ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic.[Jelsa] melt your heart ปลดล๊อคหัวใจ ยัยราชินีหิมะ

    ลำดับตอนที่ #15 : chapter 13 We are FAMILY (สมบูรณ์)

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 57



    ❄ Chapter 13 :We are FAMILY 

     Presented by Papermail. △

      

    ระวังหัวใจที่แข็งกระด้างจนไร้ความรู้สึกให้ดี
    เพราะมันกำลังจะถูก 
    " ละลาย "


     

    เอลซ่าอุ้มเด็กน้อยวิ่งมาจนถึงหน้าตึกแห่งหนึ่ง บริเวณด้านนอกถูกฉาบด้วยปูนเปลื่-อยเปล่าอย่างลวกๆสภาพตึกนั้นราวกับว่าถูกทิ้งร้างไว้นานจนสีของปูนถูกแทนทีด้วยพวกราและตะไครจนเป็นสีดำเกือบทั่วทั้งตึก

     

    เอลซ่ากระชับกอดเด็กน้อยที่นอนตัวสั่นในอ้อมแขน ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปทางด้านในโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งตรงหน้า

     

    ทางด้านในของตึกแม้ว่าหน้าต่างทุกบานจะถูกปิดสนิทแต่อุณหภูมิกลับเย็นยะเยือกราวกับว่ามีไอเย็นแผ่ออกมาจากทุกทิศทาง แล้วยิ่งบวกเข้ากับทางด้านนอกที่พายุหิมะตกกระหน่ำจนมืดสนิทยิ่งส่งให้บรรยากาศตอนนี้เย็นเฉียบราวกับกำลังจะถูกแช่แข็ง

     

    “พะ..พี่สาวทางนั้น” เด็กสาวผมสีขาวโพลนชี้ไปทางบันไดลงชั้นใต้ดิน

     

    “ห้องเจ้าอยู่ทางนั้นหรอ...?” เอลซ่าเริ่มรู้สึกสงสัย เจ้าตัวค่อยๆก้าวเท้าถอยหลังจนถึงบานประตู


    “นี้แจ๊ค..เจ้าว่าบรรยากาศมันแปลกๆไหม...?”

     

    “....”

     

    “นี้แจ๊คอย่าเงียบสิ” เอลซ่าว่าพล่างหันหลังมาหาเด็กหนุ่มที่เคยเดินตามหลังเธอเป็นปกติแต่ทว่าตอนนี้สิ่งที่เธอพบกลับเป็นเพียง

     

    ความว่างเปล่า

     

    “ฮึๆ...อย่างคิดว่าจะรอดจากที่นี้ไปได้ ยัยเลือดโสมม!!

     

    ฉึก!!

    เด็กน้อยยกมีดเล่มสั้นขึ้นเหนือหัวก่อนจะแทงเข้าที่ไหล่ซ้ายของเอลซ่าจนมิดด้าม เลือดสีแดงไหลร่วงลงสู่พื้นเป็นทางส่งผลให้ร่างที่เคยอุ้มอยู่เป็นอิสระอีกครั้ง

     

    เอลซ่ายกมืออีกข้างขึ้นมากดแผลเอาไว้ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตูอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทว่า

     

    มันกลับถูกแช่ด้วยกำแพงน้ำแข็งหนา จนไร้ทางออก

     

    “บอกแล้วว่าหนีไม่พ้น ถึงเวลาที่ต้องคืนของๆข้าแล้ว!!” สิ้นเสียงเด็กน้อยก็ยกมือขึ้นก่อนจะสะบัดไปทางเอลซ่า ดวงตาสีน้ำตาลแดงก็ค่อยๆกลายเป็นสีแดงสดจนน่ากลัว พริบตาไอน้ำแข็งจำนวนมากก็พุ่งเข้าหาเอลซ่าก่อนจะกลายเป็นหนามน้ำแข็งขนาดใหญ่

     

    “ยะ..อย่าเข้ามานะ” ร่างของเอลซ่าเริ่มสั่นด้วยความกลัว..สองเท้าค่อยๆถอยก้าวหนีจนสุดทาง ทันทีที่มือเล็กที่สำผัสกับกำแพงโดยบังเอิญ บริเวณผนังทั้งหมดก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะดั่งเช่นครั้งนั้น...

     

    ครั้งที่เธอเคยร้องไห้อยู่ในห้องด้วยความหวาดกลัวที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวโดยปราศจากพ่อและแม่ที่เคยอยู่เคียงข้างเธอตลอดมา

     

    แต่ทว่ายิ่งเห็นร่างตรงหน้าหวาดกลัว เด็กหญิงเจ้าของเรือนผมสีขาวก็ยิ่งได้ใจ..เจ้าตัวยกมือขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับเกล็ดหิมะที่เริ่มหมุนวนอยู่รอบๆมือ..

     

    ก่อนจะค่อยๆรวมตัวกันทีละนิดจนมีรูปร่างเป็นดาบน้ำแข็งขนาดพอมือ เด็กหญิงมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าที่พอใจก่อนจะค่อยๆก้าวมาหาเอลซ่าอย่างช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนขนลุก

     

    “ก็บอกว่าอย่าเข้ามาไง!!” เอลซ่าตะโกนขึ้นพร้อมกับเสกเกล็ดน้ำแข็งเข้าที่ร่างของเด็กสาวอย่างลืมตัว แต่ทว่าร่างบางกลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยสักนิดเดียว

     

    “อย่ามาอวดดีโอหังกับข้านะเจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ คิดว่าตัวเองมีพลังมากมายมหาศ่าลเพียงใดเชี่ยว สำเหนี-ยกตัวเองไว้ด้วยนะว่าพลังที่เจ้ามีมันแค่ส่วนหนึ่งของข้าเท่านั้น!!!” เด็กสาวว่าจบกระสะบัดมือทั้งสองข้างกลางอากาศพริบตาบริเวณภายในก็ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา ลมพายุหิมะโหมกระหน่ำจนร่างของเอลซ่าล้มลงกับพื้น ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็เหมือนว่าตนเองอยู่ท่ามกลางพายุหิมะกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งมันเป็นภาพเดียวกับ

     

    ภาพที่เธอเคยฝันเห็นตลอดมา...

     

    เอลซ่ารีบวิ่งหนีร่างตรงหน้าอย่างสุดชีวิต เด็กน้อยยกมือข้างที่เหลือเสกกำแพงน้ำแข็งขวางทางจนร่างบางต้องรีบเปลี่ยนทิศที่วิ่งวนไปวนมาจนแทบจะไม่มีทางเดินเหลือ

     

    เอลซ่าทำได้เพียงเป็นฝ่ายรับอยู่ฝ่ายเดียว ร่างบางถอยหนีจนถึงปากบันไดลงไปชั้นใต้ดิน

     

    “อย่าคิดหนีเลย เจ้ามันเกิดมาด้วยการแย่งของๆข้าไป มีสายเลือดของมนุษย์ที่โสมม ก็ควรตายอยู่ที่นี้นั้นแหละ” เด็กสาวว่าจบก็ฟาดดาบลงมาที่ร่างของเอลซ่า โชคดีที่ร่างบางหลบพ้นแต่ด้วยความที่รีบเอี้ยวตัวทำให้เอลซ่าเสียหลักตกลงไปทางด้านล่าง

     

    ร่างบางรีบลุกขึ้นยื่น พลันที่สายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟาตัวหนาที่ดูยังไงมันก็ไม่ได้เข้ากับสภาพของห้องนี้สักนิด ร่างที่นอนอยู่มีเรือนผมมีขาวยาวสวยจนเกือบถึงพื้นแต่ถ้าหากสังเกตดีๆรอบๆตัวของเธอมีน้ำแข็งคลุมอยู่ทั่วตัวราวกับว่าถูกแช่แข็งเอาไว้เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะเอี้ยวคอมาทางด้านเอลซาดวงตาสีแดงสดจ้องมองมาที่เอลซ่าอย่างเม่อลอย


    และที่สำคัญคือเธอไม่มีดวงตาข้างซ้าย!!

     

    เอลซ่าที่เห็นอย่านั้นก็สะดุ้งตกใจกลัวจนเสียหลักล้มลง

     

    “วันหนึ่งราชินีของอาณาจักรแห่งหนึ่งทางตอนเหนือป่วยหนักเจียนตาย แถมตอนนั้นนางยังตั้งครรถ์ลูกคนแรกของอาณาจักรนั้นอีก ตอนนั้นพระราชาจัดให้มีการเชิญหมอฝีมือดีจากทั่วทุกทีเพื่อรักษาองค์ราชานีและชีวิตของราชนิกูลที่กำลังจะลืมตามาดูโลก แต่ไม่มีหมอคนไหนเลยที่จะรักษาอาการป่วยของราชินีนั้นได้พระราชาเริ่มถอดใจเพราะอากาศป่วยของราชินีเริ่มทรุดหนักทวีคูณขึ้นทุกวัน

     

    แต่ทว่าจู่ๆพระราชาก็ได้ข่าวมาว่ามีปีศาจตนหนึ่งมีดวงตาเป็นยาชั้นเลิศที่มีพลังในการรักษา แล้วรู้ไหมว่าพระราชาทำยังไง...??

     

    ไ-อ้ผู้ชายคนนั้นติดประกาศให้ผู้คนตามล่าปีศาจตนนั้น!! โดยมีรางวัลเป็นเงินมหาศาล แล้วคนพวกนั้นมันก็คือพ่อกับแม่ของเจ้ายังไงหล่ะ!!

     

    เอลซ่าที่กำลังรีบลุกขึ้นเพื่อหนีชะงักครู่หนึ่งก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นราวกับว่าทุกอย่างถูกหยุดเวลาไว้ เธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันหมุนเร็วจนเธอตามไม่ทัน

     

    ท่านพ่อ..ท่านแม่นะหรอ...เคยทำเรื่องโหดร้ายขนาดนั้น...

     

    เด็กสาวก้าวลงบันไดมาอย่างช้าๆจนมาหยุดอยู่ที่ร่างของเอลซ่าที่นั่งนิ่ง ดวงตาของหญิงสาวเบิกโตราวกับไม่อยากจะเชื่อและรับรู้กับสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา

     

    “เจ้ามันไม่สมควรเกิดมาตั้งแต่แรก ก็ควรจะตายอยู่ตรงนี้แหละ” เด็กสาวว่าจบก็ยกดาบขึ้นก่อนจะฟาดลงมาที่ร่างของเอลซ่าที่นั่งนิ่งอยู่
     


    เมลล์จะลองลงทีละครึ่งตอนนะค่ะ รีดเดอร์จะได้ไม่ต้องรอนาน 
    แต่ถ้าชอบแบบลงมาทีเดียวตอนเดียวเลยดีกว่าก็บอกได้นะค่ะ 
     ตามใจรีดเดอร์อยู่แล้ว 

    ช่วงนี้เมลล์ว่างๆ (ว่างมากเลยหล่ะ ) ถ้าตกลงเอาแบบนี้ก็อาจจะอัพทีละครึ่งตอนทุกวันหรือวันเว้นวันตามโอกาศ 
    ส่วนครึ่งหลังของตอนนี้พรุ่งนี้ค่ำๆก็น่าจะมาแล้วล่ะค่ะ แต่ก็อาจจะเลทจนถึงตี 2 ได้เหมือนกัน

     แต่ถึงยังไงก็อย่าลืมเม้นต์กันด้วยนะคะ เติมกำลังใจ กำลังใจ เย้ๆๆๆ  


     

    ทางด้านนอกของตึกบริเวณปากตรอก
    อันนากระตุกเชือกบังคับม้าให้เดินเข้ามาในตรอก ก่อนที่จะหยุดลงบริเวณที่พิชท์และแจ็คเคยต่อสู้กันมือเล็กจุดคบไฟก่อนจะชูขึ้นเหนือหัว แสงสว่างสาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณก่อนจะค่อยๆปรากฏเศษไม้และเศษสิ่งของจากสิ่งปลูกสร้างบริเวณดั่งกล่าวแตกเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายไปทั่วจนแทบไม่เหลือเค้าของตรอกที่เคยมีคนอาศัยอยู่ ทันทีที่แจ็คเห็นอันนาเจ้าตัวก็รีบกระโดดไปขวางทางเธอไว้

     

    ถ้าอันนาเป็นน้องสาวของเอลซ่า ก็น่าจะผ่านไ-อ้กำแพงบ้-าๆนั้นไปได้สิ... แจ๊คคิด

     

    “นี้เจ้าหยุดก่อนได้ไหม ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย” แจ็คที่ยื่นกางมืออยู่ตรงหน้าอันนาตะโกนสุดเสียง แต่ดูเหมือนว่าเธอก็เหมือนกับคนอื่นๆที่เขาต้องประสบพบเจอมาตลอดชีวิตของการเป็นเทพที่ถูกลืม

     

    ใช่แล้วเธอมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย

     

    ฮี๊...ฮี้...

    โชคยังเข้าข้างแจ๊คที่เจ้าม้าตัวที่อันนาขี่อยู่ประสาทรับรู้ไว้กว่าที่คิด มันกระโดดพยศด้วยความตกใจที่จู่ๆแจ็คก็วิ่งมาขวางทาง ส่งผลให้อันนาที่นั่งอยู่บนหลังเจ้าม้าตัวนั้นต้องตกลงมาจูบกับพื้นแบบไม่ทันตั้งตัว

     

    “เฮ้!!..นี้เจ้าเป็นอะรึเปล่า” แจ๊คยื้นมือไปพยุงอันนาให้ยืนขึ้น แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินทะลุผ่านร่างของแจ็คไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    เอลซ่านะเอลซ่า ถ้าว่างขนาดเล่านิทานให้เด็กทั้งเมืองฟังละก็ หัดเล่าให้น้องสาวตัวเองฟังด้วยสิ...

     

    แจ็คสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย ถ้าเวลานี้ให้เขาทำอะไรก็ได้ที่อยากทำละก็ เขาคงอยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

     

    อันนาเดินมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดอยู่ตรงหนามน้ำแข็ง เจ้าตัวจ้องมองมันอยู่นานด้วยสายตาที่ครุ่นคิด

     

    “อ่ะ..ใช้ๆ เจ้ามาถูกทางแล้ว มันมีเรื่องเกิดขึ้น...เจ้าต้องลองเข้าไปอีกฟากของตรอกนี้ พี่สาวเจ้าอยู่ในนั้นข้าเข้าไปไม่ได้” แจ็คพยายามวิ่งมาดักหน้าอันนาเพื่ออธิบาย แม้รู้ดีว่าเจ้าตัวไม่ได้ยินเสียงของตนเลยแม้แต่น้อย

     

    “นะ..น้ำแข็ง พี่เอลซ่า??”

     

    “ใช่ๆ อย่างนั้นแหละ” แจ็ค ฟรอสต์ดีใจจนกระโดดตัวลอยราวกับว่าตัวเองเล่นใบ้คำจนชนะ

     

    “ไม่สิ..ไม่ใช่แล้ว หิมะตกหนักขนาดนี้จะเป็นฝีมือพี่เอลซ่าได้ไง มันต้องเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว” อันนาตีหน้าขรึมราวกับตัวเองเป็นปรมจารย์ผู้ปราดเปรื่อง พร้อมกับยิ้มอย่างภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง

     

    แจ๊ค ฟรอสต์ถึงกับอ้างปากค้างกับความคิดของอันนา เจ้าตัววางมือกับกำแพงพร้อมกับเอนหัวพิงพนักกำแพงอย่างเซ็งๆ มือหนายกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองอย่างแรงจนไม่เป็นทรง

     

    “หิมะบ้านป้าเธอตกแบบนี้หรอ!! ทำยังกับเป็นหินงอกหินย้อย ตอนข้ามีชีวิตอยู่ด็กแถวบ้านข้ายังรู้เลยว่าผิดปกติ” แจ็ค ฟรอสต์ตะโกนอย่างหัวเสีย

     

    ทำไมพี่-น้องคู่นี้มันถึงได้ต่างกันขนาดนี้นะ... แจ๊คคิดพลางยกมือกุมขมับตัวเอง สายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับไม้เท้าของตนที่ตกอยู่ตรงเท้า

     

    แจ๊คก้มลงไปหยิบไม้เท้าของตนขึ้นมาก่อนจะแตะมันลงเบาๆที่พื้น เกล็ดน้ำแข็งค่อยๆรวมตัวกันอย่างชัดเจนต่อหน้าหญิงสาว

     

    อันนาก้าวเดินออกมาจากบริเวณหนามน้ำแข็งช้าๆก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าแจ็ค เด็กหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะลากไม้เท้าของตนไปจนสุดทางที่เขาสามารถเดินไปได้พร้อมกับยกไม้เท้าของตนขึ้นเหนือพื้น

    อันนายืนนิ่งกับภาพตรงหน้าพักใหญ่

    "พี่เอลซ่านี้พี่อยู่ไหนนะ...พี่เอลซ่า 
    พะ..พี่เอลซ่า!! นั้นใช่พี่รึเปล่า!!!” อันนาหยุดเดินก่อนจะตะโกนขึ้นจนดังก้องไปทั่วบริเวณ “น้องเชื่อนะว่าเป็นพี่...น้อง..เชื่อในจิตวิญญาณของเกล็ดหิมะ

     
     

    อันนาว่าจบก็ค่อยๆก้าวเท้าออกจากสุดทางน้ำแข็งของแจ็ค เข้าไปทางด้านในกำแพง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างมีความหวังก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงกำแพงที่ขวางเขาไว้ “ขอร้อง..ช่วยเอลซ่าด้วยนะ”

     

    อันนาที่เดินอยู่หยุดชะงักก่อนจะหันซ้าย-หันขวา แต่เมือเห็นว่าไม่มีอะไรเจ้าตัวก็รีบก้าวเท้าเดินต่อ

     

    “สงสัยเราคงหูฟาดไปเองมั้ง”



    มาคลายเคลียดเรื่องเอลซ่ามาพบกับความต๊องของอันนากันดีกว่า... (หรือรีดเดอร์จะเครียดยิ่งกว่าเก่าว่าเอลซ่าจะโดนฟันไหม จะรอดหรือเปล่า)
    อันนี้ต้องไปรอลุ่นกันในตอนต่อไป ที่กำลังจะมาในไม่ช้านี้ Coming soon...
    เมลล์เคยบอกไปแล้วว่าเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งเรื่อง การรบยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารนะจ๊ะ
    พูดถึงว่าแต่งได้ครึ่งเรื่องแล้วก็ใจหาย ถ้าเมลล์แต่งจบแล้วเมลล์จะอ่านคอมเม้นต์ใคร จะตอบคอมเม้นต์ใคร เวลาว่างๆจะทำอะไรถ้าไม่ใช้นั่งปั่นฟิคกับเปิดฟิคตัวเองทุกๆ 5 นาทีเพื่อดูว่ามีใครคอมเม้นต์ไหม

    พูดแล้วจะอยากแต่งต่อสักร้อยตอนจะได้อยู่กับรีดเดอร์ที่น่ารักอย่างนี้ไปเรื่อยๆ



    B B


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×