คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : Rumor
Fic Harry Potter [DM/HP] What is
it called ?
_________________________________________________________
Chapter 3 :
ข่าวลือ
การกลายเป็นหัวข้อที่ผู้คนสนทนากันมากที่สุดมันช่างน่าหงุดหงิด
เดรโกรู้สึกอยากจะไปเผาสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์บ้าๆ นี่จริงๆ สามวันผ่านไปแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าหัวข้อสนทนานี้จะหยุดลง
การนั่งเทียนเขียนข่าวแบบนี้ช่างไร้จรรยาบรรณจริงๆ
เดรโกคิดอย่างไม่พอใจ
เจ้าพวกนั้นเอาอะไรคิดว่าเขากับพอตเตอร์เดทกัน
บ้าไปแล้ว ขนาดโนมยังคิดได้เลยมั้งว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อคนเกือบทั้งโลกรู้ว่าแฮร์รี่
พอตเตอร์กับเดรโก มัลฟอยเป็นอริกัน
เมื่อวันที่ได้เห็นข่าวพ่อของเขาถึงกับเรียกเขาลงไปคุยเป็นการส่วนตัว
ไม่ว่าเรื่องอะไรเดรโกไม่เคยมีปัญหากับผู้เป็นพ่อแต่กับเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาขอเถียงกลับสุดใจ
คำพูดของนายลูเซียส มัลฟอยในวันนั้นเสียดแทงหัวใจลูกชายเหลือเกิน “ถ้าไม่มีมูล
สุนัขมันก็ไม่อุจจาระหรอกนะเดรโก”
พ่อพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก่อนจะเดินจากไป
วินาทีนั้นเดรโกรู้สึกเหมือนโดนคำสาปกรีดแทงเข้าอย่างจัง คำพูดที่ตีความได้หลายแง่ของบิดาทำเอาเดรโกหัวปั่นไปสองสามชั่วโมง
มันหมายความว่าพ่อเขาเชื่อข่าวนั่นหรือว่าพ่อเขาเพียงตำหนิเขาที่ทำให้ตัวเองไปตกเป็นข่าวได้กันแน่
สุดท้ายเดรโกก็ตัดสินใจเชื่อว่าพ่อเขาเพียงแค่ตำหนิเขาเท่านั้น
เดรโกยืนอยู่กลางตรอกไดแอกอนเพื่อตัดเสื้อใหม่ตามที่แม่เขาต้องการ
หลังจากที่นาร์ซิสซาพบว่าเสื้อคอเต่าของลูกชายเธอมีรอยไหม้เสียยับเยิน เธอก็ขอให้เขาไปหาซื้อเสื้อใหม่เสียห้าหกตัว
อันที่จริงเดรโกก็ไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นแม่เท่าไรนัก
ในเมื่อเขามีเสื้อคอเต่าแบบเดียวกันนี่เป็นเป็นสิบ
ทำไมแม่ต้องให้ออกมาซื้อใหม่ด้วย
แถมยังต้องมาตกเป็นเป้านินทาของคนอื่นแบบนี้อีก
น่ารำคาญเป็นบ้า แต่เพื่อความสบายใจของมารดาเขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก
เด็กหนุ่มเดินไปร้านมาดามมัลกิ้นอย่างเคยชิน
แม่พาเขามาที่นี่บ่อยในตอนที่เขายังไม่ได้เข้าฮอกส์วอต เดรโกในวัยเด็กนั้นหยิ่งยโส
อวดดีและดูถูกคนอื่น ตัวเขาซึมซับนิสัยแย่ๆ มาจากการถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ
จะบอกว่าพ่อแม่รังแกฉันก็ไม่ผิดนักหรอก ก็เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลนี่
กรุ๊งกริ๊ง
กระดิ่งตรงประตูร้านมาดามมัลกิ้นดังขึ้นพร้อมๆ กับการปรากฏตัวของเขา
วันนี้ร้านของมาดามมีคนพลุกพล่านกว่าปกติเล็กน้อย เดรโกกวาดสายตาไปทั่วทั้งร้านก่อนจะพบกับใบหน้าที่คุ้นตา
เธอคือเด็กสาวคนหนึ่งจากบ้านสลิธีรีน ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนเธอเป็นรุ่นน้องของเขา
สองสายตาทะปะทะกันเพียงชั่วครู่ก่อนที่ฝ่ายหลังจะหลบสายตาไป
เดรโกไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เขาเดินตรงไปที่โซนๆ หนึ่งทันที แม่บอกว่าอยากให้เขาใส่เสื้อแบบอื่นนอกจากคอเต่าบ้าง
เดรโกจึงคิดว่าเสื้อสูทที่ใส่ทับกับเสื้อเชิ้ตน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ไม่รู้เพราะอะไรเดรโกจึงดูสนใจเสื้อสูทสีขาวปลอดตัวนึงอย่างผิดปกติ
โดยทั่วไปแล้วบ้านมัลฟอยจะชอบสวมชุดสีดำจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตู้เสื้อผ้าของเขาจะมีเสื้อผ้าสีอื่นนอกจากสีพื้นๆ
อย่างสีเทาและสีน้ำเงินเข้ม
“คุณมัลฟอย
ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้เดรโกทันไปมอง
มาดามมัลกิ้นนั่นเอง วันนี้คงเป็นอีกวันที่เธอคงจะมาวัดตัวและตัดชุดให้เขา
“สวัสดีครับมาดามมัลกิ้น”
เดรโกเอ่ยอย่างสุภาพ ในน้ำเสียงแทบจะไม่เหลือเค้าความเย้ยหยันเย็นชา แต่มันก็อาจมีอยู่บ้างที่เขาติดพูดจาด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่อง
“วันนี้คุณต้องการเสื้อผ้าแบบไหนกันคะคุณมัลฟอย
เสื้อคลุมสีดำแบบคราวก่อนหรือเปล่า” มาดามเอ่ยถามพลางวัดตัวเขาอย่างทุกที
เธออุทานว่า “คุณสูงขึ้นนิดหน่อยไม่ใช่เหรอคะเนี่ย ไหล่ก็กว้างขึ้นด้วย
สงสัยฉันคงต้องไปแก้บันทึกของคุณเสียแล้ว”
เดรโกไม่ได้ตอบรับอะไรกับคำพูดของมาดาม
เขาเพียงแค่จ้องมองเสื้อสูทสีขาวตรงหน้าอย่างไม่วางตาเท่านั้น
มีบางอย่างบอกเขาว่าเสื้อตัวนี้มันเหมาะกับเขา เด็กหนุ่มรีบบอกทันที
“ผมอยากได้สูทสีขาวแบบนี้สามตัว แล้วก็ขอเสื้อเชิ้ตธรรมดาสีเทาสามตัว
สีขาวสามตัวและสีดำสามตัวด้วยครับ”
มาดามมัลกิ้นพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกเขาว่าอีกสองชั่วโมงเสื้อของเขาจะทำเสร็จ
เขาจึงออกจากร้านเสื้อของมาดามไปที่ร้านขายอุปกรณ์ควิชดิช เดรโกไม่ได้ซื้อไม้กวาดใหม่มานานแล้วตั้งแต่มีนิมบัสรุ่น
2001
เขาเดินดูไม้กวาดยี่ห้อใหม่ที่โชว์หน้าร้าน
มีแต่รุ่นที่เจ๋งๆ ทั้งนั้นเลย ตัวเขาเองก็ไม่ได้ขี่ไม้กวาดตั้งแต่ออกจากฮอกส์วอต
เดรโกหวนรำลึกความรู้สึกเป็นสุขยามใบหน้าปะทะสายลม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาคลี่ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยแต่แล้วก็ต้องกลายมาเป็นบูดบึ้งเหมือนเก่าเพราะดันไปนึกถึงเหตุการณ์ตอนปีสองขึ้นมาได้
“พอตเตอร์...”
เดรโกเอ่ยชื่อเด็กหนุ่มออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เขาอารมณ์ไม่ดีเพราะเจ้าหมอนี่มาตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนแล้ว นี่ยังจะตามมาหลอกหลอนถึงในความคิด
มันน่าโมโหจริงๆ
เขาเดินเลยร้านร้านอุปกรณ์ควิชดิชไปเพราะไม่สบอารมณ์กับบางอย่างในความคิด
จริงๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดของพอตเตอร์หรอก
เดรโกรู้ว่าเขาเพียงแค่โทษหมอนี่เพราะอารมณ์ไม่ดี
เขาอยู่มาตั้งยี่สิบสองปีเขายังไม่เคยตกเป็นข่าวลงเดลี่ พรอเฟ็ตเลยสักครั้ง! แล้วทำไมจู่ๆ
ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เดรโกไม่เข้าใจจริงๆ
และเพราะมันไม่ใช่เรื่องจริงสิ่งที่เขาทำได้ก็คือนิ่งเฉย
เดรโกทำแบบนั้นมาตลอดสามวันแต่ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากการตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพอตเตอร์ตอนเจอริต้า สกีตเตอร์เขียนข่าวมั่วๆ ลงไปเข้าแล้ว
“มัล...
มัลฟอย!”
เสียงเรียกแปลกหูดังขึ้นจากด้านหลัง เดรโกหันหน้ากลับไปมองต้นเสียงด้วยความแปลกใจ
ใครกันกล้ามาเรียกเขาแบบนี้ ตัวเขาที่ไม่มีใครสนิทสนมมาสักพักแล้วจึงรู้สึกแปลกใจที่ถูกเรียกแบบนี้
“เธอ..?”
เด็กสาวจากบ้านสลิธิรีนคนนั้นนี่เอง
“ฉันชื่อแอสเทอเรีย
กรีนกราส เป็นรุ่นน้องของคุณ” เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
เดรโกเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะนิ่งเงียบรอให้เด็กสาวตรงหน้าพูดอะไรออกมา
“คือว่าคุณพอจะว่างไปดื่มน้ำชากับฉันไหมคะ”
ใบหน้าสวยงดงามของเด็กสาวขึ้นสีระเรื่อน่าเอ็นดูขึ้นมาทันที
เดรโกนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตกลงเพราะไหนๆ
เขาก็ต้องรอไปรับเสื้อที่ร้านมาดามมัลกิ้นอยู่แล้วแถมยังไม่มีอะไรทำอยู่พอดี
เขาจึงตอบรับคำชวนของเด็กสาวอย่างไม่คิดอะไร บิดามารดาเขาก็คงไม่ว่าอะไรด้วยกระมังเพราะเด็กคนนี้ก็มาจากสลิธีรีนเหมือนกับเขา
แอสเทอเรียเดินเคียงข้างเขาอย่างสงบเสงี่ยมก่อนจะชี้มือไปทางคาเฟ่เล็กๆ
ที่เพิ่งเปิดใหม่ เดรโกทำหน้าที่สุภาพบุรุษได้อย่างดีเยี่ยม
เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจก็จริงแต่เขาก็ได้รับการอบรมสั่งสอนให้เป็นสุภาพบุรุษต่อสุภาพสตรี(ที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์)ด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ด้วยนิสัยโอ้อวดของตัวเขาสมัยก่อนทำให้ไม่มีโอกาสได้ใช้ความเป็นสุภาพบุรุษกับใครเลย
โดยเฉพาะกับยัยเกรนเจอร์นั่น ถ้าเจอกันอีกทีเขาอาจพูดจากับยัยนั่นดีๆ ก็ได้
“เดร-
- มัลฟอย ฉันเรียกคุณว่าเดรโกได้ไหม” แอสเทอเรียเอ่ยถามขณะจิบน้ำชา
“เธอไม่ได้สนิทกับฉันขนาดนั้น
กรีนกราส” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเชยพลางยกชาขึ้นจิบอีกคน
“อ๋อ
ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท ถ้าอย่างนั้นเอาไว้เราค่อยมาสนิทกันทีหลังนะคะ” แอสเทอเรียยิ้มบางๆ
อย่างคนใจเสียแต่เดรโกไม่ได้สนใจความหมายของรอยยิ้มนั้นเลยสักนิด เขาทำเพียงแค่นิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ
“ขอฉันถามคุณได้ไหมคะ
มัลฟอย... ที่ว่าคุณเดทกับแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
เด็กสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขาดความมั่นใจ
ดวงตาสีดำสนิทของเธอหลบมองไปทางอื่นขณะเอ่ยถาม นั่นทำให้เดรโกถึงกับพูดไม่ออกไปหลายวินาที
ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าถามเรื่องงี่เง่าแบบนี้ซึ่งๆ หน้า
“จะบ้ารึไง
เธอก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าพอตเตอร์กับฉัน... แม้แต่เพื่อนยังเป็นให้กันไม่ได้เลย!”
เดรโกที่สติหลุดกลางคันจึงตะโกนเสียงดัง เขาไม่แคร์สายตานับสิบที่จ้องมอง
เขาไม่สนเสียงซุบซิบที่เริ่มดังระงมไปทั่ว เขาไม่สนอะไรทั้งนั้น! นี่มันเกินพอแล้ว!!
“ฉันขอตัวกรีนกราส นี่ค่าชาของฉัน” เดรโกที่เหมือนจะเพิ่งคืนสติจึงวางเหรียญทองหลายเหรียญลงบนโต๊ะก่อนจะก้าวยาวๆ
ออกไปจากคาเฟ่นั้นทันที
ใช่..
แม้แต่เพื่อนยังไม่มีทางเป็นไปได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับเดท เฮอะ
กับพอตเตอร์น่ะเหรอ เขาถามจริงๆ เถอะใครมันจะโง่เชื่อว่าเขาเดทกับเจ้าเด็กแผลเป็นนั่นกัน
ถัดไปไม่ไกลจากตรอกไดแอกอนนักปรากฏร่างเพื่อนซี้ชายหญิงนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่ในร้านอาหารริมทางร้านหนึ่ง
พวกเขาออกมาหาอะไรทานก่อนจะกลับไปทำงานในช่วงบ่าย
“แฮร์รี่
ถ้าฉันรู้ว่านายจะร่วมมือกับมัลฟอย ฉันยอมถูกโรบาดส์ทำโทษยังจะดีซะกว่า!” รอนเอ่ยขึ้นขณะกัดน่องไก่ชิ้นเบ้อเร่อ เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจก่อนจะเอ็ดแฟนหนุ่มเบาๆ
รอนจึงยอมสงบเสงี่ยมเคี้ยวอาหารเงียบๆ แต่โดยดี
“แฮร์รี่
เธอไม่เห็นบอกฉันเลยว่าร่วมมือกับมัลฟอยมาสักพักแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดตำหนิ แฮร์รี่รู้ว่าเพื่อนรักทั้งสองต่างเป็นห่วงเขาแต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่หรือไงแล้วมันก็เป็นงานของมือปราบมารด้วยนี่นา
“ถึงฉันจะไม่ชอบพ่อมัลฟอยแต่แม่ของเจ้าหมอนั่นเคยช่วยชีวิตฉันไว้นะ
พวกนายก็รู้พวกมัลฟอยก็ไม่ใช่ผู้เสพความตายอีกต่อไปแล้ว ที่สำคัญคือการจับกุมโรลว์ต่างหาก
พ่อมัลฟอยถึงกับเสียแขนไปข้างกับเรื่องนี้เลยนะ” แฮร์รี่อธิบายยืดยาวแม้ในใจจะรู้สึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ดูเข้าข้างพวกมัลฟอยขนาดนี้
“ในเมื่อนายตัดสินใจจะช่วยแล้ว
ฉันก็ได้แต่คอยสนับสนุนนายเท่านั้นแหละ” รอนเอ่ยอย่างปลงตกก่อนจะจัดการมื้อกลางวันในจานต่อทันที
“พูดก็พูดเถอะนะแฮร์รี่”
เนวิลล์ที่นั่งเงียบละเลียดอาหารในจานอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง “นายไม่คิดว่ามันแปลกๆ
เหรอที่คนอย่างลูเซียส มัลฟอยจะพ่ายแพ้ให้กับโรลว์”
และคำถามนั้นทำให้แฮร์รี่รู้สึกแปลกใจ
เขาไม่เคยฉุกใจคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย หรือว่ามันจะมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดกัน
ผู้เสพความตายหลายรายถูกจับเข้าอัซคาบันแต่ก็ยังเหลืออีกไม่น้อยที่หลบหนีไปได้
มันจะเป็นไปได้ไหมว่าพวกนั้นกำลังวางแผนทำอะไรอันตรายๆ อยู่
“ฉันว่าเรื่องนี้ต้องเอาไปพูดในการประชุมครั้งหน้าแล้วล่ะเนวิลล์
โรบาดส์เองก็คงคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
แฮร์รี่ตอบพลางดื่มน้ำเป็นการปิดท้ายอาหารมื้อนี้ก่อนทั้งหมดจะพากันเข้ากระทรวงไป
ลิฟต์จอดที่ชั้นสองของกระทรวงเวทมนต์ในขณะที่แฮร์รี่
รอนและเนวิลล์เดินออกมาจากลิฟต์
พวกเขาหันไปโบกมือให้เฮอร์ไมโอนี่ที่ยังอยู่ข้างในนั้น(พวกเขาทำงานกันคนล่ะชั้น)
เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวทั้งสามจึงหันหลังและเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง
“แฮร์รี่
จินนี่ถามถึงนาย ทำไมไม่ส่งจดหมายกลับไปหาน้องฉันบ้าง”
รอนถามขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านห้องของมือปราบมารคนอื่นๆ
แฮร์รี่ได้แต่อึกอักพูดอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่งจนเนวิลล์ขอตัวเข้าห้องทำงานไป
เขาจึงค่อยๆ เรียบเรียงคำพูดออกมา “ขอโทษนะรอน
ฉันเขียนจดหมายตอบจินนี่ทุกครั้งเลยแต่ว่า... ไม่เคยได้ส่งเลยสักครั้ง”
“ไม่รู้สิรอน
ฉันไม่รู้จะมองหน้าจินนี่ยังไง จินนี่ไม่ได้ทำอะไรผิด
มันไม่เหมือนกับกรณีของโชหรอกนะ โชทำให้ฉันผิดหวัง
ถึงโชจะไม่ผิดแต่ตัวฉันในตอนนั้นก็คิดแล้วว่าไม่มีทางไปต่อกับโชได้
แต่ว่าจินนี่น่ะเป็นผู้หญิงที่วิเศษมากเลยนะรอน เธอไม่เคยทำให้ฉันเสียใจเลยสักครั้ง
มันก็มีแต่ฉันนี่แหละที่ทำร้ายน้องสาวของนาย”
รอนได้แต่นิ่งฟังคำตอบของเพื่อนรัก
พวกเขาหยุดคุยกันอยู่ที่หน้าห้องของแฮร์รี่
รอนไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เพื่อนกลายเป็นคนโทษตัวเองอีกครั้งแต่ให้ตาย
แฮร์รี่นี่แบกรับอะไรมากเกินไปอีกแล้ว
“จริงๆ
จินนี่ตกใจกับข่าวพาดหัวเดลี่ พรอเฟ็ตเมื่อสามวันก่อนมากเลยนะ
วันนั้นทีมควิชดิชของยัยนั่นมีแข่งพอดี จินนี่ใจลอยจนเกือบทำให้ทีมแพ้เลยแน่ะ”
รอนพูดติดตลกหวังให้เพื่อนรักผ่อนคลาย
แต่นั่นทำให้แฮร์รี่รู้สึกฉุนกึ่กขึ้นมาทันที
“รอน นายก็รู้ว่ามันไม่จริง ฉันต้องทนแบกหน้ามากระทรวงทุกวัน คนอื่นๆ
ก็พากันพูดนั่นพูดนี่ ให้ตายสิ เรื่องไร้สาระแบบนี้ยังพากันคุยสนุกปาก”
“อุ๊บ
ฮ่าๆๆๆ ขะ-- ขอโทษนะแฮร์รี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขำแต่ไอ้ข่าวเมื่อสามวันก่อนนี่จี้เป็นบ้า!” รอนหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
มันเป็นภาพที่ทำให้แฮร์รี่รู้สึกอยากจะต่อยหน้าเพื่อนรักขึ้นมาทันที
“เงียบเหอะรอน!”
แฮร์รี่โวยใส่ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานแล้วปิดประตูใส่หน้าเพื่อนรักเสียงดังทันที
ทิ้งให้รอนหัวเราะค้างอยู่ตรงนั้นอยู่นานสองนาน
แฮร์รี่นั่งลงที่โต๊ะทำงานอย่างอ่อนอกอ่อนใจแต่เขาก็ต้องขอบใจรอนที่ไม่เข้ามายุ่งเรื่องของเขากับจินนี่อย่างที่คนเป็นพี่ชายควรทำ
พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้มันอ่อนไหวแม้จะเป็นสิ่งที่แฮร์รี่ตัดสินใจไปแล้วแต่ถ้าถามถึงเวลาในการักษาแผลใจ
มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
เอกสารรายงานการจับคุมผู้เสพความตายที่ถูกจับตัวมาวางอยู่บนโต๊ะของเด็กหนุ่มอยู่หลายแผ่น
แฮร์รี่หยิบรายงานปึกนั้นออกมาตรวจสอบดูความเรียบร้อย
พวกนี้จะเป็นนักโทษที่เขาต้องดูแลดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยสักหน่อย
เพราะตั้งแต่คิงส์ลีย์มารับหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีประจำกระทรวงเวทมนต์
เขาก็ได้ออกคำสั่งยกเลิกการใช้ผู้คุมวิญญาณในการคุมตัวนักโทษแล้วเปลี่ยนมาให้มือปราบมารทำหน้าที่นี้แทน
พวกเขาจึงต้องคอยแบ่งเวลาไปตรวจตราที่อัซคาบันบ้าง อีกสองอาทิตย์ก็คงจะเป็นคิวของแฮร์รี่
พรึ่บ
เสียงไฟลุกเหมือนเครือข่ายผงฟลูดังขั้นจากเตาผิงข้างตัว
แฮร์รี่หันไปมองผู้บุกรุกทันที
มีไม่กี่คนที่รู้วิธีที่จะเข้าถึงเตาผิงส่วนตัวอย่างนี้
“คุณมัลฟอย?”
เป็นแฮร์รี่ที่เอ่ยทักร่างที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าก่อน
“สวัสดี
คุณพอตเตอร์” นายลูเซียส มัลฟอยยกแขนที่เหลือข้างเดียวปัดๆ
ขี้เถ้าจากเตาผิงก่อนจะหันมาสบตากับแฮร์รี่
“สวัสดีครับ
คุณมาทำอะไรที่นี่... ในห้องของผม?”
แฮร์รี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปหาชายร่างสูงตรงหน้า มันเป็นการพบกันที่เขาไม่คาดฝัน.....
ไม่คาดฝันเลยจริงๆ
“หยุดเดรโกตามตัวโรลว์ซะคุณพอตเตอร์”
เสียงยานคางอันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านมัลฟอยเอ่ยออกมาจากใบหน้าเรียบเฉยที่ติดแววดูถูก
แววตาสีซีดที่เหมือนกับของลูกชายสบตากับแฮร์รี่อย่างจริงจัง
“แต่เป็นเพราะคุณไม่ใช่เหรอครับ
มัลฟอยถึงพยายามขนาดนี้... จนได้รับคำสาปน่ากลัวที่ถ้าผมไม่บังเอิญโผล่ไปหา เขาคงไม่รอด”
แฮร์รี่เอ่ยถามด้วยความงุนงง ก็เป็นเพราะนาร์ซิสซาไม่ใช่หรือที่ขอร้องแกมบังคับให้ลูกชายของเธอมาหาเขา
มาขอความร่วมมือจากเขา ต้นเหตุก็มาจากการที่ลูเซียสได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือยังไง
“ตอนแรกโรลว์ยังไม่ได้เข้าร่วมกับผู้เสพความตายที่เหลือแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
คุณพอตเตอร์ ฉันเองก็รู้สึกถึงกลิ่นอายศาตร์มืดขั้นรุนแรงจากตัวเดรโก
มันอันตรายเกินไป ฉันไม่อยากเอาลูกชายมาเสี่ยง” นายลูเซียสตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิมแต่แฮร์รี่สังเกตได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยในน้ำเสียงนั้น
คนบ้านมัลฟอยค่อยๆ
เปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่านะ....
“แล้วผมจะหยุดเขายังไง....
เขาไปไกลเกินกว่าที่คุณคิดแล้วนะครับคุณมัลฟอย” เมื่อแฮร์รี่เอ่ยจบ
นายลูเซียสก็นิ่งเงียบไปหลายนาทีก่อนจะบอกกับเขาว่าจะจัดการเองแล้วก็ใช้เครือข่ายผงฟลูจากไป
แต่ก่อนจากไปยังไม่วายเอ่ยคำพูดจิกกัด “เรื่องที่เธอเดทกับลูกชายฉัน
ฉันไม่ได้คิดว่ามันแย่นักหรอกนะคุณพอตเตอร์”
ลูเซียส
มัลฟอยจากไปแล้วตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแค่แฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิต
วีรบุรุษผู้โค่นจอมมาร ไม่ว่าเรื่องอะไรแฮร์รี่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
แต่ทำไมกับเรื่องขาวลือปลอมๆ นี่มันถึงทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกขนาดนี้กันนะ!
ให้ตาย
แม้แต่ลูเซียส มัลฟอยยังพูดแบบนี้! แล้วคนทั้งโลกจะพูดไปถึงไหนกัน เขาไม่อยากรู้เลยจริงๆ!!
_________________________________________________________
สวัสดีฮะ ขอโทษที่ปล่อยให้คอยยาวนานขนาดนี้นะฮะ
พอดีเราไม่ค่อนมีแรงบันดาลใจในการเขียนเลยหยุดเขียนสักพัก
ตอนนี้เรากลับมาแล้ว! พร้อมบทที่สาม : ข่าวลือ เย่!
ไม่รู้จะสนุกสมกับที่หลายๆ คนคาดหวังไหมนะ
แต่เราจะพยายามให้ทุกๆ คนสนุกสนานกับฟิคเรา
ส่วนบทที่สี่ก็คงต้องรอไปยาวๆ ยาวกว่ารอบทสามเลยล่ะ
ขอโทษอีกรอบสำหรับการปล่อยให้คุณๆ รอกันนะ แต่ก็ได้โปรดรอกันหน่อยนะฮะ
ปล. ทุกคอมเม้นต์มีความหมายสำหรับนักเขียนทุกคนนะฮะ
ขอบคุณคนที่อ่านถึงจะไม่เม้นต์ก็ตามด้วยนะฮะ แฮ่ ♥
ความคิดเห็น