คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รอยรัก
“เป็นไง เหนื่อยมั้ยหมูยอ”
เสียงผู้จัดการหนุ่มเอ่ยถามออกมาหลังจากให้เวลานักร้องหนุ่มได้พักทานน้ำและของว่างไปแล้วหลังจากการแสดงคอนเสิร์ตย่อยๆของเขาเสร็จสิ้นลง
“ก็ไม่เท่าไหร่ครับพี่”
ชายหนุ่มหันกลับมาตอบด้วยรอยยิ้มแล้วจัดการเก็บของขวัญเล็กๆน้อยๆที่แฟนคลับนำมามอบให้เขาลงกระเป๋าใบใหญ่ของตนทีละชิ้นอย่างทะนุถนอมเพราะเขาถือว่าของทุกชิ้นที่ได้มา แม้จะไม่มีราคาค่างวดแต่มันก็เป็นน้ำใจจากคนที่รักและชื่นชมเขาจากใจจริง
“จะเอาของไปเก็บไว้ที่ไหนหมดน่ะ พี่ว่ามันเริ่มเยอะขึ้นทุกวันแล้วนะ”
ผู้จัดการหนุ่มเอ่ยแซว เพราะทราบดีว่าชายหนุ่มไม่เคยทิ้งของขวัญที่แฟนคลับของตนเองให้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ยกเว้นจะเป็นพวกของกินทั้งหลายที่เขามักจะเอามันออกมานั่งทานในตอนที่อยู่บนรถแล้วเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างกับพวกดอกไม้สดที่เหี่ยวแห้งไปตามกาลเวลาเท่านั้น
“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละพี่ แต่ให้ทิ้งก็ทำใจไม่ลง เพราะเขาตั้งใจหามาให้ สงสัยผมคงต้องสร้างบ้านเพิ่มให้ของพวกนี้มันอยู่ซะแล้วล่ะ”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างติดตลกขณะส่งช๊อคโกแลตชิ้นเล็กที่เพิ่งได้มาจากแฟนคลับคนหนึ่งเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“พูดเป็นเล่นไปเดี๋ยวก็ได้ทำจริงๆหรอก แฟนคลับนายน่ะเยอะขึ้นทุกวัน”
แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ผู้จัดการหนุ่มก็อดที่จะดีใจแทนนักร้องในสังกัดของตนเองไม่ได้ ที่เขาประสบความสำเร็จเกินคาดในระยะเวลาเพียงไม่นานหลังจากที่เปิดตัวด้วยการแสดงละครหลังข่าวเรื่องหนึ่ง
“ก็ดีสิพี่ ไปเรากลับกันดีกว่า พรุ่งนี้มีงานตอนเช้า ผมไม่อยากตื่นสาย”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปชวนผู้จัดการหนุ่มหล่อของตนเองกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ทางบริษัทจัดเอาไว้ให้ เพราะเห็นว่าได้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปพักผ่อนเสียทีหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการตระเวนสายร้องเพลงตามงานต่างๆมาตลอดทั้งวัน
“ไปสิพี่เองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
สบโชคพยักหน้าเห็นด้วยแล้วจึงหันไปหยิบกระเป๋าใบใหญ่ของนักร้องหนุ่มขึ้นมาถือเอาไว้ก่อนที่เดินนำหน้าไป
ทันทีที่เรศวร์นดลอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็เดินไปล้มตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่มของตนเองอย่างอ่อนแรง ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปปิดไฟดวงเล็กที่หัวเตียงแล้วหลับตาลง หวังจะให้ความอ่อนเพลียที่พบเจอมาตลอดทั้งวันนำพาเขาเข้าสู่ห้วงนิทรา
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่ใจต้องการ เพราะนอกจากชายหนุ่มจะไม่สามารถเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างที่ต้องการแล้ว ใจอันแสนดื้อดึงของเขายังหวนไปคิดถึงกรวิภา...อดีตคนรักเก่าที่เคยทำให้เขาเจ็บเจียนตายเพราะการตัดสินใจของเธอ
เรศวร์นดลพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงกว้างเกือบห้านาทีก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้นมาเปิดไฟดวงเล็กที่ติดอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาคมหวานทอดมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอนของตนเองอย่างไร้จุดหมายเป็นเวลานานหลายนาที ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอี้ยวตัวไปหยิบรูปถ่ายใบใหญ่ที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะหัวเตียงอีกฝั่งขึ้นมา
เขาจ้องมองลงไปในดวงตาใสแจ๋วราวกับกวางป่าของเธอแล้วส่งยิ้มเศร้าๆให้กับคนในรูปเหมือนกับที่เคยทำเป็นประจำในทุกวัน หลังจากที่เธอตัดสินใจเดินจากเขาไป
“ผมคิดถึงคุณนะวี คิดถึงช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน คิดถึงรอยยิ้ม คิดถึงเสียงหัวเราะคิดถึงมืออุ่นๆของคุณ...”
ชายหนุ่มพึมพัมออกมาเบาๆ ขณะค่อยๆปิดเปลือกตาของตนเองลงเพื่อซ่อนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเอาไว้ข้างใน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าป่านนี้เธอคงกำลังมีความสุขอยู่กับคนที่เธอรักไม่เหมือนกับเขาที่ยังปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันหวนกลับ
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าความเป็นจริงไม่เป็นดั่งเช่นที่เขาคิด เพราะแทนที่หญิงสาวจะมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของคนรักอย่างที่ควรจะเป็น เธอกลับกำลังทุกข์ตรมอยู่ในคราบน้ำตา
คฤหาสน์ธรรมรงค์ดาว
“ไสหัวออกไปให้พ้นจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไป๊!”
กรวิภาตวาดออกมาเสียงดังลั่น ดวงตาวาวโรจน์ราวกับเปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบกายให้วอดวายไปภายในพริบตาจ้องมองสามีและคู่ขาคนใหม่ของเขาอย่างชิงชัง ริมฝีปากบางของเธอสั่นระริกจนเจ้าตัวต้องขบมันเอาไว้แน่น
แน่น...จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงรสฝืดเฝื่อนและกลิ่นคาวเลือดที่ซึมออกมาจากบาดแผล
สองมือของเธอกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนออกมา เล็บเรียวสวยที่เคลือบเอาไว้ด้วยสีของน้ำยาทาเล็บชั้นดีจิกลงไปบนผ่ามือบางจนเกิดเป็นรอยแดงช้ำ
“วีจะโวยวายอะไรนักหนา จีจี้เขาก็แค่แวะมาเที่ยวบ้านเราก็เท่านั้น เรื่องแค่นี้ทำไมวีต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วย ไม่เข้าท่าจริงๆ”
นภคุณกล่าวเชิงตำหนิที่เห็นภรรยาตนเองกำลังจะกลายร่างเป็นยักษ์วัดแจ้งเมื่อเธอเห็นเขาพาจีรนันทร์มาพักค้างคืนในบ้าน ระหว่างที่เธอไม่อยู่
“บ้านเรา!!... พี่นภเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า บ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของวี ไม่ใช่บ้านของพี่ พี่ไม่มีสิทธิ์พามันเข้ามาในบ้านหลังนี้ ถ้าอยากนักพี่ก็พามันไปมั่วที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่!” หญิงสาวหยุดหายใจก่อนที่จะเอ่ยต่อ
“บ้านวีไม่ใช่โรงแรมที่พี่จะหิ้วอีตัวที่ไหนมานอนก็ได้รู้เอาไว้ซะด้วย!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะวี จีจี้เขาไม่ใช่อีตัวนะ”
นภคุณออกรับแทนคู่ขาสาวอย่างออกหน้าออกตาจนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายถึงกับยืนนิ่งไปชั่วขณะ
“ฮึ...จะใช่หรือไม่ใช่มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก เพราะยังไงมันก็ร่านมาหาผู้ชายถึงบ้าน...”
กรวิภาแค่นยิ้มออกมาขณะปรายตามองไปยังหญิงสาวที่ชื่อจีรนันทร์อย่างดูถูกเหยียดหยามทั้งๆที่ในใจของเธอกำลังรู้สึกร้าวรานปานจะแตกสลายไปในพริบตา
“หยุดพูดได้แล้ววี ยิ่งพูดผมยิ่งขยะแขยงในตัวคุณ”
“งั้นก็ออกไปสิ ออกไปจากบ้านของวี ไป๊” หญิงสาวตวาดกร้าวพลางชี้นิ้วไล่สามีของตนเองราวกับกำลังไล่หมูไล่หมาตัวหนึ่ง
“แล้วถ้าผมไม่ไป คุณจะทำอะไรได้” ผู้เป็นสามีเอ่ยสวนออกมาด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“ไม่ไปใช่มั้ย ได้!!!...”
สิ้นเสียงกรวิภาก็คว้าแจกันแก้วใบสวยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะรับแขกขึ้นมาแล้วขว้างมันออกไปอย่างแรง หวังจะให้มันได้ชิมเลือดของชายโฉดกับหญิงชั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้า เพราะความอดทนที่มีมาช้านานหมดสิ้นลงไปตั้งแต่ตอนที่เธอก้าวเท้าเข้ามาในบ้านแล้วเจอสามีของตนเองกำลังกอดจูบลูบคลำผู้หญิงแปลกหน้าบนโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องรับแขกอย่างไม่อายฟ้าดิน
เมื่อเห็นแจกันแก้วใบสวยลอยลิ่วมา นภคุณก็รีบดึงมือหญิงสาวรูปร่างแบบบางที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างกายให้หลบออกมาจากรัศมีของมัน
แจกันใบสวยที่เคยตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะไม้สักทองฝังมุขกลายกลับกลายเป็นแค่เศษแก้วไร้ค่าไปในพริบตา เมื่อมันกระทบเข้ากับพื้นหินอ่อนที่ขัดจนเงาวับแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดอกกุหลาบสีแดงสดหลายดอกที่เคยปักอยู่ในนั้นกระจายอยู่บนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำและเศษแก้วแหลมคมที่กระจายตัวอยู่โดยรอบ
ฝ่ายกรวิภาเมื่อเห็นสามีของตนเองออกโรงปกป้องผู้หญิงคนอื่นอย่างออกหน้าทั้งๆที่ไม่ควรจะกระทำ อารมณ์ที่เปรียบดั่งเปลวเพลิงของเธอก็ยิ่งลุกโหมแรงมากขึ้น
เธอจ้องมองสองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดและอาฆาต ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากนายพรานใจร้ายที่กำลังไล่ล่าเอาชีวิตมัน พลางคิดว่าไม่คิดเลยว่าคนที่เธอรักจะทำกับเธอได้ถึงขนาดนี้ เธอไม่อยู่บ้านเพียงแค่ไม่กี่วันแต่เขากลับพาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนเท้าคนนี้เข้ามาในบ้านของเธอ ซ้ำยังปกป้องกันอย่างออกหน้าออกตาจนไม่เห็นหัวเจ้าของบ้านที่เป็นเมียแต่งอย่างเธอ
แจกันแก้วใบสวยที่เปรียบเสมือนความซื่อสัตย์และความไว้วางใจได้แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ กุหลาบงดงามหลายดอกที่เปรียบเสมือนความรักของเธอถูกทอดทิ้งให้ชอกช้ำท่ามกลางเศษแหลมคมแห่งความไว้วางใจและรอยคราบน้ำตาที่กำลังหลั่งริน
“หยุดบ้าได้แล้ววี! หยุดทำอะไรต่ำๆแบบนี้ซะที คุณนี่มันงี่เง่าที่สุด ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ผมไม่หลวมตัวมาแต่งงานกับคุณเด็ดขาด” สามีจอมเห็นแก่ตัวตวาดออกมาเสียงดังลั่นอย่างไม่นึกเกรงใจ
“วีบ้า วีงี่เง่าอย่างงั้นเหรอ งั้นพี่ลองมาเป็นวีดูบ้างมั้ยล่ะ”
กรวิภาจ้องมองสามีและผู้หญิงหน้าด้านที่กำลังยืนเกาะแขนสามีของเธอแน่นด้วยแววตาขมขื่น แต่สายตาของเธอกลับไม่สามารถทำให้ผู้เป็นสามีรู้สึกทุกข์ร้อนขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มคิดเพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาทำไปไม่ใช่เรื่องที่ผิดบาปอะไร ก็แค่การมีเล็กมีน้อยอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนชอบทำกันก็เท่านั้น เธอเองต่างหากที่ไม่ยอมรับกับวิถีชีวิตของเขาในข้อนี้ทั้งๆที่ก่อนแต่งงานกันเธอเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขามีนิสัยอย่างไร ดังนั้นในสายตาของเขาในตอนนี้เธอจึงเป็นเพียงผู้หญิงงี่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยนะพี่นภ วีรู้นะว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ วีขอถามพี่นภคำเดียว” หญิงสาวหยุดพูดเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดของตนเอง
“ถ้าวีทำแบบเดียวกับพี่นภบ้าง พี่นภจะรู้สึกยังไง”
ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มจึงส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือมระอา ก่อนที่จะพยายามหาทางเอาตัวรอดไปน้ำขุ่นๆตามประสาผู้ชายเห็นแก่ตัว
“มันไม่เหมือนกันพี่เป็นผู้ชาย ส่วนวีเป็นผู้หญิง”
“เป็นผู้หญิงแล้วไง” กรวิภาโผลงออกมาอย่างเหลืออด
“เป็นผู้หญิงแล้วต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไม่มีปากไม่มีเสียงงั้นเหรอคะ” หญิงสาวเว้นจังหวะหายใจก่อนที่จะเอ่ยต่อ
“แต่ก็อย่างว่า...พี่นภคงไม่มีปัญญาหาข้ออ้างที่มันดีกว่านี้แล้วถึงได้ใช้ข้ออ้างโง่ๆอย่างนี้”
“มันจะมากไปแล้วนะวี วีไม่มีสิทธิ์มาด่าพี่ พี่เป็นผัววีนะ ไม่ใช่ลูก”
“แล้วพี่นภเคยทำหน้าที่สามีที่ดีบ้างมั้ยล่ะ วันๆเอาแต่เที่ยวเล่นงานการก็ไม่เคยทำ ถ้าวีไม่เข้ามาช่วยป่านนี้บริษัทของพี่คงเจ๊งไปแล้ว ไม่มีเงินมาให้พี่ใช้ปรนเปรอผู้หญิงอื่นอย่างนี้หรอก”
กรวิภาเริ่มสาวใส้ให้กากิน ส่วนนภคุณเมื่อเห็นว่าเรื่องราวทำท่าจะบานปลายไปใหญ่โต เขาจึงตัดสินใจให้คู่ควงคนใหม่ล่าสุดของตนเองกลับไปเสียก่อนเพราะไม่ต้องการให้เด็กสาวได้มารับรู้ความไม่เอาไหนของเขาในเวลานี้
“จีพี่ว่าจีกลับไปก่อนดีกว่า วันนี้คงไม่สนุกแล้วล่ะแล้วพี่จะแวะไปหานะ”
ชายหนุ่มหันไปกระซิบที่ข้างหูของเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับตอนที่เขาพูดกับภรรยาของตนเองราวฟ้ากับเหว
“ค่ะงั้นจีจี้กลับก่อนนะคะ”
จีรนันทร์ยอมถอยหลังกลับไปแต่โดยดีเพราะเห็นว่าถึงอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ก่อนที่จะเดินออกมาเธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองกรวิภาด้วยสายตาเยาะเย้ยถากถางโดยไม่ให้นภคุณสังเกตเห็น
“พอใจรึยัง!”
พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัวของตนเองอย่างไม่สนใจใคร ปล่อยให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
กรวิภาทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ดวงตากลมโตที่เคยสดใสกลับกลายเป็นหมองหม่น แม้หญิงสาวจะพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อให้น้ำตาของตนเองไหลย้อนกลับเข้าไปข้างใน แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักเพราะน้ำใสๆยังคงอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างไม่ขาดสาย
คราบน้ำตาที่หลั่งรินออกมาทำให้ฝ้าเพดานสีขาวที่เธอมองเห็นสั่นไหวไปมาเหมืนกับต้นไม้ที่โดนลมพายุพัดกระหน่ำ ชั่วขณะหนึ่งเธอก็อดที่จะหวนกลับไปคิดถึงคนรักเก่าอย่าง หมูยอ หรือเรศวร์นดล ขึ้นมาไม่ได้ พลางคิดว่าถ้าวันนั้นเธอตัดสินใจเลือกเขาแทนที่จะเป็นนภคุณ ชีวิตของเธอก็คงจะไม่ต้องจมอยู่กับคราบน้ำตาอย่างเช่นทุกวันนี้
ความคิดเห็น