คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 23 ความรักและมิตรภาพคือสิ่งสำคัญ (2/2)
ณ โรงพยาบาลที่ห้องผู้ป่วยของอากิระ
“อืม ตอนนี้ร่างกายของเธอก็หายเป็นปกติ คิดว่าคงน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในเย็นวันนี้ล่ะนะ”
“งั้นเหรอครับ? หมอ”
“ใช่ ต้องขอบคุณเครื่องฟื้นฟูของยานปโตเลไมออสล่ะนะ ที่ทำให้บาดแผลของเธอได้รับการรักษาแล้ว”
แพทย์หญิงกล่าวขณะมองดูใบชาร์ทคนไข้ของเรียว
“ถึงจะออกไปแล้วก็อย่าพึ่งไปออกแรงหนักๆ ล่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ หมอ”
จากนั้นหมอและพยาบาลก็เดินออกจากห้องไป อากิระล้มตัวลงไปนอนกับเตียงแล้วหันไปมองวิวทะเลจากทางหน้าต่าง
“ในที่สุดก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลสักที”
ที่โรงเก็บโมบิลสูทของปโตเลไมออส
เวสทัล คลีฟแลนด์ และเหล่ามันจูกำลังทำการซ่อมบำรุงและปรับแต่งกันดั้มทั้งห้าเครื่องอยู่
เอ็นเทอร์ไพรซ์เดินเข้าไปหาเวสทัลกับคลีฟแลนด์ซึ่งกำลังซ่อมบำรุงกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายอยู่
“เวสทัล”
“หือ? ...อ้าว เอ็นเทอร์ไพรซ์จังมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”
“ไง เอ็นเทอร์ไพรซ์ แปลกนะเนี่ย ที่เธอมาที่นี่น่ะ”
ทั้งสองหันมาหาเอ็นเทอร์ไพรซ์และรู้สึกแปลกใจที่เธอมาที่นี่
“ก็นะ....”
เธอยักไหล่แล้วมองไปยังกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายที่อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง
“ดับเบิ้ลโอ เป็นยังไงบ้าง?”
“ความเสียหายทั้งหมดได้รับการซ่อมแซมหมดแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ”
เอ็นเทอร์ไพรซ์จ้องมองไปที่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกาย
“แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่เหรอ? เวสทัล”
เธอเอ่ยถามเวสทัล
“กำลังทำการปรับแต่งกันดั้มทั้งห้าเครื่องอยู่น่ะ”
เวสทัลตอบคำถามของเอ็นเทอร์ไพรซ์
“จากศึกครั้งล่าสุด ทำให้คิดว่าจำเป็นต้องเพิ่มพลังให้กับกันดั้มทุกเครื่องน่ะ นี่เป็นความเห็นของปโตเลมี”
หลังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด ปโตเลมีเห็นว่าจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกันดั้มทั้งห้าเครื่องที่อยู่ที่นี่ ส่วนอีกสองเครื่องที่ศูนย์ใหญ่ก็ได้รายงานไปให้ทางนั้นทราบแล้วและตอนนี้ทางศูนย์ใหญ่ก็กำลังทำการเพิ่มสมรรถนะให้กับกันดั้มทั้งสองเครื่อง
“แล้วสมรรถนะของทั้งห้าเครื่องล่ะ?”
“อืม ของบาร์บาทอส อัลทรอน ราฟาเอล ซาบาเนียเพิ่มสมรรถนะทั้งด้านพลังโจมตี พลังป้องกัน และความคล่องตัวเพิ่ม 2-2.6 เท่าน่ะ”
“เพิ่มขึ้นน่าดูเลยนะเนี่ย”
คลีฟแลนด์พูดขึ้นขณะมองดูกันดั้มทั้งสี่เครื่อง
“ของบาร์บาทอสมีความคล่องตัวที่เยอะอยู่แล้ว พอเพิ่มพลังเข้าไปอีกก็ทำให้คล่องตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.6 เท่าจากของเดิม ในส่วนของพลังป้องกันนั้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.5 เท่า โดยรวมถือว่าเพิ่มขึ้นมา 2 เท่าน่ะ”
เวสทัลอธิบายการเพิ่มสมรรถนะของบาร์บาทอสก่อนจะไปกันดั้มเครื่องอื่นๆ
“อัลทรอนจะเพิ่มในส่วนของพลังให้สามารถต่อสู้ได้นานขึ้น พลังโจมตี พลังป้องกันและความคล่องตัวจะเพิ่มมาอยู่ 1.2 เท่า ราฟาเอลจะเพิ่มพลังการยิงให้ทรงพลัง 1.1 เท่า พลังป้องกัน 0.6 เท่า ความคล่องตัว 1.4 เท่า ซาบาเนียก็จะเพิ่มปริมาณความจุในการบรรจุอาวุธให้มากขึ้น พลังการยิงเพิ่มขึ้นมา 1.4 เท่า พลังป้องกัน 0.7 เท่า คล่องตัว 1.7 เท่า”
“โดยรวมก็ถือว่าเยอะเอาเรื่องเลยนะ แต่ทำไมต้องเพิ่มพลังกันถึงขนาดนี้เลยล่ะ?”
เอ็นเทอร์ไพรซ์ถาม
“เพื่อที่จะรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งในอนาคตน่ะ รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับทุกคน”
“งั้นเหรอ?”
เอ็นเทอร์ไพรซ์ก้มหน้าลง เพราะคำพูดนั้นทำให้ภาพที่อากิระถูกยิงปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ
เวสทัลที่เห็นท่าทีนั้นของเอ็นเทอร์ไพรซ์ก็รีบพูดปลอบใจเธอ
“เอ็นเทอร์ไพรซ์จัง ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ อากิระคุงก็รอดตายจากเหตุการณ์นั้นนะ”
“จริงด้วยนะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไร”
จากนั้นเอ็นเทอร์ไพรซ์ก็ถามเวสทัลต่อ
“แล้วของดับเบิ้ลโอล่ะ?”
“ของดับเบิ้ลโอ เราเพิ่มสมรรถนะทั้งพลังโจมตี พลังป้องกัน คล่องตัวขึ้นจากเดิม 3 เท่าน่ะ”
“3 เท่า!?”
เอ็นเทอร์ไพรซ์ตะลึงที่ได้ยินว่าดับเบิ้ลโอเพิ่มสมรรถนะทั้งหมดถึง 3 เท่า
“จากเหตุการณ์ในตอนนั้น ทำให้ตัวหุ่นเสียหายหนัก นั่นรวมถึงตอนที่เขาไปช่วยเธอด้วยนะ เอ็นเทอร์ไพรซ์จัง”
“...อืม นั่นสินะ...”
เวสทัลที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะกดปุ่มบนแผงควบคุม ทำให้กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายกลับเข้าไปในอยู่ในสกายไดรเวอร์ เธอหยิบกำไลนั้นออกมาแล้วส่งมันไปให้เอ็นเทอร์ไพรซ์
“เอ๋?”
“ฝากเอาไปส่งให้อากิระคุงทีนะ เอ็นเทอร์ไพรซ์จัง”
จากนั้นเวสทัลกับคลีฟแลนด์ก็เดินไปดูกันดั้มเครื่องอื่นต่อ ปล่อยให้เอ็นเทอร์ไพรซ์ยืนอยู่ตรงนั้นพลางมองดูสกายไดรเวอร์ที่ถืออยู่ในมือของเธอ
ณ สนามกอล์ฟ
พวกควีนอลิซาเบธกำลังเล่นกอล์ฟกันอยู่ ควีนอลิซาเบธเหวี่ยงไม้ตีลูกกอล์ฟพุ่งออกไป
“ไนซ์ ช็อต!”
เชฟฟิลด์กล่าวชมควีนอลิซาเบธพร้อมกับปรบมือให้เธอ เอดินเบิร์กกับวอร์สไปร์ทก็ปรบมือด้วยเช่นกัน
“ยอดเยี่ยมสมกับเป็นฝ่าบาทค่ะ”
ในระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังตีลูกอยู่นั้น ควีนอลิซาเบธก็ถามวอร์สไปร์ท
“ไซเรนมันคืออะไรกันแน่นะ? ศัตรูของเรามาจากไหนกัน? ต้องการอะไรกันแน่? เป็นคำถามที่เราใคร่ถามมาหลายครา แต่ไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้ง ทำไมไซเรนจึงมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษยชาติกัน? ถ้ามีเป้าหมายจะกำจัดมนุษยชาติก็ไม่เห็นจะต้องอ้อมค้อมกันขนาดนี้ หากกุญแจสำคัญคือโครงการโอโรจิแล้วล่ะก็...”
ฮู้ดที่ตีลูกกอล์ฟลงหลุ่มแล้วก็เดินไปหาควีนอลิซาเบธกับวอร์ไสปร์ท
“เอ็นเทอร์ไพรซ์สินะคะ ฝ่าบาท?”
ควีนอลิซาเบธพยักหน้าตอบ
“จะว่าไปอิลลัสเทรียสก็จับตาดูเธอมาตลอดนะคะ เห็นว่าเธอมักจะอยู่กับอากิระตลอดด้วยนะคะ”
“ความคิดของเธอคนนั้นน่าขนลุกเสียจริง”
วอร์ไสปร์ทพูดกับควีนอลิซาเบธ
“ถึงได้ให้เบลจัดการเรื่องเอ็นเทอร์ไพรซ์แทนไงล่ะ เบลจะเห็นอะไรจากเธอคนนั้นบ้างไหมนะ นอกจากนี้ยังมีอากิระคุงด้วย”
“นั่นสินะคะ ถ้าเป็นอากิระคุงเขาจะต้องทำอะไรได้แน่”
ระเบียงบ้านพักที่โต๊ะร่ม
อิลลัสเทรียสนั่งอยู่ที่โต๊ะร่ม ยูนิคอร์นอยู่ที่รั้วระเบียง เบลฟาสต์ยืนหันหน้าเข้าหาอิลลัสเทรียส
“สิ่งที่ฉันกังวลดันเกิดขึ้นแล้วค่ะ”
เบลฟาสต์ทำหน้าแปลกใจที่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอ
“คงจะรู้ตัวแล้วใช่ไหม เกี่ยวกับท่านเอ็นเทอร์ไพรซ์น่ะ”
เบลฟาสต์หลบตา อิลลัสเทรียสพูดต่อ
“ไม่ว่าจะมีพลังเพียงใด แต่จิตใจของเธอก็ยังเป็นสิ่งที่บอบบาง”
“แต่ท่านเอ็นเทอร์ไพรซ์ก็ได้ท่านอากิระช่วยเอาไว้นะคะ”
“ก็จริง ที่ได้เขาช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะสามารถควบคุมพลังนั้นได้รึเปล่า?”
“มันเลี่ยงไม่ได้ค่ะ ตอนนี้ท่านเอ็นเทอร์ไพรซ์น่ะ จะต้องเผชิญหน้าด้วยตัวเอง”
“เธอคนนั้นจะฟื้นตัวได้ไหมนะ?”
“ไม่ทราบเช่นกันค่ะ จริงอยู่ที่เวลาปกติจะทำตัวเข้มแข็ง แต่ภายในใจของเธอนั้นกำลังรู้สึกแบบไหนนั้นไม่มีใครรู้”
ระหว่างนั้นเองยูนิคอร์นที่จ้องมองทะเลอยู่ก็พูดขึ้น
“คิดว่าพี่เอ็นเทอร์ไพรซ์...ต้องกลัวทะเลแน่เลยล่ะ พี่อากิระเองก็กำลังหาทางช่วยพี่เอ็นเทอร์ไพรซ์อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคอยปกป้องยูนิคอร์น”
ได้ยินแบบนั้นอิลลัสเทรียสก็ยิ้มออกมา เบลฟาสต์ก็ยิ้มด้วยเช่นกัน
“ค่ะ ถูกต้องตามนั้นเลยค่ะ”
อีกด้านหนึ่งที่บริวเณกลางสะพานข้ามทะเล
พวกจาเวลินกำลังเดินข้ามสะพาน พวกเธอเดินไปตามถนนและพูดคุยกัน
อายานามิเอ่ยถามจาเวลิน
“ออกนอกฐานทัพเนี่ย จะไปไหนเหรอคะ?”
“อาคาชิจัดการเรื่องของใช้ในชีวิตประจำวันให้แล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้...”
จาเวลินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออก แต่ก็มีขบวนรถวิ่งผ่านพวกเธอไป ก่อนที่รถคันที่สองจะมาหยุดอยู่ทางด้านข้างพวกเธอ
กระจกหน้าต่างรถด้านหลังเลื่อนลง อิลลัสเทรียสก็ขยับใบหน้าออกมาแล้วส่งเสียงทักทายทั้งสามคน
“อ้าว... สวัสดีจ้ะ”
“คุณอิลลัสเทรียสแล้วก็ยูนิคอร์นจังด้วย!”
จาเวลินทักทายอิลลัสเทรียสและยูนิคอร์นที่นั่งรถมากับเธอด้วย
อายานามิที่เห็นเธอก็มีสีหน้าแปลกใจขึ้นมา
อิลลัสเทรียสถามจาเวลิน
“จะว่าไปมาทำอะไรแถวนี้กันเหรอ?”
“อ๊ะ คือว่าเรื่องนั้นน่ะ...”
“เดตค่ะ”
ลาฟฟีพูดขึ้น
“.............”
“.............”
“.............”
“.............”
ทุกคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและมองมาที่ลาฟฟี อายานามิกระพริบตาปริๆ ก่อนจะส่งเสียงออกมา
“คะ?”
หลังจากนั้นในเวลาต่อมาพวกจาเวลินก็มาถึงย่านการค้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก
“ดูคึกคักเหมือนทุกทีเลยนะ”
อายานามิหันมาถามลาฟฟี
“เดตเนี่ย หรือว่า...”
“ไปเล่นด้วยกันเถอะ”
ลาฟฟีจับมือของอายานามิแล้ววิ่งพาเธอไปด้วย จาเวลินเห็นดังนั้นก็รีบตามทั้งสองไป ก่อนจะส่งเสียงเรียกยูนิคอร์น
“ยูนิคอร์นจังก็ด้วย เร็วเข้าๆ”
ยูนิคอร์นที่ได้เห็นแบบนั้นก็หันไปหาพี่สาวของเธอ อิลลัสเทรียสก็พยักหน้าและยิ้มให้เธอ
ยูนิคอร์นยิ้มดีใจก่อนจะวิ่งไปหาจาเวลิน
เบลฟาสต์เดินเข้ามาหาอิลลัสเทรียสแล้วมองตามพวกเธอไป
ทั้งสี่คนเดินเที่ยวเล่น ช็อปปิ้งและกินอาหารไปตามเส้นทางที่พวกเธอเดินไป ลาฟฟีเล่นโยนของ
เวลาต่อมาพวกเธอก็ไปดูดวงกันที่ร้านดูดวงของเอราบัส โดยคนที่ดูดวงก็คืออายานามิ
ไพ่ทาโร่ห์ที่เอราบัสทำนายมี
The Star - ความหวัง การฟื้นฟูรักษา การเริ่มต้นใหม่ บ่งบอกถึงความหวัง ในสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นความสัมพันธ์ที่พึ่งเริ่มต้นใหม่ ก็จะเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและสมหวังได้ตามแสงของดาว
The Hanged man - การเสียสละ การพัก ชั่วคราวเพื่อมองมุมใหม่ การตระหนักรู้
The Tower - การเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง การพังทลาย
กรณีกลับหัว แปลว่า การเปลี่ยนแปลง การพังทลายเหมือนกัน แต่ทว่า มันไม่รวดเร็ว มันไม่กระทันหัน เป็นความสัมพันธ์ที่เราอาจจะฝืนๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงมัน แม้มันจะไม่ดีหรือเราต้องทนเจ็บต่อไปเรื่อยๆก็ตาม แต่แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆซึ่งเราไม่สามารถต้านทานได้
The Fool - การผจญภัย อิสระ และพร้อมที่จะเดินหน้าแม้ข้างหน้าจะเป็นอันตราย บ่งบอกลักษณะของคน ก็จะเป็นคนที่มีลักษณะมีความคิดอิสระ ความรักอิสระ ดูไร้เดียงสา ซึ่งจริงๆก็อาจจะไม่ได้ไร้เดียงสา แต่เราเลือกว่าเราชอบแล้ว รักแล้ว ที่จะตามสิ่งที่ฝันตามสิ่งที่ชอบ แม้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม
ในบรรดาไพ่ทาโร่ห์ทั้งสี่มี The Star กับ The Fool ที่กลับหัว
จาเวลินที่เห็นผลการทำลายก็แสดงท่าทีดีใจออกมา
หลังดูดวง พวกเธอก็มานั่งทานแพนเค้กที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
“ว้าว! น่าอร่อยจังเลย!”
“ทานล่ะนะคะ!”
ทั้งสี่พนมมือก่อนจะเริ่มทานแพนเค้กกัน
ยูนิคอร์นกับจาเวลินหยิบมีดกับช้อนขึ้นมาเตรียมที่จะตัดแพนเคก แต่ลาฟฟีกลับใช้ส้อมจิ้มแพนเค้กเข้าปากในคำเดียว
ในระหว่างนั้นอายานามิก็มองมาที่ยูนิคอร์นที่กำลังทานแพนเค้กอย่างมีความสุข
ดูเหมือนว่าอายานามิจะยังรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ในตอนนั้น เธอก้มหน้าลง ลาฟฟีที่เห็นแบบนั้น
“อ๊ะ!”
เธอใช้ส้อมจิ้มสตรอเบอรรี่มาจากแพนเค้กของอายานามิแล้วเอาเข้าปากไป เธอเคี้ยวสตรอเบอรี่อย่างมีความสุข ก่อนจะยิ้มแสยะใส่
อายานามมิที่เห็นท่าทีนั้นของเธอก็ตั่วสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เธอน้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง
“เดี๋ยวก็แสดงพลังของอสูรให้ชมหรอกค่ะ!”
เธอชูส้อมขึ้นมา
“ก็จัดมาสิ”
ลาฟฟีก็รับคำท้าและชูกมีดกับส้อมขึ้นมา จากนั้นพวกเธอสองคนก็เริ่มการต่อสู้กันทันที
“เดี๋ยวสิๆ มีมารยาทกันหน่อยไม่ได้หรือไง?”
จาเวลินที่เห็นแบบนั้นก็พยายามจะห้ามปรามพวกเธอสองคน ในขณะที่ยิคอร์นมองดูทั้งสองต่อสู้กัน
“ให้ตายสิ มีมารยาทบนโต๊ะอาหารมากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงนะ”
ห่างออกไปจุดที่พวกจาเวลินอยู่ อาร์ค รอยยัลกำลังนั่งอ่านหนังสือและดื่มชา
เธอหันมามองพวกจาเวลินและมีเลือดกำเดาไหลออกมา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าโจคจิต
“เลอค่า...”
ตอนนั้นเองอิลลัสเทรียสที่กำลังทานซอฟครีมกับเบลฟาสต์ก็ยืนอยู่ข้างๆ เธอ เบลฟาสต์ส่งเสียงพูดกับเธอ
“ท่านอาร์ค รอยยัล เลือดกำเดาค่ะ”
ในเวลาค่ำ
พวกสาวกำลังทานอาหารเย็นกันที่โรงอาหาร
พวกจาเวลินกำลังนั่งทานอาหารด้วยกัน จาเวลินถามอายานามิ
“มื้ออาหารของจักรวรรดิซากุระประมาณไหนเหรอ?”
“เหมือนกันค่ะ”
จาเวลินได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจ
“เหมือนกัน?”
“จะทั้งผู้ใหญ่ก็ดี หรือผู้น้อยก็ดี ทุกคนต่างเป็นมิตรต่อกัน... ทานของอร่อยร่วมกัน...”
อายานามิยิ้มเล็กน้อย
“ทุกคน เหมือนกันเลยค่ะ
จาเวลิน ลาฟฟี และยูนิคอร์นมองมาที่อายานามิกันเป็นตาเดียวกัน
“โอ๊ย!”
ตอนั้นเองก็มีเสียงร้องโอ๊ยดังมาจากห้องครัว โกลว์เวิร์มทำมีดบาดนิ้วระหว่างที่เธอหั่นแครอท
ตอนนั้นเองอาร์ค รอยัลก็พุ่งพรสวดเข้ามาหาเธอ
“เป็นอะไรหรือเปล่า!?”
“!?”
นั่นทำให้เธอสะดุ้งตกใจ เธอรีบคว้ามือข้างที่ถูกมีดบาดขึ้นมา แก้มของเธอแดงระเรื่อเป็นสีชมพู
โกลว์เวิร์มหน้าซีดและพยายามพูดเพื่อหยุดอาร์ค รอยัล
“แค่แผลตื่นๆ น่ะ”
“เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะรักษาให้นะ”
เธอแสดงสีหน้าโรคจิตตัวแม่ออกมา อย่างที่ทราบอาร์ค รอยัลเป็นพวกโลลิค่อน
เธอแลบลิ้นออกมาขณะที่ดึงมือของโกลว์วอร์มเข้ามาใกล้
โป๊ก!!
“หัวพุ่งชน!”
โกลว์เวิร์มเอาหัวพุ่งเข้าชนหน้าของอาร์ค รอยัลจนเธอมีเลือดกำเดาพุ่งออกมาแล้วล้มหัวฟาดพื้นขาชี้ฟ้า
พวกสาวมองมาที่โกลว์เวิร์มกับอาร์ค รอยัล
ที่ทางเดินกลางสวนต้นซากุระ อากิระกับเอ็นเทอร์ไพรซ์กำลังเดินกลับมาที่หอพัก เอ็นเทอร์ไพรซ์เดินไปรับอากิระที่โรงพยาบาลในเวลาเย็น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทั้งสองเดินพูดคุยกัน
“ร่างกายหายดีแล้วสินะ?”
“อา หายสนิทเลยล่ะ ถึงหมอจะบอกว่าอย่าหักโหมมากเกินไปก็เถอะนะ”
“ฮะฮะฮะฮะ! งั้นเหรอ...”
เอ็นเทอร์ไพรซ์หัวเราะคิกคักออกมา
“ฮะฮะฮะฮะ!”
จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะด้วยกัน ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่โปรยปรายไปตามสายลมยามค่ำคืน
จากนั้นเธอก็หยิบสหายไดรเวอร์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทยาวสีดำ
“นี่ของนาย”
“สกายไดรเวอร์?”
“เวสทัลฝากให้ฉันเอามาให้นายน่ะ”
“ขอบใจนะ”
อากิระรับสกายไดรเวอร์มาสวมไว้ที่ข้อมือซ้าย
“กลับหอพักกันเถอะ”
“อืม...”
ทั้งสองเดินไปด้วยกัน ระหว่างนั้นอากิระก็ยื่นมือไปกุมมือของเอ็นเทอร์ไพรซ์ เธอเองก็กุมมือเขาด้วยเช่นกัน
อีกด้านหนึ่งที่ถ้ำทะเลซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างเรือรบโอโรจิที่อยู่ในเกาะจูโอ
คากะมาที่แห่งนี้พร้อมกับออปเซิฟเวอร์ ทั้งสองมองไปยังเรือรบโอโรจิ
“โอโรจิจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับเจตจำนงของวิญญาณนับไม่ถ้วนที่สถิตในร่างนี้ โอโรจิจะรวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน จะล่องผ่านทุกนทีและเก็บรวบรวมเจตจำนง”
“เจตจำนง...”
ออปเซิฟเวอร์พูดล่อลวงคากะที่ตอนนี้กำลังจิตตกจากการหายตัวไปของอาคากิ ทำให้จิตใจของเธออ่อนแอมาก
“ใช่แล้ว อาคากิก็จะอยู่ที่นั่นด้วย เธอจะยอมให้มันจบแบบนี้ไม่ได้นะ”
“อ่า ใช่แล้ว เพราะงั้นฉันจะ...”
กลับมาที่หอพักของฐานทัพอซูร์เลน ณ ห้องของจาเวลินและลาฟฟี
นอกจากพวกเธอสองคนแล้วยังมียูนิคอร์นและอายานามินอนอยู่ที่ห้องของพวกเธอด้วย
อายานามินอนไม่หลับ เธอจึงเดินออกมานอกหอพัก
ตอนนั้นเองอายานามิก็หันไปเห็นอากิระกับเอ็นเทอร์ไพรซ์โดยบังเอิญ ทั้งสองเองก็รู้สึกได้ถึงการมาของอายานามิก็จึงหันไปมองเธอ
“อะไรกัน? จะหนีงั้นเหรอ?”
เอ็นเทอร์ไพรซ์พูดขึ้น แต่อายานามิก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ล้อเล่นน่ะ”
เธอยิ้มเล็กน้อย อากิระยิ้มเจื่อน ส่วนอายานามิก็ทำหน้าแปลกใจ
“นอนไม่หลับงั้นเหรอ?”
อากิระเอ่ยถามอายานามิ เธอก้มหน้าหันไปทางอื่น
“ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ”
อากิระกับเอ็นเทอร์ไพรซ์มองอายานามิ
“ทั้งๆ ที่อซูร์เลนกับกันดั้มเป็นศัตรูของฉัน แต่ทุกคนกลับใจดีด้วย การต่อสู้เอย จักรวรรดิซากุระเอย... พอคิดดูหลายๆ อย่าง”
อายานามิแหงนหน้ามองฟ้า
“แต่ก็ไม่เข้าใจอะไรเลย อายานามิไม่เข้าใจมาตลอดเลยค่ะ”
“แล้วจะยังต่อสู้ต่อไปเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังคุยกัน เบลฟาสต์ก็เดินมาเจอพวกเขาพอดี
“ถึงจะไม่รู้ก็ตาม... แต่ก็ไม่ได้ชอบการต่อสู้ค่ะ”
“งั้นเหรอ ฉันเองก็ด้วย”
เอ็นเทอร์ไพรซ์บอกอายานามิว่าเธอเองก็ไม้ได้ชื่นชอบการต่อสู้ นั่นทำให้เธอรู้ว่าทั้งเธอและเอ็นเทอร์ไพรซ์มีด้านเหมือนกัน
“แล้วคุณล่ะคะ?”
อายานามิหันมาถามอากิระ เอ็นเทอร์ไพรซ์ก็หันมามองเขาด้วยเช่นกัน
“ฉันเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการต่อสู้หรอก แต่ถ้าต้องสู้เพื่อปกป้องใครสักคนแล้วล่ะก็ ฉันก็พร้อมที่จะสู้”
อากิระพูดพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีที่มีดวงจันทร์และดวงดาวส่องประกายอยู่บนฟากฟ้า
เอ็นเทอร์ไพรซ์ที่ได้ยินแบบั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
อากิระก้มหน้าลง
“ไปเดินเล่นดูดาวหน่อยมั้ย เผื่อว่าจะทำให้รู้อยากนอนน่ะ”
“ก็ดีนะ”
“พวกฉันไปก่อนนะ”
อากิระลาอายานามิแล้วเดินไปกับเอ็นเทอร์ไพรซ์
เบลฟาสต์ที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
อายานามิเดินมายังเนินเขาสถานที่ที่เธอได้พบกับพวกจาเวลินครั้งแรก เธอยืนมองดูวิวทะเลอยู่ตรงนั้น ระหว่างนั้นเองม้ายูนิคอร์นมีเขาก็กลิ้งเข้ามาชนขาเธอ เธอก้มลงไปมองแล้วอุ้มมันขึ้นมา
ตอนนั้นเองก้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทำให้เธอและม้าหันไปมองทางด้านข้างก็พบจาเวลิน ลาฟฟีและยูนิคอร์น
“ตอนนั้นขอบคุณนะ ที่ช่วยยูจังให้”
ยูนิคอร์นกล่าวขอบคุณอายานามิ เธอก้มหน้าไปทางอื่นแล้วพูดขึ้น
“อายานามิไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”
“อายานามิเป็นสายลับที่แทรกซึมเข้ามาในฐานนี้”
“แต่นั่น ก็ทำให้ได้พบกัน”
ลาฟฟีพูดขึ้น ทำให้อายานามิหันไปมอง
จาเวลินเดินไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้น
“หาจุดดีๆ แบบนี้ได้เนี่ย คุณเองก็ทำได้ไม่เบาเลยนะคะ”
“....!”
อายานามิแสดงท่าทีประหลาดใจ จากนั้นจาเวลินก็แนะนำตัว
“ฉันจาเวลินค่ะ แล้วนี่ก็”
ลาฟฟีและยูนิคอร์นแนะนำตัวตามลำดับ
“ลาฟฟี”
“ยูนิคอร์น”
“ขอถามชื่อหน่อยได้ไหม?”
อายานามิได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแล้วเริ่มแนะนำตัว
“อายานามิ... ค่ะ ฝากตัวด้วยค่ะ”
ความคิดเห็น