ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic.[Jelsa] melt your heart ปลดล๊อคหัวใจ ยัยราชินีหิมะ

    ลำดับตอนที่ #23 : chapter 18 Can't hold it BACK anymore (สมบูรณ์)

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 57


     Chapter 18 

    Can't hold it BACK anymore  

     Presented by Papermail. 



    (ELSA)

    ทำไม แม้ว่าข้าจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแค่ไหน
    แต่ข้ากลับรู้สึกว่า.. 
    " ข้าไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปเลย... "

    ก๊อค...ก๊อค..

    เสียงเคาะจากอีกฟากหนึ่งของบานประตูปลุกร่างของเอลซ่าที่ทิ้งกายลงข้างเตียงอย่างอ่อนล้าแรงให้ตื่นจากภวังค์

     

    แขนเรียวเล็กพยุงร่างของตนขึ้นมาช้าๆก่อนจะพยายามปรับสายตาของตนมองไปยังต้นเสียง

     

    แกรก....

    ทันทีที่มือเรียวบางได้สำผัสกับผ้าห่มผืนหนา ไอเย็นก็ค่อยๆรวมตัวกันกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งขนาดย่อม เอลซ่าได้แต่นิ่งอึ่งกับภาพตรงหน้า

    .

    .

    .

    ที่ทันทีที่ตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบชักมือออกทันที เท้าเรียวเล็กค่อยๆก้าวถอยหลังช้าๆอย่างไม่เชื่อสายตา เอลซ่ากุมสองมือที่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวของเธอเอาไว้แน่นก่อนจะพยายามข่มตาลงเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเองเอาไว้

     

    Conceal, don't feel. Conceal, don't feel.

    (ปกปิดเอาไว้และอย่ารู้สึก ปกปิดมันเอาไว้อย่าให้ใครรู้)

    Be a good girl, you always have to be.

    (เจ้าก็แค่เป็นอย่างที่เจ้าเคยเป็นมาหน่ะเอลซ่า...)

     

    ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งลงบนเตียง สองมือประสานกันแน่นราวกับจะภวนา ผิวที่เคยขาวนวลราวกับหิมะตอนนี้ขึ้นสีเดงระเรื่อเพราะแรงบีบ หญิงสาวพิงหัวของตนเข้ากับมือทั้งสองอย่างใช้ความคิด

     

    เอลซ่ามันต้องไม่เป็นไร เจ้าทำได้ มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ไม่เป็นอะไรเอลซ่าแจ๊คก็สอนเจ้า....
    แจ๊ค...เขาก็..สอนเจ้าไปแล้วนี่*...

    (Ch.3 ราชนิกูลที่ดีก็ต้องคู่ควรกับการเต้นรำที่สง่างามสิ)

     

    “ได้โปรดเถอะ..เลิกนึกถึงเขาสักทีเอลซ่า...” ร่างบางถอนหายใจเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่บานประตู หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเอื่อมมือไปผลักบานประตูออก

     

    เอลซ่าเจ้าทำได้..เอลซ่าเจ้าต้องมั่นใจ..เจ้าต้องมั่นใจ..ได้โปรดอย่าเกิดอะไรขึ้นเลย.....

     

    แกรก...

    ไอเย็นที่หมุนวนอยู่รอบฝ่ามือรวมตัวกันอย่างช้าๆก่อนจะกลายเป็นน้ำแข็งที่เกาะอยู่บริเวณด้านในของบานประตู เกล็ดน้ำแข็งที่เคยฉาบอยู่ที่บริเวณผนังห้องค่อยๆแผ่บริเวณกว้างขึ้นก่อนจะวิ่งมาจนถึงประตูบานเดิมที่ถูกแง้มเอาไว้

     

    “โอ๊ย!!” เสียงร้องมาจากอีกฟากหนึ่งของบานประตูดังข้ามมากระทบกับโสตประสาทของหญิงสาวที่กำลังจะเปิดบานประตูออก


    ร่างบางตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงยื่นตัวสั่นอยู่ตรงบานประตู มือเรียวเล็กรีบดึงบานประตูเข้ามาก่อนจะกระแทกมันอย่างแรง

     

    “นี่มันน้ำแข็งนี้”

     

    ไม่ใช่ข้านะ..ข้าไม่ได้ทำ...

     

    “องค์ราชินี องค์ราชินีเป็นอะไรรึเปล่าเพค่ะ องค์ราชินีได้โปรดตอบด้วยองค์ราชินี” สาวใช้เคาะประตูรั่ว แต่ร่างบางกลับไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของอีกฝ่าย สองเท้าทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรงก่อนจะบีบมือตนเองเอาไว้จนแน่น

     

    “องค์ราชินีไม่เปิด นี้เจ้าจะทำยังไงดี”

     

    “ไปตามองค์หญิงอันนามาสิ”

     

    “ใช่องค์หญิงอันนา เจ้าก็มากับข้าด้วย มันอันตราย” สาวใช้พูดออกไปอย่างเผลอตัว แต่แปลกที่ประโยคนี้หญิงสาวที่อยู่ในห้องกลับได้ยินชัดเต็มของหู

     

    JACK FROST

    “นี้ลุงบันนี้ แจ๊คเป็นอะไรไปอะ?? ตั้งแต่อลิซมาถึงแจ๊คไม่ยอมพูดกับอลิซสักคำเลย” เด็กน้อยยืนกอดบันนี้ไว้แน่นเพราะป่าที่แสนสวยงามจนเอลซ่ายังเคยเอ่ยปากชมตอนนี้กลับถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลนไปทั่วทุกบริเวณ

     

    “ข้าไม่ใช่หมอดูนะ เอาใส่นี้ไว้ก่อน”บันนี้ชโงกมองแจ๊คที่นั่งอยู่ริมบ่อน้ำ ก่อนจะสวมเสื้อโค๊ดตัวหนาให้เด็กสาวตรงหน้า

     

    ไอ้เบือกนี้ใจคอจะเปลี่ยนป่าทั้งป่าให้กลายเป็นขั่วโลกเหนือเลยรึไง....

     

    “อลิซเดียวเจ้าไปเล่นที่อื่นก่อนสักพัก ข้าขอคุยอะไรกับไอ้บ้านั้นสักหน่อย” บันนี้ว่าจบก็ดันอลิซให้ไปอีกทาง ก่อนจะเดินไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ริมธารน้ำแข็งขนาดใหญ่

     

    “เป็นอะไรไอ้เบือก”

     

    “เรื่องนี้ไม่เกียวกับเจ้า อย่ามายุ่งนะบันนี้” แจ๊คพูดเสียงอ่อยก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

     

    “ทะเลาะกับผู้หญิงที่ชื่อเอลซ่าที่เคยพามาด้วยละสิ” บันนี้ว่าพล่างเลิกคิ้วสูง

     

    “บันนี้ มันด์” แจ๊คตวัดสายตาดุไปที่เจ้าของชื่อ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้สะทกสะท้านกับสายตาที่เย็นชาสักเท่าไร

     

    “พอจะบอกข้าได้ไหมว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แจ๊ค” บันนี้ว่าพล่างนั่งลงข้างแจ๊คอย่างถือวิสาสะ

     

    “ข้ากับเอลซ่าเรา....เอ่อ..โอ๊ย!!เรื่องมันยาว อธิบายยาก!..ข้าขอข้ามละกัน”

     

    บันนี้มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแทบไม่เชื่อสายตา ถึงเขาจะเป็นกระต่ายบันนี้แต่ก็อยู่มานานพอจนรู้ว่าอะไรควรจะเป็นอะไร

     

    “แจ๊ค..เจ้ารู้ไหมว่าการทะเลาะกันครั้งนี้มันไม่ได้กระทบแค่เจ้าแค่สองคน เจ้าจะบอกกับอลิซยังไงว่าเจ้าทะเลาะกับเอลซ่า ทั้งๆที่อลิซรอวันที่จะได้เจอเจ้ากับเอลซ่าอย่างใจจดใจจ่อ”

     

    “ข้า..” แจ๊คหลับตาพล่างถอนหายใจอย่างแรง “จะให้ข้าทำยังไง...ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายไล่ข้าออกมาเอง!!

     

    แจ๊คตะโกนอย่างหัวเสียก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังใส่อารมณ์กับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

     

    “ขอโทษบันนี้...” แจ๊คว่าจบก็ก้มหน้ากับมือทั้งสองข้างของตน

     

    “แจ๊คดูนกตัวนี้สิสวยมากๆเลย ชอบจังแจ๊คดูสิเหมือนทำมาจากหิมะเลย” เสียงตะโกนของอลิซดังมาจากอีกทางบอกให้สองหนุ่มได้รู้ว่าเวลาคุยกันหมดลงแค่นี้แล้ว

     

    “ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกยังไง..ผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกไปไม่ต่างจากเจ้าถ้าเจ้ารักนางก็ไม่ควรปล่อยให้นางต้องรู้สึกแบบนี้” บันนี้ตบไหล่บันนี้เบาๆก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง

     

    “แจ๊คดูสินี่ๆๆเชื่องด้วย” อลิซวิ่งมาหาแจ็คก่อนจะยื่นนกสีขาวราวกับเกล็ดหิมะมาทางเด็กหนุ่ม แจ๊คมองนกในอ้อมแขนของเด็กน้อยอย่างคุ้นตา

     

    “อ่อนี้ ตุ๊กตาหิมะที่เจ้าสร้างน่ะทำยังไงมันถึงจะมีชีวิตขึ้นมาได้ 

     

    “ใส่....ความรู้สึกลงไป..ล่ะมั่ง? 

     

    “แล้ว?? ช่วยทำให้ดูหน่อยสิ” แจ็คยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าเอลซ่ายอมพูดกับเขาแล้ว

     

    ร่างบางวาดมือไปในอากาศพร้อมกับพยายามควบคุมเกล็ดหิมะที่ปล่อยออกมา หิมะสีขาวค่อยๆรวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างช้าๆ หญิงสาวยังคงวาดมือไปเรื่อยๆพลางคิดไปเพลินๆว่าจะสร้างเป็นตัวอะไรดี

     

    “เอลซ่า...” แจ็คเรียกคนตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะฉวยโอกาสที่เจ้าตัวกำลังเผลอดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามาหาตน..

     

    มือเล็กค่อยๆโน้มคอร่างตรงหน้าลงมาช้าๆ เด็กหนุ่มหลับตาลงก่อนจะกดริมฝีปากเข้ากับร่างตรงหน้า ลิ้นหนาค่อยๆดันกลีบปากบางอีกฝ่ายออกเพื่อเปิดทาง มือหนาที่เคยโน้มคออยู่นั้นพยายามกดใบหน้าของอีกฝ่ายเข้ามาทางตนให้มากขึ้น

     

    เหมือนช่วงเวลาได้หยุดลง..มันทั้งเงียบจนแทบจะได้ยินเพียงเสียงหัวใจของทั้งสองฝ่ายที่เต้นระรั่ว

     

    เกล็ดน้ำแข็งที่ค้างอยู่ในอากาศค่อยๆเปลี่ยนเป็นรูปนกก็จะบินออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับแจ็คที่ค่อยๆถอยริมฝีปากออกช้าๆ

     

    แจ็คมองเอลซ่าที่นั่งตาค้างกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมา...

     

    “ครั้งต่อไป...หลับตาด้วยล่ะองค์ราชินี”

     

    “....เอลซ่า”

     

    “ห่ะ..แจ๊คจะพาอลิซไปหาเอลซ่าแล้วหรอ เย้..เย้..อลิซดีใจที่สุดเลย” อลิซว่าพล่างกระโดดโลดเต้นอยู่รอบตัวเด็กหนุ่มจนนกน้อยในอ้อมแขนบินหนีขึ้นท้องฟ้าไป

     

    “อลิซฟังข้านะ...” แจ๊คว่าพล่างย่อตัวลงนั่ง สองมือหนาวางลงบนไหล่ของเจ้าตัวเล็กอย่างเบามือ

     

    “เจ้าอยู่กับข้าคนเดียวก็สนุกออกนะ ข้าเป็นเทพผู้พิทักษ์เวลาทำงานข้าก็พาเจ้าไปด้วยเจ้าจะได้มีเพื่อนมากมาย..”

     

    “แต่ว่า...”

     

    “ถ้าเจ้าอยากมีเพื่อนข้าก็เป็นเพื่อนให้เจ้าได้....ข้าเลี้ยงเจ้าคนเดียวได้อลิซ” แจ๊คว่าพล่างลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

     

    “แจ๊ค......เจ้า..ร้องไห้ทำไม” อลิซค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมาร่างคนตรงหน้า

     

    แจ๊คเลิกคิ้วสูงพร้อมกับสายหัวเบาๆ “ข้าเป็นผู้ชายนะจะร้องไห้ได้ยังไง”

     

    “แต่อลิซได้ยิน...” เด็กน้อยว่าก่อนจะค่อยๆวางมือของตนลงบนอกของคนตรงหน้า “..ข้างในนี้มันกำลังร้อง อลิซได้ยินว่าแจ๊คกำลังเศร้าอยู่...แจ๊คเป็นอะไร”

     

    เด็กหนุ่มสวมกอดเด็กสาวตรงหน้าอย่างแผ่วเบา “ขอโทษนะอลิซแต่ข้าคงพาเจ้าไปหาเอลซ่าไม่ได้อีกแล้ว”

     

    ทางด้านปราสาทแห่งอาณาจักรเอเรนเดลล์

    “พี่เอลซ่าได้โปรดออกมาคุยกับน้องเถอะ..พี่เอลซ่าน้องใจไม่ดีเลย พี่เอลซ่า พี่เอลซ่า” อันนาเคาะประตูห้องรัวเมื่อเห็นคนข้างในไม่ยอมตอบหญิงสาวจึงตัดสินใน


    พูดลอดช่องกุญแจเข้าไปด้านใน

    .

    .

    .

    .

    “ปั่นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม??...”

     

    “พี่ก็อยาก..จะปั่นมนุษย์หิมะ..” เอลซ่าที่เอนร่างของตนเข้ากับบานประตูได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับตัวเอง น้ำใสเอ่อขอบตาทั้งสองข้างจนร้อนผ่าวก่อนจะค่อยไหลรินลงสู่ด้านล่าง

     

    ทำไม แม้ว่าข้าจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแค่ไหนแต่ข้ากลับรู้สึกว่าข้า...ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปเลย....

    .

    .

    .

    .

    .

    ก๊อค....ก๊อค....ก๊อคก๊อค..ก๊อค...ก๊อค     

    “เอลซ่า..เรามาปั่นมนุษย์หิมะด้วยกันหม๊ายยยยย....” เสียงอู้อี้ที่ลอดผ่านช่องกุญแจเข้ามาด้านในปลุกเจ้าหญิงองค์น้อยที่กำลังมองเด็กๆในเมืองเล่นหิมะกันอย่างมีความสุขผ่านบานหน้าต่างให้ตื่นจากภวังค์

     

    ก๊อค....ก๊อค....ก๊อคก๊อค..ก๊อค...ก๊อค

    “เอลซ่าข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ในนี้....ออกมาน๊าาา มาเล่นกันเถอะ”

     

    “ไม่เอลซ่าเจ้าต้องอยู่ในนี้ต่อไป ถ้าเจ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายกับอันนะเป็นครั้งที่สอง” เจ้าหญิงองค์น้อยพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีฟ้าสดดวงน้อยเต็มไปด้วยความกังวลทอดมองไปที่บานประตูอย่างลังเลสอง

     

    จนเมื่อแน่ใจว่าอันนากลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว เท้าเรียวเล็กก้าวไปที่บานประตูช้าๆก่อนจะพิงเข้ากับบานประตูบานเดิม

     

    “พี่ก็อยากจะปั้นมนุษย์หิมะ...ที่พี่พูดนั้นคือเรื่องจริง

    แต่พี่จำเป็นต้องอยู่แค่ห้องข้างใน

    ไม่ว่าจะนานเท่าไรพี่ต้องซ่อนตัวเอาไว้

    เรายังเป็นเพื่อนที่แสนดี หวังว่าสักวัน...

    เราจะได้เคียงข้างกันดังเคย

    พี่ก็อยากจะปั่นมนุษย์หิมะ โปรดถ้าได้เหมือนเคยก็คงดี

    (รู้ไหมอันนา...พี่จะรอ)

    พี่ก็อยากจะปั่นมนุษย์หิมะ ได้วิ่ง เล่น เต้นเล่นไปด้วยกัน

    พี่ก็เหงาแบบนี้นานแล้วเช่นกัน..มันคงเป็นโชคชะตาที่พี่ต้องยู่ในนี้

    (อยู่ต่อไปแล้วกัน..เอลซ่า)

    ในนี้มันแสนจะน่าเบื่อ พี่ก็เหงาเหมือนกันแต่พลังต้องถูกซ้อนไว้

    (ปกปิดเอาไว้ และอย่ารู้สึก)

    .

    .

    .

    อันนา น้องอยู่ตรงนั้นพี่รู้..จะทำยังไงหากน้องไม่กลัว

    พลังในกายเริ่มมีมากขึ้นทุกเมื่อ

    ไม่อาจจะซ้อนต้านทาน...เก็บมันอีกแล้ว

    พลังที่มีช่างน่ากลัว

    หากคิดหวนคืนไปน้องไม่ควรจะเจ็บอีกครั้ง....

    พี่..ก็อยาก..จะปั่นมนุษย์...หิมะ

    โปรดเถิดได้เหมือนเคย...ก็คงดี

     

    เริ่มมีรีดบอกว่าไรต์เก็บกดอะไรมาคะครึ่งแรกก็ดราม่า ครึ่งหลังก็ดราม่า ก็อยากจะบอกว่าตอนนี้ก็ดราม่านะจ๊ะ วิ๊ววิว แต่รู้ว่ารีดอ่านแล้วจิตตกเลยพยายามอัพเร็วๆให้มันรีบๆผ่านไป

    ตอนแรกก็จะไม่ดราม่าเยอะหรอกแต่อ่านของตัวเองแล้วแบบ ไม่เมลล์ยังได้อีก ยังไม่สุด ยังดิ่งลงเหวได้อีก

    1 เมลล์อยากสือให้รู้ว่าแจ๊คเริ่มมีอิธิพลกับเอลซ่าขนาดไหน จะเอาให้กลับไปใส่ถุงมืออีกเลย >3<
    2 เพื่อปูทางให้พระเอกคนดีคนใหม่เข้ามาในชีวิตของราชินีที่กำลังโศกเศร้า ฮึๆๆ แสนดีบรม
    3 เพื่อให้รู้ว่าฉากหวานหลังดราม่ามันจะขนาดไหน...??

    ปล.เพลงเมลล์เอามาจากยูทูปนะคะ ไม่ได้แต่งเองชอบก็เลยอยากใส่

    แถมๆๆ... 

    JACK with BUNNY



     Presented by Papermail. 

    แจ๊คเทพผู้พิทักษ์หนุ่มปรึกษากับบันนี้ฉบับ " เกรียน "




    บันนี้ : เจ้าเป็นอะไรไปแจ๊ค ทะเลาะกับผู้หญิงที่ชื่อเอลซ่าที่เจ้าเคยพามาใช่ไหม??
    แจ๊ค : อื่ม..ข้าอารมณ์เสียแล้ว...ข้าไปขื่นใจนาง // กุมขมับ
    บันนี้ : สมแล้วละพ่อควายเผือกไป featuring เขายังงั้น เขาไม่เอามีดอีโตสับของสำคัญก็ดีเท่าไรแล้ว
    แจ๊ค : ...
    บันนี้ : ควายเผือกเอ่ยย!!
    แจ๊ค : ... //น้ำตาคลอ


    บันนี้ : แล้วเจ้าไปทำอีท่าไหนละเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้
    แจ๊ค : ... // มองอย่างอึ่งๆ 
    บันนี้ : เอ้านี้เจ้าปรึกษาข้าไม่ใช่หรือไงก็บอกมาสักทีสิ // เริ่มโมโห
    แจ๊ค : ก็อยากที่บอกข้าขื่นใจนาง...ท่าก็ไม่ยังไงหรอกก็มีนอนหงาย นอนตะ...
    บันนี้ : ข้าไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นโว๊ยยย
    แจ๊ค : อ้าว...
    บันนี้ : ไอ้ควายเผือกเอ้ย!!
    แจ๊ค : ... //น้ำตาคลอ



    บันนี้ : แต่ข้าว่าเจ้าไปขอโทษนางซะดีกว่า มันครั้งเดียวข้าว่านางน่าจะเข้าใจ
    แจ๊ค : แต่ว่า... // เอานิ้วจิ้มวนๆ
    บันนี้ : อะไรครั้งเดียวจะไปคิดอะไรมากมาย
    แจ๊ค : ครั้งเดียว..แต่หลายรอบนี้ // ก้มหน้ารู้สึกผิด
    บันนี้ : 0 0 พ่อคุ๊ณณณณ..นี้กะผลิตลูกเลยรึไง
    แจ๊ค : ก็อยากมีเหมือนกัน...เดียวอลิซไม่มีเพื่อน // หลบสายตา
    บันนี้ : โอ๊ย!! ไม่คุยกับเจ้าแล้ว!!
    แจ๊ค : บันนี้...
    บันนี้ : ไม่ต้องมาเรียกข้าไอ้ควายเผือก!!
    แจ๊ค : ... // น้ำตานองหน้า


     






     
    แก๊กมุกนี้ไซร้ ไม่เกียวกับเนื้อเรื่อง เอ๊ะรึจะเกียวนี้น๊าาาา... แจ๊ค -.,- // เช็ดกำเดา
    กลัวรีดเดอร์เครียดเอามุกปัญญาอ่อนกากๆไปอ่านแก้เซ็งก่อนละกัน
    ปล. รีดเดอร์คนไหนเคยเห็นหนังหน้าที่แท้จริงอันแสนโหดร้ายของเมลล์แล้ว ห้ามเลยนะห้ามๆๆเอาหน้าเมลล์ไปคิดว่า "อ่อ...หน้าอย่างเนี้ย นึกว่าจะแบ๊ว เหอะๆ"

     


     





    มือเรียวบางเปิดลิ้นชักบานเก่าออก ก่อนจะค่อยๆหยิบบางสิ่งที่อยู่ในนั้นขั้นมาสวม

     

    “อย่าเปิด..ใจไป...

    อย่าให้เขาเห็น..ต้องเป็นคนดี...ที่เขาสอนให้..เป็น

    ปก..ปิด.ในใจ.....อย่า..ให้..เขารู้......”

    .

    .

    .

    แอด...

    ประตูบานหนาถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ก้าวเดินออกมาอีกครั้งในฐานะของราชินีแห่งอาณาจักรเอเรนเดลล์

          

    “เปิดประตูวัง...เราจะต้อนรับแขกที่มาในคืนนี้” ร่างบางสั่งด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยตามนิสัย หญิงสาวเก็บมือก่อนจะก้าวเดินอย่างสง่างามสมกับเป็นราชนิกูลแห่งอาณาจักร

     

    “พี่เอลซ่า...” อันนาที่นั่งอยู่อีกด้านของกำแพงเอ่ยเรียก

     

    เอลซ่าเหลือบมองร่างของอันนาที่นั่งกอดเข่าอยู่ริมกำแพงก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

     

    ทันทีที่เห็นว่าตนเองถูกเมิน หญิงสาวก็รีบลุกขึ้นยื่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า “นี้จะไม่สนใจฉันเลยรึไงท่านพี่ น้องนั่งรออยู่ตรงนี้...มานานแล้วนะ”

     

    “จะทำอะไรก็ทำ..” เอลซ่าเอ่ยตอบโดยไม่แม้จะหันกลับไปมอง

     

    “ทะ..ท่านพี่ว่าไงนะ”

     

    “พี่บอกว่า..จะ-ทำ-อะ-ไร-ก็-ทำ ” เอลซ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้นก่อนจะหันมามองน้องสาวของตนที่ตอนนี้ดีใจจนแทบจะร้องไห้

     

    “รักท่านพี่เอลซ่าที่สุดในโลกเลย!!” อันนาวิ่งมากระโดดกอดเอลซ่าอย่างสุดแรงจนเจ้าตัวเซไปตามแรงของอีกฝ่าย

     

    ความร้อนจากร่างของอีกฝ่ายแผ่เข้ามายังฝ่ามือเรียวบางที่กอดร่างนั้นเอาไว้แน่น จนทำให้อันนาต้องรีบปล่อยมือออกด้วยความตกใจ

     

    “โห้...พี่เอลซ่าตัวร้อนจี้เลย..น้องว่าไปตามแพทย์หลวงมาจะดีกว่านะ ดูสิเนี้ยร้อนขนาดนี้”

     

    “พอเลยๆ ไปแต่งตัวได้แล้วงานเลี้ยงจะเริ่มแล้วนะ แล้วก็ดูสิเนี้ยจะร้องไห้ทำไม เดียวก็ไม่สวยหรอก”เอลซ่าพูดพล่างยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของอีกฝ่าย

     

    ดวงตาสีมรกตมองมือเรียวบางที่ยื่นเข้ามาหาตนก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกไปจากเดิม

     

    “นี่พี่เอลซ่าใส่ถุงมือทำไม ก็ไหน..”

     

    “เอ่อ..” เท้าเรียวบางเผลอก้าวถอยตามสัญชาติญาณก่อนจะรีบไพล่มือไปทางด้านหลังเพื่อหลบให้พ้นสายตาคนตรงหน้า “น้องรีบไปแต่งตัวเถอะ พี่ว่าจะไปหามาชเมลโล่ก่อนนะ พี่ไปล่ะ..” เอลซ่าว่าจบก็รีบวิ่งไปอีกทาง

     

    JACK FROST

    “ให้ตายเถอะ ดันเผลอหยิบติดมือมาซะได้” เด็กหนุ่มว่าพล่างยกเข็มกลัดสีทองขึ้นมองในระดับสายตา ตัวเรือนถูกเกะสลักอย่างปราณีตเป็นลวดลายสิงโตสองตัวบริเวณด้านบนมีกิ่งมะกอกประดับอยู่รอบๆ พร้อมกับอักษรที่สลักเอาไว้ว่า..

     

    King of arendelle (ราชาแห่งอาณาจักรอาเรนเดลล์)...

     

    “เรื่องอะไรจะเอาไปคืน..” แจ๊คว่าจบก็เงื้อมือขึ้นสูงเตรียมพร้อมที่จะขว้าง... แต่ก็ถูกเสียงหนึ่งขัดเอาไว้เสียก่อน

     

    “ไอ้เกรียน อลิซหลับไปแล้วนะ”

     

    “อะไรของเจ้าเนี้ย..มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” แจ๊คว่าก่อนจะรีบเก็บเข็มกลัดใส่กระเป๋าเสื้อไว้อย่างเดิม เพราะถ้าบันนี้รู้ว่าเขามีมันอยู่ละก็ไม่แคล่ว..คงได้โดนถีบส่งให้เอากลับไปคืนแน่

     

    “ตกใจอะไรของเจ้า อย่างกับเห็นผี”

     

    “ปะ..เปล่า ข้าว่าข้าไปดูอลิซหน่อยดีกว่า” แจ๊คว่าจบก็รีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง

     

    เด็กหนุ่มเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องของอลิซแต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูเสียงเล็กๆของด้านในก็ดังแทรกขึ้นมา

     

    “จันทร์เจ้าขา..อลิซจะไม่ได้เจอกับเอลซ่าอีกแล้วหรอคะ อลิซคิดถึงเอลซ่า..ขอแค่ครั่งเดียวก็ยังดี ขอแค่ได้เจออีกสักครั้ง แล้วอลิซสัญญานะอลิซจะเป็นเด็กดี อลิซจะไม่ดื้อ...อลิซจะไม่ซน...อลิซสัญญาว่า..”

     

    แกรก...

    เสียงประตูเปิดดังขึ้นพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาด้านในแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำให้เจ้าตัวแสบถึงกับสะดุ้งเผลอตะโกนจนเสียงดัง “...อลิซก็จะไม่ดื่อกับแจ๊คอีกแล้ว!

     

    “บันนี้อะ..อลิซตกใจหมดเลย” อลิซบ่นอุบ แต่พอเจ้าตัวน้อยหันไปก็ต้องตกใจกับแขกคนสนิทที่แอบย่องเข้ามา “แจ๊ค...”

     

    “...”

     

    “อลิซขอโทษนะ อลิซไม่ได้ตั้งใจทำให้แจ๊คไม่สบายใจ” เด็กน้อยรีบปีนลงมาจากบานหน้าต่างก่อนจะวิ่งมากอดเด็กหนุ่มที่เพิ่งมาเยือน

     

    “ขอโทษอะไร? ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแหละ...ไม่ได้ยินอะไรเลย” แจ๊คตีสีหน้าพล่างลูบหัวเด็กสาวตรงหน้าอย่างทะนุถนอม

     

    “แจ๊ค..เจ้ารู้ไหมว่าการทะเลาะกันครั้งนี้มันไม่ได้กระทบแค่พวกเจ้าแค่สองคน เจ้าจะบอกกับอลิซยังไงว่าเจ้าทะเลาะกับเอลซ่า ทั้งๆที่อลิซรอวันที่จะได้เจอเจ้ากับเอลซ่าอย่างใจจดใจจ่อ”

     

    บางทีข้าควรจบเรื่องนี้ด้วยตัวของข้าเอง... แจ๊คคิด

    .

    .

    .

    .

    เด็กหนุ่มลูบหลังกล่อมร่างเล็กจนผล่อยหลับสู่ห่วงนิทรา มือหนาหยิบผ้าห่มขึ้นมาก่อนจะค่อยๆคลุมร่างของเจ้าตัวน้อยเอาไว้

     

    เด็กหนุ่มจรดริมฝีปากประทับลงบนเรือนผมสีบรอนซ์แซมขาวของเด็กสาวที่หลับไหลอยู่บนเตียงอย่างอ่อนโยน “พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปหานอร์ธ”

     

    แจ็คหยิบไม้เท้าของตนขึ้นมาก่อนจะเดินไปนั่งที่บานหน้าต่างบานหนา  สายลมแห่งฤดูหนาวพัดผ่านร่างของเด็กหนุ่มอย่างช้าๆราวกับจะพยายามกล่อมบรรเลง

     

    เด็กหนุ่มนั่งห้อยขาลงกับบานหน้าต่างก่อนจะซุกมือของตนลงในกระเป๋าเสื้อฮูท ความรู้สึกเย็นเฉียบเมื่อมือหนาสำผัสกับโลหะบางสิ่งที่อยู่ในนั้นทำให้เด็กหนุ่มหยิบมันติดมือขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

     

    ข้าจะจบเรื่องนี้เอง...

     

    “ก็แค่เอาไปคืน มันก็แค่นั้นแจ๊ค....” แจ๊คว่าจบก็ทิ้งตัวลงไปด้านล่าง สายลมแห่งฤดูหนาวพัดผ่านร่างของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยนพร้อมรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย

     

    “ข้าจะไปเอเรนเดลล์...”

     

    Elsa

    ร่างบางเดินมาจนถึงด้านตะวันตกของปราสาท แต่ทว่ายังไม่ทันได้กล่าวทักทายเจ้าตัวตรงหน้าที่นั่งหันหลังให้อยู่ ก็โดนพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

     

    “ไง..เหนือยไหม” เจ้าตัวโตพูดก่อนจะหันหลังกลับมาทักทายเธอ

     

    “เจ้าพูดเรื่องอะไร ข้าสบายดีอย่างที่เจ้าเห็นอยู่ตอนนี้นั้นแหละ”

     

    “ข้าไม่ได้ถามเจ้า ข้าถามนี้ต่างหากว่าเหนื่อยไหม” มาชเมลโล่ว่าจบก็ชี้มาที่อกด้านซ้ายของผู้เป็นนายที่ตอนนี้มันอ่อนล้าจนแทบจะทนไม่ไหว

     

    “เจ้ารู้..??” เอลซ่าถามอย่างสงสัยถึงบางทีเธอพอจะรู้สาเหตุแล้วบ้างก็เถอะ

     

    “ถ้าตอนนี้เจ้าไม่ได้ยินเสียงที่อยู่ด้านในของเจ้า เจ้าอยากจะฟังความรู้สึกของเจ้าที่ยืนอยู่ตรงนี้ไหมล่ะ”

     

     

    Alice and Bunny side

    “นี่ไอ้ตัวแสบ..นี่ตื่นได้แล้ว” บันนี้ที่แอบซุ่มอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเพื่อสนิทคู่อาฆาต(?)ออกไปแล้วก็รีบวิ่งออกมาจากที่ซ้อนเพื่อรายงานสถานการณ์กับผู้ร่วมอุดมการณ์ในครั้งนี้

     

    และเขาขอสาบาญกับตัวเองเลยว่านี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขายอมลดตัวลงมาช่วยเจ้าเพื่อนตัวแสบคนนี้

     

    “ไอ้บ้านั้นออกไปแล้วตื่นมาได้แล้วมั่ง จะนอนตายไปเลยรึไงยัยตัวแสบ” ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกอลิซก็รีบลุกจากที่นอนก่อนจะแอบมองผ่านบานหน้าต่างบานเดิมที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มแทพผู้พิทักษ์

     

    “เย้ๆๆ แจ๊คไปแล้ว!!” อลิซว่าพลางกระโดดโลนเต้นอย่างดีใจไปทั่วห้อง

     

    “ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเจ้าไม่ขอร้อง ข้าไม่มีวันทำเรื่องบ้าๆอย่างนั้นแน่นอน” บันนี้ว่าพล่างเชิดหน้าแดงๆของตนขึ้นเล็กน้อย

     

    “ขอบคุณนะคะ ลุงบันนี้” อลิซว่าจบกระโดดกอดกระต่ายร่างยักษ์ตรงหน้าอย่างแรงก่อนจะปีนขึ้นไปขี่คอตามประสาเด็ก

     

    “เดี่ยวนะ...ลุง???”

     

    Elsa side

    “เจ้าก็แค่เอ่ยคำว่าขอโทษ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยทำ..แต่นี้คือสิ่งที่เจ้าควรทำ” เสียงของมาชเมลโล่ดังก้องอยู่ในหัวของหญิงสาวราวกับจะย้ำเตื่อน

     

    “พูดขอโทษข้ายังพอทำได้.. แต่จะไปหาตัวเจอได้ที่ไหนกันเล่า” องค์ราชินีพูดอย่างอารมณ์เสีย สองเท้าที่เดินตามหาเด็กหนุ่มไปทั่วทั้งเมืองเริ่มที่จะอ่อนล้า แถมความรู้สึกที่หนักอึ่งอยู่ในหัวก็ยิ่งทวีความรุ่นแรงขึ้นตามสภาพอากาศที่อยู่ด้านนอก

     

    แค่บอกลา..ตาบ้านั้นยังไม่พูดเลย แล้วถ้าเจอจะไม่โดนไล่กลับมารึไงเนี่ยเอลซ่า...

     

    ร่างบางเดินมาเรื่อยๆสักพักสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างๆหนึ่งที่นั่งอยู่ริมเสาพร้อมกับแก้วใบหนึ่งที่ตั้งไว้ตรงหน้า ถึงคนตรงหน้าจะแต่งตัวสะอาดตาแต่เธอก็รู้ดีว่าคนๆนี้กำลังขออะไรอยู่

     

    ร่างบางวางเหรียญทองสามสี่เหรียญลงในแก้ว ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่แม้จะมองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่นิ่งอึ่งกับการกระทำของเธอ

     

    เมื่อตั้งสติได้สักพัก เด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นยื่นก่อนจะคว้าข้อมือของหญิงสาวพร้อมกับวางเงินทั้งหมดคืนลงบนฝ่ามือเรียวบาง

     

    “คืนข้าทำไม รู้ไหมว่าการที่เจ้าทำแบบนี้มันทำให้เอเรนเดลล์ดูไร้ศักดิ์ศรี รับเงินนี้ไปแล้วกลับเมืองของเจ้าไปซะ”

     

    “เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าไม่ใช่คนของเมืองนี้ บางทีข้าก็เป็นคนเมืองนี้แต่เจ้าอาจจะไม่เคยเห็นข้าก็ได้” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วสูงอย่างท้าทาย

     

    “อันดับแรกเลย เครื่องแต่งกายของเจ้าเป็นโทนสีสว่างน่าจะมาจากเขตร้อนแถบทางตอนใต้ สองวันนี้เป็นวันเกิดขององค์หญิงอันนาแห่งอาณาจักรเอเรนเดลล์ ก็ไม่แปลกที่จะมีแขกต่างเมืองมาเยือน สามข้า-รู้-จัก-ทุก-คน-ใน-เมือง-นี้” เอลซ่าพูดจบก็เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยื่นเหรียญทองลงบนมือของเด็กหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง

     

    “...”

     

    “เจ้าคงจะคลาดกับเจ้านายของเจ้า เก็บนี้ไว้เถอะ เจ้าจะได้กลับเมืองของเจ้าได้ แล้วก็อย่าทำอย่างนี้อีก” ร่างบางว่าจบก็รีบเดินไปอีกทาง

     

    “นี้ยัยผมเปีย ยัยผมเปียกลับมาก่อน” เด็กหนุ่มตะโกนลั้นแต่กลับไม่มีท่าทีของหญิงสาวที่จะหันหลังกลับมามองเลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวรีบสาวเท้าไปก่อนจะคว้าข้อมือของหญิงสาวมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ร่างตรงหน้ากับไถลมาตามแรงจนเด็กหนุ่มตกใจเผลอปล่อยมือ ทำให้ร่างบางฟุบลงไปกับพื้น

     

    “นี้...เป็นอะไรไปหน่ะ” เด็กหนุ่มรีบพยุงร่างตรงหน้าขึ้นมาพล่างเขย่าเบาๆเพื่อเรียกสติ มือหนาทาบลงบนหน้าผากของหญิงสาวก่อนจะค่อยๆเช็ดเม็ดเหงือที่อยู่บนใบหน้าออก ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองร่างของหญิงสาวที่นอนหายใจถี่ระรัวอยู่ในอ้อมแขนด้วยสายตาทีไม่ค่อยสู้ดีนัก

     

    “แล้วบ้านเจ้าอยู่ตรงไหน..ละเนี้ย”

    .

    .

    .

    .

    .

    เอลซ่าค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะพบว่าตอนนี้ร่างของเธอนอนหลับอยู่บนตักของใครบางคน..

     

    เร็วกว่าความคิดฝ่ามือเรียวบางฟาดไปที่ร่างของคนตรงหน้าเต็มๆจนใบหน้าเด็กหนุ่มนั้นหันไปตามแรง

     

    “เจ้าชาย!!” เด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามร้องตะโกนอย่างแทบไม่เชื่อสายตาถึงเขาจะเป็นผู้ติดตามของเจ้าชายองค์นี้มานาน แต่นี้นับเป็นครั้งแรกที่คนตรงหน้าโดนหญิงสาวประทับฝ่ามือลงบนหน้า แถมในความคิดของเขาหญิงสาวคนนั้นยังเป็นสามัญชนคนธรรมดาอีกต่างหาก

     

    เด็กหนุ่มยกมือของตนลูบใบหน้าที่แดงจนขึ้นรูปก่อนจะพยายามอธิบายทุกอย่างให้หญิงสาวตรงหน้าเข้าใจ

    .

    .

    .

    .

    “ตอนแรกข้าจะพาเจ้าไปบ้านเจ้า แต่ข้าไม่รู้ว่าบ้านเจ้าอยู่ไหน ข้าก็เลย..”

     

    “นี่เจ้ามางานวันเกิดขององค์หญิงอันนาหรอ ?? ” เอลซ่าแทรกถามขึ้นเมือเห็นรถม้าที่ตนกำลังนั่งอยู่นั้นกำลังมุ่งหน้าไปที่ปราสาท

     

    “รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ ว่าข้าไม่อยากมางานนี้เลย ไร้สาระจะตายถ้าท่านพ่อข้าไม่บังคับนะข้าก็ไม่ว่าให้เสียเวลาหรอก” เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดอย่างอารมณ์เสีย

     

    “ระ..หรอ” เอลซ่าที่ได้ฟังคำพูดไปเต็มๆสองหูถึงกับนิ่งอึ่งทำอะไรไม่ถูก

     

    “แล้วยังมาบอกอีกนะว่าให้ไปทำดีกับยัยองค์ราชินีนั้น เหอะ!ให้ไปผูกมิตรกับคนรุ่นแม่หรอ..เรื่องอะไรจะทำ ได้ข่าวมาอีกนะว่ายังไม่ได้แต่งงานฟันธงเลยขึ้นคานชัวร์ผู้หญิงแบบนี้”

     

    “บางทีเขาอาจจะไม่แก่ก็ได้นะ แถมไอ้เรื่องขึ้นคานก็..(จริง)” เอลซ่าฝืนยิ้มก่อนจะหลบหน้าไปอีกทาง

     

    “เอ่อนี้เจ้าข้าพอจะมียาติดมาบ้างเจ้าลองกินดูสิเป็นสูตรของเมืองข้า เกวนเอายามาให้เธอที” เด็กหนุ่มว่าจบก็หั่นไปสั่งคนตรงหน้า

     

    “แต่ว่าเจ้าชาย...” เด็กหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งหันหลังให้พร้อมกับส่ายหน้าปรามเจ้าชายตรงหน้าเบาๆพอเป็นมรรยาท

     

    “ไปเอายามา” เด็กหนุ่มกดเสียงต่ำพร้อมกับตวัดสายตาที่ดุดันจนร่างตกหน้าตกใจกลัวก่อนจะรีบวิ่งไปหยิบยาที่ด้านหลังรถม้ามาให้

     

    “เอ่อนี้...เจ้าจะตามข้าเข้าไปในปราสาทก็ได้นะเดียวงานเลี้ยงเลิกแล้วข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”

     

    “ขอบคุณนะ” ร่างบางหันกลับไปยิ้มในความมีน้ำใจของเด็กหนุ่มตรงหน้า

     

    “แล้วเจ้าชื้อของเจ้าล่ะ ข้ายังไม่รู้เลย..ข้าชื้อฟรานซ์เป็นเจ้าชายจากแดนใต้ ส่วนคนเมื่อกี้ชื่อเกวนเป็นคนติดตามของข้าเอง” เด็กหนุ่มว่าจบก็ผายมือไปทางเอลซ่าราวกับรอการแนะนำตัวของเธออย่างใจจดใจจ่อ

     

    “ข้าชื่อ อะ..”

     

    “ยามาแล้วครับ” เกวนเดินมาก่อนจะยื่นขวดยามาให้เอลซ่า ร่างบางรับมาก่อนจะดื่มมันเข้าไปจนหมดขวด จนเด็กหนุ่มตรงหน้ายังต้องอึ้งเพราะดีกรีความขมของยานี้จัดกว่าปราบเซียนขนาดผู้ชายร่างโตบางคนยังไม่กล้าที่จะดื่ม

     

    “จะ..เจ้าทำได้ไง” ฟรานซ์ได้แต่มองตาค้าง

     

    “ถึงปราสาทแล้ว” เอลซ่าพูกแทรกก่อนจะเดินลงรถม้าโดยที่ไม่ได้สนใจฟรานซ์เลยแม้แต่น้อย ทันทีที่บรรดาแม่บ้านเห็นเธอเดินลงมาจากรถก็รีบกุลีกุจอมาตอนรับจนเด็กหนุ่มทั้งสองได้แต่มองอย่างแปลกใจ

     

    “ยินดีต้อนรับกลับพะยะคะองค์ราชินีเอลซ่า” นายทหารยื่นมือมารับฝ่ามือของหญิงสาว

     

    “ราชินี/องค์ราชินี” เด็กหนุ่มทั้งสองพูดออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง แสดงว่าตลอดทางที่เขาบ่นเรื่องอาณาจักรนี้ให้คนตรงหน้าฟังก็คง..เข้าหูไปเต็มๆ

     

    ฟรานซ์ยิ้มแห้งๆบอกลาหญิงสาวตรงหน้าแต่ในขณะเดียวกันก็เอียงคอกระซิบกับเด็กหนุ่มผู้ติดตามของตน “เกวนบอกคนรถให้รีบกลับเมืองเลย ขืนอยู่ในงานเลี้ยงอาจโดนยาพิษตายก็ได้นะ..”

     

    “หวังว่าข้าคงจะได้เจอพวกท่านในงานเจ้าชายฟรานซ์ และก็เจ้าด้วยเกวน”

     

    “ข้าว่าเปลี่ยนเป็นบอกท่านพ่อ ท่านแม่ด้วยว่าข้ารักพวกท่าน” เด็กหนุ่มกล่าวคำสั่งลา(?)เสร็จก็ค่อยๆก้าวลงจากรถม้าด้วยสภาพหมดอาลัยตายอยาก

     







     


    ว่าจะอัพตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ติดเรียนตอนนี้อัพแล้วนะอัพแล้ว ปล.รูปข้างบนไปเจอมาในเว็บแฟนอาร์ต แฟนอาร์ตวาดขึ้นมาเอง แต่เรื่องข่าวที่โฟรเซ็นและไรส์ฯจะมีภาคสองในปี 2015 นี้ค่อยข่างจะเชื่อได้จริงนะ ก็ภวนาต่อไปว่าจะมาอยู่ในเรื่องเดียวกันรึเปล่า อุ๊ยๆๆ

    เม้นต์ให้เขาหน่อยนิใกล้จะจบแล้วนะเม้นต์เถอะๆๆ เดียวจบไม่สวยเอาน๊าาาา (ขู่ๆๆ)




    “พี่เอลซ่า ทางนี่! ทางนี่!” อันนาที่ยื่นอยู่บริเวณกลางงานตะโกนเรียกหญิงสาวอย่างสุดเสียงจนสายตาของทุกคนในงานต่างพากันมองมาที่เธอเป็นตาเดียว

     

    แน่นอนรวมถึงสายตาของเจ้าของชื่อที่ตอนนี้ได้แต่ยื่นกุมขมับอยู่ทางปากประตูกับนิสัยของน้องสาวตัวแสบที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที

     

    อันนานะอันนา คอยดูนะจะจับเรียนมรรยาทใหม่ให้หมดเลย... เอลซ่าคิดพล่างมองไปรอบๆตัวเธอที่ตอนนี้ทุกสายตาเริ่มที่จะเปลี่ยนมาจ้องมองเธอแทน

     

    ร่างบางรีบสาวเท้าเดินมายังน้องสาวตัวต้นเหตุ พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเด็กหนุ่มร่างใหญ่ที่ยื่นอยู่ข้างน้องสาวตัวดี

     

    “คริสตอฟฟ์..ทำไม..นาย??” เอลซ่าที่เพิ่งเดินมาถึงได้แต่ยื่นอึ่งกับภาพตรงหน้า

     

    “ก็พี่เอลซ่าบอกว่าจะทำอะไรก็ทำ น้องก็เลยชวนเขามาด้วย” อันนาวิ่งมาเกาะแขนเอลซ่าพร้อมกับยิ้มร่า จนหญิงสาวผู้เป็นพี่ได้แต่ถอนหายใจ

     

    นี่สรุปข้าเป็นฝ่ายผิดใช่ไหมเนี้ย...

     

    “เดียวก่อนนะพี่เอลซ่า” ฝ่ามือเรียวบางวางทาบมือลงบนต้นคอของหญิงสาวก่อนจะสำผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่เข้ามา แถมยิ่งนานเข้าก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ “นี้พี่หายากินแล้วหรือยัง น้องว่าพี่กลับไปพักที่ห้องก่อนเถอะ”

     

    “พี่ไหวน่า..อันนา อีกอย่างยาพี่ก็กินแล้วด้วย”

     

    “กินยาแล้ว..แล้วทำไมพี่ถึงอาการแย่ลงล่ะ เชื่อน้องเถอะพี่เอลซ่า พี่กลับไปพักที่ห้องก่อนเถอะ"

     

    “พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกอันนางานเลี้ยงยังไม่เริ่ม..ถ้าพี่หายไปมันจะดูไม่เหมาะ”

     

    “แต่..วะ”

     

    “เรียนเชิญองค์ราชินีเอลซ่าแห่งอาณาจักรเอเรนเดลล์กล่าวเปิดพิธีฉลองราชสมภพองค์หญิงอันนาราชนิกูลแห่งอาณาจักรอาเรนเดลล์ด้วยเพคะ”

     

    ยังไม่ทันที่จะพูดจบสัญญาเริ่มพิธีก็ดังขึ้นเรียกหญิงสาวผู้เป็นพี่ไปอีกทาง

     

    “พี่ไปก่อนนะ...เอ่อ..นี่อันนาสุขสันต์วันเกิด” เอลซ่ายื่นไข่อีสเตอร์ให้แก่น้องสาว ไข่ใบนั้นถูกตกแต่งด้วยหิมะเป็นลวดลายเถาไม้เลื้อย พร้อมประดับด้วยตัวอักษรสีขาวสะอาดตาที่ยกนูนขึ้น

     

    Happy birthday, ANNA

     

    “ขอบคุณคะพี่เอลซ่า...รักพี่เอลซ่าที่สุดเลย” เด็กสาวว่าจบก็โผเข้ากอดร่างบางจนสุดแรง

     

    “พี่ต้องไปแล้ว อยู่ที่นี้ก็ทำตัวนิ่งๆอย่าไปทำอะไรให้แขกที่มางานว่าเราได้นะ..” เอลซ่าว่าพล่างปัดปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าของหญิงสาวขึ้นทัดหู ก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มที่เดินอยู่ข้างเธอ

     

    “เอ่อ..ขะ..ข้าฝากอันนาด้วยนะ” ว่าจบเอลซ่าก็เดินไปที่ด้านหน้าซึ่งถูกจัดให้เป็นบริเวณลานพิธีในคราวนี้

     

    ร่างบางก้าวขึ้นบันไดอย่างช้าๆ ใบหน้าเรียวสวยได้รูปที่เชิดขึ้นเล็กน้อยนั้นยิ่งส่งให้ดูสง่าและน่ายำเกรงสมฐานะราชินี

     

    “เราขอขอบคุณทุกท่านที่มาเป็นเกียรติในงานวันเกิดขององค์หญิงอันนาราชนิกูลองค์สุดท้ายของอาณาจักรเอเรนเดลล์ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พวกท่านสละเวลามาร่วมงานในครั้งนี้ ส่วนทางด้านที่พักในคืนนี้ทางเราจะจัดรับรองพวกท่านอย่างสมเกียรติ ขอให้พวกท่านมีความสุขกับงานนี้”

     

    แปะ..แปะ..แปะ

    ทุกคนในงานต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นปรบมือจนดังก้องไปทั่วบริเวณ เอลซ่าโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะถอยหลังเดินกลับไป

     

    สองเท้าค่อยๆก้าวเดินลงบันไดเพื่อกลับไปหาน้องสาวของตน แต่ทว่ายังไม่ได้ที่จะก้าวพ้นขั้นบันไดดวงตาสีฟ้าสวยก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของอันนาที่กำลังกับชื่นฉ่ำในรสจูบของแฟนหนุ่มอย่างสุขสม

     

    ร่างบางยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบสาวเท้าไปทางอันนาจนเผลอชนเข้ากับแขกที่มางานจนร่างของเธอนั้นเซไปชนเข้ากับโต๊ะสำหรับวางอาหารรับรองแขก

     

    “ขะ..ขอโทษคะ” เอลซ่ารีบก้มหัวขอโทษก่อนจะชะโงกหน้ามองไปทางอันนาแต่ภาพที่เธอเห็นตอนนี้กลับเป็นภาพของอันนาที่กำลังยืนกินช๊อคโกแลตของโปรดของเธออยู่คนเดียว

     

    ร่างบางสะบัดหัวแรงๆสองสามที ก่อนจะพยายามกระพริบตาเพื่อปรับสายตาของตนให้เข้าที่

     

    เมื่อกี้เรา..ตาฝาดไปหรอ ก็เราเห็นว่า...อุก!!...

     

    จู่ๆความรู้สึกเจ็ดปวดราวกับเส้นประสาทกำลังถูกบีบอย่างแรงวิ่งแล่นไปทั่วร่าง จนมือเรียวเล็กที่วางไปกับโต๊ะอาหารเผลอกำผ้าปูโต๊ะแน่น ร่างบางพยายามสะบัดหัวแรงๆเพื่อเรียกสติที่กำลังค่อยๆเลือนหายไปให้กลับมา

     

    ร้อน...อยากล้างหน้า...

     

    อันนาที่เห็นเอลซ่าทำท่าไม่ดีก็รีบวิ่งมาพยุงร่างบางเอาไว้ไม่ให้ฟุบลงไปกับพื้น


    “พี่เอลซ่าเป็นอะไรรึเปล่า ไปพักที่ห้องก่อนเถอะ”

     

    “มะ..ไม่เป็นไรเดียวพี่ไปนั่งพักสักแปบที่ห้องทำงานดีกว่า อีกอย่างยังไม่ได้ไปดูเลยด้วยว่าของที่สั่งเอาไว้ได้รึยัง” เอลซ่าว่าจบก็ค่อยๆก้าวเดินออกจากงานเลี้ยงไปที่ห้องทำงานของตน

     

    JACK FROST

    เด็กหนุ่มหยุดตรงบริเวณห้องของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจดันบานหน้าต่างบานเดิมออก

     

    นึกว่าจะล๊อคเอาไว้ซะอีก....

     

    ไม้เท้าคู่ใจตวัดม่านผืนบางขึ้นเหนือหัวก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าเปือยเปล่าเข้ามาด้านใน

     

    ดวงตาสีฟ้าสดกวาดมองหาร่างบางไปทั่วห้อง แต่ก็พบแต่เพียงความมืดที่ปกคลุมอยู่ทั่วจนแทบมองไม่เห็นอะไร แจ๊คก้าวเดินมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดลงที่บริเวณเตียงหนาที่ตนคุ้นเคยดี พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเศษหิมะที่ใสราวกับแก้ววางกองอยู่บริเวณโต๊ะเล็กข้างเตียง

     
    แตก...

    ฮึ..ถ้าเจ้าไม่ต้องการมัน มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะเก็บเศษแก้วพวกนี้ไว้.... เด็กหนุ่มคิด
    พล่างปัดกองเศษแก้วลงพื้น

     

    เหลือเพียงตัวอักษรที่ติดแน่นกับพื้นไม้ไม่ยอมตกลงไปด้านล่าง

     

    ELSA will always beside you.

     

    แจ๊คได้แต่ยืนนิ่งกับภาพตรงหน้า ดวงตาสีฟ้าสดจ้องมองเศษแก้วอยู่นานอย่างแทบไม่เชื่อสายตา

     

    ข้าหวังว่าข้าคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองใช่ไหม....เอลซ่า

     

    มือหนาค่อยๆลูบตัวอักษรที่สลักอยู่ด้านบนอย่างแผ่วเบา ขณะเดียวกันรอยยิ้มก็ค่อยๆฉายบนใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกครั้ง

     

    แจ๊คโยนไม้เท้าของตนไปอีกทาง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า กลิ่นหอมครุกรุ่นของหญิงสาวที่แสนคุ้นเคยเป็นอย่างดีกระทบโสตประสาทจนเด็กหนุ่มเผลอไผลไปกับกลิ่นหอมนั้น มือหนาค่อยๆเลื่อนออกห่างตัวก่อนจะวางลง..ตรงที่ร่างบางเคยนอน

     

     

    “ข้ากลับมาแล้ว..”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    แอ๊ด...

    เสียงบานประตูเปิดที่ถูกเปิดอออก ปลุกร่างของเด็กหนุ่มที่เผลอหลับไปให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

     

    มือหนาค่อยๆยันตัวขึ้นมาพล่างพยายามปรับสายตาของตนให้คุ้นชินกับความมืดก่อนจะมองไปยังบานประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้

     

    “เอลซ่า...”

     

    “นะ..นั้นแจ๊คหรอ” แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช้เสียงของหญิงสาวที่เขาตั้งตารอกลับเป็นเสียงของโอลาฟมนุษย์หิมะตัวจุ้น

     

    “เอลซ่าละโอลาฟอยู่ไหน??”

     

    “ช่วยด้วยแจ๊ค..เอลซ่าหายตัวไปไหนก็ไม่รู้”

     

    ทั้งทีที่ได้ยินหัวใจของเด็กหนุ่มก็แทบตกลงไปที่ตาตุ่ม มือหนารีบคว้าไม้เท้าของตนก่อนจะรีบวิ่งออกไปตามหาหญิงสาวคนสำคัญอย่างสุดชีวิต

     

    ถ้าเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาข้าไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่….

     

    ELSA 30min before*

    ทางด้านเอลซ่า 30นาทีก่อนหน้านี้

     

    ความเจ็บปวดที่ระงมอยู่ทั่วทั้งหัวแล่นไปทั่วร่างจนร่างบางแทบเดินไม่ไหว สองมือเรียวบางพยายามคลำทางมาเรื่อยๆจนถึงห้องทำงาน แต่ทว่าห้องที่น่าจะไม่มีใครอยู่เข้ากลับมีแสงสว่างลอดออกมาจากบานประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้

     

    ร่างบางพยายามเร่งฝีเท้าของตนขึ้นอีกนิด ทันทีที่ถึงห้องทำงานเอลซ่าก็รีบผลักบานประตูเข้าไปด้านใน

     

    “ใครน่ะ” เอลซ่าพยายามตะโกนเรียกร่างของใครบางคนที่กำลังยืนหันหลังให้ตนอยู่

     

    ร่างนั้นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันหลังกลับมาอย่างใจเย็น “องค์ราชินีนั้นเอง ข้าเองจำได้ไหม..”

     

    “ฟรานซ์..? เจ้ามาที่นี้ทำไง”

     

    “พอดีข้าหลงทางนะ เผลออีกทีก็โผล่มาที่นี้ซะแล้ว แหม่..ก็ปราสาทของเจ้ามันทั้งกว้าง ทั้งโออ่าขนาดนี้..น่าอยู่ดีเนอะ”  เด็กหนุ่มว่าพล่างยัดบางอย่างในมือลงกระเป๋าก่อนจะรีบเดินมาหาเอลซ่าที่ยืนอยู่ปากประตู

     

    ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองมายังร่างของเด็กสาวที่เริ่มจะหายใจหอบถี่เพราะพิษไข้(?) “ฮึ..น่าแปลกที่เจ้ายังยืนไหว”

     

    “จะ..เจ้าว่าอะไรน่ะ”

     

    “ปะ..เปล่า พอดีข้าหลงทางท่านพอจะไปส่งข้าที่ห้องหน่อยได้ไหม”

     

    “ตะ..แต่ข้าไม่..” ร่างบางพยายามบอกปัดเพราะรู้ดีว่าร่างของเธอตอนนี้แค่พยายามคุ้มสติไว้ไม่ให้หลุดยังยากเกินทน แล้วยิ่งความรู้สึกประหลาดที่เริ่มเข้ามาเล่นงานเธออีก

     

    “ตอนนี้ข้าหลงทาง หวังว่าอาณาจักรนี้คงไม่ใจร้ายขนาดที่ปล่อยให้แขกที่มาร่วมงานเดินหลงทางอยู่ในปราสาทโดยที่ไม่ช่วยเหลืออะไรเลยนะ” เด็กหนุ่มพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงจนร่างบางที่มีศักดิ์เป็นถึงราชินีต้องสะอึกกับคำพูดนั้น

     

    “อะ..อื่ม” เอลซ่าตอบตกลงก่อนจะพยายามฝืนร่างของตนเดินนำไปยังห้องของเด็กหนุ่ม ถึงแม้ร่างกายของเธอตอนนี้มันอ่อนล้าจนแทบจะยืนไม่ไหวยังไง แต่เธอก็มีตำแหน่งราชินีของเมืองนี้ค้ำคออยู่ แม้จะต้องฝืนแค่ไหนเธอก็ต้องทำเพื่ออาณาจักรที่เธอรักและเพื่อไถ่โทษเรื่องเมื่อครั้งก่อนที่เธอเคยสาปเมืองนี้ด้วยมือทั้งสองข้างของเธอเอง

    .

    .

    .

    “ถะ..ถึงแล้ว” เอลซ่าว่าก่อนจะเปิดประตูให้เด็กหนุ่ม ร่างบางพยายามสะบัดหัวแรงๆเพื่อเรียกสติที่ใกล้จะเลือนลางลงไปทุกทีให้กลับมา

     

    “ขอบพระทัยองค์ราชินี” ฟรานซ์เดินเข้าไปในห้องก่อนจะยืนพิงขอบประตูหนาอย่างใจเย็น ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองร่างของเอลซ่าที่อาการเริ่มแย่ลงทุกที

     

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายลงบนใบหน้าที่แสนอบอุ่นและเป็นมิตร เด็กหนุ่มยื่นมือของตนไปคว้าข้อมือของร่างตรงหน้าก่อนจะดึงร่างนั้นเข้ามาด้านใน

     

    แกร๊ก..

    ฟรานซ์เอื่อมมือไปลงกลอนบานประตูก่อนจะดันร่างของเอลซ่าชิดติดกำแพง

     

    “นี่ องค์ราชินี..ตอนนี้ได้ยินข้าไหม..? นี่..” ฟรานซ์ว่าพล่างโบกมือของตนเพื่อเรียกสติหญิงสาวแต่ทว่าผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับจากร่างตรงหน้า ดวงตาที่สีฟ้าสดที่เคยสดใสตอนนี้กลับดูเหม่อลอยจนแทบไม่เหลือสติไว้จ้องมองร่างตรงหน้าด้วยซ้ำ

     

    มือหนาตรึงไหล่ทั้งสองของหญิงสาวไปกับกำแพงก่อนจะค่อยๆแกะเปียผมที่ถูกเกล้าไว้ออก ลิ้นร้อนกรุ่นประทับลงบนต้นคอขาวนวลก่อนจะรุกล้ำไปทั่วจุดสำผัสอย่างช่ำชอง

     

    “อะ..อะ.....”

     

    ดวงตาสีเขียวมรกตเสมองร่างของหญิงตรงหน้าอย่างพอใจ

     

    “ฮึก็รอดูแล้วกันว่าจะทนไปได้สักกี่น้ำ” เด็กหนุ่มว่าจบก็ช้อนตนขาของร่างบางขึ้นก่อนจะขยับกายเข้าไปจนแนบสนิท ลิ้นหนาประทับเข้ากับกลีบปากเรียวบางของอีกฝ่ายพร้อมกับรุกล้ำเข้าตักตวงความหวานอย่างรุนแรงและร้อนกรุ่น โดยจงใจที่จะช่วงชิงลมหายใจของร่างบางเพื่อตัดกำลังคนตรงหน้าให้เร็วที่สุด

     

    “นั้นเจ้าชายจะทำอะไรหน่ะ” เกวนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นถึงกลับยืนนิ่งเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังทำบางอย่างที่เลยธงเกินไป

     

    “อย่ามายุ่งนะเกวน!!” ฟรานซ์ตะโกนลั่นพร้อมกลับตวัดสายตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยวมาทางเด็กหนุ่มผู้ติดตาม ที่ตอนนี้กล้าถือดีขนาดสอดมือมายุ่งเรื่องของเขา
     

    “แต่ถ้าท่านทำแบบนั้น ท่านจะเดือดร้อน”

     

    “ฮึ! เดือนร้อน..? ทำไมข้าจะต้องเดือนร้อนก็ในเมื่อ..” เด็กหนุ่มว่าพล่างจิกผมของเอลซ่าที่ยืนนิ่งไม่ได้สติก่อนจะเหวี่ยงร่างของเธอกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง “ตอนนี้มันไม่รู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ยา แล้วทำไมข้าจะต้องเดือดร้อน คนอย่างข้าถ้าไม่ถือไพ่เหนือกว่าไม่ลดตัวลงมาเล่นเกมกระจอกอย่างนี้หรอก”

     

    “องค์ชาย แต่ตอนนี้ท่านก็ได้ของที่ท่านต้องการแล้ว ท่านก็ไม่ควรจะยุ่งกับนาง ท่านปล่อยนางไปเถอะ”

     

    “ปล่อยแน่.....แต่ต้องหลังจากคืนนี้ ถือซะว่าแก้แค้นให้ไอ้น้องโง่มันด้วยละกัน” เด็กหนุ่มว่าจบก็กระชากแขนของร่างบางขึ้นมาอย่างไม่ไยดีก่อนจะผลักร่างที่ไม่ได้สตินั้นไปที่เตียงของตน

     

    ฟรานซ์ค่อยๆถอดเสื้อตัวหนาของตนออกจากจะโยนมันไว้ที่ปลายเตียง เท้าเปือยเปล่าก้าวขึ้นเตียงอย่างช้าๆ ก่อนจะวางมือคร่อมร่างที่ไม่ได้สติเอาไว้ เด็กหนุ่มค่อยๆไล้มือของตนปลดสายเดรสยาวที่ร่างบางสวมอยู่ออกอย่างช้าๆเผยให้เห็นถึงผิวขาวนวลน่าสำผัส

     

    ไม่รอช้าเด็กหนุ่มค่อยๆโน้มใบหน้าของตนลงก่อนจะซุกไซร้ต้นคอขาวนวลอย่างกระหาย มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาวที่คอดเว้าได้สัดส่วนก่อนจะตรึงมือของร่างบางไว้เหนือหัว

     

    “แจ๊ค..”

     

    ร่างบางที่ไม่ได้สติคร่างเรียกเด็กหนุ่มอย่างโหยหา จนร่างหนาที่พยายามจะล้วงล้ำร่างกายของเธอถึงกับซะงักอย่างอารมณ์เสีย

     

    ฟรานซ์ยื่นมือของตนจิกแก้มของหญิงสาวอย่างแรงก่อนจะยกใบหน้านั้นขึ้นมาในระดับสายตา “นอนกับข้า แต่กล้าเรียกชื้อคนอื่น....คิดว่าตัวเองเป็นใครกันฮะ!!” ว่าจบเด็กหนุ่มก็สะบัดใบหน้าของหญิงสาวลงเตียงอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะคว้าเดรสสีฟ้าสดของร่างบางขึ้นมาแล้วกระชากออกอย่างแรง เผยให้เห็นเรือนร่างชวนน่าสำผัส...แต่กลับมีรอยตีตราจองของใครคนอื่นที่เคยได้ลิ้มลองร่างของเธอเอาไว้แล้ว

     

    “ข้าว่าข้าขอตัวออกไปข้างนอกก่อนดีกว่า” เกวนที่ได้แต่ยื่นดูอยู่นานพูดแทรก

     

    “ไม่ต้อง!!” ฟรานซ์ว่าจบก็ค่อยๆซุกไซร้ริมฝีปากหนาของตนลงที่ขาอ่อนของร่างตรงหน้า “...ข้าไม่ได้รู้สึกพิศวาสยัยนี้จนอยากเก็บจะไว้ดูคนเดียวซะเมื่อไร และอีกอย่างถ้าข้าเสร็จจนเบื่อเมื่อไรข้ายกให้เจ้าต่อเลย..จะเอาไปทำอะไรก็เชิญ”

     

    “องค์ชาย ข้าว่าครั้งนี้ท่านทำเกินไปแล้วนะ ท่านไม่ควรให้นางดื่มยานั้นด้วยซ้ำ ของที่ท่านต้องการก็ได้มาแล้วเลิกทำอะไรที่มันไร้สาระสักทีเถอะ อย่าทำอะไรที่มันจะทำให้ท่านเดือดร้อนเลย”

     

    “หุบปาก!! แล้วนั่งดูไปเฉยๆนั้นแหละ”

    แกรก...
    จู่ๆบรรยาทกาศภายในห้องก็ลดลงต่ำอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มรู้สึกหนาว ไอเย็นค่อยๆก่อตัวขึ้นตามจุดต่างๆก่อนจะแผ่ขยายออกเป็นบริเวณกว้างอย่างรวดเร็ว

     

    “แล้วถ้ามันทนดูการกระทำต่ำๆของเจ้าไม่ได้ละ” มือหนาสะกิดร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังเล้าโลมร่างบางอยู่ นั้นกระชากร่างของฟรานซ์ให้ตื่นจากห้วงอารมณ์จนเด็กหนุ่มหันหลังกลับมาอย่างหัวเสีย

     

    “ข้าบอกว่าข้ามะ..”

     

    ผวะ..

    หมัดหนากระแทกเข้ากับใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างจังจนร่างนั้นกระเด็นไปอีกทางตามแรงเหวียง

     

    “อะไรของเจ้าเนี้ยเกวน” เด็กหนุ่มร่วงลงพื้นอย่างแรง มือหนาค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

     

    “ถ้าหมายถึงไอ้คนที่เคยนั่งอยู่ตรงนั้นละก็ไม่อยู่แล้ว...สงสัยคงกำลังนั่งเรือข้ามไปยังแม่น้ำปรโลกอยู่มั้ง” เด็กหนุ่มผู้มาเยือนว่าจบก็กระชากคอของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะกระแทกร่างหนาเข้ากับกำแพงอย่างจังจนร่างนั้นรู้สึกชาไปทั้งตัว

     

    “เจ้าเป็นใคร...? กล้าดียังไงถึงสอดมือมายุ่งกับเรื่องนี้!!

     

    “แล้วเจ้าเป็นใครกล้าดียังไง!! ถึงกล้าสอดมือมายุ่งกับผู้หญิงของคนอื่น!!!



    เอ้...เจ้าชายที่แสนดีหายไปไหนแล้วหว่า.... ดีบรม - -
    หวังว่าตอนนี้จะกระชากความดีใจของใครหลากๆคนให้ฮึกเหิม(?) กลับขึ้นมาอีกครั้งได้นะ

    ขอบคุณรีด 
    [[#Min'N#]]< My.iD > ที่ช่วยหาคำผิดให้เมลล์น้าาา แล้วก็ขอบคุณทุกกำลังใจทุกๆคอมเม้นต์ด้วยนะคะ

    จะดีอีกก็ช่วยๆกันเม้นต์นะ เม้นต์เยอะกำลังใจเต็มอัพเร็ว


    จะให้ดีเขียนคำนิยมเลยจะได้อัพสองวันติดกันไปเลยว่ะฮ่ะ ลองเขียนดูสิลองๆๆ(หลอกล่อ) ตอนหน้ามันจะได้มาวันพรุ่งนี้เลยไง แถมรับรองว่าฟินชดเชยที่งอนกันไปตั้ง 1 ตอนครึ่ง บริการแถมดอกเบียให้ด้วยแหม่โปรโมทสุดๆขนาดนี้ เขียนให้เค้าหน่อยสิตัวเธอก็...(อ่อยอยู่นะ)

    สุดท้ายผักกาด ผักกาด 1เมลล์แต่งฟิคนี้ฟิคเดียวนะคะ ฟิคอื่นไม่ใช่ของเมลล์คะแหม่..อยากรู้จังเลยทำไมถึงคิดอย่างนั้น รบกวนขยายความข้างล่างนี้หน่อยนะคะ

    2. เพลงญี่ปุ่นเพลงที่แล้วที่มีเนื้อร้องคือเพลงรีเมคสองเพลง Euterpe + Departure หรือถ้าไม่ใช้อันนี่ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพลง Just be friend ที่เป็น Ver. กล่องดนตรีคะ ปล.สองเพลงนี้เป็นเพลงญี่ปุ่นหมดเลยไม่แน่ใจว่ารีดอยากได้อันไหน



    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×