คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7 : Well, We meet again.
Fic Harry Potter [DM/HP] What is it called ?
_________________________________________________________
Chapter 7 : Well,
We meet again.
เจอกันอีกแล้ว
แฮร์รี่ได้ยินเสียงซุบซิบอื้ออึงขณะมองผู้ชายตัวสูงสองคนตรงหน้าที่กำลังประสานสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร
ไม่ทราบว่าพวกเขาสองคนจ้องตาแข่งกันทำไมเหรอ.... ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไรเขาจึงหันหลังให้แล้วตั้งท่าจะหลีกหนีความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้แต่ทว่า....
“พูดจาไม่ให้เกียรติคุณพอตเตอร์เลยนะ
คุณมัลฟอย” บัลธาซาร์ เกรฟส์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มทำให้เขาต้องหันไปมอง
จะเอาชื่อเขาไปเกี่ยวข้องกับบทสนทนาทำไมกันคนพวกนี้
“ให้เกียรติพอตเตอร์น่ะหรือ
ผมสนิทสนมกับเขาจนเรียกชื่อได้ คุณยังว่าผมไม่ให้เกียรติอย่างนั้นเหรอครับ
คุณเกรฟส์” เจ้าของนัยน์ตาสีซีดตอบกลับพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจที่กว้างมากขึ้น
เฮ้ มัลฟอย
ฉันไปสนิทสนมกับนายจนนายเรียกชื่อฉันตั้งแต่เมื่อไรกัน
แฮร์รี่อยากจะเอ่ยถามแบบนี้แต่ก็ไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการโต้ฝีปากของทั้งสองคน
ให้เคราเมอร์ลินเป็นพยานเถอะ เขารู้สึกว่ามันวุ่นวายเกินจำเป็นแล้วจริงๆ นะ
ใบหน้าชายหนุ่มบิดเกร็งไปด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างบรรยายไม่ถูกจึงทำได้เพียงทอดถอนลมหายใจออกมาหนักๆ
เท่านั้น
“หึ คุณนี่มัน...” เขาไม่รู้ว่าคุณเกรฟส์คนนั้นจนคำพูดหรืออย่างไรจึงได้หยุดการสนทนาเพียงเท่านั้นแล้วหันหลังเดินจากไป
นั่นทำให้แฮร์รี่โล่งใจเพราะเขาหาคำปฏิเสธไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ดีๆ ไม่ได้สักทีแต่มัลฟอยกลับทำได้ดีเกินคาด
“โด่งดังจริงๆ นะคุณวีรบุรุษ”
น้ำเสียงยานคางเย้าอารมณ์ดังขึ้นทำให้เขาละสายตาจากแผ่นหลังของหัวหน้ามือปราบมารต่างถิ่นหันไปสบกับเจ้าของเสียง
“นายก็พูดเก่งเหมือนตอนอยู่บ้านไม่เคยพูดเหมือนกัน”
แฮร์รี่ค่อนแขวะและประชดประชันอีกฝ่ายกลับทันที นั่นทำให้มัลฟอยเลิกคิ้วแล้วก็ขยับยิ้มขบขัน
รอยยิ้มนั่นทำให้เขารู้สึกอยากต่อยหน้าไอ้หมอนี่อย่างไรก็ไม่รู้ นึกอยากจะปั้นหน้านิ่งก็ปั้น
นึกอยากจะกวนประสาทก็กวน อะไรของเจ้าหมอนี่กัน!
“กวนประสาท”
เขาว่าอีกฝ่ายเข้าให้ก่อนจะไม่สนใจอีก
ชายหนุ่มพาสองขาก้าวไปหาคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตประจำเกาะอังกฤษด้วยสีหน้าติดจะเหนื่อยอ่อน
แต่ท่านรัฐมนตรีท่านนั้นกลับกำลังโชว์คาถาผู้พิทักษ์ที่เป็นแมวลิงซ์ของตนเองต่อหน้าธารกำนัลอย่างสำราญใจ
มันไม่ใช่คาถาที่เอาไว้โชว์เล่นหรือเปล่าท่านรัฐมนตรี....
“ถึงจะไม่เท่และมีสไตล์เท่าดัมเบิลดอร์
แต่ผมก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าผู้พิทักษ์ของผมก็ดูน่ารักไม่หยอก”
ได้ยินอีกฝ่ายคุยโม้อย่างอารมณ์ดีก็พาลทำให้แฮร์รี่อยากถอนหายใจออกมาอีกสักรอบ
เขายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับคิงส์ลีย์จริงๆ จังๆ
ถึงงานเปิดตัวสมาชิกภาคีในครั้งนี้สักที
ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกคนเป็นใหญ่เป็นโตจนมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้แต่นี่คือภาคีนะ
ไม่ใช่การตั้งกลุ่มเพื่อเล่นจำอวดสักหน่อย
“ท่านรัฐมนตรีครับ”
เขากระแอมพลางส่งเสียงเรียกคนที่อวดผู้พิทักษ์ของตนแล้วจึงเอ่ยต่อเมื่อคิงส์ลีย์ผละตัวจากพ่อมดแม่มดคนอื่นๆ
เดินมาหาเขา “ผมอยากคุยอะไรกับคุณหน่อย ได้ไหมครับ?”
“หือ ได้สิ ว่าแต่เป็นยังไง
ฉันเชื่อเลยว่าเธอต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ แฮร์รี่” ท่านรัฐมนตรียิ้มกว้างพลางแตะข้อศอกเขาพาไปยังมุมหนึ่งของห้องโถง
“ให้ฉันเดา
เธอคงอยากพูดถึงคุณมัลฟอยใช่ไหม”
แฮร์รี่สบตาพ่อมดตรงหน้า
เขารู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มเปล่งประกายของอีกฝ่ายเหลือเกิน ท่าทางมีความสุขมากๆ
แบบนั้นคืออะไรกันท่านรัฐมนตรี! เขากลั้นหายใจเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกหัวเสียโง่ๆ นี้
“ใช่ครับ
ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงสนใจมัลฟอย ทั้งๆ ที่คุณใจดีกับพวกเขามามากขนาดนั้น”
แฮร์รี่กำลังพูดถึงการที่อีกฝ่ายยินยอมไม่จับกุมตระกูลมัลฟอยแลกกับการตามล่าผู้เสพความตายที่เหลือ
คิงส์ลีย์หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเฉลยด้วยหน้าตาจริงจัง
“ฉันว่าเธอเองก็เห็นศักยภาพของเดรโก มัลฟอยนะแฮร์รี่ เธอรู้จักเขาดีพอๆ
กับที่เขารู้จักเธอ ลึกๆ แล้วเขาไม่ได้เลวร้าย ออกจะอ่อนไหวมากเกินไปด้วยซ้ำ”
“เขามีทักษะในการใช้เวทมนต์ที่ยอดเยี่ยมมากกว่าที่ใครๆ
คาดคิด อีกอย่างเธอสอนเขาเรื่องคาถาผู้พิทักษ์ใช่ไหม
แล้วเขาก็ทำออกมาได้ดีเหลือเชื่อ”
ถึงคราวนี้เป็นตาแฮร์รี่บ้างที่จะประหลาดใจ
เขาจำได้ว่าเขาบอกมัลฟอยเรื่องคาถาผู้พิทักษ์ก็จริงแต่ครั้งสุดท้ายที่เห็น
เจ้าหมอนั่นยังทำให้ผู้พิทักษ์เป็นรูปเป็นร่างไม่ได้เลย ทำให้เขาหลุดปากถามออกไป
“มัลฟอยเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้อย่างนั้นเหรอครับ”
และนั่นก็เรียกรอยยิ้มให้กับพ่อมดผู้มีตำแหน่งใหญ่โตตรงหน้าได้อย่างจัง แต่เขาจะทำเป็นตาบอดมองไม่เห็นรอยยิ้มนั้นก็แล้วกัน
“ฉันนึกว่าเธอจะเฝ้าติดตามพัฒนาการของคนที่เธอสอนเสียอีกนะแฮร์ร์รี่”
ท่านรัฐมนตรีเอ่ยทีเล่นทีจริงแต่มันก็ทำให้แฮร์รี่อดรู้สึกกระดากอายแปลกๆ ไม่ได้
“ผมไม่ได้ติดตามอะไรมัลฟอยสักหน่อย
เห็นคุณพูดมา ผมก็เลยถามเท่านั้น” ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่ากำลังอีกฝ่ายไล่ต้อนและเล่นสนุกกับเขาอยู่ซึ่งเขาไม่สนุกด้วยเลย!
“ฮึๆ จริงๆ
แล้วสิ่งที่ฉันสนใจในตัวมัลฟอยคนลูกคือความสามารถของเขา
มันน่าประทับใจและที่ฉันประทับใจมากที่สุดคือการที่เขาทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ได้”
ว่าจบร่างสูงใหญ่ของคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์ก็ขยิบตาให้พร้อมกับหันไปคุยกับแม่มดท่านหนึ่งที่เดินเข้ามาทางพวกเขาพอดี
ตัวเขาที่เป็นแบบนี้....
มันแบบไหนกันล่ะ?
แฮร์รี่ได้คิดแต่แล้วก็สงสัย เขาไม่มั่นใจนักว่าเขาต้องการทราบคำตอบจริงๆ
หรือเปล่า แต่ที่เขารู้แน่ชัดคือเรื่องพวกนี้มันทำให้เขาหัวหมุน เขาจะไม่คิดถึงมันอีก
ขอเอาเกียรติของแฮร์รี่ พอตเตอร์คนนี้เป็นเดิมพัน!
....
ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะจบหลังจากงานเลี้ยงในนิวยอร์กวันนั้นแต่ที่ไหนได้ตัวเขากลับต้องตัวติดหนึบอยู่กับเดรโก
มัลฟอยเสียอย่างนั้น มันตรงตามตัวอักษรเลยว่า ตัว – ติด – หนึบ ใครจะไปรู้กันว่าในกระทรวงเวทมนต์จะมีห้องที่ร่ายคาถาแปลกๆ
แบบนี้
มันเริ่มจากการที่เดรโก
มัลฟอยแสนน่ารำคาญคนนั้นมาตามนัดกับคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์แล้วพบเขาเข้า
เจ้าหมอนั่นเข้ามาวอแวกวนใจเขาเหมือนที่เคยทำสมัยอยู่ฮอกวอตส์ (ทั้งๆ
ที่ไม่ได้ทำตัวแบบนี้กับเขามาได้ตั้งพักใหญ่ๆ
แล้วเขาก็ชมเจ้าหมอนี่ไปหลายรอบที่ไม่ทำแบบนั้นด้วย) เขาไม่อยากโต้ฝีปากกับอีกฝ่ายเลยเดินหนี
หนีไปหนีมาก็ไปเจอเข้ากับห้องแปลกๆ แล้วที่แย่กว่านั้นคือเจ้าคนน่ารำคาญคนนั้นดันเดินตามเขามาด้วย
พอมัลฟอยเดินเข้ามาคาถาพิลึกพิลั่นที่ถูกร่ายไว้ก็ทำงานจนกลายเป็นว่าข้อมือด้านขวาของเขาติดกับข้อมือด้านซ้ายของอีกฝ่าย
เหมือนกับมีกุญแจมือล่องหนล็อกข้อมือของพวกเขาเข้าด้วยกัน
นี่ไงล่ะที่มาของคำว่าตัวติดหนึบ!
“วันนี้ฉันต้องไปอัซคาบัน...”
เป็นแฮร์รี่ที่เริ่มพูดก่อน เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะสบถด่ากระทรวงเรื่องห้องโง่ๆ
กับคาถาประหลาดๆ นี่เต็มทีแล้ว (โอเค จริงๆ เขาก่นด่าไปก่อนหน้านี้จนเหนื่อยไปแล้วต่างหาก)
“ฉันจะกลับบ้าน” และนี่ก็เป็นคำตอบจากเจ้าบ้ามัลฟอย
ซึ่งมันทำให้แฮร์รี่หงุดหงิดเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้
ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะพยายามดึงมือตัวเองออกทั้งๆ
ที่รู้ว่ามันไร้ผล ข้อมือของเขายังติดหนึบเหนียวแน่นกับข้อมืออีกฝ่าย
“แต่ฉันมีงานต้องทำนะมัลฟอย”
แฮร์รี่พยายามอย่างมากที่จะไม่ใช้อารมณ์กับคนที่ยืนทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอยู่ข้างๆ
“ไปบ้านฉันก่อน”
มัลฟอยพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไปจากห้องโง่ๆ นี่ที่แฮร์รี่เพิ่งสังเกตว่ามีตัวอักษรสวยงามเป็นประกาศเตือน
ห้ามเข้า กำลังแก้ไขเวทมนต์ แปะอยู่ด้านหน้าประตู
สภาพของพวกเขาดูพิลึกพิลั่นที่สุด
เขารู้โดยที่ไม่ต้องสบตากับใครสักคน
แฮร์รี่ไม่อยากเห็นสายตาที่มองมาเขาจึงเลือกที่จะก้มมองพื้นหินขัดเงาแทน
ใครจะไปคาดคิดว่าจะมีวันที่เขาจะเดินเคียงข้างในระดับ (ข้อมือ) ติดหนึบกับเดรโก
มัลฟอยอย่างนี้
ขนาดเขายังไม่คิดเลย ให้ตายสิ!
ในใจภาวนาให้พวกเขารีบออกจากกระทรวงสักที
ไม่รู้คนเดินนำจะพาเขาไปไหน
มัลฟอยไม่ได้ทำงานที่นี่สักหน่อยแล้วทำไมถึงมานำทางเขาได้กัน
คิดได้ถึงตรงนี้แฮร์รี่ก็หยุดก้าวเท้าส่งผลให้คนที่เดินนำหน้าต้องหยุดชะงักไปด้วยเพราะข้อมือที่โดนดึงรั้ง
มัลฟอยหันมามอง
ใบหน้าหล่อเหลายังไม่ปรากฏสีหน้าท่าทางใดๆ เหมือนตอนแรกที่เข้ามาวุ่นวายกับเขา
บางทีแฮร์รี่ก็เดาความคิดมัลฟอยไม่ออกแต่เขาก็เหนื่อยใจเกินกว่าจะทำความเข้าใจอีกฝ่ายอยู่ดี
“นายกำลังพาฉันไปไหนน่ะ มัลฟอย”
ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่ออีกฝ่ายพาเขาเดินวนไปถึงไหนต่อไหนภายในกระทรวงแทนที่จะตรงไปบ้านหลังโตของตนเอง
มัลฟอยขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยปาก
“ไม่รู้สิพอตเตอร์ ฉันไม่เคยมาทางนี้”
และนั่นทำให้แฮร์รี่คิ้วกระตุก เขาถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ของวัน
เคยได้ยินคำพูดของมักเกิลว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุสั้นลงหนึ่งปี
ไม่รู้ว่าป่านนี้แฮร์รี่จะเหลืออายุไขอีกสักกี่ปีกัน
....
กลับมาที่คฤหาสน์หลังโตโดดเดี่ยวในเขตวิลท์เชียร์
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบเหมือนอย่างเคย เดรโก มัลฟอยเดินตรงดิ่งไปยังประตูรั้วด้านหน้า
ประตูรั้วเหล็กเปิดออกราวกับกำลังรอผู้เป็นเจ้าของ
มันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเสียดสีไม่เบานักทว่าชายหนุ่มเรือนผมสีอ่อนไม่ได้ให้ความสนใจ
ผู้ติดตามส่งเสียงประท้วงให้เขาเดินช้าลงหน่อย
เดรโกไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายไม่ยอมเดินเคียงข้างกัน เดินตามเขาต้อยๆ อย่างนี้มันน่ารำคาญ
เหมือนลูกสัตว์เดินตามหลังพ่อแม่ของมัน ไอ้กุญแจมือล่องหนก็น่ารำคาญ
พาลให้ทำอะไรไม่สะดวก เดรโกตัดสินใจคว้ามือที่เล็กกว่าแล้วลากให้เดินไปด้วยกัน
และภาพเหล่านั้นก็ถูกนายลูเซียสที่กำลังยืนชมดอกไม้หน้าคฤหาสน์เห็นเข้าเต็มๆ
ตา หลังจากจบเรื่องผู้เสพความตายบิดาของเดรโกก็ดูสนใจเรื่องการปลูกดอกไม้มากเป็นพิเศษ
ใบหน้าที่ไม่ได้แตกต่างจากคนเป็นลูกมากนักมองมานิ่งๆ
แล้วเลื่อนสายตาผ่านไปเหมือนการที่ลูกชายตัวเองจับมือกับผู้ชายเป็นเพียงฉากๆ
หนึ่งในสายตา
เดรโกเห็นบิดาจึงตั้งท่าจะเข้าไปทักทายแต่นายลูเซียสกลับเดินตัวปลิวเข้าไปในตัวบ้านเสียก่อน
ชายหนุ่มไม่แปลกใจนัก ถึงเขาจะไม่ทราบเหตุผลแต่บางครั้งพ่อของเขาก็มักทำเหมือนมองไม่เห็นเขา
“รีบๆ
ทำธุระของนายให้เสร็จสักทีได้ไหมมัลฟอย นายกำลังทำให้ฉันไปทำงานสายนะ”
เดรโกได้ยินคนข้างๆ เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ จะว่าไปพอตเตอร์ก็แปลก
ไม่พอใจเขาแต่กลับไม่ต่อต้าน
บางทีอาจจะเป็นเพราะต่อต้านไม่ได้
ก็ตัวพวกเขาดันติดกันอย่างนี้
ชายหนุ่มหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
พอตเตอร์ทำหน้าบูดเหมือนเด็กๆ นั่นตลกดี
เขาขยับมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่คล้ายจะรู้สึกตัว
เดรโกกระชับมืออีกฝ่ายแล้วพาเดินเข้าไปในคฤหาสน์
เขาพาพอตเตอร์มาที่บ้านเพราะคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นหนังสือเวทมนต์แปลกๆ
ที่แสดงผลหลังร่ายเวทย์ดังที่พวกเขาโดน
“ฉันคิดว่ามันอยู่ในห้องหนังสือ”
ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองแล้วก็เดินไปยังชั้นบนสุดโดยไม่ลืมลากคนหน้าบูดให้มาด้วย
อันที่จริงจะบอกว่าไม่ลืมก็ไม่ได้ เพราะเดรโกจับมือพอตเตอร์อยู่อย่างนั้นมาตลอด
คล้ายว่าพอตเตอร์จะรู้สึกอึดอัดจึงพยายามดึงมือออกจากอุ้งมือของเขา
แน่นอนว่าตัวเดรโกเองก็เช่นกัน แต่เขารู้สึกเคอะเขินเสียมากกว่า ทั้งๆ ที่เขาจับมือพอตเตอร์ก็เป็นเพราะเขารำคาญอีกฝ่ายตั้งแต่แรกแท้ๆ
“สรุปนายพาฉันมาที่บ้านนายทำไม” พวกเขาปล่อยมือออกจากกันแล้ว
พอตเตอร์จึงเอ่ยถามเหมือนอยากเปลี่ยนบรรยากาศ
เดรโกไม่ตอบ เขาแค่พาอีกฝ่ายมายังโต๊ะที่มีหนังสือวางรวมกันอย่างเป็นระเบียบ
เดรโกใช้มือข้างที่ว่างมือเดียวของเขาหยิบจับหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งออกมาหลังจากใช้ดวงตาพิจารณาว่าเป็นหนังสือที่เขาต้องการหรือไม่
เขายื่นหนังสือเล่มที่ว่าให้พอตเตอร์และอีกฝ่ายก็ทำท่าสนใจขึ้นมาทันที
หากไม่นับถึงภาระที่อีกฝ่ายต้องแบก
แฮร์รี่
พอตเตอร์ผู้โด่งดังก็ยังเป็นเพียงชายวัยรุ่นที่อายุยังไม่ยี่สิบสามปีเต็มเท่านั้นเอง
เดรโกมีโอกาสพิจารณาอีกฝ่ายได้ใกล้ชิดกว่าที่เคย
เขาถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่าเขาสมควรอิจฉาและเกลียดชังพอตเตอร์จริงๆ หรือเปล่า
ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะหาคำตอบให้ตัวเองได้พบ
ใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ดวงตาสีเขียวที่เขาสบบ่อยครั้งไม่มีประกายสดใสเหมือนแต่ก่อน ชายหนุ่มเพิ่งรู้ตัว
เขาอยู่ใกล้แฮร์รี่ พอตเตอร์ถึงเพียงนี้.... ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่น่าโคจรกลับมาพบกันได้
ต่างคนต่างละเลยซึ่งกันและกันมาเนิ่นนาน แต่ ณ
ขณะนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าช่วงเวลายาวนานถึงเจ็ดปีไม่อาจแสดงภาพลักษณ์ที่แตกต่างของพอตเตอร์ได้เทียบเท่าช่วงเวลานี้เลย
ดูเหมือนว่าเศษสนิมที่กัดกินหัวใจและความคิดของเขาจะค่อยๆ
หลุดออกทีละน้อยอย่างไร้เหตุผลเข้าเสียแล้ว
เมื่อสายตาอีกฝ่ายประสานกับดวงตาของเขา
เดรโกจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นคิดอะไรเหลวไหลมากเกินไป เขาเบนสายตาไปที่หนังสือแล้วเอ่ย
“ฉันคิดว่ามันเป็นคาถาที่อยู่ในนั้น ที่ว่ามีผลยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ฉันเห็นแล้วล่ะ” พูดจบพอตเตอร์ก็วางหนังสือไว้บนโต๊ะเช่นเดิม
ใบหน้าของอีกฝ่ายง้ำงอแถมยังมีคำบ่นมาอีกระลอก “คาถางี่เง่าอะไรกันที่ทำให้คนต้องตัวติดกันยี่สิบสี่ชั่วโมง
แถมไม่มีทางแก้ไขนอกจากให้มันหมดฤทธิ์เองด้วย”
เดรโกเองก็รู้สึกอย่างนั้นเพราะมันไม่สะดวกสบายเอาเสียเลย
ทั้งเขาทั้งพอตเตอร์ต่างมีธุระของตัวเอง
พอต้องไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วถึงได้รู้ซึ้งว่าการขัดคอกันไม่ได้ช่วยอะไรแถมยังทำให้เสียเวลามากขึ้นอีกต่างหาก
ผลก็คือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอมโอนอ่อนให้อีกฝ่ายนั่นแหละ
ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายพอตเตอร์ที่ยอมให้เขาด้วย
ชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจหรอกนะถึงจะรู้สึกเหมือนถูกตามใจเพราะอีกฝ่ายไม่อยากมีปัญหากับเขาก็ตาม
“เสร็จธุระฉันแล้ว”
เขาบอกอีกฝ่ายเป็นนัยว่าจะรีบไปอัซคาบันก็รีบไปสักที แต่ดูเหมือนพอตเตอร์จะซื่อบื้อไม่เข้าใจที่เขาบอก
หมอนั่นทำหน้าเหมือนจะบอกว่า แล้วไง นายมาบอกฉันทำไมล่ะ
นั่นทำให้เดรโกรู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กๆ แต่เขาก็ยอมเปิดปากขยายความอยู่ดี
“ก็ไปทำธุระแกต่อสิพอตเตอร์
เรื่องแค่นี้แกต้องให้ฉันบอกหรือไง” ชายหนุ่มอดค่อนแขวะในตอนท้ายไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายแอบถลึงตาใส่เขา
ใช่ว่าเขามองไม่เห็นสักหน่อย
หลังจากนั้นพอตเตอร์ก็พาเขาหายตัวมาจากบ้านไปยังคุกอัซคาบันทันที
เดรโกไม่ค่อยได้หายตัวบ่อยนัก พอเจออย่างนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนอวัยวะกลับหัวกลับหางผิดที่ผิดทางไปหมด
ชายหนุ่มกลืนก้อนบางอย่างลงลำคอแล้วเดินตัวตรงเคียงข้างพอตเตอร์เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์
(ที่เขาพยายามสร้างขึ้นมา)
“นายอาจต้องเบื่อหน่อยนะมัลฟอย
ฉันนัดคุณเกรฟส์ไว้ที่นี่
เขาอยากศึกษาการลงโทษพ่อมดแม่มดที่ทำความผิดโดยไม่ใช้ความตายดู” พอตเตอร์บอกเอื่อยๆ
ขณะพาเขาเดินไปตามพื้นหินเย็นเยียบของคุกอัซคาบัน
แต่สิ่งที่สะดุดใจเดรโกเห็นทีจะเป็นคำว่าคุณเกรฟส์....
เขาไม่ชอบหน้าผู้ชายอเมริกาคนนั้นจริงๆ ทำหน้าเหมือนเหนือไปหมดทุกอย่าง
น่าหมั่นไส้เป็นบ้า ชายหนุ่มได้แต่พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่ปิดบังริ้วอารมณ์ที่มีต่อเจ้าของชื่อ
“คุณเกรฟส์อะไรนี่ก็ช่างมาตรงเวลาที่ฉันกับแกตัวติดหนึบแบบนี้จริงๆ
นะพอตเตอร์” เดรโกบ่นออกมา “แต่ก็ช่างเหมาะเจาะที่ฉันสามารถตอกหน้าหมอนั่นว่าเราสนิทสนมกันจริงๆ”
จากนั้นเขาก็ลอบยิ้มมุมปากอยู่คนเดียวโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าพอตเตอร์แอบทำสีหน้าเหม็นเบื่อมาให้เขาด้วย
จนกระทั่งเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินหยุดลง พวกเขาได้มาถึงที่หมายแล้ว
เดรโกมองชายที่สวมสูทภูมิฐานเอามือไขว้หลังหันหลังให้พวกเขาอย่างถือดี
และทันใดนั้นคนถือดีที่ว่าก็หันมาทางพวกเขาราวกับมีตาหลัง
“โอ้ สวัสดีคุณพอตเตอร์..... อ้อ
คุณมัลฟอยด้วยสินะครับ” บัลธาซาร์ เกรฟส์ยิ้มทักทาย และทำเหมือนเขาเป็นของแถมที่อยู่นอกสายตา
“สวัสดีครับ–” ไม่ทันที่พอตเตอร์พูดจบ
เดรโกก็ชิงก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วชิงพูดก่อน
“สวัสดีครับคุณเกรฟส์”
เดรโกส่งยิ้มเป็นมิตร (ที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้ง) ให้อีกฝ่ายพลางขยับข้อมือข้างที่ติดกับพอตเตอร์ดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
ด้วยพอตเตอร์ไม่ทันได้ตั้งตัวหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ฝ่ายนั้นเซเข้ามาชนกับอกเขาเต็มๆ
พอตเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองตาเขียวปั๋ดแต่ชายหนุ่มทำเพียงแค่ชำเลืองมองและหันไปยิ้มแย้มให้มือปราบมารจากอเมริกาเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น
“เจอกันอีกแล้ว
ผมไม่ทราบเลยว่าคุณจะมาที่นี่ด้วย คุณมัลฟอย” เกรสฟ์บอกแบบนั้น
“เรื่องนั้นผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลส่วนตัว
ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบก่อน” แล้วเขาก็โต้ตอบกลับไป
เกรสฟ์ยิ้ม แค่ยิ้มเท่านั้นแล้วให้ความสนใจกับพอตเตอร์โดยเมินเฉยเหมือนเดรโกเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศ
แต่เขาไม่สนใจ
พวกเขาเดินไปสนทนากันไป อันที่จริงก็แค่พอตเตอร์กับเกรฟส์เท่านั้น เดรโกเป็นเหมือนของแถมโง่ๆ ที่ไม่มีค่าให้ใครสนใจ เขาเคยนึกไม่ชอบใจที่ถูกหมางเมินแต่พอนานเข้าชายหนุ่มกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นอารมณ์ที่ไร้สาระเสียจริง
ต่อให้เขาไม่ถูกใจพ่อมดจากอเมริกาสักเท่าไร เขาก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ด้วยอำนาจที่คานกันหรือผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างประเทศ มีแต่ต้องขัดแข้งขัดขากันอ้อมๆ เท่านั้น เดรโกรู้ว่าเกรสฟ์สนใจพอตเตอร์พอๆ กับที่เกรสฟ์รู้ว่าเขาอยากกันท่าพอตเตอร์ไม่ให้อีกฝายเขาใกล้
พอตเตอร์เป็นคนกลางและไม่มีทีท่าจะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้...
นั่นถือว่าดี สำหรับพวกเขาทั้งสอง
เดรโกตั้งมั่นในใจ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องกีดกั้นพอตเตอร์ออกจากมือปราบมารต่างถิ่นนั่นให้ได้
เขาเอ่ยเสียงเบาราวเสียงกระซิบบางอย่างข้างหูพอตเตอร์
เรียกดวงตาสีเขียวสดให้สบมอง ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูงุนงงในสิ่งที่เขาพูด พอตเตอร์ไม่รู้ตัว
ท่าทางใกล้ชิดอย่างแปลกประหลาดของพวกเขาถูกจับตามองจากพ่อมดอีกคนที่เดินไม่ห่างกัน
_________________________________________________________
สวัสดีอีกครั้ง มาแล้ววววว รอนานไหม
ขอโทษที่ค้างไว้หลายเดือนนะ ตอนนี้มาต่อแล้ว
บทที่ 7 แล้วนะ เขายังไม่ชอบกันเลยเว้ย 55555555555555
มันค่อยเป็นค่อยไปล่ะนะ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ตามอ่านเนาะ
เหมือนเดิม เวิ่นเว้อได้ที่ #paparkfic ในทวิตเตอร์ได้
ขอบคุณที่ติดตามฮะ!
ความคิดเห็น