คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : PART 1 เรื่องของนางร้าย....สุดท้ายก็ต้องเศร้า (เรื่องสั้นๆ)
ท่ามกลางแดดกล้าบ่ายจัดวันหนึ่ง รถตู้สีเทาคันใหม่เอี่ยมค่อยๆเคลื่อนตัวไปจอดหน้าอาคารขนาดเล็กที่เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยว ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ มือหนาขยับแว่นใสให้เข้าที่แล้วมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ผมสีน้ำตาลเข้มถูกลมทะเลอ่อนๆพัดจนดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ความจริงหน้าตาของเขาก็ดูดี แต่อาจเป็นเพราะการแต่งตัวและลักษณะภายนอกของเขาจึงไม่ค่อยมีสาวคนไหนเหลียวมามอง แต่เขาก็ไม่เคยแคร์เพราะเขาภูมิใจในสไตล์ที่ออกจะเซอร์ๆของเขา ดูภายนอกเขาก็เหมือนจะเป็นพวกศิลป์ที่ไม่มีพิษภัย แต่ภายใต้แว่นนั้นซ่อนแววตาที่ไม่อาจมีใครเดาได้ เขาเช็ดกล้องเบาๆอย่างทะนุถนอมแล้วเดินไปข้างหน้าได้เพียงก้าวเดียวก็ต้องรีบหันหลังกลับเหมือนพึ่งจะนึกอะไรได้
“คุณเพทาย ตื่นได้แล้วครับ“
เขาเขย่าหญิงสาวที่หลับในรถตรงหน้าเขาเบาๆ แต่ทว่าเธอยังคงหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้สึกตัว แก้มเนียนใสขึ้นสีแดงเรื่อๆเพราะอากาศอันร้อนระอุ ปากเรียวได้รูปสีชมพูอ่อนๆอมยิ้มอย่างมีความสุข ชายหนุ่มที่มองอยู่แอบนึกขำอยู่ในใจ
จะมีอีกซักกี่คนกันนะที่จะหลับไปยิ้มไปได้อย่างเธอ ดูไปดูมาเวลาหลับเธอก็น่ารักดีนะ เขาส่ายหัวเล็กๆเหมือนกับจะไล่ความคิดนี้ไปแล้วยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูเธอ
“คุณเพทาย ตื่นได้แล้ว(โว้ย!!?)
เพทายลุกขึ้นมาทันทีแล้วชักสีหน้าใส่เขา คิ้วโค้งเรียวขมวดเข้าหากันอย่างฉุนนิดๆ เพราะแทนที่ชายเบื้องหน้าจะปลุกเธอดีๆกลับตะโกนเต็มหูเธอ
“คุณศิลา หวังว่าคุณคงมีเงินค่ารักษาพยาบาลนะถ้าหูฉันเป็นอะไรขึ้นมา” หญิงร่างบางเดินลงมาด้วยท่าทางปั้นปึงแล้วแว๊ดใส่หูศิลา ดวงตาภายใต้แว่นหรี่ลงอย่างเดาใจได้ยาก เพียงชั่วขณะแววตาคู่นั้นก็แปรเปลี่ยนมาเป็นสายตาที่เจ้าเล่ห์สุดๆ เขาส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยไปยั่วอารมณ์หญิงสาวที่โมโหอยู่แล้วให้เดือดปุดๆ เธอสะบัดหน้าแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจสัมภาระกองโตที่อยู่เบื้องหลัง
“คุณเพทาย มาช่วยกันขนของหน่อยสิครับ”เขาตะโกนเรียกเพทายที่กำลังเดินไปยังหาดทรายสีขาว เธอหันมาแล่บลิ้นให้เขาแล้วหัวเราะคิกคักเหมือนจะเยาะเย้ย
“นายเป็นผู้ชายก็ขนเองสิยะ”เธอตะโกนกลับมาแล้วเดินไปตามชายหาดอย่างร่าเริง
เพทาย สาวมั่นเสน่ห์แรงที่ดูดีไปหมดทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าตาดูหวานใสไร้เดียงสา(ตรงไหน) เสียงนุ่มน่าฟัง(ที่กลายเป็นเสียงกรี๊ดแหลมๆได้ทุกเมื่อ) ผมดำเงางามยาวจรดหลังดูพลิ้วมีชีวิตชีวา รูปร่าง ส่วนสูงได้สัดส่วน ผิวใสเนียนนุ่มหอมกลิ่นดอกไม้อ่อนละมุน เธอเป็นนักเขียนอนาคตไกลของสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ตอนนี้เธอกำลังหาข้อมูลให้กับหนังสือชุดใหม่ที่เธอกับคู่หูต้องทำด้วยกัน ซึ่งบก.ก็ได้ส่งช่างกล้องมือหนึ่งประจำสำนักพิมพ์มาเป็นคู่หูเธอให้ช่วยเกี่ยวกับภาพประกอบหนังสือ แต่นี่กลับเป็นสิ่งที่เธอไม่พอใจที่สุดเพราะว่าเธอนั้นช่างไม่ถูกชะตากับเขาเลยสักนิด ให้ตายสิ ไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะไม่ต้องอารมณ์เสียเพราะผู้ชายคนนี้ ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขากวนช่างประสาทเธอมากมาย
“ คุณเพทาย .....” ศิลาหิ้วสัมภาระเดินตามเพทายมา “.....คืนนี้เราจะพักที่ไหนดีครับ” เขาถามอย่างขอความคิดเห็นขณะที่สายตาก็ไล่ตามแผ่นพับไปเรื่อยๆ
“ไม่รุสิ รอให้ขึ้นเกาะก่อนค่อยหาเหอะ ” เพทายตอบแล้วเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ลมอ่อนๆพัดปะทะผมยาวไสวลู่ไปข้างหลัง เวลาล่วงเลยไป แดดเริ่มอ่อนลงแต่สายลมยังคงพัดมาเรื่อยๆอย่างไม่หยุด ศิลาที่นำสัมภาระไปเก็บไว้ที่อาคารรับรองเดินถือกล้องมาถ่ายภาพวิวอันสวยงามเบื้องหน้า พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเพทายกำลังเพลิดเพลินอยู่กับหาดทรายสายลมและคลื่นน้ำที่กระทบฝั่งเรื่อยๆ
“คุณ อยากถ่ายรุปมั๊ย อากาศกะลังดีเลย แบ๊คก็โอ องค์ประกอบก็แจ่ม จุดเด่นก็ใช้ได้”
“เอ่อ...” เพทายกำลังจะปฏิเสธ แต่ก็ถูกศิลาถ่ายในระยะใกล้ เธอจึงโพสต์ท่าให้เขาถ่ายอย่างเสียไม่ได้ พวกเขาถ่ายรุปได้ซักพักเรือก็มาถึงจึงพากันขนของแล้วเดินทางสู่เกาะสวรรค์ เกาะแห่งความทรงจำ
“คุณเพทาย ทำไมคุณถึงเลือกที่นี่ล่ะครับ” ศิลาถามเพทายในขณะที่อยู่บนเรือ
“ที่นี่เป็นเกาะแห่งความทรงจำของฉัน เกาะแห่งคำสัญญา ที่ๆความทรงจำที่มีความสุขที่สุดของฉันเก็บไว้ แต่ตอนนี้มันแทบจะไม่เหลืออะไรไว้เลย ไม่เหลือแม้แต่ความฝันและความรัก” เพทายเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาและอ่อนโยนอย่างที่ศิลาม่เคยได้ยินจากผุหญิงคนนี้ตั้งแต่รู้จักกัน เธอยิ้มบางๆให้กับสายลมที่พัดผ่านไป ใบหน้าของเธอนั้นดูมีความสุขแต่ดวงตาคู่นั้นกลับดูเศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก น้ำใสๆค่อยๆเอ่อล้นดวงตาก่อนที่เธอจะปาดมันทิ้งแล้วหันไปถามศิลาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าแข็งกระด้างเหมือนที่เขาเคยเห็นทุกวัน
“แล้วคุณน่ะ ว่างมากรึไงถึงได้มายุ่งเรื่องชาวบ้านดีนัก ฉันจะเลือกที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน คุณไม่เกี่ยว!”
ได้ฟังดังนั้น ชายร่างสูงก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมานิดๆ ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากจะมายุ่งกับคนอวดดีอย่างเธอนักหรอก
“คุณคิดว่าผมอยากรู้เรื่องไร้สาระของคุณนักหรอ ไม่เหลืออะไรไว้เลยแม้แต่ความฝันและความรัก ฮึ” เขาทำเสียงล้อเลียนเพทายซึ่งตอนนี้กำลังมองเขาเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะงานผมก็คงไม่อยากอยู่ใกล้คุณหรอกนะ” ศิลามองอย่างเบื่อหน่ายไปที่เธอ
“หรือว่าคุณอยากทำคนเดียวก็เชิญตามสบาย อ่ะ นี่กล้อง....” กล้องราคาหลายหมื่นถูกโยนออกไปด้วยความเร็วจนเพทายเกือบรับไม่ทัน “ผมจะถือว่า..มาพักร้อนละกัน” ร่างสูงเดินลิ่วออกไปทิ้งให้คนตัวเล็กยืนทำหน้าบุญไม่รับอยู่คนเดียว
“ตาบ้า ฉันถ่ายรูปเป็นที่ไหนล่ะ” เธอตะโกนไล่หลัง แต่เขากลับทำเป็นเดินไปอีกเหมือนไม่ได้ยิน
คงเป็นโชคร้ายของเขาเองที่บก.ส่งให้มาทำงานกับคนไม่มีเหตุผลอย่างเธอ เขาพบกับเธอครั้งแรกก็นึกว่าเธอจะเป็นผุหญิงที่น่ารัก อ่อนหวาน อบอุ่นและเป็นกันเองซึ่งนั่นก็เป็นโชคดีของเขา(กะจะจีบว่างั้น) แต่ตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าการได้พบกับเธอมานเป็นนรกดีๆนี่เอง ถึงแม้ว่าเธอจะสวย แต่เธอกลับเป็นคนหัวรั้น ก้าวร้าวเกินใคร เขาไม่เคยเห็นใครเจ้าอารมณ์ และขึ้นๆลงๆอย่างเธอมาก่อน ทั้งๆที่กำลังพูดกันดีๆกลับกลายเป็นทะเลาะซะได้ แต่เขาก็ไม่คิดจะโกรธหรือเกลียดเธอจริงๆซะที เขากลับเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เพราะนิสัยเธอเหมือนกับเด็กที่ไม่รู้จักโต ในบางครั้งเขาก็หาโอกาสที่จะแกล้งยั่วเธอ แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจและไม่เคยรู้เลยก็คือ แววตาที่แสนเศร้าที่ใครเห็นก็ต้องรุสึกเศร้าตามอย่างบอกไม่ถูกตอนที่เธอพูด ไม่เหลืออะไรไว้เลยแม้แต่ความฝันและความรักงั้นหรอ เขาเริ่มรุสึกผิดที่แกล้งว่าเธอแรงๆอย่างนั้น อะไรกันนะที่จะทำให้คนแข็งกระด้างอย่างเธออ่อนลงได้ และนี่ก็เป็นสิงที่เขาเก็บเอาไปคิดตลอดทาง
“นี่..คุณณณ เมื่อไหร่จะถึงสักทีเนี่ยยย ” เพทายร้องถามศิลาที่ย่ำเท้าไปตามชายหาดเรื่อยๆอย่าไม่รู้สึกเหนื่อย มือสองข้างและไหล่กว้างเต็มไปด้วยสัมภาระมากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นของหญิงสาวที่บ่นว่าเหนื่อยทั้งๆที่ไม่ได้ถืออะไร
“แค่นี้ทำเป็นบ่น มะกี๊ใครกันนะ..ทำเป็นอวดดี จะเดินรอบเกาะ ไปไม่ถึงครึ่งก็เหนื่อยซะแล้ว”
“ก็มันเหนื่อยอ่ะ”
“เลิกบ่นได้แล้วน่า” ศิลาหยุดแล้วหันมาหาเพทายที่ทรุดลงกับพื้นด้วยความอ่อนล้า “ข้างหน้ามีบังกะโลเล็กของเพื่อนผมเอง เราไปพักที่นั่นดีมะ ”
“ไม่” คนตัวเล็กตอบด้วยใบหน้าที่เริ่มงอขึ้นมาทีละนิด “เชิญคุณพักคนเดียวเหอะ ฉันจะไปพักที่โรงแรม”
“งั้นก็เชิญคุณเดินไปเองละกันนะ ” ศิลายิ้มอย่างกวนประสาทให้เพทายหน้างอเข้าไปใหญ่ เขาเดินตรงไปยังเพิงเล็กที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามได้บรรยากาศทะเล เขาทักทายชายที่ยืนอยู่หลังเคาต์เตอร์อย่างคุ้นเคยแล้วยิ้มให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักที่ส่งยิ้มอันอบอุ่นให้เขาเช่นกัน เพทายเดินลากขาตามเขาเข้าไปช้าๆ ทันทีที่เธอเห็นใบหน้าของคนที่ศิลาบอกว่าเป็นเพื่อนได้ชัดเจน โลกก็เหมือนจะหยุดหมุน เวลาก็เหมือนจะหยุดเดิน สรรพสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวสำหรับเธอ ผู้ชายคนนี้กับผู้หญิงคนนั้นทำไมเธอจะไม่รู้จัก ใช่ เธอจำเขาได้ดีและจำได้ขึ้นใจแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเธอถึงไม่ลืมเขาทั้งๆที่เธอควรจะลืมเขาไปนานแล้ว ภาพต่างๆมากมายและความทรงจำระหว่างเขากับเธอเกิดขึ้นมาอีกครั้งในความคิดของเธอทำให้เธอตกอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ ความทรงจำสีจางๆที่นานวันก็ยิ่งค่อยๆเลือนหายแต่ในที่สุดก็กลับมา
ความคิดเห็น