันก้มลงมองเท้าที่ตอนนี้กำลังเยียบอะไรบางอย่างอยู่ ฉันค่อยๆชักเท้าออกจากวัตถุนุ่มนิ่ม และก็พบว่ามันคือ...
หางหมา!!!
แถมเป็นร็อดไวเลอร์ซะด้วย!!!
เออ! กรุณายืนไว้อาลัยต้องหญิงสาวจอมห่วยที่ถูกร็อดไวเลอร์ฟัด เป็นเวลา 3 นาที อาเมน...
เห็นไหมว่าฉันนะมันจอมห่วย ขนาดเจ้าหมาตัวนั้นมันขาหัก 2 ขา ฉันยังไม่มีปัญญาวิ่งหนีเลย ห่วยจนได้โล่จริงๆ
สถิติของฉันโดนหมาวิ่งไล่ฟัดทุกวันตลอด 17 ปี...นี้ยังไม่ร่วมมีเรื่องกับพวกนักเลง สอบตกแบบคาบเส้น ประหนึ่งว่าอีกคะแนนเดียวผ่าน หรืออาการสารพัดโรคชนิดที่เข้าโรงพยาบาลจนสนิทกับหมอไปเลยอย่างงี้ คนอะไรเกิดมาเพื่อซวยและห่วยโดยแท้...
ฝอยมานาน ฉัน...ข้าวฟ่าง หรือ นางสาว ปฐวี อัครเวทย์ ผู้เกิดมาพร้อมความห่วย ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวฉันห่วยหมด รวมถึงชีวิตฉันด้วย พูดได้คำเดียวว่าห่วยบรม!!
ถูกพ่อทิ้งตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมา พอโตขึ้นมาหน่อยก็ต้องหาเลี้ยงแม่กับน้อง แต่ข่าวดีก็คือไม่เคยมีใครเห็นความดีของฉันเลย แถมยังมีน้องตัวดีที่หาว่าฉันแอบหนีเที่ยวกลางคืน ทั้งๆที่ความจริง ฉันต้องทนถ่างตาอดนอนเพื่อพับถุงกล้วยแขก เอาเงินมาเลี้ยงมันนั้นแหละ...ช่างเป็นชีวิตที่หน้าสมเพศจริง (ประชดชีวิตสุดฤทธิ์ =,.=)
นอกเรื่องมานานแล้วเข้าเรื่องอภิมหึมามหาซวยกันดีกว่า....
หลังจากที่ไปสู้รบตบมือกับเจ้าร็อดไวเลอร์ จนสภาพแทบไม่เหลือชิ้นดี ฉันก็เดินตรงไปที่แม่น้ำอย่างสิ้นหวังทันที หึ! ถ้าคนอย่างฉันตายไปซักคน โลกมันคงจะดูดีขึ้นเยอะ
“แม่หนู...แม่หนู...ดูดวงไหม...”
ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงยานคางนั้นอย่างสงสัย ป้าแก่ๆคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงใต้ต้นไทร ป้าคนนั้นกวักมือเรียกฉันอย่างช้าๆ
“หนูไม่มีเงินนะค่ะ...”
“ป้าไม่ได้เรียกร้องเงินซะหน่อย”
ได้ยินดังนั้น ขาที่ตอนนี้มีแต่แผลและคราบเลือด ก้าวเข้าไปหาคุณป้าคนนั้นทันที ฉันนั่งลงลงในระดับเดียวกับคุณป่าคนนั้น แกยิ้มเย็นๆก่อนจะ หยิบถุงอะไรบางอย่างออกมา
ฉันได้แต่นั่งเงียบๆดูสิ่งที่ป้าท่าทางแปลกๆกำลังทำ แกบอกให้ฉันหยิบบ้างอย่างออกมาจากถุงกำมยี่ในมือ ฉันทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอาสิ่งนั้นว่าลงบนผ้ากำมยี่สีแดงเลือดหมู แกหัวเราะเบาๆก่อนจะเริ่ม
“หนูนะ...มีชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก มีแต่คนว่าหนูว่าห่วยอยู่เสมอ...ตลอดชีวิตมีแต่ความยุ่งยาก วุ่นวาย อีกไม่นานเมื่อหนูเดินออกจากที่นี้ไป หนูจะได้เจอกับเรื่องไม่คาดฝัน และหนูจะเป็นคนตัดสินชีวิตของหนูเอง...ส่วนแหวนนั้นป้าให้แล้วกัน”
ฉันรับแหวนสีเงินที่ประดับด้วยไพลินภายในมีตัวอักษรสีดำเขียนว่า Turbulent Company มาจากป้าคนนั้น ก่อนที่ฉันจะเดินออกจากตรงนั้น
ฉันจะเป็นคนตัดสินชีวิตตัวเองงั้นเหรอ...คงงั้นมั้ง ฉันเดินกลับไปยังริมแม่น้ำ ก่อนจะ...
ตูมมมมม!!!
เสียงน้ำแตกกระเซ็นดังไปทั่วบริเวณทันทีที่ฉันทิ้งตัวลงในน้ำ ความเย็นเยือกซอกซอนไปทั่วทุกส่วนในร่างกาย ความแน่นจุกอยู่ตรงลิ้นปี่ ภาพต่างๆพุดขึ้นมาในหัวมากมาย ก่อนจะอยู่ที่ภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง...ตายๆไปซะได้ก็ดีคนอย่างฉันนะ...
หนาว....
ฉันตายแล้วใช่ไหมเนี่ย แล้วคนอย่างฉันจะต้องตกนรกหรือขึ้นสวรรค์กัน ตอนนี้ในหัวมีแต่คำถามอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ฉันไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะคิดอะไรได้มากขนาดนี้ ฉันลืมตาขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงมืดมิด ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองลืมตาหรือหลับตาอยู่ ฉันเอื้อมมือออกไป แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั้งอากาศให้สัมผัส หรือแม้แต่ลมหายใจ รอบตัวมีเพียงความมืด ง่า! แล้วแบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าที่นี่คือสวรรค์หรือนรก!
“เจ้าไม่ต้องคิดให้วุ่นวายหรอก”
“ใครน่ะ”
ฉันตะโกนตอบเสียงปริศนา ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายจากที่ไหนสักที่หนึ่ง ว่าแต่เค้าถอนหายใจเรื่องอะไรหว่า?
“มนุษย์ช่างเขลานัก”
คราวนี้เสียงปริศนานั้นดังก้องขึ้นทั่วทุกทิศทาง จนฉันบอกไม่ได้ว่าต้นกำเนิดเสียงอยู่ที่ไหน และก็บอกไม่ได้ด้วยว่าเป็นเสียงของใคร อะไรกัน...สรุปแล้วฉันอยู่ที่ไหนกันเนี่ย! งงไปหมดแล้วนะ
“ไม่ต้องงงเหรอ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยด้วยว่าเจ้าอยู่ที่ไหน “
เฮ้! ใครกันน่ะ พูดอย่างกับรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่อย่างงั้นแหละ
“ก็รู้นะสิ! มนุษย์ช่างเขลานัก”
อะไรกันคำก็เขลา สองคำก็เขลา ชิ! ไม่ต้องย้ำก็รู้ว่าฉันมันโง่
“เฮอ! ก็เจ้าเขลาจริงๆนี่นา”
“กะ...แกเป็นใครกันเนี่ย ทำไมรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่”
การที่เสียงปริศนานั้นสามารถตอบโต้กับสิ่งที่ฉันคิดได้มันทำให้ฉันรู้สึกขนลุก อึ๋ย! ใครกันฟะ
“เจ้าไม่เห็นจะต้องสนใจว่าข้าเป็นใคร เจ้าน่าจะสนใจว่าเจ้าจะทำยังไงต่อไปมากกว่า”
“ก็บอกมาก่อนดิ ว่าแกเป็นใคร แล้วรู้ความคิดฉันไดยังไง หา?”
“ข้ารู้ทั้งสิ่งที่เจ้าคิดและสิ่งที่เจ้าไม่ได้คิด แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นใครละ”
บ้าหรือไงฟะเนี่ย มีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่
“นั่นแหละ! เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าคือใคร”
“เฮ้! ไม่ตลกนะ แกบอกว่าแกเป็นพระเจ้างั้นเหรอ ไปหลอกเด็กยังจะง่ายกว่าอีก”
“เฮ้อ...มนุษย์ช่างเขลายิ่งนัก”
“นี่แกเอาแต่บ่นว่ามนุษย์ช่างเขลานัก แล้วแกไม่ใช่มนุษย์เหรอ”
“ก็ไม่ใช่นะสิ”
“-_-“
“ข้ามีเวลาเจรจากับเจ้าไม่นานหรอกนะ มนุษย์ผู้โง่เขลา”
“นี่จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงละว่าแกเป็นพระเจ้า เอางี้ไหม...แกต้องทายตัวเลขที่ฉันคิดอยู่ แล้วฉันจะเชื่อว่าแกคือพระเจ้า”
“ข้ามีเวลาไม่มาก”
“จะเริ่มคิดละนะ”
หนึ่ง...
“หนึ่ง”
สิบเก้า...
“สิบเก้า”
ง่ะ! ถูกได้วะ @o@
“เจ้าคงไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า...การเชื่อสิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือการเชื่อที่แท้จริง”
อ๊าก...พล่ามอะไรอีกละเนี่ย ฟังแล้วงงชะมัด ต่อเลยแล้วกัน ^^ งั้น!!!
กางเกงใน...
”เฮ้ย! เจ้าเล่นนอกกฎนี้ กางเกงในมันไม่ใช่ตัวเลข สมองกลับหรือเปล่าเนี้ย -_-^”
“นี่แกเป็นพระเจ้าจริงๆ เหรอเนี่ย”
“ก็เออนะสิ เฮ้อ...มนุษย์ช่างเขลายิ่งนัก”
สาบานว่าถ้าตบพระเจ้าได้ ฉันจะตบให้ฟันร่วงเลย =,.= แต่ให้ตายเถอะฉันมาคุยกับพระเจ้าได้ไงกัน แถมยังเรียกพระเจ้าว่าแกอยู่ตั้งนาน
“เอ่อ...งั้นท่านก็เป็นพระเจ้าจริงๆใช่ไหมแล้วหนูต้องเรียกท่าน...ว่าท่านใช่ปะ”
“ทุกสิ่งล้วนไร้สิ้นตัวตน สุดแท้แต่เจ้าเถอะ!”
“แล้วทำไมหนูถึงมาคุยกับท่านได้ละ นี่หนูตายแล้วขึ้นสวรรค์ใช่ไหม”
“ข้าไม่เอาจอมห่วยอย่างเจ้ามาให้รกสวรรค์หรอก”
“โห! ท่านก็หนูเลือกเกิดไม่ได้นิ ว่าแต่ท่านเถอะทำไมถึงได้สร้างให้หนูห่วยเสมอต้นเสมอปรายได้ขนาดนี้อะ”
“ก็เจ้ามันห่วย =,.=”
เจ็บนะเนี่ย ประโยคเนี่ย!
“ข้าถามอะไรเจ้าหน่อย เจ้านะอยากตายจริงๆรึ”
“ก็หนูมันห่วย ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องนี้นา อยู่ไปก็รกโลกเปล่าๆ”ฉันบ่นอุบ
“รู้ตัวด้วยเหรอ...”
“ท่านว่าอะไรนะ อะไรรู้ตัว”
“เปล๊า! ข้ายังไม่ได้พุดอะไรซักหน่อย”
แต่เมื่อกี้มัน...
“เจ้าหูฝาดรึเปล่า”
“เอาเถอะ ข้าจะขอถามอีกรอบถ้าข้าจะส่งเจ้าไปที่อีกที่หนึ่ง เจ้าจะไปหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ!”
“หัวดื้อเสียจริง ข้าบอกให้ไปก็ต้องไป”
“หา! อะไรกัน เดี๋ยวก่อนท่าน...”
โครมมมมมมมม!!!
ไม่ทันจะพูดจบ ฉันรู้สึกถึงแรงมหาศาลที่ปะทะเข้าที่กลางหลัง ความรู้เหมือนโดนแตะเข้าที่กลางหลัง นี้ฉันโดนพระเจ้าแตะเหรอ ช่างเป็นบุญยิ่งนัก อาเมน =,.=
วูบ!
แสงบางอย่างส่องสว่างไปทั่วจนฉันต้องหลับตา นี้โดนพระเจ้าแตะยังไม่พอ ต้องมาเจอกับแสงอะไรก็ไม่รู้นี่เข้าตาอีก และก่อนที่ฉันจะทันได้คิดอะไร ฉันก็รู้สึกราวกับตัวเองร่วงลงมาจากหน้าผา
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
โครมมมมมมมม!!!!
เสียงวัตถุกระแทกพื้น ไม่ต้องบอกก็รู้ นั้นนะเสียงของฉันเอง แต่ถึงอย่างงั้นกลับไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด เหมือนมีอะไรบ้างอย่างมารองรับไว้ แต่ถึงจะไม่ได้กระแทกตรงๆก็เล่นเอาสะเทือนใช่เลย แถมเมื่อกี้หัวก็ดันไปฟาดกับหินอีต่างหาก นี้ยังไม่นับร่างกายที่ปวดแสบปวดร้อนอยู่ละก็นะ
ริมฝีปากแห้งผาก รู้สึกถึงเลือดสีแดงสดที่กำลังไหลช้าๆ ความเจ็บแปลบไปทั่วร่างทุกครั้งที่พยามขยับ ฉันลุกขึ้นก่อนจะพยามประคองร่างที่เกือบจะไร้สติเดินไปอย่างไร้จุดหมาย เงาตะคุ่มๆ กับเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดทำให้ฉัน รีบเดินเข้าไปหา ร่างของใครบางคนนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า
นี่ถ้าท่านไม่อยากเก็บหนูไว้ให้รกสวรรค์ ก็ไม่หน้าจะส่งกันมาตายแบบนี้เลยนี่นา แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงซะ ก็มีเพื่อนตายด้วยกันละนะ ง่วงจังเลย! เหมือนเปลือกตามันหนักเหลือเกิน หนักพอๆกับร่างกายของฉันที่ตอนนี้ล้มลงไปกองอยู่กับพี้นแล้วเรียบ
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย....
สมองไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น...
“จะ...เจ้าชื่ออะไร”
หลังจากเหตุการณ์นั้นฉันก็ตื่นขึ้นมา ด้วยร่างกายคบ 32 จนหน้าตกใจ ไม่แม้แต่ร่องรอยการฟัดกับเจ้าร็อดไวเลอร์นั้นเลยสักนิดเดียว แถมข้างๆฉันยังมีชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันแต่ท่าทางจะมากกว่านั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ความจริงกำลังมองเหม่อไปที่ไหนก็ไม่รู้ซะมากกว่า...
“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ”
ทันทีที่ชายหนุ่มหันหน้ามา ก็เล่นเอาฉันอึ้งไปเลย ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ผมยาวประบ่าซอยรากไทรสีดำสนิทคล้ายกับผมของฉันปลิวไปตามลม ตัดกับผิวขาวจัด ดวงตาสีอเมทิสต์ทอประกายกล้าแข่งกับแสงของดวงจันทร์ โฮก!!!! หล่อระเบิด
“มองอะไร ของเจ้า หรือเจ้าเป็นพวกรักร่วมเพศ ห๊า!”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างตกใจ แต่เดียวนะ รักร่วมเพศงั้นเหรอ!
“ฉันเป็นผู้หญิงโว้ย! ไม่ใช่เพศเดียวกับแก!!!!!”
“อย่ามาอำข้าหน่อยเลย ก็เห็นๆกันอยู่”
ฉันก้มลงมองตัวเอง เสื้อพละตัวใหญ่เทอะทะ กับผมซอยสั้นสีดำ ตูมๆฉันก็มีแถมคัพซีอีกต่างหาก ไม่เห็นมันจะเหมือนผู้ชายตรงไหนเลย สงสัยหมอนี้จะตาถั่วแฮะๆ
“ข้าไม่ได้ตาถั่ว แล้วการที่เจ้าพูดถึงนะ...หน้าอกนะมัน“
“หา! นายรู้ความคิดฉันได้ยังไงอะ”
“ชิ! ก็เพราะจิตของข้าเชื่อมเข้ากับจิตของเจ้าไงละ เพราะพันธะแห่งนายอะไรนั้นแท้ๆเลยเชียว พูดแล้วไม่สบอารมณ์แหะ”
แล้วจะพูดเพื่อ...
“ก็เจ้าถามข้านิ ไม่อยากเชื่อเลย ข้าอยู่ดีดีของข้าในป่าต้องสาป ไม่เข้าใจจริง ทำไมข้าต้องมาทำพันทง พันธะอะไรกันเจ้าด้วยวะ”
“งั้นก็ถอนไอ้พันธะอะไรนั้นซะสิ”
“นี้เจ้าโง่หรือแกล้งโง่เนี๊ย!!!!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง อะไรของเขาฟะ อยู่ๆก็เอาระเบิดมาลงกลางหัวฉันเฉย แล้วไอ้พันธะอะไรนั้นใครจะไปรู้จักวะ =,.=
“เจ้านี้มัน...เอาถ้าไม่รู้ข้าจะบอกให้ พันธะแห่งนาย เป็นพันธะสัญญาเดียวที่เมื่อทำแล้วจะไม่สามารถเพิกถอนได้ สรุปคือพันธะสัญญานี้จะอยู่จนกว่าเจ้าจะตาย”
“ห๊า!!!! แล้วนายมาทำพันธะอะไรนี้กับฉันทำไมกัน!!!”
“ก็เจ้ากำลังจะตายนี่แล้วที่นี้เวลาทำอะไรก็ช่วยระวังตัวเองด้วย เพราะถ้าเจ้าบาดเจ็บข้าก็จะได้รับผลจากการบาดเจ็บเช่นเดียวกับเจ้า”
“อ๊ะ...เอ่อ เดี๋ยว จะไปไหนน่ะ?” ฉันถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็ฉุดฉันให้ลุกขึ้นจากพื้นแข็งแล้วเดินนำโดยที่ไม่เว้นจังหวะให้ฉันถามอะไรซักคำ ดูจากสภาพโทรมแล้วคาดดว่าหมอนี้คงไม่ได้ออกห่างจากฉันเลยนับจากเหตุการณ์เมื่อ...เมื่อไรไม่รู้...
“ก็จะพาเจ้าไปที่บ้านนะสิ ขืนทิ้งไว้ ไม่ถึงห้านาทีเจ้าคงถูกต้นไม้พวกนี้รุมทึ้งจนไม่เหลือชิ้นดีเลยละ” ระ...รุมทึ้งงั้นเหรอ นี่ขนาดโดนพระเจ้าแตะมาไกลขนาดนี้ยังจะต้องมาเสี่ยงชีวิต จากการโดนต้นไม่รุมทึ้งอีกเหรอ ถ้าเป็นอย่างั้นทำไมไม่ฆ่ากันให้ตายไปเลยละ ปล่อยให้ต้องมาตกระกำลำบากอยู่ได้ ชิ...
“บ่นอะไรของเจ้าอยู่ได้ ว่าแต่เจ้าเป็นใครทำไมถึงมาอยู่ในป่าโลหิตได้”
“ก็เป็นคนนี่แหละอุ๊ย! “ ฉันยิ้มแหยๆทันที ที่หมอนั้นหยุดเดินแถมยังหันมาทำตาขวางใส่ ประมาณว่าถ้ายังกวนส้นอยู่ จะแตะฉันไปดาวอังคารยังไงยังงั้นแหละ
“รู้ตัวก็ดี ตอบมาได้แล้วว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน ก่อนที่ข้าจะแตะเจ้าจริงๆ”
“จ้า...ตอบดีๆแล้ว ฉันชื่อข้าวฟ่าง มาจากประเทศไทย คิดว่าที่ที่ฉันอยู่จะเป็นคนละมิติกับที่นายอยู่ละมั้งนะ”
“เจ้าพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย! หวังว่าเจ้าคงไม่ได้ฟั่นเฟือนนะ”
“ฉันไม่ได้บ้าเว้ย! ก็พระเจ้าท่านบอกมาอย่างงั้น ฉันก็ตอบตามที่รู้เท่านั้น จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ”
“เฮอ!!! เอาเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะพูดจริงหรือไม่ ยังไงก็คงต้องไปอยู่กับข้าอยู่ดี เฮอ! นี้ข้าทำพันธะสัญญากับใครไปเนี่ย”
พูดเรื่องจริงก็โดนหาว่าบ้าอีก เออ! เอาเถอะถึงยังไงพูดอะไรไปก็คงไม่มีใครเชื่อ สู้เงียบไว้ก่อนดีกว่า...และหลังจากที่เดินเงียบกันมานาน หมอนั้นก็เอ่ยปากทำลายความเงียบลง
“เพาว์โรอาเรซิน”
“หืม?”
“ข้าชื่อ เพาว์โรอาเรซิน ไม่ใช่หมอนั่นแล้วก็ ข้าอายุมากว่าเจ้า 3 ปี”
3 ปีงั้นก็ประมาณ 20 ละมั้ง โห! อย่างงี้ไม่ต้องเรียกว่าพี่หรือไงเนี่ย แต่ว่าชื่อ เพาว์โรอาเรซินเนี่ย เรียกยากชะมัด ตั้งชื่อใหม่ดีกว่า...
“ไม่ต้องมาตั้งชื่อให้ข้าเลย ชื่อเจ้านะออกเสียงยากกว่าชื่อข้าอีก”
“ไม่สน ฉันจะเรียก เพาว์ลี่“
“อย่ามาเรียกชื่อข้ามั่วซั่วแบบนั้นนะ”
“ไม่รู้เพาว์ลี่แหละเท่ดี”
“ข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าแล้ว”ถึงจะพูดว่าเปล่าแต่ตอนนี้หน้าตาเพาว์ลี่หงิกซะยิ่งกว่าฝอยขัดหม้อซะอีก แล้วจู่ๆ เพาว์ลี่ก็หยุดเดินกะทันหัน ก่อนจะหันมาสั่งเสียงดัง
“ถอยไป “
“อะ...อะไร”
ฉันมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าอย่างตกใจ ร่างสูงค่อยๆกลายสภาพไปที่ละนิด ปีกสีฟ้างอกออกมาจากกลางหลัง แบนทั้งสองข้างแปลงสภาพเป็นขาหน้าไปเรียบร้อย ดวงตาคมเข้มสีม่วงปิดสนิท ฉันมองร่างสูงในตอนแรกได้กลายเป็นมังกรอย่างสมบูรณ์แบบอย่างไม่เชื่อสายตา นี้ฉันกำลังดูหนังเรื่องเอรากอนอยู่หรือไงเนี่ย!
“นายเป็นตัวอะไรกันเนี่ย...”
“มังกรไง ขึ้นมาเร็ว”
“หา! ให้ฉันขึ้นหลังมะ...มังกรเนี่ยนะ”
กรร!!!
เพาว์สีคำรามเสียงดัง ประหนึ่งว่าฉันพูดอะไรผิดไป ฉันพูดอะไรผิดไปอะ
“เพราะเป็นอย่างงี้ไงละ ข้าถึงต้องอยู่แต่ในป่าต้องสาป ใครเขาจะอยากรู้จักพวกครึ่งมังกรอย่างข้าละ” ถ้ามองไม่ผิด ดวงตาสีอเมทิสต์ตรงหน้ากำลังส่องประกายอะไรบางอย่าง ที่เหมือนกับฉัน...
“ฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่”ฉันพูดพลางยิ้ม ก่อนจะกระโดดขี่คอ เพาว์ลี่ทันที
“เฮ้ย! เบาๆหน่อย ข้าก็เจ็บเป็นนะ”เพาว์ลี่บ่นอุบ บางที่การทีฉันหลงมาอยู่ที่มิตินี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้มั้ง
“ไปกันเถอะ”
“เฮ้อ!!! เอ้าฝากเสื้อคลุมด้วย”เพาว์ลี่พูด หลังจากโยนเสื้อคลุมตัวใหญ่ ที่มีรูขนาดใหญ่กลางหลังมาให้
“จับให้ดีๆละ ถ้าตกลงไปข้าไม่รับผิดชอบนะ”
“รู้แล้วนา บ่นอยู่ได้ ว้ากกกกกกกกกกกกกกก!!!”ฉันร้องเสียงหลงทันทีที่เพาว์ลี่พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า หวังว่าฉันคงไม่ตกลงมาตายก่อนวัยอันควรน้า
กลับมาปัจจุบัน
เอาล่ะ...คงรู้กันแล้วว่าทำไมฉันถึงต้องมานั่งกัดฟันกึกๆๆบนหลังเพาว์ลี่ ไอ้เสื้อคลุมนี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ว่าแต่บ้านเพาว์ลี่มันอยู่ส่วนในของป่าต้องสาปละเนี่ย เห็นบนมานานแล้วไม่ถึงซะที
ฉันมองไปยังข้อมือข้างขวาของตัวเองที่ต้อนนี้มีลวดลายสัญลักษณ์แปลกๆ เหมือนกับตราโรงเรียนนานาชาติหรืออะไรสักอย่าง ที่เป็นการบ่งบอกถึงพันธะสัญญาแห่งนาย จะว่าไปเหมือนเคยเห็นสัญลักษณ์นี้ที่ไหนน้า...
‘ถึงแล้ว...เกาะแน่นละ!’
ไม่ทันทีฉันจะทำอะไร เพาว์ลี่ก็ดึงตัวจากความสูงระดับที่ถ้าตกลงไปละก็ไม่เหลือซาก อย่างรวดเร็วจนเล่นเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวอย่างฉันแทบจะได้กลับไปพบพระเจ้าอีกรอบ...
และทันทีที่เที่ยวบินมรณะของเพาว์ลี่จบลงส่งผลให้คนที่เมามังกร(อาการเดียวกับเมารถ=,.=)อย่างฉัน ต้องก้าวลงจากหลังมังกรด้วยท่าทางที่เรียกว่าคลานจะดีกว่า เชื่อเขาเลยขนาดหลุดมาอีกมิติหนึ่งแบบนี้แล้ว ความห่วยยังตามมาหลอกหลอนอีก เชื่อเลยฉันมันห่วยโดยกำเนิดจริงๆ
ขณะเดียวกันที่ร่างบางเดินโซซัดโซเซเข้าบ้าน ตาคมเข้มกลับสังเกตเห็นอะไรบ้างอย่าง แหวนเงินที่ประดับด้วยไพลินแบบนั้นมัน เป็นไปไม่ได้ ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น