ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 02
CHAPTER 02
ฉันหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่มีป้านสีเงินติดไว้ว่า ‘411’ นี่สินะ....ห้องที่ฉันจะต้องอยู่ร่วมกับใครอีกคนที่ไม่คุ้นเคย ได้ยินพนักงานข้างล่างบอกว่า เธอมาก่อนฉันสักพักหนึ่งแล้ว นี่ก็คงกำลังจัดของอยู่ล่ะมั้ง!!
ให้ตายสิ ฉันจะทำตัวยังไงดีเนี่ย ตั้งแต่จำความได้นอกจากคนในครอบครัวแล้วฉันก็ไม่เคยมาอยู่กับใครแบบนี้นี่นา เอ...แต่ฉันจะประหม่าไปทำไม ยังไงก็ไม่ได้นอนเตียงเดียวกันซักหน่อย ก่อนที่ฉันจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
ฉันรีบสะบัดหน้าสองสามทีแล้วจึงตัดสินใจเคาะประตู
ให้ตายสิ ฉันจะทำตัวยังไงดีเนี่ย ตั้งแต่จำความได้นอกจากคนในครอบครัวแล้วฉันก็ไม่เคยมาอยู่กับใครแบบนี้นี่นา เอ...แต่ฉันจะประหม่าไปทำไม ยังไงก็ไม่ได้นอนเตียงเดียวกันซักหน่อย ก่อนที่ฉันจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
ฉันรีบสะบัดหน้าสองสามทีแล้วจึงตัดสินใจเคาะประตู
คนที่มาเปิดประตูยิ้มกว้างให้ฉัน น้ำเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นเมื่อฉันยิ้มตอบกลับไป
“คุณคงเป็นคนที่จะมาอยู่ห้องเดียวกับฉันใช่มั้ยคะ?” ฉันยิ้มรับพร้อมกับไล่สายตาสำรวจห้องไปเรื่อยรวมถึง เอ่อ....ผู้หญิงคนนั้นด้วย เธอเป็นคนสวย อืม...สวยมากเลยล่ะ ตากลมโต ผมสีน้ำตาลทองตัดกับผิวขาวเนียนนั่นทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิง แต่แล้ว’เจ้าหญิง’ก็เหลือบมามองกระเป๋าเป้ใบเล็กของฉัน แล้วก็ทำหน้าฉงน
คิ้วคู่สวยเลิกขึ้นเล็กน้อย
คิ้วคู่สวยเลิกขึ้นเล็กน้อย
“คุณเอาของมาแค่นั้นเหรอคะ?” นั่นสินะ ฉันเกือบลืมไปว่า ฉันขึ้นมาบนห้องก่อนทำไม
“ฉันขึ้นมาดูห้องก่อนน่ะค่ะ ของที่เหลืออยู่ด้านล่าง” เธอพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะหันไปสนใจกับข้าวของที่วางระเกะระกะของเธอต่อ พอเธอเห็นฉันกำลังจะเปิดประตูออกไปเท่านั้นแหละ เสียงใสก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ลงไปช่วยมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวให้พนักงานช่วยจะสะดวกกว่า”
ฉันลงไปข้างล่างเพื่อจัดการกับกระเป๋าสามสี่ใบที่ทิ้งไว้ให้เรียบร้อย พลางคิดไปว่า ฉันกับเธอ.....
เอ....ดูเหมือนการเจอกันของรูมเมทอย่างเราจะมีอะไรขาดๆไปสักหน่อยนะ ฉันยกมือจับคาง คิ้วเข้มยับยู่
เมื่อสมองกำลังประมวลผลอย่างหนัก ลิฟต์พาฉันขึ้นมายังชั้น4 ฉันก็คิดอะไรออกพอดี
เมื่อสมองกำลังประมวลผลอย่างหนัก ลิฟต์พาฉันขึ้นมายังชั้น4 ฉันก็คิดอะไรออกพอดี
แหม
.ลืมไปได้ไงเนี่ย!!!!
“ฉันควอน ยูริ คุณชื่ออะไรเหรอ” ทันทีที่พนักงานยกกระเป๋าก้าวออกจากห้องไป ฉันก็เริ่มบทสนทนาที่ค้างคา อยู่ในใจขึ้นมาทันที สองเท้าก้าวไปหาเพื่อนร่วมห้องที่กำลังขะมักเขม้นเอาของออกจากกระเป๋าใบใหญ่อยู่
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เงยขึ้นมาสบตาฉันเป็นประกายเล็กน้อย
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เงยขึ้นมาสบตาฉันเป็นประกายเล็กน้อย
“เจสสิก้าค่ะ จอง เจสสิก้า” เจสสิก้าลุกขึ้นยืนทำให้ฉันสักเกตว่าเธอตัวเล็กกว่าฉันเล็กน้อย เธอเดินเข้ามาหาฉันแล้วยื่นมือให้จับ ด้วยความที่ฉันไม่ค่อยชินกับการทักทายแบบAmerican Styleสักเท่าไหร่ ฉันเลยเผลอทำท่าทางตลกๆงกๆเงิ่นๆไปล่ะมั้ง เธอถึงได้อมยิ้มกลั้นหัวเราะขนาดนี้ ฉันยกมือเกาแก้มตัวเองเขินๆ
“เจสสิก้าเหรอ? เอ
ยาวจังเลย ฉันขอเรียกคุณว่าสิก้าได้มั้ย?” เจสสิก้าพยักหน้ารับเบาๆ
ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนที่ว่างอยู่ คอนโดที่นี่กว้างพอสมควร การจัดวางห้องต่างๆเป็นระเบียบ ดูโปร่งสบาย ฉันค่อยๆเผยยิ้มด้วยความพอใจกับสภาพห้องอยู่มาก ฉันรื้อของออกมาจัดอย่างรวดเร็ว
ของบางอย่างฉันยังทิ้งไว้ที่คอนโดเก่า เวลาผ่านไปไม่นานนักฉันก็จัดของเสร็จเรียบร้อย
ฉันเดินออกจากห้องเพื่อนำหนังสือไปเก็บไว้ที่ห้องนั่งเล่น เจสสิก้ายังคงก้มๆเงยๆจัดของให้เข้าที่เข้าทาง
ท่าทางเธอจะหัวเสียอยู่มากทีเดียวที่จัดของไม่เสร็จซักที ก็ดูสิ....ขนาดฉันที่มาหลังเธอยังจัดของเสร็จแล้ว
พอฉันเดินเข้าไปหา เธอก็ส่งยิ้มให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจัดของต่อ
ของบางอย่างฉันยังทิ้งไว้ที่คอนโดเก่า เวลาผ่านไปไม่นานนักฉันก็จัดของเสร็จเรียบร้อย
ฉันเดินออกจากห้องเพื่อนำหนังสือไปเก็บไว้ที่ห้องนั่งเล่น เจสสิก้ายังคงก้มๆเงยๆจัดของให้เข้าที่เข้าทาง
ท่าทางเธอจะหัวเสียอยู่มากทีเดียวที่จัดของไม่เสร็จซักที ก็ดูสิ....ขนาดฉันที่มาหลังเธอยังจัดของเสร็จแล้ว
พอฉันเดินเข้าไปหา เธอก็ส่งยิ้มให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจัดของต่อ
“ฉันช่วย!!” ฉันนั่งลงข้างๆกันกับเธอ พลางหยิบหนังสือหลายเล่มที่วางใกล้ๆกระเป๋ามาจัดให้เรียบร้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจัดการได้” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูออกว่าเกรงใจอยู่มาก ฉันปัดมือเธอที่พยายามดึงของออกจากมือฉัน ตอนนี้กลายเป็นเราสองคนกำลังแย่งของกันไปมา แต่สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ให้ฉันยอมช่วยเธอจนได้
ฉันเลยเย้าแหย่เธอเล็กน้อย
ฉันเลยเย้าแหย่เธอเล็กน้อย
“ถ้าคุณให้ฉันช่วยตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้หรอก”
หลังจากจัดของเสร็จ ฉันก็ชวนเธอไปกินต๊อกโบกีด้านล่างคอนโด เราสองคนเดินไปคุยไปทำให้ฉันได้รู้ว่า เธอเพิ่งกลับมาจากอเมริกาแล้วก็กำลังจะเข้าทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงพอสมควร พอฉันบอกเธอไปว่า
ฉันเพิ่งเปลี่ยนที่ทำงานเพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เธอก็ดูจะอึ้งๆกับเหตุผลของฉันแถมยังทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออีกต่างหาก ฉันหัวเราะเบาๆกับท่าทีของเธอก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมสีบรอนด์ให้ยุ่ง เธอเอียงหน้าหลบไปมาพลางหันมาค้อนใส่ฉันที่ไปทำให้ผมเธอเสียทรง สิ่งที่ฉันคิดมากใจในตอนแรกจะค่อยๆหายไป ความกังวล
ความประหม่าที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่รู้จักเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นและดูเหมือนหัวใจฉันก็มีความสุขที่ได้เจอกับ
’เพื่อนใหม่’คนนี้แล้วน่ะซิ เราเดินเล่นกันอยู่นานจนท้องฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม ฉันจึงชวนเธอกลับไปที่ห้อง
และก่อนที่เราจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอนของแต่ละคน รอยยิ้มถูกหยิบยื่นให้’เพื่อนใหม่’อย่างไม่รู้เบื่อ
ฉันยืนมองเธอที่ยืนจับลูกบิดประตูเอาไว้แต่ไม่ยอมเข้าห้องไปสักที เมื่อเห็นเธอเอาแต่มองหน้ากันอยู่อย่างนี้
แต่ก็ไม่มีคำใดที่เอ่ยออกมา ฉันจึงคิดจะกลับเข้าห้องตัวเองไปบ้าง
แต่ทว่าก็มีเสียงเบาๆไล่ตามมาให้พอได้ยินอย่างชัดเจน
ฉันเพิ่งเปลี่ยนที่ทำงานเพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เธอก็ดูจะอึ้งๆกับเหตุผลของฉันแถมยังทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออีกต่างหาก ฉันหัวเราะเบาๆกับท่าทีของเธอก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมสีบรอนด์ให้ยุ่ง เธอเอียงหน้าหลบไปมาพลางหันมาค้อนใส่ฉันที่ไปทำให้ผมเธอเสียทรง สิ่งที่ฉันคิดมากใจในตอนแรกจะค่อยๆหายไป ความกังวล
ความประหม่าที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่รู้จักเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นและดูเหมือนหัวใจฉันก็มีความสุขที่ได้เจอกับ
’เพื่อนใหม่’คนนี้แล้วน่ะซิ เราเดินเล่นกันอยู่นานจนท้องฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม ฉันจึงชวนเธอกลับไปที่ห้อง
และก่อนที่เราจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอนของแต่ละคน รอยยิ้มถูกหยิบยื่นให้’เพื่อนใหม่’อย่างไม่รู้เบื่อ
ฉันยืนมองเธอที่ยืนจับลูกบิดประตูเอาไว้แต่ไม่ยอมเข้าห้องไปสักที เมื่อเห็นเธอเอาแต่มองหน้ากันอยู่อย่างนี้
แต่ก็ไม่มีคำใดที่เอ่ยออกมา ฉันจึงคิดจะกลับเข้าห้องตัวเองไปบ้าง
แต่ทว่าก็มีเสียงเบาๆไล่ตามมาให้พอได้ยินอย่างชัดเจน
“ขอบคุณนะคะคุณยูล”
Writer Talk:
เค้าย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วค่าาา ^^
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
คอมเม้ท์ของรีดเดอร์คือกำลังใจในการแต่งของไรท์เตอร์
Merry Chistmasค่ะทุกคน!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น