ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Azur Lane] Gundam Azur Lane

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 Mission: Impossible - Clock & Dagger

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.3K
      76
      19 ม.ค. 67

    ในเวลาต่อมาอากิระ เอ็นเทอร์ไฟรซ์ เบลฟาสต์ หนิง ไห่ ผิง ไห่ คันดะ และเรย์ รวมถึงคนอื่นๆ ได้ไปรวมตัวกันที่ห้องผู้บัญชาการของเวลส์เพื่อรับฟังรายงานของหนิง ไห่

    คันดะกับเรย์สวมชุดแบบเดียวกับอากิระ แต่ของคันดะเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนเรย์เป็นสีม่วง

    เมื่อทุกคนเข้ามากันครบแล้ว หนิง ไห่ก็เริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่พวกเธอจะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป

    “พวกเราตงหวง พบการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยของพวกไซเรน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการโจมตีครั้งใหญ่ พวกเราสี่คน ฉัน ผิง ไห่ อัลทรอน กันดั้ม ราฟาเอล กันดั้ม ออกไปสอดแนม เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ว่า...”

    ทั้งสี่คนพุ่งฝ่าหมอกหนาออกไป ก็ต้องพบกับกองเรือไซเรนจำนวนมากพร้อมกับไซเรนระดับสูง แล้วจากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นจนมาถึงเวลาที่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์จะมาพบพวกเธอสี่คน

    ฮอร์เน็ตที่ร่วมรับฟังรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอนั่งอยู่ที่โซฟายาวที่ด้านซ้ายของเวสทัลและเปล่งเสียงขึ้นมา

    “หมายความว่า พวกไซเรนระดับสูงกำลังเคลื่อนไหวเหรอ”

    “ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นแบบนั้น บอกตามตรงนั่นเป็นศึกที่หนักหนามาก”

    เรย์พูดสนับสนุนข้อสันนิษฐานของฮอร์เน็ต หนิง ไห่ก็พยักหน้ารับ

    ระหว่างนั้นฮอร์เน็ตก็โยนซาลาเปาที่เหลือเข้าปากแล้วเอานิ้วเช็ด

    “มารยาทไม่ดีเลย ฮอร์เน็ตจัง”

    เวสทัลก็พูดต่อว่าเธอ

    “ตงหวงเป็นหนึ่งในค่ายที่เป็นพันธมิตรกับอซูร์เลน อุตส่าห์นำข้อมูลนี้ มาให้พวกเรา”

    เวลส์พูดออกมาขณะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตางข้ามกับคลีฟแลนด์

    “อาจจะรอจังหวะที่เรด แอ็กซิสกับอซูร์เลน ต่อสู้กัน แล้วเข้ามาโจมตีก็เป็นได้”

    “แต่ว่ามันก็ยังมีจุดที่น่าสงสัยอยู่นะ”

    คันดะเอ่ยขึ้นมา เขายืนอยู่ด้านหลังโซฟาที่หนิง ไห่กับผิง ไห่นั่งอยู่

    “อืม นั่นสิ ทั้งเรื่องที่เรด แอ็กซิส ได้ไซเรนมาเป็นกำลังรบ รวมถึงกองกำลังของชินนันจูอีก มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่แน่ๆ”

    อากิระซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เอ็นเทอร์ไฟรซ์เอ่ยขึ้นมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องเห็นด้วย ก่อนจะประชุมกันต่ออีกพักหนึ่ง

     

    หลังจบการประชุม อากิระกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์เดินไปตามทางเดิน โดยมีเบลฟาสต์เดินตามหลังทั้งสองคน

    “การเคลื่อนไหวของไซเรนกับเทคโนโลยีใหม่ของจูโอ พลังในการควบคุม ไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากแบบนี้”

    “แล้วไหนจะพวกโมบิลสูทและชินนันจูอีก ไม่แน่ว่าบางทีเจ้านั่นอาจจะเอาโมบิลสูทรุ่นอื่นมาเพิ่มแน่ จากเดิมที่มีแค่แซกกับเซอร์เพน คัสตอม จะต้องมีรุ่นอื่นกับรุ่นพิเศษมาเพิ่มอีกแน่ๆ”

    อากิระพูดขึ้นมา เอ็นเทอร์ไฟรซ์กับเบลฟาสต์เห็นด้วยกับความคิดนั้นของเขา

    “คิดว่า คงเกี่ยวข้องกันสินะ อากิระ”

    “อืม ถ้าจะยืนยันให้แน่ใจก็ต้องไปตรวจสอบ”

    เบลฟาสต์ที่เดินตามหลังทั้งสองก็เปล่งเสียงออกมาพลางกำมือขึ้นมาไว้ที่กลางอก

    “นั่นคือจุดเด่นของทางรอยัลเรา”

    “เอ๊ะ?”

    “ว่าไงนะ”

    อากิระกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์หันข้างมามองเธออย่างพร้อมเพรียงกัน

    “หน่วยเมดของเรานั้น ได้รับภารกิจใหม่มาแล้ว”

    เบลฟาสต์พูดชี้แจงให้อากิระกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์ทราบ ทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปมองเบลฟาสต์ จากนั้นเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็เอามือขวาเท้าเอว

    “เมด...?”

    “ภารกิจเหรอ”

    ทั้งสองขมวดคิ้วสงสัย แต่เบลฟาสต์ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วย่อตัวถอนสายบัวพร้อมกับเลิกกระโปรงขึ้นมาทำความเคารพ

    “โคลก แอนด์ แด็กเกอร์ - การจารกรรม”

     

    ณ ฐานทัพจูโอ ตัวอาคารบ้านเรือนมีลักษณะเป็นทรงโบราณในสมัยเอโดะ

    อายานามิกับเพื่อนของเธอเดินขึ้นบันไดและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ยูดาจิกับยูกิคาเสะจะเริ่มวิ่งขึ้นบันไดไป

    “มาแข่งกัน”

    “พี่คะ ทานอันมิตซึกันเถอะ”

    ยามาชิโระซึ่งกอดแขนของฟุโซวผู้เป็นพี่สาวของเธอพูดชวนเธอไปทานขนมหวานกัน

    “จะทานเยอะเกินไปไม่ได้นะ รู้มั้ย”

    ฟุโซวก็พูดเตือนน้องสาวของเธอขณะที่ทั้งสองเดินลงบันไดไป

    “พวกนั้น ความร่าเริงไร้ขีดกำจัดจริงๆ”

    ชิงุเระมองดูทั้งสองคนขึ้นบันไดขณะเดินอยู่ข้างๆ อายานามิ ระหว่างนั้นเองก็มีมิโกะสวมหน้ากากครึ่งใบหน้าเอาไว้ ทั้งสองสวมใส่หน้ากากแมว และคนหนึ่งมัดผมเป็นมวยมีผมสีบลอนด์ อีกคนไว้ผมยาวถึงสะโพกมีผมสีเงินและมีผูกผมเปีย

    มิโกะที่สวมหน้ากากแมวเหลือบมองไปที่อายานามิ ส่วนอีกคนก็ถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นแว่นที่สวมอยู่ใต้หน้ากากแล้วเงยหน้าบนขึ้นไปด้านบน

    ในมุมมืดของตรอกซอยแห่งหนึ่งในเขตที่อยู่อาศัยมีคนสองคนสวมผ้าคลุมปิดบังตัวตน พวกเขาแอบมองออกไปที่ปราสาท เมื่อเงยหน้าขึ้นดวงตาสีมรกตก็เปล่งแสงออกมา

     

    ที่ตำหนักกลางทะเลสาบ ใต้ต้นซากุระต้นใหญ่ ณ ตำหนักใต้ต้นซากุระ

    อาคากิกับคากะมารายงานตัวกับนางาโตะ ด้านซ้ายมี คาวะคาเสะ ส่วนด้านขวามี มุทสึนั่งขนาบทั้งสองด้านของเธอ

    นางาโตะ เธอคือเรือประจัญบาน ซึ่งมีรูปลักษณะเป็นเด็กสาว มีเรือนผมสีดำงดงามและยาวไปถึงกลางหลัง บนศีรษะของเธอมีหูจิ้งจอก เธอสวมเครื่องประสีทองรูปนกไว้ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง

    “กล่องสีดำนี่ ทำให้สามารถสั่งการไซเรนได้งั้นเหรอ?”

    “ค่ะ แต่นั่นเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น”

    นางาโตะจ้องมองกล่องสีดำที่เปล่งแสงออกมา

    “กล่องดำนี่ยังเป็นเมนทัล คิวบ์ วัตถุเดียวที่ใช้สร้างเรือรบอย่างพวกเราอีกด้วย”

    อาคากิอธิบายที่มาของกล่องดำให้นางาโตะทราบ

    “แผน “โอโรจิ””

    นางาโตะเอ่ยชื่อแผนการนั้นออกมา มันคือ โครงการ โอโอริ ซึ่งมีลูกบาศก์สีดำที่อาคากิได้มาจาก ไซเรน แท้จริงแล้วมันคืออาวุธลับที่มีไว้เพื่อโครงการนี้

    “ถูกต้อง ความหวังของจูโออย่างพวกเรา”

    “แต่ทว่า พวกเราต้องเป็นฝ่ายลงมือก่อนเช่นนี้”

    ดูเหมือนว่านางาโตะจะลังเลและเคลือบแคลงใจที่จะเริ่มแผนการโอโรจิ ขณะมองดูลูกบาศก์จิตสีดำที่เปล่งแสงสีม่วงออกมา

    “ถือเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้”

    อาคากิตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

    “มีการปะทะกันครั้งใหญ่ ระหว่างเรากับไซเรน มาจนถึงตอนนี้ มีไม่รู้กี่ครั้ง มนุษย์ได้แต่เอาชีวิตรอดไปวันๆ วิถีของอซูร์เลนนั้น ไม่ทันการ และแม้ว่าเราจะได้ชินนันจูกับเหล่าโมบิลสูทมาเป็นพันธมิตร แต่เพื่อวันพรุ่งนี้ของจูโอนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้แผนนี้สำเร็จ”

    เมื่อได้ฟังดังนั้น นางาโตะก็วางลูกบาศก์สีดำแล้วเอามือขยับมันส่งคืนให้กับอาคากิ

    “เข้าใจแล้ว ไปเถิด”

    อาคากิรับลูกบาศก์สีดำคืนก่อนจะทำความเคารพแล้วเดินลงจากตำหนัก

    “การต่อสู้ ไม่ว่าสมัยใดก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยงั้นเหรอ”

    นางาโตะพูดพึมพำออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาขณะมองแผ่นหลังของอาคากิกับคากะจนหายลับไปท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่ร่วงโปรยปรายลงมา

    ที่บันไดซุ้มประตูโทริอิซึ่งมีต้นซากุระปลูกเป็นแถวเรียงยาวไปตามบันได

    คากะพูดกับอาคากิเกี่ยวการตัดสินใจของนางาโตะ

    “นางยังเหลือความลังเลอยู่ นางาโตะ เตรียมใจไม่พอ”

    “อย่าพูดแบบนั้น ความรักอันลึกล้ำของเธอนั้นเป็นตัวขับเคลื่อนเช่นกัน”

    “แต่ว่า ท่านพี่”

    คากะหันกลับมาหาอาคากิซึ่งเดินอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นเธอก็ทำหน้าแปลกใจ

    อาคากิกลับทำท่าแปลกๆ และยิ้มออกมาด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม

    “แต่ว่า ยังไม่เพียงพอ ความรักของอาคากิ ยังเผาผลาญและลุกโชนอยู่บนโลก”

    จากนั้นเธอก็หยิบลูกบาศก์จิตสีดำออกมาจากแขนเสื้อ แล้วใช้อีกมือหนึ่งลูบไล้มันสองสามที

    “ใช่ อีกไม่นาน”

    “ท่านพี่อาคากิ”

    คำพูดของเธอ ทำให้คากะรู้สึกเป็นห่วงและเจ็บปวดอยู่ในใจ

     

    ณ ร้านน้ำชา

    นิมิกำลังดื่มด่ำกับรสชาติของน้ำชาก่อนจะจิ้มโยกัง(วุ้นที่ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยม)

    แต่ในตอนนั้นเอง....

    “เอ๊ะ!!!!?”

    เธอต้องตกใจจนทำให้โยกังเกือบติดคอ เธอเอามือทุบอก ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยสีหน้าโกรธเคือง ซึ่งเจ้าของเสียงนั้นก็คือ ชิงุเระ นั่นเอง

    “เจ้าเอ็นเทอร์ไฟรซ์นั่น เอาชนะคุณคากะได้เหรอ นอกจากนั้น เจ้าโมบิลสูทสีขาวที่ชื่อกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายที่เป็นคนพิชิตใจของคุณซุยคาคุก็จัดการโมบิลสูทไปถึง 15 เครื่องงั้นเหรอ”

    ชิงุเระตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึง ระหว่างนั้นยูดาจิกับยูกิคาเสะก็กำลังนั่งทานดังโงะขนาบข้างทั้งซ้ายและขวาของอายานามิ

    “ขืนมายุ่งกับยูกิคาเซะผู้นี้ ต่อให้ยูเนี่ยน รอยัลหรือกันดั้ม ก็ไม่ครณามือหรอก”

    ยูกิคาเสะพูดโอ้อวดพลางเอามือกอดอกและยิ้มออกมาอย่างไม่หวั่นเกรงมือของเธอถือไม้ไอติม

    “อึก!?”

    ระหว่างนั้นยูดาจิก็กำลังทานขนมโมจิอยู่นั้น โมจิก็ไปติดคอเธอ ทำให้เธอเกิดอาการสำลัก อายานามิกับชิงุเระก็รีบช่วยเธอทันที

    “ค่อยๆ กินสิ เอานี่... น้ำชา”

    เธอยื่นถ้วยชาให้ยูดาจิขณะที่อายานามิเอามือลูบหลังของเธอ ยูดาจิรับถ้วยชาจากชิงุเระแล้วดื่มเข้าไปหลายอึก

    “อา... ดีจัง อายานามิได้ออกไปสู้แบบนี้ ยูดาจิ อยากรีบออกไปสู้บ้าง”

    เธอพูดพลางกำหมัดแน่นด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

    คำพูดนั้นของยูดาจิ ทำให้อายานามินึกภาพของลาฟฟีกับจาเวลินขึ้นมา

    “ไม่ได้ชอบการต่อสู้ แค่ไปสู้ตามปกรติเท่านั้น”

    เธอพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ชิงุเระมองเธอด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนที่เธอจะยิ้มและหลับตาข้างหนึ่ง

    “ปกรติที่ว่า คิชิน(เทพอสูร) อย่างอายานามิ ยังมีหน้ามาพูดอีก นี่แน่ๆ”

    ชิงุเระยิ้มและเอานิ้วจิ้มแก้มอายานามิอย่างนึกสนุก จากนั้นยูดาจิก็กระโดดขึ้นมาแล้วเอามือทั้งสองข้างจับไปที่หูของเธอ

    “ปีศาจล่ะ มีเขาด้วยๆ”

    “นี่มันหูอายานามิ ไม่ใช่เขาสักหน่อย”

    เธอพูดแย้งขณะยกมือขึ้นมาห้ามปรามยูดาจิที่จับหูของเธอ

    “แต่จะแข็งแกร่งอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีโชคอย่าง ท่านชิงุเระผู้นี้ด้วย”

    ชิงุเระยิ้มพลางเอามือกอดอย่างภาคภูมิใจ แต่ตอนนั้นเอง...

    “อ้าวได้ รางวัลด้วย”

    ยูกิคาเสะซึ่งกำลังทานไอติมอยู่นั้น เมื่อเธอกินหมด ไม้ไอติมก็โชว์ตัวอักษรว่า “ถูกรางวัล” ทำให้เธอดีใจมาก อายานามิกับยูดาจิหันมามองด้วยความประหลาดใจ แต่ชิงุเระกลับมีสีหน้าตกใจแล้วตัวสั่นหงักๆ จากนั้นเธอก็ตะโกนออกมา

    “มาประลองกัน ยูกิคาเซะ! วันนี้เรามาตัดสินกัน”

    ในมือของเธอมีไอติมหลายแท่ง ท่าทางเธอต้องการที่จะประลองตัดสินเรื่องโชคกับยูกิคาเซะ

    ในจังหวะนั้นเอง

    “อยู่ในร้าน เงียบๆ กันหน่อยเถอะ”

    นิมิตะโกนออกมาเสียงดัง เพราะการกระทำของพวกชิงุเระ ทำให้เธอตกใจจนน้ำชาหกเลอะเสื้อของเธอ

    ชิงุเระก้มศีรษะขอโทษเธอ ยูกิคาเสะก็มองนิมิด้วยสีหน้าหวาดกลัว

     

    ณ คฤหาสน์ทรงญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง มีสาวงามคนหนึ่งยืนอยู่ เธอมีเรือนผมสีดำเงางาม เธอผูกผมเป็นทรงหางม้าทรงสูงและผูกริบบิ้นสีขาวเอาไว้ เธอสวมชุดเครื่องแบบสีขาวบริสุทธิ์และสวมถุงน่องสีดำ ในมือของเธอถือดาบคาตานะเอาไว้

    ตอนนี้เธอกำลังทำจิตใจให้สงบนิ่งและปล่อยให้สายลมพัดผ่านไป ผมของเธอปลิวไปตามแรงลม กลีบดอกซากุระจากต้นซากุระก็ปลิวไปตามแรงลม

    มีกลีบดอกซากุระกลีบหนึ่งร่วงลงตรงหน้าเธอ ในจังหวะเดียวกับที่เธอลืมตาขึ้นมา พริบตานั้นเอง เธอก็ชักดาบอิไอฟันใส่กลีบดอกซากุระกลีบนั้นจนขาดเป็นสองส่วน

    เธอคือ เรือลาดตระเวนหนัก ทาคาโอะ

    แปะ แปะ แปะ

    เธอได้ยินเสียงปรบมือจากทางด้านหลัง เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นซุยคาคุยืนพิงเสาอยู่ตรงนั้น

    “ฝึกหนักน่าดูเลยนี่ ทาคาโอะ”

    ซุยคาคุพูดพลางโบกมือทักทายทาคาโอะ เธอเดินเข้ามาหาและกล่าวทักทาย

    “ท่านซุยคาคุ กลับมาแล้วเหรอ”

    “อือ แต่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่”

    ซุยคาคุเอามือเสยผมขึ้น

    “อืม”

    ทาคาโอะเอามือแนบคางครุ่นคิด

    จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังสวนแห่งหนึ่งผ่านป่าไผ่ ทั้งสองเดินผ่านบ่อน้ำในสวน

    ทาคาโอะเดินขึ้นบันได ระหว่างนั้นซุยคาคุก็นั่งยองๆ เอามือลูบหัวสุนัขจิ้งจอก ก่อนที่เธอจะรีบเดินตามขึ้นไป

    เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา ทาคาโอะก็หันหน้ามาหาซุยคาคุลมพัดจนผมของเธอปลิวไสว ซุยคาคุเดินมาอยู่ข้างๆ เธอแล้วมองออกไปวินาทีถัดมาเธอก็ยิ้ม เธอมองวิวทิวทัศน์ของบ้านเรือนของจูโอ

    “สุดท้ายก็ไม่ได้สู้กับเกรย์ โกสต์ แต่ได้สู้กับกันดั้มแทน”

    “กันดั้ม?”

    ทาคาโอะได้รับรายงานเรื่องของโมบิลสูทสีขาวนามกันดั้ม เมื่อหลายวันก่อนในช่วงที่กองเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 1 กับ 5 ยังอยู่ระหว่างเดินทางกลับมาที่ฐาน

    เมื่อได้ยินคำพูดของทาคาโอะ ซุยคาคุก็หันหน้ามาแล้วพยักหน้าให้

    “ใช่ แล้วก็แพ้เขามาด้วยล่ะ แพ้หมดรูปเลย แต่ว่า... ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บใจเลยสักนิด ทั้งที่เป็นการต่อสู้ เป็นสงคราม... แต่ฉันกลับรู้สึกสนุกในตอนที่สู้กับเขา และเขาก็ยอมรับในความแข็งแกร่งของฉัน ทั้งยังมอบดาบเล่มนี้ให้กับฉันอีก”

    ซุยคาคุยกกาเบร่าสเตรทขึ้นมาและมองดูมัน ทาคาโอะเองก็มองดูดาบคาตานะเล่มที่อยู่ในมือของเธอ

    “ที่แย่กว่านั้นคือ ฉันดันมีใจให้เขาไปซะแล้ว”

    เธอนึกถึงใบหน้าของกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายขึ้นมา เธอไม่รู้ทั้งชื่อจริงและใบหน้าจริงของเขา แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนของเขา

    “ถ้าเจอเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าฉันจะสามารถสู้กับเขาอย่างเต็มกำลังได้รึเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันคงไม่อาจปกป้องพี่โชวคาคุกับทุกคนได้แน่”

    ตอนนั้นเอง จู่ๆ ทาคาโอะก็เขามาตบหลังเธออย่างแรง

    “อึก!?”

    ซุยคาคุน้ำตาคลอเบ้าแล้วหันมามองทาคาโอะ

    “เอ่อ ต้องขออภัยด้วย หนักมือไปหรือเปล่า”

    ทาคาโอะพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล ซุยคาคุลงนั่งคู้ตัวพลางเอามือไปแตะหลัง

    “อะ... อา...”

    “อย่าแบกทุกอย่างไว้คนเดียว มาพึ่งพาพวกเราบ้างก็ได้”

    “ทาคาโอะ”

    ซุยคาคุทำหน้าประหลาดใจเมื่อได้ฟังคำพูดของทาคาโอะ

    “เราเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย”

    ทาคาโอะยิ้มอย่างอ่อนโยนและก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วยื่นมือมาหาซุยคาคุ เธอก็จับมือนั้นเอาไว้ ทาคาโอะดึงเธอขึ้นมายืน ซุยคาคุก็ยิ้มออกมา

     

    ในเวลาเย็นที่แสงอาทิตย์ทอแสงสีส้ม ที่ท่าเรือซึ่งมีเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งจอดเทียบท่าอยู่

    ที่โกดังแห่งหนึ่ง ตรงบริเวณทางเดินที่เหล่ามันจู(ลูกเจี๊ยบสีเหลือง) กำลังลำเลียงกล่องไม้อยู่นั้น

    มีเด็กสาวสวมชุดกิโมโนสีดำมีลายเปลวไฟที่ปลายแขนเสื้อ เธอมีผมสีดำผูกเป็นมวย และมีหูกระต่ายประดับไว้ที่ศีรษะและมีก้อนกลมๆ สีขาวติดอยู่ที่กลางศีรษะ ผมหน้าของเธอปิดตาเธอข้างขวาของเธอไว้ เธอผูกริบบิ้นสีดำที่มีลายเปลวไฟอยู่ที่ปลายริบบิ้น เธอคือเรือพิฆาต ชิรานุย

    ชิรานุยหันไปมองทางด้านซ้ายแล้วบ่นพึมพำออกมา

    “ให้ตายเถอะ อาคาชิจอมเลอะเทอะ ไปลอยชายอยู่ที่ไหนกัน”

    ระหว่างนั้นก็มีมิโกะสวมหน้ากากสองคนเดินผ่านมาทางด้านหลังของเธอ

    ในวินาทีต่อมามิโกะผมเงินก็สะดุดหกล้มจนทำให้หน้ากากหลุดออกจากใบหน้าของเธอ

    ชิรานุยซึ่งกำลังดูเอกสารอยู่นั้นก็สังเกตเห็นเธอ

    “อ้าว ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

    เธอหันไปมองมิโกะผมเงินที่ล้มหน้าคว่ำกับพื้นเอาก้นชี้ฟ้าแล้วเดินเข้าไปใกล้ มีลูกไฟสีม่วงลอยอยู่ข้างตัวเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเท้าของเธอยังลอยอยู่เหนือพื้นอีกด้วย

    มิโกะผมเงินนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเอดินบาระ ในจังหวะที่เธอล้มก็ทำหน้ากากและแว่นหล่น

    ชิรานุยเข้ามาใกล้เธอเรื่อย จนทำให้เธอรู้สึกวิตกกังวลว่าแผนการสืบข้อมูลลับจะแตก

    แต่ในตอนนั้นเองเชฟฟิลด์ก็รีบเดินเข้ามาหาพวกเธอแล้วสวมหน้ากากให้เอดินบาระในชั่วพริบตา จากนั้นเธอก็ก้มศีรษะลงขอโทษชิรานุย ก่อนที่เธอกับเอดินบาระซึ่งลุกขึ้นมายืนแล้วจะเดินจากไป

    ชิรานุยได้แต่ทำหน้างงๆ ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นบางสิ่งตกอยู่ที่พื้น

    “เอ่อ คือ...”

    เชฟฟิลด์กับเอดินบาระสะดุ้งตกใจและเริ่มกังวลแล้วว่าอีกฝ่ายรู้ตัวว่าพวกเธอเป็นสายลับ

    แต่คำพูดที่ตามมากลับทำให้พวกเธอตกตะลึงยิ่งกว่า

    “นี่ ทำของตก”

    ชิรานุยยื่นแว่นตาที่เอดินบาระทำตกที่พื้นด้วยมือทั้งสองข้าง เอดินบาระก็เดินเข้ามารับแว่นตาของเธอคืน เธอโค้งศีรษะขอบคุณแล้วรับแว่นตามาสวมก่อนจะก้มศีรษะขอบคุณแล้ววิ่งกลับไปหาเชฟฟิลด์

    เอดินบาระก้มศีรษะขอบคุณอีกครั้งหนึ่งแล้วเดินตามหลังเชฟฟิลด์ไป

    ชิรานุยที่เห็นแบบนั้นก็เอียงคอเล็กน้อยแล้วเอามือแนบคาง

    หลังจากที่แยกตัวกับชิรานุยแล้ว เชฟฟิลด์กับเอดินบาระก็รีบวิ่งเพื่อหาที่หลบซ่อนตัว พวกเธอวิ่งไปหลบอยู่ที่ด้านหลังเงาของกล่องไม้กล่องใหญ่ที่ตั้งสูงสองชั้น

    พวกเธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะถอดหน้ากากออก

    “โธ่ ทำไมฉันต้องมาทำภารกิจปลอมตัวนี่ด้วย ฉันไม่เหมาะกับงานนี้เลยสักนิด”

    “เสียงดังไปแล้ว”

    เชฟฟิลด์ยกนิ้วชี้มาไว้ที่ริมฝีปากขณะแอบมองจากด้านหลังกล่องไม้

    “ดูจากการลำเลียงแล้ว เหมือนจะสร้างอะไรขนาดใหญ่ แต่ว่าที่ไหนกัน”

    ในตอนนั้นเองเชฟฟิลด์ก็สังเกตเห็นเด็กสาวหูแมวผมสีเขียวซึ่งถักผมเปียยาวและผูกริบบิ้นสีดำเอาไว้ เด็กสาวคนนั้นเดินเข้าไปในถ้ำ เด็กสาวหูแมวผมสีเขียวคนนั้นก็คือเรือช่าง อาคาชิ นั่นเอง

    เชฟฟิลด์ที่เห็นดังนั้น เธอกับเอดินบาระจึงแอบตามเธอเข้า

    เมื่อผ่านไปได้พักหนึ่งก็มีคนสวมผ้าคลุมเดินมาอยู่หน้าปากถ้ำ

    “...........”

    ก่อนจะติดต่อหาอีกคนหนึ่งให้เตรียมตัวสำหรับการหลบหนีออกจากเกาะจูโอ แล้วจึงตามพวกเธอเข้าไปในถ้ำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×