คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 25 โหมโรงก่อนศึกสุดท้าย 1
ณ โลกแห่งความฝัน
เอ็นเทอร์ไพรต์กำลังยืนอยู่บนทะเลที่มีแสงจากทะเลเพลิงส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด ซึ่งเต็มไปด้วยซากเรือรบ
“ภาพนี้อีกแล้ว...”
เธอหันไปมองหญิงสาวสวมผ้าคลุมสีดำที่ยืนหันหลังให้เธอ
“แกเป็นใครกัน?”
เอ็นเทอร์ไพรซ์เอ่ยถามเธอ
“ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ถึงแสดงสิ่งนี้ให้ดู?”
“สงคราม...”
หญิงสวมผ้าคลุมหรืออัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์หันมาหาเธอ
“ฉันน่ะผ่านมามาก ข้ามผืนทะเล ผ่านกาลเวลา ต่อสู้มาตลอด”
อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเทอร์ไพรซ์ยกมือขวาขึ้นมา จากนั้นก็มีลูกบาศก์สีดำปรากฏขึ้นมาลอยอยู่บนมือของเธอ และดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีแดง
“การต่อสู้ที่ไม่มีวันจบ ทะเลที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟนี้ คือหนทางอันแดงฉานของฉัน เธอเองก็อีกไม่นานหรอก”
แล้วจากนั้นเอ็นเทอร์ไพรซ์ก็ถูกดึงกลับไปยังโลกแห่งความจริง
ณ โลกแห่งความจริง
เบลฟาสต์มาปลุกเธอตามปกติ เธอเปิดผ้าม่านให้แสงแดส่องเข้ามาในห้อง เอ็นเตอร์ไพรซ์ตื่นขึ้นในสภาพที่โชกไปด้วยเหงื่อ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ หลับสบายดีไหมคะ?”
เบลฟาสต์กล่าวทักทายเธอในยามเช้า
“เบลฟาสต์...”
เวลาต่อมา
“เอ็นเทอร์ไพรซ์ สภาพเธอดูไม่ดีเลยนะ เพราะฝันนั่นอีกแล้วเหรอ?”
“อืม...”
อากิระคุยกับเอ็นเทอร์ไรซ์ระหว่างทางข้าวเช้าด้วยกัน
“มันเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย”
ความฝันนั้นเริ่มจะทำให้เธอย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เอ็นเทอร์ไพรซ์เคยเล่าความฝันนั้นให้อากิระฟัง บอกตามตรงเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับมันยังไงดี
“มันต้องมีสักทางแหละน่า ที่จะหยุดความฝันนั่นได้”
อากิระเอามือกอดอกพูดให้กำลังใจเอ็นเทอร์ไพรซ์
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา
ที่บริเวณทางเดินของโรงเรียน
คลีแฟลนด์กำลังเดินคุยกับปรินซ์ออฟเวลส์
“จักรวรรดิซากุระสูญเสียกำลังรบไปบางส่วน คงต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักพัก แต่ว่าพวกเราเองก็ไม่พร้อมที่จะใช้โอกาสนี้เหมือนกัน”
“เรืองเมทัลคิวบ์สีดำใช่ไหมล่ะ? แล้วก็เรื่องเอ็นเทอร์ไพรซ์ด้วย”
“มีแต่ปัญหาเยอะแยะไปหมด”
ที่ห้องเรียน
เบลฟาสต์กับคนอื่นๆ ต่างมามุงดูเมทัลคิวบ์สีดำ
“รู้อะไรเพิ่มบ้างหรือเปล่า?”
ทุกคนหันมามองปรินซ์ออฟเวลส์กับคลีฟแลนด์เดินลงมา
อมาซอนส่ายหน้าไปมา
“ไม่รู้อะไรเลย ไม่เกิดอะไรขึ้นสักนิด”
“เดิมทีเราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมทัลคิวบ์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
คันเซย์เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดเบา แลงลีย์กล่าวต่อ
“หรือก็คือเป็น “กล่องเ” ตามชื่อของมันเลยอย่างนั้นสินะ”
รอยัล อาร์คพูดขึ้น แต่เธอจะเท่กว่านี้ถ้าไม่มีนิตยสารโลลิ
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังเมทัลคิวบ์สีดำที่วางอยู่บนโต๊ะอาจารย์ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีเพราะมันปล่อยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเหมือนลางร้ายออกมา แถมมันยังเรืองแสงออกมาด้วย
“รู้สึกว่ามันจะเรืองแสงมากกว่าเดิมหรือเปล่า?”
คลีฟแลนด์ที่สังเกตเห็นว่าเมทัลคิวบ์สีดำมันเรืองแสงออกมามากกว่าเดิมก็บอกให้ทุกคนรู้
“ของที่เกี่ยวกับไซเรนน่ะ... ควรจะถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายไว้ก่อนเลยดีกว่า”
ปรินซ์ออฟเวลส์พูดขึ้น
“ถ้าไซเรนมายุ่งกับพี่อีกล่ะก็จะไม่ยกโทษให้เด็ดขาดเลย”
ฮอร์เน็ตพูดด้วยเสียงที่แฝงด้วยความโกรธต่อสิ่งที่ไซเรนทำกับพี่สาวของเธอ ก่อนจะหันมาถามเบลฟาสต์
“แล้วพี่เป็นยังไงบ้างเหรอ?”
“ก็น่าเป็นห่วงอยู่ค่ะ แต่ก็ได้ท่านอากิระดูแลอยู่”
“งั้นเหรอ... หวังว่าเขาจะช่วยให้พี่ไม่ต้องทรมานอยู่คนเดียวนะ”
ฮอร์เน็ตก้มหน้าลงและมีสีหน้าเศร้า เธอไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวของเธอถึงต้องทรมานอยู่คนเดียวด้วย
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างพากันเงียบ ก่อนที่สักพักอาคาชิจะส่งเสียงออกมาพลางเอามือกุมศีรษะ
“อ๊า! แล้วทำไมอาคาชิต้องก่อปัญหาวุ่นวายแบบนี้ด้วยเนี้ยว!?”
“ตอนนี้อาคากิที่เป็นหัวหอกในการไปเข้าพวกกับไซเรนก็ไม่อยู่แล้ว แล้วคากะจะทำยังไงต่อนะ น่ากังวลจริง”
ปรินซ์ออฟเวลส์ยกมือขวาขึ้นมาจับคางครุ่นคิด
อาคาชิฟุบลงบนโต๊ะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“จักรวรรดิซากุระจะเป็นอะไรไหมนะ เนี่ยว?”
เธอกังวลว่าจักรวรรดิซากุระจะเป็นอะไรรึเปล่า ยังที่นั่นก็ยังเป็นบ้านของเธออยู่
ที่ห้องอาบน้ำพวกจาเวลินเข้าไปอยู่ในห้องซาวน่า
“ร้อนจัง”
ลาฟฟีพูดขึ้น ระหว่างจาเวลินเหลือบมองอายานามิที่นั่งเงียบมาตลอด
“ไหวหรือเปล่าอยานามิจัง พอก่อนไหม?”
อายานามิที่ได้ยินเสียงของเรียกของจาเวลินก็ได้สติแล้วหันหน้ามาหาเธอก่อนจะหันหน้ากลับ
“ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อยค่ะ”
จาเวลิน ลาฟฟี ยูนิคอร์นหันหน้ามามองอายานามิ
“เป็นห่วงเพื่อนที่จักรวรรดิอยู่ค่ะ พวกอซูร์เลนเป็นคนดีกันทุกคนเลยค่ะ แต่ว่าพรรคพวกที่จักรวรรดิซากุระเองก็สำคัญกับฉันเช่นกันค่ะ”
อายานามิหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อายานามิอยากจะช่วยจักรวรรดิซากุระทุกคนค่ะ”
ตอนนั้นเองจาเวลินเดินยืนอยูข้างหน้าแล้วกุมมือเธอเอาไว้ด้วยสองมือ
“อื้อ! อื้อ! มาพยายามไปด้วยกันเถอะ อายานามีจัง!”
“ถ้าเป็นคนสำคัญของอายานามิแล้ว ก็จะเป็นคนสำคัญของลาฟฟีด้วยเหมือนกันนะ”
ลาฟฟีพูดขึ้น เพื่อนของอายานามิก็คือเพื่อนของเธอ
อายานามิก้มหน้าลงและมีสีหน้ากังวล
“ไม่รู้ว่าควรทำยังไงอยู่ดีค่ะ”
“ไม่เป็นไรหีอกค่ะ ก็ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่ เพราะงั้นต้องคืนดีกับทุกคนที่จักรวรรดิซากุระได้แน่นอน”
ยูนิคอร์นพูดให้กำลังใจอายานามิ เธอหันมามองยูนคอร์น ก่อนจะมองจาเวลินที่พยักหน้าให้เธอ จากนั้นลาฟฟีกับยูนิคอร์นก็พยักหน้าให้อายานามิพร้อมกัน
“ขอบคุณนะคะ ทุกคน”
ทางด้านห้องประชุมบนยานปโตเลไมออส 2
อากิระ ดันดะ เรย์ คาซามิและฮายาโตะกำลังประชุมกันโดยมีปโตเลมีอยู่ด้วย
“ตอนนี้ทางจักรวรรดิซากุระยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร กองทัพของชินันจูเองก็เช่นกัน”
“ไซเรนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไหวเหมือนกัน”
“พวกมันกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”
เรย์กอดอกและมีสีหน้าเครียด
“ตั้งแต่ที่อาคากิหายตัวไป จักรวรรดิซากุระก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ทางฝั่งโมบิลสูทเองด้วย การต่อสู้ในมิติตอนนั้นน่าจะสร้างความเสียหายให้กับเราทั้งสองฝ่าย”
ปโตเลมีวิเคราะห์สถานการณ์การรบที่เกิดขึ้นในมิติทะเลน้ำแข็ง
“หากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปคงหาข้อสรุปของการต่อสู้ไม่ได้แน่”
“ทั้งที่พวกเราควรจะร่วมมือกันต่อสู้กับไซเรนแท้ๆ บ้าจริง”
เรย์กำหมัดซ้ายชกมือขวาอย่างไม่สบอารมณ์
“แล้วทางเอ็นเทอร์ไพรซ์ล่ะ?”
“สภาพของเธอมีแต่จะแย่ลง อากิระเองก็ไม่รู้จะจัดการยังไงเหมือนกัน คงได้แต่ประคองอาการให้คงทีเท่านั้น”
“ชิ! เพราไอ้ลูกบาศก์สีดำนั่นแท้ๆ”
เมื่อได้ฟังปโตเลมีเล่าอาการของเอ็นเทอร์ไพรซ์ให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็ได้แต่ทำหน้าเครียดเพราะไม่รู้จะช่วยเธอยังไงดี
ทางฝั่งจักรวรรดิซากุระ ณ ตำหนักกลางทะลสาบ ใต้ต้นซากุระต้นใหญ่
“จะผนึกโอโรจิงั้นเหรอ?”
“แค่ระงับโครงการเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น”
นางาโตะกล่าวกับคากะว่าจะผนึกโอโรจิ ทำให้เธอไม่พอใจ
“อาคากิก็ไม่อยู่แล้ว โครงการคงเดินหน้าต่อไม่ได้หรอก”
“ใครเป่าหูมากัน”
“เป็นความคิดของเราเพียงผู้เดียวน่ะ”
“คิดง่ายไปแล้ว นางาโตะ ถ้าไม่มีโอโรจิ จักรวรรดิซากุระคงไร้อนาคต”
คากะยังคงยืนกรานที่จะดำเนินโครงการโอโรจิต่อ นางาโตะเหลือบมองมาที่เธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“คากะ เจ้าควรพักผ่อนบ้างนะ เห็นชัดเลยว่า การจากไปของอาคากินั้นส่งผลต่อเจ้า พักผ่อนให้หัวใจได้ฟื้นฟูเสียบ้าง”
“นางาโตะ!”
คากะส่งเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธออกมา แต่นางาโตะก็หาได้สนใจไม่
“การตัดสินใจนี้ถือว่าเด็ดขาด จงไปได้แล้ว”
นางาโตะสั่งคากะด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ทำให้คากะได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธแล้วเดินจากไป
เวลากลางคืน ณ ร้านอาหาร
อิเสะนั่งดื่มเหล้าที่ระเบียง
“ดูจะยุ่งยากขึ้นมาแล้วสินะ”
ภายในห้องนอกจากเธอก็มี ฮิวงะ โซริว ฮีริว โชวคาคุและอาตาโกะ
“โครงการโอโรจิก็โดนสั่งพักไปแล้ว ไซเรนรุ่นผลิตจำนวนมาก็ดันใช้ไม่ได้อีก มิดแปดด้านชัดๆ”
ฮิวงะกล่าวพลางรินเหล้าใส่จอก อาตาโกะก็ดื่มเหล้าอึกหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“เป็นห่วงอายานามิจังกับอาคาชิจัง”
“ถ้าไม่เหงาก็คงจะดีนะ”
“แผนทั้งหมดนี่มันไม่ไหวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“เราไม่ควรฝากชคชะตาของจักรวรรดิซากุระไว้กับสิ่งที่เราไม่รู้จักหรอกนะ”
“มันไม่ได้พูดง่ายอย่างนั้นหรอก”
โซริวพูดขึ้นก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาเข้าปาก
“ฝักอักษะแดงเองก็ไม่ได้ญาติดีกันขนาดนั้น”
ฮีริวพูดต่อ จริงอย่างที่เธอพูดความสัมพันธ์ภายในฝ่ายอักษะแดงไม่ได้ดีอย่างที่ตาเห็น
“จะให้เลือดเล็กเห็นความอ่อนแอนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่ศัตรูที่แท้จริงของเราคือไซเรนไม่ใช่หรือไงกัน”
“...........”
ฮิวงะพูดขึ้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในห้องเงียบกันหมด
อิเสะมองออกไปยังทะลท่ามกลางแสงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า ระหว่างนั้นเองกลีบดอกซากุระก็ลอยมาจอกเหล้าของเธอ
ภายในเมืองที่บริเวณสะพาน ระหว่างที่ทาคาโอะกับซุยคาคุกำลังเดินอยู่นั้นพวกเธอก็ได้ยินการพูดคุยกันของสามสาวจิ้งจอก จิ้งจอกสาวผมแดงชื่อนากะ จิ้งจอกสาวคนที่สองผมสีบลอนด์ชื่อเซนได และจิ้งจอกสาวคนที่สามชื่อจินสึ
“จากนั้นจะทำยังไงต่อดีนะ”
“ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก แค่ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น”
“สิ่งที่พึ่งพาได้ในตอนสุดท้ายมีแค่พลังของตัวเองนั่นแหละ”
ทาคาโอะกับซุยคาคุหยุดเดินตรงกลางสะพาน
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ พร้อมสู้ทุกเวลาแล้ว”
“ได้ยินแบบนี้ก็น่ายินดี”
ทาคาโอะที่เห็นว่าซุยคาคุหายดีแล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะหายไปแทนที่ด้วยสีหน้ากังวล
“แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีเอาซะเลย เกรงว่าจะไม่ใช่แค่จักรวรรดิซากรุะ แต่ทุกอย่างจะมุ่งหน้าไปสู่โชคชะตาอันเลวร้าย”
แม้ทาคาโอะจะมีสีหน้ากังวล แต่ซุยคาคุกลับยังคงมีสีหน้ามุ่งมั่น
“เพราะแบบนั้นจึงขึ้นอยู่กับพวกเราต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วสินะ”
ได้ยินดังนั้นทาคาโอะก็มีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มและพยักหน้าให้เธอ
จากนั้นซุยคาคุก็นึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นที่พวกจาเวิลนช่วยอายานามิจากวิกฤต เธอหันไปจับราวสะพาน
“คงจะปล่อยให้เด็กพวกนั้นพยายามอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก พวกเขาก็เหมือนกัน”
“เหล่ากันดั้มน่ะเหรอ?”
ทาคาโอะเอ่ยถามเธอ ซุยคาคุหันมาพยักหน้าก่อนจะหันกลับ
“พวกเราเองก็ต้องเปลี่ยนด้วย”
ณ ฐานทัพของคเรไนซุยเซย์
ชินันจูกำลังประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพ
“สถานการณ์ของอักษะแดงเริ่มไปในทิศทางที่ไม่ดีแล้ว”
“อืม จะโดนแทงข้างหลังเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาล่ะนะ”
ซูซาโนโอะพูดขึ้นพลางเอามือกอดอก
“ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เอาซะเลย”
ฟอน ฟาร์เซียกล่าวต่อ
“ทั้งที่ศัตรูของพวกเราควรจะเป็นไซเรนแท้ๆ แต่กลับต้องมาสู้กันเองแบบนี้”
“ยังไงก็ต่อ ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว”
ชินันจูกล่าวพลางเอามือประสานกันไว้บนโต๊ะ
“คงถึงเวลาที่เราต้องยุติความขัดแย้งแล้วพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่สำคัญกว่า”
“แน่ใจแล้วเหรอ?”
ซูซาโนโอะเอ่ยถาม ชินันจูพยักหน้าแล้วหันไปหาเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย
“ติดต่อไปหานางาโตะ บอกว่าทางนี้ต้องการขอเข้าพบเพื่อพูดคุยถึงอนาคตต่อจากนี้”
“ครับ”
ถ้าลองส่งของขวัญมาให้ และถ้าส่งมาเยอะๆ ทางไรเตอร์อาจจะเก็บมาพิจารณาว่าจะเขียนเรื่องนี้ต่อจนจบครับ
ความคิดเห็น