ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic (yaoi) Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7 : Well, We meet again.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      53
      2 มิ.ย. 60



    Fic Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    _________________________________________________________

    Chapter 7 : Well, We meet again.

    เจอกันอีกแล้ว

     


                แฮร์รี่ได้ยินเสียงซุบซิบอื้ออึงขณะมองผู้ชายตัวสูงสองคนตรงหน้าที่กำลังประสานสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่ทราบว่าพวกเขาสองคนจ้องตาแข่งกันทำไมเหรอ.... ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไรเขาจึงหันหลังให้แล้วตั้งท่าจะหลีกหนีความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้แต่ทว่า....

     

                “พูดจาไม่ให้เกียรติคุณพอตเตอร์เลยนะ คุณมัลฟอย” บัลธาซาร์ เกรฟส์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มทำให้เขาต้องหันไปมอง จะเอาชื่อเขาไปเกี่ยวข้องกับบทสนทนาทำไมกันคนพวกนี้

     

                “ให้เกียรติพอตเตอร์น่ะหรือ ผมสนิทสนมกับเขาจนเรียกชื่อได้ คุณยังว่าผมไม่ให้เกียรติอย่างนั้นเหรอครับ คุณเกรฟส์” เจ้าของนัยน์ตาสีซีดตอบกลับพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจที่กว้างมากขึ้น

     

                เฮ้ มัลฟอย ฉันไปสนิทสนมกับนายจนนายเรียกชื่อฉันตั้งแต่เมื่อไรกัน

     

                แฮร์รี่อยากจะเอ่ยถามแบบนี้แต่ก็ไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการโต้ฝีปากของทั้งสองคน ให้เคราเมอร์ลินเป็นพยานเถอะ เขารู้สึกว่ามันวุ่นวายเกินจำเป็นแล้วจริงๆ นะ ใบหน้าชายหนุ่มบิดเกร็งไปด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างบรรยายไม่ถูกจึงทำได้เพียงทอดถอนลมหายใจออกมาหนักๆ เท่านั้น

     

                “หึ คุณนี่มัน...” เขาไม่รู้ว่าคุณเกรฟส์คนนั้นจนคำพูดหรืออย่างไรจึงได้หยุดการสนทนาเพียงเท่านั้นแล้วหันหลังเดินจากไป นั่นทำให้แฮร์รี่โล่งใจเพราะเขาหาคำปฏิเสธไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ดีๆ ไม่ได้สักทีแต่มัลฟอยกลับทำได้ดีเกินคาด

     

                “โด่งดังจริงๆ นะคุณวีรบุรุษ” น้ำเสียงยานคางเย้าอารมณ์ดังขึ้นทำให้เขาละสายตาจากแผ่นหลังของหัวหน้ามือปราบมารต่างถิ่นหันไปสบกับเจ้าของเสียง

     

                “นายก็พูดเก่งเหมือนตอนอยู่บ้านไม่เคยพูดเหมือนกัน” แฮร์รี่ค่อนแขวะและประชดประชันอีกฝ่ายกลับทันที นั่นทำให้มัลฟอยเลิกคิ้วแล้วก็ขยับยิ้มขบขัน รอยยิ้มนั่นทำให้เขารู้สึกอยากต่อยหน้าไอ้หมอนี่อย่างไรก็ไม่รู้ นึกอยากจะปั้นหน้านิ่งก็ปั้น นึกอยากจะกวนประสาทก็กวน อะไรของเจ้าหมอนี่กัน!

     

                “กวนประสาท” เขาว่าอีกฝ่ายเข้าให้ก่อนจะไม่สนใจอีก ชายหนุ่มพาสองขาก้าวไปหาคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตประจำเกาะอังกฤษด้วยสีหน้าติดจะเหนื่อยอ่อน แต่ท่านรัฐมนตรีท่านนั้นกลับกำลังโชว์คาถาผู้พิทักษ์ที่เป็นแมวลิงซ์ของตนเองต่อหน้าธารกำนัลอย่างสำราญใจ

     

                มันไม่ใช่คาถาที่เอาไว้โชว์เล่นหรือเปล่าท่านรัฐมนตรี....

     

                “ถึงจะไม่เท่และมีสไตล์เท่าดัมเบิลดอร์ แต่ผมก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าผู้พิทักษ์ของผมก็ดูน่ารักไม่หยอก”

     

                ได้ยินอีกฝ่ายคุยโม้อย่างอารมณ์ดีก็พาลทำให้แฮร์รี่อยากถอนหายใจออกมาอีกสักรอบ เขายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับคิงส์ลีย์จริงๆ จังๆ ถึงงานเปิดตัวสมาชิกภาคีในครั้งนี้สักที ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกคนเป็นใหญ่เป็นโตจนมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้แต่นี่คือภาคีนะ ไม่ใช่การตั้งกลุ่มเพื่อเล่นจำอวดสักหน่อย

     

                “ท่านรัฐมนตรีครับ” เขากระแอมพลางส่งเสียงเรียกคนที่อวดผู้พิทักษ์ของตนแล้วจึงเอ่ยต่อเมื่อคิงส์ลีย์ผละตัวจากพ่อมดแม่มดคนอื่นๆ เดินมาหาเขา “ผมอยากคุยอะไรกับคุณหน่อย ได้ไหมครับ?”

     

                “หือ ได้สิ ว่าแต่เป็นยังไง ฉันเชื่อเลยว่าเธอต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ แฮร์รี่” ท่านรัฐมนตรียิ้มกว้างพลางแตะข้อศอกเขาพาไปยังมุมหนึ่งของห้องโถง

     

                “ให้ฉันเดา เธอคงอยากพูดถึงคุณมัลฟอยใช่ไหม”

     

                แฮร์รี่สบตาพ่อมดตรงหน้า เขารู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มเปล่งประกายของอีกฝ่ายเหลือเกิน ท่าทางมีความสุขมากๆ แบบนั้นคืออะไรกันท่านรัฐมนตรี! เขากลั้นหายใจเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกหัวเสียโง่ๆ นี้

     

                “ใช่ครับ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงสนใจมัลฟอย ทั้งๆ ที่คุณใจดีกับพวกเขามามากขนาดนั้น” แฮร์รี่กำลังพูดถึงการที่อีกฝ่ายยินยอมไม่จับกุมตระกูลมัลฟอยแลกกับการตามล่าผู้เสพความตายที่เหลือ

     

                คิงส์ลีย์หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเฉลยด้วยหน้าตาจริงจัง “ฉันว่าเธอเองก็เห็นศักยภาพของเดรโก มัลฟอยนะแฮร์รี่ เธอรู้จักเขาดีพอๆ กับที่เขารู้จักเธอ ลึกๆ แล้วเขาไม่ได้เลวร้าย ออกจะอ่อนไหวมากเกินไปด้วยซ้ำ”

     

                “เขามีทักษะในการใช้เวทมนต์ที่ยอดเยี่ยมมากกว่าที่ใครๆ คาดคิด อีกอย่างเธอสอนเขาเรื่องคาถาผู้พิทักษ์ใช่ไหม แล้วเขาก็ทำออกมาได้ดีเหลือเชื่อ”

     

                ถึงคราวนี้เป็นตาแฮร์รี่บ้างที่จะประหลาดใจ เขาจำได้ว่าเขาบอกมัลฟอยเรื่องคาถาผู้พิทักษ์ก็จริงแต่ครั้งสุดท้ายที่เห็น เจ้าหมอนั่นยังทำให้ผู้พิทักษ์เป็นรูปเป็นร่างไม่ได้เลย ทำให้เขาหลุดปากถามออกไป

     

                “มัลฟอยเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้อย่างนั้นเหรอครับ” และนั่นก็เรียกรอยยิ้มให้กับพ่อมดผู้มีตำแหน่งใหญ่โตตรงหน้าได้อย่างจัง แต่เขาจะทำเป็นตาบอดมองไม่เห็นรอยยิ้มนั้นก็แล้วกัน

     

                “ฉันนึกว่าเธอจะเฝ้าติดตามพัฒนาการของคนที่เธอสอนเสียอีกนะแฮร์ร์รี่” ท่านรัฐมนตรีเอ่ยทีเล่นทีจริงแต่มันก็ทำให้แฮร์รี่อดรู้สึกกระดากอายแปลกๆ ไม่ได้

     

                “ผมไม่ได้ติดตามอะไรมัลฟอยสักหน่อย เห็นคุณพูดมา ผมก็เลยถามเท่านั้น” ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่ากำลังอีกฝ่ายไล่ต้อนและเล่นสนุกกับเขาอยู่ซึ่งเขาไม่สนุกด้วยเลย!

     

                “ฮึๆ จริงๆ แล้วสิ่งที่ฉันสนใจในตัวมัลฟอยคนลูกคือความสามารถของเขา มันน่าประทับใจและที่ฉันประทับใจมากที่สุดคือการที่เขาทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ได้” ว่าจบร่างสูงใหญ่ของคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์ก็ขยิบตาให้พร้อมกับหันไปคุยกับแม่มดท่านหนึ่งที่เดินเข้ามาทางพวกเขาพอดี

     

                ตัวเขาที่เป็นแบบนี้.... มันแบบไหนกันล่ะ?

     

                แฮร์รี่ได้คิดแต่แล้วก็สงสัย เขาไม่มั่นใจนักว่าเขาต้องการทราบคำตอบจริงๆ หรือเปล่า แต่ที่เขารู้แน่ชัดคือเรื่องพวกนี้มันทำให้เขาหัวหมุน เขาจะไม่คิดถึงมันอีก ขอเอาเกียรติของแฮร์รี่ พอตเตอร์คนนี้เป็นเดิมพัน!

     

                ....

     

                ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะจบหลังจากงานเลี้ยงในนิวยอร์กวันนั้นแต่ที่ไหนได้ตัวเขากลับต้องตัวติดหนึบอยู่กับเดรโก มัลฟอยเสียอย่างนั้น มันตรงตามตัวอักษรเลยว่า ตัว – ติด – หนึบ ใครจะไปรู้กันว่าในกระทรวงเวทมนต์จะมีห้องที่ร่ายคาถาแปลกๆ แบบนี้

     

                มันเริ่มจากการที่เดรโก มัลฟอยแสนน่ารำคาญคนนั้นมาตามนัดกับคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์แล้วพบเขาเข้า เจ้าหมอนั่นเข้ามาวอแวกวนใจเขาเหมือนที่เคยทำสมัยอยู่ฮอกวอตส์ (ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำตัวแบบนี้กับเขามาได้ตั้งพักใหญ่ๆ แล้วเขาก็ชมเจ้าหมอนี่ไปหลายรอบที่ไม่ทำแบบนั้นด้วย) เขาไม่อยากโต้ฝีปากกับอีกฝ่ายเลยเดินหนี หนีไปหนีมาก็ไปเจอเข้ากับห้องแปลกๆ แล้วที่แย่กว่านั้นคือเจ้าคนน่ารำคาญคนนั้นดันเดินตามเขามาด้วย

     

                พอมัลฟอยเดินเข้ามาคาถาพิลึกพิลั่นที่ถูกร่ายไว้ก็ทำงานจนกลายเป็นว่าข้อมือด้านขวาของเขาติดกับข้อมือด้านซ้ายของอีกฝ่าย เหมือนกับมีกุญแจมือล่องหนล็อกข้อมือของพวกเขาเข้าด้วยกัน

     

                นี่ไงล่ะที่มาของคำว่าตัวติดหนึบ!

     

                “วันนี้ฉันต้องไปอัซคาบัน...” เป็นแฮร์รี่ที่เริ่มพูดก่อน เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะสบถด่ากระทรวงเรื่องห้องโง่ๆ กับคาถาประหลาดๆ นี่เต็มทีแล้ว (โอเค จริงๆ เขาก่นด่าไปก่อนหน้านี้จนเหนื่อยไปแล้วต่างหาก)

     

                “ฉันจะกลับบ้าน” และนี่ก็เป็นคำตอบจากเจ้าบ้ามัลฟอย ซึ่งมันทำให้แฮร์รี่หงุดหงิดเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

     

                ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะพยายามดึงมือตัวเองออกทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไร้ผล ข้อมือของเขายังติดหนึบเหนียวแน่นกับข้อมืออีกฝ่าย

     

                “แต่ฉันมีงานต้องทำนะมัลฟอย” แฮร์รี่พยายามอย่างมากที่จะไม่ใช้อารมณ์กับคนที่ยืนทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอยู่ข้างๆ

     

                “ไปบ้านฉันก่อน” มัลฟอยพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไปจากห้องโง่ๆ นี่ที่แฮร์รี่เพิ่งสังเกตว่ามีตัวอักษรสวยงามเป็นประกาศเตือน ห้ามเข้า กำลังแก้ไขเวทมนต์ แปะอยู่ด้านหน้าประตู

     

                สภาพของพวกเขาดูพิลึกพิลั่นที่สุด เขารู้โดยที่ไม่ต้องสบตากับใครสักคน แฮร์รี่ไม่อยากเห็นสายตาที่มองมาเขาจึงเลือกที่จะก้มมองพื้นหินขัดเงาแทน ใครจะไปคาดคิดว่าจะมีวันที่เขาจะเดินเคียงข้างในระดับ (ข้อมือ) ติดหนึบกับเดรโก มัลฟอยอย่างนี้

     

                ขนาดเขายังไม่คิดเลย ให้ตายสิ!

     

                ในใจภาวนาให้พวกเขารีบออกจากกระทรวงสักที ไม่รู้คนเดินนำจะพาเขาไปไหน มัลฟอยไม่ได้ทำงานที่นี่สักหน่อยแล้วทำไมถึงมานำทางเขาได้กัน คิดได้ถึงตรงนี้แฮร์รี่ก็หยุดก้าวเท้าส่งผลให้คนที่เดินนำหน้าต้องหยุดชะงักไปด้วยเพราะข้อมือที่โดนดึงรั้ง

     

                มัลฟอยหันมามอง ใบหน้าหล่อเหลายังไม่ปรากฏสีหน้าท่าทางใดๆ เหมือนตอนแรกที่เข้ามาวุ่นวายกับเขา บางทีแฮร์รี่ก็เดาความคิดมัลฟอยไม่ออกแต่เขาก็เหนื่อยใจเกินกว่าจะทำความเข้าใจอีกฝ่ายอยู่ดี

     

                “นายกำลังพาฉันไปไหนน่ะ มัลฟอย” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่ออีกฝ่ายพาเขาเดินวนไปถึงไหนต่อไหนภายในกระทรวงแทนที่จะตรงไปบ้านหลังโตของตนเอง

     

                มัลฟอยขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยปาก “ไม่รู้สิพอตเตอร์ ฉันไม่เคยมาทางนี้”

     

                และนั่นทำให้แฮร์รี่คิ้วกระตุก เขาถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ของวัน เคยได้ยินคำพูดของมักเกิลว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุสั้นลงหนึ่งปี ไม่รู้ว่าป่านนี้แฮร์รี่จะเหลืออายุไขอีกสักกี่ปีกัน

     

                ....

     

     

     

     

                กลับมาที่คฤหาสน์หลังโตโดดเดี่ยวในเขตวิลท์เชียร์ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบเหมือนอย่างเคย เดรโก มัลฟอยเดินตรงดิ่งไปยังประตูรั้วด้านหน้า ประตูรั้วเหล็กเปิดออกราวกับกำลังรอผู้เป็นเจ้าของ มันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเสียดสีไม่เบานักทว่าชายหนุ่มเรือนผมสีอ่อนไม่ได้ให้ความสนใจ

     

                ผู้ติดตามส่งเสียงประท้วงให้เขาเดินช้าลงหน่อย เดรโกไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายไม่ยอมเดินเคียงข้างกัน เดินตามเขาต้อยๆ อย่างนี้มันน่ารำคาญ เหมือนลูกสัตว์เดินตามหลังพ่อแม่ของมัน ไอ้กุญแจมือล่องหนก็น่ารำคาญ พาลให้ทำอะไรไม่สะดวก เดรโกตัดสินใจคว้ามือที่เล็กกว่าแล้วลากให้เดินไปด้วยกัน

     

                และภาพเหล่านั้นก็ถูกนายลูเซียสที่กำลังยืนชมดอกไม้หน้าคฤหาสน์เห็นเข้าเต็มๆ ตา หลังจากจบเรื่องผู้เสพความตายบิดาของเดรโกก็ดูสนใจเรื่องการปลูกดอกไม้มากเป็นพิเศษ  ใบหน้าที่ไม่ได้แตกต่างจากคนเป็นลูกมากนักมองมานิ่งๆ แล้วเลื่อนสายตาผ่านไปเหมือนการที่ลูกชายตัวเองจับมือกับผู้ชายเป็นเพียงฉากๆ หนึ่งในสายตา

     

                เดรโกเห็นบิดาจึงตั้งท่าจะเข้าไปทักทายแต่นายลูเซียสกลับเดินตัวปลิวเข้าไปในตัวบ้านเสียก่อน ชายหนุ่มไม่แปลกใจนัก ถึงเขาจะไม่ทราบเหตุผลแต่บางครั้งพ่อของเขาก็มักทำเหมือนมองไม่เห็นเขา

     

                “รีบๆ ทำธุระของนายให้เสร็จสักทีได้ไหมมัลฟอย นายกำลังทำให้ฉันไปทำงานสายนะ” เดรโกได้ยินคนข้างๆ เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ จะว่าไปพอตเตอร์ก็แปลก ไม่พอใจเขาแต่กลับไม่ต่อต้าน

     

                บางทีอาจจะเป็นเพราะต่อต้านไม่ได้ ก็ตัวพวกเขาดันติดกันอย่างนี้

               

                ชายหนุ่มหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พอตเตอร์ทำหน้าบูดเหมือนเด็กๆ นั่นตลกดี เขาขยับมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่คล้ายจะรู้สึกตัว เดรโกกระชับมืออีกฝ่ายแล้วพาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เขาพาพอตเตอร์มาที่บ้านเพราะคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นหนังสือเวทมนต์แปลกๆ ที่แสดงผลหลังร่ายเวทย์ดังที่พวกเขาโดน

     

                “ฉันคิดว่ามันอยู่ในห้องหนังสือ” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองแล้วก็เดินไปยังชั้นบนสุดโดยไม่ลืมลากคนหน้าบูดให้มาด้วย อันที่จริงจะบอกว่าไม่ลืมก็ไม่ได้ เพราะเดรโกจับมือพอตเตอร์อยู่อย่างนั้นมาตลอด

     

                คล้ายว่าพอตเตอร์จะรู้สึกอึดอัดจึงพยายามดึงมือออกจากอุ้งมือของเขา แน่นอนว่าตัวเดรโกเองก็เช่นกัน แต่เขารู้สึกเคอะเขินเสียมากกว่า ทั้งๆ ที่เขาจับมือพอตเตอร์ก็เป็นเพราะเขารำคาญอีกฝ่ายตั้งแต่แรกแท้ๆ

     

                “สรุปนายพาฉันมาที่บ้านนายทำไม” พวกเขาปล่อยมือออกจากกันแล้ว พอตเตอร์จึงเอ่ยถามเหมือนอยากเปลี่ยนบรรยากาศ

     

                เดรโกไม่ตอบ เขาแค่พาอีกฝ่ายมายังโต๊ะที่มีหนังสือวางรวมกันอย่างเป็นระเบียบ เดรโกใช้มือข้างที่ว่างมือเดียวของเขาหยิบจับหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งออกมาหลังจากใช้ดวงตาพิจารณาว่าเป็นหนังสือที่เขาต้องการหรือไม่ เขายื่นหนังสือเล่มที่ว่าให้พอตเตอร์และอีกฝ่ายก็ทำท่าสนใจขึ้นมาทันที

     

                หากไม่นับถึงภาระที่อีกฝ่ายต้องแบก แฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดังก็ยังเป็นเพียงชายวัยรุ่นที่อายุยังไม่ยี่สิบสามปีเต็มเท่านั้นเอง เดรโกมีโอกาสพิจารณาอีกฝ่ายได้ใกล้ชิดกว่าที่เคย เขาถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่าเขาสมควรอิจฉาและเกลียดชังพอตเตอร์จริงๆ หรือเปล่า ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะหาคำตอบให้ตัวเองได้พบ

     

                ใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาสีเขียวที่เขาสบบ่อยครั้งไม่มีประกายสดใสเหมือนแต่ก่อน ชายหนุ่มเพิ่งรู้ตัว เขาอยู่ใกล้แฮร์รี่ พอตเตอร์ถึงเพียงนี้.... ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่น่าโคจรกลับมาพบกันได้ ต่างคนต่างละเลยซึ่งกันและกันมาเนิ่นนาน แต่ ณ ขณะนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าช่วงเวลายาวนานถึงเจ็ดปีไม่อาจแสดงภาพลักษณ์ที่แตกต่างของพอตเตอร์ได้เทียบเท่าช่วงเวลานี้เลย

     

                ดูเหมือนว่าเศษสนิมที่กัดกินหัวใจและความคิดของเขาจะค่อยๆ หลุดออกทีละน้อยอย่างไร้เหตุผลเข้าเสียแล้ว

     

                เมื่อสายตาอีกฝ่ายประสานกับดวงตาของเขา เดรโกจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นคิดอะไรเหลวไหลมากเกินไป เขาเบนสายตาไปที่หนังสือแล้วเอ่ย “ฉันคิดว่ามันเป็นคาถาที่อยู่ในนั้น ที่ว่ามีผลยี่สิบสี่ชั่วโมง”

     

                “ฉันเห็นแล้วล่ะ” พูดจบพอตเตอร์ก็วางหนังสือไว้บนโต๊ะเช่นเดิม ใบหน้าของอีกฝ่ายง้ำงอแถมยังมีคำบ่นมาอีกระลอก “คาถางี่เง่าอะไรกันที่ทำให้คนต้องตัวติดกันยี่สิบสี่ชั่วโมง แถมไม่มีทางแก้ไขนอกจากให้มันหมดฤทธิ์เองด้วย”

                เดรโกเองก็รู้สึกอย่างนั้นเพราะมันไม่สะดวกสบายเอาเสียเลย ทั้งเขาทั้งพอตเตอร์ต่างมีธุระของตัวเอง พอต้องไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วถึงได้รู้ซึ้งว่าการขัดคอกันไม่ได้ช่วยอะไรแถมยังทำให้เสียเวลามากขึ้นอีกต่างหาก ผลก็คือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอมโอนอ่อนให้อีกฝ่ายนั่นแหละ

     

                ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายพอตเตอร์ที่ยอมให้เขาด้วย ชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจหรอกนะถึงจะรู้สึกเหมือนถูกตามใจเพราะอีกฝ่ายไม่อยากมีปัญหากับเขาก็ตาม

               

                “เสร็จธุระฉันแล้ว” เขาบอกอีกฝ่ายเป็นนัยว่าจะรีบไปอัซคาบันก็รีบไปสักที แต่ดูเหมือนพอตเตอร์จะซื่อบื้อไม่เข้าใจที่เขาบอก หมอนั่นทำหน้าเหมือนจะบอกว่า แล้วไง นายมาบอกฉันทำไมล่ะ นั่นทำให้เดรโกรู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กๆ แต่เขาก็ยอมเปิดปากขยายความอยู่ดี

     

                “ก็ไปทำธุระแกต่อสิพอตเตอร์ เรื่องแค่นี้แกต้องให้ฉันบอกหรือไง” ชายหนุ่มอดค่อนแขวะในตอนท้ายไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายแอบถลึงตาใส่เขา ใช่ว่าเขามองไม่เห็นสักหน่อย

     

                หลังจากนั้นพอตเตอร์ก็พาเขาหายตัวมาจากบ้านไปยังคุกอัซคาบันทันที เดรโกไม่ค่อยได้หายตัวบ่อยนัก พอเจออย่างนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนอวัยวะกลับหัวกลับหางผิดที่ผิดทางไปหมด ชายหนุ่มกลืนก้อนบางอย่างลงลำคอแล้วเดินตัวตรงเคียงข้างพอตเตอร์เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ (ที่เขาพยายามสร้างขึ้นมา)

     

                “นายอาจต้องเบื่อหน่อยนะมัลฟอย ฉันนัดคุณเกรฟส์ไว้ที่นี่ เขาอยากศึกษาการลงโทษพ่อมดแม่มดที่ทำความผิดโดยไม่ใช้ความตายดู” พอตเตอร์บอกเอื่อยๆ ขณะพาเขาเดินไปตามพื้นหินเย็นเยียบของคุกอัซคาบัน

     

                แต่สิ่งที่สะดุดใจเดรโกเห็นทีจะเป็นคำว่าคุณเกรฟส์.... เขาไม่ชอบหน้าผู้ชายอเมริกาคนนั้นจริงๆ ทำหน้าเหมือนเหนือไปหมดทุกอย่าง น่าหมั่นไส้เป็นบ้า ชายหนุ่มได้แต่พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่ปิดบังริ้วอารมณ์ที่มีต่อเจ้าของชื่อ

     

                “คุณเกรฟส์อะไรนี่ก็ช่างมาตรงเวลาที่ฉันกับแกตัวติดหนึบแบบนี้จริงๆ นะพอตเตอร์” เดรโกบ่นออกมา “แต่ก็ช่างเหมาะเจาะที่ฉันสามารถตอกหน้าหมอนั่นว่าเราสนิทสนมกันจริงๆ”

     

                จากนั้นเขาก็ลอบยิ้มมุมปากอยู่คนเดียวโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าพอตเตอร์แอบทำสีหน้าเหม็นเบื่อมาให้เขาด้วย จนกระทั่งเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินหยุดลง พวกเขาได้มาถึงที่หมายแล้ว เดรโกมองชายที่สวมสูทภูมิฐานเอามือไขว้หลังหันหลังให้พวกเขาอย่างถือดี และทันใดนั้นคนถือดีที่ว่าก็หันมาทางพวกเขาราวกับมีตาหลัง

               

                “โอ้ สวัสดีคุณพอตเตอร์..... อ้อ คุณมัลฟอยด้วยสินะครับ” บัลธาซาร์ เกรฟส์ยิ้มทักทาย และทำเหมือนเขาเป็นของแถมที่อยู่นอกสายตา

     

                “สวัสดีครับ–” ไม่ทันที่พอตเตอร์พูดจบ เดรโกก็ชิงก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วชิงพูดก่อน

     

                “สวัสดีครับคุณเกรฟส์” เดรโกส่งยิ้มเป็นมิตร (ที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้ง) ให้อีกฝ่ายพลางขยับข้อมือข้างที่ติดกับพอตเตอร์ดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ด้วยพอตเตอร์ไม่ทันได้ตั้งตัวหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ฝ่ายนั้นเซเข้ามาชนกับอกเขาเต็มๆ

     

                พอตเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองตาเขียวปั๋ดแต่ชายหนุ่มทำเพียงแค่ชำเลืองมองและหันไปยิ้มแย้มให้มือปราบมารจากอเมริกาเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น

     

                “เจอกันอีกแล้ว ผมไม่ทราบเลยว่าคุณจะมาที่นี่ด้วย คุณมัลฟอย” เกรสฟ์บอกแบบนั้น

     

                “เรื่องนั้นผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบก่อน” แล้วเขาก็โต้ตอบกลับไป

     

                เกรสฟ์ยิ้ม แค่ยิ้มเท่านั้นแล้วให้ความสนใจกับพอตเตอร์โดยเมินเฉยเหมือนเดรโกเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศ แต่เขาไม่สนใจ

     

                พวกเขาเดินไปสนทนากันไป อันที่จริงก็แค่พอตเตอร์กับเกรฟส์เท่านั้น เดรโกเป็นเหมือนของแถมโง่ๆ ที่ไม่มีค่าให้ใครสนใจ เขาเคยนึกไม่ชอบใจที่ถูกหมางเมินแต่พอนานเข้าชายหนุ่มกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นอารมณ์ที่ไร้สาระเสียจริง


             ต่อให้เขาไม่ถูกใจพ่อมดจากอเมริกาสักเท่าไร เขาก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ด้วยอำนาจที่คานกันหรือผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างประเทศ มีแต่ต้องขัดแข้งขัดขากันอ้อมๆ เท่านั้น เดรโกรู้ว่าเกรสฟ์สนใจพอตเตอร์พอๆ กับที่เกรสฟ์รู้ว่าเขาอยากกันท่าพอตเตอร์ไม่ให้อีกฝายเขาใกล้

     

                พอตเตอร์เป็นคนกลางและไม่มีทีท่าจะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้... นั่นถือว่าดี สำหรับพวกเขาทั้งสอง

     

                เดรโกตั้งมั่นในใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องกีดกั้นพอตเตอร์ออกจากมือปราบมารต่างถิ่นนั่นให้ได้

     

                เขาเอ่ยเสียงเบาราวเสียงกระซิบบางอย่างข้างหูพอตเตอร์ เรียกดวงตาสีเขียวสดให้สบมอง ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูงุนงงในสิ่งที่เขาพูด พอตเตอร์ไม่รู้ตัว ท่าทางใกล้ชิดอย่างแปลกประหลาดของพวกเขาถูกจับตามองจากพ่อมดอีกคนที่เดินไม่ห่างกัน

     

    _________________________________________________________

     

    สวัสดีอีกครั้ง มาแล้ววววว รอนานไหม

    ขอโทษที่ค้างไว้หลายเดือนนะ ตอนนี้มาต่อแล้ว

    บทที่ 7 แล้วนะ เขายังไม่ชอบกันเลยเว้ย 55555555555555

    มันค่อยเป็นค่อยไปล่ะนะ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ตามอ่านเนาะ

    เหมือนเดิม เวิ่นเว้อได้ที่ #paparkfic ในทวิตเตอร์ได้


    ขอบคุณที่ติดตามฮะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×