คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 : Rival?
Fic Harry Potter [DM/HP] What is it
called ?
_________________________________________________________
Chapter 6 : Rival?
คู่แข่งปรากฏตัว?
คฤหาสน์มัลฟอยเงียบสนิทพอๆ
กับเขตวิลท์เชียร์สถานที่ตั้งของมัน เป็นเรื่องธรรมดาที่บริเวณรอบตัวคฤหาสน์หลังนี้ไม่ปรากฏร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
นับตั้งแต่ต้นตระกูลมัลฟอยได้รับที่ดินทำเลงามมาจากพระเจ้าวิลเลี่ยมที่หนึ่งก็ได้ยึดครองที่ดินของเหล่ามักเกิ้ลที่อยู่โดยรอบมาเป็นของตนจนกลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีแต่คฤหาสน์หลังโตอยู่โดดเดี่ยวและเดรโก
มัลฟอยก็คุ้นชินกับความเงียบเหล่านี้ดี
เป็นเวลาร่วมครึ่งเดือนแล้วหลังจากที่เขาร่ายคาถาผู้พิทักษ์ได้
ฟังดูไม่น่าเชื่อเท่าไรแต่เขาก็ทำมันได้สำเร็จ
ตอนแรกเดรโกคิดว่าอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญทว่าหลังจากนั้นเขาก็เสกคาถานี้ซ้ำๆ
จนเรียกได้ว่าถนัดมือ ความตั้งใจอันแรงกล้าของเขาไม่แน่ใจว่าเรียกว่าความสุขได้หรือเปล่าแต่มันก็ทำให้เขามองเห็นรูปร่างผู้พิทักษ์ของตนเอง
ครั้งสุดท้ายที่ได้พบพอตเตอร์ก็คือวันนั้น
วันที่บางอย่างได้จบลงและบางอย่างได้เริ่มต้นขึ้นมาใหม่ ถึงจะยังไม่รู้สึกสาแก่ใจกับบทเรียนที่ให้ไอ้สารเลวโรลว์แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าโทษทัณฑ์ของผู้เสพความตายอย่างไรเสียก็คงไม่พ้นถูกคุมขังอยู่ในอัซคาบันตลอดชีวิต
ถึงจะแค้นอยากให้มันตายไปเสียแต่ความตายมันคงง่ายเกินไป
เดรโกหวังให้มันได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในอัซคาบันจนกลั้นใจตายไปเอง
เขาสลัดความคิดแล้วจรดปากกาขนนกลงบนหน้ากระดาษสีขาว
สายตาไล่เรียงไปยังตัวอักษรตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งถึงจุดฟูลสต็อปแล้วจึงปิดสมุดบันทึกเล่มเล็กมิให้เห็นเนื้อความที่อยู่ด้านใน
เดรโกเริ่มจดบันทึกตั้งแต่ช่วงที่เขาเป็นผู้เสพความตาย แน่นอนว่าตอนนั้นเขาทั้งกลัวทั้งยังต่อต้านไม่ได้
อึดอัดจนอยากจะฆ่าตัวตายให้พ้นๆ แต่ก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวละทิ้งบิดามารดาไว้เบื้องหลัง
เขาได้แต่จำยอมทำทุกอย่างเพื่อตระกูลและบิดา
ในความกดดันนั้นหากเขาไม่หาทางระบายออกเขาคงต้องเป็นบ้า
การมีสมุดบันทึกสักเล่มช่วยเขาเอาไว้ได้มากจริงๆ
ทุกๆ วันเดรโกจะแอบหยิบสมุดเล่มนี้ออกจากอกเสื้อมาเขียนระบายความอัดอั้น
ความปรารถนา ความกลัว ความสับสน ในช่วงที่หลายอย่างประเดประดังเข้ามาไม่ต่างจากพายุโหมกระหน่ำ
เขาก็มีแค่สมุดบันทึกเล่มนี้ที่พอจะเยียวยาความรู้สึกต่างๆ ให้เบาบางลงได้และหลังจากพอตเตอร์พิชิตจอมมาร
เขาก็แทบไม่ได้แตะต้องสมุดบันทึกเล่มนี้อีกเลย
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เขาจะออกจากบ้านไป
ชายหนุ่มขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอนเพื่อหาทางไล่ล่าศัตรูของบิดา
ครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ แล้วก็จดบันทึกลงไปในสมุดเล่มเก่า
เดรโกไม่ได้เป็นคนช่างพูดแล้วก็ไม่ได้เป็นคนช่างเขียนด้วย ถึงจะบอกว่าสมุดบันทึกช่วยให้เขาระบายความอัดอั้นแต่ก็ไม่เคยเขียนยาวกว่าสามบรรทัดสักที
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้แสนสบาย เขายืดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบจากการนั่งนิ่งๆ
เป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้เดรโกอ่านหนังสือเกี่ยวกับคำสาปอันตรายที่มีความหนาขนาดเอาทุบหัวโทรลล์สลบ
บ้านของเขาเก็บสะสมของพรรค์นี้มาหลายชั่วอายุคน
เพิ่งจะได้หยิบจับตามใจชอบก็เมื่อไม่นานมานี้
เขาเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมหยิบโค้ทตัวหนาออกมาด้วย แม้อยู่ในช่วงหน้าหนาวแต่ดวงจันทร์ก็ยังทอประกายสดใส
เขาไม่ได้มองทั้งท้องฟ้า ดวงดาวและดวงจันทร์มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้
“หวังว่ามันจะไม่มีอะไรอีกแล้วนะ”
เดรโกพูดกับตัวเองขณะจ้องมองพระจันทร์ เขากระชับเสื้อโค้ทขนสัตว์เข้ากับตัวเมื่อลมหนาวพัดผ่าน
การไล่ต้อนและจับกุมผู้เสพความตายในครั้งนี้สร้างความดีความชอบให้ตระกูลมัลฟอยเป็นอย่างมาก
แม้จะยังมีหลายคนที่คลางแคลงใจกับบิดาของเขาแต่ดูเหมือนนายลูเซียสจะไม่แยแสต่อความสงสัยเหล่านั้น
ในเมื่อบิดาไม่สนใจตัวเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับมันเหมือนกัน
“เดรโก” เสียงกระซิบดังมาจากด้านหลัง
ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมองก่อนจะพบกับสตรีวัยกลางคนในชุดคลุมสีสว่าง
เขารีบก้าวเท้าเดินไปหาเธอก่อนจะเอ่ยถาม “นี่ดึกมากแล้ว ทำไมแม่ยังไม่นอนล่ะครับ”
ใบหน้างามสมวัยระบายยิ้มให้ผู้เป็นลูก
นาร์ซิสซาไม่เคยแสดงสีหน้าเฉยเมยต่อหน้าลูกชายของเธอเลยสักครั้ง
แม้เธอจะเย่อหยิ่งต่อคนทั้งโลกแต่ทั้งหมดนั้นก็ละเว้นไว้ให้กับคนในครอบครัว
ครอบครัวที่เธอรักสุดหัวใจ เธอยื่นมือไปสัมผัสแก้มลูกชายแล้วเอ่ยเสียงเบา
“แม่เห็นลูกจากหน้าต่างพอดีน่ะเดรโก หนาวขนาดนี้ยังไม่ยอมนอน คิดอะไรอยู่เหรอลูก”
“นิดหน่อยครับแม่
ผมแค่คิดว่าช่วงเวลาสงบสุขแบบนี้มันดีจริงๆ เลยนะ”
“แม่เองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
นาร์ซิสซาบอกพลางดึงลูกชายเข้ามากอด “ดีเหลือเกิน เดรโก...
ดีเหลือเกินที่ลูกยังอยู่ตรงนี้ แม่รู้สึกดีมากจริงๆ
ที่วันนั้นตัดสินใจหักหลังจอมมาร”
“แล้วแม่ก็ภูมิใจที่ลูก...
ที่พวกเราเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ช่วงเวลาที่ตระกูลเธอล่มสลายได้ผ่านพ้นไปแล้ว
นาร์ซิสซาจูบหน้าผากลูกชาย
เพราะเธอรักเขามากขนาดนี้ เธอถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขาปลอดภัยแต่ตอนนี้เดรโกของเธอโตแล้วและเธอคงไม่สามารถปกป้องเขาไปได้ตลอด
การที่ลูกชายของเธอเปลี่ยนไปนับเป็นเรื่องดี
เดรโกจะสามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตได้อย่างที่เธอต้องการเสียที
เธอค่อนข้างเบาใจที่ตอนนี้มีแฮร์รี่
พอตเตอร์อยู่.... ใช่ เด็กหนุ่มคนนั้นช่วยชีวิตลูกชายของเธอหลายต่อหลายครั้งและเธอเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องสามารถดึงลูกชายของเธอให้อยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิได้แน่นอน
มิตรสหายเช่นนี้ย่อมดีกว่าผู้เสพความตายเป็นไหนๆ
“เอาล่ะ เข้านอนกันเถอะเดรโก
อากาศชักเย็นขึ้นเรื่อยๆ” นาร์ซิสซาเอ่ยก่อนจะค่อยๆ
เดินหายลับไปในคฤหาสน์หลังโตปล่อยให้ผู้เป็นลูกชายครุ่นคิดอะไรเพียงลำพัง
เดรโกยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดและความหนาวเย็น
ใบหน้าขาวซีดเผยรอยยิ้มเล็กๆ รอยยิ้มที่อ่อนละมุน ไม่ใช่รอยยิ้มเย้ยหยันแบบที่ใครๆ
ชินตา เขาก็ภูมิใจที่เขาไม่ใช่มัลฟอยคนนั้นอีกแล้ว
…..
เมื่อสองสามวันที่ผ่านมามีจดหมายจากกระทรวงแจ้งถึงข้อมูลจากผู้เสพความตายทั้งหมด
จากการสืบสวนด้วยสัจจะเซรุ่มจึงเป็นที่รู้กันว่าเป้าหมายของผู้เสพความตายคืออะไรและโชคดีที่ทางกระทรวงจัดการเรื่องนี้ได้ทัน
แต่เดรโกยังไม่วางใจกับเรื่องนี้เท่าไรนัก เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันต้องมีอะไรปิดซ่อนอยู่แน่
ชายหนุ่มไม่อยากกังวลกับอะไรมากไปนัก ถึงอย่างไรนอกเหนือจากนี้คงไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว
ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลมัลฟอยและนายลูเซียส มัลฟอยอีกต่อไป
“เคยคิดแบบนั้น...
แล้วนี่มันอะไรกันอีก ท่านรัฐมนตรี!” เดรโกเอ่ยถามด้วยทุ้มเสียงที่แฝงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เขากอดอกนั่งมองคิงส์ลีย์
ชักเคิลโบลต์ที่ปั้นหน้ายิ้มอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนในขณะที่เผชิญหน้ากับเขาและครอบครัวของเขา! จู่ๆ รัฐมนตรีคนนี้ก็มาโผล่ที่หน้าคฤหาสน์เขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแล้วก็บอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยทั้งๆ
ที่ยังหัวเราะน้อยๆ เหมือนกำลังมีเรื่องสนุกอะไร
นั่นทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลไปพร้อมๆ
กับเหมือนกำลังถูกจับตามองในเรื่องที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้
“ได้ยินว่าเสกคาถาชั้นสูงได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ
มัลฟอย” อีกฝ่ายถามขึ้นมาขณะจ้องมองมาที่เขา
รู้อยู่แล้วว่าชักเคิลโบลต์ต้องรู้เรื่องที่เขาเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้
ถึงทั้งกระทรวงจะรู้เรื่องแต่เดรโกก็ยังไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้
“คาถาชั้นสูงอะไรกัน... เดรโก?”
ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามขณะที่เลื่อนสายตาจากรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์มายังดวงตาสีซีดของลูกชาย
“คาถาผู้พิทักษ์ (Patronus Charm) ครับพ่อ”
เขาตอบคำถามบิดาในที่สุด ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้แท้ๆ
เขาแน่ใจว่าการที่เขาใช้คาถาระดับสูงอย่างนี้ได้ต้องเป็นสาเหตุในการมาเยี่ยมเยียนของรัฐมนตรีประจำกระทรวงเวทมนต์
นายลูเซียสและนางนาร์ซิสซาเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเมื่อสิ้นคำตอบ
ความภูมิใจปรากฏอย่างเต็มเปี่ยมแม้ทั้งคู่จะไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
เขายิ้มรับความชื่นชมนั้นเล็กน้อย
รอยยิ้มที่ถ้าไม่สังเกตก็แทบมองไม่ออก เขาเลื่อนสายตาไปสบกับชักเคิลโบลต์
แล้วเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ว่าธุระมา ท่านรัฐมนตรี” ใบหน้าเรียบเฉยยังคงแฝงอารมณ์ไม่พอใจ
เขาคิดว่าข้อตกลงระหว่างกระทรวงและครอบครัวเขามันสิ้นสุดลงไปแล้ว
เพราะบรรลุเงื่อนไขแลกเปลี่ยนระหว่างปล่อยครอบครัวเขาไปกับการตามล่าผู้เสพความตายที่เหลือแล้วนั่นไง
“ช่างเป็นคนหนุ่มที่ตรงไปตรงมา”
ชักเคิลโบลต์ว่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานมากขึ้น
“สนใจเข้าร่วมภาคีไหมล่ะ”
คำถามนั้นทำให้ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบงัน
แล้วก็เป็นพ่อของเขาที่เปิดปากถามขึ้นมาก่อน “ภาคีที่คุณว่าคงไม่ใช่ภาคีนั้นหรอกนะท่านรัฐมนตรี”
“ผมเกรงว่าจะใช่ ลูเซียส
ผมกำลังทาบทามลูกชายคุณให้เข้าร่วมภาคียุคใหม่ภายใต้การนำของผม
แน่นอนว่าสมาชิกก็มีแต่คนที่คุณคุ้นหน้าคุ้นตากันดี”
“รวมถึงแฮร์รี่
พอตเตอร์ผู้โด่งดังด้วย ได้ยินว่าเป็นการจับคู่ที่ยอดเยี่ยมเลยไม่ใช่หรือ”
ประโยคนี้อีกฝ่ายเหมือนจงใจถามเดรโกแต่ชายหนุ่มก็ทำเพียงปั้นใบหน้านิ่งเรียบไม่ตอบโต้เท่านั้น
“แล้วผมจะลองคิดดู”
เขาตอบกลับไปแค่นั้นแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายสนทนากับพ่อแม่ของเขาต่อ
เดรโกฮึดฮัดอยู่ในใจ อย่าพยายามเอาเขาเข้าไปเกี่ยวกับพอตเตอร์อีกได้ไหม
(ถึงครั้งที่แล้วจะเป็นเขาเองก็เถอะที่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเจ้าหมอนั่น)
รู้สึกว่าเข้าใกล้ทีไรจะมีข่าวลือแปลกๆ ตามมาทุกที
มันไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนอะไรหรอก มันแค่น่ารำคาญที่เวลาออกไปไหนมาไหนจะต้องได้ยินชื่ออีกฝ่ายไปพร้อมๆ
กับชื่อของตัวเอง
....
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อที่ในหัวเดรโกมักนึกถึงแฮร์รี่
พอตเตอร์ อาจจะตั้งแต่แรก นับตั้งแต่วินาทีที่อีกฝ่ายปฏิเสธมิตรภาพของเขา..... แล้วก็กลายเป็นว่าพอตเตอร์อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลาจนกระทั่งเรื่องราวต่างๆ
มันบานปลาย ถึงอย่างนั้นพอตเตอร์ก็ยังมาปรากฏตัวอยู่ในความคิดของเขาเสมอ พร้อมกับถ้อยคำดูแคลนและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง
— นายมันขี้ขลาด
มัลฟอย เหมือนพ่อของนาย
เป็นคำที่ตอกย้ำ แน่นอน เพราะมันคือความจริง
ความจริงที่คอยหลอกหลอนให้ตัวเขาล้มลงและพยายามจะฉุดดึงตัวเองขึ้นให้พ้นคำกล่าวหานั้นอย่างซ้ำซาก
แต่มันก็หนีไม่พ้น.... เดรโกรู้ เพราะอย่างไรเสียความจริงก็เป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่ได้อยู่ดี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มนวลติดยานคางของผู้เป็นมารดา
“เดรโก แม่ขอเข้าไปนะ”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับแต่ลุกขึ้นจากโต๊ะหนังสือแล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอนให้สตรีวัยกลางคนในชุดกระโปรงสีดำ
เธอเดินผ่านลูกชายแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าที่แทบไม่แสดงสีหน้าของเธอมีแววลำบากใจแฝงอยู่
ถ้าเดรโกเดาไม่ผิดมันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่รัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ
แวะมาเยี่ยมเยียนครอบครัวเขาในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาแน่
“เดรโก ถ้าพ่อเขาอยากให้ลูกตอบรับคำเชิญชวนไปเป็นสมาชิกของภาคี....
ลูกจะว่าอะไรไหม”
ชายหนุ่มรู้ว่านั่นไม่ใช่คำถามและไม่ใช่คำขออนุญาต
มันเป็นเพียงประโยคบอกเล่าที่บอกเขาว่าบิดาต้องการให้เขาทำอะไร
เดรโกตั้งใจจะเลิกเดินตามการชี้นำของบิดาแต่ในเรื่องนี้เขากลับหาข้อขัดแย้งไม่เจอ
นอกจากว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ใกล้ชิดกับกระทรวงมากขึ้นเท่านั้น
“ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ ผมจะทำ
ผมจะไม่หนีอีก ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมไม่ได้ขี้ขลาดอีกต่อไปแล้ว” เดรโกเอ่ยตอบมารดา
แน่นอนว่าตอบกลับจิตสำนึกที่มีแต่คำดูแคลนของเขาด้วย
ดูเหมือนว่ายิ่งพยายามจะห่างเท่าไรก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้สินะพอตเตอร์.... จากนี้ก็จงเตรียมตัวเบื่อหน้าเขาไปให้ดีเถอะ
ไหนจะพวกวีสลีย์กับยัยเกรนเจอร์อีก
บอกตรงๆ นะว่าแค่คิดก็น่ารำคาญแล้ว
....
หลังจากสิ้นสุดการตามล่าและจับกุมผู้เสพความตาย
ชีวิตของแฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดังก็จมอยู่กับกองกระดาษที่เรียกว่าเอกสารรายงานมานานกว่าครึ่งเดือน
และเขาก็รู้ตัวดีเหลือเกินว่าตัวเองเกลียดการเขียนรายงานมากขนาดไหน
มันพาลให้นึกถึงสมัยเรียนที่ฮอกวอตส์และต้องส่งรายงานวิชาปรุงยาที่ชายหนุ่มนั้นแทบจะอดตาหลับขับตานอนในการทำแล้วก็เกือบจะโดนสเนปขยำปาใส่หัวกลับทุกครั้ง
ไม่ใช่ว่าแฮร์รี่ไม่เข้าใจในเนื้อหาและสิ่งที่ทำหรอกนะ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีปัญหาในการเขียนอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจ เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่แล้วช่วยเขาแก้รายงานด้วยซ้ำ
ดังนั้นแฮร์รี่ผู้พยายามอย่างน่าเหลือเชื่อในการเขียนรายงานจึงได้แต่เขียนแล้วก็ขยำทิ้ง
เขียนแล้วก็ขยำทิ้งจนได้รายงานปึกหนึ่งที่เขามั่นใจว่ามันดีพอแล้วขึ้นมา
“เฮอร์ไมโอนี่
เธอว่าฉันเขียนประโยคแบบนี้ คุณโรบาดส์จะเข้าใจหรือเปล่า”
บางครั้งชายหนุ่มถึงกับใช้เครือข่ายผงฟลูติดต่อกับเพื่อนสาวยามดึกดื่นจนเพื่อนรักแทบจะย้ายที่อยู่ตัวเองมาพักอยู่กับเขาชั่วคราวไปก่อน
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน
“ฉันว่าที่เธอเขียนมันก็ดีทุกอันนั่นแหละแฮร์รี่
นับตั้งแต่เธอเขียนแก้รอบที่สามน่ะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่พอใจสักที”
หญิงสาวบ่นพลางทอดถอดใจ บนตักเธอมีแมวสีส้มน่าเกลียดนอนขดตัวอย่างสบายอารมณ์อยู่
ชายหนุ่มละสายตาจากเจ้าแมวจนฟูน่าเกลียดแล้วหันกลับมามองงงานของตัวเอง
เขาคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ ในเมื่อเฮอร์ไมโอนี่บอกว่ามันดีแล้ว
เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะแย้ง แฮร์รี่ พอตเตอร์มักจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจจนเกินเหตุทุกครั้งถ้าเพื่อนของเขาเห็นชอบด้วย
“ได้ยินว่าอาทิตย์หน้าภาคีจะเปิดตัวสมาชิกใหม่
เธอรู้ไหมว่าคนคนนั้นเป็นใคร” เพื่อนสาวของเขาหันมาถาม
ใบหน้าสวยหวานของเฮอร์ไมโอนี่เจือไปด้วยรอยยิ้มที่เขามองแล้วรู้สึกว่ามันแปลกๆ
“หือ? ฉันเพิ่งรู้จากเธอนี่แหละว่าภาคีมีสมาชิกใหม่
ไม่ได้มีใครเข้าร่วมมาสักพักแล้วนี่นา”
เขาตอบกลับพลางจัดเอกสารให้เรียบร้อยเตรียมนำไปส่งให้หัวหน้าของเขา
ปกติแฮร์รี่ไม่ค่อยยุ่งกับภาคีที่เขาเป็นสมาชิกอยู่เท่าไร
ยกเว้นแต่เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
“แถมยังได้ยินอีกว่างานนี้พวกเขาจะพาไปเปิดตัวถึงอเมริกา
ดูเหมือนท่านรัฐมนตรีกับมาคูซ่าของที่นู่นคิดจะจับมือกันยาวเลยล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เขาย้ำกับฉันนักหนาว่างานนี้เธอต้องไปนะแฮร์รี่”
ชายหนุ่มหันขวับไปจ้องเพื่อนสาวเขม็งทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น
ปกติคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์จะไม่บังคับเขาให้เขาร่วมงานที่เขาไม่สนใจของภาคีนี่นา!
แล้วทำไมคราวนี้คนที่มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้นถึงบังคับเขากันเล่า
“มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
ถามคำถามนี้ออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคงปฏิเสธไม่ได้
“การที่มีแฮร์รี่ พอตเตอร์มันทำให้เรื่องราวทางการเมืองง่ายขึ้นนะ
เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเรียบๆ ด้วยรอยยิ้ม “เพื่อป้องกันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ตัวเธอเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเราบริสุทธิ์ใจ”
ชายหนุ่มเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าคล้ายๆ
ว่ายอมรับในข้อเสนอพร้อมๆ กับถ้อยคำแผ่วเบาจากริมฝีปากเพื่อนสาว “ทั้งเธอและเขาเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดี”
“ฉันก็เป็นแค่พ่อมดคนหนึ่ง
เฮอร์ไมโอนี่ ฉันอยากเป็นแค่นั้น...” แฮร์รี่เปรยออกมาเสียงอ่อน เขาเหมือนเกิดมาแล้วถูกกำหนดให้มีหน้าที่ที่ต้องทำโดยไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ตัว เขาก็ถลำลึกเกินกว่าจะถอนตัวออกมาได้แล้ว นั่นแหละคือชีวิตของแฮร์รี่
พอตเตอร์ผู้โด่งดัง แต่เขาไม่เคย... ไม่เคยแม้แต่วินาทีเดียวที่ต้องการมัน
ได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนจะสัมผัสถึงแรงกอดรัดเบาๆ
เฮอร์ไมโอนี่ฉลาด เธอรู้เสมอว่าเขาคิดและรู้สึกอะไร ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีเพื่อนของเขาคนนี้ก็อยู่เคียงข้างเสมอไม่ต่างจากรอนที่นอนกรนอยู่บนโซฟาข้างๆ
คงไม่คิดหรอกนะว่านายโรนัลด์
วีสลีย์คนนั้นจะปล่อยให้แฟนสาวสุดที่รักมาหาเขาเพียงลำพัง
รอนหวงเฮอร์ไมโอนี่ยิ่งกว่าอะไร
“ขอบคุณที่อยู่ตรงนี้” แฮร์รี่เอ่ยอ้อมแอมกับอ้อมแขนของเพื่อนสาว
เพื่อนรักของเขาเป็นเหมือนเสาที่คอยค้ำจุนไม่ได้เขาคิดอะไรนอกลู่นอกทางและเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำ
แม้ไม่เข้ามาก้าวก่ายแต่ยังอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจเสมอ
ขอบคุณนะ.... ขอบคุณจริงๆ
....
ตอนนี้แฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ที่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก
ณ สถานที่ตั้งของสภาเวทมนต์แห่งสหรัฐอเมริกา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางมายังอเมริกา
ราวกับเป็นมหานครที่ไม่เคยหลับใหล เป็นสถานที่ที่ผู้วิเศษอาศัยร่วมกับมักเกิ้ล(หรือโนแมจที่พวกเขาเรียกกัน)
อย่างแท้จริง
ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบร้อยกำลังยืนคุยอยู่กับหัวหน้ามือปราบมารของฝั่งอเมริกา
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงไม่น้อยถึงเขาจะไม่รู้จักก็เถอะ ได้ยินอีกฝ่ายเยินยอตัวเองแฮร์รี่ก็ยิ้มบางๆ
ส่งไปให้โดยไม่ได้ตอบรับอะไร เขาถึงได้ไม่ชอบงานแบบนี้ไง งานเลี้ยงไร้สาระแบบนี้
ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องมาล่ะก็....
“แฮร์รี่” เสียงเพื่อนรักเรียกดังขึ้นพร้อมๆ
กับร่างสามร่างที่ปราดเข้ามาประชิด
รอน
วีสลีย์อยู่ในชุดเป็นการเป็นงานพร้อมกับจัดแต่งทรงผมมาอย่างดี
ใบหน้าตกกระดูมีสง่าราศีขึ้นเพราะการจัดแต่งทรงผมที่เจ้าตัวไม่เคยทำเลย
ทำให้เดาได้ว่าคนที่ทำให้คนขี้เกียจอย่างรอนจัดแต่งเช็ตผมเป็นทรงๆ
ได้คงไม่พ้นสาวสวยข้างกายแน่นอน
เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในชุดเดรสสีแดงสด
เรียบง่ายแต่งดงาม สีแดงขับเน้นสีผิวผ่องๆ ของเพื่อนสาวให้โดดเด่นได้เป็นอย่างดี
แถมยังรับกับเส้นผมที่ปล่อยสยาย ประดับเพียงดอกไม้งามดอกหนึ่งนั่นอีก
ใบหน้าที่เคลือบด้วยลิปสติกสีเข้มกำลังส่งยิ้มมาให้เขา
รายสุดท้ายคือเนวิลล์ ลองบัตท่อม เจ้าตัวพร้อมใบหน้าสีชมพูเพราะความตื่นเต้นก็อยู่ในชุดสูทดูดีไม่ต่างกัน
ด้วยรูปร่างสูงใหญทำให้ไม่ว่าจะขยับไปไหนเพื่อนคนนี้ก็ดูดี
แฮร์รี่เองก็แอบรู้สึกอิจฉาไม่ได้.... ก็เขาตัวแค่ปลายจมูกเนวิลล์เองมั้ง
แฮร์รี่ส่งยิ้มไปให้เพื่อนของเขาหรือเหล่าสมาชิกภาคีที่รู้จักหน้าค่าตากันดีแล้วก้มหน้าเป็นเชิงขออนุญาตคู่สนทนาเพื่อไปพูดคุยกับเพื่อน
ฝ่ายหัวหน้ามือปราบมารของมาคูซ่าทำได้แค่ยิ้มแล้วหันไปคุยกับพ่อมดที่มีชื่อเสียงท่านอื่นต่อ
เขาพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนสนิทได้ไม่กี่คำไฟในงานเลี้ยงก็ถูกหรี่ลงด้วยไม้กายสิทธิ์ของท่านรัฐมนตรีประจำกระทรวงเวทมนต์
— คิงส์ลีย์
ชักเคิลโบลต์
เขาจ่อไม้กายสิทธิ์ไปที่คอแล้วอ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวาล
“สวัสดี ผมคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์
ก็อย่างที่พวกคุณรู้กันอยู่แล้วว่างานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขออนุญาตแนะนำตัวสมาชิกภาคีคนล่าสุด
เชิญคุณมัลฟอย”
สิ้นสุดเสียงประกาศร่างสูงในชุดคอเต่าทาบทับด้วยเสื้อโคทสีดำสนิทก็ก้าวเดินออกมา
ใบหน้าขาวซีดนิ่งเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
จนกระทั่งสายตาหันมาสบกับเจ้าของดวงตาสีมรกต พลันใบหน้าราวรูปสลักนั้นถึงได้เผยรอยยิ้มออกมา
เขาขยับปากโดยไร้เสียงได้ความว่า ไง พอตเตอร์
แต่แค่นั้นก็ทำให้ใครหลายๆ
คนตะลึงงันไปหมดได้ยินเสียงอุทานตามมาว่ามัลฟอยบ้างล่ะ
ผู้เสพความตายบ้างล่ะแต่แฮร์รี่ไม่ได้สนใจ เขาทำเพียงแค่ขมวดคิ้วและตีสีหน้ายุ่งๆ
ดูเหมือนว่าคิงส์ลีย์จะหาเรื่องวุ่นวายมาให้เขาอีกแล้ว
“ผมเดรโก มัลฟอย สมาชิกใหม่ของภาคี
ผมมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนให้พวกคุณรู้ว่าผู้เสพความตายสามารถกลับตัวได้จริงและสามารถร่วมมือกับกระทรวงฯ
เพื่อขจัดภัยร้ายได้ อ้อ แล้วผมก็ทำได้ดีด้วย” พูดจบใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มร้ายที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน
“ไม่เชื่อก็ลองถามแฮร์รี่ พอตเตอร์สิ”
แล้วก็ทิ้งระเบิดลูกโตมาให้เขา
เจ้าบ้ามัลฟอยนี่!!
เขาระบายยิ้มบางๆ
ไม่ได้ตอบโต้หรือพูดอะไร เหมือนได้ยินเสียงรอนสบถด่าอะไรสักอย่างแต่เขาไม่ได้สนใจ เพียงแค่สบตากับนัยน์ตาสีเทาซีดนั่นอย่างนึกหงุดหงิดใจ
“ได้ยินว่าที่อเมริกาก็มีปัญหาเกี่ยวกับพ่อมดนอกรีตอยู่บ้าง
และผมช่วยพวกคุณได้” ใบหน้าหล่อเหลายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มร้ายกาจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ด้วยเส้นสายของมัลฟอยที่แม้จะเบาบางลงไปบ้างแต่คำพูดของเจ้าหมอนั่นก็ไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย
พวกมัลฟอยทำได้จริงๆ
แฮร์รี่กลอกตาพลางนึกถึงความยุ่งเหยิงในอนาคตอันใกล้
ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยเลยแท้ๆ แต่ไหงมัลฟอยถึงได้พาตัวเองเข้ามายุ่งกับเขาอยู่เรื่อย
เขาละสายตาจากใบหน้าขาวซีดที่มีรอยยิ้มร้ายกาจหันไปสนใจรอนที่สะกิดเขาแล้วสะกิดเขาอีกจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องตีแขนอีกฝ่าย
“แฮร์รี่
นายรู้ใช่ไหมว่าไอ้บ้ามัลฟอยเป็นสมาชิกใหม่ของพวกเรา”
“ไม่เลยรอน ฉันก็เพิ่งจะรู้วันนี้ ไม่คิดว่าคิงส์ลีย์จะสนใจเจ้าหมอนั่น”
“หมอนั่นมีดีอะไร เฮอะ สู้ฉันก็ไม่ได้”
ได้ยินรอนพูดแบบนั้นชายหนุ่มก็อดส่ายหน้านิดๆ
ไม่ได้ รอนก็ยังคงเป็นรอน อคติกับมัลฟอยไม่เปลี่ยน เอาเข้าจริงรอนคงฝังใจที่เจ้าหมอนั่นร้ายกาจกับแฟนสาวของตัวเองมาตลอดจึงไม่ยอมลดอคติลงสักที
แตกต่างกับเฮอร์ไมโอนี่ เพื่อนสาวของเขาแทบไม่ใส่ใจกับการกระทำที่ผ่านมาของมัลฟอยเลย
ไหนจะยิ้มบางๆ ให้เมื่อมัลฟอยหันมามองด้วยซ้ำ
บางทีนั่นอาจทำให้รอนรู้สึกไม่ชอบใจมากกว่าเดิม.....
“นายก็รู้ว่าประมาทฝีมือมัลฟอยไม่ได้”
เขาเอ่ยตอบเพื่อนรักเสียงเบาเพราะคนที่กำลังพูดถึงยังคงพูดจาโน้มน้าวไม่หยุด
เขาก็เพิ่งจะรู้ว่าคนอย่างเดรโก มัลฟอยมีความสามารถในการพูดขนาดนี้
รอนเบ้ปากพร้อมหันหลังแล้วเดินไปหาอะไรกินทันทีเหลือไว้แค่เนวิลล์
เฮอร์ไมโอนี่และลูน่าที่เข้ามาสมทบทีหลัง เขาหันไปพูดคุยกับลูน่าเล็กน้อย
ได้ยินว่ายังคบกับเนวิลล์อยู่แต่ดูท่าทางเหมือนไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเอาไว้เลย
“แฮร์รี่ วันนี้เธอดูดีมากเลย
ที่งานนี้ฉันพบเดมิไกส์ด้วยล่ะ”
“ลูน่า ไม่มีใครพาสัตว์วิเศษมางานนี้หรอกนะ”
เขาตอบพลางมองหน้าใสของอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
“ฉันเจอหลานชายของคุณสคาร์มันเดอร์”
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบชวนฝัน “และเขาบอกฉันว่าเขาแอบขโมยกระเป๋าของคุณปู่มา”
ลูน่าหัวเราะคิกคักก่อนจะหันไปคุยกับเนวิลล์ที่ใบหน้ายังคงเป็นสีชมพู
แฮร์รี่รู้จักนิวท์ สคาร์มันเดอร์
เขาเป็นพ่อมดที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้เขียนหนังสือสัตว์วิเศษและถื่นที่อยู่ที่เขาเรียนที่ฮอกวอตส์แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
ไม่คิดว่าทางสคาร์มันเดอร์จะเกี่ยวข้องกับภาคีหรือทางอเมริกาด้วย
ดูท่างานเลี้ยงครั้งนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องทางการเมืองธรรมดาๆ
เสียแล้วสิ ดูเหมือนจะเป็นการรวมพลเพื่อพิทักษ์โลกอย่างไรก็ไม่รู้.....
เพื่อป้องกันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจึงจำเป็นต้องพูดคุยกันให้มาก
ยิ่งพ่อมดแม่มดด้วยกันเองยิ่งน่ากลัว น่ากลัวยิ่งกว่าคำสาปพิฆาตไหนๆ รวมกันเสียอีก
เขาเองก็คิดว่าเป็นการดีที่จะสานสัมพันธ์กับสภาเวทมนต์แห่งสหรัฐอเมริกา
แต่ที่น่ารำคาญ.... ทำไมหัวหน้ามือปราบมารประจำมาคูซ่าคนนั้นถึงได้ตอแยเขานัก
บัลธาซาร์ เกรฟส์
“และสุดท้ายคุณเกรฟส์ ผมมีความสามารถและข้อมูลมากกว่าพอตเตอร์ตรงนั้นเพราะฉะนั้นมาคุยกับผมดีกว่า”
น้ำเสียงยานคางเย็นเยียบเสียจนพ่อมดแม่มดในงานอดกลั้นหายใจไม่ได้ เดรโก
มัลฟอยย้ายที่จากบนเวทีมายืนอยู่ข้างๆ เขาตั้งแต่เมื่อไร
ดวงตาของหัวหน้ามือปราบมารผสานกับผู้เสพความตายแปรพักตร์แว่วได้ยินเสียงกระแสไฟฟ้าแล่นจากสายตาของทั้งคู่
ในขณะที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ยืนงง เพื่อนสนิทอย่างเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์และนายกรัฐมนตรีประจำกระทรวงเวทมนต์อังกฤษ
คิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์กลับยืนมองด้วยตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มแปลกประหลาด
ทั้งคู่คิดตรงกันดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นแล้วล่ะ
_________________________________________________________
สวัสดีทุกคน เรามาแล้ว 55555555555555555 ลืมกันไปหรือยัง?
สำหรับ Chap นี้ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเหมือนจุดที่ทำให้ทั้งสองคนต้องสานสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ
ตอนนี้มีมิสเตอร์เกรฟส์มาด้วย! ตัวละครนี้เราสร้างขึ้นมา ไม่ได้มีอยู่จริงนะ
แต่แค่อยากมีตัวละครใหม่ๆ โผล่เข้ามาบ้าง อนึ่งนี่คือแฟนฟิค อาจมีบางอย่างไม่ตรงกับเนื้อหาจริง
สำหรับแฮชแท็ก ก็ #paparkfic เหมือนเดิม แต่มีใครอยากเสนออะไรก็บอกมาได้นะ
เราแค่คิดไม่ออก เลยเอาแฮชแท็กเป็นนามปากกาซะเลย
Chapter 7 ก็อาจจะต้องรอวนไปนะ รอวนไป ยาวไป ยาวไป ฮา
ขอบคุณที่ยังติดตามนะ ทุกยอดวิว ทุกยอดเฟบ ทุกคอมเม้นท์มีผลต่อกำลังใจสำหรับนักเขียนเสมอ
สุดท้ายนี้ อย่าทิ้งเค้านะ
ความคิดเห็น