คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกาย VS ซุยคาคุ
ในขณะที่การต่อสู้ของกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายกับซุยคาคุกำลังดำเนินอยู่นั้น ฮอร์เน็ตซึ่งถอนตัวออกจากสนามรบและได้รับความช่วยเหลือจากเอ็นเทอร์ไฟรซ์
เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นคลีฟแลนด์กำลังโบกมือเรียกเธอ จาเวลิน ลาฟฟี กำลังช่วยเหลือสมาชิกในกองเรือของเธอ
“ฮอร์เน็ต มาช่วยแล้วนะ!”
“มาทันเวลาพอดี เกือบแย่ไปแล้วแน่ะ”
ฮอร์เน็ตพูดพลางยิ้มแห้งๆ ก่อนที่เธอจะเข้ามาประคองร่างของฮอร์เน็ตต่อจากเอ็นเทอร์ไฟรซ์
“โอ๊ะ... ตอนนี้พวกเราถอยกันก่อนเถอะ รอก่อนนะเดี๋ยวจะเอาเรือออกมาช่วย”
แต่ตอนนั้นเอง...
“ฟอยเออร์(ยิง!)”
ปรินซ์ออยเกนระดมยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่พวกเธอ
แต่พวกเธอไหวตัวทันจึงหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด
“หึหึหึ”
ปรินซ์ออยเกน หัวเราะคิกคักออกมาและเอามือเท้าสะเอว
“คราวนี้อะไรอีกล่ะ!?”
คลีฟแลนด์โวยขึ้นมาขณะแหงนหน้าขึ้นไปมองและเอาแขนฮอร์เน็ตพาดไหล่
“กูเทิน ทาค(สวัสดีจ๊ะ) ขอพวกเราเล่นด้วยสิ อซูร์เลน แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรือรบที่แข็งแกร่งที่สุดของยูเนี่ยน เอ็นเทอร์ไฟรซ์”
จากนั้นเธอก็หันไปมองการต่อสู้ของซุยคาคุกับกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกาย
“นั่นน่ะเหรอ กันดั้ม แข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงๆ”
ที่ด้านหลังของปรินซ์ออยเกนมีเรือไซเรนหลายลำแล่นเข้ามา บนเรือลำหนึ่งมีโมบิลสูทหลายสิบเครื่องรอฟังคำสั่งของเธออยู่ ด้านล่างนิมิเดินออกมาข้างหน้า
“พวกแก เลือดเหล็กงั้นเรอะ... แถมยังมีพวกโมบิลสูทอีกหลายเครื่องอีก...”
“ฝากจัดการหน่อยได้ไหม นิมิ? ส่วนพวกคุณให้รอคำสั่งจากฉันก่อนนะคะ”
“รับทราบ”
เหล่าแซกวอริเออร์รับทราบคำสั่งของปรินซ์ออยเกนและยังคงอยู่ในสภาพสแตนบายด์รอคำสั่ง
“อืม”
นิมิพนักหน้ารับทราบคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไปข้างหน้า เธอเดินมาได้ระยะหนึ่งก็หยุดเดินและยกปืนใหญ่ขึ้นมาเล็งใส่พวกคลีฟแลนด์
“เรือพิฆาตแห่งเลือดเหล็ก Z23 ค่ะ จะโค่นพวกคุณลงที่นี่ค่ะ”
จากนั้นก็คันเซย์เดินออกมาอยู่ทางด้านข้างของเธอ เธอคนนั้นก็คืออายานามินั่นเอง
“ฮ๊ะ อายานามิจัง...”
จาเวลินขานชื่อของเธอ
“อา”
อายานามิหันหน้าหลบและก้มหน้าลงเล็กน้อย ลาฟฟีลุกขึ้นยืนและหันไปบอกกับทุกคน
“พาทุกคนถอยไปซะ”
“เอ๊ะ ลาฟฟีจัง!?”
นิมิขมวดคิ้วสงสัยต่อการกระทำของลาฟฟี
“อาสาตีฝ่าไปเองเลยเหรอคะ? แม้จะเป็นศัตรูก็ถือว่าเป็นเกียรติมากค่ะ”
ณ ห้องผู้บัญชาการในระหว่างที่ม้ายูนิคอร์นผสมม้าเปกาซัสของยินคอร์นกำลังทานอาหารอยู่นั้น
อิลลัสเทรียสกำลังคุยปรึกษาหารือกับเวลส์อยู่นั้น
“ยูจัง?”
ยูจัง สัตว์เลี้ยงของยูนิคอร์นก็เงยหน้ามองขึ้นไปทางหน้าต่าง
ตอนนั้นเอง...
กริ๊งๆๆ!!
ก็มีเสียงโทรศัพท์โบราณแบบหมุนดังขึ้น เวลส์หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“กองบัญชาการฐานทัพอซูร์เลน”
‘ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เวลส์’
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเวลส์ก็แสดงน้ำเสียงประหลาดใจออกมา
“ฝ่าบาท!”
‘ขอโทษที่ให้คอยนะ’
“ควีนอลิซาเบธผู้นี้ และกองเรือรอยัลเดินทางมาถึงแล้ว”
ควีนอลิซาเบธ เธอคือเด็กสาวผู้มีผมสีบลอนด์ยาว สวมชุดกระโปรงสีดำปลายกระโปรงมีสีขาว และสวมมงกุฎเอาไว้ที่ศีรษะ เธอคือเรือประจัญบาน
และตอนนี้เธอกำลังถือถ้วยชาด้วยสองมือขณะให้เมดคอยยกหูโทรศัพท์โบราณให้ นอกจากเธอยังมีอีกสองคนซึ่งกำลังนั่งทานน้ำชาอยู่
ตอนนี้กองเรือรอยัลได้เดินทางมาถึงแล้ว
‘ช่วยได้มากเลยค่ะ ฝ่าบาท ที่จริงตอนนี้ พันธมิตรของเราถูกโจมตีอยู่’
“แน่นอน ฉันรู้เรื่องนั้นดี”
เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน ขณะที่เมดคนหนึ่งคอยยกหูโทรศัพท์ให้และยกคนก็เข้าประคองคทาเอาไว้
“ทางนี้พร้อมยิงได้ทุกเมื่อแล้วล่ะ”
ในระหว่างนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปให้ความช่วยเหลือพวกเอ็นเทอร์ไฟรซ์
เคร้ง!! เปรี้ยง!! ตูมม!!
การต่อสู้ระหว่างกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายกับซุยคาคุเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ไม่มีใครยอมใคร ทั้งสองกวัดดาบได้อย่างเฉียบคม แม่นยำ ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่า
“สุดยอดไปเลย! ไม่คิดเลยว่านายจะแข็งแกร่งขนาดนี้!”
“ทางนี้ก็เช่นกัน เธอเนี่ยสุดยอดจริงๆ”
ทั้งสองกำลังยิ้มให้กันอยู่ แม้ว่าซุยคาคุจะไม่สามารถเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากได้ แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่ เธอไม่เคยเจอการต่อสู้ที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อน
ทั้งสองเหวี่ยงดาบใส่กันไปหลายกระบวนท่าแล้ว แต่ก็ยังกินกันไม่ลง
กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายเหวี่ยงดาบเป็นแนวนอน ซุยคาคุกระโดดหลบถอยออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าแล้วเหวี่ยงดาบเป็นแนวทแยง แต่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายก็เอาบัสเตอร์มาป้องกันเอาไว้ได้แล้วกระโดดถอยหลังขึ้นไปบนอากาศแล้วเร่งบูสเตอร์ที่หลังพุ่งเข้าใส่ซุยคาคุพร้อมกับเงื้อดาบฟันใส่
เกิดประกายสายฟ้าและคลื่นทะเลหลายระลอก
ทั้งสองเหวี่ยงดาบแลกใส่กันและออกแรงดันใส่กัน พวกเขาเร่งเครื่องและบูสเตอร์ให้แรงขึ้นจนเกิดคลื่นและแรงลมจากทางด้านหลังของทั้งสอง
“สุดยอด ไม่เคยเห็นซุยคาคุมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย กันดั้ม นายเป็นใครกันแน่?”
โชวคาคุมองการต่อสู้ของทั้งสองอย่างตกตะลึง เธอไม่เคยเห็นซุยคาคุยิ้มในระหว่างการต่อสู้มาก่อนเลย
กัมดั้มดับเบิ้ลโอ สกายกับซุยคาคุดันดาบกันอยู่สักพักหนึ่งจะถอยหลังแยกออกจากกันแล้วพุ่งเข้ามาแล้วใช้ดาบฟาดฟันใส่กัน
อีกด้านหนึ่งบนท้องฟ้าเหนือน้ำทะเล ปริ๊นซ์ออยเกนกำลังก้มลงมามองการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น
นิมิกับอายานามิ และลาฟีกำลังจับจ้องอีกฝ่ายเพื่อดูท่าทีของกันและกันว่าทางไหนจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน จาเวลินมองดูอยู่ทางด้านหลังและมีสีหน้าเจ็บปวด
“จะต้องสู้กันจริงๆ งั้นเหรอ...”
“แหมๆ สับสนแบบนี้ น่ารักจริงๆ เอาล่ะ จะทำยังไงต่อนะ...”
ปรินซ์ออยเกนจ้องมองการต่อสู้อย่างใจจดใจ่อ
แต่ว่า....
“เอ๊ะ... อะระ?”
แต่กลายเป็นว่าลาฟฟีเก็บอาวุธของเธอ สร้างความประหลาดใจให้กับเธอและนิมิ รวมถึงคนอื่นๆ
“คะ... คิดจะทำอะไรกันคะ?”
ลาฟฟีขยับไปด้านข้างแล้วพูดออกมาด้วยท่าทีขี้เกียจ
“ว่าแล้ว ง่วงจริงๆ เลิกดีกว่า”
“นะ... นี่คุณ คิดจะล้อกันเล่นเหรอคะ ช่วยเอาจริงเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
นิมิแสดงท่าทีลนลานออกมาและทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดจากการกระทำของลาฟฟี
ทำให้จาเวลิน แอริโซน่า เฮเลน่า และทุกคนทำหน้าประหลาดใจ
“เอ๊ะ? เอ๊ะ?”
“อะ เอ่อ”
ตูมมม!!
ทุกคนรีบหันไปมองทิศที่มาของเสียงระเบิด
โชวคาคุที่เห็นว่าซุยคาคุเริ่มอ่อนแรงและถูกกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายเหวี่ยงดาบใส่เธอแบบเต็มแรง ทำให้เธอกระเด็นไปหลายเมตร
“ซุยคาคุ!”
“อากิระ”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์มองการต่อสู้อยู่ตลอด เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะสามารถต่อกรกับซุยคาคุได้ถึงขนาดนี้
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก...”
ซุยคาคุหอบหายใจอย่างหนัก กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายเองก็เริ่มหอบหายใจออกมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“นายเนี่ย แข็งแกร่งจริงๆ แฮ่ก...”
“เธอเองก็เหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แฮ่กๆ...”
ทั้งสองพูดชมกันและกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้
“มาปิดฉากด้วยโจมตีครั้งเดียวกันดีกว่า”
“เห็นด้วย ตอนนี้เรี่ยวแรงฉันแทบจะไม่เหลือแล้ว ขอตัดสินด้วยการโจมตีนี้”
ซุยคาคุลุกขึ้นแล้วเอาคาชิระไปกระแทกกับหัวเรือ เครื่องบินบนลานบินเริ่มหมุนใบพัดและเริ่มเคลื่อนที่ เครื่องบินเหล่านั้นแปรสภาพเป็นเปลวไฟแล้วพุ่งเข้าไปใบดาบ ทำให้ดาบของเธอกลายเป็นดาบเพลิง
“นั่นคือท่าไม้ตายของเธอสินะ”
“ใช่แล้วล่ะ”
เธอยิ้มออกมาแล้วตั้งท่าดาบเตรียมที่จะพุ่งเข้าโจมตีตัดสิน
“ถ้างั้นทางนี้ก็เอาด้วยเหมือนกัน!”
วิ้งง!!
ดวงตาของกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายส่องแสงวาบ จากนั้นร่างของเขาก็เรืองแสงสีฟ้า เบรเซอร์ก็เลื่อนมาด้านหน้าแล้วกางออกเป็นกรงเล็บ สกายไดรฟ์ก็กางปีกแห่งแสง แล้วเข้าสู่สภาพของ ไฮเออร์แธนสกายเฟส แล้วใช้ปีกแห่งแสงแปลงสภาพบัสเตอร์ซอร์ดเป็นดาบพลังงานขนาดใหญ่ ไฮเปอร์สกายแซมเบอร์
“สุดยอด...”
ซุยคาคุมองกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายที่ได้แสดงท่าไม้ตายของเขาออกมาด้วยความตกตะลึงและชื่นชม โชวคาคุและเอ็นเทอร์ไฟรซ์เอง รวมถึงคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
“เอาล่ะนะ ซุยคาคุ”
“เข้ามาเลย กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกาย”
ทั้งสองขานชื่อของกันและกันแล้วพุ่งเข้าใส่กัน
“ย้ากก!!!”
“ย้ากก!!!”
เมื่อได้ระยะ ทั้งสองก็เหวี่ยงดาบเข้าใส่กันอย่างพร้อมเพรียง และเมื่อดาบของทั้งสองเข้าปะทะกัน
ตูมมมมมม!!!!!!
ก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงโดยมีทั้งสองคนเป็นศูนย์กลาง
“ซุยคาคุ!!!”
“อากิระ!!!”
โชวคาคุกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์ ตะโกนเรียกทั้งสองที่ถูกกลืนเข้าไปในแสงของระเบิดที่ขยายวงกว้างขึ้นจนมีรัศมีถึง 200 เมตร ทำให้ทุกคนต้องเอามือขึ้นมาบังแสงที่เจิดจ้า และเมื่อแสงจากการระเบิดจางหายไปก็ปรากฏร่างของทั้งสอง
เมื่อเห็นว่าทั้งสองปลอดภัย ทำให้พวกเธอรู้สึกโล่งอกและรอดูผลการต่อสู้
เปร๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ทันใดนั้นเอง ดาบของซุยคาคุก็เริ่มแตกร้าวและแหลกเป็นเสี่ยงๆ จนเหลือเพียงด้ามจับดาบ
“นี่ฉันแพ้งั้นเหรอ แต่ว่าก็ไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”
จากนั้นเธอก็หลับตาและเริ่มล้มลง แต่ว่ากันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายก็เอาแขนมาประคองร่างของเธอ
“เอ๋?”
เธอลืมตาขึ้นมาและส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอก็เห็นว่าเขาก็ก้มหน้าลงมามองเธอด้วยเหมือนกัน
“เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก ไนซ์ ไฟท์”
เขาพูดชมเธอ ทำให้เธออายหน้าแดงขึ้นมา
“อะไรกัน ความรู้สึกนี้”
เธอรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกที่มีคนมาชมเธอ
“การโจมตีสุดท้ายของเธอ สุดยอดจริงๆ นี่ถ้าไม่ใช่ฉันหรือพวกที่มีคำว่าแข็งแกร่งอยู่ในชื่อล่ะก็คงเสร็จไปแล้ว”
“ขะ ขอบใจนะ”
ซุยคาคุเขินอายจนพูดตะกุกตะกัก
“ยืนไหวมั้ย?”
“อืม”
เธอยันตัวลุกขึ้นยืน ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยสนทนาหลังจบการต่อสู้ โชวคาคุก็มองดูทั้งสอง
“เป็นคนที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ถึงกลับทำให้ซุยคาคุเขินอายได้แบบนี้”
แต่กับเอ็นเทอร์ไฟรซ์ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง
“อะไรกันนะ? ไอ้ความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกนี่น่ะ”
กลับมาที่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายกับซุยคาคุซึ่งยังคงพูดคุยกัน
“ไม่คิดเลยว่า อซูร์เลนจะได้นายมาเป็นพวกด้วยแบบนี้”
“ทางนี้ก็เหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเก่งแบบเธออยู่ในจักรวรรดิซากุระ”
“ครั้งต่อไปที่เจอ ฉันจะเอาชนะนายให้ได้เลยคอยดู”
“ได้สิ ไม่ว่าเมื่อไหร่ฉันก็พร้อมที่เป็นคู่ต่อสู้ให้เธอเสมอ”
ซุยคาคุยิ้มออกมา ก่อนจะมองไปที่ดาบของเธอที่เหลือเพียงด้ามจับด้วยสีหน้าเศร้าใจ
“แต่ว่านะ ดาบฉันมันพังไปแล้วด้วยสิ”
เธอยกดาบที่เหลือเพียงด้ามจับขึ้นมา แต่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายก็ได้พูดออกมา
“งั้น เอาดาบเล่มนี้ไปใช้สิ”
“เอ๋?”
ซุยคาคุส่งเสียงงุนงงออกมา แต่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายก็ไม่ได้สนใจ เขายื่นแขนซ้ายออกไปด้านข้าง จากนั้นก็ก็มีแสงสว่างปรากฏออกมา ก่อนจะรวมตัวกันแล้วกลายสภาพเป็นดาบคาตานะเล่มหนึ่ง
“เหลือเชื่อ!!”
ซุยคาคุมองดูด้วยความตกตะลึง
อากิระได้ตรวจดูในคลังเก็บของของเขาก็พบว่ามันมีอาวุธมากมายที่มาจากโลกของกันดั้มทุกซีรี่ย์ ไม่รู้ว่าเฮสเทียจัดเตรียมอาวุธเหล่านี้ให้เขามากมายถึงขนาดนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณเธอ ที่ทำให้เขามีอาวุธเอาไว้ใช้ตามสถานการณ์
“ดาบเล่มนี้ ฉันมอบให้เธอ”
เขายื่นดาบคาตานะให้เธอด้วยมีทั้งสองข้าง ฝักดาบมีสีขาว แดง และสีทองที่ส่วนปลายฝักดาบ ด้ามจับมีสีแดง คาชิระมีสีทอง
“คาตานะเล่มนี้มีชื่อว่า กาเบร่าสเตรท ตัวดาบได้รับการติดตั้งแอนตี้บีมโค้ตติ้งเอาไว้ ทำให้ตัวดาบทนทานต่ออาวุธจำพวกบีม”
“แต่ว่าจะยกดาบให้ศัตรูอย่างฉันน่ะ มัน...”
ซุยคาคุปฏิเสธที่จะรับดาบคาตานะ กาเบร่าสเตรทจากกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกาย
“แล้วเรื่องดาบของเธอที่พังไปล่ะจะทำยังไง ถึงจะไปหาดาบเล่มใหม่มา แต่ถ้าต้องมาสู้กับฉันอีก ยังไงมันก็พังอยู่ดี”
“.......”
ซุยคาคุพูดอะไรไม่ออกแล้วก้มหน้าลง ถูกอย่างที่เขาบอก ในการต่อสู้ครั้งนี้ ดาบของเธอได้รับความเสียหายจากบัสเตอร์ซอร์ดของเขาและยังถูกทำลายจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยท่าไม้ตายของเขาอีก
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ค่อยถนัดใช้ดาบจำพวกดาบคาตานะสักเท่าไหร่ด้วยสิ มีไว้ก็เสียของเปล่าๆ ให้คนที่สามารถใช้มันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยังจะดีกว่าเยอะ เพราะงั้นเธอรับมันเอาไว้เถอะ”
“ขะ เข้าใจแล้ว”
เธอรับดาบคาตานะกาเบร่าสเตรทมาจากกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายแล้วชักมันออกมาดู มันเป็นดาบที่สวยงามและยังคมเป็นอย่างมาก
“เป็นดาบที่ยอดไปเลย ขอบคุณนะ ฉันจะขอใช้มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายฉันเลย”
เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ทำให้เธอดูน่ารักเอามากๆ เลยทีเดียว แม้ใบหน้าจะอยู่ใต้หน้ากาก แต่เขาก็ยิ้มออกมา
“ว้าวๆ ร้ายเอาเรื่องเหมือนกันนี่นา ซุยคาคุ”
“พะ พี่”
โชวคาคุที่โผล่มาอยู่ด้านหลังตอนไหนก็ไม่รู้ พูดแซวซุยคาคุด้วยสีหน้าขี้เล่น ทำให้เธอลนลานจนอายหน้าแดง
“ไม่นึกเลยว่า นายจะกล้าจีบผู้หญิงที่อยู่ฝั่งศัตรูในสนามรบแบบนี้น่ะ”
“แว้ก!? อะ เอ็นเทอร์ไฟรซ์ มาตอนไหนเนี่ย!?”
อากิระสะดุ้งตกใจที่เอ็นเทอร์ไฟรซ์โผล่มาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“ตั้งแต่ตอนที่นายมอบดาบให้ยัยนั่นแล้วน่ะ”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์ทำหน้าบูดบึ้งอย่างอารมณ์เสีย เธออยากจะดึงหูเขาแรงๆ แต่ว่าด้วยความที่เขาอยู่ในร่างของกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายเลยทำไม่ได้
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่มอบดาบให้เธอก็เท่านั้นเอง เพราะเห็นว่าดาบของเธอพัง ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอะไรทั้งนั้น”
“งั้นเหรอ”
อากิระพยายามพูดแก้ตัว แต่เอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็หรี่ตาลงราวกับจะจับผิดเขา ทำเอาเขาเหงื่อแตกพลั่ก
“แหมๆ ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสนามรบเลยนะเนี่ย”
ปรินซ์ออยเกนพูดออกมาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจ
“ไม่คิดเลยว่าคนๆ นั้นจะทำให้พี่สาวมีท่าทีแบบนั้นออกมาได้น่ะ”
ฮอร์เน็ตพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจที่เอ็นเทอร์ไฟรซ์แสดงท่าทีแบบนี้กับเขา
กลับมาที่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายซึ่งกำลังรวมกลุ่มกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์และสองพี่น้องกระเรียนโชวคาคุกับซุยคาคุ จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนท่าทีสบายๆ มาเป็นท่าทีจริงจังขึ้นมา
“เอาล่ะ ทีนี้จะออกมาได้รึยังล่ะ ชินนันจู”
เขามองไปยังไซเรนลำหนึ่ง คำพูดนั้นทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตกตะลึง จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของโลหะดังขึ้นมา และปรากฏร่างของโมบิลสูทสีแดงซึ่งมีตาเพียงดวงเดียวออกมายืนที่หัวเรือ
ใช่แล้ว โมบิลสูทเครื่องนั้นก็คือชินนันจู ดาวหางสีแดงนั่นเอง
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่า ฉันมาอยู่ที่นี่และมองดูการต่อสู้ของพวกเธอ”
ชินนันจูเอ่ยถามด้วยความรู้สึกแปลกใจที่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
“ก็ในระหว่างที่ฉันต่อสู้กับซุยคาคุนั่นแหละ เรดาห์ของฉันตรวจพบการมาของนายได้ในตอนนั้นแล้วล่ะ”
กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายตอบข้อสงสัยของชินนันจูจนกระจ่าง ชินนันจูพูดตอบ
“เยี่ยมมาก แล้วที่นี้นายจะเอาไงต่อ”
“นั่นสินะ ถ้านายต้องการจะสู้กับฉัน ฉันก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ”
กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายพูดท้าทายชินนันจู พร้อมกับชักบัสเตอร์ซอร์ดออกมาแล้วชี้ปลายดาบไปที่เขาเป็นการท้าทาย
“ไม่ล่ะ ตอนแรกฉันก็กะจะสู้กับนายเหมือนกัน แต่พอได้เห็นความมุ่งมั่นของคุณซุยคาคุ ฉันก็เปลี่ยนใจแล้ว เลยเปลี่ยนมาเป็นขอมาดูหน้านายสักหน่อยแล้วก็จะกลับ”
ชินนันจูพูดพลางทำท่ายักไหล่ ถึงเขาจะตั้งใจมาสู้กับกันดั้มในตอนแรก แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
แต่ไม่รู้เพราะอะไรคำพูดนั้นถึงทำให้เอ็นเทอร์ไฟรซ์รู้สึกเหมือนโดนดูถูก เธอกำคันธนูในมือไว้แน่น
“นี่คิดจะดูถูกกันเหรอ!?”
เธอตะโกนใส่ชินนันจู แต่เขาก็ถอนหายใจออกมาแทน
“เฮ้อ ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เข้าใจผิดรึเปล่า แต่ว่านะ ฉันก็ไม่คิดจะสู้กับคนเจ็บหรอกนะ”
คำพูดนั่นยิ่งทำให้เธออรู้สึกโกรธมากขึ้น
“ถ้างั้นฉันก็ทำให้นายสู้เอง!”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์เคลื่อนที่ออกห่างจากกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายทันทีและง้างสายธนูเล็งไปชินนันจู
“เอ็นเทอร์ไฟรซ์!! หยุดนะ!! เจ้านั่นไม่เหมือนคู่ต่อสู้ที่ผ่านๆ มา!!”
เขาพยายามเตือนเธอ แต่ช้าเกินไป ศรแสงถูกยิงออกไป ชินนันจูก็ชักบีมไรเฟิลยิงสวน
ศรแสงกับบีมพุ่งเข้าปะทะกัน แต่ว่าบีมของชินนันจูนั้นแรงกว่า มันทะลวงทำลายศรแสงของเอ็นเทอร์ไฟรซ์
“!?”
มันพุ่งเข้าหาเธอ แต่ว่าสิ่งที่ชินนันจูเล็งไว้ไม่ใช่เธอ แต่เป็นคันธนูของเธอต่างหาก
บีมลำแสงจากบีมไรเฟิลของชินนันจู ทำลายธนูของเอ็นเทอร์ไฟรซ์ไปครึ่งหนึ่ง
“หา...”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ในตอนนั้นเองชินนันจูก็เตรียมที่จะยิงกระสุนบาซูก้าใส่เธอ
“ไปนอนพักรักษาตัวซะ แล้วคราวหน้าฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้”
ตูมมม!!!
กระสุนบาซูก้าถูกยิงออกมาและกำลังจะพุ่งเข้าใส่เธอ
“เอ็นเทอร์ไฟรซ์!!!?”
กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายรีบเร่งบูสเตอร์พุ่งเข้าไปช่วยเธอ เขาพุ่งมาอยู่ตรงหน้าเธอเพื่อที่ใช้ตัวเองเป็นโล่เพื่อรับการโจมตีที่กำลังจะมาถึง
“ขออนุญาตค่ะ”
แต่ในตอนนั้นเอง ในเสี้ยววินาทีที่กระสุนกำลังจะใกล้เข้ามาถึงตัวเขา ก็ได้มีหญิงสาวที่แต่งตัวในชุดเมดใช้หลังมือเบี่ยงวิถีของกระสุนให้พุ่งไปทางอื่นแล้วเกิดการระเบิดขึ้นที่ด้านหลังของเอ็นเทอร์ไฟรซ์
“หา!? โกหกน่า ใช้หลังมือเบี่ยงวิถีกระสุนเนี่ยนะ!?”
กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายพูดออกมาด้วยความตกตะลึง
“เธอเป็นใคร?”
ชินนันจูเอ่ยถามหญิงสาวที่เป็นผู้มาใหม่ แต่เธอคนนั้นกลับพูดสวนกลับไปว่า
“ก็แค่เมดที่ผ่านทางมาเท่านั้นล่ะค่ะ”
พูดจบเธอก็ยิ้มออกมา
ความคิดเห็น