ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ฟิคกระดาษจดเพลง

    ลำดับตอนที่ #2 : เพลง-หวังดีเสมอ (chanbaek)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 58


     




              ภายใต้ร่มคันใหญ่ที่กางออกเพื่อกันบังหยดน้ำฝนในฤดูการของมัน ร่มหนึ่งคัน...กันคนสองคน...

    ร่มคันใหญ่...แต่กลับกันน้ำฝนให้คนคนเดียว..

     

                “นี่ไอ้แบค มึงเดินช้าๆหน่อยก็ได้ เดี๋ยวก็โดนฝนหรอก” ชานยอลติเพื่อนสนิทของตัวเอง

     

                “มึงแหละเดินช้า อ่าว แล้วทำไมไหล่มึงเปียก.. อีกแล้วหรอ มึงนี่นะ” เพื่อนตัวเล็กสวนกลับก่อนจะหันมาเห็นไหล่เสื้อของชานยอลที่เปียกชุ่มเป็นวงกว้าง อดคิดหงุดหงิดไม่ได้เวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆ ชานยอลน่ะถึงจะตัวใหญ่แข็งแรง..แต่ก็ป่วยง่ายจะตาย กี่ครั้งแล้วที่เพื่อนตัวสูงต้องมาป่วยเพราะโดนฝนบ่อยๆ และต้นเหตุก็เป็นเพราะชานยอลมักจะกางร่มให้เขาคนเดียว เอนร่มมาทางเขามากกว่าจะบังฝนให้ตัวเอง โดยเพื่อตัวสูงก็อธิบายแค่ว่าชินกับการกางร่มให้พี่ยูราแบบนี้

     

                ไม่นานนักทั้งสองก็เดินมาถึงหอพักนักศึกษา ร่างสูงหุบร่มและเสียบลงที่กระบอกใส่ร่มหน้าหอพัก “ชานยอล มึงนอนเป็นเพื่อนกูหน่อยดิวันนี้” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังขึ้นบันได เพื่อนร่างสูงไม่ได้ตอบเขา แต่แบคฮยอนก็รู้ว่านั่นคือคำตอบว่าตกลง

                ทั้งคู่แยกย้ายเข้าห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยชานยอลก็หิ้วหมอนใบโปรดของตัวเองมาที่ห้อง...ข้างๆ

     

                ก๊อก ก๊อก

     

                เคาะเพียงสองครั้งก็มีเสียงปลดล๊อคจากด้านใน แบคฮยอนไม่ได้เปิดประตูให้ เขาเดินกลับไปแปรงฟันต่อในห้องน้ำ ชานยอลเดินเข้ามาในห้องของเพื่อนสนิทก่อนจะวางหมอนใบโปรดลงที่เตียงขนาดกลาง           ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ร่างสูงกวาดสายตามองสิ่งของต่างๆภายในห้องเช่นเคย เขาสนิทกับแบคฮยอนแต่ไม่ได้เข้าออกห้องคนตัวเล็กบ่อย อาทิตย์ละสองสามครั้งเท่านั้น

     

                หลังจากที่แบคฮยอนแปรงฟันเสร็จเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ เห็นเพื่อนตัวสูงนอนเล่นเกมมือถืออยู่บนเตียงของเขา ส่ายหน้าเบาๆกับคนติดเกม ชานยอลเรียนเก่ง เล่นดนตรีเก่ง เล่นเกมก็เก่ง แต่แปลกที่ไม่ยอมมีแฟน ทั้งที่คนเข้ามาหายาวเป็นหางว่าว

     

                ร่างบางล้มตัวลงนอนข้างๆร่างหนา เพ่งสายตามองเพดานพลางคิดอะไรในใจไปเรื่อย ชานยอลละสายตามามองปฏิกิริยาของเพื่อนตัวเล็กก่อนจะหันกลับไปเล่นเกมในมือต่อ ดูก็รู้ว่าทะเลาะกับแฟนมา.. ใช่ แบคฮยอนมีแฟน และแฟนในนิยามของแบคฮยอน ต้องไม่ใช่เพื่อน... ชานยอลรู้นิสัยข้อนี้ดี

     

                “ชานยอล..”

                “เล่ามาสิ กูรอฟังอยู่”

                “.....”

     

                ชานยอลกดหยุดเกมที่เล่นค้างไว้ก่อนจะปิดเสียงและวางมันลงที่หัวเตียง ร่างสูงนอนชันศอกมองคนข้างๆที่นิ่งไป ...แบคฮยอนถอนหายใจแผ่วเบาและหลับตาลง ...ไม่ถึงครึ่งนาทีน้ำใสๆก็ไหลออกมาจากหางตาของคนตัวเล็ก ชานยอลมองน้ำตานั่นด้วยสายตาแบบเดิม ... เขาลุกขึ้นนั่งหันหลังในกับภาพที่เห็น ไม่นานนักก็ได้รับสัมผัสจากอีกคน เรียวแขนโอบล้อมรอบเอวของเขาจากด้านหลัง สัมผัสอุ่นชื้นที่เสื้อนอนบ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังซบหน้าที่ลาดไหล่ของเขา ...

     

                “มันนอกใจกู”

                “.......”

     

                “กูเห็นมันเดินกับเด็กปีสอง”

               

                “.....”

     

                “ดีโอบอกว่ามันสองคนไปเที่ยวกันหลายครั้งแล้ว แต่พอกูไปถามมัน มันกลับบอกว่าไม่มีอะไร” แบคฮยอนคลายอ้อมกอดและนั่งดีๆ ชานยอลเองก็หันมานั่งคุยกับเขาตรงๆ

                “มันอาจจะไม่มีอะไรจริงๆก็ได้” ว่าพลางส่งนิ้วมือไปเช็ดหยาดน้ำตาเบาๆ

                “ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องลบแชทวะ”

                “...งั้นก็คงมีแหละ” ใจจริงชานยอลอยากจะพูดไปตรงๆเลยว่าถ้าเจ็บนักก็เลิกสิ และมาคบกับเขาแทน..แต่ก็ได้แค่คิด..

     

                “มึงรักกูป้ะวะชาน”

     

                “....เอ่อ มึง ทำไมถามงั้น” ชานยอลรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นทันทีกับประโยคคำถามตรงๆของคนตัวเล็ก นี่ถ้าเผลอตอบตรงๆบ้างจะตกใจบ้างไหม

                “กูจะบอกว่า ในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู...ช่วยไรกูหน่อย” แบคฮยอนปาดน้ำตาและยิ้มหวานให้เขาอย่างออดอ้อน ชานยอลเลิกคิ้วสูง

     

                “ให้กูทำไรอีกล่ะ”

     

                “ทำให้มันหึงกูที”

     

                ...ถ้าหัวใจของชานยอลรักแบคฮยอนในแบบที่เพื่อนเขารักกัน คงจะไม่รู้สึกเจ็บกับคำขอนี้เลย

    ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่แบคฮยอนขอให้เขาช่วยเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่เคยชินชากับความเจ็บนี้เลย ทำไม...ทำไมเขาต้องเป็นเพื่อน... ไม่สิ ทำไมเขาไม่รักแบคฮยอนแบบเพื่อน..

     

     

     

                วันต่อมา...

                มือใหญ่ข้างหนึ่งกำลังกุมมือเล็กๆอีกข้างไว้ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง แบคฮยอนสืบมาว่าแฟนของเขาจะมาที่นี่ จึงได้ลากเพื่อนสนิทมาด้วยเพื่อแก้เผ็ดคนรักที่นอกใจเขา

                ดวงตาคู่สวยที่หางตาตกนิดๆน่าเอ็นดูกำลังสอดส่องไปที่ร้านค้าต่างๆ โดยไม่ได้สังเกตเห็นคนข้างๆที่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

     

                ...แค่นี้ก็ดีใจแล้ว

     

                ทั้งสองเดินมาหยุดที่ทางเดินเข้าร้านร้านหนึ่ง แบคฮยอนจ้องมองคนที่ขึ้นชื่อว่าคนรักกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับคนอื่นอย่างเริงร่า มือเล็กออกแรงบีบมือของชานยอลโดยไม่รู้ตัว แต่ชานยอลไม่ได้ท้วงใดๆ ได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงไปทั้งที่อีกคนไม่ได้สนใจเลย

                แบคฮยอนจูงมือชานยอลเดินผ่านหน้าสองคนนั้นไปอย่างตั้งใจให้เห็น แฟนของเขามองตามทันทีและกำลังจะเดินตามมา เมื่อรู้ได้ดังนั้น ร่างเล็กพลิกตัวเข้ากำแพงมุมทางเข้าห้องน้ำก่อนจะโอบลอบลำคอเพื่อนสนิทไว้และกดเข้ามาใกล้

     

                ชานยอลที่ถูกชักพาให้ทำตามเกมอย่างงงๆก็อดที่จะตกใจการกระทำนี้ไม่ได้...ดวงตากลมโตจดจ้องใบหน้าหวานในระยะประชิด หัวใจของเขาเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมา ปากเล็กๆนั่นห่างจากปากของเขาเพียงนิดเดียว.. นิดเดียวเท่านั้น.. และเหมือนกับมีแม่เหล็กร่องหนกำลังดึงดูดให้มันขยับเข้าหากัน แบคฮยอนหลับตาลงโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกับชานยอลที่จูบเพื่อนสนิทโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

     

                พลั่ก

     

                ชั่ววินาทีร่างสูงของชานยอลก็ล้มลงไปกองที่พื้นด้วยแรงหมัดจากแฟนของแบคฮยอน “มึงกล้าจูบแฟนกูหรอ มึง!! ครั้งก่อนๆกูยอมเพื่อนแฟนกูบอกว่ามึงเป็นเพื่อนสนิทหรอกนะแต่นี่!!..” แฟนหนุ่งของแบคฮยอนทำทีจะเข้ามาชกชานยอลซ้ำอีกครั้งแต่แบคฮยอนรีบดึงไว้ก่อน เขาเองก็ตกใจเรื่องจูบและยังมาเจอเรื่องชกต่อยอีก...เขาทำอะไรไม่ถูกเลย

     

                “พอ พอได้แล้ว คนมองหมดแล้ว !” ร่างเล็กดึงรั้งแขนแฟนหนุ่มไว้สุดแรง พลางหันตาไปจิกกิ๊กใหม่ของแฟนเขา จนเด็กปีสองยอมเดินกลับไป

     

                “เธอยอมมันใช่ไหม!? อ๋อ นี่แอบกินกันจริงๆสินะ ทำไมเธอกล้านอกใจฉัน” แฟนหนุ่มกล่าวอย่างคนขาดสติ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แบคฮยอนหมดความอดทนได้อย่าง่ายดาย มือบางง้างและตบเข้าที่ใบหน้าแฟนตัวเองอย่างแรง ...นี่สำหรับการนอกใจ  ตบอีกครั้ง...นี่สำหรับที่ทำร้ายร่างกายเพื่อนสนิทของเขา

                “กล้าพูดได้ยังไง ในเมื่อตัวเองก็ทำ ฉันว่ามันสุดทางแล้วล่ะ เราคง...ไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว..ฉันขอเลิกกับนาย”

                “เออ ดี จะไปไหนก็ไป จะไปอยู่กับมันก็ไป!” ชายหนุ่มลูบแก้มตัวเองก่อนจะเดินหนีออกไปอย่างหงุดหงิด

                ...เจ็บจัง..ไม่คิดจะรั้งไว้บ้างเลยหรอ.. แบคฮยอนปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะหันไปมองชานยอลที่ยืนจับมุมปากที่มีเลือดซึมอยู่ ....

     

     

     

                ภายในห้องนอนขอชานยอล ร่างสองร่างกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอน แบคฮยอนกำลังทายาให้เพื่อนของเขา แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนมือหนักเลยโดนบ่นไปหลายรอบ แต่ก็ได้แต่ทำหน้าหมาหงอยส่งกลับไปที จะให้เถียงกลับก็ทำไม่ได้ เรื่องนี้เขาเป็นต้นเหตุเต็มๆ

     

                “ขอโทษนะ...”นิ้วเรียวลูบแผลมุมปากของร่างหนาแผ่วเบา

     

                “.....”

     

                “เจ็บมากไหม?..” ประโยคคำถามนั้น มันตีความหมายได้สองแบบสำหรับปาร์คชานยอล..เจ็บที่โดนต่อย..กับเจ็บที่เป็นได้แค่ตัวประชด มีสิทธิ์จับมือแค่ตอนทำให้แฟนของเพื่อนหึง มีสิทธิ์แค่นั้น ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ไหล่ของเขาต้องคอยซับน้ำตาให้แบคฮยอน ...แต่สถานะของเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม... เป็นแค่เพื่อน

     

                “ไม่เป็นไร มึงมีไรให้ช่วยอีกก็บอก” ฝืนยิ้มออกไปบางๆให้คนตัวเล็กไม่คิดมาก

                “คงไม่แล้วแหละ กูเลิกกับมันละ” พูดพลางมองไปทางอื่น

                “มึงรักมันมากเลยหรอ ในเมื่อตลอดเวลาที่มึงคบกัน ก็มีแค่มึงที่ต้องคอยร้องไห้ตลอด”

                “การที่เรารักใครสักคน มันก็ยอมเจ็บได้ทั้งนั้นแหละ มึงไม่เข้าใจกูหรอก” ชานยอลสะอึกกับประโยคนั้น..ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ เขาเข้าใจมันดีเลยล่ะ

                “ทำไมมึงไม่ห้ามกูเรื่องเมื่อเย็น”

                “......”

                “.....”

                “กูไม่รู้..”

                “....”

                “กูไม่รู้ว่ากูยอมมึงทำไม...แล้วมึงจูบกูจริงๆทำไม” แบคฮยอนเปลี่ยนอารมณ์เป็นพูดแหย่เล่นในเพื่อนสนิท

                “กู.... ก็กูอยากเล่นให้สมจริงเฉยๆ”

     

                อยากบอกว่ากูรักมึง แค่คำว่าเพื่อนมันค้ำคอ

     

     

     

                หลายวันผ่านไปเหมือนโกหกทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ชานยอลคอยพาแบคฮยอนไปเที่ยว ดูนั่นดูนี่เพื่อปลอบใจคนอกหัก ทั้งสองเริ่มสนิทกันมากกว่าเดิม ชานยอลอดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ...หรือแบคฮยอนจะเริ่มมีใจให้เขาบ้างแล้ว แบคฮยอนเริ่มจับมือเขาในที่สาธารณะ เริ่มทำตัวน่ารักๆกับเขา ถึงจะยังกัดกันเหมือนเดิม แต่ในความเหมือนเดิมก็เหมือนมีบางสิ่งเพิ่มเข้ามา ....

     

                Rrrrrrrr

                “ฮัลโหล”

                [ชานยอลลลลล มานอนเป็นเพื่อนหน่อยดิ]

                “เค”

     

                เมื่อวางสายเสร็จ ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่ลืมหยิบหมอนใบโปรด..ที่แบคฮยอนเป็นคนซื้อให้ ติดมืออกไปด้วย ริมฝีปากยกยิ้มอย่างอารมณ์จนเคาะประตูห้องของแบคฮยอน ไม่นานประตูก็ปลดล๊อค ชานยอลเดินตามคนตัวเล็กไปที่เตียง “เป็นไร ทำไมดูอารมณ์ดีจัง” มือหนายกขึ้นยีหัวลูกหมาน้อยที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

     

                “ก็อารมณ์ดีดิ ฉันคืนดีกับแฟนแล้วววว เขามาขอโทษและก็สัญญาว่าจะไม่นอกใจอีก”

     

                ....

     

                มือหนาที่ยีผมเล่นอยู่หยุดชะงัก รอยยิ้มบางๆที่เคยมีจากหายไป.. อะไรกัน ... และหลายวันที่ผ่านมาล่ะ ที่เขาคิดว่าแบคฮยอนกำลังเปลี่ยนใจ ทำไมถึงได้..

     

                “ฮะ ฮ่าๆๆ เออ ก็ดีแล้ว อืม” พูดละมืออกจากหัวของเพื่อนสนิท

                “ตอนแรกฉันกะว่าจะใจแข็ง แต่ก็อย่างว่าแหละ คนก็มันรักนี่หว่า” แบคฮยอนล้มตัวลงนอนตักของชานยอล

                ดวงตาคมโตจดจ้องใบหน้าของคนที่นอนส่งยิ้มให้เขาอยู่ ....แบคฮยอนมีความสุขก็ดีแล้วนี่ชานยอล... แค่แบคฮยอนมีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่หรอ.... จิตสำนึกของเขากำลังบอกสิ่งที่เขาต้องทำและยอมรับ เสียงดังก้องภายในหัวของเขาซ้ำไปซ้ำมา ขอบตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่เขาก็อดทนมันไว้ได้ กลืนมันเขาไป อย่าให้น้ำตาไหลออกมา..

     

                “หลายวันที่ผ่านมา.. ทำไมมึงทำตัวน่ารักกับกูจังวะแบค” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามคำถามที่เขาเองยังคงค้างคาใจ แม้มันจะเสี่ยงกับคำตอบแต่เขาก็อยากฟังให้มันชัดๆ ให้จำจนขึ้นใจ

     

                “........”


                “ทำไมมึงถึงอ่อนโยนกว่าเดิม กล้าจับมือกู กล้าเช็ดปากให้กู กล้าอ้อนกู ทั้งที่แต่ก่อนมึงไม่ค่อยทำ”

     

                “.......”

     

                “ตอบมาเถอะ กูแค่อยากรู้”

     

                “กู...”

     

                “.......”

     

                “กูแค่เหงา”

     

    แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา

    แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา แค่เหงา ....แค่เหงา ชานยอลรู้สึกหน้าชากับคำตอบที่ได้รับ...เหมือนโดนตบหน้าเป็นร้อยครั้ง

                ชานยอลรู้สึกเหมือนกับว่าโดนแบคฮยอนแทงเขาด้วยมีดเล่มหนึ่ง แต่บอกเขาว่าห้ามตายนะ

                คำว่าแค่เหงา มันอาจแปลยาวๆว่าที่ผ่านมาเขาคิดไปเองคนเดียว

                ไม่มีอะไรมากกว่านั้น...ไม่มีอะไรเลย

     

                “มึง..เงียบทำไมวะ”

                “อะ เอ่อ ไม่มีไรหรอก ไปนอนไป”

                “ก็ได้”

                ทั้งสองล้มตัวลงนอนดีๆ ภายในห้องมืดสนิท มีเพียงเสียงครางเบาๆขณะหลับอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของคนตัวเล็ก แบคฮยอนหลับไปแล้ว เหลือเพียงเพื่อนสนิทของเขา ....

     

                ชานยอลนอนขดตัวและกอดเข่าตัวเองเอาไว้...น้ำตาของเขา..ที่เคยกักเก็บเอาไว้ตลอดเวลา ทุกความอดทนที่กดทับสุมกองกันเป็นภูเขาในหัวใจของชานยอล มันถูกระบายออกมาในนาทีนี้ มือหนากุมตำแหน่งหัวใจตัวเองไว้และทุบมันเบาๆ เขาเจ็บจนรู้สึกกับมันกำลังจะแตกสลาย

                ถ้าเขาทำได้ เขาอยากจะย้อนเวลา เขาจะไม่เข้ามารู้จักแบคฮยอนในสถานะเพื่อน เขาจะเป็นคนที่เข้ามาจีบแบคฮยอน จะทำทุกอย่างที่สามารถคบกันได้ รักกันได้ เขาจะทำ.... แต่ความจริงของโลกนี้ ที่ว่าเวลาได้ผ่านมาแล้วไม่สามารถย้อนคืนได้ มันตอกและย้ำให้เขายอมรับว่าความสัมพันธ์ที่เขาอยากได้ ....มันสายเกินไปแล้ว

     

                ในเช้าของอีกวันที่ต้องตื่นไปเรียน เป็นเช้าอีกวันของฤดูฝน เม็ดฝนกำลังโปรยปลายลงมาเบาๆ ชานยอลบอกแบคฮยอนไว้ว่าจะเดินไปมหาลัยด้วยกัน จะได้กางร่มให้ โดยหลีกเลี่ยงคำถามของคนตัวเล็กที่เอาแต่ซักเรื่องตาบวมๆของเขาจนน่ารำคาญ เมื่อชานยอลแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปข้างล่างพร้อมกับร่มคันใหญ่ในมือ ตอนนี้แบคฮยอนกำลังรอเขาอยู่ข้างล่าง

     

                “อ้าวมาแล้ว” เสียงเล็กๆของเพื่อนสนิทเรียกให้ชานยอลยิ้มออกมาบางๆ แต่สายตาก็มองเลยไปเห็นคนด้านหลังของแบคฮยอน เหมือนโดนมีดแทงซ้ำอีกครั้งตรงแผลเดิม

                “วันนี้นายไปคนเดียวก่อนนะชานยอล เดี๋ยวฉันไปกันสองคนก็ได้ นายจะได้ไม่ต้องเป็นหวัดไง ไปนะ เจอกันที่มหาลัย”

     

     

     

                ภาพคนที่ตัวเองรัก...เดินไปกับคนรักของเขาในร่มหนึ่งคัน เป็นการถือร่มที่ถูกต้อง ไม่มีเอียงไปทางตัวเองมากกว่า หรือเอียงไปหาอีกคนมากกว่า...

                มือหนาคลายมือจากร่มในมือ เขามองมันอีกครั้ง...

                ยังไงฉันก็ยังเป็นยักษ์ตัวใหญ่ที่คอยปกป้องนายเสมอ และคงไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ความรู้สึกที่ฉันมี...ฉันจะเก็บมันไว้คนเดียว

                ทุกอย่างที่ให้ไป....มันเต็มไปด้วยความรักและความหวังดี...





     



    #ฟิคกระดาษจดเพลง

    ___________________________________________________________________________
    tw: @papertiipiitii
    เมนท์ + #




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×