ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Azur Lane] Gundam Azur Lane

    ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 22 ความรักและมิตรภาพคือสิ่งสำคัญ(1/2)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 64


    เมื่อลืมตาขึ้นมา อากิระก็พบว่าเขาอยู่ในห้องพยาบาลของฐานทัพ ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาบอกให้ซุยคาคุกับโชวคาคุหลบหนีไปรวมกลุ่มกับพวกพ้องของเธอเพื่อออกจากมิติแห่งนี้แล้ว เขาก็หมดสติไปเพราะพิษจากบาดแผลและเสียเลือดมากเกินไป พวกเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็รีบพาเขาที่หมดสติกลับยานปโตเลไมออส

    พอกลับมาที่ยานปโตเลไมออสแล้ว เขาก็ถูกพากลับเข้าไปในห้องฟื้นฟูทันที ในระหว่างที่เขานอนหมดสติอยู่เอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็คอยดูแลอยู่ข้างๆ หลังจากที่กองเรือของพวกเขากลับออกมาจากมิตินั้นได้สำเร็จ

    กองเรืออซูร์เลนเดินทางกลับมาถึงฐานทัพได้อย่างปลอดภัย ตัวเขาถูกส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลทหาร ส่วนเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็ถูกพาตัวไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อตรวจสภาพร่างกายของเธอ เนื่องจากการลืมตาตื่นของเธอ ได้สร้างความหวาดกลัวขึ้นมาภายในจิตใจของทุกคน เพราะพลังที่เอ็นเทอร์ไฟรซ์แสดงให้ทุกคนเห็นนั้นไร้ซึ่งความปราณีอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ในตอนนี้ทุกคนเริ่มหวาดระแวงว่าเธอจะอยู่ในสภาพลืมตาตื่นอีกครั้งรึเปล่า

    หลังจากผ่านไปหลายวัน

    “อือ... อืม...”

    อากิระลืมตาขึ้นก็เห็นเพดานสีขาว เมื่อหันไปมองทางหน้าต่างซึ่งเปิดรับลม เขาก็เห็นทะเลสีฟ้าครามจากทางหน้าต่าง เมื่อหันกลับมาอีกครั้งเขาก็เห็นเอ็นเทอร์ไฟรซ์นอนอยู่ข้างเตียงซึ่งเธอก็กุมมือเขาเอาไว้ ดูเหมือนว่าเธอจะคอยดูแลเขามาตลอดในช่วงที่เขายังหลับไม่ได้สติ

    อากิระยิ้มอย่างอ่อนโยน เขายันตัวขึ้นมานั่งแล้วเอามือที่ยังว่างอยู่มาลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน

    “ขอบใจนะ เอ็นเทอร์ไฟรซ์”

    ตอนนั้นเองเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็ตื่นขึ้นมา

    “อืม...”

    เธอลุกขึ้นมานั่งและเห็นอากิระยิ้มให้เธอ

    “โทษทีนะ ทำให้ตื่นรึเปล่า?”

    เมื่อเธอเห็นอากิระฟื้นแล้วก็ยิ้มดีใจก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

    “ไม่หรอก กำลังจะตื่นแล้วล่ะ”

    “งั้นเหรอ”

    จากนั้นเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็ถามอากิระถามถึงสภาพร่างกายของเขา

    “ร่างกายเป็นไงบ้าง?”

    “ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะนะ เพราะได้เครื่องฟื้นฟูเลยทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้นน่ะ”

    “อืม... ค่อยยังชั่ว...”

    เมื่อได้ยินแบบนั้นเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็โล่งอก นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา

    “ขอบคุณนะ ที่ช่วยฉันเอาไว้”

    “ก็สัญญากันเอาไว้แล้วนี่นา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็จะไปช่วยเธอ”

    แม้ว่าอากิระจะพูดแบบนั้น แต่เอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็เชื่อว่าจะต้องมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขายอมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยเธอ

    “ยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้นายยอมเสี่ยงเพื่อช่วยฉันสินะ”

    “อา ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ...”

    เขาหยุดพูดไปช่วงหนึ่งก่อนจะพูดออกไป

    “เพราะฉันรักเธอ”

    อากิระสารภาพรักกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์ ทำให้เธออึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เธอก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความเขินอายเอาไว้ ก่อนจะถามเพื่อความแน่ใจ

    “นายรักฉันจริงๆ เหรอ?”

    “ใช่ ฉันรักเธอ”

    อากิระพูดโดยปราศความลังเล ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิด เขาพูดออกมาจากใจจริงของเขา นั่นยิ่งทำให้เอ็นเทอร์ไฟรซ์หน้าแดงขึ้นไปอีก

    “แล้วความรู้สึกของเธอล่ะ?”

    “ความรู้สึกของฉัน...?”

    เอ็นเทอร์ไฟรซ์เงยหน้ามองอากิระซึ่งยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นและอ่อนโยน

    “ฉัน... ฉันเอง... ...ฉันเองก็รักนายเหมือนกัน อากิระ”

    เอ็นเทอร์ไฟรซ์ได้บอกความรู้สึกจากหัวใจของเธอออกมา ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวเข้าหากันแล้วประกบริมฝีปากของกันและกัน

    ในระหว่างนั้นเองที่ทังสองกำลังจูบกันอยู่นั้น สาวๆ และเหล่าผู้ที่มาเยี่ยมไข้อากิระก็ได้ยินบทสนทนาการสารภาพรักของทั้งสองก็กำลังแอบมองทั้งสองที่กำลังจูบกันผ่านช่องประตูที่แง้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว ซึ่งกลุ่มที่มาเยี่ยมอากิระประกอบด้วย ฮอร์เน็ต เวสทัล แฮมมานน์ คลีฟแลนด์และพี่น้องทั้งสามของเธอ จาเวลิน ลาฟฟี คันดะ เรย์ ฮายาโตะ และคาซามิ แต่พวกเขาทั้งสี่คนไม่ได้แอบดู ยกเว้นพวกสาวๆ ที่กำลังแอบดูอยู่โดยพยายามไม่ส่งเสียงให้อากิระกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์รู้ตัว เพราะถ้าพวกเขารู้ล่ะก็คงอายจนอยากจะมุดดินหนีแน่ๆ

    พวกเขาจึงไปสะกิดพวกสาวๆ ให้รีบไปก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้ตัว

    พวกเธอก็พยักหน้ารับแล้วรีบออกห่างจากประตูห้องผู้ป่วยแล้วเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม

    เวสทัลหยุดเดินแล้วมองไปที่ห้องผู้ป่วยที่อากิระกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์อยู่

    “ในที่สุดเธอก็เจอสิ่งสำคัญแล้วสินะ เอ็นเทอร์ไฟรซ์จัง”

    ก่อนจะเดินตามพวกเรย์ไป ปล่อยให้อากิระกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์ได้อยู่กันสองต่อสอง

     

    วันต่อมา

    อายานามิซึ่งนอนหมดสติมานานหลายวันก็ได้สติกลับมาในเวลาไล่เลี่ยกับอากิระ

    เธอยันตัวขึ้นมานั่งแล้วหันไปมองวิวทะเลจากทางหน้าต่าง ตามร่างกายของเธอมีผ้าพันแผลพันอยู่

    เธอก้มลงมองดูมือและแขนที่มีผ้าพันแผลด้วยความงุนงงสงสัย ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

    ตอนนั้นเองก็มีเสียงนึงดังขึ้น

    “ถ้าคิดจะหนีล่ะก็ เปล่าประโยชน์”

    อายานามิหันควับไปที่ประตู ก็เห็นหญิงสาวสวมเสื้อโค้ทยาวสีน้ำเงินแดงยืนพิงขอบประตูอยู่

    เธอมีผมสั้นสีดำ ผมหน้าของเธอปิดตาข้างหนึ่ง ในมือทั้งสองข้างของเธอถือถุงกระดาษที่มีแอปเปิลอยู่ภายในถุง

    เธอคือเรือบรรทุกเครื่องบินสังกัดรอยัล อาร์ครอยัล

    “พวกเราคอยจับตาดูอยู่”

    อายานามิจ้องมองอาร์ครอยยัลขณะที่มีเหงื่อเม็ดหนึ่งผุดขึ้นมาที่แก้มของเธอ นั่นทำให้เธอรู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน

    “ที่นี่ฐานทัพของอซูร์เลนเหรอ”

    “รู้ดีอย่างที่คิด ตรวจสอบมาเป็นอย่างดี”

    อาร์ครอยยัลเดินเข้ามาหาเธอ

    “หลังจบการต่อสู้”

    อาร์ครอยยัลหยิบแอปเปิลขึ้นมาผลหนึ่งแล้วโยนให้อายานามิ เธอก็รับแอปเปิลลูกนั้นเอาไว้

    “เห็นเธอกำลังหมดสติ ก็เลยพาตัวมาด้วย ถือว่าเป็นเชลย อย่างเป็นทางการ”

    ฟังจบ อายานามิก็ก้มหน้าลงแล้วมองดูแอปเปิลที่อยู่ในมือแล้วเอ่ยถามอาร์ครอยัล

    “แล้ว 2 คนนั่นเป็นยังไงบ้าง”

    “เป็นห่วง... เด็กพวกนั้นงั้นเหรอ”

    อาร์ครอยัลมีท่าแปลกใจที่อายานามิเป็นห่วงจาเวลินกับลาฟฟี

    ระหว่างนั้นอายานามิก็มองดูเงาตัวเองที่สะท้อนผ่านผิวของแอปเปิล

     

    ที่ห้องผู้บัญชาการ

    จาเวลินกับลาฟฟีกำลังถูกฮอร์เน็ตต่อว่าเรื่องที่พวกเธอช่วยศัตรูในเหตุการณ์ที่ทะเลน้ำแข็ง เธอยืนกอดอกพิงตู้หนังสือ

    “ให้ตายสิ นี่มันจะบ้าระห่ำเกินไปแล้วนะ พุ่งเข้าไปช่วยศัตรูแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเนี่ย...”

    ฮอร์เน็ตถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

    “....เอาเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมนักหรอก”

    จาเวลินก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกล่าวขอโทษ

    “ขอโทษนะคะ”

    เบลฟาสต์ก็กล่าวปกป้องจาเวลิน

    “กรุณารอก่อนค่ะ คนที่ปล่อยให้ทั้งคู่ออกไปคือฉันเองนะคะ เรื่องนี้เบลฟาสต์ผู้นี้เองควีมีส่วนรับผิดชอบด้วย”

    ปรินซ์ออฟเวลส์ที่ยืนหันหน้าไปทางหน้าต่างก็หันมาหาพวกเธอ

    “ถึงจะพูดแบบนั้น ถ้าเป็นแบบนี้จะถูกเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”

    “ฉะนั้นแล้ว...”

    ฮอร์เน็ตจึงสรุปคำตัดสินให้ทั้งสองฟัง เธอยกมือขึ้นมาจับหมวกคาวบอยของเธอ

    “ลาฟฟี จาเวลิน บทลงโทษสำหรับการกระทำของพวกเธอทั้งคู่ ขอสั่งให้ไปเป็นผู้ควบคุมตัวเชลยซะ”

    “เอ๋?”

    “?”

    จาเวลินกับลาฟฟีแสดงท่าทีแปลกประหลาดใจและงุนงงกับคำตัดสินที่ฮอร์เน็ตประกาศออกมา

    คลีฟแลนด์ที่อยู่ภายในห้องนี้ด้วยก็กล่าวอธิบายให้พวกเธอฟังพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นไว้ที่ระดับศีรษะ

    “เชลยศึกจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างดี นั่นเป็นกฎนะ”

    จาเวลิน ลาฟฟีและเบลฟาสต์หันหน้ามาหาคลีฟแลนด์

    “หมายความว่า....”

    “ฝากด้วยนะ”

    ฮอร์เน็ตกล่าว จาเวลินหันมามองเธอตามด้วยลาฟฟีกับเบลฟาสต์

    “ค่ะ!”

    “อื้อ”

    ทั้งสองพยักหน้ารับ

    หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว ปรินซ์ออฟเวลส์ ฮอร์เน็ต คลีฟแลนด์และเบลฟาสต์ก็มานั่งรวมกลุ่มกันที่โซฟา เบลฟาสต์รินชาและกาแฟให้ทั้งสามรวมถึงของเธอด้วย

    ปรินซ์ออฟเวลส์ยกถ้วยกาแฟขึ้น

    “นี่เราใจดีเกินไปหรือเปล่านะ”

    “ใช่แล้วๆ”

    ฮอร์เน็ตใส่น้ำตาลลงถ้วยไปสองสามก้อน ก่อนจะยกถ้วยขึ้นมาดื่ม

    “ทั้งกาแฟ ทั้งชา และชีวิต.... หวานเข้าไว้นั่นแหละดี”

    “แต่ปัญหาคือทางนี้ต่างหาก”

    ปรินซ์ออฟเวลส์หันไปมองคิวบ์สีดำที่อยู่ภายในกล่องแดงซึ่งตอนนี้ได้เปิดออกให้ทุกคนได้เห็น

    ฮอร์เน็ตและคลีฟแลนด์ที่เห็นมันก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที

    “คิวบ์มัน...”

    “ตั้งแต่การต่อสู้นั้น คิวบ์ก็แสดงปฏิกิริยาผิดปกติออกมา ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

    เบลฟาสต์ลุกขึ้นยืนอธิบายพลางถือถาดไว้ในมือทั้งสองข้าง

    “เมทัลคิวบ์สีดำที่เป็นกุญแจของโครงการโอโรจิ.... เป็นแผนการของไซเรนไม่ผิดแน่”

    ปรินซ์ออฟเวลส์กล่าว

    “เจ้านี่เกี่ยวข้องกับพี่จริงๆ ด้วยยสินะ”

    ฮอร์เน็ตกล่าวขณะมองคิวบ์สีดำไปด้วย

    “อารของเอ็นเทอร์ไพรซ์ล่ะ?”

    “เราได้ทำการตรวจสอบร่างกายและอุปกรณ์แล้วค่ะ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เจออะไรที่ผิดปกติค่ะ”

    เบลฟาสต์ตอบคำถามของปรินซ์ออฟเวลส์

    “ก็คิดมาตลอดนะว่าเป็นเรือที่สุดยอด....”

    คลีฟแลนด์นึกภาพของเอ็นเทอร์ไพรซ์ในสภาพลืมตาตื่น สภาพที่เธอลงมือกับศัตรูอย่างเด็ดขาดและไร้ความปราณี

    “แต่เอ็นเทอร์ไพรซ์ตอนนั้น ว่ายังไงดีล่ะ... น่ากลัวจริงๆ”

    “แต่ก็ต้องขอบคุณในความกล้าหาญของอากิระที่ช่วยให้เอ็นเทอร์ไพรซ์ได้สติกลับมา”

    “ใช่ บอกตามตรงของอากิระน่ะบ้าระห่ำยิ่งกว่าพวกจาเวลินซะอีก เข้าไปหาพี่โดยไม่ยอมตอบโต้อะไรเลยน่ะ แถมตัวเองยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ แบบนั้นไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตายเลยนะ”

    “แต่นั่นก็ทำให้เอ็นเทอร์ไพรซ์หวั่นไหวได้เลยนะ”

    ในระหว่างที่พูดคุยเรื่องของอากิระอยู่นั้น ฮอร์เน้ตก็นึกอะไรขึ้นมาได้แล้วถามเบลฟาสต์

    “จะว่าไปแล้ว ตอนนี้พี่เขาอยู่ไหนเหรอ?”

    “ถ้าท่านเอ็นเทอร์ไพรซ์ล่ะก็ ตอนนี้กำลังคอยดูแลท่านอากิระอยู่ค่ะ”

    เบลฟาสต์ตอบกลับ

    “งั้นเหรอ...”

     

    ที่โรงพยาบาลทหาร ณ ห้องผู้ป่วยของอากิระ

    “งั้นเหรอ ตอนนี้ก็ยังปกติดีสินะ”

    “อืม หลังกลับออกมาจากมิตินั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นเลย”

    อากิระกับเอ็นเทอร์ไพรซ์พูดคุยกับถึงสภาพลืมตาตื่นของเธอ

    “ถ้าเกิดขึ้นอีก ฉันจะเป็นคนหยุดเธอเอง”

    “ขอบใจนะ”

    จากนั้นทั้งสองก็ยิ้มให้กันก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีท้องฟ้าและทะเลสีครามสดใส

     

    ที่ทุ่งดอกซากุระ

    จาเวลิน ลาฟฟีและอายานามิกำลังเดินไปตามทางเดินท่ามกลางต้นซากุระ ที่มีดอกซากุระผลิบานอยู่ตลอดเวลา พวกเธอกำลังมุ่งหน้าไปยังตลาดที่อยู่ในเมือง

    “ก่อนอื่นต้องไปซื้อของที่จำเป็นก่อน”

    อายานามิแสดงสีหน้าแปลกใจ ระหว่างนั้นจาเวลินก็หันมาหาเธอ

    “เธอจะอยู่ที่นี่ไปอีกสักพักนะ เพราะงั้นต้องเตรียมของไว้ใช้เยอะเลย”

    “ที่ร้านค้ามีของเบอะเลยล่ะ”

    ลาฟฟีพูดต่อ

    “นั่นสินะ ไปกันเถอะๆ”

    ระหว่างนั้นอายานามิก็หันไปมองพวกสาวที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

    วินาทีถัดมาก็มีลูกเบสบอลกลิ้งมาที่เท้าของเธอ เธอก้มลงมอง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา

    “นี่! ทางนี้ๆ”

    เธอมองไปยังเด็กสาวห้าคนซึ่งคนตรงกลางกำลังโบกมืออยู่ เธอชื่อโบร็ก

    อายานามิก้มลงเก็บลูกเบสบอลขึ้นมา แล้วโยนส่งไปให้โบร็ก ลูกเบสบอลพุ่งเข้าไปในถุงมือเบสบอลของเธออย่างแม่นยำ

    ห้าสาวแสดงสีหน้าตะลึง

    “โว้ว! สุดยอด!”

    “มือใหม่มีแววโผล่มาล่ะ!”

    โบร็กมองดูลูกเบสบอลที่อยู่ในถุงมือเบสบอลของเธอด้วยความตื่นเต้น

    แปะแปะแปะ!

    “ว้าว!”

    ลาฟฟีปรบมือให้อายานามิ จาเวลินมีสีหน้าตื่นเต้น

    แต่อยานามิยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย

    “เรือที่ชื่ออายานามิ คือเธอเองสินะ”

    อายานามิที่ได้ยินคำพูดที่ดังมาจากทางด้านหลังก็หันไปมองก็เห็นกลุ่มเด็กสาวห้าคน โดยมีเด็กสาวที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหน้าเด็กสาวสี่คน เธอคือเรือพิฆาต ชาร์ล อัสเบิร์น

    “ว้าว เด็กใหม่นี่นา”

    คนที่พูดคือเด็กสาวผมสั้นสีชมพูติดกิ๊บไว้ที่ผมหน้า เธอคือเรือพิฆาต ออลิก

    “อื้อๆ ไม่ผิดคนแน่นอน หัวหน้า เด็กจากจักรวรรดิซากุระล่ะ”

    เด็กสาวผมสีเทาไว้ผมหางม้ายาวที่อยู่ข้างซ้ายออลิก เธอคือเรือพิฆาตแทตเชอร์

    “จะ....จักรวรรดิซากุระ!?”

    เด็กสาวผมยาวสีลาเวนเดอร์ได้ยินชื่อของจักรวรรดิซากุระที่มีน้ำตาคลอเบ้า เธอคือเรือพิฆาต สเปนซ์ ส่วนเด็นกสาวผมีสีเขียวถักเปียคือเรือพิฆาต ฟุต

    อายานามิมองพวกเธอทั้งห้าคนด้วยสีหน้ากังวล ระหว่างนั้นชาร์ล อัสเบิร์นก็เดินเข้ามาหาเธอ

    “ได้ยินมาแล้วล่ะ เธอน่ะต่อสู้เพื่อปกป้องเพื่อนพ้องชาวจักรวรรดิซากุระสินะ”

    อายานามิเริ่มกังวลมากขึ้น ตอนนั้นชาร์ลก็พูดต่อไป

    “เอาตัวเองมาเสี่ยง เพื่อปกป้องเพื่อนแบบนี้ ความยุติธรรมสินะ!”

    “เอ๋?”

    อายานามิได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจ

    ชาร์ลก็พูดกับจาเวลินและลาฟฟี

    “ลาฟฟี จาเวลิน พวกเธอทั้งคู่ทำได้ดีเลยนะ”

    ลาฟฟียกนิ้วโป้งให้ จาเวลินก็ยิ้มหัวเราะพลางเอามือจับหลังศีรษะ

    “พวกเธอเองก็เป็พันธมิตรแห่งความยุติธรรมด้วย”

    สงสัยชาร์ลจะเป็นพวกจูนิเบียวล่ะมั้ง ถึงได้พูดแบบนั้น

    “ถ้าต้องการความช่วยเหลือล่ะก็ พวกเราลิตเทิลบีเวอร์จะช่วยเอง”

    “ขะ...ขอบคุณค่ะ”

    อายานามิกล่าวขอบคุณพวกเธอ

    “แล้วเจอกัน ความยิธรรมเรียกฉันแล้ว”

    “ขะ... ขอตัวค่ะ!”

    “แล้วมาเล่นเกมด้วยกันบ้างนะ”

    พูดจบพวกชาร์ลก็เดินจากไป

    อายานามิมองพวกเธอจากไป ลาฟฟีก็พูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก”

    เธอหันมามองลาฟฟี

    “ไม่มีใครคิดร้ายกับอายานามิหรอก”

    “เอ้า รีบไปกันเถอะ!”

    จาเวลินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง

    “อ้าว จาเวลินกับลาฟฟีไม่ใช่เหรอ แล้วก็อายานามิจังด้วย”

    “บาดแผลหายดีแล้วสินะ”

    อายานามิหันไปมองด้านหลัง ลาฟฟีกับจาเวลินก็มองไปยังผู้มาใหม่ ซึ่งคนที่มาหาพวกเธอก็คือคันดะกับเรย์นั่นเอง

    “คุณคันดะ คุณเรย์”

    “หวัดดีค่ะ”

    “ไง”

    “หวัดดี”

    พวกเขากล่าวทักทายกัน จากนั้นคันดะกับเรย์ก็หันมาหาอายานามิ

    “พวกเธอกำลังจะไปซื้อของกันเหรอ”

    “ใช่”

    ลาฟฟีตอบกลับ

    “งั้นให้พวกเราตามไปด้วยสิ อย่างน้อยๆ จะได้มีคนช่วย”

    “ขอบคุณนะคะ”

    แล้วจากนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อไปยังตลาด

    “รู้สึกแปลก... จังเลยค่ะ”

    “เอาน่าๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ”

    เรย์พูดกับอายานามิ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามพวกจาเวลินไป

    ห่างออกไปที่ด้านหลังต้นซากุระมีหญิงสาวคนหนึ่งแอบอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น อาร์ครอยัลนั่งเอง

     

    ณ ร้านอาคาชิ

    “ยินดีต้อนรับเนี้ยว”

    อาคาชิกล่าวต้อนรับลูกค้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ

    “...........”

    อายานามิจ้องมองอาคาชิที่ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มของแม่ค้า

    “มาทำอะไรในที่แบบนี้กันคะ อาคาชิ”

    หลังจากที่เงียบอยู่นานอายานามิก็ส่งเสียงออกมา

    “ถ้ามีลูกค้า ไม่ว่าที่ไหนก็ค้าขายได้นะเนี้ยว”

    อาคาชิยืดอกอันแบนราบของเธอด้วยความภาคภูมิใจ ระหว่างนั้นเอง ลอง ไฮส์แลนด์ก็โผล่มาจากด้านหลังของอายานามิ โดยในมือเธอทั้งสองข้างถือล่องโมเดลเรือบรรทุกเครื่องบินขนาด 1/350

    “นี่ๆ ลดอันนี้ให้หน่อยได้ไหม?”

    “จะนิดเดียวก็ไม่ได้เนี้ยว”

    “ขี้งก!”

    ลอง ไฮส์แลนด์ทำหน้าไม่พอใจที่อาคาชิไม่ยอมลดราคาให้

    นาทีต่อมาจาเวลิน ลาฟฟี คันดะ เรย์เดินมาหาเธอ

    “ตั้งแต่อาคาชิจังมา ก็มีของดีๆ มาให้เลือกซื้อเยอะเลย”

    “ใช่ ของในร้านอาคาชิมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น”

    “พวกเรามาอุดหนุนร้านเธออยู่บ่อยๆ เลยล่ะ”

    “หึหึหึ!!”

    อาคาชิยิ้มอย่างภาคภูมิใจ อายานามิที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ

    “ทุกคนอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ”

     

    หลังจากนั้นอาคาชิก็ได้เล่าสิ่งที่เธอเจอให้อายานามิฟัง

    “คุณอาคากิกับไซเรนน่ะเหรอ?”

    “ถึงอาคากิจะน่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะมาหลอกกันลับหลังหรอกนะ”

    พวกเธอไม่รู้เลยว่าทำไมอาคากิจึงร่วมมือกับไซเรนในการทำโครงการโอโรจิขึ้นมา

    “จะเกิดอะไรขึ้นกับจักรวรรดิซากุระเหรอคะ?”

    อายานามิเริ่มกังวลกับสถานการ์ที่บ้านเกิดของเธอ อาคาชิก็หลบตาหันไปมองทางอื่น

    “ก็ไม่รู้เหมือนกันเนี้ยว”

    ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งสอง แต่ได้ไม่นาน จาเวลินกับลาฟฟีก้โผล่พรวดมาอยู่ตรงหน้าเธอ ในมือพวกเธอถือแก้วหลากแบบหลายสีให้อายานามิดู

    “ชอบแบบไหนเหรอ?”

    จาเวลินเอ่ยถามอายานามิ เธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

    “นี่ๆ เอาอันไหน”

    “อันนี้แน่เลย”

    ในระหว่างนั้นที่ด้านนอกร้านข้างประตู อาร์ครอยัลซึ่งแอบตามมาก็กำลังยืนกอดอกพิงกำแพงข้างประตูอยู่

    เธอยิ้มออกมาแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีคราม

     

    ณ ฐานจูโอ ในเวลาเย็น

    พวกซุยคาคุและชินนันจูได้เดินทางกลับมาได้อย่างปลอดภัย

    ที่ท่าเรือยูกิคาเซะ ยูดาจิ ชิงุเระ และซุยคาคุ เด็กสาวทั้งสามนั่งอยู่ที่ขอบท่าเรือ ส่วนซุยคาคุก็ยืนอยู่ข้างๆ ยูดาจิ พวกเธอมองไปที่ทะเล เด็กสาวทั้งสามไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ส่วนซุยคาคุก็มีบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะได้อากิระเข้ามาปกป้องเธอกับโชวคาคุพี่สาวของเธอได้อย่างทันท่วงที ทำให้พวกเรารอดจากดงระเบิดที่ตกลงมาจากฟ้า

    “อายานามิ!”

    “อายานามิ.... ถูกศัตรูจับไปซะแล้ว”

    สามสาวนั่งร้องไห้ที่อายานามิโดนอซูร์เลนจับตัวไป

    “ขอโทษนะ... ที่พาอายานามิกลับมาไม่ได้”

    “มะ... ไม่ใช่ความผิดของคุณซุยคาคุหรอกนะ”

    ยูดาจิพูดปลอบใจซุยคาคุ

    “...............”

    ซุยคาคุนิ่งเงียบก่อนจะนึกถึงตอนที่ยังอยู่ในมิติทะเลน้ำแข็งกับพวกอากิระ

    ในตอนนั้นจาเวลิน ลาฟฟี เบลฟาสต์ คันดะและคาซามิได้ช่วยชีวิตอายานามิเอาไว้ หลังจากที่พวกเธอมารวมกลุ่มกับอากิระและคนอื่นๆ แล้ว ซุยคาคุกับโชวคาคุก็อยากจะพาอายานามิกลับไปด้วย แต่อากิระก็ขอร้องพวกเธอ เนื่องจากจาเวลินกับลาฟฟีนั้นอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ เขาจึงขอร้องทั้งสองให้อายานามิอยู่กับพวกเธอไปก่อน แล้วให้ซุยคาคุกับโชวคาคุบอกไปว่าอายานามิถูกจับตัวไป แล้วค่อยแก้ความเข้าใจผิดกันทีหลัง ซึ่งทั้งสองก็ตอบตกลงแม้ในใจจะกังวลต่อความปลอดภัยของอายานามิก็ตาม

    “อายานามิจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ? จะไม่โดนแกล้งใช่ไหมนะ?”

    “เพราะไม่ใช่เรือโชคดีแบบยูกิคาเซะน่ะสิ บางทีอาจจะ... แง้!!!”

    ยูกิคาเซะร้องไห้ออกมา

    “อายานามิ!”

    “...............”

    ‘อากิระ แบบนี้ดีแล้วจริงๆ เหรอ?’

    ซุยคาคุคิดในใจขณะมองเด็กสาวทั้งสามร้องไห้เสียใจ

     

    ณ มหาต้นซากุระ

    โชวคาคุกำลังรายงานให้นางาโตะทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยแต่ก็มีการทำแผลและพันผ้าพันแผลเอาไว้

    “อาคากิไม่ได้กลับมาด้วยเหรอ?”

    “พวกเราสูญเสียรุ่นพี่อาคากิซึ่งเป็นผู้สั่งการในปฏิบัติการครั้งนี้ไป คิวบ์สีดำก็ยังตกอยู่ในมืออซูร์เลน สถานการณ์วิกฤตมากค่ะ คากะก็ยังยืนกรานที่จะผลักดันโครงการโอรจิอีก”

    “ติดใจบ้างรึเปล่า เรื่องคากะน่ะ”

    นางาโตะเอ่ยถามโชคาคุ

    “ถ้าดำเนินโครงการต่อไปทั้งอย่างนี้จะอันตรายมากค่ะ ท่านชินนันจูเองก็เห็นควรหยุดโครงการนี้ เพราะทางนั้นเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่างค่ะ”

    “สงสัยพวกเดียวกัน เป็นอย่างสุดท้ายที่ฉันอยากจะทำ”

    เด็กสาวที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของนางาโตะคือเรือประจัญบาน มุตสึ

    ด้านขวาคือเรือประจัญบาน คาวะคาเซะ เป็นเด็กสาวผมสีเงินถือดาบคาตานะตั้งไว้กับพื้น

     

    ทางด้านไอรอนบลัดก็กำลังนั่งทานน้ำชาและดังโงะกันอยู่

    “ดูเหมือนจะแย่ลงทุกทีเลยนะ”

    เซตไอน์พูดขึ้น

    “สถานการณ์ของจักรวรรดิซากุระ ท่าทางไม่สู้ดีเลยค่ะ ตอนนี้สหายร่วมรบไอรอนบลัดอย่างพวกเราก็ควรทำอะไรบ้างไม่ใช่เหรอคะ?”

    นิมิเสนอความเห็น

    “แหม อยากให้พวกเราเปิดฉากโจมตีจักวรรดิซากุระตอนกำลังวุ่นวายแบบนี้เหรอ? นิมินี่ร้ายไม่เบานะเนี่ย”

    ออยเกนพูดแซวด้วยเรื่องน่ากลัวออกมาอย่างการแทงข้างหลังพวกพ้อง

    “น่าจะรู้ว่าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ”

    นิมิรีบบอกปัดไปในทันที

    “ล้อเล่นน่ะ ล้อเล่น อยากไปช่วยอายานามิเร็วๆ สินะ”

    “รู้สึกจะสนิทกันเหลือเกินนะ พวกเธอเนี่ย”

    เซตไอน์พูดแซวนิมิ

    “ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”

    นิมิพูดกลบเกลื่อนขณะที่แก้มเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย

    “แต่ก็จริงนะ ที่ว่าตอนนี้น่ะเป็นโอกาสแล้ว จะเอายังไงดีล่ะ?”

    แอดมิรัล ฮิปเปอร์ถามออยเกนนิมิกับเซตไอน์ก็หันมาหาเธอ

    ระหว่างนั้นพนักงานก็นำวุ้นอันมิตสึมาเสิร์ฟ

    “ทะ...ทางนี้ อันมิตสึที่สั่งได้แล้วค่ะ-------ว้าย!!!”

    พนักงานสาวร้องกรี๊ดออกมา เพราะออยเกนเอามือลูบก้นเธอ

    “แหม น่ารักจังเลย กินได้ทั้งตัวเลยนะเนี่ย”

    “คุณลูกค้าคะ ช่วยอดกลั่นไว้หน่อยเถอะค่ะ!”

    เจ้าของร้านรีบเข้ามาห้ามปรามออยเกนทันที

    “สนในกันบ้างสิ เธอเนี่ย!”

    แอดมิรัลโวยขึ้นมา ออยเกนก็หยุดแล้วหันมาหาพวกเธอ

    “เอาล่ะ จะทำยังไงดีนะ”

    ก่อนที่เธอจะทานอันมิตสึ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×