ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic (yaoi) Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 : Rival?

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 60



     Fic Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    _________________________________________________________

    Chapter 6 : Rival?

    คู่แข่งปรากฏตัว?



                คฤหาสน์มัลฟอยเงียบสนิทพอๆ กับเขตวิลท์เชียร์สถานที่ตั้งของมัน เป็นเรื่องธรรมดาที่บริเวณรอบตัวคฤหาสน์หลังนี้ไม่ปรากฏร่องรอยของสิ่งมีชีวิต นับตั้งแต่ต้นตระกูลมัลฟอยได้รับที่ดินทำเลงามมาจากพระเจ้าวิลเลี่ยมที่หนึ่งก็ได้ยึดครองที่ดินของเหล่ามักเกิ้ลที่อยู่โดยรอบมาเป็นของตนจนกลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีแต่คฤหาสน์หลังโตอยู่โดดเดี่ยวและเดรโก มัลฟอยก็คุ้นชินกับความเงียบเหล่านี้ดี

     

                เป็นเวลาร่วมครึ่งเดือนแล้วหลังจากที่เขาร่ายคาถาผู้พิทักษ์ได้ ฟังดูไม่น่าเชื่อเท่าไรแต่เขาก็ทำมันได้สำเร็จ ตอนแรกเดรโกคิดว่าอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญทว่าหลังจากนั้นเขาก็เสกคาถานี้ซ้ำๆ จนเรียกได้ว่าถนัดมือ ความตั้งใจอันแรงกล้าของเขาไม่แน่ใจว่าเรียกว่าความสุขได้หรือเปล่าแต่มันก็ทำให้เขามองเห็นรูปร่างผู้พิทักษ์ของตนเอง

     

                ครั้งสุดท้ายที่ได้พบพอตเตอร์ก็คือวันนั้น วันที่บางอย่างได้จบลงและบางอย่างได้เริ่มต้นขึ้นมาใหม่ ถึงจะยังไม่รู้สึกสาแก่ใจกับบทเรียนที่ให้ไอ้สารเลวโรลว์แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าโทษทัณฑ์ของผู้เสพความตายอย่างไรเสียก็คงไม่พ้นถูกคุมขังอยู่ในอัซคาบันตลอดชีวิต ถึงจะแค้นอยากให้มันตายไปเสียแต่ความตายมันคงง่ายเกินไป เดรโกหวังให้มันได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในอัซคาบันจนกลั้นใจตายไปเอง

     

                เขาสลัดความคิดแล้วจรดปากกาขนนกลงบนหน้ากระดาษสีขาว สายตาไล่เรียงไปยังตัวอักษรตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งถึงจุดฟูลสต็อปแล้วจึงปิดสมุดบันทึกเล่มเล็กมิให้เห็นเนื้อความที่อยู่ด้านใน เดรโกเริ่มจดบันทึกตั้งแต่ช่วงที่เขาเป็นผู้เสพความตาย แน่นอนว่าตอนนั้นเขาทั้งกลัวทั้งยังต่อต้านไม่ได้ อึดอัดจนอยากจะฆ่าตัวตายให้พ้นๆ แต่ก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวละทิ้งบิดามารดาไว้เบื้องหลัง เขาได้แต่จำยอมทำทุกอย่างเพื่อตระกูลและบิดา ในความกดดันนั้นหากเขาไม่หาทางระบายออกเขาคงต้องเป็นบ้า การมีสมุดบันทึกสักเล่มช่วยเขาเอาไว้ได้มากจริงๆ

     

                ทุกๆ วันเดรโกจะแอบหยิบสมุดเล่มนี้ออกจากอกเสื้อมาเขียนระบายความอัดอั้น ความปรารถนา ความกลัว ความสับสน ในช่วงที่หลายอย่างประเดประดังเข้ามาไม่ต่างจากพายุโหมกระหน่ำ เขาก็มีแค่สมุดบันทึกเล่มนี้ที่พอจะเยียวยาความรู้สึกต่างๆ ให้เบาบางลงได้และหลังจากพอตเตอร์พิชิตจอมมาร เขาก็แทบไม่ได้แตะต้องสมุดบันทึกเล่มนี้อีกเลย

     

                จนกระทั่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เขาจะออกจากบ้านไป ชายหนุ่มขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอนเพื่อหาทางไล่ล่าศัตรูของบิดา ครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ แล้วก็จดบันทึกลงไปในสมุดเล่มเก่า เดรโกไม่ได้เป็นคนช่างพูดแล้วก็ไม่ได้เป็นคนช่างเขียนด้วย ถึงจะบอกว่าสมุดบันทึกช่วยให้เขาระบายความอัดอั้นแต่ก็ไม่เคยเขียนยาวกว่าสามบรรทัดสักที

     

                ครั้งนี้ก็เช่นกัน

     

                ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้แสนสบาย เขายืดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบจากการนั่งนิ่งๆ เป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้เดรโกอ่านหนังสือเกี่ยวกับคำสาปอันตรายที่มีความหนาขนาดเอาทุบหัวโทรลล์สลบ บ้านของเขาเก็บสะสมของพรรค์นี้มาหลายชั่วอายุคน เพิ่งจะได้หยิบจับตามใจชอบก็เมื่อไม่นานมานี้ เขาเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมหยิบโค้ทตัวหนาออกมาด้วย แม้อยู่ในช่วงหน้าหนาวแต่ดวงจันทร์ก็ยังทอประกายสดใส เขาไม่ได้มองทั้งท้องฟ้า ดวงดาวและดวงจันทร์มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้

     

                “หวังว่ามันจะไม่มีอะไรอีกแล้วนะ” เดรโกพูดกับตัวเองขณะจ้องมองพระจันทร์ เขากระชับเสื้อโค้ทขนสัตว์เข้ากับตัวเมื่อลมหนาวพัดผ่าน

     

                การไล่ต้อนและจับกุมผู้เสพความตายในครั้งนี้สร้างความดีความชอบให้ตระกูลมัลฟอยเป็นอย่างมาก แม้จะยังมีหลายคนที่คลางแคลงใจกับบิดาของเขาแต่ดูเหมือนนายลูเซียสจะไม่แยแสต่อความสงสัยเหล่านั้น ในเมื่อบิดาไม่สนใจตัวเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับมันเหมือนกัน

     

                “เดรโก” เสียงกระซิบดังมาจากด้านหลัง ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมองก่อนจะพบกับสตรีวัยกลางคนในชุดคลุมสีสว่าง เขารีบก้าวเท้าเดินไปหาเธอก่อนจะเอ่ยถาม “นี่ดึกมากแล้ว ทำไมแม่ยังไม่นอนล่ะครับ”

     

                ใบหน้างามสมวัยระบายยิ้มให้ผู้เป็นลูก นาร์ซิสซาไม่เคยแสดงสีหน้าเฉยเมยต่อหน้าลูกชายของเธอเลยสักครั้ง แม้เธอจะเย่อหยิ่งต่อคนทั้งโลกแต่ทั้งหมดนั้นก็ละเว้นไว้ให้กับคนในครอบครัว ครอบครัวที่เธอรักสุดหัวใจ เธอยื่นมือไปสัมผัสแก้มลูกชายแล้วเอ่ยเสียงเบา “แม่เห็นลูกจากหน้าต่างพอดีน่ะเดรโก หนาวขนาดนี้ยังไม่ยอมนอน คิดอะไรอยู่เหรอลูก”

     

                “นิดหน่อยครับแม่ ผมแค่คิดว่าช่วงเวลาสงบสุขแบบนี้มันดีจริงๆ เลยนะ”

     

                “แม่เองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” นาร์ซิสซาบอกพลางดึงลูกชายเข้ามากอด “ดีเหลือเกิน เดรโก... ดีเหลือเกินที่ลูกยังอยู่ตรงนี้ แม่รู้สึกดีมากจริงๆ ที่วันนั้นตัดสินใจหักหลังจอมมาร”

     

                “แล้วแม่ก็ภูมิใจที่ลูก... ที่พวกเราเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ช่วงเวลาที่ตระกูลเธอล่มสลายได้ผ่านพ้นไปแล้ว

     

                นาร์ซิสซาจูบหน้าผากลูกชาย เพราะเธอรักเขามากขนาดนี้ เธอถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขาปลอดภัยแต่ตอนนี้เดรโกของเธอโตแล้วและเธอคงไม่สามารถปกป้องเขาไปได้ตลอด การที่ลูกชายของเธอเปลี่ยนไปนับเป็นเรื่องดี เดรโกจะสามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตได้อย่างที่เธอต้องการเสียที

     

                เธอค่อนข้างเบาใจที่ตอนนี้มีแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่.... ใช่ เด็กหนุ่มคนนั้นช่วยชีวิตลูกชายของเธอหลายต่อหลายครั้งและเธอเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องสามารถดึงลูกชายของเธอให้อยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิได้แน่นอน มิตรสหายเช่นนี้ย่อมดีกว่าผู้เสพความตายเป็นไหนๆ

     

                “เอาล่ะ เข้านอนกันเถอะเดรโก อากาศชักเย็นขึ้นเรื่อยๆ” นาร์ซิสซาเอ่ยก่อนจะค่อยๆ เดินหายลับไปในคฤหาสน์หลังโตปล่อยให้ผู้เป็นลูกชายครุ่นคิดอะไรเพียงลำพัง

     

                เดรโกยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดและความหนาวเย็น ใบหน้าขาวซีดเผยรอยยิ้มเล็กๆ รอยยิ้มที่อ่อนละมุน ไม่ใช่รอยยิ้มเย้ยหยันแบบที่ใครๆ ชินตา เขาก็ภูมิใจที่เขาไม่ใช่มัลฟอยคนนั้นอีกแล้ว           

     

                …..

     

                เมื่อสองสามวันที่ผ่านมามีจดหมายจากกระทรวงแจ้งถึงข้อมูลจากผู้เสพความตายทั้งหมด จากการสืบสวนด้วยสัจจะเซรุ่มจึงเป็นที่รู้กันว่าเป้าหมายของผู้เสพความตายคืออะไรและโชคดีที่ทางกระทรวงจัดการเรื่องนี้ได้ทัน แต่เดรโกยังไม่วางใจกับเรื่องนี้เท่าไรนัก เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันต้องมีอะไรปิดซ่อนอยู่แน่

     

                ชายหนุ่มไม่อยากกังวลกับอะไรมากไปนัก ถึงอย่างไรนอกเหนือจากนี้คงไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลมัลฟอยและนายลูเซียส มัลฟอยอีกต่อไป

     

                “เคยคิดแบบนั้น... แล้วนี่มันอะไรกันอีก ท่านรัฐมนตรี!” เดรโกเอ่ยถามด้วยทุ้มเสียงที่แฝงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

     

                เขากอดอกนั่งมองคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์ที่ปั้นหน้ายิ้มอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนในขณะที่เผชิญหน้ากับเขาและครอบครัวของเขา! จู่ๆ รัฐมนตรีคนนี้ก็มาโผล่ที่หน้าคฤหาสน์เขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแล้วก็บอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยทั้งๆ ที่ยังหัวเราะน้อยๆ เหมือนกำลังมีเรื่องสนุกอะไร

     

                นั่นทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลไปพร้อมๆ กับเหมือนกำลังถูกจับตามองในเรื่องที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้

     

                “ได้ยินว่าเสกคาถาชั้นสูงได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ มัลฟอย” อีกฝ่ายถามขึ้นมาขณะจ้องมองมาที่เขา รู้อยู่แล้วว่าชักเคิลโบลต์ต้องรู้เรื่องที่เขาเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้ ถึงทั้งกระทรวงจะรู้เรื่องแต่เดรโกก็ยังไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้

     

                “คาถาชั้นสูงอะไรกัน... เดรโก?” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามขณะที่เลื่อนสายตาจากรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์มายังดวงตาสีซีดของลูกชาย

     

                “คาถาผู้พิทักษ์ (Patronus Charm) ครับพ่อ” เขาตอบคำถามบิดาในที่สุด ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้แท้ๆ เขาแน่ใจว่าการที่เขาใช้คาถาระดับสูงอย่างนี้ได้ต้องเป็นสาเหตุในการมาเยี่ยมเยียนของรัฐมนตรีประจำกระทรวงเวทมนต์

     

                นายลูเซียสและนางนาร์ซิสซาเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเมื่อสิ้นคำตอบ ความภูมิใจปรากฏอย่างเต็มเปี่ยมแม้ทั้งคู่จะไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา

     

                เขายิ้มรับความชื่นชมนั้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่ถ้าไม่สังเกตก็แทบมองไม่ออก เขาเลื่อนสายตาไปสบกับชักเคิลโบลต์ แล้วเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม

     

                “ว่าธุระมา ท่านรัฐมนตรี” ใบหน้าเรียบเฉยยังคงแฝงอารมณ์ไม่พอใจ เขาคิดว่าข้อตกลงระหว่างกระทรวงและครอบครัวเขามันสิ้นสุดลงไปแล้ว เพราะบรรลุเงื่อนไขแลกเปลี่ยนระหว่างปล่อยครอบครัวเขาไปกับการตามล่าผู้เสพความตายที่เหลือแล้วนั่นไง

     

                “ช่างเป็นคนหนุ่มที่ตรงไปตรงมา” ชักเคิลโบลต์ว่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานมากขึ้น “สนใจเข้าร่วมภาคีไหมล่ะ”

     

                คำถามนั้นทำให้ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบงัน แล้วก็เป็นพ่อของเขาที่เปิดปากถามขึ้นมาก่อน “ภาคีที่คุณว่าคงไม่ใช่ภาคีนั้นหรอกนะท่านรัฐมนตรี”

     

                “ผมเกรงว่าจะใช่ ลูเซียส ผมกำลังทาบทามลูกชายคุณให้เข้าร่วมภาคียุคใหม่ภายใต้การนำของผม แน่นอนว่าสมาชิกก็มีแต่คนที่คุณคุ้นหน้าคุ้นตากันดี”

     

                “รวมถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดังด้วย ได้ยินว่าเป็นการจับคู่ที่ยอดเยี่ยมเลยไม่ใช่หรือ” ประโยคนี้อีกฝ่ายเหมือนจงใจถามเดรโกแต่ชายหนุ่มก็ทำเพียงปั้นใบหน้านิ่งเรียบไม่ตอบโต้เท่านั้น

     

                “แล้วผมจะลองคิดดู” เขาตอบกลับไปแค่นั้นแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายสนทนากับพ่อแม่ของเขาต่อ

     

                เดรโกฮึดฮัดอยู่ในใจ อย่าพยายามเอาเขาเข้าไปเกี่ยวกับพอตเตอร์อีกได้ไหม (ถึงครั้งที่แล้วจะเป็นเขาเองก็เถอะที่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเจ้าหมอนั่น) รู้สึกว่าเข้าใกล้ทีไรจะมีข่าวลือแปลกๆ ตามมาทุกที มันไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนอะไรหรอก มันแค่น่ารำคาญที่เวลาออกไปไหนมาไหนจะต้องได้ยินชื่ออีกฝ่ายไปพร้อมๆ กับชื่อของตัวเอง

     

                ....

     

                ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อที่ในหัวเดรโกมักนึกถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ อาจจะตั้งแต่แรก นับตั้งแต่วินาทีที่อีกฝ่ายปฏิเสธมิตรภาพของเขา..... แล้วก็กลายเป็นว่าพอตเตอร์อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลาจนกระทั่งเรื่องราวต่างๆ มันบานปลาย ถึงอย่างนั้นพอตเตอร์ก็ยังมาปรากฏตัวอยู่ในความคิดของเขาเสมอ พร้อมกับถ้อยคำดูแคลนและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง นายมันขี้ขลาด มัลฟอย เหมือนพ่อของนาย

     

                เป็นคำที่ตอกย้ำ แน่นอน เพราะมันคือความจริง ความจริงที่คอยหลอกหลอนให้ตัวเขาล้มลงและพยายามจะฉุดดึงตัวเองขึ้นให้พ้นคำกล่าวหานั้นอย่างซ้ำซาก แต่มันก็หนีไม่พ้น.... เดรโกรู้ เพราะอย่างไรเสียความจริงก็เป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่ได้อยู่ดี

     

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

              เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มนวลติดยานคางของผู้เป็นมารดา “เดรโก แม่ขอเข้าไปนะ”

     

                ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับแต่ลุกขึ้นจากโต๊ะหนังสือแล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอนให้สตรีวัยกลางคนในชุดกระโปรงสีดำ เธอเดินผ่านลูกชายแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าที่แทบไม่แสดงสีหน้าของเธอมีแววลำบากใจแฝงอยู่ ถ้าเดรโกเดาไม่ผิดมันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่รัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ แวะมาเยี่ยมเยียนครอบครัวเขาในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาแน่

     

                “เดรโก ถ้าพ่อเขาอยากให้ลูกตอบรับคำเชิญชวนไปเป็นสมาชิกของภาคี.... ลูกจะว่าอะไรไหม”

     

                ชายหนุ่มรู้ว่านั่นไม่ใช่คำถามและไม่ใช่คำขออนุญาต มันเป็นเพียงประโยคบอกเล่าที่บอกเขาว่าบิดาต้องการให้เขาทำอะไร เดรโกตั้งใจจะเลิกเดินตามการชี้นำของบิดาแต่ในเรื่องนี้เขากลับหาข้อขัดแย้งไม่เจอ นอกจากว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ใกล้ชิดกับกระทรวงมากขึ้นเท่านั้น

     

                “ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ ผมจะทำ ผมจะไม่หนีอีก ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมไม่ได้ขี้ขลาดอีกต่อไปแล้ว” เดรโกเอ่ยตอบมารดา แน่นอนว่าตอบกลับจิตสำนึกที่มีแต่คำดูแคลนของเขาด้วย ดูเหมือนว่ายิ่งพยายามจะห่างเท่าไรก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้สินะพอตเตอร์.... จากนี้ก็จงเตรียมตัวเบื่อหน้าเขาไปให้ดีเถอะ

     

                ไหนจะพวกวีสลีย์กับยัยเกรนเจอร์อีก บอกตรงๆ นะว่าแค่คิดก็น่ารำคาญแล้ว

                ....

     

               

     

               

                หลังจากสิ้นสุดการตามล่าและจับกุมผู้เสพความตาย ชีวิตของแฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดังก็จมอยู่กับกองกระดาษที่เรียกว่าเอกสารรายงานมานานกว่าครึ่งเดือน และเขาก็รู้ตัวดีเหลือเกินว่าตัวเองเกลียดการเขียนรายงานมากขนาดไหน มันพาลให้นึกถึงสมัยเรียนที่ฮอกวอตส์และต้องส่งรายงานวิชาปรุงยาที่ชายหนุ่มนั้นแทบจะอดตาหลับขับตานอนในการทำแล้วก็เกือบจะโดนสเนปขยำปาใส่หัวกลับทุกครั้ง

     

                ไม่ใช่ว่าแฮร์รี่ไม่เข้าใจในเนื้อหาและสิ่งที่ทำหรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีปัญหาในการเขียนอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจ เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่แล้วช่วยเขาแก้รายงานด้วยซ้ำ ดังนั้นแฮร์รี่ผู้พยายามอย่างน่าเหลือเชื่อในการเขียนรายงานจึงได้แต่เขียนแล้วก็ขยำทิ้ง เขียนแล้วก็ขยำทิ้งจนได้รายงานปึกหนึ่งที่เขามั่นใจว่ามันดีพอแล้วขึ้นมา

     

                “เฮอร์ไมโอนี่ เธอว่าฉันเขียนประโยคแบบนี้ คุณโรบาดส์จะเข้าใจหรือเปล่า” บางครั้งชายหนุ่มถึงกับใช้เครือข่ายผงฟลูติดต่อกับเพื่อนสาวยามดึกดื่นจนเพื่อนรักแทบจะย้ายที่อยู่ตัวเองมาพักอยู่กับเขาชั่วคราวไปก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน

     

                “ฉันว่าที่เธอเขียนมันก็ดีทุกอันนั่นแหละแฮร์รี่ นับตั้งแต่เธอเขียนแก้รอบที่สามน่ะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่พอใจสักที” หญิงสาวบ่นพลางทอดถอดใจ บนตักเธอมีแมวสีส้มน่าเกลียดนอนขดตัวอย่างสบายอารมณ์อยู่

     

                ชายหนุ่มละสายตาจากเจ้าแมวจนฟูน่าเกลียดแล้วหันกลับมามองงงานของตัวเอง เขาคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ ในเมื่อเฮอร์ไมโอนี่บอกว่ามันดีแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะแย้ง แฮร์รี่ พอตเตอร์มักจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจจนเกินเหตุทุกครั้งถ้าเพื่อนของเขาเห็นชอบด้วย

     

                “ได้ยินว่าอาทิตย์หน้าภาคีจะเปิดตัวสมาชิกใหม่ เธอรู้ไหมว่าคนคนนั้นเป็นใคร” เพื่อนสาวของเขาหันมาถาม ใบหน้าสวยหวานของเฮอร์ไมโอนี่เจือไปด้วยรอยยิ้มที่เขามองแล้วรู้สึกว่ามันแปลกๆ

     

                “หือ? ฉันเพิ่งรู้จากเธอนี่แหละว่าภาคีมีสมาชิกใหม่ ไม่ได้มีใครเข้าร่วมมาสักพักแล้วนี่นา” เขาตอบกลับพลางจัดเอกสารให้เรียบร้อยเตรียมนำไปส่งให้หัวหน้าของเขา ปกติแฮร์รี่ไม่ค่อยยุ่งกับภาคีที่เขาเป็นสมาชิกอยู่เท่าไร ยกเว้นแต่เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ

     

                “แถมยังได้ยินอีกว่างานนี้พวกเขาจะพาไปเปิดตัวถึงอเมริกา ดูเหมือนท่านรัฐมนตรีกับมาคูซ่าของที่นู่นคิดจะจับมือกันยาวเลยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เขาย้ำกับฉันนักหนาว่างานนี้เธอต้องไปนะแฮร์รี่”

     

                ชายหนุ่มหันขวับไปจ้องเพื่อนสาวเขม็งทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ปกติคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์จะไม่บังคับเขาให้เขาร่วมงานที่เขาไม่สนใจของภาคีนี่นา! แล้วทำไมคราวนี้คนที่มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้นถึงบังคับเขากันเล่า

     

                “มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ” ถามคำถามนี้ออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคงปฏิเสธไม่ได้

     

                “การที่มีแฮร์รี่ พอตเตอร์มันทำให้เรื่องราวทางการเมืองง่ายขึ้นนะ เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเรียบๆ ด้วยรอยยิ้ม “เพื่อป้องกันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ตัวเธอเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเราบริสุทธิ์ใจ”

     

                ชายหนุ่มเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าคล้ายๆ ว่ายอมรับในข้อเสนอพร้อมๆ กับถ้อยคำแผ่วเบาจากริมฝีปากเพื่อนสาว “ทั้งเธอและเขาเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดี”

               

                “ฉันก็เป็นแค่พ่อมดคนหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ ฉันอยากเป็นแค่นั้น...” แฮร์รี่เปรยออกมาเสียงอ่อน เขาเหมือนเกิดมาแล้วถูกกำหนดให้มีหน้าที่ที่ต้องทำโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัว เขาก็ถลำลึกเกินกว่าจะถอนตัวออกมาได้แล้ว นั่นแหละคือชีวิตของแฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดัง แต่เขาไม่เคย... ไม่เคยแม้แต่วินาทีเดียวที่ต้องการมัน

     

                ได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนจะสัมผัสถึงแรงกอดรัดเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ฉลาด เธอรู้เสมอว่าเขาคิดและรู้สึกอะไร ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีเพื่อนของเขาคนนี้ก็อยู่เคียงข้างเสมอไม่ต่างจากรอนที่นอนกรนอยู่บนโซฟาข้างๆ คงไม่คิดหรอกนะว่านายโรนัลด์ วีสลีย์คนนั้นจะปล่อยให้แฟนสาวสุดที่รักมาหาเขาเพียงลำพัง รอนหวงเฮอร์ไมโอนี่ยิ่งกว่าอะไร

     

                “ขอบคุณที่อยู่ตรงนี้” แฮร์รี่เอ่ยอ้อมแอมกับอ้อมแขนของเพื่อนสาว เพื่อนรักของเขาเป็นเหมือนเสาที่คอยค้ำจุนไม่ได้เขาคิดอะไรนอกลู่นอกทางและเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำ แม้ไม่เข้ามาก้าวก่ายแต่ยังอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจเสมอ

     

                ขอบคุณนะ.... ขอบคุณจริงๆ

     

                ....

     

                ตอนนี้แฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ที่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก ณ สถานที่ตั้งของสภาเวทมนต์แห่งสหรัฐอเมริกา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางมายังอเมริกา ราวกับเป็นมหานครที่ไม่เคยหลับใหล เป็นสถานที่ที่ผู้วิเศษอาศัยร่วมกับมักเกิ้ล(หรือโนแมจที่พวกเขาเรียกกัน) อย่างแท้จริง

     

                ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบร้อยกำลังยืนคุยอยู่กับหัวหน้ามือปราบมารของฝั่งอเมริกา ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงไม่น้อยถึงเขาจะไม่รู้จักก็เถอะ ได้ยินอีกฝ่ายเยินยอตัวเองแฮร์รี่ก็ยิ้มบางๆ ส่งไปให้โดยไม่ได้ตอบรับอะไร เขาถึงได้ไม่ชอบงานแบบนี้ไง งานเลี้ยงไร้สาระแบบนี้

     

                ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องมาล่ะก็....

     

                “แฮร์รี่” เสียงเพื่อนรักเรียกดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างสามร่างที่ปราดเข้ามาประชิด

     

                รอน วีสลีย์อยู่ในชุดเป็นการเป็นงานพร้อมกับจัดแต่งทรงผมมาอย่างดี ใบหน้าตกกระดูมีสง่าราศีขึ้นเพราะการจัดแต่งทรงผมที่เจ้าตัวไม่เคยทำเลย ทำให้เดาได้ว่าคนที่ทำให้คนขี้เกียจอย่างรอนจัดแต่งเช็ตผมเป็นทรงๆ ได้คงไม่พ้นสาวสวยข้างกายแน่นอน

     

                เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในชุดเดรสสีแดงสด เรียบง่ายแต่งดงาม สีแดงขับเน้นสีผิวผ่องๆ ของเพื่อนสาวให้โดดเด่นได้เป็นอย่างดี แถมยังรับกับเส้นผมที่ปล่อยสยาย ประดับเพียงดอกไม้งามดอกหนึ่งนั่นอีก ใบหน้าที่เคลือบด้วยลิปสติกสีเข้มกำลังส่งยิ้มมาให้เขา

     

                รายสุดท้ายคือเนวิลล์ ลองบัตท่อม เจ้าตัวพร้อมใบหน้าสีชมพูเพราะความตื่นเต้นก็อยู่ในชุดสูทดูดีไม่ต่างกัน ด้วยรูปร่างสูงใหญทำให้ไม่ว่าจะขยับไปไหนเพื่อนคนนี้ก็ดูดี แฮร์รี่เองก็แอบรู้สึกอิจฉาไม่ได้.... ก็เขาตัวแค่ปลายจมูกเนวิลล์เองมั้ง

     

                แฮร์รี่ส่งยิ้มไปให้เพื่อนของเขาหรือเหล่าสมาชิกภาคีที่รู้จักหน้าค่าตากันดีแล้วก้มหน้าเป็นเชิงขออนุญาตคู่สนทนาเพื่อไปพูดคุยกับเพื่อน ฝ่ายหัวหน้ามือปราบมารของมาคูซ่าทำได้แค่ยิ้มแล้วหันไปคุยกับพ่อมดที่มีชื่อเสียงท่านอื่นต่อ เขาพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนสนิทได้ไม่กี่คำไฟในงานเลี้ยงก็ถูกหรี่ลงด้วยไม้กายสิทธิ์ของท่านรัฐมนตรีประจำกระทรวงเวทมนต์ — คิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์

     

                เขาจ่อไม้กายสิทธิ์ไปที่คอแล้วอ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวาล “สวัสดี ผมคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์ ก็อย่างที่พวกคุณรู้กันอยู่แล้วว่างานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขออนุญาตแนะนำตัวสมาชิกภาคีคนล่าสุด เชิญคุณมัลฟอย”

     

                สิ้นสุดเสียงประกาศร่างสูงในชุดคอเต่าทาบทับด้วยเสื้อโคทสีดำสนิทก็ก้าวเดินออกมา ใบหน้าขาวซีดนิ่งเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ จนกระทั่งสายตาหันมาสบกับเจ้าของดวงตาสีมรกต พลันใบหน้าราวรูปสลักนั้นถึงได้เผยรอยยิ้มออกมา เขาขยับปากโดยไร้เสียงได้ความว่า ไง พอตเตอร์

     

                แต่แค่นั้นก็ทำให้ใครหลายๆ คนตะลึงงันไปหมดได้ยินเสียงอุทานตามมาว่ามัลฟอยบ้างล่ะ ผู้เสพความตายบ้างล่ะแต่แฮร์รี่ไม่ได้สนใจ เขาทำเพียงแค่ขมวดคิ้วและตีสีหน้ายุ่งๆ ดูเหมือนว่าคิงส์ลีย์จะหาเรื่องวุ่นวายมาให้เขาอีกแล้ว

     

                “ผมเดรโก มัลฟอย สมาชิกใหม่ของภาคี ผมมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนให้พวกคุณรู้ว่าผู้เสพความตายสามารถกลับตัวได้จริงและสามารถร่วมมือกับกระทรวงฯ เพื่อขจัดภัยร้ายได้ อ้อ แล้วผมก็ทำได้ดีด้วย” พูดจบใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มร้ายที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน “ไม่เชื่อก็ลองถามแฮร์รี่ พอตเตอร์สิ”

     

                แล้วก็ทิ้งระเบิดลูกโตมาให้เขา เจ้าบ้ามัลฟอยนี่!!

               

                เขาระบายยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบโต้หรือพูดอะไร เหมือนได้ยินเสียงรอนสบถด่าอะไรสักอย่างแต่เขาไม่ได้สนใจ เพียงแค่สบตากับนัยน์ตาสีเทาซีดนั่นอย่างนึกหงุดหงิดใจ

     

                “ได้ยินว่าที่อเมริกาก็มีปัญหาเกี่ยวกับพ่อมดนอกรีตอยู่บ้าง และผมช่วยพวกคุณได้” ใบหน้าหล่อเหลายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มร้ายกาจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ด้วยเส้นสายของมัลฟอยที่แม้จะเบาบางลงไปบ้างแต่คำพูดของเจ้าหมอนั่นก็ไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย พวกมัลฟอยทำได้จริงๆ

               

                 แฮร์รี่กลอกตาพลางนึกถึงความยุ่งเหยิงในอนาคตอันใกล้ ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยเลยแท้ๆ แต่ไหงมัลฟอยถึงได้พาตัวเองเข้ามายุ่งกับเขาอยู่เรื่อย เขาละสายตาจากใบหน้าขาวซีดที่มีรอยยิ้มร้ายกาจหันไปสนใจรอนที่สะกิดเขาแล้วสะกิดเขาอีกจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องตีแขนอีกฝ่าย

     

                “แฮร์รี่ นายรู้ใช่ไหมว่าไอ้บ้ามัลฟอยเป็นสมาชิกใหม่ของพวกเรา”

     

                “ไม่เลยรอน ฉันก็เพิ่งจะรู้วันนี้ ไม่คิดว่าคิงส์ลีย์จะสนใจเจ้าหมอนั่น”

     

                “หมอนั่นมีดีอะไร เฮอะ สู้ฉันก็ไม่ได้”

     

                ได้ยินรอนพูดแบบนั้นชายหนุ่มก็อดส่ายหน้านิดๆ ไม่ได้ รอนก็ยังคงเป็นรอน อคติกับมัลฟอยไม่เปลี่ยน เอาเข้าจริงรอนคงฝังใจที่เจ้าหมอนั่นร้ายกาจกับแฟนสาวของตัวเองมาตลอดจึงไม่ยอมลดอคติลงสักที แตกต่างกับเฮอร์ไมโอนี่ เพื่อนสาวของเขาแทบไม่ใส่ใจกับการกระทำที่ผ่านมาของมัลฟอยเลย ไหนจะยิ้มบางๆ ให้เมื่อมัลฟอยหันมามองด้วยซ้ำ บางทีนั่นอาจทำให้รอนรู้สึกไม่ชอบใจมากกว่าเดิม.....

     

                “นายก็รู้ว่าประมาทฝีมือมัลฟอยไม่ได้” เขาเอ่ยตอบเพื่อนรักเสียงเบาเพราะคนที่กำลังพูดถึงยังคงพูดจาโน้มน้าวไม่หยุด เขาก็เพิ่งจะรู้ว่าคนอย่างเดรโก มัลฟอยมีความสามารถในการพูดขนาดนี้

     

                รอนเบ้ปากพร้อมหันหลังแล้วเดินไปหาอะไรกินทันทีเหลือไว้แค่เนวิลล์ เฮอร์ไมโอนี่และลูน่าที่เข้ามาสมทบทีหลัง เขาหันไปพูดคุยกับลูน่าเล็กน้อย ได้ยินว่ายังคบกับเนวิลล์อยู่แต่ดูท่าทางเหมือนไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเอาไว้เลย

     

                “แฮร์รี่ วันนี้เธอดูดีมากเลย ที่งานนี้ฉันพบเดมิไกส์ด้วยล่ะ”

     

                “ลูน่า ไม่มีใครพาสัตว์วิเศษมางานนี้หรอกนะ” เขาตอบพลางมองหน้าใสของอีกฝ่ายด้วยความงุนงง

     

                “ฉันเจอหลานชายของคุณสคาร์มันเดอร์” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบชวนฝัน “และเขาบอกฉันว่าเขาแอบขโมยกระเป๋าของคุณปู่มา”

     

                ลูน่าหัวเราะคิกคักก่อนจะหันไปคุยกับเนวิลล์ที่ใบหน้ายังคงเป็นสีชมพู แฮร์รี่รู้จักนิวท์ สคาร์มันเดอร์ เขาเป็นพ่อมดที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้เขียนหนังสือสัตว์วิเศษและถื่นที่อยู่ที่เขาเรียนที่ฮอกวอตส์แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ไม่คิดว่าทางสคาร์มันเดอร์จะเกี่ยวข้องกับภาคีหรือทางอเมริกาด้วย

               

                ดูท่างานเลี้ยงครั้งนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องทางการเมืองธรรมดาๆ เสียแล้วสิ ดูเหมือนจะเป็นการรวมพลเพื่อพิทักษ์โลกอย่างไรก็ไม่รู้.....

     

                เพื่อป้องกันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจึงจำเป็นต้องพูดคุยกันให้มาก ยิ่งพ่อมดแม่มดด้วยกันเองยิ่งน่ากลัว น่ากลัวยิ่งกว่าคำสาปพิฆาตไหนๆ รวมกันเสียอีก เขาเองก็คิดว่าเป็นการดีที่จะสานสัมพันธ์กับสภาเวทมนต์แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ที่น่ารำคาญ.... ทำไมหัวหน้ามือปราบมารประจำมาคูซ่าคนนั้นถึงได้ตอแยเขานัก

     

                บัลธาซาร์ เกรฟส์

     

                “และสุดท้ายคุณเกรฟส์ ผมมีความสามารถและข้อมูลมากกว่าพอตเตอร์ตรงนั้นเพราะฉะนั้นมาคุยกับผมดีกว่า” น้ำเสียงยานคางเย็นเยียบเสียจนพ่อมดแม่มดในงานอดกลั้นหายใจไม่ได้ เดรโก มัลฟอยย้ายที่จากบนเวทีมายืนอยู่ข้างๆ เขาตั้งแต่เมื่อไร

     

                ดวงตาของหัวหน้ามือปราบมารผสานกับผู้เสพความตายแปรพักตร์แว่วได้ยินเสียงกระแสไฟฟ้าแล่นจากสายตาของทั้งคู่ ในขณะที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ยืนงง เพื่อนสนิทอย่างเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์และนายกรัฐมนตรีประจำกระทรวงเวทมนต์อังกฤษ คิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์กลับยืนมองด้วยตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มแปลกประหลาด

     

                ทั้งคู่คิดตรงกันดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นแล้วล่ะ

     

    _________________________________________________________




    สวัสดีทุกคน เรามาแล้ว 55555555555555555 ลืมกันไปหรือยัง?

    สำหรับ Chap นี้ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเหมือนจุดที่ทำให้ทั้งสองคนต้องสานสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ

    ตอนนี้มีมิสเตอร์เกรฟส์มาด้วย! ตัวละครนี้เราสร้างขึ้นมา ไม่ได้มีอยู่จริงนะ

    แต่แค่อยากมีตัวละครใหม่ๆ โผล่เข้ามาบ้าง อนึ่งนี่คือแฟนฟิค อาจมีบางอย่างไม่ตรงกับเนื้อหาจริง


    สำหรับแฮชแท็ก ก็ #paparkfic เหมือนเดิม แต่มีใครอยากเสนออะไรก็บอกมาได้นะ

    เราแค่คิดไม่ออก เลยเอาแฮชแท็กเป็นนามปากกาซะเลย


    Chapter 7 ก็อาจจะต้องรอวนไปนะ รอวนไป ยาวไป ยาวไป ฮา

    ขอบคุณที่ยังติดตามนะ ทุกยอดวิว ทุกยอดเฟบ ทุกคอมเม้นท์มีผลต่อกำลังใจสำหรับนักเขียนเสมอ


    สุดท้ายนี้ อย่าทิ้งเค้านะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×