ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Azur Lane] Gundam Azur Lane

    ลำดับตอนที่ #27 : ตอนที่ 26 โหมโรงก่อนศึกสุดท้าย 2

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 67


    ภายในโลกแห่งความทรงจำ

    คากะยืนอยู่ตรงกลางระหว่างต้นซากุระจำนวนมากเรียงรายเป็นแถวอยู่สองฟากฝั่ง

    “ทิวทัศน์นี่มัน...”

    คากะมองไปยังอาคากิซึ่งกำลังก้าวเดินอยู่

    “ท่านพี่อาคากิ!?”

    คากะมองอาคากิเดินไปยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวจิ้งจอกสวมชุดกิโมโนสีแดงถือร่ม จากนั้นอาคากิก็ส่งเสียงทักหญิงสาวจิ้งจอก 9 หางถือร่มคนนั้น

    “ท่านพี่อามากิ”

    หญิงสาวจิ้งจอกตามสีม่วงอ่อนผมยาวสีน้ำตาลถือร่มหันมาหาเธอ ชื่อของเธอคืออามากิ เป็นเรือลาดตระเวนประจัญบาน แต่เธอมีร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยบ่อยๆ และยังมีอาการป่วยเรื้อรัง เนื่องจากได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในระหว่างการใช้ลูกบาศก์จิตเปลี่ยนให้เป็นคันเซน ทำให้ได้รับผลกระทบตามมา

    คากะมองดูทั้งสองคนซึ่งเป็นคนสำคัญของเธอ ซึ่งในตอนนี้ทั้งสองได้จากไปแล้ว

    คากะนึกถึงวันที่เธอกะบอาคากิพบไซเรนที่ถ้ำใต้ทะเล

    “ถ้าเป็นแบบนี้ จักรวรรดิซากุระ ไม่สิ ทั้งโลกจะไร้ซึ่งอนาคต ละงเป็นสิ่งจำเป็นนะ เรือที่มีพลังต่อกรกับพระเจ้าน่ะ”

    ไซเรน ออปเซิฟเวอร์นำเมทัลคิวบ์สีดำออกมาให้พวกเธอดู

    “เมทัลคิวบ์สีดำนี้ จะคอยเก็บข้อมูลทั้งหมดแล้วพัฒนาตัวมันเอง”

    คากะที่กำลังจะโจมตีอีกฝ่ายแต่ก็ถูกอาคากิห้ามไว้แล้วรออีกฝ่ายอธิบาย

    “ข้อมูลจะแปรเปลี่ยนเป็นเจตจำนงและเจตจำนงนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นพลัง โยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวตนแบบพวกเรา เนอะ”

    อาคากิจ้องมองออปเซิฟเวอร์และเมทัลคิวบ์สีดำ ออปเซิฟเวอร์กล่าวต่อ

    “ด้วยเหตุนี้ เรือที่ถูกสร้างด้วยเจ้ากล่องดำนี้ จะถือครองพลังที่ยิ่งใหญ่ เพื่อฟื้นฟูอดีต และสร้างอนาคตที่พวกเธอต้องการ”

    “พล่ามอะไรของแก”

    คากะดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่ออปเซิฟเวอร์พูด เธอไม่ไว้ใจไซเรน แต่ออปเซิฟเวอร์ก็ไม่ได้สนใจแล้วพูดต่อไป

    “สามารถให้กำเนิดได้ทุกสิ่งเลยล่ะ แม้แต่สิ่งที่โดนความตายพรากไป”

    “!?”

    คากะที่ได้คำพูดสุดท้ายของออปเซิฟเวอร์ก็เบิกตากว้างแล้วหันไปมองอาคากิ แต่เธอยังคงมีท่าทีสงบ

    “ไร้สาระที่สุด”

    “แหม แทงใจดดำสินะ”

    ออปเซิฟเวอร์พูดแทงใจดำ อาคากิยังไม่มีสีหน้าและท่าทีหวั่นไหว

    “แม้จะมีหน้าตาเหมือนกัน ความทรงจำเดียวกัน มันก็เป็นได้แค่ภาพสะท้อน เป็นแค่เงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก”

    “ผิดแล้วล่ะ ถ้ารูปร่างและเนื้อในเป็นสิ่งเดียวกัน ทั้งคู่ก็ต่างจัดว่าเป็นของจริงนะ”

    ออปเซิฟเวอร์ลงมาหาอาคากิ

    “เดิมทีแล้ว “ของจริง” มันคืออะไร เรือที่ได้รับการซ่อมแซมใหม่ หรือกองซากไม้ที่เน่าเปื่อย”

    คากะที่ได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้าง ออปเซิฟเวอร์ขยับใบหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูอาคากิ

    “สุดท้ายแล้ว แบบไหนคือเรือของเธซีอุสกันนะ? สิ่งที่สำคัญที่สุด คือความจริงที่มีอามากิอยู่ข้างเธอต่างหาก”

    แล้วในที่สุดพวกเธอก็ตอบรับข้อเสนอของออปเซิฟเวอร์แล้วดำเนินโครงโอโรจิในเวลาต่อมา

    “ไม่มีที่สำหรับฉันให้อยู่เคียงข้างท่านพี่อาคากิเลย ฉันน่ะล้มเหลว แม้แต่การมารับช่วงต่อนี่ แต่มันไม่สำคัญหรอก”

    ดวงตาของคากะเรืองแสงสีฟ้า

    “ความปรารถนาของฉัน ก็คือความปรารถนาของท่านพี่อาคากิ”

    สิ้นเสียงของเธอร่างของก็มีเปลวไฟสีฟ้าลุกไหม้ขึ้นมา

     

    กลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริง

    คากะที่ตอนนี้ดวงตาไร้ประกายแห่งชีวิต ในมือถือที่ติดผมรูปดอกไม้สีฟ้า ตัวเธอในตอนนี้ไม่สนอะไรอีกต่อให้สิ่งที่ตัวเองทำจะส่งผลกระทบอะไรตามมาก็ตาม

     

    ทางฝั่งอซูร์เลน ที่หอพัก

    เอ็นเทอร์ไพรซ์ที่ตอนนี้อาการของเธอเริ่มจะแย่ลงเรื่อยๆ เธอเดินออกจากห้องไปตามทางเดินของหอพัก

    เธอรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก เธอไม่สามารถเดินได้อย่างมั่นคง เธอเอามือยันกำแพงและใช้มืออีกข้างกุมศีรษะ ร่างของเธอทรุดลงไปนั่งที่พื้น

    จากนั้นอัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์ก็ปรากฏตัวออกมา

    “นี่แกเป็นใครกันแน่!?”

    อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์ไม่ตอบคำถามของเธอ ก่อนจะหันมาหาเอ็นเทอร์ไพรซ์แล้วทำการสาธยายเรื่องธาตุแท้ของมนุษย์

    “มนุษยชาติออกสู่ทะเลด้วยความต้องการที่จะผจญภัยอยู่ในใจ แต่ไม่นาน หัวใจก็ถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่จะครอบครองท้องทะเล”

    ลิ้นเสียงของเธอ เอ็นเทอร์ไพรซ์เห็นเปลวไฟลุกไหม้ อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไรซ์พูดต่อ

    “ประวัติศาสตร์ของท้องทะเลต่างเต็มไปด้วยสงคราม ความขัดแย้ง นั่นแหละคือสิ่งที่มนุษย์ปรารถนา นี่แหละความขัดแย้งที่มนุษย์ใฝ่หา”

    เมื่อพูดจบอัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์ก็เผยรอยยิ้มที่น่าขนลุกออกมา

    ในตอนนั้นเอง

    “ไม่ใช่!”

    “!?”

    “!?”

    จู่ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น เอ็นเทอร์ไพรซ์กับอัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์หันไปมองทางต้นเสียง

    “อากิระ!?”

    ที่ทางเดินด้านหลังอัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์ มีร่างของอากิระยืนอยู่ และที่สำคัญดวงตาของเขากำลังเรืองแสงสีทอง ดูเหมือนเขาจะใช้พลังของอินโนเวเตอร์เชื่อมต่อกับเอ็นเทอร์ไพรซ์ ทำให้จิตของเขามาอยู่ที่นี่

    “ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนหรอกที่ใฝ่หาสงคราม ยังมีคนที่ใฝ่หาสันติอยู่”

    “แต่สุดท้ายสงครามก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี”

    “รู้อยู่แล้วล่ะ แม้ความสงบสุขจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีคนที่พร้อมจะลุกขึ้นสู้เพื่อยุติความขัดแย้งและปกป้องสันติภาพ!”

    อากิระแสดงเจตจำนงที่จะต่อสู้เพื่อสันติภาพและยุติความขัดแย้งระหว่างฝั่งจักรวรรดิกับอซูร์เลน

    “อากิระ...”

    “.........”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์กับอัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์มองมาที่อากิระ

    “หืม?”

    ในระหว่างที่อากิระกำลังจ้องตากับอัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์ จู่ๆ ก็มีกลีบดอกซากุระกลีบหนึ่งปรากฏออกมา แล้วในวินาทีที่กลีบดอกซากุระปลิวผ่านร่างของอัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์ ก็ปรากฏร่างของอามากิมาอยู่แทนที่อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์

    ““!?””

    การปรากฏตัวของอามากิสร้างความประหลาดใจให้กับทั้งสอง

    “แกน่ะ... ไม่ใช่สินะ”

    ดูเหมือนเอ็นเทอร์ไพรซ์จะเคยพบอามากิมาก่อน เธอจึงรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่อามากิตัวจริง

    อากิระก็รู้สึกได้เช่นกันว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขากับเอ็นเทอร์ไพรซ์ไม่ใช่อามากิตัวจริง

    อามากิ(?)เอียงคอเล็กน้อยและมองมาที่เอ็นเทอร์ไพรซ์ ก่อนจะเหลือบมองมาที่อากิระแล้วหันกลับมามองเธออีกครั้ง

    “ทั้งรูปลักษณ์นั่น ทั้งก่อนหน้านี้ มันของเลียนแบบทั้งคู่ ร่างที่แท้จริงของแกมันน่ากลัวกว่านี้มาก”

    “ไม่จ๊ะ นี่แหละของจริง เพราะฉันคือกระจกที่สะท้อนเจตจำนงของมนุษย์ไงล่ะ”

    จากนั้นดวงตาของอามากิก็เรืองแสงสีแดงออกมา

    เอ็นเทอร์ไพรซ์เริ่มมีอาการปวดหัวหนักขึ้น จากนั้นอามากิ(?)ก็เอ่ยนามที่แท้จริงของตัวเองออกมา

    “ข้าคือโอโรจิ ปีศาจที่เกิดจากเจตจำนงของมนุษยชาติ”

    เปลวไฟลุกไหม้มากขึ้น ทำให้อากิระต้องยกแขนขึ้นมาป้องกันไฟลุกไหม้ยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่เอ็นเทอร์ไพรซ์ยื่นมือออกมาข้างหน้า

    “เดี๋ยวก่อน!”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์พูดได้เพียงแค่นั้นห่อนจะหมดสติไป

    “เอ็นเทอร์ไพรซ์!?”

    อากิระส่งเสียงตะโกนออกไปก่อนที่จิตของเขาจะกลับเขาร่าง

    ทันทีที่จิตกลับเข้าร่างเขาก็รีบวิ่งออกจากหอพักชายตรงไปหาเอ็นเทอร์ไพรซ์ที่หมดสติที่หอพักหญิงทันที

     

    เช้าของวันต่อมา

    ภายในห้องของเอ็นเทอร์ไพรซ์

    “ท่านอากิระ ดิฉันคิดว่าท่านควรไปพักผ่อนนะคะ ท่านนั่งเฝ้าไข้ให้ท่านเอ็นเทอร์ไพรซ์มาทั้งคืนเลยนะคะ”

    “ไม่เป็นไร แค่คืนเดียวไม่เท่าไหร่หรอก”

    อากิระบอกเบลฟาสต์ว่าเขาไม่เป็นไร แต่เธอก็ยังรู้สึกเป็นห่วงเขาอยู่ ขณะที่เขาเอาผ้าชุบน้ำไปวางไว้ที่หน้าผากของเอ็นเทอร์ไพรซ์

    “บอกตามตรงเมื่อคืนอาการของเอ็นเทอร์ไพรซ์หนักกว่าหลายวันก่อนอย่างเห็นได้ชัดเลย...”

    อากิระนั่งกุมมืออยู่ข้างๆ เตียงด้วยสีหน้าเครียด

    “ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง...”

    ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่วิธีที่จะช่วยเอ็นเทอร์ไพรซ์ เขายังหามันไม่เจอเลย

    “ดิฉันจะรออยู่ข้างนอกนะคะ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้ค่ะ”

    “เข้าใจแล้ว”

    เบลฟาสต์โค้งคำนับแล้วเดินออกไปรอนอกห้อง

    ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เบลฟาสต์เดินออกจากห้อง เอ็นเทอร์ไพรซ์ก็เริ่มได้สติกลับมา

    เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วเห็นอากิระนั่งอยู่ข้างๆ

    “อากิระ... นี่ฉัน...”

    “เธอสลบอยู่ตรงทางเดินน่ะ”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์ลุกขึ้นมานั่งแล้วพูดกับอากิระ

    “ความฝันเมื่อตอนนั้น...”

    “ฉันรู้”

    อากิระพยักหน้า นั่นทำให้เอ็นเทอร์ไพรซ์มั่นใจแล้วว่าอากิระที่มาปรากฏตัวที่ทางเดินเมื่อคืนเป็นตัวจริง

    “นายทำได้ยังไง?”

    “จะอธิบายยังไงดีล่ะ... เอ่อ... ดูเหมือนว่าฉันจะเกิดการวิวัฒนาการน่ะ...”

    “เอ๋!? วิวัฒนาการ?”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์ได้ยินแบบนั้นก็มีทั้งความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน อากิระพยักหน้า

    “คงเพราะฉันอาบแสงจากอนุภาค GN หลายต่อหลายครั้งเลยทำให้ฉันเกิดการวิวัฒนาการกลายเป็นอินโนเวเตอร์”

    “อินโนเวเตอร์?”

    เมื่อคำศัพท์ใหม่เอ็นเทอร์ไพรซ์ก็มีสีหน้าสงสัย อากิระจึงอธิบาย

    “อินโนเวเตอร์เป็นคำที่ใช้เรียกมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการจากการสัมผัสนุภาค GN บริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้เกิดกระบวนการวิวัฒนาที่เรียกอีกย่างว่า “อินโนเวชั่น” ซึ่งมนุษย์ที่วิวัฒนาการเป็นอินโนเวเตอร์จะมีความสามารถในการใช้คลื่นควอนตัมในสมอง”

    “อย่างนี้นี่เอง”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์พยักหน้าเข้าใจ

    “เพราะแบบนั้นนายเลยสามารถเชื่อมต่อความคิดกับฉันได้สินะ”

    “ใช่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันใช้ความสามารถ เพราะฉันรู้สึกได้ว่าเมื่อคืนมันหนักกว่าที่ผ่านๆ มา”

    อากิระบอกเอ็นเตอร์ไพรซ์ไปตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเชื่อมต่อคลื่นควอนตัมกับเอ็นเทอร์ไพรซ์

    “นี่อากิระ...”

    “อะไรเหรอ?”

    “นายยังจำเรื่องที่ฉันบอกว่าตัวเองกลัวทะเลได้รึเปล่า?”

    “อืม จำได้สิ”

    อากิระตอบกลับ เอ็นเทอร์ไพรซ์พูดต่อ

    “ที่ฉันพูดเป็นความจริง ฉันกลัวทะเล แล้วก็ไม่ได้ชื่นชอบการต่อสู้ด้วย”

    “งั้นทำไมเธอถึงยังสู้มาตลอดล่ะ?”

    “นั่นก็เพราะ... การต่อสู้เป็นเหตุผลในการมีอยู่ของตัวฉัน”

    “นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันอยากจะได้ยินจากเธอนะ เอ็นเทอร์ไพรซ์”

    “เอ๊ะ?”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

    “เธอน่ะรู้คำตอบอยู่แล้ว ตอนนี้เธอแค่คลาดสายจากมันไป”

    คำพูดนั้นของอากิระทำให้เธอก้มหน้าลง

    แต่แล้วในตอนนั้นเอง...

    จ๊อกกก~~~~~

    จู่ๆ ก็มีเสียงท้องร้องดังออกมาจากท้องของเอ็นเทอร์ไพรซ์ ทำให้เธอหน้าแดงด้วยความเขินอาย

    “ฮะๆ ยังไงก็ไปทานข้าวเช้ากันก่อนเถอะ”

    “อะ อืม...”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์พยักหน้าแล้วลุกจากเตียงไปแต่งตัว จากนั้นพวกเขาสองคนก็เดินออกจากห้อง เบลฟาสต์ที่รอพวกเขาอยู่เมื่อเห็นพวกเขาเดินออกมาจากห้อง และพบว่าเอ็นเทอร์ไพรซ์มีสีหน้าที่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว อากิระก็บอกว่าพวกเขาจะไปทานข้าวเช้า เบลฟาสต์ก็ตอบรับ

    แต่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะลงไปที่โรงอาหารของหอพัก

    ตูมมม!!! ครืนนน!!!

    “““!?”””

    จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้น แรงสั่นสะเทือนรุนแรงมากจนส่งมาถึงหอพักเหล่าคันเซย์ที่อยู่ภายในหอพักก็พากันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

    “อะไรน่ะ!?”

    “ระเบิด!? ศัตรูบุกมาเหรอ?”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์กับอากิระหันมามองหน้ากัน

    “ดูจากเสียงระเบิดแล้วน่าจะดังมาจากสถานศึกษาค่ะ”

    เบลฟาสต์วิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นแล้วบอกกับทั้งสองคน วินาทีถัดมาก็อากิระก็ได้รับการติดต่อมาที่หูฟังสื่อสารของเขา เขากดรับสาย

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

    [อากิระ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!? ไซเรนมันบุกมาชิงเมทัลคิวบ์สีดำไปแล้ว! ไม่ใช่แค่นั้น ไซเรนที่บุกมาที่นี่ยังเป็นไซเรนชั้นสูงด้วย!]

    “อะไรนะ!? แล้วไซเรนบุกมากี่คน?”

    [บุกมาแค่คนเดียว]

    อากิระได้ยินคันดะบอกว่าไซเรนบุกมาชิงเมทัลคิวบ์สีดำก็มีสีหน้าตกใจ ก่อนจะบอกให้เอ็นเทอร์ไพรซ์กับเบลฟาสต์ได้รู้

    “รีบไปกันเถอะ”

    “เข้าใจแล้ว”

    “รับทราบค่ะ”

    อากิระทำการสวมเกราะกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายแล้วทั้งสามก็วิ่งลงไปชั้นล่างตรงไปที่ประตูทางเข้าออกหอพัก พวกเขาเปิดประตูออกจากหอพักทันที

    อากิระติดต่อไปหาคันดะ

    “คันดะช่วยรายงานสถานการณ์ที”

    [ได้ตอนนี้เราระบุตัวตนของไซเรนชั้นสูงได้แล้ว ไซเรนตนนั้นคือ เพียวริฟายเออร์(The Purifier) ตอนนี้กำลังหลบหนีออกจากฐานพร้อมเมทัลคิวบ์สำ พวกเรากำลังไล่ตามเธออยู่]

    “เข้าใจแล้ว!”

    ทั้งสามรีบมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือทันที

     

    ที่ท่าเรือฮอร์เน็ตวิ่งเข้าไปดูอาการของนอร์ทแธมป์ตัน

    “นอร์ทแธมป์ตัน!”

    เธอเอามือประคองร่างขึ้นมา นอร์ทแธมป์ตันที่ได้สติก็พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง

    “ขอโทษนะ ที่หยุดข้าศึกไว้ไม่ได้”

    ฮอร์เน็ตหันหน้ามองไปที่ทะเล ด้านหลังเธอมีคันเซย์อยู่สามคนกำลังมองไปยังเรือลำหนึ่งซึ่งมีควันลอยออกมา ซึ่งหนึ่งในพวกเธอก็คือแซนดิเอโก้ เธอกำลังคุกเข่ากรีดร้องออกมา

    “ไม่น้า เรือข้อยอีกแล้วเหรอ?”

    ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งที่สองแล้วที่เรือของเธอโดนอีกฝ่ายโจมตี

    นอร์ทแธมป์ตันพูดกับฮอร์เน็ต

    “พวกเบลฟาสต์ตามไปแล้ว แต่ข้าศึกน่ะ...”

    “อื้อ แต่ใครจะคิดว่าไซเรนชั้นสูงจะมาตัวคนเดียวแบบนี้”

    ในตอนนั้นเองฮอร์เน็ตก็สังเกตเห็นเอ็นเทอร์ไพรซ์ยืนอยู่

    “พี่?”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์มองไปยังเรือที่มีไฟลุกไหม้และควันลอยขึ้นมา ทำให้เธอหวนนึกถึงทะเลเพลิงที่เธอเห็นในความฝัน

    “ฉันน่ะ...”

     

    ทางด้านไซเรนชั้นสูง เพียวริฟายเออร์

    หลังจากที่ชิงเมทัลบ์สีดำมาได้แล้วเธอก็หลบหนีออกจากฐานบัญชาการของอซูร์เลนทันที

    “55555555!”

    เพียวริฟายเออร์ ส่งเสียงหัวเราะออกมาขณะหลบหนี ในมือเธอมีเมทัลคิวบ์สีดำที่กำลังปล่อยออร่าสีดำม่วงออกมา

    อากิระ เบลฟาสต์และคนอื่นๆ ก็กำลังไล่ตามเธอไปติดๆ

    “หนีไวจริงนะ ยัยนั่น”

    คาซามิบ่นขณะยิงปืนที่แขนใส่เพียวริฟายเออร์ แต่เธอเคลื่อนที่หลบได้อย่างสบายๆ

    “ชิ!”

    คาซามิเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์

    “ตาฉันยิงบ้างล่ะ”

    อากิระพูดขึ้นแล้วเล็ง GN บีมไรเฟิล ไปที่เพียวริฟายเออร์ เมื่อสบโอกาสเขาก็เหนี่ยวไกปืนยิงทันที

    “ตอนนี้แหละ!”

    เปรี้ยง! เปรี้ยง!

    บีมลำแสงสีชมพูพุ่งเข้ามาใส่เพียวริฟายเออร์เข้าไปเต็มๆ

    ตูมๆ!

    ทุกคนหยุดเคลื่อนที่แล้วมองไปยังกลุ่มควัน

    “สำเร็จ!”

    เอดินบาระพูดขึ้น แต่ทุกคนกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น จากนั้นทุกคนก็มองไปยังเพียวริฟายเออร์ที่ปรากฏออกมาจากกลุ่มควัน โดยที่เธอมีบาดแผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น

    “อะไรกัน อยากจะเล่นด้วยกันงั้นเหรอ”

    พูดจบเธอก็ทำการเรียกเรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากออกมาจากประตูมิติ

    ทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาเมื่อเห็นเรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากปรากฏออกมา

    เพียวริฟายเออร์กล่าวขึ้น

    “ก่อนจะถึงงานจริง มาสนุกกันก่อนดีกว่า”

    แล้วจากนั้นสงครามก็ได้เริ่มต้นขึ้น เหล่าสาวเรือรบทุกคนของอซูร์เลนเข้าต่อสู้กับไซเรนอย่างสุดความสามารถ ในขณะที่คนเจ็บและคนที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ถูกพาไปหลบในที่ปลอดภัย

    กันดั้มทั้งห้าเครื่องที่อยู่ที่นี่ก็เข้าร่วมการรบด้วยเช่นกัน

    อากิระ เรย์ ฮายาโตะต่อสู้กับเครื่องบินไซเรนบนท้องฟ้า ส่วนคันดะกับคาซามะต่อสู้กับเรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากบนทะเล

    ฮายาโตะใช้ GN ไรเฟิลกับ GN ไรเฟิลบิทกระหน่ำยิงเครื่องบินรบไซเรนระเบิดไปเป็นจำนวนมาก แล้วใช้การโจมตีด้วยรูปแบบปืนใหญ่ยิงทำลายเรือรบไซเรนไปสองลำ

    เรย์ก็เหมือนกันเขาทำการยิง GN แคนน่อนทำลายเครื่องบินไปหลายลำและเรือรบไซเรน

    อากิระยิงบีมไรเฟิล ทำลายเครื่องบินไซเรนแล้วชักลองไรเฟิลออกมากระหน่ำยิงใส่เรือรบไซเรนจนจมไปได้ลำหนึ่ง

    พวกลาฟฟีก็เข้าร่วมการต่อสู้แล้วด้วย พวกเธอตรงไปยังเรือรบไซเรนลำหนึ่งแล้วทำการโจมตีเรือลำนั้น

    จาเวลินกระโดดขึ้นสูงแล้วตวัดออกยิงกระสุนพลังงานสีฟ้ากระหน่ำใส่เรือรบไซเรนลำนั้นจนระเบิด ลาฟฟีกับอายานามิยิงตอร์ปิโดโจมตี ทำให้ท้องเรือได้รับความเสียหาย

    “สำเร็จ!-----อ๊ะ!?”

    ในจังหวะนั้นเองก็มีเครื่องรบไซเรนลำหนึ่งกำลังบินตรงมาหาเธอ สร้างความตกใจให้กับทุกคน

    “แย่ล่ะ!”

    ในตอนนั้นเอง

    ฟิ้ว! เปรี้ยง! ตูม!

    วินาทีก่อนที่เครื่องบินไซเรนลำนั้นจะพุ่งเข้าไปชนจาเวิลนสำเร็จ ก็มีลูกธนูหกดอกและลำแสงสีชมพูพุ่งเข้าใส่เครื่องบนรบลำนั้นแทบจะพร้อมกัน ทำให้จาเวลินรอดพ้นจากอันตราย

    เธอร่วงคกลงไปในทะเล

    ลาฟฟีกับอยานามิหันไปมองยังทิศที่ลูกธนูยิงมา ตามด้วยทิศที่ลำแสงสีชมพูถูกยิงมา

    ฮอร์เน็ตที่เห็นเจ้าของลูกธนูสีเหลืองก็อุทานออกมา

    “พี่!”

    ใช่แล้ว เจ้าของลูกธนูดอกนั้นก็คือเอ็นเทอร์ไพรซ์ ส่วนคนที่ยิงบีมสีชมพูมาช่วยจาเวลินก็คืออากิระ

    อากิระบินลงมาหาเอ็นเทอร์ไพรซ์

    พวกเขาสองคนไม่ได้พูดอะไรกอ่นจะพยักหน้าให้กัน จากนั้นเอ็นเทอร์ไพรซ์ก็ตะโกนบอกฮอร์เน็ต

    “ฮอร์เน็ต ฝากตรงนี้ด้วย!”

    จากนั้นเธอกับอากิระก็มุ่งหน้าไปที่อื่นทันที ฮอร์เน็ตยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นด้วยความแปลกใจ ลาฟฟีกับอายานามิก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

    ฮอร์เน็ตมองเอ็นเทอร์ไพรซ์จนหายลับไปก่อนจะกลับไปสู้ต่อ

    อากิระบินคู่กับเอ็นเทอร์ไพรซ์ที่เคลื่อนที่ไปบนทะเล ระหว่างนั้นเธอก็พูดกับเขา

    “นี่อากิระ...”

    “อะไรเหรอ?”

    “ทั้งที่กลัวทะเล แต่ทำไมฉันถึงยังสู้อยู่?”

    “เรื่องนั้นฉันคงตอบเธอไม่ได้ นี่เป็นคำถามที่เธอต้องค้นหาด้วยตัวเอง”

    “แล้วคำตอบของนายล่ะ? ทำไมนายถึงยังคงสู้อยู่?”

    “นั่นสินะ คำตอบของฉันน่ะ-------”

    อากิรได้บอกคำตอบของเขาให้เอ็นเทอร์ไพรซ์ฟัง ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอมีสีหน้าประหลาดใจก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

    “งั้นเหรอ... นั่นคือคำตอบของนายสินะ”

    “ใช่... ไปกันเถอะ เอ็นเทอร์ไพรซ์ ไปช่วยทุกคน”

    “อื้ม!”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์ตอบรับ จากนั้นเธอกับอากิระก็เร่งความเร็วขึ้น

    “เป็นอะไรไป แบบนี้จะไปสนุกได้ไงกันล่ะ”

    เพียวริฟายเออร์กล่าวอย่างดูถูกเหล่าคันเซย์ซึ่งกำลังรับมือกับกองทัพของเธออย่างยากลำบาก แต่ในตอนนั้นเอง

    “แล้วถ้าเป็นพวกเราล่ะ?”

    “หา?”

    เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

    ทันทีที่สินเสียงนั้นก็มีลำแสงจำนวนมากโจมตีใส่เรือรบไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมากจนระเบิดและจมลงทะเล และมีเครื่องบินรบทิ้งระเบิดใส่เรือรบไซเรน

    ต่อจากนั้นเรือรบไซเรนลำหนึ่งก็โดนทุบอย่างแรงจนทำให้ตัวเรือยกตัวขึ้นมาก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้น

    “อะไรกัน!?”

    เพียวริฟายเออร์มีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่เบลฟาสต์รู้ว่านั่นเป็นการโจมตีของใคร

    จากนั้น...

    “ไซเรน!”

    เอ็นเทอร์ไพรซ์ส่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมกับง้างสายธนูเตรียมที่จะยิงเพียวริฟายเออร์ อากิระก็เล็งปากกระบอก GN บีมไรเฟิลมาที่เธอด้วยเช่นกัน

    “กันดั้มกับเอ็นเทอร์ไพรซ์เหรอ!”

    เพียวริฟายเออร์ขยับตัวพุ่งเข้าไปหาทั้งสอง

    ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ระยะยิง ทั้งสองฝ่ายก็ปล่อยการโจมตีออกไป

    เปรี้ยง! ตูม!

     

    จักรวรรดิซากุระ ที่ถ้ำใต้ทะเล

    ภายในถ้ำแห่งนี้มีเรือรบขนาดนักษ์จอดอยู่

    ปรินซ์ออยเกนมองไปยังเรือลำนั้น เธอค้นพบทางเข้าแล้วลอบเข้ามายังที่นี่แห่งนี้

    “ขอโทษทีนะ จักรวรรดิซากุระ แต่ความลับของโอโรจิ คงต้องขอรับไปนะ หืม?”

    ในตอนนั้นเองปรินซ์ออยเกนก็สังเกตเห็นคากะยืนอยู่บนเรือลำนั้น

    “คากะ!?”

    คากะในตอนนี้นั้นดวงตาของเธอนั้นไร้ซึ่งประกายแสง ภายในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

    “ท่านพี่... จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

    พูดจบเธอก็สั่งให้เรือโอโรจิทำงาน เรือรบโอโรจิปรากฏลวดลายสีแดงออกมาทั่วทั้งลำ

    ครืน!

    จากนั้นก็แผ่นดินไหวขึ้น

    “เดี๋ยวสิ”

    ปรินซ์ออยเกนพูดขึ้น ขณะพยายามทรงตัวไม่ให้ล้มจากแรงสั่นสะเทือน ไม่กี่วินาทีถัดมาน้ำเละก็ทะลักเข้ามาภายในถ้ำแห่งนี้ ทำให้เรือโอโรจิสามารถออกเรือได้

    แน่นอนว่าแรงสั่นสะเทือนนี้ก็ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งเกาะ ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนนี้ได้

    ที่โรงเตี๊ยม

    อิเสะกับฮิวงะที่หลับอยู่ก็จะสะดุ้งตื่นจากแผ่นดินไหว

    “อะไร อะไร!?”

    นางาโตะมองออกไปด้านนอกด้วยสีหน้ากังวล

    ทางด้านซุยคาคุกับทาคาโอะวิ่งมาที่ท่าเรือแล้วมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาต้นตอที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว

    “อย่าบอกนะ ว่ารุ่นพี่คากะ”

    ดูเหมือนโชวคาคุจะรู้ได้ในทันทีว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของใคร

    ซุยคาคุกับทาคาโอะมองไปยังทิศหนึ่งด้วยสีหน้าตกใจ ทาคาโอะพูดขึ้น

    “นั่นมัน อะไรกัน?”

    สิ่งที่พวกเธอเห็นก็คือเรือรบขนาดยักษ์ โอโรจินั่นเอง

    “อย่าบอกนะ ว่านั่นคือ... โอโรจิ?”

    อาตาโกะพูดขึ้นเมื่อเห็นโอโรจิแล่นออกสู่ทะเล

    บนฟ้า

    เครื่องบินลำหนึ่งกำลังบินตรงมาที่เกาะของจักรวรรดิซากุระ

    “นั่นมันโอโรจิ?”

    “ไม่ใช่ว่าโครงการถูกระงับไปแล้วเหรอ?”

    ชินันจูกับซูซาโนะโอมองไปยังเรือรบขนาดยักษ์ลำนั้น

    “ท่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้วล่ะ”

     

    กลับมาที่ท่าเรือ

    ซุยคาคุมองไปที่เรือรบโอโรอจิก็เห็นคากะยืนอยู่บนเรือลำนั้น

    “รุ่นพี่คากะ!”

    แม้จะส่งเสียงออกไป แต่เสียงของเธอก็ส่งไปไม่ถึงคากะ

    พวกเธอต่างมองดูโอโรจิแล่นออกสู่ทะเล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×