ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic.[Jelsa] melt your heart ปลดล๊อคหัวใจ ยัยราชินีหิมะ

    ลำดับตอนที่ #28 : cross over "I WANT TO SEE U AGAIN" (สมบูรณ์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.7K
      40
      22 พ.ค. 57

      Crossover Fiction I want to see U again 
     Presented by Papermail [Cross LittleBear] 



    * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit  * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit
    * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit  * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit
    * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit  * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit
    * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit  * disney dreamworks frozen the snow queen jack frost let it go the rise of the guardians elsa rotgedit jelsa frozenedit









     


    เมลล์ขออธิบายนะคะ

    คือไรต์กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วไรต์แบร์ชวนแต่งฟิคข้ามเรื่องกัน เมลล์ก็ตอบตกลงแล้วก็มานอนคิดจะข้ามไปยังไงดีน้--า ก็ได้บทสรุปความคิดแบบเฟ้นหาจากสมองอันน้อยนิดว่า 
    ฝัน เอาดีไหมเพราะมันง่ายและคลาสสิคที่สุด

    ซึ่งฟิคของไรต์แบร์นั้นเป็นการเล่าเรื่องย้อนกลับ ซึ่งเอลซ่าได้จากแจ็คกับอลิส(ลูกของเอลซ่าในฟิคของแบร์ไปแล้ว..

    แล้วเอลซ่าจะไปเจออะไรในฝันบ้าง แล้วพอตื่นขึ้นมาอะไรจะเปลี่ยนไปรอลุ้นกันได้เลยนะค่ะ เพราะตอนหน้าก็รีไรต์ใหม่เช่นกันค่ะ

    อันนี้ฟิคไรต์แบร์ค่ะ >>CLIK<<



     



     

    แสงแดดยามเช้าที่ลอดบานหน้าต่างเข้ามาด้านใน กระทบเข้าใบหน้าของหญิงสาวที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง ดวงตาสีฟ้าสดค่อยๆลืมอย่างงั่วเงียก่อนจะค่อยๆหลับค่อยๆหลับลงไปอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกที่ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังจนแน่น

     

    เอลซ่าพยายามขยับตัวดิ้นหนีแต่ทว่วายิ่งเธอดิ้นมากเท่าไรมันก็ยิ่งรัดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆจนเธอนั้นรู้สึกหายใจไม่ออก

     

    ฝัน...? งูหรอ..?? ไม่เอาน่ารัดแน่นขนาดนี้ตัวใหญ่ไปไหม..

    จะฝันอะไรบ่อยหนักหนาเนี้ย ก็ตอนนั้นเราเกือบจะเห็นแจ็คกำลัง...

    เดียวนะ!!....

     

    ร่างบางสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งพลันสายตาเธอก็ไปสะดุดเข้ากับเด็กหนุ่มตัวดีที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างกายเธอ

     

    เพราะนายคนเดียวฉันถึงฝันอะไรประหลาดแบบนั้น...

     

    “เป็นอะไรเอลซ่า จ้องฉันแล้วทำหน้าเหมือนไม่ได้กินช๊อคโกแลตมาเป็นเดือน” แจ็คที่รับรู้ได้ถึงสายตาอาฆาตจากอีกฝ่ายลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียก่อนจะค่อยเอื้อมมือไปโอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้แล้วโน้มริมฝีปากหนาของตนกวาดชิมรสหวานยามเช้าจากอีกฝ่าย

     

    “อื่ม...อ่อยอะ..แอค (ปล่อยนะ..แจ็ค)”

     

    เด็กหนุ่มถอนริมฝีปากของตนออกอย่างช้าๆ ก่อนจะกัดปลายจมูกของหญิงสาวตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “ง่ะ..ฉันเจ็บน่ะ” เอลซ่าผลักแจ็คออกห่าง ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบจมูกของตัวเองเบาๆ

     

    “แล้วทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าฝันว่าอะไร...หื่ม..?? “ แจ็คว่าพล่างค่อยๆโน้มใบหน้าไปกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่าย

    .

    .

    .

    .

    “จะบอกได้หรือยัง...ที่รัก”

     

    เอลซ่าสะดุ้งเฮือกกับคำพูดของเด็กหนุ่มข้างกาย ก่อนจะรีบหันไปส่งสายตาดุๆให้เป็นรางวัล แต่ทว่าทันทีที่เห็นใบหน้าที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขของร่างตรงหน้า เจ้าตัวต้องรีบเบนหน้าหนีไปอีกทาง

     

    “เอ่อ..ข้าฝันว่าเราแต่งงานกันแล้ว--- แล้วข้าก็....

     

    .

    .

    .

    Cross Over Fiction I want to see you again.

    บรรยากาศรอบกายลดลงอย่างรวดเร็วจนบาดผิว เอลซ่าค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องๆหนึ่งที่ตนไม่รู้จักที่ไม่มีแม้แต่หน้าต่างสักบาน ดวงตาสีฟ้าสดมองไปรอบๆห้องเพื่อสำรวจก่อนจะสะดุดเข้ากับดอกไม้สีขาวสะอาดตาที่ถูกวางประดับอยู่รอบกายเธอ

     

    น่าแปลกที่แม้ว่าเธอไม่รู้ว่าที่นี้คือที่ไหน แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยกับมันอย่างน่าประหลาด

     

    เราโดนจับตัวมา...?? หรือว่าจะเป็นฝีมือของพิทช์กับแกเฮนน่า...??  ร่างบางคิดถึงสาเหตุที่ตนมาอยู่ที่นี้ไปเรื่อยๆก่อนจะเดินขึ้นบันไดมาจนพบกับห้องโถงด้านบน

     

    ทันทีที่เธอเดินขึ้นมาถึงด้านบนก็เข้าใจถึงเหตุผลที่เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด...

     

    ปราสาทน้ำแข็งที่เธอเคยสร้างไว้เมื่อตอนที่หนีออกจากเอเรลเดลล์ แม้บางส่วนมันได้ถูกต่อเติมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแต่เธอก็มั่นใจว่าต้องใช้...ก็เธอเป็นคนสร้างมันขึ้นมานี้

     

    แต่ใครกันแหละที่เป็นคนเติม...??

     

    “คิดจะมาอาศัยอยู่ในปราสาทของฉันงั้นหรอ...เจ้าหัวขโมยใจกล้า ” เอลซ่ากระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินสำรวจบริเวณรอบๆปราสาท

     

    จนมาหยุดที่ประตูบานหนาที่ถูกสลักเป็นลวดลายสวยงาม หญิงสาวชะงักครู่หนึ่งก่อนจะเปิดเข้าไปด้านในอย่างคุ้นชิน

     

    ก็นี้เคยเป็นห้องนอนของเธอมาก่อนนี้น่า...

     

    เอลซ่าก้าวไปด้านในก่อนจะสำรวจข้าวของรอบๆห้องของเธอที่เปลี่ยนไปจนแทบจะจำไม่ได้ ร่างบางเดินมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดตรงลิ้นชักบานหนาที่อยู่ข้างหัวเตียง หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักก่อนจะเจอสมุดสีดำหนาอยู่ด้านในซึ่งหากมองดีๆลักษณะมันคล้ายจะเป็นสมุดบันทึก

     

    ร่างบางทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพร้อมกับค่อยๆเปิดอ่านบันทึกที่ถืออยู่ในมือ

     

    มันเป็นบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาแสนเนินนานจนกระดาษแผ่นบางเริ่มที่จะเปลี่ยนสี หญิงสาวกวาดสายตาอ่านอย่างคราวๆก่อนจะจับใจความได้ประมาณหนึ่ง...

    .

    .

    อาเรลเดลล์ ประเทศนอร์เวย์ 260

    “ข้าเจอเธอครั้งแรกที่นี้ ถ้าหากข้าไม่ได้มาที่นี้ในวันนั้น ข้าคงไม่มีวันได้รู้จักเธอแน่นอน”

     

    นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ามาอาเรลเดลล์ มันเป็นเมื่องที่สงบสุขอีกทั้งยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยังคงความสวยงามเอาไว้...ข้าว่าข้า ตกหลุมรักเมืองนี้ เข้าแล้วสิ แต่ที่น่าสนใจคือลึกเข้าไปที่ภูเขาทางตอนเหนือข้าเจอปราสาทหลังหนึ่งมันเป็นปราสาทที่สวยงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นและที่สำคัญมันถูกสร้างขึ้นมาจากหิมะ

     

    ที่นั้นข้าได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเธอมีดวงตาสีฟ้าสด ผมสีบลอนซ์แพทตินัมเธอถักเปียรวบเอาไว้ข้างหนึ่ง แต่นั้นก็ไม่สำคัญหรอกเพราะที่สำคัญ

     

    เธอมองเห็นข้า...

     

    เอลซ่ายิ้มออกมาอย่างเผลอตัวก่อนจะรีบเปิดอ่านหน้าถัดไป

    .

    .

    “คำว่า ราตรีสวัสดิ์ อาจเป็นคำที่คนทั่วไปพูดกันแต่สำหรับคนที่มีความห่วงใยกัน มันมีความหมายมากกว่านั้น เพียงแต่มันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ว่ามันหมายความว่าอะไร..??”

     

    ข้าหนุดอยู่ตรงที่ข้างกายของนางไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไร สุดท้ายข้าก็เสยผมที่ปิดหน้าของนางออก ใบหน้ายามนินทราของนางนั้นมันช่างดูน่ารักน่าปกป้อง ข้าดูนางพร้อมกับยิ้ม และพูดคำนึงออกมามันเป็นคำที่กลั่นออกมาจากใจ มันเป็นคำที่แฝงไปด้วยความห่วงใย มันเป็นคำบอกลาในแต่ละวัน และมันเป็นเพียงคำไม่กี่พยางค์ ข้าพูดคำนี้ออกไปว่า “ราตรีสวัสดิ์องค์ราชินี..(ของผม)”

    .

    .

     “ความชอบกับความรักมันแตกต่างกันอย่างไรไม่มีใครรู้ บางคนเขาว่าความชอบคือการเริ่มต้นที่จะเริ่มมีความรัก และไม่มีใครนิยามว่าความรักคืออะไร มีแต่เพียงเจ้าที่จะทำให้ข้ารู้ว่าความรักมันคืออะไร”

     

    ตอนนี้ข้าอยู่กับเอลซ่าสองต่อสองในห้องของนางเอง ข้าก็ได้แต่ปลอบนางไม่ให้นางร้องไห้ ทำไมนะเหรอเวลาที่นางร้องไห้ข้ารู้สึกเศร้าตามไปด้วย และข้าไม่อยากเห็นนางร้องไห้ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ตอนนั้นข้าปลอบนางอยู่นานจนนางเริ่มยิ้มออกมาบ้างแล้ว น่าแปลกที่มันทำให้ข้ายิ้มออกมาด้วย...

    .

    .

    ข้าว่าข้าเริ่มจะ “รัก” นางเข้าแล้วสิ

     

    เอลซ่าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะรีบพลิกไปอ่านหน้าถัดไป

    .

    .

     

    when you feel alone.I always beside you forever 

     

    คำว่า “กอดของข้าอุ่นดี” ของนาง...ไม่ว่าฟังกี่ทีข้าก็ต้องเผลอยิ้มออกมาตลอดเลย แต่ข้าขิสัญญาเลยว่าต่อไปถ้านางไม่อนุญาตข้าจะไม่ทำแบบนี้อีก

    .

    .

     ต่อให้โลกนี้เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของข้าที่มีให้เจ้าก็ไม่มีวันเปลี่ยน ต่อให้เจ้าจะเกลียดข้ายังไง ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ต่อให้เจ้าเจ็บป่วยหรือตายไป ข้าก็จะอยู่กับเจ้าจนถึงวันนั้น ทำไมนะหรือ ก็เพราะว่าข้าสัญญากับเจ้าไว้ว่า ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป ” 

     

    ข้ามือมาลูบแก้มตรงจุดที่นางประทับริมฝีปากของนางไว้บนแก้มของข้า ข้ารู้สึกถึงความเย็นที่ผ่านมาทางแก้มแต่ทว่าขณะเดียวกันข้าก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แฝงอยู่ไว้ด้วย ถ้านึกย้อนไปตั้งแต่ตอนที่เจอเธอครั้งแรก ข้านึกว่านางจะเป็นคนที่ดุ ขี้กลัว แต่พอข้าได้รู้จักนาง ข้าก็รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนาง ตัวตนของนางความจริงเป็นสาวน้อยที่นิสัยแทบไม่ต่างจากน้องสาวของนางเลย แต่ต่างกันตรงที่นางไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆแบบน้องสาวของนาง อาจเป็นเพราะว่านางเป็นราชินีของอาณาจักรนี้ก็ได้มั้ง นางเลยต้องวางภาพพจน์ของนางไว้เป็นแบบนั้น หรือไม่ก็เพราะอดีตของนางก็เป็นไปได้ เพราะนางอยู่แต่ในห้องไม่ค่อยได้พบปะผู้คนเลยเป็นแบบนั้น..แต่ไม่ว่านางจะเป็นคนแบบไหนข้าก็จะไม่มีวันทิ้งให้นางต้องอยู่คนเดียวเด็ดขาด

     

    เอลซ่าหัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับความรู้สึกสุขใจที่ฉายแววออกมาจากดวงตาคู่สวย ร่างบางเอื้อมมือเรียวบางขึ้นมาพัดใบหน้าของตัวเองที่เริ่มร้อนผ่าวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบเปิดไปที่หน้าต่อไป

    .

    .

    “ผมดีใจนะที่ผมจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคุณ ถึงแม้เราจะรู้ว่าเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ แต่ผมขอสัญญานะว่าทุกลมหายใจและทุกวินาทีที่เหลือต่อจากนี้ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอถึงแม้ว่าคุณจะจากผมไปแล้วก็ตาม”

     

    ข้ารู้สึกมีความสุขเวลาอยู่กับนาง ข้าไม่รู้ว่านางมีอิทธิพลกับข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ในตอนแรกข้าแค่ต้องการที่จะอยู่กับนาง แต่ตอนนี้ข้ากลับอยากดูแล เมื่อก่อนเวลานางเสียใจข้าจะพยายามปลอบนาง แต่เดี๋ยวนี้ข้ากลับรู้สึกทุกข์ใจไปด้วยเวลาที่นางเศร้าหรือร้องไห้ ข้าไม่รู้ว่าอนาคตต่อไปชีวิตคู่ของข้าจะเป็นเช่นไร แต่ข้าก็ดีใจที่ต่อไปนี้ข้าจะมีนางอยู่ข้างกายข้าตลอดไปตราบเท่าที่เวลาของนางยังเหลือ

    .

    .

    “ หากเราหยุดเดิน แล้วมองหันหลังกลับไปเราจะเห็นอะไรมากมายที่เราเดินผ่านมา.. ถึงแม้บางภาพจะไม่น่ามอง ไม่น่าจดจำ แต่นั้นก็คือประสบการณ์ที่สวยงาม ”

     

    ตอนนี้ข้าแต่งงานกับนางได้ครึ่งปีแล้ว พอนึกถึงวันเก่าๆ วันที่ยิ้ม วันที่ร้องไห้ วันที่ดีใจ วันที่เศร้าใจ ทุกๆวันที่ผ่านมามันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้นางท้องได้สองเดือนแล้ว ความรู้สึกที่กำลังจะเป็นพ่อคนมันเป็นอย่างนี่นี้เอง ก็ช่วยไม่ได้คนมันมีน้ำยา การที่ข้าได้เลือกที่จะใช้ชีวิตกับนาง มันคือเรื่องที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว ข้าไม่มีวันหันหลังกลับไปได้อีก ถึงแม้ข้าจะรู้ดีว่าจุดจบของเราว่ามันจะต้องลงเอยอย่างไร

    .

    .

    “ หิมะที่ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า ไม่นานมันก็จะละลายกลายเป็นเพียงหยดน้ำ แต่มันจะไม่หายไปเพราะเมื่อกาลเวลาเวียนมาบรรจบหยดน้ำนั้นก็จะกลายเป็นหิมะอีกครั้ง ”

     

    ทันทีที่ข้าได้ยินเสียงเด็กร้องข้าจะรีบวิ่งเข้าไปในห้อง นางตัวซีดจนแทบจะไม่มีเลือดข้าเลยรีบวิ่งไปประคองนางเอาไว้ ไม่นานแพทย์หลวงก็อุ้มเด็กทารกที่กำลังร้องเสียงแจ๋วมาให้นาง นางรับเด็กไว้ก่อนจะอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุทะนอม ข้ามองเด็กทารกในมือนาง เธอเป็นเด็กผู้หญิงผมสีบลอนซ์ซีดจนเกือบกลายเป็นสีเงิน ดวงตาสีฟ้าสด มองไม่ออกเลยแหะว่าเหมือนข้าหรือนางมากกว่ากัน แต่จู่ๆนางก็ถามข้าว่าอยากให้ตั้งชื่อเจ้าตัวน้อยนี้ว่าอะไรดี ข้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า....

    .

    .

    .

    อลิส

     

    รอยยิ้มที่สดใสดั่งดอกไม้ที่กำลังพลิบานฉายลงบนหน้าของหญิงสาว พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นถี่ระรัว รางบางสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะรีบเปิดไปอ่านหน้าถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ

     

    “ เคยเห็นดอกไม้ไฟรึเปล่า..?? มันสวยงามยามที่เจิดจรัสบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่ช่วงเวลาที่ดอกไม้ไฟได้แบ่งบานนั้นมันไม่ได้ค้างฟ้าไปตลอดกาล ไม่นานมันก็จะดับลง..เหมือนกับชีวิตคน ”

     

    นี้ข้าไม่ได้เขียนมันอีกเลย..นานกี่ปีแล้วเนี้ย ตั้งแต่นางจากไปข้าเหมือนกลายเป็นคนบ้าพร่ำเพ้อเรียกหานางทั้งๆที่รู้ว่านางไม่มีทางที่จะกลับมาหาข้าอีกแล้ว เป็นคนบ้าที่ไม่ว่าจะทำอะไรภาพของนางก็ยังวนเวียนซ่ำอยู่ในหัวข้าเรื่อยไป ตอนแรกข้าคิดว่าข้าคงจะทำใจได้กับสิ่งที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว..แต่มันไม่ใช่ การเตรียมใจที่ผ่านมาของข้า มันไม่พอเลยกับการสูญเสียครั้งนี้

     

    รอยยิ้มที่ฉายอยู่บนหน้าของหญิงสาวหายไปเพียงไม่กี่เสียววินาที มือเรียวบางยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ร่างบางได้แต่นิ่งอยู่นานก่อนจะตัดสินใจค่อยๆเอื้อมมือของตนไปพลิกแผ่นกระดาษาไปที่หน้าต่อไปด้วยมือที่สั่นเทา

    .

    .

    “ ความฝันทำไมมันถึงได้มาอย่างเชื่องช้า และผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก ทั้งๆที่นั้นเป็นแค่ทางเดียวที่ข้าจะได้เจอกับนางแท้ๆ ”

     

    แม้จะผ่านไปหลายสิบปีแต่ข้ากลับทำซ้ำแต่สิ่งเดิม ข้าเฝ้ารอเวลายามย่ำคืนอย่างใจจดใจจ่อ รอที่จะได้เจอนางในความฝันที่บางทีข้าก็เผลอคิดว่านั้นคือโลกที่แท้จริง แต่ข้าคงคิดอย่างนั้นไม่ได้ข้า ข้ามีลูกแล้วนะ...

     

    บางทีข้าควรจะรีบทำใจให้ได้ให้เร็วที่สุด

     

    แม้ตอนนี้เอลซ่าจะพยายามกลั่นความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามากมายขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าความพยายามมันก็แค่สิ่งไร้ค้า ตอนนี้ดวงตาสองข้างของเธอเริ่มร้อนผ่าวหยดย้ำใสค่อยๆรินอาบแก้มก่อนจะหยดลงบนสมุดเล่มหนา

     

    “ นาฬิกาเป็นสิ่งที่คอยบอกเวลา มันต้องเดินไปเรื่อยๆตราบใดที่เวลาของโลกนี้ยังไม่สิ้นสุดลง ต่างกันกับข้า ทันทีที่ข้าได้ลืมตาตื่นขึ้นจากความหนาวเหน็บเข็มนาฬิกาของข้ามันก็หยุดเดินแล้ว พร้อมกับชีวิตนิรันด์..ชีวิตที่ข้าไม่เคยต้องการ ”

     

    ข้าตัดสินใจเก็บร่างนางเอาไว้ที่ห้องใต้ดิน เพราะความคิดโง่ๆของข้าที่ว่าบางทีการที่ข้าได้เจอนางน้อยลงข้าคงจะทำได้ใจ แต่ถ้าคิดผิดไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่สามารถทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้สักที่ ทำไมกัน...

     

    ปึก..

    เอลซ่าปิดสมุดเล่มหนาลงก่อนจะค่อยๆพลิกไปที่ด้านหลังของสมุดนั้นเพื่อดูเจ้าของชื่อ

     

    JACK FROST

     

    เอลซ่าแนบสมุดลงกับอกของตัวเองก่อนจะรีบวิ่งไปด้านนอกห้อง เท้าเปลือยเปล่าวิ่งตามหาใครบางคนไปทั่วปราสาทที่ว่างเปล่า

     

    “แจ็ค นั้นนายใช่ไหมแจ็ค..?? นายอยู่ไหน ออกมาอธิบายเรื่องทั้งหมดเดี่ยวนี้นะแจ็ค นี้ข้ากำลังฝันอยู่รึไง ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้หล่ะ” 

     

    เอลซ่าวิ่งตามหาเด็กหนุ่มไปทั่วปราสาทพล่างตะโกนเรียกเจ้าของหนังสือไปตลอดทาง แต่ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นเพียงความว่างเปล่า

     

    “แจ็คที่นายเขียนมันคืออะไร แจ็คข้าไม่โอเคนะช่วยอธิบานเรื่องนี้กับข้าที แจ็คนี้นายอยู่ไหน ได้โปรด..ข้าอยากเจอเจ้า”

     

    ข้าตัดสินใจเก็บนางไว้ที่ห้องใต้ดิน..  จู่ๆคำพูดหนึ่งของเด็กหนุ่มที่เขียนไว้ในหนังสือก็แล่นเข้ามาในหัว

     

    จริงสิห้องใต้ดิน....

     

    ร่างบางกำสมุดในมือไว้แน่นก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังห้องใต้ดินที่เธอตื่นขึ้นมา ทันทีที่เธอมาถึงห้องนั้นประตูมันได้ถูกเปิดเอาไว้เล็กน้อยแสงสว่างที่ลอดผ่านบานประตูนั้นเป็นเครื่องที่บ่งบอกอย่างดีว่าข้างในนั้นต้องมีคนอยู่

     

    “ผมกลับมาแล้วนะ” เสียงของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยดังมาจากอีกฝากหนึ่งของประตู ฉุดความกล้าของหญิงสาวให้ดิ่งลงพื้น รางบางดึงมือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดบานประตูกลับก่อนจะยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู

     

    ทำไม..

     

    “ผมมีเรื่องมากมายเลยละข้างนอกนั่นคุณจะฟังไหม”

     

    ทำไม..

     

    “นี่ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหมที่รัก”

     

    ทำไม..ยังไม่ลืมข้าสักที

    นายมันบ้า..คนบ้า งี่เง้า ไร้เหตุผล ก็ฉันตายไปแล้วนี้ฉันจะตอบนายได้ยังไงหล่ะ

     

    “ทำไมละคุณไม่อยากฟังเหรอเอลซ่า”  เอลซ่าค่อยๆหันหลังก่อนจะพิงกับพนังข้างประตูก่อนจะยกมือเรียวบางขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้

     

    แจ็ค..

     

    “ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหม

     

    เวลาของเรามันต่างกันเกินไปรึเปล่า..

     

    “เอลซ่า”

     

    “ขอร้องเถอะนะ”

     

    “ตอบผมหน่อยสิ” เสียงของเด็กหนุ่มอีกฟากเริ่มสั่นเคลือ ร่างบางค่อยๆทรุดลงกับพื้นก่อนจะซุกใบหน้าของตนกับหัวเข่า หยดน้ำใสค่อยๆไหลรินออกมาทับถมกับความรู้สึกอึดอัดที่ทะลักออกมาจากความรู้สึกผ่านในใจ

     

    “ถึงเวลามันผ่านไปแล้วทำไมผมยังทำใจไม่ได้ซะทีละเอลซ่า”
     

    “ตอบผมหน่อยสิ”

     

    “ได้ไหม”
     

    “ผมขอร้อง”
     

    “ตอนนี้ผมอยากเจอคุณนะ”
     

    “เจอกันที่ไม่ใช่แบบนี้”
     

    “ผมต้องการเจอคุณแบบที่สามารถสื่อสารกันได้”
     

    “ทำไมนะเหรอ”
     

    “ผมคิดถึงคุณนะ”
     

    “ผมอยากมีความสุขร่วมกับคุณเหมือนเมื่อก่อน”
     

    “ผมอยากคุยกับคุณ ผมอยากกอดคุณ ผมอยากจูบคุณ”
     

    “ขอร้องหล่ะเอลซ่า”

     

    “ช่วยกลับมาได้ไหม”

     

    “ได้โปรด”

     

    “ขออีกสักครั้งได้ไหม”

     

    “ขอให้ผมได้พบคุณอีกครั้งหนึ่ง” สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม เอลซ่าวางสมุดสีดำเล่นหนาลงกับพื้นก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนมือเรียวบางปาดน้ำตาที่ไหลเปราะออกแก้มออกก่อนจะเดินออกไปจากปราสาทหลังนี้..

     

    ถึงแม้ว่านี้จะเป็นความฝันเป็นพาราเรลล์เวอร์หรืออะไรก็ชั่ง ตอนนี้มันทำให้ข้าคิดได้ว่า

     

    ถ้าข้าเลือกที่จะแต่งงานกับแจ็คข้าคงกลายเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก..

     

    ถ้าเลือกได้ข้าอยากให้เราตายพร้อมกันนะแจ็ค แต่นั้นข้าคงขอมากเกินไปเพราะมนุษย์ธรรมดาอย่างข้าก็เหมือนพลุที่สวยงามอยู่เพียงครู่เดียว

     

    ก่อนจะลับหายไปตลอดกาล...

     

    Cross Over Fiction I want to see you again.

    END….

     

    “เรื่องที่ข้าฝันก็แค่นี้แหละ...ไม่มีอะไรอีกแล้ว”

     

    “นี้เจ้ากังวลกับเรื่องนี้อยู่รึเปล่าเอลซ่า..” แจ็คเอ่ยถามขึ้นก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปลูบหัวร่างบางอย่างทะนุถนอม

     

    “...” เอลซ่าได้แต่ส่ายหัวอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม

     

    “มันก็แค่ความฝัน..ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อยเอลซ่า” แจ็คว่าพล่างกระชับกอด

     

    “แล้วมันต่างกันตรงไหน..?? ในเมื่อในฝันหรือความจริงความรู้สึกของข้ามันก็ไม่ต่างกันเลย ข้าทนไม่ได้หรอกที่ข้าจะต้องเห็นเจ้าเป็นแบบนั้นแจ็ค..ข้าทำไม่ได้” หยดน้ำใสค่อยๆไหลอาบสองแก้มของหญิงสาว

     

    “เอลซ่า..”

     

    “แจ็ค...” ร่างบางผลักเด็กหนุ่มออกก่อนจะเรียกชื่อของคนตรงหน้า จู่ๆบรรยากาศภายในห้องก็เงียบสนิทจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา หญิงสาวนิ่งอยู่นานก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา

     

    “เราคิดเรื่องแต่งงานกันดูอีกรอบไหม..บางทีฉันว่าคง..”

     

    “ไม่!! เอลซ่าไม่..ต้องไม่ใช่แบบนี้สิเอลซ่า” แจ็คว่าพลางจับไหล่ของร่างบางไว้แน่นก่อนจะจ้องมองมาที่ใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังเต็มไปด้วยตวามสับสน

     

    “แต่ แจ็คสุดท้ายชีวิตของเรามันก็ต่างกันเกินไป เรื่องแต่งงานนะข้าว่า..”

     

    ก๊อกๆ แกร๊ก...

    บานตูบานหนาถูกเคาะและเปิดออกอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต พร้อมนายทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาทางด้านในด้วยอาการรีบร้อน

     

    “มีประชุมด่วนขอรับองค์ราชินี ตอนนี้องค์ชายฟรานซ์มีข้อเสนอจะยื่นให้ท่าน...กับเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่ข้างกายท่าน”

     

    “ฟรานซ์..” แจ็คทวนชื่อของเด็กหนุ่มซ้ำก่อนจะกำหมัดแน่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×