ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic (yaoi) Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : Trouble Maker

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 59


     

    Fic Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    _________________________________________________________

    Chapter 4 : Trouble maker

    ตัวสร้างปัญหา


     

               


              เดรโก มัลฟอยกำลังหงุดหงิด ใช่ เขาหงุดหงิดจนปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องมาได้สองวันแล้ว หลังจากที่เขากลับมาจากตรอกไดแอกอน บิดาก็เรียกหาตัวเขาและนั่นทำให้เดรโกรู้ว่านายลูเซียสต้องการให้เขาล้มเลิกการตามล่าตัวโรวล์ ทั้งๆ ที่มันทำร้ายผู้เป็นพ่อเสียหมดสภาพรวมถึงกล้าร่ายคำสาปน่ารังเกียจใส่เขาอีก ที่สำคัญคือเขาเข้าใกล้ตัวมันจนจะจับมาตัดแขนเพื่อชดใช้ให้บิดาได้อยู่แล้ว แต่แล้วจู่ๆ บิดาก็สั่งห้ามกันเสียอย่างนั้น!

     

                การสนทนาอันดุเดือดในวันนั้นส่งผลให้เดรโกโกรธมากถึงขั้นมองบิดาด้วยแววตาที่แสดงถึงความเสียใจ เสียใจที่ไม่เชื่อใจกัน เสียใจที่ไม่ยอมให้เขาเป็นฝ่ายปกป้องบ้าง เสียใจที่ไม่รับฟังเหตุผลของเขา.... เขาเหลือแค่พ่อกับแม่เท่านั้น ให้เขาทำอะไรเพื่อพวกท่านบ้างไม่ได้เลยหรือไง

     

                เดรโกจึงตัดสินใจอดกลั้นอารมณ์ที่เดือดพล่านจนแทบปะทุแล้วเดินเข้าห้องนอน ขังตัวเองไว้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ประท้วง แต่กำลังคิดหาวิธีอื่นต่างหาก เท่าที่ไปสืบมาดูเหมือนว่าผู้เสพความตายที่เหลือรอดจะไปรวมตัวกันเพื่อทำอะไรที่ชั่วร้ายอย่างลับๆ ในที่ที่ห่างไกลจากกรุงลอนดอนแต่เขาไม่แน่ใจว่าหนึ่งในนั้นจะมีไอ้สารเลวโรวล์นั่นด้วยไหม

     

    และเพราะรู้แค่นั้นตลอดสองวันเดรโกจึงยิ่งทวีความหงุดหงิดมากขึ้น ไม่มีวิธีที่เข้าใกล้ได้มากกว่านี้แล้วหรือยังไง!?

     

                ต้องมีวิธีวางเหยื่อและหลอกล่อพวกมันออกมา... เดรโกไม่ใช่คนโง่แต่เขาก็ไม่ได้เก่งกาจในด้านกลยุทธ์หรือการวางแผนมากขนาดนั้น เรื่องนี้จำเป็นต้องมีคนช่วย เขารู้ดีว่ากระทรวงเวทมนต์ต้องการเก็บกวาดผู้เสพความตายที่ยังสวามิภักดิ์ต่อจอมมารให้หมดสิ้นเพราะไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าเจ้าพวกนี้จะทำอะไรที่ส่งผลร้ายแรงอีกหรือไม่

     

                วันนี้เป็นวันที่สามและเป็นวันที่เขาออกมาจากห้องด้วยอารมณ์ที่สงบลงเพื่อร่วมทานมื้อเช้ากับคนในบ้าน เดรโกรู้ดีว่ามารดาเป็นห่วง เนื่องจากในช่วงที่เขาขังตัวเองในห้อง เขาไม่แตะต้องอะไรเลยแม้แต่น้ำ

     

                “โอ เดรโก ลงมาทานมื้อเช้าแล้วหรือลูกรัก” นาร์ซิสซารีบเดินเข้ามาโอบลูกชายทันทีที่เห็นร่างสูงเดินเข้ามาไปยังโต๊ะอาหารก่อนจะหันไปบอกสาวใช้ให้ทำอาหารเพิ่ม

     

                “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับแม่... ขอโทษครับพ่อ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางสบตากับบิดาที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะและมารดาที่กลับไปนั่งตรงข้ามกับเขาแล้ว

     

                นายลูเซียสไม่พูดอะไร ใบหน้าเหนื่อยล้าดูสดใสขึ้นเล็กน้อย เขาทำเป็นไม่สนใจบุตรชายด้วยการจัดการอาหารมื้อเช้าตรงหน้าเงียบๆ เดรโกรู้ว่าการเถียงกับผู้เป็นพ่อไปก็รังแต่จะทำให้พวกเขาทะเลาะกัน ชายหนุ่มจึงล้มเลิกที่จะแสดงท่าทีต่อต้านแต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะล้มเลิกการตามหาตัวไอ้ตัวบัดซบที่ทำร้ายพ่อของเขา

     

                “วันนี้ผมจะไปข้างนอก” เดรโกเอ่ยพลางยกผ้าเช็ดมุมปากหลังจัดการมื้ออาหารแรกในรอบสามวัน ดวงตาสีซีดสบกับบิดา มันไม่ใช่การขออนุญาตแต่เป็นการบอกกล่าว

     

    เดรโกพูดแค่นั้นก่อนจะลุกเดินอ้อมไปหามารดาแล้วก้มลงหอมแก้มอย่างรักใคร่ นาร์ซิสซาลูบศีรษะเขาแผ่วเบาราวกับรู้ว่าลูกชายจะไม่กลับมาอีกสักพักใหญ่ๆ เธอส่งยิ้มที่แฝงทั้งกำลังใจและความเศร้าโศกมาให้เขา เธอรู้ดีว่าเดรโกจะทำอะไรและเธอก็รู้ว่าสามีของเธอเองก็คงรู้ดีไม่ต่างกัน

     

    “ผมจะกลับมาให้ทันมื้อเย็นครับ” เดรโกเอ่ยเรียบๆ แล้วเดินไปที่เตาผิงก่อนจะเอ่ย ห้องทำงานแฮร์รี่ พอตเตอร์ สำนักมือปราบมาร กระทรวงเวทมนต์

     

                เดรโกเดินออกมาจากเตาผิงแล้วปัดขี้เถ้าออกจากเสื้อผ้า เขามองรอบๆ ก่อนจะพบว่าให้ห้องทำงานสี่เหลี่ยมนี้ไร้เงาของคนที่เขามาหา บนโต๊ะทำงานกระจัดกระจายไปด้วยเอกสาร เก้าอี้ทำงานที่ดูไม่ค่อยนั่งสบายนักล้มเอียงกะเท่เร่เหมือนเจ้าของห้องกำลังรีบร้อนออกไปไหน

     

                เดรโก มัลฟอยจึงนั่งรอที่โซฟานุ่มสบายมุมห้อง รอจนกว่าเจ้าของห้องที่เขารอพบจะกลับมา

     

                ในระหว่างนั้นเขาก็ใช้สายตาสำรวจรอบๆ ห้อง ห้องสี่เหลี่ยมไม่แคบไม่ใหญ่นี่ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ ไม่มีการจัดตกแต่งใดๆ มีเพียงกรอบบรูปครอบครัวพอตเตอร์วางไว้เหนือเตาผิงและป้ายชื่อสลักบนโต๊ะทำงานเท่านั้น

     

                สมกับเป็นพอตเตอร์ผู้จืดชืดจริงๆ

     

                “ไม่ได้รอน งานนี้มันเสี่ยง ฉันไม่อยากเอานายมายุ่ง เดี๋ยวฉันคุยกับเนวิลล์เอง” แว่วเสียงพูดคุยอยู่หน้าห้อง ทำให้เดรโกได้ยินชัดเต็มสองรูหู

     

                “แต่แฮร์รี่ เรื่องที่นายจะออกจากลอนดอนไปตามกลุ่มผู้เสพความตายคนเดียวมันอันตรายมากนะ นายจะไม่ให้ฉันไปด้วยได้ยังไง” ประโยคนี้ดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่เปิดขึ้น

     

                “แต่นายกำลังจะไปเยี่ยมพ่อแม่เฮอร์ไมโอนี่.....” เจ้าของเสียงหุบปากฉับทันทีเมื่อดวงตาสังเกตเห็นแขกไม่ได้รับเชิญในห้อง

     

                “โอ๊ย ให้ตายสิ มัลฟอย นายมาทำบ้าอะไรในห้องแฮร์รี่!?” เป็นรอนที่ร้องเสียงหลงขึ้นมาเมื่อเขาเองก็สังเกตเห็นร่างสูงโปร่งที่นั่งนิ่งๆ เหมือนรูปปั้นในห้องทำงานของเพื่อนรัก

     

                เดรโกเบนสายตามามองวีสลีย์ที่เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าก่อนจะบอก “ฉันไม่ได้มีธุระกับแก วีสลีย์”

     

                รอนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันทำหน้าอยากจะอัดหน้าไอ้คนน่าหมั่นไส้สักเปรี้ยงสองเปรี้ยงแต่แฮร์รี่ห้ามไว้ได้ทัน เขาบอกให้รอนกลับไปที่ห้องตัวเองเพื่อที่จะได้คุยกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้.... มาหาเขาทำไม

     

                “ได้ยินว่าแกจะออกจากลอนดอนไปตามกลุ่มผู้เสพความตาย” เดรโกเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน

     

                แฮร์รี่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองสบตาคนที่นั่งอวดดีทำท่าเหมือนเป็นเจ้าของห้องอย่างไงอย่างงั้น “แอบฟังคนอื่นคุยกัน เสียมารยาทชะมัดมัลฟอย”

     

                “เฮอะ คุยเสียงดังขนาดนั้นต่อให้ฉันนอนอยู่ในคุกใต้ดินที่ฮอกวอตส์ยังได้ยินเลย” เดรโกแค่นเสียงก่อนเอ่ยจิกกัดต่อทันที ไม่รู้ทำไมพออยู่กับพอตเตอร์เขาถึงนิสัยเสียทุกที

     

                แฮร์รี่กลอกตาก่อนจะดึงเก้าอี้ขึ้นมาให้เข้าที่ก่อนจะรวบรวมเอกสารบนโต๊ะลวกๆ พลางเอ่ยถาม “สรุปนายมาหาฉันทำไม”

     

                “ฉันจะไปตามผู้เสพความตายกับแกเอง พอตเตอร์ และพ่อฉันจะต้องไม่รู้เรื่องนี้”เดรโกไม่ตอบคำถามแต่กลับโพล่งพูดเอาแต่ใจออกมา อันที่จริงเหตุผลที่เขามารอพบแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ไม่พ้นเรื่องผู้เสพความตายอยู่แล้ว

     

                แฮร์รี่กลอกตาอีกรอบพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่ายก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงาน เดรโก มัลฟอยยังตามตื้อน่ารำคาญไม่เลิกจริงๆ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างอันตรายและปิดเป็นความลับ อีกอย่างนายลูเซียสพูดถึงขนาดนั้นจะให้เขาพามัลฟอยคนลูกไปเสี่ยงอันตรายอีก มันคงไม่ดีแน่

     

                ดูเหมือนเดรโกจะเดาความคิดของแฮร์รี่ได้จากท่าทาง “แกห้ามฉันไม่ให้ตามไปไม่ได้หรอกพอตเตอร์ ถึงฉันไม่ไปกับแก ฉันก็จะไปเองอยู่ดี”

     

                แฮร์รี่ตวัดสายตามองคนพูดเอาแต่ใจ กัดริมฝีปากข่มอารมณ์ไม่ให้โต้ตอบจนแดงแจ๋ ก่อนจะสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วบอก “ตามใจนายมัลฟอย อย่าเป็นตัวสร้างปัญหาก็แล้วกันและเรื่องนี้ต้องรู้กันแค่ฉันกับนาย เข้าใจไหม”

     

                ได้ยินดังนั้นเดรโกก็เผยรอยยิ้มพอใจก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตูห้องทำงานแล้วเปิดออกไป อันที่จริงเขาอยากเดินเล่นสักหน่อย ในเมืองที่เต็มไปด้วยมักเกิลอาจจะทำให้เขาคลายความรู้สึกรังเกียจไปได้บ้าง

     

                เมื่อมาถึงชั้นล่างของกระทรวงเวทมนต์ แทนที่เดรโกจะได้ออกจากกระทรวงกลับถูกรั้งไว้ด้วยน้ำเสียงเล็กๆ เสียอย่างนั้น

     

                “พี่ชาย!” น้ำเสียงที่แสดงถึงความดีใจดังขึ้นพร้อมๆ กับแรงกอดรัดที่ช่วงเอว เดรโกก้มมองเด็กหญิงผมสีอ่อนก่อนจะเงยหน้ามองผู้ปกครองของเด็กคนนั้นที่ยืนทำหน้าเสียอยู่ไม่ไกล

     

                “มาการ์เร็ต... ขอโทษด้วยนะครับคุณมัลฟอย ผมเพิ่งจะพาแกมาที่ทำงานครั้งแรก แกเลยตื่นเต้นไปหน่อย” ชายที่ยืนหน้าเสียคนนั้นเดินเข้ามาดึงตัวลูกสาวตัวน้อยออกจากตัวของเดรโก เขาพิจมองสองคนตรงหน้าก่อนจะทำความเข้าใจได้ว่าเด็กนี่ไม่ใช่เด็กมักเกิลธรรมดาแบบที่เขาคิด

     

                เดรโกส่ายหัวเป็นการตอบว่าไม่เป็นไร ที่ยัยเด็กนี่ไม่มีท่าทางตกใจตอนเห็นเขากับโรวล์สู้กับด้วยไม้กายสิทธิ์เลยเพราะเป็นลูกพ่อมดที่อาศัยอยู่ในย่านมักเกิลนี่เอง เดรโกเพิ่งรู้ว่ามีพ่อมดแม่มดอาศัยปะปนกับมักเกิลเยอะกว่าที่คิด ความรู้สึกภายในก่อตัวเป็นความต่อต้านเล็กๆ แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็ถูกทำให้หายไปเมื่อเขามองเห็นรอยยิ้มสดใสของเด็กหญิงคนนั้น

     

                “เลม่อนเค้กที่บ้านคุณอร่อยมากครับ” เดรโกเบนสายตาไปสบกับชายร่างเล็กตรงหน้าพร้อมเอ่ยเสียงไม่เบานัก แม้จะเป็นแววตาสีซีดที่นิ่งสงบไม่เจือความรู้สึกใดๆ แต่นั่นก็ทำให้พ่อมดวัยกลางคนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้มากโข ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ใครๆ คิดไว้จริงๆ ด้วย คนบ้านมัลฟอยกำลังเปลี่ยนไป

     

                “เอ๋? เอ่อ ขอบคุณครับ ผมทำไว้ให้ลูกทาน เป็นสูตรของภรรยาผมน่ะ หลังจากที่เธอเสียชีวิตในสงคราม ผมเลยหัดทำ..... มาการ์เร็ตชอบเลม่อนเค้กมากครับ” ชายคนนั้นเอ่ยเสียงแหบพร่าก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเมื่อก้มมองลูกสาวในอ้อมแขน

     

                ทุกคนต่างสูญเสีย แต่พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตต่อไป ไม่ใช่เพื่อคนที่จากไปแล้วแต่เพื่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่

     

                เดรโกมองภาพตรงหน้าก่อนจะครุ่นคิดถึงใครคนหนึ่งที่สูญเสียไปมากกว่าใคร ใครคนหนึ่งที่เป็นวีรบุรุษของผู้คน ใครคนหนึ่งที่ไม่แสดงออกว่าตัวเองนั้นเศร้าโศกมากแค่ไหน ใครคนหนึ่งที่ยังปั้นหน้ายิ้มหลอกลวงคนทั้งโลกว่าเขาสบายดี...

     

                “พี่ชาย แล้วแวะมาหาหนูบ้างนะคะ” เสียงเรียกจากเด็กหญิงปลุกให้เขาหลุดจากความคิด เธอโบกมือให้ก่อนจะเดินตามผู้เป็นพ่อที่ค้อมศีรษะให้เขาไปหลังจากเอ่ยบอกลา เดรโกจึงหลุดพ้นจากการอยู่ในกระทรวงเวทมนต์สักที

     

     


     

                เมื่อเลิกงานแฮร์รี่ก็รีบเร่งกลับมาบ้านด้วยเครื่องข่ายผงฟลูหลังจากเอลฟ์ประจำบ้านชราหายตัวมาบอกว่า นายน้อยเดรโก มัลฟอยของมันกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในบ้านของเขา เจ้าบ้ามัลฟอยนี่จะตามป่วนเขาไปถึงไหนกัน ไม่ได้อยากจะเจอหน้าบ่อยๆ สักหน่อย!

     

                แฮร์รี่ก้าวออกมาจากเตาผิงที่โบราณพอๆ กับบ้านหลังนี้ ยกมือขึ้นปัดฝุ่นขี้เถ้าพอเป็นพิธีก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ ทว่าไม่พบร่างสูงเจ้าของผิวสีซีดและใบหน้าชวนโมโหเลย ในใจเขาโวยวายเอลฟ์ชราที่ทำให้เขาต้องยกเลิกนัดไปปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนร่วมงาน เห็นทีแฮร์รี่ต้องซื้อของขวัญไปให้ทีหลังเสียแล้ว

     

                ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตั้งท่าจะเดินขึ้นบ้านไปทำธุระส่วนตัว ในจังหวะที่มือหนึ่งปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตเสียงยานคางที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินกลับดังขึ้นมา “มาช้านะพอตเตอร์”

     

                แฮร์รี่หันขวับไปยังต้นตอของเสียงทันที เหตุผลที่เขาไม่เห็นเจ้าของเสียงบนโซฟารับแขกนี่เป็นเพราะเจ้าตัวนั่งหันหลังให้เขาอยู่มุมห้องอันเป็นที่ตั้งของแกรนด์เปียโนที่เขาแทบไม่เคยแตะต้องมัน แสงไฟสีนวลจากโคมไฟระย้ากลางห้องไม่ได้สว่างสไวพอให้เขาเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแต่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคือนายน้อยที่เอลฟ์ประจำบ้านของเขาว่าไว้ไม่ผิดแน่

     

                “มัลฟอย” เขาเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มอีกคนในห้อง เจ้าของแผ่นหลังตั้งตรงหันหน้ามาทางเขาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วเดินมาเผชิญหน้ากับเขาที่อยู่ในสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรนัก มือข้างที่ปลดกระดุมจึงรีบจรดกระดุมกลับทันที

     

                “นายมาทำอะไรบ้านฉัน” เป็นแฮร์รี่ที่ชิงพูดก่อนเมื่อสังเกตเห็นว่านัยน์ตาสีซีดมองต่ำมาทางเสื้อของเขาและเผยอปากทำท่าเหมือนจะพ่นถ้อยคำชวนหงุดหงิดออกมา แฮร์รี่ขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่ามัลฟอยต้องการอะไร ก็เขาตกปากรับคำเจ้าหมอนี่ไปแล้วไม่ใช่หรือไงที่ว่าจะไปสืบเรื่องผู้เสพความตายด้วยกัน

     

                “ฉันอยากให้เราไปกันตอนนี้เลย ได้ยินมาว่าพวกนั้นออกจากเขตแมนเชสเตอร์ไปแล้ว” ใบหน้าที่มุมปากฉาบความเย้ยหยันเงยขึ้นสบกับดวงตาของเขาพอดี ทรงผมที่เซ็ตมาอย่างดีไม่มีแม้แต่เส้นผมสักเส้นที่หลุดลุ่ยทำให้แฮร์รี่รู้สึกไม่ชอบใจอย่างประหลาด กว่าจะรู้ตัวมือข้างที่ว่างก็ยกขึ้นขยี้ผมจนหัวชี้ฟูไม่เป็นทรง

     

                “อะไรนะมัลฟอย นายก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าฉันเพิ่งกลับมาถึงบ้าน.... อย่างรีบร้อนมากๆ ด้วย!” แฮร์รี่ตอกกลับอย่างคนอารมณ์เสีย แค่รู้ว่ามัลฟอยเข้าบ้านเขาได้ง่ายดายเหมือนเข้าบ้านตัวเอง เขาก็ไม่พอใจมากๆ แล้ว! แฮร์รี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเอ่ยต่อ “อีกอย่างเรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ ฉันต้องเข้าประชุมวางแผนกับโรบาดส์และคนอื่นๆ ก่อน อย่างเร็วที่สุดคงเป็นสุดสัปดาห์นี้”

     

                มัลฟอยรับฟังเงียบๆ ก่อนจะแสดงสีหน้าไม่พอใจ ทำให้แฮร์รี่ต้องเอ่ยกำชับว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัว ไปลุยทั้งๆ ที่ไม่ได้เตรียมตัวจะกลายเป็นว่าพวกเขาเสียท่ามากกว่า

     

                “ฉันรู้ว่านายกำลังขัดคำสั่งพ่อ ที่ฉันยอมให้นายมากับฉันเพราะฉันรู้ว่านายอยากสืบสานเจตจำนงของเขา ฉันไม่อยากให้นายเอาความแค้นส่วนตัวเข้ามาในตอนที่ฉันทำหน้าที่ มันเสี่ยงเกินไป” แฮร์รี่อธิบายยืดยาว หวังให้คนตรงหน้าเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง

     

                นิสัยเด็กๆ ของมัลฟอยคือใจร้อน ขี้โมโหและอยากเอาชนะ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้แฮร์รี่กังวล เขารู้ว่านิสัยในส่วนนี้ของเจ้าตัวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายๆ

     

                หลังจากนิ่งรับฟังใบหน้าของเดรโกก็บึ้งตึงแสดงความไม่สบอารมณ์แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้เอ่ยตอบโต้แม้แต่นิดเดียว ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่นั้นเพราะสิ่งที่พอตเตอร์พูดมามันถูกต้องทุกอย่าง เขาจะใจร้อนไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตามจับโจรกระจอก

     

                ตัวเขาเองก็ไม่ใช่สายบู๊ ไม่ได้เก่งกาจเหมือนมือปราบมาร ทำตัวอวดดีก็เหมือนกับพาตัวเองไปตาย เดรโกยังตายตอนนี้ไม่ได้ แม้จะไม่ชอบใจนักแต่เขาก็ต้องอดทนรับฟังพอตเตอร์

     

                “พูดมากพอตเตอร์” หลังจากเงียบไปนานมัลฟอยจึงเอ่ยออกมา นั่นทำให้แฮร์รี่เบาใจได้ไปเปราะหนึ่ง

     

                “ถ้างั้นก็กลับบ้านนายไปได้แล้ว” เขาเอ่ยปากเชิญแขกไม่ได้รับเชิญให้ออกจากบ้านเขาสักที แฮร์รี่เงยหน้าสบตากับมัลฟอยที่สูงกว่าเขา...ไม่เท่าไรด้วยแววตาที่ฉายชัดถึงความรำคาญ

     

                “ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าแกจะพร้อมไปตามล่าพวกมัน” พูดจบมัลฟอยก็เดินผ่านเขาขึ้นไปบนบ้าน ทำเหมือนว่านี่คือบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน แฮร์รี่ได้แต่ทำตาโตมองตามแผ่นหลังตั้งตรงที่ค่อยๆ หายลับไปจากบันได

     

                ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็ได้แต่เอ่ยกับเอลฟ์ชราให้ช่วยจัดการทำสะอาดและจัดเตรียมห้องนอนแขกที่ตั้งอยู่ข้างๆ ห้องนอนเขาให้เรียบร้อยแล้วก็เดินอย่างเชื่องช้าเข้าห้องนอนของตนเองไป

     

                หลังปิดประตูห้องแฮร์รี่ก็ทิ้งตัวนั่งตรงปลายเตียงก่อนจะค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ๊ตออกอย่างอ่อนล้า มือปราบมารเป็นงานที่เขารักแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่างานนี้หนักหนาเอาการและเพราะแบบนั้นตัวเขาในตอนนี้ถึงได้มีสภาพซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด

     

                ถึงจะบอกว่าซูบผอมแต่กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนที่เขาเพียรพยายามออกกำลังอย่างหนักก็ไม่ได้แห้งเหี่ยวตามไปด้วย นั่นทำให้แฮร์รี่รู้สึกสบายใจขึ้นมาก เพราะตัวเขาผอมเหมือนขาดสารอาหารมาตั้งแต่เด็ก เรื่องรูปร่างจึงเป็นปมด้อยเล็กๆ ในใจเขา แฮร์รี่แค่อยากจะดูเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ ภาพลักษณ์ที่เป็นลูกผู้ชายจึงยึดติดในใจเขามาตลอด

     

                “เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียดเหมือนระบายความอัดอั้นทุกอย่างไปกับลมหายใจนั้นแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างหมดแรง “.....จินนี่จะเป็นยังไงบ้างนะ”

     

                ดวงตาสีมรกตมองเพดานสีอ่อนอย่างเหม่อลอยนึกถึงเด็กสาวอดีตคนรักที่ตอนนี้เป็นนักกีฬาควิดดิชดาวรุ่ง เขาหวังแค่ให้เธอสบายดีและยังยิ้มแย้มอยู่เสมอ เขาหวังแค่นั้นจริงๆ สำหรับแฮร์รี่การที่ได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ก็นับว่าดีมากแล้ว งานของเขาอันตราย ผู้คนรอบๆ ตัวเขาล้วนง่ายที่จะตกเป็นเป้าสายตา ทั้งรอน เฮอร์ไมโอนี่หรือแม้แต่ครอบครัวเดอร์สลีย์เองก็ตาม แต่เขาไม่ห่วงเรื่องเพื่อนของเขา พวกนั้นดูแลตัวเองได้ รอนเองก็เป็นมือปราบมารและรอนก็รู้ความเสี่ยงของงานนี้ดี เขาไม่อยากทำเหมือนเพื่อนของเขาพึ่งพาตัวเองไม่ได้จนเขาต้องปกป้อง

     

                ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองนั่นแหละที่อ่อนแอมากกว่าใคร

     

                ก๊อก ก๊อก

     

                เสียงเคาะประตูห้องแผ่วเบาเว้นว่างไป บุคคลที่เคาะประตูห้องนอนของเขาคงไม่พ้นใครที่ไหนนอกจากเอลฟ์ประจำบ้านชราของเขา มันคงจัดเตรียมห้องนอนของนายน้อยมัลฟอยของมันและอาหารมื้อค่ำเสร็จแล้วถึงได้มาเรียกเขาดังเช่นทุกวัน

     

                แฮร์รี่ลุกขึ้นยืนก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่อย่างไม่รีบร้อนก่อนจะเปิดประตูห้องนอนออกไปเพื่อลงไปจัดการมื้อค่ำที่ด้านล่างเหมือนทุกวัน แต่ว่าวันนี้แตกต่างจากทุกวันเพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาร่วมโต๊ะอยู่ด้วย หลายคนคงคิดว่าก็ดีนี่จะได้ไม่ทานข้าวเหงาอยู่คนเดียว เขาก็เคยคิดแบบนั้นหากคนคนนั้นไม่ใช่เดรโก มัลฟอย ถ้าเจ้าหมอนั่นจะเอาแต่นั่งกินเงียบๆ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าสบตาทำสีหน้าเย้ยหยันเขาแบบที่เคยทำขนาดนี้ สู้ให้เขาทานข้าวคนเดียวยังรู้สึกดีกว่าเยอะ

     

                “นายหายดีหรือยัง” เป็นแฮร์รี่ที่เปิดปากถามขึ้นมาก่อน อาหารบนโต๊ะพร่องไปมากและเขาก็กำลังเริ่มอิ่มพอดี

     

                มัลฟอยเหลือบสายตาขึ้นมามองเขาด้วยแววตาติดรำคาญ เจ้าหมอนี่จะแสดงออกว่ารำคาญเขาบ่อยเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเป็นฝ่ายที่ทำให้เขารู้สึกรำคาญแท้ๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ เขาจึงเอ่ยต่อ “ฉันหมายถึงเรื่องคำสาป”

     

                “ไม่ใช่ธุระของแก” เมื่อพูดจบมัลฟอยก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินขึ้นบันไดบ้านไปอย่างไร้มารยาททันที ทิ้งให้เขามองตาโตอยู่ตรงนั้นอย่างหัวเสียอีกครั้ง กี่ครั้งแล้วที่เจ้าบ้ามัลฟอยนี่ชอบทำตัวไร้มารยาทกับเขาน่ะ!

     

                ไม่ทันที่แฮร์รี่จะได้ก่นด่ามัลฟอยในใจแสงสว่างภายในบ้านก็ดับมืดลงพร้อมๆ กับเสียงบางอย่างแตกกระจายและเสียงกรีดร้องอย่างทรมานจากชั้นบน

     

                มัลฟอยอยู่บนนั้น!

     

                “มัลฟอย!?” แฮร์รี่ตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มอีกคนพร้อมรีบวิ่งไปยังชั้นบนของตัวบ้านทันที ให้ตาย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน แสงไฟจากปลายไม้กายสิทธิ์ส่องให้เห็นร่างหนึ่งที่นอนคุดคู้อยู่พร้อมกับเศษกระเบื้องจากแจกันของตระกูลแบล็คที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

     

                เสียงหอบหายใจดังขึ้นจากร่างคุดคู้นั่น ท่าทางทรมานจนแฮร์รี่ตกใจ เขารีบเข้าไปประคองมัลฟอยทันที เจ้าบ้านี่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังตัวหนักเป็นอย่างกับกระสอบข้าว ด้วยแสงสว่างที่ไม่มากนักจากคาถาลูมอสทำให้เขาเห็นสีหน้าของคนที่อยู่ในอ้อมแขนไม่ถนัด เขายกมือขึ้นแตะใบหน้าที่ชื้นเหงื่อของอีกคนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

     

                “มันอยู่นี่.. อึก โรวล์อยู่นี่” มัลฟอยกัดฟันกระซิบเสียงแหบพร่าในขณะที่บิดตัวไปมาอย่างเจ็บปวด หรือว่าคำสาปนั่นยังไม่หายไป?

     

                แฮร์รี่มองคนในอ้อมแขนพลางกวาดสายตามองรอบๆ อย่างระวังเพราะไม่มีเรื่องอะไรมาถึงห้าปีเต็ม เขาจึงหละหลวมเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน เลินเล่อแบบนี้ น่าสมเพชจริง! แฮร์รี่เรียกเอลฟ์ประจำบ้านชราให้ไปตามตัวรอนกับเฮอร์ไมโอนี่มาที่นี่ก่อนจะผละจากร่างสูงที่นอนสีหน้าซีดเซียวเพื่อตามหาผู้เสพความตายแต่ทว่าข้อมือกลับถูกฉุดรั้งเอาไว้เสียอย่างนั้น

     

                “ไม่ พอตเตอร์ อึก... มันไม่รู้ว่าฉันอยู่นี่ มันมาหาแก” มัลฟอยเอ่ยต่ออย่างอดกลั้นต่อความเจ็บปวด แฮร์รี่เลิกคิ้วกับคำพูดของอีกคน

     

                “หมายความว่ายังไงมัลฟอย” เขาเอ่ยถามอย่างพยายามใจเย็น อีกไม่นานเพื่อนรักของเขาจะมาถึงแล้ว ตอนนั้นคงไม่สายที่จะปล่อยหมอนี่ไว้แล้วไปดูรอบๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น... ซะที่ไหนกันเล่า เขาต้องไปตอนนี้ต่างหาก แล้วมือของหมอนี่เป็นคีมหรือไงทำไมจับแน่นนัก!

     

                “ฉันรู้สึกได้จากร่องรอยของคำสาปในตัวฉัน” มัลฟอยบอกแบบนั้นก่อนจะเงียบไปและร่างที่ดูทรมานก็ดูผ่อนคลายขึ้น “ตอนนี้มันไปแล้ว”

     

                มัลฟอยพูดเสร็จก็ปล่อยมือเขาทันทีและแสงสว่างก็กลับมาอีกครั้ง แฮร์รี่พึมพำนอกซ์เบาๆ กับไม้กายสิทธิ์แล้วมองอีกคนที่ยันตัวลุกขึ้นมาจากพื้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

                เขาพิจารณามองใบหน้าซีดเซียวของมัลฟอยไม่วางตา เรื่องราวที่เกิดต่อหน้าเขาอีกครั้งทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปตอนอายุสิบสี่ ในงานแข่งขันการประลองเวทไตรภาคีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้ใครตายอย่างเด็ดขาด ไม่เอาอีกแล้วกับการปกป้องใครไม่ได้ ไม่เอาอีกแล้ว.....

               

                กว่าจะรู้ตัวแฮร์รี่ก็ยื่นมือไปแตะใบหน้าอีกคนเสียแล้ว เพื่อให้ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากผิวหนัง เพื่อให้ได้สัมผัสถึงการหายใจ เพื่อให้รู้ว่าวันนี้.... เขายังไม่เสียใครไป ดวงตาสีมรกตสั่นระริกเหมือนแก้วที่ใกล้แตกสลายเต็มที

     

                “แฮร์รี่/แฮร์รี่!!” เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นมาพร้อมการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของรอน เฮอร์ไมโอนี่และครีเชอร์ แฮร์รี่ทำหน้าไม่ถูกไปสักพักเพราะสายตาที่แสดงออกชัดเจนถึงความสงสัยของเพื่อนรัก เขาผละจากมัลฟอยเดินไปหาทั้งคู่ทันทีเพื่อเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

     

                “มันหายตัวไปทันทีที่พวกเราโผล่มา ฉันเห็นหน้ามันที่หน้าบ้านนาย ถึงมันจะมองไม่เห็นเพราะบ้านของตระกูลแบล็กตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านของมักเกิลก็ตามแต่.... มันไม่หลบซ่อนแล้วแฮร์รี่ มันเริ่มออกล่าพวกเราแล้ว” รอนเอ่ยเสียงเคร่งเครียดขณะที่เชื่อมต่อเครือข่ายผงฟลูกับคนในหน่วยมือปราบมารคนอื่นๆ เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้รับทราบกันถ้วนหน้า

     

                “รอน เรื่องมัลฟอย...” แฮร์รี่เอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดมาสักพักหนึ่ง “หมอนั่นดูรู้ดีเรื่องคำสาปนี่จัง”

     

                เมื่อเห็นรอนให้ความสนใจกับสิ่งที่เขาพูด เขาจึงเอ่ยต่อ “มัลฟอยพูดกับฉันว่าโรวล์มาหาฉัน ไม่ใช่เขา ทำไมเขาถึงมั่นใจในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ฉันทำได้แค่ถอนคำสาปแล้วทำไมหมอนั่นถึงรู้อะไรที่ฉันไม่รู้กัน”

     

                แฮร์รี่กัดปากพลางครุ่นคิดอย่างหนัก รอนเหลือบสายตาไปมองแฟนของเขาที่กำลังร่ายคาถารักษาบาดแผลของมัลฟอยอยู่อย่างขอความช่วยเหลือ เขาหัวไม่ดีนักเรื่องการจดจำคำสาปและการถอนคำสาป แต่แฟนสาวของเขาเป็นอัจฉริยะ คิดถึงตรงนี้แล้วภูมิใจชะมัด รอนแอบอมยิ้มให้กับตัวเองในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวระอามาให้ เธอค่อนข้างเป็นธรรมชาติเมื่อได้มาเจอกับบุคคลที่เคยกร่นด่าเธอว่าเลือดสีโคลน

     

                เมื่อเสร็จสิ้นการรักษาบาดแผลในระยะแรกเธอจึงผละออกมาเผื่อรวมตัวกับแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิท หลังจากฟังที่แฮร์รี่เล่า เธอก็เงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะพาตัวรอนกลับไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวมีเพียงส่งสายตาและรอยยิ้มแปลกๆ มาให้เท่านั้น นั่นทำให้แฮร์รี่ประหลาดใจมาก ที่สำคัญและเขามั่นใจมากๆ ด้วยคือเฮอร์ไมโอนี่ล้อเลียนเขาผ่านสายตาและรอยยิ้ม!

     

                ให้ตายเถอะมัลฟอย นายนี่มันตัวสร้างปัญหาจริงๆ!

     

                หลังจากที่เรื่องราวต่างๆ ดูเหมือนจะเรียบร้อยดี เขาจึงจัดการเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านใหม่ ทั้งที่มัลฟอยมาบ้านเขาง่ายๆ และการที่ผู้เสพความตายเข้าใกล้ขนาดนี้แต่เขาดันไม่รู้สึกตัว แฮร์รี่คิดว่าเขาคงต้องตื่นตัวอยู่เสมอและไม่หักโหมจนเกินพอดีเพื่อที่จะได้รับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงแบบนี้อีก นับจากเหตุการณ์ในวันนี้เขาจะทำเป็นไม่เห็นหัวมัลฟอยไม่ได้อีกแล้ว

     

                แม้แต่คนอย่างมัลฟอย เขาก็ไม่อยากให้ตาย

     

     

     


                เดรโกเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติกับร่างกายของเขาหลังจากโดนคำสาปไม่นาน ความแสบร้อนที่ลุกลามไปทั่วร่างกาย มันไล้ไปตามลวดลายที่ฝังลึกลงไปจนถึงจิตวิญญาณของเขา คำสาปน่ารังเกียจที่แม้จะไม่ถึงตายแต่ก็เจ็บปวดทรมาน ราวกับถูกสาปให้ต้องทุกข์ทรมานไปพร้อมๆ กับรับรู้การมีตัวตัวของผู้ร่ายคำสาป

     

                เขาเริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่ไม่อาจพูดเต็มปากว่าคือความสามารถหลังจากถูกพอตเตอร์ให้ความช่วยเหลือ เขารู้สึกถึงโรวล์ในบางครั้งแต่จะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อมันอยู่ใกล้ๆ เริ่มแรกเขากังวลว่ามันเองก็อาจจะรับรู้ถึงตัวตนของเขาเช่นกันแต่ไอ้มันสมองน้อยนั่นกลับไม่รู้สึกตัวสักนิด เดรโกลอบไปยังตรอกน็อกเทิร์นเพื่อสืบหาข่าวและเขาก็เจ็บปวดเจียนตายจนแทบจะทรุดลงกับพื้น

     

                เพราะไอ้สารเลวนั่นอยู่ไม่ไกล มันย้อนกลับมายังตรอกน็อกเทิร์น อาจเป็นเพราะเหตุผลเดียวกับเขา เพื่อข้อมูล

     

                ข้อมูลของผู้พิชิตจอมมารที่มันเคารพรักนักหนา

     

                ข้อมูลสำหรับการลากคอไอ้เวรนี่และผู้เสพความตายไปยังอัซคาบัน

     

                เดรโกแสยะยิ้มขณะที่ฝืนความเจ็บปวดในร่างกาย เขาจะต้องทนกับผลจากคำสาปนี่ไปถึงเมื่อไรกัน อาจจะอีกไม่นานหรืออาจตลอดชีวิตเลยก็ได้ ได้แต่ต้องอดทนเพื่อบิดา เขาไม่กล่าวโทษใครที่ประมาทจนถูกคำสาปถึงตายเพราะเขามันไม่เอาไหน ดีแต่ทำท่าหยิ่งทะนงต่อหน้าผู้คน โดยเฉพาะต่อหน้าแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เขาเกลียดขี้หน้านักหนา

               

                ทั้งที่อยู่ใกล้จนแทบจะร่ายคำสาปพิฆาตใส่ตัวโรวล์ได้อยู่แล้วแต่มันก็ต้องเป็นอันล้มเหลวเพราะความเจ็บปวดที่กัดกินไปทั่วร่างกาย บัดซบที่สุด หากเขาไม่ทำอะไรกับไอ้ความเจ็บปวดนี่มันจะส่งผลเลวร้ายต่อตัวเขาจนไม่อยากจะจินตนาการ เพียงแค่เข้าใกล้ก็ปวดร้าวเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกแบบนี้มันแทรกแซงเข้าสู่จิตวิญญาณของเขามากขึ้นทุกที

     

                ความเจ็บปวดนี่ต้องหยุด เขาต้องหยุดมันให้ได้

     

                ไม่มีอะไรที่เดรโก มัลฟอยทำไม่ได้ เขาต้องเอาชนะความเจ็บปวดโง่ๆ นี่ ไม่ช้าก็เร็ว เขาต้องทำให้ได้ เมื่อเขาทำได้มันจะกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เดรโกมั่นใจว่าเขาจะสามารถตามล่าตัวโรวล์ได้และยังสามารถลากคอผู้เสพความตายกลับมาชดใช้กรรมได้อีกด้วย... เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น

     

                ต้องรอ.... รอจนกว่าเขาจะเอาชนะความเจ็บปวดได้ ต้องรอเท่านั้น

     

    _________________________________________________________

     

    สวัสดีฮะ กลับมาแล้ว ♥ (?) 55555555555555555555555555 ลืมกันไปยัง

    ขอโทษค้าบที่หายไปนานมาก (ก ไก่ล้านตัว) ตอนนี้กลับมาแล้วค้าบ

    มาพร้อมกับตอนที่ 4 Trouble Maker นั่นเอง


    ถ้าอ่านแล้วแปลกๆ เม้นเตือนได้นะ มันเว้นระยะไว้นานเกินจนเราก็ลืม #อ้าวอินี่

    ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันนะ ขอบคุณจริงๆ


    ทุกคอมเม้นมีความหมายจริงๆ นา ♥ ~


    แท็กสำหรับทวิตเตอร์ #paparkfic เผื่อมีคนจะทวีตด่าหรือชมฟิคเรา 555555555555555555

    จะแอบไปส่องนะ จะมีไหมนะ ถ้าไม่มีก็แป้กไปครับ ไม่เป็นไร เราตามอ่านเม้นในนี้ตลอดอยู่ละ ฮี่


    *เพิ่มเติมฮะ*

    ในพาร์ทล่างสุดของเดรโก หลายคนอาจจะงงๆ แต่เราจะสื่อเหมือนที่แฮร์รี่กับจอมมารสามารถรู้สึกถึงกันได้

    แต่........ เดรโกเก่งในเรื่องการสกัดใจ จำกันได้ไหม มันเป็นอะไรที่แฮร์รี่ทำไม่ได้ แต่เดรโกของเราทำได้

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเดรโกถึงเข้าถึงตัวโรลว์ได้แต่โรวล์ไม่สามารถเข้าถึงเดรโกได้นั่นเอง



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×