ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic (yaoi) Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : Malfoy and Potter?

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 58




    Fic Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    _________________________________________________________

    Chapter 2 : Malfoy and Potter?

    มัลฟอยกับพอตเตอร์งั้นเหรอ?

     

     


         แฮร์รี่ได้แต่นั่งหน้าตึงอยู่ในร้านไม้กวาดสามอัน นี่มันเลยเวลานัดนานมากแล้วแต่หมอนั่นก็ยังไม่มาสักที ขวดบัตเตอร์เบียร์ว่างเปล่าเป็นขวดที่สี่ในขณะที่เขาเองก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้นับตั้งแต่มานั่งรอที่นี่ มาดามโรสเมอร์ทายังคงแวะเวียนมาถามไถ่ถึงการนัดแนะของเขาในครั้งนี้แต่ตัวเขาเองก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ เป็นการบอกปัด

     

          หากเจ้าหมอนั่นมา มาดามก็จะรู้เองแหละว่าใครนัดเขาไว้

     

          แต่เขาก็สงสัยว่าทำไมสถานที่นัดแนะถึงเป็นหมูบ้านฮอกส์มี้ดแทนที่จะเป็นที่อื่น ที่นี่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองลอนดอนอันเป็นที่ตั้งของกระทรวงเวทมนต์มาก หรือว่าหมอนั่นจะไม่อยากให้ใครเห็นว่าไปไหนมาไหนกับเขากัน.... แต่นี่มันร้านไม้กวาดสามอันนะ ไม่ว่าจะที่ไหนยังไงก็ต้องมีคนรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!

     

          จู่ๆ แฮร์รี่ก็รู้สึกถึงเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ถึงจะจับใจความไม่ออกว่าพูดถึงอะไรก็ตามแต่แฮร์รี่คิดว่าเขาควรทำตัวอยากรู้อยากเห็นสักหน่อย มันเป็นงานของมือปราบมารนี่นะเพราะมักจะมีข้อมูลแปลกๆ ในหมู่สมาคมนิยมการซุบซิบอยู่แล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นการพูดถึงผู้เสพความตายที่หลบหนีไปก็ได้

     

          แฮร์รี่ยังจำใบประกาศจับผู้เสพความตายตัวเบ้งหลายรายที่แปะตามผนังหรือกำแพงทั่วทั้งโลกเวทมนต์ได้เป็นอย่างดี คนที่ออกใบประกาศจับก็ไม่พ้นพวกเขานั่นแหละ และถ้าหากที่คนในร้านพูดถึงผู้เสพความตายจริงๆ ล่ะก็เขาจะได้รวบรวมข้อมูลไปสอบถามในกระทรวงได้ภายหลัง

     

          “พอตเตอร์” เสียงเรียกยานคางเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงซุบซิบ ในที่สุดพ่อเจ้าพระคุณที่นัดเขาไว้ก็มาสักที

     

          แฮร์รี่หันหลังกลับไปมองคนตัวซีดในชุดเสื้อคลุมพ่อมดสีดำเต็มยศก่อนจะพูด “มัลฟอย”

     

          “แกมัวนั่งบื้อทำอะไรอยู่ ไปกันได้แล้ว” มัลฟอยว่าก่อนจะเดินสะบัดผ้าคลุมออกจากร้านไม้กวาดสามอันทันที ในขณะที่แฮร์รี่นั้นฉุนกึ่กจนอยากสาปให้เจ้าหมอนั่นกลายเป็นเฟอร์เร็ตอีกรอบให้รู้แล้วรู้รอด แล้วที่ให้เขามานั่งรอในร้านตั้งสองชั่วโมงนี่มันหมายความว่าอะไร

     

          แฮร์รี่รู้สึกคันมืออยากสาปมัลฟอยขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว

     

          “แฮร์รี่ พอตเตอร์คนนั้นกับผู้เสพความตายกลับใจ พวกเขาเป็นเพื่อนกันเหรอ!?”

     

          “งั้นที่เขาลือกันว่าคนบ้านมัลฟอยเปลี่ยนใจเพราะแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ”

     

         “คนหนึ่งคือวีรบุรุษ อีกคนคนผู้แปรพักตร์ นี่มันภาพหาดูยากจริงๆ เลยนะเนี่ย!”

     

         แฮร์รี่หันหลังให้กับคำซุบซิบนินทาที่ได้ยินมาเต็มสองรูหูอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะก้าวอาดๆ ตามมัลฟอยไป ตัวเขาชินเสียแล้วกับการถูกเอ่ยถึงไม่ว่าจะในทางที่ดีหรือทางที่เลวร้าย เด็กหนุ่มยังจำครั้งล่าสุดที่เขาถูกเรียกว่าคนโกหกได้เป็นอย่างดี เขาเจ็บใจที่ไม่มีใครเชื่อทั้งๆ ที่เขาพยายามจะบอกทุกคนว่าโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว

     

          แต่มันก็ห้าปีมาแล้วล่ะนะที่โวลเดอมอร์หายไปจากโลกนี้และเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บแผลบนหน้าผากมานับแต่นั้น แฮร์รี่คิดว่านี่คงเป็นเรื่องดีๆ อีกเรื่องหลังจบสงคราม สภาพจิตใจเขาดีขึ้นตามลำดับแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปผูกพันกับใครมากขนาดนั้นอีก เขากลัว.... เพราะเขาไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอีก

     

          แฮร์รี่ไม่อยากสูญเสียใครอีกต่อไปแล้ว

     

          แม้แต่กับพวกรอนเองแฮร์รี่ยังพยายามทิ้งระยะห่าง เขารู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกแต่ก็เป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่ไม่พร้อม รอนเองก็ไม่ทันได้สังเกตแต่เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนฉลาด เธอรู้ทันเขา.... รู้ทันเขาหมดนั่นแหละ เธอปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักระยะแล้วค่อยเทียวมาหาทุกๆ วันหยุดสุดสัปดาห์

     

          ตัวเขาที่สภาพจิตใจดีขึ้นสาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะเพื่อนสาวคนนี้ด้วย ต้องขอบคุณเฮอร์ไมโอนี่จริงๆ

     

          “นั่นนายจะเดินไปไหนกันมัลฟอย” แฮร์รี่หยุดความคิดตัวเองก่อนจะเอ่ยถามคนที่เดินนำอยู่ไม่ไกล เขารู้สึกว่าเส้นทางนี้ไม่มีคนอยู่รอบๆ เลย

     

          “แกอย่าถามอะไรเยอะแยะนักได้ไหมพอตเตอร์ เดี๋ยวก็รู้เอง” มัลฟอยตอบทั้งๆ ที่ยังเดินนำหน้าเขาอยู่ เขารู้สึกไปเองหรือเปล่าที่เห็นว่าระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าหมอนั่นมันลดลง

     

          แฮร์รี่เดินตามแผ่นหลังตั้งตรงนั้นไปจนกระทั่งเขาจำได้ว่าจุดหมายปลายทางที่มัลฟอยหมายตาไว้คืออะไร “เพิงโหยหวน? นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”

     

          “ตามมาพอตเตอร์” มัลฟอยไม่เพียงแค่เมินเฉยต่อคำถามของเขาเจ้าตัวยังเดินลิ่วๆ เข้าไปในเพิงโหยหวนทันที

     

          แฮร์รี่กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเดินตามไป มัลฟอยลดความยียวนชวนหาเรื่องลงก็จริงแต่ท่าทางที่ไม่แยแสเขาแบบนี้นี่มันน่าโมโหเป็นบ้าเลย หมอนั่นจะตั้งตัวเป็นศัตรูเขาอีกนานแค่ไหนกัน โอเค เขาไม่ได้คาดหวังจะเป็นเพื่อนกับหมอนั่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากเป็นคู่แค้นกับหมอนั่นตลอดไปสักหน่อย เป็นคนรู้จักธรรมดาที่เจอหน้ากันแล้วทักทายพอเป็นพิธีแค่นี้มันจะเป็นไปไม่ได้เลยหรือไง

     

          “จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหมพอตเตอร์ โซฟามีให้นั่งทำไมไม่นั่งหรือคนอย่างแกไม่อยากจะนั่งร่วมกับฉันกัน” มัลฟอยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวน แฮร์รี่จึงเห็นว่าเจ้าตัวลงไปนั่งกับโซฟาหนังตัวใหญ่ที่ตั้งวางอย่างเป็นระเบียบ

     

          “ช่างฉันเถอะ เข้าเรื่องมาเลยดีกว่ามัลฟอย อย่าพูดนั่นพูดนี่ให้เสียเวลา นายทำฉันเสียเวลามามากแล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างไม่พอใจก่อนกระแทกตัวนั่งโซฟาตรงข้ามกับเด็กหนุ่มอีกคน

     

          “ฉันไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไรที่แกตอบรับคำขอของแม่ฉัน ที่ต้องนัดแกมาทั้งๆ ที่แกตอบรับคำขอไปแล้วล่าช้าถึงหนึ่งอาทิตย์เพราะฉันได้ข้อมูลของผู้เสพความตายคนอื่นจากพ่อเลยเสียเวลาไปล่ามันแทนพ่อฉันที่บาดเจ็บอยู่” มัลฟอยเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ นัยน์ตาสีเทาซีดไหววูบเล็กน้อยยามเอ่ยถึงบิดา

     

          “และวันนี้ที่ฉันมาช้าเพราะได้อุบัติเหตุนิดหน่อย” มัลฟอยว่าก่อนจะเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง แฮร์รี่ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมที่เจ้าหมอนี่ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนิดหน่อยแล้วที่แปลกก็คือเขาไม่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่เป็นเครื่องประดับหน้าของมัลฟอยมาสักพักแล้วด้วย!

     

          “แล้วยังไง” เขาถามต่อเมื่อเห็นมัลฟอยเงียบอยู่นาน ใบหน้าซีดนั้นดูซีดเหมือนกระดาษเข้าไปใหญ่ แฮร์รี่อดคิดไม่ได้ว่าคนตรงหน้าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า

     

          “เรื่องของโรลว์ใช่ไหมที่นายจะมาคุยกับฉัน” เด็กหนุ่มเอ่ยออกไปในที่สุดเพราะจุดประสงค์ของมัลฟอยคงไม่ใช่อยากจะมากวนเขาเล่นๆ หรอก มันก็มีอยู่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

     

          “ใช่ ฉันเจอที่กบดานของมันแล้ว อยู่ไม่ไกลจากกระทรวงเลยด้วยซ้ำ ใครจะคิดว่ามันอยู่ใกล้ขนาดนี้กัน ดูเหมือนว่าภายในกลุ่มของมันมีเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อย โรลว์มันเลยฆ่าผู้เสพความตายที่เหลือ ฉันไปเจอก็แค่ร่างไร้ลมหายใจของพวกมันส่วนโรลว์ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว” แล้วมัลฟอยก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เส้นผมสีบรอนด์เริ่มหลุดลุ่ยไม่เป็นทรงหรือจริงๆ มันไม่เป็นทรงมาแต่แรกแล้วกันนะ

     

          ด้วยระยะที่ไม่ได้ไกลกันมากนักทำให้แฮร์รี่สังเกตความผิดปกติของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เขาไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ ใบหน้าซีดนั้นมีเหงื่อเกาะอยู่ไม่น้อย คิ้วนั่นก็ขมวดแน่นเสียน่าตกใจ ฝ่ามือสองข้างก็ประสานกันแน่นอย่างอดกลั้นอะไรบางอย่าง

     

          “มัลฟอย นายเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามออกไปอย่างใคร่รู้

     

          “ไม่ใช่เรื่องของแก พอตเตอร์ ไสหัวไปได้แล้ว!” อีกฝ่ายนั้นได้ยินก็ดูเหมือนจะโกรธเขามาก มัลฟอยตะคอกเสียงดังก่อนหอบหายใจน้อยๆ

     

          “ตามใจนายแล้วกัน! ที่นัดมาอยากจะพูดแค่นี้ใช่ไหม ลาก่อน!” แฮร์รี่เองเมื่อถูกตะคอกใส่อย่างไร้เหตุผลก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที คนเขาอุตส่าห์ถามไถ่อย่างหวังดี ในเมื่อเป็นแบบนี้จะเป็นอะไรก็ช่างนายแล้วกันมัลฟอย!

     

          แฮร์รี่ลุกจากโซฟาแล้วหายตัวไปในทันที ใบหน้ายามก่อนหายตัวไปของเขานั้นดูเหมือนอยากจะชกมัลฟอยสักหมัดสองหมัด แต่ก็ได้แค่มองตาขวางแล้วหายตัวไปในที่สุด

     

     

     

     

          ในเพิงโหยหวนที่บัดนี้น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของมัลฟอยก็เหลือเพียงแค่เด็กหนุ่มที่นั่งหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

     

          เด็กหนุ่มที่ว่าถอดเสื้อคลุมสีดำสนิทออกจากตัวโยนไปมุมห้องทันที เขาก้มมองเสื้อคอเต่าสีดำที่สวมอยู่ ปรากฏรอยไหม้เป็นทางที่ทะลุไปถึงตัวเขา เดรโก มัลฟอยมองความเสียหายอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆ เลิกเสื้อขึ้นอย่างระมัดระวัง

           

          “โอย” เขาครางออกมาอย่างอดไม่ได้ รอยไหม้ลวดลายแปลกๆ บนหน้าท้องฝั่งขวาเริ่มจะลามไปยังแผ่นหลัง หัวไหล่และหน้าอก เจ็บ... เดรโกคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป การร้องลั่นแสดงออกถึงความเจ็บปวดมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าดู ถึงตัวเขาในสมัยก่อนทำสิ่งไม่น่าดูอย่างนั้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม เขาอดตำหนิตัวเองไม่ได้ อ่อนแอ น่าสมเพชและพึ่งพาไม่ได้เลยจริงๆ

     

          แต่ตัวเขาในตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้อ่อนแอ หลงทางอยู่ภายใต้เงาบิดาอีกแล้ว เขาเปลี่ยนไปทีละนิด อย่างน้อยเขาคิดอย่างนั้น

     

          “ชิ” เดรโกสบถอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขามาตามนัดพอตเตอร์ล่าช้า เขาไม่น่าพลาดเลยจริงๆ ยิ่งนึกถึงเด็กหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น ถ้าเขาไม่บังเอิญไปพบกับโรลว์ขณะตามรอยมันต่อหน้าพวกมักเกิ้ล ป่านนี้เขาคงสำเร็จโทษมันด้วยตัวเองไปแล้ว

     

          ในใจเดรโกอยากจะร่ายคำสาปใส่โรลว์ใจจะขาดแต่มันติดที่มีเด็กหญิงมักเกิ้ลอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เด็กคนนั้นเกะกะเขาจริงๆ ในระหว่างที่เขามองเด็กคนนั้นว่าจะจัดการยังไงดีโรลว์ก็ร่ายคาถาอะไรก็ไม่รู้ใส่ตัวเขาแล้วหายวับไป ต่อหน้าต่อตาเขาเลย!

     

          เดรโกคิดจะหายตัวตามไปแต่ติดตรงเด็กมักเกิ้ลคนนั้น เธอเดินกล้าๆ กลัวๆ เข้ามาหาเขาก่อนจะบอกว่า “พี่ชายเลือดไหลแน่ะค่ะ” เขาถึงได้สังเกตว่าบนพื้นมีของเหลวสีคล้ำเปื้อนอยู่ เห็นดังนั้นจึงก้มไปมองบนร่างกายตัวเองถึงได้พบว่าไอ้ของเหลวที่ว่าต้นเหตุมาจากตัวเขานี่เอง

     

          ยัยเด็กผมทองนี่ก็ตื้อไม่เลิก เดินจูงมือเขาไปบ้านมักเกิ้ลของตัวเองหน้าตาเฉย! นั่นทำให้เขาเสียเวลามากกว่าการปะทะกับโรลว์เสียด้วยซ้ำ! เพราะยัยเด็กคนนี้พยายามขอร้องให้เขาทำแผลแต่เขาปฏิเสธหนักแน่นแถมยังมาชวนเขาคุยนั่นคุยนี่พลางจิบน้ำชากับเลม่อนเค้กยามบ่ายจนเขาลืมเวลาไปเลย นี่มันแย่ชะมัด เขาเองก็ได้แต่ใช้สายตาแสดงความรำคาญแต่ยัยเด็กนี่กลับทำเป็นมองไม่เห็น มันน่าสาปนัก!

     

          สุดท้ายเขาก็ทนฟังยัยเด็กที่ชื่อมาการ์เร็ตได้ไม่นาน(อันที่จริงก็นาน) เขาจึงเดินออกจากบ้านมักเกิ้ลหลังเล็กและหายตัวไปยังฮอกส์มี้ดทันที แล้วผลของไอ้คาถาที่โรลว์ร่ายใส่ก็เพิ่งจะมีผลตอนที่เขาหายตัวนี่แหละ ความแสบร้อนที่แผดเผาช่วงท้องแล้วลามไปเรื่อยๆ เจ็บจี๊ดไปถึงสมอง เดรโกที่กำลังหายตัวทำได้แค่กัดฟันแน่นเท่านั้น


         ความเจ็บปวดที่ไม่แน่ว่าอาจรุนแรงกว่าคำสาปกรีดแทงนั้นทำให้เขาแทบจะเดินเป็นเส้นตรงไม่ไหวแต่จะแสดงท่าทางอ่อนแอให้พอตเตอร์เห็นไม่ได้เด็ดขาด! เขาจึงฝืนทนไปพบพอตเตอร์ทั้งๆ ที่ตัวเขาก็ยังเจ็บปวดอยู่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเห็นพอตเตอร์แสดงความสมเพชเขาต่อหน้า

     

          “ความปรารถนาดีของแก ฉันไม่ต้องการพอตเตอร์” เดรโกพึมพำกับตัวเองก่อนจะกัดฟันกลั้นความเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อไอ้รอยไหม้ประหลาดขยายวงกว้างและลากยาวไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาโยนเสื้อคอเต่าทิ้งไปมุมห้องอีกตัวแล้ว ทั่วทั้งร่างซีดเผือกอย่างผิดปกติ เหงื่อไหลซึมกายมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนใกล้จะหมดสติยังไงก็ไม่รู้แฮะ

     

          แล้วทุกอย่างที่ดับมืดไปพร้อมกับร่างสูงที่ล้มลงนอนนิ่งบนโซฟาตัวใหญ่

     

     

     

     

          มืด.... หนาว... หนาวจังเลย

     

         แม่ครับ แม่ครับ... แม่อยู่ไหน

     

         พ่อ.... พ่อช่วยผมด้วย

     

         อะวาดรา เคดราฟร- -

     

          เฮือก!

     

          เด็กหนุ่มหอบหายใจอย่างหนักหน่วง จมูกสูดอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดอย่างกระหาย เหงื่อผุดเต็มใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เส้นผมสีบรอนด์ปรกลงมาที่หน้าผากเพราะหยาดเหงื่อ นัยน์ตาซีสีดแสดงอาการหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด

     

          เดรโกสูดหายใจเข้าช้าๆ พยายามรวบรวมสติ ในที่สุดเข้าก็รู้ว่าที่แท้เขาก็แค่ฝันร้าย ฝันร้ายที่จบไปแล้ว ฝันร้ายที่ไม่มีอีกแล้ว เขาเพิ่งจะรู้ตัว... จริงๆ เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วจิตใต้สำนึกเขาหวาดหวั่นต่อจอมมารแค่ไหน เขากลัวที่จะตายมากขนาดไหน

     

          เดรโก มัลฟอยก็ยังเป็นเด็กหนุ่มน่าสมเพชไม่เปลี่ยนแปลง แต่มันแปลกตรงไหนหรือที่จะหวาดกลัวต่อความตาย...

     

          “หึ” เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะอย่างขมขื่น สองมือยกขึ้นปิดตาอย่างเหนื่อยล้า สำหรับเด็กที่โตมากับการถูกตามใจแบบเขา การทำอะไรเองจริงๆ จังๆ มันออกจะเกินตัวไปหน่อยจริงๆ สินะถึงได้ฝันอะไรเป็นตุเป็นตะขนาดนี้

     

          “ตื่นแล้วเหรอมัลฟอย นายนี่แทบจะสลบข้ามวันไปแล้วนะ” เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากด้านหลัง เดรโกสะดุ้งสุดตัว เขาเพิ่งรู้... ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ใคร... ใครมันกล้าเข้ามาในเพิงโหยหวนแบบนี้ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะกำไม้กายสิทธิ์ที่เขาไม่รู้ว่าเผลอคว้าออกมาจากเสื้อคลุมตั้งแต่เมื่อไร

     

          “ถ้าไม่ใช่ว่าฉันลืมสมุดจดบันทึกงานของฉัน ฉันคงไม่ย้อนกลับมาแล้วเห็นนายนอนตัวซีดเหมือนคนตายหรอกมัลฟอย!” เสียงที่ว่ากระแทกกระทั้นใส่เขาอย่างใส่อารมณ์ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าคนที่บุกรุกมายังเพิงโหยหวนคือใคร.... วาจาร้ายกาจและน้ำเสียงดูถูกกระแทกกระทั้นแบบนี้ มีอยู่คนเดียว ไม่สิ มีอยู่สองสามคนที่พูดแบบนี้กับเขา

     

          “หุบปากพอตเตอร์” เดรโกตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนจะพบว่าเขารู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ความเจ็บปวดในร่างกายหายไปแล้ว เขาก้มมองร่างกายตัวเองก็กับพบลวดลายแปลกๆ บนร่างกาย เขาหันไปมองยังแผ่นหลังตัวเองแล้วพบว่าทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาก็เต็มไปด้วยลวดลายประหลาดนี่

     

          “นายรู้ตัวหรือเปล่ามัลฟอยว่าที่นายโดนมันเป็นคาถาศาสตร์มืดขั้นรุนแรงถึงชีวิต โชคดีแค่ไหนที่ฉันรู้วิธีแก้นายเลยยังไม่ตายนี่ไง มันเลยทิ้งแค่ลวดลายนิดหน่อย” พอตเตอร์พล่ามไม่หยุดจนเขาเริ่มรำคาญ เจ้าหมอนี่มันพูดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

     

          ด้วยความไม่ชอบใจส่วนตัวบวกกับอาการเหนื่อยล้าที่สะสมมาสักพัก เด็กหนุ่มจึงออกปากไล่คนที่อยู่ด้านหลังอีกครั้ง “ใครถามนายพอตเตอร์ กลับไปซะ”

     

          “ทำอย่างกับฉันอยากอยู่กับนายตาย!” พอตเตอร์เอ่ยกระแทกกระทั้นก่อนจะใช้คาถา วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า เอาข้าวโอ๊ตอุ่นๆ มาไว้ตรงหน้าเขา “กินซะ จะได้ไม่แห้งตายอยู่ที่นี่”

     

          หลังจากเห็นเขานั่งนิ่งไม่แตะอาหารอยู่นาน พอตเตอร์จึงถอนหายใจก่อนจะพึมพำทำนอง ช่างหัวนายเถอะ มัลฟอย ก่อนจะหายตัวออกจากเพิงโหยหวนไป ในจังหวะที่พอตเตอร์หายตัวไปชามข้าวโอ๊ตก็ตกลงสู่เบื้องล่างทันที ....ยังดีที่เขารับไว้ทัน

     

          เมื่อได้กลิ่นหอมๆ ของข้าวโอ๊ตเดรโกก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาหิวเหลือเกิน เขาจึงตักข้าวโอ๊ตเข้าปากทันทีและเขาก็เพิ่งจะพบว่ารสชาติของข้าวโอ๊ตนี่มันถูกปากเขามากกว่าที่แม่ทำให้กินเสียอีก

     

          “ฉันไม่ขอบคุณแกหรอกนะพอตเตอร์” เด็กหนุ่มพูดเบาๆ ก่อนจะทานข้าวโอ๊ตจนหมด เขาลุกขึ้นก่อนจะโบกไม้กายสิทธิ์เรียกเสื้อคลุมสีดำกับเสื้อคอเต่ามาสวมใส่แล้วหายตัวกลับคฤหาสน์พร้อมถ้วยข้าวโอ๊ตในมือที่เขามารู้สึกทีหลังว่ามันยังอยู่ในมือเขาตอนถึงคฤหาสน์แล้ว

     

         

     

          เช้าวันถัดมาในขณะที่เดรโกกำลังคิดวิธีบุกจับตัวทอร์ฟินน์ โรลว์ เสียงเรียกของนาร์ซิสซาพร้อมกับเสียงเคาะเบาๆ ก็ดังขึ้นหน้าประตูห้องนอน เขาเดินไปเปิดประตูให้มารดาก่อนจะเห็นใบหน้าที่ฉายแววประหลาดใจของผู้เป็นแม่ เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรมารดาก็ชิงพูดเสียก่อน “เดรโกเมื่อวานลูกไปทำอะไรมา”

     

          “ทำอะไร? ผมทำอะไร? หมายความว่ายังไงครับแม่” เดรโกทวนถามเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ

     

          “ดูในเดลี่ พรอเฟ็ตเอาแล้วกันลูกรัก” ผู้เป็นแม่บอกเสียงเบาก่อนจะเดินออกไปพร้อมปิดประตูลงอย่างมีมารยาท

     

          ลับหลังนาร์ซิสซาไม่นานเดรโกก็หยิบหยังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ขึ้นมาดูทันที

     


    แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้พิชิตจอมมาร นัดพบ เดรโก มัลฟอย ผู้เสพความตายกลับใจงั้นหรือ?

        

    พวกเขากลายเป็นพันธมิตรต่อกันเพื่อจับกุมผู้เสพความตายดังข่าวลือจริงหรือไม่?

     

    หรือแท้จริงแล้วพวกเขาแค่กำลังเดทกันลับๆ แต่ไม่อยากให้ใครรู้กันแน่!?

    โปรดอ่านต่อในหน้าแปด

     

                    

          เดลี่ พรอเฟ็ตในมือเดรโกมีไฟลุกพรึ่บและเหลือแต่เศษขี้เถ้าทันทีที่เจ้าตัวอ่านข้อความบนหน้าแรกของเดลี่ พรอเฟ็ตจบ ไหนจะมีรูปภาพเคลื่อนไหวที่พอตเตอร์หันมามองเขาอีก นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! เดรโกสบถลั่นในใจอย่างหงุดหงิด

     

          ซึ่งก็ไม่ต่างจากบ้านเลขที่สิบสอง กริมโมลด์เพลซเลยสักนิด แฮร์รี่ พอตเตอร์เองก็โวยวายเสียงดังลั่นก่อนจะโยนหนังสือพิมพ์เช้าวันนี้ใส่เตาผิงอย่างเดือดดาล ทิ้งให้เอลฟ์ประจำบ้านชรามองเจ้านายด้วยความงุนงง

     

          _________________________________________________________



    สวัสดีฮะ~ ตอนที่สองมาแล้ว เย่~

    จริงๆ เราเขียนไปเขียนมาก็ชักจะงงๆ ว่าข้อมูลที่เราอิงมาด้วยเนี่ยมันถูกต้องจริงไหมน้อ

    แต่ก็เอาเป็นว่าอะไรที่เราผิดพลาดก็ช่วยคอมเม้นท์บอกด้วยแล้วกันเนอะ จะได้แก้ไขให้ดีขึ้น!

    ตอนที่สองก็ยังไม่มีอะไรเท่าไร แค่มัลฟอยเขาไม่ได้รังเกียจมักเกิ้ลเท่าเดิม (ดูจากการแอบเอ็นดูยัยหนูมาการ์เร็ต)

    (พยายาม)ไม่ดูถูกพ่อมดแม่มดที่เป็นลูกมักเกิ้ลอย่างน่าเกลียดอีกแล้ว (แต่ยังไม่ได้เขียนถึงตรงนี้คนอ่านเลยอาจยังไม่ทราบ)

    คือเราพยายามเขียนแบบไม่ให้แฮร์รี่เป็นเคะแบบเคะจ๋าอ่ะนะ 

    พยายามนึกภาพแฮร์รี่ในหัวตอนพิมพ์แต่เหมือนไม่ช่วยอะไรเท่าไร (ร้องไห้)


    ตอนนี้น่าจะจบได้ฮาพอสมควรเนอะ

    เราอยากให้คนอ่านอ่านฟิคเราแล้วมีความสุขอ่ะ ไม่รู้จะมีความสุขกันไหม 555555


    อย่างไรก็ตามนี่คือแฟนฟิค อะไรบางอย่างก็เขียนเพิ่มเติมไม่มีอยู่จริงตามต้นฉบับหรืออาจมีอยู่แต่ไม่ถูกพูดถึงก็ได้!

    ส่วนบทที่สามรอกันไปยาวๆ หน่อยนะฮะ มันยัง in process อยู่เลย (ถ้ามีคนรออ่ะนะ ฮา)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×