คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ลำดับตอนที่ 16
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว
ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจกับเงาดำนั้นหรอก... พอนานวันเข้าเท่านั้นแหละ....
...รีบนึกให้ออกสิ
...นึกให้ออกได้แล้วว่าข้าเป็นใคร..
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...(เสียงนาฬิกาปลุก)
“ท่านสุซุรันเจ้าค่า~~ เช้าแล้วนะเจ้าค่า~ ถ้าไม่รีบจะสายเอานะเจ้าค่า~~”
เสียงแหลมบาดหูดังขึ้นในโซนประสาทของผม เล่นเอาฉุดผมหลุดจากความฝันเลยทีเดียว แต่จะพูดว่าความฝันก็คงไม่ถูกต้องทั้งหมด... ผมลืมตาขึ้นภาพแรกที่ปรากฏคือเพดานห้องนอนแบบญี่ปุ่นและผู้หญิงที่เรือนผมสีน้ำตาลหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส กำลังชะโงกดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้ารับแสงะวัน...
...ถ้าไม่ติดว่าตัวของเธอโปรงใส่จนมองทะลุได้ละก็นะ...
“ท่านซุสุรันเจ้าค่ะ รีบลุกขึ้นเถอะเจ้าค่ะ! วันนี้ต้นซากุระบานด้วยนะเจ้าค่ะ อย่างกะจะยืนยิ้มส่งท่านแนะ!”เธอพูดด้วยน้ำเสียงสดใสตามแบบของเธอ พลางลอยไปที่บานประตูทะลุตัวเองออกไปแล้วกลับเขามา
“ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกซุสุรันน่ะ ฮานาบิ”ผมลุกขึ้นจากที่นอนหน้าตามุ่ยเล็กน้อยที่ตื่นเช้ามาก็ถูกเรียกชื่อจริงของตัวเองเข้าแบบนี้
อนึ่ง ผมไม่ปลื้มชื่อตัวเองเท่าไหร่ ไม่ว่าจะชื่อหรือนามสกุลก็ฟังดูไม่น่าปลื้มทั้งนั้น
“แล้วจะให้ดิฉันเรียกว่าอะไรล่ะเจ้าค่ะ? มุราซากิหรือ??”หรือลอยหันมาถามหน้าใสซื่อ ฮานาบิเป็นผีบ้านผีเรือน...ไม่ใช่สิต้องบอกว่าเธอมาจากไหนก็ไม่รู้ เธอเป็นแค่ยูเรย์ ผมเห็นเธอมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั้งมาเห็นชัดๆตอนป.3 ซึ่ง...ตอนนั้นไม่รู้ว่าเธอเป็นผีจนกระทั้งรู้ว่ามีผมคนเดียวที่มองเธอเห็น
“ก็เรียกว่า วากะสิ!”ผมยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ...เสียมารยาทจริง ผมชื่อ วากะมุราซากิ ซุสุรัน ส่วนผีที่ลอยอยู่นี้คือ ฮานาบิ ยูเรย์ประจำบ้านวากะมุราซากิ
“แหม จะซุสุรันหรือมุราซากิก็ดูน่ารักทั้งนั้น ทำไมถึงต้องเรียกว่าวากะ ล่ะเจ้าค่ะ?”เธอถามเชิงแย้ง
ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เธอบอกทั้ง ซุสุรัน ทั้งมุราซากิ และอะไรก็ดูดีทั้งนั้น ใช้ดูดีถ้าเป็นเด็กผู้หญิง...
ผมเป็นผู้ชายนะ!!
“โฮ่ย ซุสุรัน คุยกับผีอยู่หรือไง”และแล้วเสียงเจ้าปัญหาประจำบ้านนี้ก็มา แถมยังเปิดประตูเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บ้าจริงหมอนี่!
“หัดเคาะประตูซะบ้างเถอะ ยูคาริ”ผมหันไปต้องพี่ชายฝาแฝดร่วมสายเลือดที่รักยิ่งด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย
“ช่างมันเถอะ~ แม่ให้มาตามนายแล้ว เพราะใกล้จะถึงเวลาแล้ว”อา...หรอ ว่าแล้วผมก็จำลงต้องลุกขึ้นจากที่นอน พับเก็บมันให้เรียบร้อย เปลี่ยนชุด... หมายถึงเปลี่ยนหลังจากยูคาริออกไปแล้ว และเดินออกจากห้องไปพร้อมกำชับกับฮาบิเป็นรอบที่ 100 แล้วว่าอย่าก่อเรื่องในบ้านหนังนี้เด็ดขาด!
บ้านมุราซากิเป็นตระกูลใหญ่ พวกเราทำธุรกิจเกี่ยวกับไวน์และชา ซึ่งผมใฝ่ฝันว่าซักวันจะสืบทอดกิจการนี้ต่อ มุราซากิเป็นนามสกุลแม่ผมและบ้านมุราซากิตอนนี้มีคุณลุงเป็นหัวหน้าตระกูล ซึ่งบ้านเราเป็นเหมือนครอบครัวใหญ่แต่ไม่ใช่เพราะมีกันแค่ไม่กี่คนคือ ลุง ป้า แม่ ลูกสาวลุงป้าทั้งสองคน ยูคาริและผม ที่นี้เป็นบ้านใหญ่กลางเกียวโตจะว่างั้นก็เป็นได้...
ผมกับยูคาริเป็นพี่น้องฝาแดกัน แต่เราไม่เหมือนกันซักอย่าง...ขนาดหน้าตายูคาริยังดูแม่นกว่า ตัวสูงกว่า แข็งแรงกว่า ป็อปกว่า ฉลาดกว่า...ไอ้ฉลาดน่ะแค่นิดหน่อยหรอก แน่นอนว่ายูคาริมองไม่เห็นสิ่งที่ผมเห็นและยูคาริแตกต่างจากผมที่เขาไม่มีสายเลือดของเทพเจ้ากรีกไดอะไนซุสอะไรนั้น ซึ่งตามหลักเขาควรเป็นพ่อและอยู่กับเราหรือพาเราไปอยู่ด้วย...ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นความผิดพลาดก็ได้ที่ลูกแฝดเป็นแบบนี้แค่คนเดียว ยูคาริเป็นคนธรรมดาที่ผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นมากที่สุด...
พูดถึงวันนี้ผมต้องจากบ้านหลังนี้ไปซะแล้วสิ...
ผมกำลังจะไปค่ายเลือดผสม...Half Blood อะไรทำนองนั้นเพราะว่าหวังจากเหตุการณ์โกโก้ครั้นบุกโรงเรียนผมซึ่งมันน่าตกใจมากสำหรับคนอื่นๆ ส่วนผมชินจนชาไปแล้ว...
หลังจากนั้นแม่ก็เล่าเรื่องว่าพ่อเป็นใคร และทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น รวมถึงว่าการที่ผมมีเลือดของพ่อในร่างกายทำให้ผมกลายเป็นคนที่สามารถสัมพันธ์วิญญาณได้เพราะมีความเชื้อว่าเทพไดอะไนซุสนอกจากจะเป็นเทพเจ้าแห่งไวน์แล้วยังเป็นเทพเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางวิญญาณด้วย...ก็แค่คตินิยม
อยากสารภาพตามตรงว่าเมื่อประมาณ 5 ปีก่อนจนถึงปัจจุบันผมลืมไปซะด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่มีพ่อ...และตอนนี้ผมกำลังคิดว่าเจ้าพี่บ้ายูคาริควรรับอย่างใดอย่างหนึ่งไปบ้าง ไม่ใช่โยนมาที่ผมคนเดียว
เอาล่ะ หมดเวลาบ่นแล้วล่ะมั้ง...*คลืน*(เสียงเลื่อนประตู) ผมเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารของบ้านซึ่งตอนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยทีเดียว แต่ใช่ว่าจะสดใสเหมือนลุง ป้า แม่ผม และน้องสาวตัวน้อยที่น่ารักอีก 1 คน ส่วนที่เหลือยูคาริก็ทำหน้านิ่งๆตามแบบฉบับของหมอนั้น ส่วนพี่เซนะ(ลูกสาวลุงผม อายุมากกว่าผม ราวๆ 4 ปีได้) ก็ยังเหมือนยังไม่ตื่น และกำลังหลับทั้งนั่งแบบนั้นแหละ
“ซุสุรันจัง ดีใจด้วยนะจ๊ะในที่สุดวันนี้ก็มาถึงซักที”คุณแม่ที่อารมณ์ดีกว่าใครก็นั่งยิ้มและมีบรรยาการรอบตัวที่ดอกไม้บานสะพรั่ง และผมไม่ได้ดีใจในสิ่งที่แม่ดีใจซักนิด
“แม่ผมเกลียดเครื่องบินไม่ไปได้ไหม?”ผมถาม แน่นอนก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นเอง ผมไม่อยากไปจากบ้านหลังนี้เท่าไหร่หรอก เพราะอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็กแล้ว รวมถึงพวกภูตผีวิญาณด้วย
ผมยังไม่ได้บอกกสินะว่าที่นี่ในตอนนี้ มีผีอีกตนนั่งอยู่...ข้างผมเนี้ย ความจริงจะเรียกว่าผีก็ไม่ได้ เพราะผีตนนี้ใส่ชุดเหมือนพวกอนเมียวจิซะมากกว่า
“โธ่ อย่าพูดงั้นสิจ๊ะ มาเถอะๆกินข้าวกันดีกว่า”แม่พูดด้วยน้ำเสียงสดใสหลังจากนั้นลุงก็เริ่มกล่าวบทสวดในการรับประทานอาหาร อ้อ บ้านผมเป็นชาวคริตส์น่ะ...
*นั้นสิๆ อย่างน้อยเจ้าไปอยู่ค่ายเลือดผสมยังปลอดภัยกว่าในวัดอีก*แล้วผีที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็พูดออกมา ก้อนจะเริ่มกินอาหารของตนเอง(??)
‘เหอะ! ที่ไหนก็ไม่ต่างกันนั้นหรอก’ผมตอบเขาในใจ และเริ่มกินข้าวเช้าของตนเอง วันนี้เป็นแบบญี่ปุ่นสินะ อืม...คงต้องกินให้เรียบเพราะที่ค่ายอาจจะไม่มีให้กิน งำ งำ...
ความจริงแล้วเจ้าผีตนนี้เป็นคนสอนอะไรหลายๆอย่างให้ผมในตอนเด็กๆ หรือก็คือพูดกรอกหูตั้งแต่เด็กๆทั้งเรื่องไวน์เอ่ย การปลูกพืชผักเอ่ย และอะไรอีกมากมายเยอะแยะซึ่งผมไม่อยากจะรู้แต่มันลอยมาติดสมองเอง ซึ่งผมก็ชอบมันมากด้วยสิ...
‘ว่าแต่เจ้าค่ายนั้นจะเป็นยังไงกันนะ แย่จริง คนมันต้องเยอะไปหมดแน่ แน่นอนบางทีเจ้าพวกนั้นอาจจะเยอะเหมือนกัน สยอง...’
*คิดมากไปแล้วเจ้าน่ะ! มันจะไปมีของแบบนั้นได้ไง ที่นั้นแต่คนดีๆนิสัยๆ*
‘นายจะไปรู้อะรเล่า!! นายก็อยู่แต่ในรู(บ้าน)เหมือนฉันนี่แหละ’
*อย่ามาเปรีบข้ากับเจ้าดี หนูน้อย ข้าอยู่มานานกว่าเจ้าตั้งกี่พันปี คิดบ้างหรือเปล่าฮะ? แล้วเจ้าคิดว่าก่อนที่แยกส่วนหนึ่งมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเนี่ย? มันนานขนาดไหนแล้วกัน??*
‘อะไรน่ะ? อย่าพูดเหมือนรู้ดีไปหน่อยเจ้าผีบ้า อย่างคุณจะไปรู้อะไร’
*รู้มากกว่าเจ้าเป็นพันเท่าเลยขอบอก...*
*…ให้ตายสิ ถ้าเจ้าเอาความฉลาดที่มีมาเจียดคิดคำใบ้ต่างๆนานาที่ข้าให้ในฝันนี้ เจ้าก็ไม่ต้องเที่ยวค้างค่ายแบบไม่มีใครรับแบบนี้หรอก*
‘พูดอะไรของคุณเนี้ย ฝันอะไรกัน!’
.
.
.
“ตื่นจากฝันซะ เจ้าเด็กบื่อ...”
...เฮือก!!
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในกลางดึก ประมาณตี 3 ได้มั้ง(เหลือดูนาฬิกา)... ใช่ ตี3 กว่าๆ รู้สึกเหมือนไม่ได้ฝันยาวๆแบบนี้มานานแล้วแฮะ แถมยังเหนื่อยแบบสุดๆอีก เฮ้อ..
ไหง วันดีคืนดีถึงฝันถึงเจ้าผีนั้นละเนี่ย...(ถอนหายใจ)
ตั้งแต่มาอยู่ค่ายนี้ ผมถูกส่งมาที่บ้านเฮอร์มีส เพื่อรอการตอบรับการเป็นบุตร ซึ่งนี้ก็เกือบเดือนแล้วยังเงียบ เชียบ ไร้วี้แวว น่าอนาจตัวเองจริงๆเลยเนี่ย...
เหนียวตัวชะมัด หายง่วงแล้วด้วยทั้งที่พึ่งตี 3 แท้ๆ
ผมเอามือเช็ดเหงื่อที่หน้าของตัวเองออก แล้วหยิบไฟฉาย เปิดมันแล้วเดินไปที่กระเป๋าของตัวเองด้วยควาเงียเฉียบ.. เพราะถ้าดังอาจจะโดนคนในค่ายนี้กระทืบตายก่อนจะได้ย้ายบ้าน ข้อหาทำเสียงดังในยามวิกาล...
*เฮ้อ~ รู้สึกว่าจะไม่ได้เจียดมองน้อยๆของเจ้ามาคิดคำใบ้เลยนะ*
ไอ้เสียงคุ้นๆนี้มัน...
‘เฮ้ย นาย มาทำอะไรที่นี่เนี้ย! มาที่นี้ได้ยังไงกัน’อยากจะบอกว่าตกใจจนแถบกรี๊ด มันต้องเป็น After Effect ของการไม่ได้เจออะไรแบบนี้ (ผีหรืออะไรทำนองนั้น) นานๆแหงๆ
*ถ้าไม่ทำให้รู้เอง ก็คงไม่มีทางได้ย้ายบ้านกระมัง*(เหล่ตาไปทางอื่น...)
‘(เอ๋อร์รับประฐาน)’
*เยี่ยม เยี่ยมยอดมาก ไดอะไนซิสคงดีใจมากที่มีลูกฉลาดแบบเจ้านะ...รู้ใช่ไหมว่าไดอะไนซิสเป็นเทพแห่งอะไร*
‘ก็ไวน์ไง’
*อะไรอีก ช่วยเอาสมองน้อยๆของเจ้ามาคิดให้ไว*
‘ก็..สุราเมรัย การเกษตร การละคร การดนตรี แรงบันดาลใจ การติดต่อกับิญาณงั้นหรอ?’
*เจ้าก็รู้อยู่นี่ ดังนั้นย้ายไปบ้านของเจ้าได้แล้ว*
‘ผมจะย้ายไปได้ไงเล่า ยังไม่ได้รับการรับลองบุตรเลย!!’
*งั้นตอนนี้ได้แล้ว เอานี้จดหมายส่วนนี้ของฝากเล็กๆน้อยๆจากพ่อเจ้า เทพแห่งไวน์ไดอะไนเซิส*(ยื่นจดหมายมาให้พร้อมของเหลวที่เข้มในขวดทึบ)
*งั้นข้าไปล่ะ เสียเวลาจริงเล๊ย*
‘อ้าว เดียวก่อนเซ่!!’มันทันจะพูดจบก็หายไปซะแล้ว ผมวางขวดไวน์(คิดว่าใช่)ลงข้างตัว แล้วเปิดอ่านจดหมายข้างใน
ถึง ลูกรัก
คิดว่าคงอยู่ที่ค่ายแล้ว เห็นว่าจำเป็นต้องมีการยืนยันการเป็นบุตรสินะ งั้นตอนนี้ข้ารับเจ้าเป็นบุตรแห่งไดอะไนเซิสแล้ว ยินดีด้วย และขอให้ใช่ชีวิตในขายอย่างมีความสุข และข้าอยู่ข้างเจ้าเสมอจำไว้
ปล.ของฝากที่ข้าให้เป็นไวน์พิเศษที่ข้าหมักขึ้นมาเอเจ้าโดยเฉพาะ มันมีสรรพคุณในการเปิดเผยความรู้สึกส่วนลึกของมนุษย์ เทพ ปีศาจ และรวมถึงเด็กอย่างพวกเจ้า ทางทีดีอย่าใช้มันดีกว่านะ และอีกอย่างทำไมเจ้าถึงไปหัดยิงธนูกันห๊ะ? อย่างอื่นก็มีอีกตั้งเยอะแยะ แบบนี้ก็เหมือนเจ้าเป็นลูกของเทพีอาร์เทมิสมากกว่านะสิ เฮ้อ~...(บ่นอีกยืดจรู้สึกขี้เกียจอ่านปิดจดหมายทันทั)
อา...ได้รับการรับลองแล้สินะ รู้สึกดีแปลกๆแฮะ
จากนี้ไปผม วากะมุราซากิ ซุสุรัน บุตรแห่งเทพไดอะไนเซิส ขอฝากตัวด้วยนะ...
เรื่องนี้ต้องแจ้งมิสเตอร์.ดี หรือคุณไครอนด้วยสินะ...
ความคิดเห็น