คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : chapter 05 การกลับมาของผู้กุมโชคชะตา
5
❄ การกลับมาของผู้กุมโชคชะตา
ขั่วโลกเหนือ... อาณาจักรนอร์ธ
ท่ามกลางภูเขาหิมะที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดินแดนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปีและด้วยความหนาวเย็นนี้เองที่ทำให้พื้นที่นี้ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกเสียจากหิมะ กับ สถานที่ทำงานเล็กๆ(?)ของซานต้าครอส
ชายแก่รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ยืนมองลูกโลกจำลองที่ปรากฏเป็นไฟดวงเล็กๆมากมายเป็นบริเวณรอบ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาจดจ้องมากที่สุดไม่ใช้ตรงนั้นแต่เป็น...
“นอร์ธ นี่เรียกข้ามามีอะไรรึเปล่า เจ้าก็รู้ว่าเทศกาลอีสเตอร์เพิ่งจบไปไม่นาน ถ้าไม่ใช้เรื่องสำคัญข้าเล่นเจ้าแน่” เจ้ากระต่ายอีสเตอร์โผล่มาจากโพรง ก่อนจะโว้ยวายคนตรงหน้าเพราะรบกวนเวลาพักของเขา ซึ่งมันก็มีไม่กี่วันนักหรอก
“มาแล้วสินะบันนี้มันด์” ชายแก่ที่ถูกเรียกยิ้ม ก่อนจะยื่นบางอย่างให้บันนี้ที่เพิ่งมาถึง
“คุกกี้ไหม....เจ้ามาแล้วหนึ่งที่นี้ก็เหลือแซนดี้ ทูธ แล้วก็แจ็ค ฟรอสต์”
“นั้นแน่...ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้านะ” ทูธ นางฟ้าฟันน้ำนมที่เพิ่งบินเข้ามาจากทางด้านหน้าต่างเข้ามาทักทายนอร์ธและบันนี้ก่อนจะบินไปทางเก้าอี้ “ข้าขอพักหน่อยนะ ข้าบินมาไกลมากเลย นี้พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าน่ะรีบบินมาจากทางยุโรปเลยนะ” ทูธว่าจบก่อนจะนั่งพักเหนื่อยบนเก้าอี้
“งั้นคราวนี้ก็เหลือแซนดี้กับไอ้เจ้าบ้านั้น” บันนี้เอ่ยอย่างหัวเสีย เขายังแค้นแจ็ค ฟรอสต์ไม่หายเรื่องเทศกาลอีสเตอร์ปี '60 ตอนนั้น
แซนดี้มนุษย์ทรายที่ยื่นอยู่ระหว่างนอร์ธกับบันนี้เริ่มมองทั้งสองคนอย่างไม่พอใจความจริงเขาที่นี้ถึงเป็นคนแรกก่อนบันนี้ด้วยซ่ำแต่ไม่มีใครสักเกตุเห็นเขาอาจเป็นเพราะนิสัยของเจ้าตัวที่ไม่ยอมพูดก็ได้ หรือไม่ก็....
..ส่วนสูงที่ต่างกันอย่างได้ชัด
แซนดี้มองเอลฟ์ที่ตอนนี้พากับแอบเข้าอยู่ตามสิ่งของ เขาชกมือเขาด้วยกันก่อนจะใช้ทรายลากแอลฟ์ที่อยู่ใกลตัวที่สุดมา..
..ก่อนจะเขย่ากระดิ่งที่หัวของเอฟฟ์เพื่อเรียกสองคนข้างบนให้รู้ตัวว่าเขามาถึงตั้งนานแล้ว
“อ้าว เอ่อ..ข้าโทษทีนะแซนดี้” กระต่ายบันนี้กระโดดถอยห่างแซนดี้ ถึงจะเห็นเขามีรูปร่างตัวเล็กอย่างนี้ก็เถอะแต่เขาก็เป็นคนเดียวในห้าเทพผู้พิทักษ์ที่แจ็ค ฟรอสต์ไม่กล้าเกรียนใส่
“ที่นี้ก็เหลือแจ็ค ฟรอสต์ คนเดียวสินะ” นอร์ธเอ่ย
“โอ๊ย ไอ้เจ้าบ้านั้นจะไปรอทำไม มันเคยสนใจหน้าที่เทพผู้พิทักษ์ซะที่ไหน วันๆเอาแต่เล่นสนุก” บันนี้พูดก่อนจะผลักนอร์ธไปทางลูกโลกที่อยู่ตรงหน้า เทพคนอื่นๆจึงทยอยตามไป
“ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี้นอร์ธ ดวงไฟทุกดวงก็ปกติดีนี้” ทูธบอกหลังจากบินสำรวจรอบๆลูกโลกซึ่งดูจะเหมือนเดิมทุกอย่าง
“ปัญหามันอยู่ตรงนี้” นอร์ธชี้ไปที่บริเวณเมืองเล็กๆทางเหนือที่ไม่มีดวงไปเลยแม้แต่ดวงเดียว “บริเวณที่ใกล้ที่สุดที่ยังมีพวกเด็กๆที่ศรัทธาพวกเราอยู่ก็คือนี้!! อาณาจักรเอเรนเดลล์ เราต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะสายเกินไป อีกอย่างบริเวณนั้นพักนี้มีข่าวลือแปลกออกมา”
“ข่าวลือแปลกๆ”
“มีเด็กบางคนแถวนั้นเจอกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ นางมีผมสีขาวผิวซีดราวกับกระดาษดวงตาสีแดงฉานและที่สำคัญเด็กทุกคนที่เจอเธอตอนนี้ทุกคนล้มป่วยจนลุกไม่ได้..”
“ไม่จริงน้า เกเฮนน่างั้นหรอ ตะ..แต่ข้าได้ยินมาว่านางตายไปแล้วนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน” ทูธแย้งขึ้นเธอแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน
“แต่เรื่องการตายของนางนั้นก็เป็นแค่ข่าวลือ ไม่ใช่หรอ แต่ว่าลึกๆข้าก็หวังให้มันเป็นความจริง...” นอร์ธว่าจบก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนดวงจันทร์ด้วยสายตาวิงวอน “บุรุษบนดวงจันทร์ท่านช่วยบอกเราได้หรือไม่ว่าพวกเราจะทำเช่นไรดี”
แสงจันทร์นวลสว่างค่อยๆส่องแสงจนปรากฏเป็นร่างของเด็กผู้ชายผมสีเงินที่พวกเขารู้จักกันดี
“เฮอะเจ้านี้อีกแหละ ชอบออกมาเฉพาะตอนโชว์เทพ” บันนี้โวยวายเมื่อรู้ว่าแจ็ค ฟรอสต์คือคำตอบของบุรุษบนดวงจันทร์
“กลับกันได้แล้ว หมดธุระแล้วนี้เจ้าตัวเอกคนสำคัญดันไม่อยู่จะทำอะไรได้” บันนี้ว่าจบก็เดินออกจากห้องไป ก่อนจะนอร์ธจะเดินตามไปที่หลัง
แต่ทว่าแสงจันทร์ค่อยๆสลายก่อนจะรวมกลุ่มกันอีกครั้งคราวนี้ปรากฏเป็นร่างของเด็กผู้หญิงผมสี
บลอนด์ ดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับแจ็ค
“เดี่ยวพวกเจ้าดูนี้ก่อน” ทูธตะโกนเรียกสองคนที่เดินออกไปแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ
“แซนดี้เธอรู้จักนางไหม” ทูธหันไปถามแซนดี้ที่ยื่นอยู่ข้างๆแต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ตนต้องการ
“นางเป็นใครกันนะ...” ทูธพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะบินออกจากห้องไป
ทางด้านแจ็ค และ เอลซ่า
“นี่เริ่มชินหรือยัง...เลิกกลัวได้แล้วมั่ง” แจ็คหันไปถามเอลซ่าที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เลิกกลัวสักที ถึงเธอจะเลิกกอดเอวเขาแล้วก็เถอะแต่ก็ยังจับแขนข้างที่เขาอุ้มเธอไว้แน่นจนชนิดที่เรียกว่าจิกคงจะเหมาะกว่า
“เจ้าก็ลดความเร็วลงหน่อยสิ” เอลซ่าที่โดนหิ้วเริ่มโวยวาย
อยู่ๆจะมาบอกไม่ให้กลัวขอเวลาทำใจบ้างสิ แล้วสูงขนาดนี้เนี้ยนะบอกไม่ต้องกลัวถ้าเผลอตกลงไปแทบไม่ต้องหาร่างเลยมั้งนั้น... ร่างบางบ่นในใจ
แจ็คเริ่มลดความเร็วลง “ถ้าประมาณนี้พอจะใช่ได้ไหม”
เอลซ่าพยักหน้าก่อนจะค่อยๆปล่อยมือที่จิกแขนของแจ็คออก “ก็.....” เอลซ่ามองทิวทัศน์ด้านล่างทุ่งดอกไม้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่ถูกประดับด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ สลับกับป่าไม้ไปเรื่อยๆตลอดทาง “สวยจัง...นี้แจ็คเจ้ารู้จักรึเปล่าว่าที่นี้ที่ไหน”
ดูเหมือนว่าเอลซ่าจะตกหลุมรักทิวทัศน์ของที่นี้ซะแล้ว แจ็คมองร่างบางในอ้อมแขนที่ตื่นเต้นราวกับเด็กๆ
“ป่าของเมืองทาร์น่ะ ที่นี้มีดอกไม้บานตลอดปีเพราะฝีมือของเทพแห่งผลผลิต บางทีเวลาข้าเบื่อๆก็ชอบมาพักที่นี้นะเพราะป่านี้ไม่มีคนอาศัยอยู่”
“แจ็คเจ้าให้ข้าลองบินเองได้ไหม” เอลซ่าเอ่ยปากขอ ดูเหมือนว่าเธอจะติดใจทริปทัวร์ลัดฟ้ากับแจ็ค ฟรอสต์ซะแล้ว
“ถ้าบินเองเลยคงไม่ได้แต่ถ้าอย่างนี้ละ...” แจ็คค่อยๆปล่อยมือที่โอบเอวของเอลซ่าเอาไว้ ก่อนจะยื่นมืออีกข้างไปจับมือของเธอไว้ “ไกลกันได้มากที่สุดก็แค่นี้ อย่าปล่อยมือเด็ดขาดล่ะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่งั้น...ร่วงแน่”
“เวลามองอะไรไกลๆแล้วทุกอย่างดูเล็กลงเนี้ย....เหมือนกับอะไรบางอย่างที่คอยจะล่ามเราไว้จากที่ไหนสักแห่งมันหายไปเลย...”เอลซ่าว่างพล่าปล่อยน้ำแข็งออกจากฝ่ามือเล็กๆของเธอ
“ไม่สำคัญหรอกว่าจะอยู่ที่ไหน หรือว่ามองเห็นว่าอะไรเล็กหรือใหญ่ เพราะไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนเจ้าก็ยังเป็นเจ้าอยู่ดีน่ะแหละ”
“อื่ม...” ถึงคำพูดนั้นดูจะเป็นคำพูดที่เรียบง่ายแต่มันกลับมีอะไรบ้างอย่างที่แฝงอยู่ภายในโดยที่ทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ยังไงเจ้าก็เป็นราชินีจอมแย่งชีนที่ชอบนอนน้ำลายยืด” แจ็คว่าพล่างขำกับคำพูดตัวเอง เธออยู่ที่ไหนเธอก็เป็นเธอน่ะแหละ นี่เขาก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าพูดออกไปได้ยังไงคิดอีกทีก็แสลงหูพิลึก
“นายนี้มะ...” เอลซ่าที่กำลังเสกก้อนหิมะเพื่อปาใส่แจ็คต้องหยุดชะงักลงเมื่อเธอถูกอะไรบางอย่างชนเข้าอย่างจังจนจุก
ร่างบางกระเด็นไปตามแรงที่ชนก่อนจะร่วงลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
“เอลซ่า!!!” แจ็ครีบลอยลงไปหาเอลซ่าแต่ดูเหมือนว่ากระแสลมที่พัดขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นจะทำให้เขาเอื้อมมือไปไม่ถึงเธอสักที
บ้าเอ๋ยจะถึงพื้นอยู่แล้ว
“โธ่เว้ย!!” แจ็คโยนไม้เท้าของเท้าทิ้งแล้วออกแรงถีบตัวเองไปที่ร่างของเอลซ่าที่กำลังร่วงลงสู่พื้น เขาพยายามยื่นมือไปคว้าตัวเอลซ่าไว้อย่างสุดชีวิต...
ทันทีที่แจ็คถึงตัวเอลซ่า เด็กหนุ่มดึงร่างบางมาซบอก สองแขนโอบตัวของเธอราวกับเป็นเกาะป้องกัน หูทั้งสองข้างฟังจังหวะของสายลมพร้อมดวงตาสีฟ้าจ้องมองพื้นดินที่ใกล้ขึ้นมาทุกที แจ็คอาศัยจังหวะที่ร่างของทั้งคู่ชนเข้ากับกิ่งไม้พลิกตัวลงด้านล่าง
“ไม่ต้องกลัว...เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร” แจ็คกระชับแขนที่บังร่างของเอลซ่าไว้ให้แน่นขึ้นก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะตกถึงพื้น
เมื่อร่างของทั้งคู่ตกลงพื้นมือของแจ็คที่ค่อยบังร่างของเอลซ่าก็ค่อยๆคลายออกก่อนจะตกลงสู่พื้น เอลซ่ารีบลุกขึ้นก่อนจะเขย่าร่างของแจ็คเพื่อเรียกสติของเขาแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล ร่างของแจ็คที่นอนอยู่นั้นเต็มไปด้วยรอยซ้ำจากการกระแทกพื้นอย่างแรง
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!! ขอร้องล่ะ!! ท่านพ่อ! ท่านแม่...” ร่างบางลดเสียงลด ภาพในวัยเด็กที่เธอเคยพลาดจนเกือบฆ่าน้องสาวตัวเองตายถึงสองหนแล่นเข้ามาในความคิดของเธอ
และครั้งนี้เธอก็เป็นต้นเหตุของเรื่องอีกแล้ว
“ฮึกๆ ข้าขอโทษ ข้า...” เอลซ่าก้มหน้าลงพื้น น้ำตาค่อยๆไหลลงเปื้อนแก้มทั้งสอง
“ถ้าข้าไม่ได้อยู่กับเจ้าเรื่องแบบนี้ก็คงไม่...” ร่างบางสะอื้นแม้ว่าพยายามเค้นเสียงออกมาเท่าไรก็ไม่มีเสียงออกมา แต่กลับกันแม้พยายามกลั้นน้ำตาไว้แค่ไหนมันก็ไหลออกมาไม่หยุดเสียที
“นี้เจ้าน่ะ ร้องไห้ขนาดนั้นใครตายหรอ...” ร่างที่นอนนิ่งค่อยๆลืมตาขึ้นมาอยากยากลำบาก ก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดบนหน้าของเอลซ่า
“ประทับใจจริงๆที่ได้เห็นภาพนี้ ช่างน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง” ควันสีดำค่อยๆรวมตัวกันเป็นร่างของชายผมสีดำ ดวงตาส่องแสงสีเหลืองราวกับดวงตาของสัตว์ป่าตอนกลางคืน มือที่ซีดคล่ำราวกับไม่มีเลือดเอื้อมมือมากระชากร่างของเอลซ่าไปทางด้านหลัง
“เจ้าจะทำอะไรนะ” เอลซ่าตะโกนขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้ายกเท้าเหยียบร่างของแจ็คที่นอนนิ่งอยู่
“พิทช์ เจ้าตะ..อ๊าก!!” ยังไม่ทันที่แจ็คจะพูดจบพิทช์ออกแรงเหยียบไปบนตัวของเขาแม้ว่าแจ็คจะอดทนไม่พูดอะไรออกมาแต่สีหน้าของเขาก็บ่งบอกความรู้สึกที่เจ็บปวดตอนนี้ได้ดี
นางฟ้าตัวน้อยที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของแจ็คบินออกมา ก่อนจะมีท่าทางที่ตกใจเมื่อเห็นชายที่อยู่ตรงหน้ เธอทำท่าจะบินกลับเขาไปในกระเป๋าเสื้อของแจ็คอีกครั้งแต่พิชท์กลับสร้างทรายสีดำขึ้นมาก่อนจะเล็งไปทางนาง
“หยุดนะ” เอลซ่าวิ่งมาคว้าตัวนางฟ้าน้อยไว้ก่อนจะสร้างน้ำแข็งขึ้นกันร่างของเธอ
“โอ้...เอลซ่าราชินีแห่งอาเรนเดลล์ข้าได้กลิ่นความหวาดกลัวที่อยู่รอบตัวเจ้า...มันช่างหอมหวน ข้าชักจะหลงไหลในตัวเจ้าซะแล้ว ซิว่าไง...เจ้าสนใจจะร่วมมือกับข้าไหมล่ะ” ร่างตรงหน้าของเอลซ่าค่อยๆก้าวมาหาเธออย่างช้าๆ
“อย่าเข้ามานะ” เอลซ่าถอยหนีแต่ดูเหมือนว่ายิ่งหนีคนตรงหน้าก็ยิ่งชอบใจ
“ก็บอกว่าอย่าเข้ามาไง!!” เอลซ่าตะโกนก่อนจะปล่อยพลังในการสร้างน้ำแข็งขึ้นมา พริบตาทั่วทั้งบริเวณก็ถูกปกคลุมเต็มไปด้วยหิมะ หนามแหลมผุดขึ้นจากพื้นดินอย่างไม่มีทิศทางทำให้ชายตรงหน้าต้องถอยไปยื่นอีกด้านของเอลซ่า
“เจ้าคิดว่าทุกคนจะให้อภัยเจ้าหรอ..คิดว่าตอนนี้คนในอาณาจักรของเจ้ารักเจ้าอย่างนั้นหรอ กับคนที่สาปอาณาจักรตนเองให้กลายเป็นน้ำแข็งอย่างเจ้ าหรือแค่ว่าทุกวันนี้...เขาอยู่เพราะความกลัวในพลังของเจ้า” เอลซ่าที่ยืนอยู่ต้องซะงั้นกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
มันคือสิ่งที่เธอกลัวว่าสักวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้นกับตัวเธอ
พิชท์ค่อยๆเดินลัดเลาะหนามน้ำแข็งมาทางเอลซ่าอีกครั้งพร้อมกับควันสีดำที่อยู่ในมือ ควันนั้นค่อยๆลอยมาหาร่างบางที่ยื่นสั่นอยู่ก่อนจะกลายเป็นม้าสีดำขนาดใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“ออกไปน่ะ” เอลซ่าตะโกนอย่างสุดเสียงแต่ก็เหมือนเดิมพิชท์ไม่ได้มีท่าทางว่าจะหยุดตามคำพูดของเธอแต่อย่างใด
ม้าสีดำค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างไปจนกลายเป็น...
อันนา
“เจ้าเคยคิดบางไหมว่าทำไมต้องเป็นเจ้า ในขณะที่เจ้าต้องหวาดกลัวกับพลังที่แสนวิเศษของเจ้า ขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อที่จะต้องคอยปิดบังมันเรื่อยมา ทนทุกข์อยู่กับพลังที่เจ้าไม่ต้องการ แต่น้องสาวของเจ้ากลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในด้านนอก ไม่ต้องมารับรู้เรื่องของเจ้า ใช้ชีวิตอย่างอิสระไม่ต้องปิดบังใคร...” พิชท์ว่าจบก็โบกมือของตัวเองลงควันสีดำค่อยๆสลายไปในอากาศ ก่อนจะเดินมาอยุดอยู่ตรงหน้าของเอลซ่า
“ออก...ไป..นะ” เอลซ่ายกมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้น แต่ทว่ามือของใครบางคนกลับพยุงเธอให้ลุกขึ้น
“ตายยากจริงเชียว แจ็ค ฟรอสต์” พิชท์จ้องหน้าชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเอลซ่าเขม่ง แจ็คค่อยๆดันเอลซ่าไปทางด้านหลังตนก่อนจะเดินขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าพิชท์
“อย่ามายุ่งกับเอลซ่า นางไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้!!”
“เกรงว่าจะเกี่ยวเต็มๆ เพราะคนบางคนตอนนี้กำลังอยากได้ตัวนาง และข้าก็ต้องทำมันด้วยสิ” พิชท์เถียงกลับ นั้นทำให้แจ็คที่ยืนอยู่แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
ใครต้องการตัวเอลซ่า และต้องการไปทำไม
“คนอย่างเจ้าไม่มีไม้เท้าจะไปทำอะไรได้ ก็เป็นได้แค่เด็กที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ควันสีดำค่อยโผล่ขึ้นมารอบๆตัวแจ็คก่อนจะโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง
อย่างที่พิชท์ว่าตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้ แจ็คได้แต่ยืนเป็นกระสอบทรายอยู่ตรงกลางวงล้อม แต่เขาก็หลบไปที่ไหนไม่ได้เพราะถ้าเขาหลบนั้นหมายถึงการโจมตีทั้งหมดจะไปโดนเอลซ่าที่อยู่ด้านหลังของเขา
“พอได้แล้วพิทช์ แบล็ค....วันนี้พอแค่นี้ก่อน ร่างของข้าไม่ไหวแล้ว” สิ้นเสียงก็ปรากฏร่างของเด็กผู้หญิงที่อยู่อีกฝั่งของความมืด แม้จะเห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็พอรู้รูปร่างของเธอ
เด็กหญิงมีผมสีขาวยาวจนเกือบถึงเขา ผิวพรรณที่ขาวซีดบ่งบอกว่าเจ้าตัวแทบจะไม่เคยออกมาโดนแสงแดดเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีแดงสดจ้องมองมาที่ร่างของเอลซ่า
ทันทีที่สายตาของทั้งสองสบกันร่างของเอลซ่าก็ทรุดลงกับพื้น มือทั้งสองยกขึ้นมากำหน้าอกข้างซ้ายของตนอย่าทรมาน
เด็กน้อยยิ้มอย่างพอใจกับภาพตรงหน้า “หวังว่าเราคงได้พบกันอีกครั้งเอลซ่า ทายาทของเลือดที่โสมม...” ว่าจบร่างของเธอก็หายไปในพริบตา
เหลือแต่พิทช์ที่ยังลังเลว่าจะทำตามคำสั่งดีไหม ในเมื่อเขากำลังจะทำในสิ่งนั้นสำเร็จอยู่แล้ว
เอลซ่าอาศัยจังหวะที่พิทช์หันไปมองเด็กหญิงคนนั้นสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาก่อนจะคว้ามือของแจ็คให้วิ่งหนีไปอีกทาง
“เหอะ!! วันนี้พอแค่นี้ก็ได้ยังไงความกลัวของเจ้าก็หนีข้าไปไหนไม่พ้น...เอลซ่า” พิทช์ว่าจบก็สลายเป็นควันสีดำก่อนจะลอยหายไปในอากาศ
ทันทีที่เอลซ่าเห็นว่าพิชท์หายไปแล้วเธอก็ลดความเร็วลง “เราหนีคนพวกนั้นพ้นแล้วใช่ไหมแจ็ค... ขอบใจที่เจ้าช่วยข้าไว้อีกครั้ง..พวกนั้นเป็นใครกันเจ้ารู้ไหม..เขารู้เรื่องตัวข้า.....เจ้าคิดว่ายังไง” เอลซ่าหันหน้าไปคุยกับแจ็คแต่ทว่าภาพที่เห็นคือ...
ร่างของแจ็คที่ค่อยๆล้มลง สำผัสที่เย็นเฉียบจากมือของอีกฝ่ายแล่นสู่มือของเอลซ่าอย่างรวดเร็วนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้สำผัสกับความรู้สึกที่เรียกว่า “ความหนาวเย็น” เอลซ่าประคองร่างของเด็กหนุ่มอย่างทุลักทุเล
“แจ็ค!!”
ความคิดเห็น