ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : KILLING INDEFINITELY : chapter 7 A good day or bad
cinna
mon
7
A GOOD DAY OR BAD
เท้าเล็กๆเตะเศษใบไม้ที่ลอยปลิวตกลงมายังสนามเด็กเล่น อากาศเย็นๆของเกาหลีใต้หน้าหนาวในช่วงบ่ายทำให้คนตัวเล็กที่นั่งกินไอติมอยู่คนเดียวตรงชิงช้าไอออกปาก
คยองซูไม่มีเพื่อน...เขาอยู่คนเดียวมาสามปีแล้ว ครั้งนึงเขาเคยมีเพื่อนที่สนิทกันมากๆแต่ตอนนี้เพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้อยู่กับเขาอีกแล้ว เขาเคยคิดว่าตัวเองต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ
เมื่อตอนเด็กที่พ่อของเขาขับรถพาเขาไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด พ่อของเขาก็ต้องประสบอุบัติเหตุรถชนกับเสาไฟฟ้าข้างทาง เขาไปกับพ่อสองคนแต่มีเพียงเขาที่รอดมาได้ พอโตมาคยองซูไปทัศนศึกษากับเพื่อนทุกคนก็ตายมีเขาคนเดียวที่ไม่เสียชีวิต...
ถ้ามันจะต้องเป็นอย่างนี้คยองซูว่าเขาขอตายไปเลยให้จบๆซะดีกว่า กลับไปบ้านก็ต้องเห็นแม่ร้องไห้เสียใจกับเรื่องของพ่อมาหลายปี พอมาโรงเรียนเพื่อนที่เคยอยู่ด้วยกันก็จากไปหมดแล้ว โลกที่ไม่มีใครเคียงข้างมันอ้างว้างและทรมานเกินไปสำหรับโด คยองซู
"ฮยองเป็นอย่างงี้อีกแล้ว ทำไมถึงรับงานอะไรไม่บอกผมล่วงหน้าเลย"เสียงใครซักคนแว่วมาจากทางด้านหลัง คยองซูหันหลังชะโงกหน้าไปดูก็พบว่าตรงต้นไม้ใกล้ๆนี้มีผู้ชายคนนึงยืนคุยโทรศัพท์อยู่
"ผมมีสอบมิดเทอม อีกอย่างผมไม่ได้เข้าเรียนมาหลายอาทิตย์แล้ว ถ้าผมยังเอาเวลาเรียนไปรับงานผมสอบไม่ผ่านแน่"คยองซูชะเง้อหน้าไปมองชัดๆก็เห็นว่าผู้ชายที่คุยโทรศัพท์อยู่นั้นหล่อมากเลยทีเดียว คยองซูไม่คุ้นหน้ามาก่อนเลย หล่ออย่างกะดารานายแบบถ้าไม่ติดว่าเขาใส่ชุดนักเรียนของจองชินโจอยู่ คยองซูคงคิดว่าเป็นไอดอลที่ไหนหลงเข้ามาในโรงเรียน
"ผมรู้ว่าโรงเรียนสนับสนุนให้ผมมีชื่อเสียงแต่ผมแค่ต้องการเรียนหนังสือ ถ่ายแบบอะไรนั่นฮยองแคนเซิลไปเถอะ แค่นี้นะ"พอเจ้าของเสียงที่มีใบหน้าหล่อวางสายไปคยองซูก็รีบทำตัวให้เป็นปกติเหมือนเดิมโดยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นแล้วก้มหน้ากินไอติมโคนในมือตัวเองต่อ
"นายคิดว่ามารยาทคนเรา ฝึกกันจากที่ไหน"จงอินหนุ่มฮอตของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในวงการหลังจากที่ได้เดบิวต์เป็นไอดอลชื่อดังถามคยองซูที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จงอินพอจะรู้มาซักพักแล้วล่ะว่ามีคนแอบฟังเขาคุยกับเมเนเจอร์อยู่แต่เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยปล่อยไปแต่พอเห็นหน้าคนที่แอบฟังมันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งซักหน่อย
"พ่อแม่ไม่ได้สอนมาตั้งแต่เกิดเหรอว่าการแอบฟังคนอื่นคุยมันเสียมารยาท"จงอินเดินเข้าไปใกล้แล้วหยุดอยู่ข้างหลังคยองซูที่นั่งตัวแข็งทื่ออ้ำๆอึ้งๆด้วยความกลัว
"ผม...เปล่านะ"คยองซูเห็นว่าจงอินด่าพ่อแม่ตัวเองจึงหันหลังมาด้วยความเร็วโดยไม่รู้ว่าจงอินอยู่ข้างหลังชิงช้าที่ตัวเองนั่งในระยะประชิด
แผละ
และผลที่ได้รับคือ...การที่ไอติมรสมิ้นท์โปะลงไปตรงเสื้อของจงอินโดยไม่ตั้งใจ คยองซูเงยหน้ามองจงอินช้าๆก่อนที่จะพบกับสายตาอำมหิตที่อยู่บนใบหน้าหล่อๆ
"นี่นาย..."จงอินกดเสียงต่ำพร้อทกับยิ่นหน้าลงมาใกล้มองคยองซูด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"นายมาไม่บอกเองนะ ผมนึกว่านายยังอยู่ตรงนั้นซะอีกก็เลย...ไม่ทันระวัง"คยองซูพูดเสียงอ่อยกับตัวเองเขาก้มหน้าหงุดอย่างรู้สึกผิด
"เช็ดออกเดี๋ยวนี้"จงอินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆทว่ามันกลับทำให้คยองซูกลัวขึ้นมาได้
"อื้อ ขอโทษนะ"คยองซูรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับเช็ดเสื้อที่เปื้อนไอติมให้โดยเร็ว จงอินที่ก้มมองคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้นก็ถึงกับหลุดขำขึ้นมา
"ฮ่ะๆ นายเรียนอยู่ชั้นอะไร"จงอินถามพร้อมกับปล่อยให้คยองซูใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดคราบไอติมบนเสื้อเขาอยู่อย่างนั้น ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตว่าบนผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของคยองซูมีอักษรตัวkปักอยู่ kงั้นเหรอ...อันที่จริงชื่อในวงการของเขาก็คือไคที่มีตัวเคเหมือนกัน
"เกรดสิบสอง"คยองซูตอบสั้นๆก่อนจะเงยหน้าออกจากเสื้อจงอิน
"ชื่ออะไร ห้องไหนฉันอยู่เกรดสิบสองเหมือนกันทำไมไม่คุ้น"จงอินถามออกมาเป็นชุด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เขาอยากรู้จักคนตรงหน้าให้มากขึ้นเท่านั้นเอง
"ผมชื่อคยองซู อยู่ห้องD"ว่าจบคยองซูก็หันหลังเดินจากไปทิ้งให้จงอินยืนงงงวยอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวนะ...ถ้าเขาจำไม่ผิดห้องDมันถูกปิดไปนานแล้วไม่ใช่หรือไงกัน...
MINSEOK PART
ผมเดินออกมาจากหอประชุมพร้อมกับลู่หาน เราไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเลยออกมานั่งตรงใต้ต้นไม้หลังโรงเรียนที่ลู่หานบอกว่าเขากับเซฮุนชอบมานั่งตรงนี้บ่อยๆ พูดถึงเซฮุนแล้วก็หงุดหงิดชะมัด อันที่จริงผมยังเคืองที่เขาปิดบังผมตอนนั้นนิดหน่อยนะ แต่ว่าถ้าไม่รีบหายโกรธ ไอ้เด็กบ้านี่ต้องแกล้งล้อผมเรื่องจูบต่อแหงๆ
"กะแล้วไม่มีผิด คุยกับจองอาในคาคาโอทอล์ค ยัยนั่นบอกว่าตอนนี้คุณครูทุกคนคุมไม่ให้เด็กออกจากหอประชุม"ผมพูดทั้งๆที่โทรศัพท์สายตายังคงจับจ้องไปที่โทรศัพท์ในมือ
"ทำอย่างนั้นแล้วคิดว่าจะปลอดภัยงั้นเหรอ ฉันว่าคนร้ายก็ยังอยู่ในโรงเรียนนี่แหละ"ลู่หานพูดพร้อมกับโน้มตัวลงมานอนตรงตักผมอย่างเนียนๆ เออ เอาเข้าไป ตั้งแต่ในหอประชุมแล้วนะ อย่าคิดว่าที่ไม่พูดนี่ไม่ใช่ไม่รู้นะไอ้เด็กบ้า
"นายคิดเหมือนฉันใช่มั้ยว่าคนร้ายคือคนในโรงเรียนเรานี่แหละ"สายลมแผ่วเบาลอยมาปะทะใบหน้าของผมจนต้องหลับตาเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้า ลมพัดเอาผมหน้าม้าบางส่วนที่ปรกหน้าของลู่หานพัดขึ้นมาจนเห็นโครงหน้าที่ชัดเจน
ผมเพิ่งรู้..นอกจากเด็กนี่จะหล่อแล้ว ยังหน้าหวานสุดๆ ถ้ามองให้หล่อก็จะหล่อชนิดแทบปลิดลมหายใจ(เว่อร์)แต่ถ้ามองให้สวย...เอาตามตรงนะ ต่อให้เพศเดียวกันก็ยังสามารถหลงเสน่ห์เขาได้ ลู่หานเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันจริงๆ
"ก็คงงั้น คงไม่มีไอ้โรคจิตที่ไหนมาไล่ฆ่าคนในโรงเรียนแบบนี้หรอก ต้องเป็นคนในโรงเรียนด้วยกันเองนี่แหละ"มันต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว มีใครซักคนที่คิดจะฆ่าพวกเราผมเองก็ไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นเหยื่อของมันหรือเปล่า...
"ถ้าเป็นเด็กนักเรียนคงหดหู่น่าดู ฆ่าคนตายทั้งที่อายุยังเด็ก"คิดแล้วก็สลดใจจริงๆนะ ไม่รู้ว่าไอ้ฆาตกรนั่นมันคิดจะฆ่าคนตายไปเพื่ออะไร ในวัยแบบนี้กลับฆ่าคนได้ลงคอคนแบบนั้นในใจคงมีปม
"หึ เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถหาคำตอบได้หรอก เค้าจะฆ่าใครซักคนอาจจะเป็นเพราะมีเหตุผลจำเป็นหรืออาจจะไม่มีเหตุผลก็ได้ แค่อาจจะรู้สึกว่าคนที่ตายมันไม่สมควรอยู่บนโลกนี้ก็เลยฆ่า"ลู่หานพูดพร้อมกับแสยะยิ้มน่ากลัวเหมือนนึกอะไรได้บางอย่าง
"นายมีอะไรงั้นเหรอ?.."ผมเอียงคอถามลู่หานที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงตักของผม
"ฮานึลตายในตอนนั้นอี้ชิงก็น่าสงสัยพอมายูซอง ผู้หญิงคนนั้นก็เพิ่งมีแววว่ากำลังกุ๊กกิ๊กอยู่กับแฟนใหม่สุดที่รักของไอ้บ้านั่น นายคิดว่ายังไงล่ะ"ลู่หานลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองเข้ามาที่นัยน์ตาของผม สายตาทะเล้นๆที่ลู่หานใช้มองผมเป็นประจำในตอนนี้ผมได้เห็นมันชัดขึ้นเพราะเขานอนอยู่ตรงตักผม
"นายกำลังจะบอกว่าอี้ชิงคือคนฆ่าฮานึลเหรอ มันเป็นอุบัติเหตุนี่"ผมพูดพร้อมกับเสมองไปทางอื่นเพราะทนเขินกับสายตาลู่หานไม่ได้
"ก็ใช่ แต่มันแปลก อุปกรณ์อื่นๆที่เหมาะสมจะเอามาทำฉากก็มีตั้งเยอะแยะทำไมต้องเป็นแท่งไม้แหลมๆ แถมวันที่ฉันทำฉากกับเพื่อนในห้องฉันก็จำได้ว่าที่หลังเวทีไม่มีไอ้ของพรรค์นั้นอยู่เลยแต่พอวันแสดงมันกลับกลายเป็นอาวุธที่ปลิดชีวิตยูซอง"นั่นสินะ จะว่าไปตอนเที่ยงๆ ผมกะว่าจะไปหาลู่หานที่หลังเวทีเพราะคิดว่าเขากำลังเตรียมการสำหรับละครเวทีของห้องในตอนบ่ายและในตอนนั้นเองที่ผมเห็นอี้ชิงยืนลับๆล่ออยู่ตรงหลังเวทีซึ่งเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกิจกรรมนี้เลย
"ตอนเที่ยงที่ฉันตามหานายฉันก็เห็นอี้ชิงจริงๆอ่ะแหละ เขาอยู่ตรงหลังเวที"
"เหอะ กะแล้วไม่มีผิด อย่าบอกนะว่าหมอนั่นแค้นยูซองที่ไปยุ่งกับคริสอ่ะ"
"แต่...ถึงกับฆ่าเลยเหรอ เรื่องแค่นี้นี่นะ"ผมทำหน้าตาเหลือเชื่อเพราะไม่คิดว่าจะมีใครทำขนาดนี้ได้เพียงเพราะหึงหวง
"อี้ชิงร้ายกาจกว่าที่นายคิด ตอนที่คบกับเซฮุนอยู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง ทุกคนที่เผลอเอาตัวเข้าไปใกล้เพื่อนของฉันก็โดนหมอนั่นจัดการไม่มีชิ้นดี จะผู้หญิงจะผู้ชายถ้ามายุ่งกับแฟนของพี่แกล่ะก็...ไม่ตายดี"
"จริงเหรอ ฉันไม่คิดว่าเขาจะโหดร้ายขนาดนั้นนะ"
"นายมันปิดโลกไม่รับรู้อะไรเลยหรือไง ตอนที่มีผู้หญิงมาพูดกับเซฮุนเฉยๆไอ้บ้านั่นถึงกับขังไว้ในห้องเก็บของหลังโรงเรียนเป็นอาทิตย์เลยนะ"
"ขะ...ขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้ห้องนั่นมันสกปรกมากเลยนะ มีหนูมีงูสารพัดสัตว์มีพิษเยอะแยะ แถมยังอับชื้นอีกต่างหากแค่อยู่ไม่กี่ชั่วโมงก็แทบขาดใจตายแล้ว"
"ใช่ ฉันถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นพอออกมาได้ถึงอาการทรุดราวกับจะตายให้ได้ซะขนาดนั้น"
"น่ากลัวชะมัด..."ผมกลืนน้ำลายตัวเองลงคอด้วยความยากลำบาก พลางคิดไปว่าถ้าผมเผลอไปยุ่งกับคริสจะมีสภาพเป็นยังไง
"อี้ชิงน่ะโรคจิตชัดๆ"ลู่หานพูดพร้อมกับตะแคงตัวและหันหน้ามาทางขวาซึ่งมันทำให้ใบหน้าของเขาซุกอยู่ตรงเป้ากางเกงผมเต็มๆ
"เฮ้ย!!"
ผัวะ!
ผมกับเขาประเสียงพร้อมกันด้วยความตกใจไอ้เสียงเฮ้ยน่ะเสียงผมกับเขาแต่ผัวะอ่ะ...เสียงฝ่ามือผมกระทบกระโหลกเขาเองล่ะ ก็ทำไงได้ล่ะ...คนมันตกใจนี่นา เลยตบหัวไปซะแรงเลย
"เจ็บนะ"ลู่หานรีบผละออกจากออกจากผมและลุกขึ้นมานั่งกุมหัวตัวเองหลังจากที่ผมตบไปเต็มแรง
"ก็มัน...ใครใช้ให้นายเอาหน้ามาโดนตรงนั้นเหล่า -///-"ผมแทบหยุดหายใจแน่ะ อยู่ดีๆก็หันมาแบบไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียงหัวที่วางอยู่ตรงตักผมเมื่อกี้เลยปะทะกับซอกมินิ(?)ของผมเต็มๆ มัน...มัน ให้ตายสิ
"คิดว่าฉันตั้งใจหรือไง ฉันไม่ได้โรคจิตเอาหน้าไปซุกเป้าใครนะ"ลู่หานทำหน้าบูดใส่ผมเหมือนเด็ก พลางทำปากคว่ำหน้างอเรียกร้องความสนใจ
"เหอะ วันหลังห้ามมายุ่งกับตรงนี้นะ"ผมถ่อยห่างออกมาจากเขาประมาณหนึ่งเมตรราวกับเด็กนี่เป็นเชื้อโรค
"รู้แล้วหน่า...ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ตั้งใจ มันลืมตัว"ผมหันหลังให้เขาพร้อมกับหยิบs5ของตัวเองที่ลงทุนเก็บตังค์ซื้อเองขึ้นมาเล่นเกมส์โดยที่ไม่ได้หันไปมองเขา
"ไม่โกรธกันใช่มั้ย เปาซึ"เสียงลู่หานดังขึ้ยมาใกล้ๆผม คาดว่าเขาน่าจะเขยิบมาหาผม ตอนนี้ผมนั่งหันหลังให้เขาอยู่
"ทำไมต้องโกรธด้วย"แค่อายเฉยๆต่างหาก... "ก็นายเงียบไม่ได้แปลว่าโกรธเหรอ"ลู่หานยังคงตอแยผมไม่เลิกเด็กนี่ใช้อะไรบางอย่างที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นเท้าเขี่ยหลังผม นี่เขาเคยเห็นผมเป็นรุ่นพี่บ้างไหมเนี่ย!?
"ตรรกะอะไรของนาย"
"งั้นมาสร้างกฎกัน"เสียงนั้นเข้ามาใกล้กว่าเดิม ให้เดาเขาคงเขยิบมานั่งติดหลังผม เอาตามตรงนะ พวกเราทำเหมือนที่นี่เป็นห้องนั่งเล่นในบ้านเลยทั้งๆที่ความจริงมันก็แค่พื้นหญ้าที่อยู่ข้างต้นไม้ขนาดใหญ่เท่านั้นเอง
"กฎบ้าบออะไร"ผมยังคงก้มหน้าก้มตาทำคะแนนในเกมส์อยู่ ถึงแม้ว่าในใจจะไม่สามารถสงบสุขได้ที่รู้ว่าเขาแคร์ความรู้สึกผมด้วย ถ้าผมโกรธเขาและคิดมากจริงๆ ผู้ชายคนนี้คงจะสนใจผมมาก ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องแคร์เลยด้วยซ้ำแต่เขาก็ยังขอโทษผม มีหลายครั้งที่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงรู้สึกดีกับผู้ชายอย่างเขาได้มากเพียงนี้ อาจเป็นเพราะทุกครั้งที่ผมรู้สึกแย่เขาจะเป็นคนแรกที่อยู่เคียงข้างผมหรือเปล่า
"ก็...ถ้านายโกรธฉันแต่ไม่อยากพูดมันออกมา ให้นายหลบหน้าฉัน ฉันจะตามหานายจนเจอแล้วง้อแต่ถ้าไม่ได้โกรธอะไรก็ห้ามเงียบใส่ฉัน ไม่งั้นฉันจะเข้าใจว่านายโกรธและก็จะคะยั้นคะยอให้นายพูดด้วยจนรำคาญ"
"เป็นเจ้าชีวิตฉันหรือไงถึงได้สั่งนู่นสั่งนั่นสั่งนี่"ผมรีบหันขวับไปหาเขา พร้อมกับทำหน้าหงิกงอไม่พอใจใส่แต่ลู่หานก็เอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น
"มันแฟร์กับฉันแล้วก็แฟร์กับนายไง บางทีนายก็ไม่อยากพูดตรงๆกับฉันว่าโกรธแต่ก็อยากให้ฉันง้อนายใช่มั้ยล่ะ"ลู่หานยังคงยิ้มใบหน้าของเขายังคงมีความสุขแม้ว่าตัวเองกำลังจริงจังอยู่ก็ตาม
"เลิกยิ้มซักทีเถอะหน่า มองหน้าคนอื่นแล้วยิ้มมันขนลุกนะ"ผมพูดพร้อมกับดันใบหน้าเขาออกห่างจากตัวผม
"ทำไมล่ะ นายคือความสุขเดียวของฉันที่หลงเหลืออยู่นะ แล้วทำไมฉันจะไม่มีสิทธ์ยิ้มเวลาได้เจอความสุขของตัวเองล่ะ :)"
"หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว ตกลงก็ได้ ถ้าโกรธจะหายหน้าไปไม่ให้เห็นเลย"ผมรีบตอบตกลงก่อนที่ลู่หานจะพร่ำเพ้อไปมากกว่านี้
"งั้นก็ดี ฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ทำให้นายหายไปไหน จะไม่ทำให้นายโกรธ"
"หึ รักษาสัญญาไว้ล่ะ อย่าให้ฉันหายไปไหนละกัน"ผมแค่นยิ้มบางๆให้ลู่หานที่ไม่ยอมหุบยิ้มซักที
"ลู่เก่อจะรักษาเปาซึไว้ให้ดีเลย...จริงๆนะ"เสี่ยวลู่หาน...นายมันเด็กน้อยจริงๆ
ผมแยกกับลู่หานแล้ว เขาบอกนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เพื่อนที่ห้องนัดกันไว้ว่าจะกินเลี้ยงกันหลังจากเสร็จงานวิชาการที่ตัวเองเหนื่อยมาหลายวัน ลู่หานปฎิเสธไม่ได้ก็เลยต้องไป
เฮ้อ คนเรานี่ก็นะ เพื่อนตายทั้งคนยังมีกะจิตกะใจมากินเลี้ยงกันอีก ผู้หญิงที่ชื่อยูซองไม่ได้มีความสำคัญกับพวกเขาเลยสินะ ผมเดินมาเอากระเป๋าตรงล็อคเกอร์คนเดียวตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมเดี๋ยวนี้ผมถึงกลับช้าตลอด โชคดีที่แม่ไม่ได้สนใจอะไรเลยไม่โดยบ่นแต่ผมก็ไม่กลับช้าเพราะถเลถไลนี่นา มันเป็นเหตุจำเป็นอย่างเช่นวันนี้
จงแดฝากเพื่อมผมมาบอกว่าจงแดทำโทรศัพท์หาย เขาวานให้ผมช่วยไปหาให้หน่อยแถวสระว่ายน้ำเพราะจงแดกลับบ้านไปแล้วเลยขอให้ผมหาให้แทน ผมเลยต้องรีบมาหาให้ก่อนที่สระว่ายน้ำจะปิด
ผมหยิบกระเป๋าออกมาจากล็อคเกอร์เก็บของเสร็จสรรพกำลังจะเดินไปที่สระว่ายน้ำแต่ว่าเห็นใครบางคนอยู่ตรงข้างๆล็อคเกอร์ฝั่งริมสุดตรงด้านนอก เหมือนคนคนนั้นกำลังจะหาอะไรบางอย่างอยู่แต่มันแปลก...ทำไมต้องลับๆล่อๆเหมือนกับจะมาขโมยของ
"นั่นใครอ่ะ!?"ผมลองตะโกนถามออกไปเพราะถ้าเป็นโจรจริงๆมันก็คงจะตกใจหนีไป ถ้าไม่ใช่ก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่ทว่าพอได้ยินเสียงของผมมันก็รีบวิ่งออกไปจากทางช่องประตูด้านหลังที่อยู่ข้างใน เพราะความมืดที่มากซะจนทำให้ผมไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ผมรีบวิ่งตามไปทว่าคนร้ายกับหนีออกไปทางช่องประตูด้านหลังได้ก่อน ผมเห็นไม่ชัดนักดูจากขนาดตัวก็แทบแยกไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมเดินมายังล็อคเกอร์ที่ถูกงัดแงะเมื่อกี้มันคือล็อคเกอร์ของ...จงแด
ผมก้มลงมองพื้นก็พบกับสิ่งของบางอย่างที่ตกอยู่บริเวณนั้น พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันคือเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนเรา เข็มกลัดจะมีอยู่สองแบบ แบบแรกจะติดตรงกระเป๋าเสื้อนักเรียนด้านซ้ายซึ่งให้ผู้ชายผู้ชายติด แต่ไอ้สิ่งที่ผมเจอมันคือเข็มกลัดที่เอา ไว้ติดตรงคอปกเสื้อซึ่งมันเป็นของนักเรียนหญิง...คนร้ายเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ
ฟุบ!
เสียงเตียงของผมยุบลงไปทันทีที่ผมทิ้งตัวลงนอน ผมกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกกังวลใจบางอย่าง สิ่งที่ผมสันนิษฐานมันดูคลาดเคลื่อนไปซะหมดหลังจากที่เห็นหลักฐานเมื่อตอนเย็น ผมคิดว่าผมต้องเริ่มเดาเกมส์ใหม่ทั้งหมด...
ติ๊ง!
ผมกลิ้งตัวไปหยิบโทรศัพท์ข้างหัวเตียงขึ้นมาก็เลื่อยดูหน้าจอเมื่อมีคนไลน์มาหาและคนคนนั้นไม่ใช่ใคร...ลู่เก้อ เด็กนั่นส่งรูปอาหารที่ดูเหมือนจะไปกินเลี้ยงกับเพื่อนวันนี้มา เนื้อหลากหลายชนิดถูกวางไว้ในถาดสวยงามน่ากินจนผมอยากจะไปหาเขาซะตอนนี้ โอ๊ย หิวว่ะ ถ่ายมายั่วกันหรือไงห๊า และสักพักเขาก็ส่งข้อความในไลน์มาหาผม...
Luge : ฉันกินเผื่อนายเยอะเลย อิ่มมั้ย เปาซึ~
Baozi : อิ่มบ้านแกสิ ไอ้เด็กบ้า คิดจะยั่วน้ำลายฉันหรือไง
Luge : ฮ่าๆ ถ้าหิวก็หาข้าวกินซะนะ
Baozi : อะไรของนาย =__=
Luge : อย่าเครียดเรื่องคดีมากเกินไปเลย เดี๋ยวซักวันก็รู้เองแหละว่าใครเป็นคนร้าย
Baozi : แล้วฉันต้องรอไปอีกนานแค่ไหนล่ะ ต้องมีคนตายไปอีกเท่า
ไหร่
Luge : เอาเถอะหน่า ยังไงก็อย่าซีเรียสล่ะ
Baozi : ขอบใจ จะไปนอนแล่ว
Luge : ครับ Goodnight :)
ทำไมต้องเป็นห่วงกันขนาดนั้นด้วยนะ ไอ้เด็กบ้า...
7
A GOOD DAY OR BAD
มินซอกมองภาพเหตุการ์ณตรงหน้าไม่วางตา ภายในจิตใจวุ่นวายสับสบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเชื่อแล้วจริงๆว่าตอนนี้พวกเราในโรงเรียนกำลังโดนอะไรบางอย่างเล่นงาน นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ การที่มีคนตายถึงสามคนมันเป็นเรื่องที่อยู่เหนือเกินความคาดหมาย มินซอกว่าถ้าเขายังไม่หยุดสิ่งๆนั้นไม่ใช่แค่คนรอบข้างรวมถึงตัวเขาเองก็อาจจะต้องหายไป
"ทำไมถึงได้....!?"ลู่หานยืนชาวาบไปทั้งตัว ใจสั่นระทึกกลัวกับเหตุการ์ณนี้ เรื่องมักชักไปกันใหญ่แล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อนเขาคนเดียวที่ตาย ลางบอกเหตุบางอย่างกำลังสื่อว่าจะไม่ได้มีคนตายแค่นี้
"เดี๋ยวฉันมานะ"มินซอกพูดอย่างเร่งรีบ เขาวิ่งขึ้นไปบนเวทีโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของลู่หาน ท่ามกลางความวุ่นวายมินซอกวิ่งเข้าไปตรงที่เกิดเหตุ มีตำรวจขนย้ายศพของยูซองไปแล้ว ผู้คนมากมายไม่ได้สนใจมินซอกที่วิ่งขึ้นมาเท่าไหร่เพราะมัวแต่ตกใจกับเหตุการ์ณจนชุลมุนวุ่นวายไปหมด ถ้าเป็นอย่างที่สันนิษฐานจริงๆ ที่ตรงนั้นจะต้องมี....
"อย่างที่คิดไว้เลยสินะ หึ"มินซอกเหยียดยิ้มพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกับก้มลงหยิบกระดาษโพสต์อิทสีครีมคล้ายแบบเดิมที่เคยเจอในกระเป๋าเมื่อวันก่อนขึ้นมา เขาคิดไว้แล้วว่าจะต้องเห็นมันอยู่ตรงที่ยูซองตาย....ผู้หญิงคนนี้เป็นแค่เหยื่อ กระดาษที่มินซอกถืออยู่เหมือนเดิมกับที่เจอวันก่อนทุกอย่าง ยกเว้นสิ่งที่อยู่ในกระ ดาษ ข้อความในนี้มันต่างออกไป
เลขคู่ ตัวสระ
ใครต้องการจะสื่ออะไรกับเขากันแน่?...
"อะไรเหรอมินซอก"ลู่หานที่วิ่งตามมินซอกมาเดินเข้ามาถามมินซอกที่เก็บคำใบ้สำคัญไป มินซอกซ่อนกระดาษไว้ในกระเป๋าเสื้อโดยเร็วเพราะกลัวว่าลู่หานจะเห็น เขาแค่ไม่อยากบอกลู่หานเท่านั้นเอง
ถ้าบอกไปลู่หานก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอกเขาไม่มีทางเชื่อแน่ ว่ากำลังมีสิ่งลี้ลับบางอย่างบอกใบ้อะไรมินซอกอยู่เพราะงั้นมินซอกถึงตัดสินใจจะเก็บ เรื่องนี้ไว้เป็นความลับดีกว่าบอกไปแล้วถูกหาว่างมงาย
"เปล่าหรอก ฉันแค่รีบมาหาหลักฐานในที่เกิดเหตุน่ะ"มินซอกตอบนิ่งๆ เขาเดินไปรอบๆเวทีแกล้งทำเป็นหาร่องรอยต่างๆ
"ฉันว่าเราไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานอะไรหรอกมั้ง นี่มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ นายก็เห็นไม่ใช่หรือไงว่าฉากมันล้มลงมาเอง"ลู่หานถามพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆถึงแม้เขาจะเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็เถอะแต่ว่าสัญชาตญาณนักสืบมันก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตจุดต่างๆ
"มันก็จริง..."มินซอกพึมพำกับตัวเองเบาๆ ที่ลู่หานพูดมันทำให้มินซอกต้องคิดใหม่ จริงอย่างที่ลู่หานพูด ทุกคนในหอประชุมแห่งนี้ต่างก็เห็นว่าฉากที่มีแท่งไม้ปักอยู่นั้นมันหล่นลงมาเอง แต่มินซอกก็ยังคงคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น...
โพสท์อิทนี่จะโผล่มาทุกครั้งที่มีคนตาย สรุปแล้วตอนนี้มีคนเสียชีวิตในโรงเรียนไปทั้งหมดสามราย ศพแรกตำรวจสันนิษฐานว่าถูกฆาตกรรม ศพที่สองนักเรียนที่เห็นเหตุการ์ณบอกว่าฆ่าตัวตาย ส่วนศพที่สามเป็นอุบัติเหตุซึ่งเขาเห็นเองกับตาว่าฉากมันตกมาเองจริงๆ เดี๋ยวนะ...ทำไมเขาเพิ่งนึกได้ นี่มินซอกเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอเนี่ย!?
"มินซอก"
"หือ"มินซอกที่เหม่ออยู่สะดุ้งขึ้นมานิดหน่อยตามเสียงเรียกของลู่หาน คนตัวเล็กยืนแน่นิ่งมาหลายนาทีจนลู่หานต้องร้องทัก
"ฉันว่าเราออกไปจากที่ยี่กันเถอะ มันเริ่มวุ่นวายไปใหญ่แล้ว"ลู่หานเห็นว่าตอนนี้คนในหอประชุมขาดสติกันมากทุกคนต่างก็ร้องไห้เพราะคิดว่าโรงเรียนนี้มีอาถรรพ์อะไร บ้างก็ถ่ายรูปแชร์เหตุการ์ณลงโซเชี่ยวเน็ตเวิร์คกันให้วุ่น คุณครูก็ต้องรีบพากันควบคุมนักเรียนให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแต่มันก็เป็นเรื่องยากเพราะหลายคนเริ่มจิตตกกันแล้ว มันไม่สามารถทำใจให้ปกติได้เมื่อรู้ว่าเพื่อนในโรงเรียนตายไปหลายคนเพราะไม่แน่รายต่อไปอาจจะเป็นตัวพวกเขาเอง
"ฉันก็ว่างั้น เรารีบออกไปข้างนอกกันเหอะ เพราะถ้าอยู่ในนี้เดี๋ยวอีกซักพักครูก็จะกักบริเวณไม่ให้นักเรียนออกไปไหนเพื่อความปลอดภัยแน่ๆ"ว่าจบทั้งคู่ก็เดินออกไปจากหอประชุมโดยอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งออกไปทางประตูหลัง
"ทำไมถึงได้....!?"ลู่หานยืนชาวาบไปทั้งตัว ใจสั่นระทึกกลัวกับเหตุการ์ณนี้ เรื่องมักชักไปกันใหญ่แล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อนเขาคนเดียวที่ตาย ลางบอกเหตุบางอย่างกำลังสื่อว่าจะไม่ได้มีคนตายแค่นี้
"เดี๋ยวฉันมานะ"มินซอกพูดอย่างเร่งรีบ เขาวิ่งขึ้นไปบนเวทีโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของลู่หาน ท่ามกลางความวุ่นวายมินซอกวิ่งเข้าไปตรงที่เกิดเหตุ มีตำรวจขนย้ายศพของยูซองไปแล้ว ผู้คนมากมายไม่ได้สนใจมินซอกที่วิ่งขึ้นมาเท่าไหร่เพราะมัวแต่ตกใจกับเหตุการ์ณจนชุลมุนวุ่นวายไปหมด ถ้าเป็นอย่างที่สันนิษฐานจริงๆ ที่ตรงนั้นจะต้องมี....
"อย่างที่คิดไว้เลยสินะ หึ"มินซอกเหยียดยิ้มพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกับก้มลงหยิบกระดาษโพสต์อิทสีครีมคล้ายแบบเดิมที่เคยเจอในกระเป๋าเมื่อวันก่อนขึ้นมา เขาคิดไว้แล้วว่าจะต้องเห็นมันอยู่ตรงที่ยูซองตาย....ผู้หญิงคนนี้เป็นแค่เหยื่อ กระดาษที่มินซอกถืออยู่เหมือนเดิมกับที่เจอวันก่อนทุกอย่าง ยกเว้นสิ่งที่อยู่ในกระ ดาษ ข้อความในนี้มันต่างออกไป
เลขคู่ ตัวสระ
ใครต้องการจะสื่ออะไรกับเขากันแน่?...
"อะไรเหรอมินซอก"ลู่หานที่วิ่งตามมินซอกมาเดินเข้ามาถามมินซอกที่เก็บคำใบ้สำคัญไป มินซอกซ่อนกระดาษไว้ในกระเป๋าเสื้อโดยเร็วเพราะกลัวว่าลู่หานจะเห็น เขาแค่ไม่อยากบอกลู่หานเท่านั้นเอง
ถ้าบอกไปลู่หานก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอกเขาไม่มีทางเชื่อแน่ ว่ากำลังมีสิ่งลี้ลับบางอย่างบอกใบ้อะไรมินซอกอยู่เพราะงั้นมินซอกถึงตัดสินใจจะเก็บ เรื่องนี้ไว้เป็นความลับดีกว่าบอกไปแล้วถูกหาว่างมงาย
"เปล่าหรอก ฉันแค่รีบมาหาหลักฐานในที่เกิดเหตุน่ะ"มินซอกตอบนิ่งๆ เขาเดินไปรอบๆเวทีแกล้งทำเป็นหาร่องรอยต่างๆ
"ฉันว่าเราไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานอะไรหรอกมั้ง นี่มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอ นายก็เห็นไม่ใช่หรือไงว่าฉากมันล้มลงมาเอง"ลู่หานถามพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆถึงแม้เขาจะเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็เถอะแต่ว่าสัญชาตญาณนักสืบมันก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตจุดต่างๆ
"มันก็จริง..."มินซอกพึมพำกับตัวเองเบาๆ ที่ลู่หานพูดมันทำให้มินซอกต้องคิดใหม่ จริงอย่างที่ลู่หานพูด ทุกคนในหอประชุมแห่งนี้ต่างก็เห็นว่าฉากที่มีแท่งไม้ปักอยู่นั้นมันหล่นลงมาเอง แต่มินซอกก็ยังคงคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น...
โพสท์อิทนี่จะโผล่มาทุกครั้งที่มีคนตาย สรุปแล้วตอนนี้มีคนเสียชีวิตในโรงเรียนไปทั้งหมดสามราย ศพแรกตำรวจสันนิษฐานว่าถูกฆาตกรรม ศพที่สองนักเรียนที่เห็นเหตุการ์ณบอกว่าฆ่าตัวตาย ส่วนศพที่สามเป็นอุบัติเหตุซึ่งเขาเห็นเองกับตาว่าฉากมันตกมาเองจริงๆ เดี๋ยวนะ...ทำไมเขาเพิ่งนึกได้ นี่มินซอกเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอเนี่ย!?
"มินซอก"
"หือ"มินซอกที่เหม่ออยู่สะดุ้งขึ้นมานิดหน่อยตามเสียงเรียกของลู่หาน คนตัวเล็กยืนแน่นิ่งมาหลายนาทีจนลู่หานต้องร้องทัก
"ฉันว่าเราออกไปจากที่ยี่กันเถอะ มันเริ่มวุ่นวายไปใหญ่แล้ว"ลู่หานเห็นว่าตอนนี้คนในหอประชุมขาดสติกันมากทุกคนต่างก็ร้องไห้เพราะคิดว่าโรงเรียนนี้มีอาถรรพ์อะไร บ้างก็ถ่ายรูปแชร์เหตุการ์ณลงโซเชี่ยวเน็ตเวิร์คกันให้วุ่น คุณครูก็ต้องรีบพากันควบคุมนักเรียนให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแต่มันก็เป็นเรื่องยากเพราะหลายคนเริ่มจิตตกกันแล้ว มันไม่สามารถทำใจให้ปกติได้เมื่อรู้ว่าเพื่อนในโรงเรียนตายไปหลายคนเพราะไม่แน่รายต่อไปอาจจะเป็นตัวพวกเขาเอง
"ฉันก็ว่างั้น เรารีบออกไปข้างนอกกันเหอะ เพราะถ้าอยู่ในนี้เดี๋ยวอีกซักพักครูก็จะกักบริเวณไม่ให้นักเรียนออกไปไหนเพื่อความปลอดภัยแน่ๆ"ว่าจบทั้งคู่ก็เดินออกไปจากหอประชุมโดยอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งออกไปทางประตูหลัง
《 KILLING INDEFINITELY 》
เท้าเล็กๆเตะเศษใบไม้ที่ลอยปลิวตกลงมายังสนามเด็กเล่น อากาศเย็นๆของเกาหลีใต้หน้าหนาวในช่วงบ่ายทำให้คนตัวเล็กที่นั่งกินไอติมอยู่คนเดียวตรงชิงช้าไอออกปาก
คยองซูไม่มีเพื่อน...เขาอยู่คนเดียวมาสามปีแล้ว ครั้งนึงเขาเคยมีเพื่อนที่สนิทกันมากๆแต่ตอนนี้เพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้อยู่กับเขาอีกแล้ว เขาเคยคิดว่าตัวเองต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ
เมื่อตอนเด็กที่พ่อของเขาขับรถพาเขาไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด พ่อของเขาก็ต้องประสบอุบัติเหตุรถชนกับเสาไฟฟ้าข้างทาง เขาไปกับพ่อสองคนแต่มีเพียงเขาที่รอดมาได้ พอโตมาคยองซูไปทัศนศึกษากับเพื่อนทุกคนก็ตายมีเขาคนเดียวที่ไม่เสียชีวิต...
ถ้ามันจะต้องเป็นอย่างนี้คยองซูว่าเขาขอตายไปเลยให้จบๆซะดีกว่า กลับไปบ้านก็ต้องเห็นแม่ร้องไห้เสียใจกับเรื่องของพ่อมาหลายปี พอมาโรงเรียนเพื่อนที่เคยอยู่ด้วยกันก็จากไปหมดแล้ว โลกที่ไม่มีใครเคียงข้างมันอ้างว้างและทรมานเกินไปสำหรับโด คยองซู
"ฮยองเป็นอย่างงี้อีกแล้ว ทำไมถึงรับงานอะไรไม่บอกผมล่วงหน้าเลย"เสียงใครซักคนแว่วมาจากทางด้านหลัง คยองซูหันหลังชะโงกหน้าไปดูก็พบว่าตรงต้นไม้ใกล้ๆนี้มีผู้ชายคนนึงยืนคุยโทรศัพท์อยู่
"ผมมีสอบมิดเทอม อีกอย่างผมไม่ได้เข้าเรียนมาหลายอาทิตย์แล้ว ถ้าผมยังเอาเวลาเรียนไปรับงานผมสอบไม่ผ่านแน่"คยองซูชะเง้อหน้าไปมองชัดๆก็เห็นว่าผู้ชายที่คุยโทรศัพท์อยู่นั้นหล่อมากเลยทีเดียว คยองซูไม่คุ้นหน้ามาก่อนเลย หล่ออย่างกะดารานายแบบถ้าไม่ติดว่าเขาใส่ชุดนักเรียนของจองชินโจอยู่ คยองซูคงคิดว่าเป็นไอดอลที่ไหนหลงเข้ามาในโรงเรียน
"ผมรู้ว่าโรงเรียนสนับสนุนให้ผมมีชื่อเสียงแต่ผมแค่ต้องการเรียนหนังสือ ถ่ายแบบอะไรนั่นฮยองแคนเซิลไปเถอะ แค่นี้นะ"พอเจ้าของเสียงที่มีใบหน้าหล่อวางสายไปคยองซูก็รีบทำตัวให้เป็นปกติเหมือนเดิมโดยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นแล้วก้มหน้ากินไอติมโคนในมือตัวเองต่อ
"นายคิดว่ามารยาทคนเรา ฝึกกันจากที่ไหน"จงอินหนุ่มฮอตของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในวงการหลังจากที่ได้เดบิวต์เป็นไอดอลชื่อดังถามคยองซูที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จงอินพอจะรู้มาซักพักแล้วล่ะว่ามีคนแอบฟังเขาคุยกับเมเนเจอร์อยู่แต่เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยปล่อยไปแต่พอเห็นหน้าคนที่แอบฟังมันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งซักหน่อย
"พ่อแม่ไม่ได้สอนมาตั้งแต่เกิดเหรอว่าการแอบฟังคนอื่นคุยมันเสียมารยาท"จงอินเดินเข้าไปใกล้แล้วหยุดอยู่ข้างหลังคยองซูที่นั่งตัวแข็งทื่ออ้ำๆอึ้งๆด้วยความกลัว
"ผม...เปล่านะ"คยองซูเห็นว่าจงอินด่าพ่อแม่ตัวเองจึงหันหลังมาด้วยความเร็วโดยไม่รู้ว่าจงอินอยู่ข้างหลังชิงช้าที่ตัวเองนั่งในระยะประชิด
แผละ
และผลที่ได้รับคือ...การที่ไอติมรสมิ้นท์โปะลงไปตรงเสื้อของจงอินโดยไม่ตั้งใจ คยองซูเงยหน้ามองจงอินช้าๆก่อนที่จะพบกับสายตาอำมหิตที่อยู่บนใบหน้าหล่อๆ
"นี่นาย..."จงอินกดเสียงต่ำพร้อทกับยิ่นหน้าลงมาใกล้มองคยองซูด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"นายมาไม่บอกเองนะ ผมนึกว่านายยังอยู่ตรงนั้นซะอีกก็เลย...ไม่ทันระวัง"คยองซูพูดเสียงอ่อยกับตัวเองเขาก้มหน้าหงุดอย่างรู้สึกผิด
"เช็ดออกเดี๋ยวนี้"จงอินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆทว่ามันกลับทำให้คยองซูกลัวขึ้นมาได้
"อื้อ ขอโทษนะ"คยองซูรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับเช็ดเสื้อที่เปื้อนไอติมให้โดยเร็ว จงอินที่ก้มมองคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้นก็ถึงกับหลุดขำขึ้นมา
"ฮ่ะๆ นายเรียนอยู่ชั้นอะไร"จงอินถามพร้อมกับปล่อยให้คยองซูใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดคราบไอติมบนเสื้อเขาอยู่อย่างนั้น ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตว่าบนผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของคยองซูมีอักษรตัวkปักอยู่ kงั้นเหรอ...อันที่จริงชื่อในวงการของเขาก็คือไคที่มีตัวเคเหมือนกัน
"เกรดสิบสอง"คยองซูตอบสั้นๆก่อนจะเงยหน้าออกจากเสื้อจงอิน
"ชื่ออะไร ห้องไหนฉันอยู่เกรดสิบสองเหมือนกันทำไมไม่คุ้น"จงอินถามออกมาเป็นชุด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เขาอยากรู้จักคนตรงหน้าให้มากขึ้นเท่านั้นเอง
"ผมชื่อคยองซู อยู่ห้องD"ว่าจบคยองซูก็หันหลังเดินจากไปทิ้งให้จงอินยืนงงงวยอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวนะ...ถ้าเขาจำไม่ผิดห้องDมันถูกปิดไปนานแล้วไม่ใช่หรือไงกัน...
《 KILLING INDEFINITELY 》
MINSEOK PART
ผมเดินออกมาจากหอประชุมพร้อมกับลู่หาน เราไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเลยออกมานั่งตรงใต้ต้นไม้หลังโรงเรียนที่ลู่หานบอกว่าเขากับเซฮุนชอบมานั่งตรงนี้บ่อยๆ พูดถึงเซฮุนแล้วก็หงุดหงิดชะมัด อันที่จริงผมยังเคืองที่เขาปิดบังผมตอนนั้นนิดหน่อยนะ แต่ว่าถ้าไม่รีบหายโกรธ ไอ้เด็กบ้านี่ต้องแกล้งล้อผมเรื่องจูบต่อแหงๆ
"กะแล้วไม่มีผิด คุยกับจองอาในคาคาโอทอล์ค ยัยนั่นบอกว่าตอนนี้คุณครูทุกคนคุมไม่ให้เด็กออกจากหอประชุม"ผมพูดทั้งๆที่โทรศัพท์สายตายังคงจับจ้องไปที่โทรศัพท์ในมือ
"ทำอย่างนั้นแล้วคิดว่าจะปลอดภัยงั้นเหรอ ฉันว่าคนร้ายก็ยังอยู่ในโรงเรียนนี่แหละ"ลู่หานพูดพร้อมกับโน้มตัวลงมานอนตรงตักผมอย่างเนียนๆ เออ เอาเข้าไป ตั้งแต่ในหอประชุมแล้วนะ อย่าคิดว่าที่ไม่พูดนี่ไม่ใช่ไม่รู้นะไอ้เด็กบ้า
"นายคิดเหมือนฉันใช่มั้ยว่าคนร้ายคือคนในโรงเรียนเรานี่แหละ"สายลมแผ่วเบาลอยมาปะทะใบหน้าของผมจนต้องหลับตาเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้า ลมพัดเอาผมหน้าม้าบางส่วนที่ปรกหน้าของลู่หานพัดขึ้นมาจนเห็นโครงหน้าที่ชัดเจน
ผมเพิ่งรู้..นอกจากเด็กนี่จะหล่อแล้ว ยังหน้าหวานสุดๆ ถ้ามองให้หล่อก็จะหล่อชนิดแทบปลิดลมหายใจ(เว่อร์)แต่ถ้ามองให้สวย...เอาตามตรงนะ ต่อให้เพศเดียวกันก็ยังสามารถหลงเสน่ห์เขาได้ ลู่หานเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันจริงๆ
"ก็คงงั้น คงไม่มีไอ้โรคจิตที่ไหนมาไล่ฆ่าคนในโรงเรียนแบบนี้หรอก ต้องเป็นคนในโรงเรียนด้วยกันเองนี่แหละ"มันต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว มีใครซักคนที่คิดจะฆ่าพวกเราผมเองก็ไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นเหยื่อของมันหรือเปล่า...
"ถ้าเป็นเด็กนักเรียนคงหดหู่น่าดู ฆ่าคนตายทั้งที่อายุยังเด็ก"คิดแล้วก็สลดใจจริงๆนะ ไม่รู้ว่าไอ้ฆาตกรนั่นมันคิดจะฆ่าคนตายไปเพื่ออะไร ในวัยแบบนี้กลับฆ่าคนได้ลงคอคนแบบนั้นในใจคงมีปม
"หึ เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถหาคำตอบได้หรอก เค้าจะฆ่าใครซักคนอาจจะเป็นเพราะมีเหตุผลจำเป็นหรืออาจจะไม่มีเหตุผลก็ได้ แค่อาจจะรู้สึกว่าคนที่ตายมันไม่สมควรอยู่บนโลกนี้ก็เลยฆ่า"ลู่หานพูดพร้อมกับแสยะยิ้มน่ากลัวเหมือนนึกอะไรได้บางอย่าง
"นายมีอะไรงั้นเหรอ?.."ผมเอียงคอถามลู่หานที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงตักของผม
"ฮานึลตายในตอนนั้นอี้ชิงก็น่าสงสัยพอมายูซอง ผู้หญิงคนนั้นก็เพิ่งมีแววว่ากำลังกุ๊กกิ๊กอยู่กับแฟนใหม่สุดที่รักของไอ้บ้านั่น นายคิดว่ายังไงล่ะ"ลู่หานลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองเข้ามาที่นัยน์ตาของผม สายตาทะเล้นๆที่ลู่หานใช้มองผมเป็นประจำในตอนนี้ผมได้เห็นมันชัดขึ้นเพราะเขานอนอยู่ตรงตักผม
"นายกำลังจะบอกว่าอี้ชิงคือคนฆ่าฮานึลเหรอ มันเป็นอุบัติเหตุนี่"ผมพูดพร้อมกับเสมองไปทางอื่นเพราะทนเขินกับสายตาลู่หานไม่ได้
"ก็ใช่ แต่มันแปลก อุปกรณ์อื่นๆที่เหมาะสมจะเอามาทำฉากก็มีตั้งเยอะแยะทำไมต้องเป็นแท่งไม้แหลมๆ แถมวันที่ฉันทำฉากกับเพื่อนในห้องฉันก็จำได้ว่าที่หลังเวทีไม่มีไอ้ของพรรค์นั้นอยู่เลยแต่พอวันแสดงมันกลับกลายเป็นอาวุธที่ปลิดชีวิตยูซอง"นั่นสินะ จะว่าไปตอนเที่ยงๆ ผมกะว่าจะไปหาลู่หานที่หลังเวทีเพราะคิดว่าเขากำลังเตรียมการสำหรับละครเวทีของห้องในตอนบ่ายและในตอนนั้นเองที่ผมเห็นอี้ชิงยืนลับๆล่ออยู่ตรงหลังเวทีซึ่งเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกิจกรรมนี้เลย
"ตอนเที่ยงที่ฉันตามหานายฉันก็เห็นอี้ชิงจริงๆอ่ะแหละ เขาอยู่ตรงหลังเวที"
"เหอะ กะแล้วไม่มีผิด อย่าบอกนะว่าหมอนั่นแค้นยูซองที่ไปยุ่งกับคริสอ่ะ"
"แต่...ถึงกับฆ่าเลยเหรอ เรื่องแค่นี้นี่นะ"ผมทำหน้าตาเหลือเชื่อเพราะไม่คิดว่าจะมีใครทำขนาดนี้ได้เพียงเพราะหึงหวง
"อี้ชิงร้ายกาจกว่าที่นายคิด ตอนที่คบกับเซฮุนอยู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง ทุกคนที่เผลอเอาตัวเข้าไปใกล้เพื่อนของฉันก็โดนหมอนั่นจัดการไม่มีชิ้นดี จะผู้หญิงจะผู้ชายถ้ามายุ่งกับแฟนของพี่แกล่ะก็...ไม่ตายดี"
"จริงเหรอ ฉันไม่คิดว่าเขาจะโหดร้ายขนาดนั้นนะ"
"นายมันปิดโลกไม่รับรู้อะไรเลยหรือไง ตอนที่มีผู้หญิงมาพูดกับเซฮุนเฉยๆไอ้บ้านั่นถึงกับขังไว้ในห้องเก็บของหลังโรงเรียนเป็นอาทิตย์เลยนะ"
"ขะ...ขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้ห้องนั่นมันสกปรกมากเลยนะ มีหนูมีงูสารพัดสัตว์มีพิษเยอะแยะ แถมยังอับชื้นอีกต่างหากแค่อยู่ไม่กี่ชั่วโมงก็แทบขาดใจตายแล้ว"
"ใช่ ฉันถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นพอออกมาได้ถึงอาการทรุดราวกับจะตายให้ได้ซะขนาดนั้น"
"น่ากลัวชะมัด..."ผมกลืนน้ำลายตัวเองลงคอด้วยความยากลำบาก พลางคิดไปว่าถ้าผมเผลอไปยุ่งกับคริสจะมีสภาพเป็นยังไง
"อี้ชิงน่ะโรคจิตชัดๆ"ลู่หานพูดพร้อมกับตะแคงตัวและหันหน้ามาทางขวาซึ่งมันทำให้ใบหน้าของเขาซุกอยู่ตรงเป้ากางเกงผมเต็มๆ
"เฮ้ย!!"
ผัวะ!
ผมกับเขาประเสียงพร้อมกันด้วยความตกใจไอ้เสียงเฮ้ยน่ะเสียงผมกับเขาแต่ผัวะอ่ะ...เสียงฝ่ามือผมกระทบกระโหลกเขาเองล่ะ ก็ทำไงได้ล่ะ...คนมันตกใจนี่นา เลยตบหัวไปซะแรงเลย
"เจ็บนะ"ลู่หานรีบผละออกจากออกจากผมและลุกขึ้นมานั่งกุมหัวตัวเองหลังจากที่ผมตบไปเต็มแรง
"ก็มัน...ใครใช้ให้นายเอาหน้ามาโดนตรงนั้นเหล่า -///-"ผมแทบหยุดหายใจแน่ะ อยู่ดีๆก็หันมาแบบไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียงหัวที่วางอยู่ตรงตักผมเมื่อกี้เลยปะทะกับซอกมินิ(?)ของผมเต็มๆ มัน...มัน ให้ตายสิ
"คิดว่าฉันตั้งใจหรือไง ฉันไม่ได้โรคจิตเอาหน้าไปซุกเป้าใครนะ"ลู่หานทำหน้าบูดใส่ผมเหมือนเด็ก พลางทำปากคว่ำหน้างอเรียกร้องความสนใจ
"เหอะ วันหลังห้ามมายุ่งกับตรงนี้นะ"ผมถ่อยห่างออกมาจากเขาประมาณหนึ่งเมตรราวกับเด็กนี่เป็นเชื้อโรค
"รู้แล้วหน่า...ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ตั้งใจ มันลืมตัว"ผมหันหลังให้เขาพร้อมกับหยิบs5ของตัวเองที่ลงทุนเก็บตังค์ซื้อเองขึ้นมาเล่นเกมส์โดยที่ไม่ได้หันไปมองเขา
"ไม่โกรธกันใช่มั้ย เปาซึ"เสียงลู่หานดังขึ้ยมาใกล้ๆผม คาดว่าเขาน่าจะเขยิบมาหาผม ตอนนี้ผมนั่งหันหลังให้เขาอยู่
"ทำไมต้องโกรธด้วย"แค่อายเฉยๆต่างหาก... "ก็นายเงียบไม่ได้แปลว่าโกรธเหรอ"ลู่หานยังคงตอแยผมไม่เลิกเด็กนี่ใช้อะไรบางอย่างที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นเท้าเขี่ยหลังผม นี่เขาเคยเห็นผมเป็นรุ่นพี่บ้างไหมเนี่ย!?
"ตรรกะอะไรของนาย"
"งั้นมาสร้างกฎกัน"เสียงนั้นเข้ามาใกล้กว่าเดิม ให้เดาเขาคงเขยิบมานั่งติดหลังผม เอาตามตรงนะ พวกเราทำเหมือนที่นี่เป็นห้องนั่งเล่นในบ้านเลยทั้งๆที่ความจริงมันก็แค่พื้นหญ้าที่อยู่ข้างต้นไม้ขนาดใหญ่เท่านั้นเอง
"กฎบ้าบออะไร"ผมยังคงก้มหน้าก้มตาทำคะแนนในเกมส์อยู่ ถึงแม้ว่าในใจจะไม่สามารถสงบสุขได้ที่รู้ว่าเขาแคร์ความรู้สึกผมด้วย ถ้าผมโกรธเขาและคิดมากจริงๆ ผู้ชายคนนี้คงจะสนใจผมมาก ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องแคร์เลยด้วยซ้ำแต่เขาก็ยังขอโทษผม มีหลายครั้งที่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงรู้สึกดีกับผู้ชายอย่างเขาได้มากเพียงนี้ อาจเป็นเพราะทุกครั้งที่ผมรู้สึกแย่เขาจะเป็นคนแรกที่อยู่เคียงข้างผมหรือเปล่า
"ก็...ถ้านายโกรธฉันแต่ไม่อยากพูดมันออกมา ให้นายหลบหน้าฉัน ฉันจะตามหานายจนเจอแล้วง้อแต่ถ้าไม่ได้โกรธอะไรก็ห้ามเงียบใส่ฉัน ไม่งั้นฉันจะเข้าใจว่านายโกรธและก็จะคะยั้นคะยอให้นายพูดด้วยจนรำคาญ"
"เป็นเจ้าชีวิตฉันหรือไงถึงได้สั่งนู่นสั่งนั่นสั่งนี่"ผมรีบหันขวับไปหาเขา พร้อมกับทำหน้าหงิกงอไม่พอใจใส่แต่ลู่หานก็เอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น
"มันแฟร์กับฉันแล้วก็แฟร์กับนายไง บางทีนายก็ไม่อยากพูดตรงๆกับฉันว่าโกรธแต่ก็อยากให้ฉันง้อนายใช่มั้ยล่ะ"ลู่หานยังคงยิ้มใบหน้าของเขายังคงมีความสุขแม้ว่าตัวเองกำลังจริงจังอยู่ก็ตาม
"เลิกยิ้มซักทีเถอะหน่า มองหน้าคนอื่นแล้วยิ้มมันขนลุกนะ"ผมพูดพร้อมกับดันใบหน้าเขาออกห่างจากตัวผม
"ทำไมล่ะ นายคือความสุขเดียวของฉันที่หลงเหลืออยู่นะ แล้วทำไมฉันจะไม่มีสิทธ์ยิ้มเวลาได้เจอความสุขของตัวเองล่ะ :)"
"หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว ตกลงก็ได้ ถ้าโกรธจะหายหน้าไปไม่ให้เห็นเลย"ผมรีบตอบตกลงก่อนที่ลู่หานจะพร่ำเพ้อไปมากกว่านี้
"งั้นก็ดี ฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ทำให้นายหายไปไหน จะไม่ทำให้นายโกรธ"
"หึ รักษาสัญญาไว้ล่ะ อย่าให้ฉันหายไปไหนละกัน"ผมแค่นยิ้มบางๆให้ลู่หานที่ไม่ยอมหุบยิ้มซักที
"ลู่เก่อจะรักษาเปาซึไว้ให้ดีเลย...จริงๆนะ"เสี่ยวลู่หาน...นายมันเด็กน้อยจริงๆ
《 KILLING INDEFINITELY 》
ผมแยกกับลู่หานแล้ว เขาบอกนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เพื่อนที่ห้องนัดกันไว้ว่าจะกินเลี้ยงกันหลังจากเสร็จงานวิชาการที่ตัวเองเหนื่อยมาหลายวัน ลู่หานปฎิเสธไม่ได้ก็เลยต้องไป
เฮ้อ คนเรานี่ก็นะ เพื่อนตายทั้งคนยังมีกะจิตกะใจมากินเลี้ยงกันอีก ผู้หญิงที่ชื่อยูซองไม่ได้มีความสำคัญกับพวกเขาเลยสินะ ผมเดินมาเอากระเป๋าตรงล็อคเกอร์คนเดียวตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมเดี๋ยวนี้ผมถึงกลับช้าตลอด โชคดีที่แม่ไม่ได้สนใจอะไรเลยไม่โดยบ่นแต่ผมก็ไม่กลับช้าเพราะถเลถไลนี่นา มันเป็นเหตุจำเป็นอย่างเช่นวันนี้
จงแดฝากเพื่อมผมมาบอกว่าจงแดทำโทรศัพท์หาย เขาวานให้ผมช่วยไปหาให้หน่อยแถวสระว่ายน้ำเพราะจงแดกลับบ้านไปแล้วเลยขอให้ผมหาให้แทน ผมเลยต้องรีบมาหาให้ก่อนที่สระว่ายน้ำจะปิด
ผมหยิบกระเป๋าออกมาจากล็อคเกอร์เก็บของเสร็จสรรพกำลังจะเดินไปที่สระว่ายน้ำแต่ว่าเห็นใครบางคนอยู่ตรงข้างๆล็อคเกอร์ฝั่งริมสุดตรงด้านนอก เหมือนคนคนนั้นกำลังจะหาอะไรบางอย่างอยู่แต่มันแปลก...ทำไมต้องลับๆล่อๆเหมือนกับจะมาขโมยของ
"นั่นใครอ่ะ!?"ผมลองตะโกนถามออกไปเพราะถ้าเป็นโจรจริงๆมันก็คงจะตกใจหนีไป ถ้าไม่ใช่ก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่ทว่าพอได้ยินเสียงของผมมันก็รีบวิ่งออกไปจากทางช่องประตูด้านหลังที่อยู่ข้างใน เพราะความมืดที่มากซะจนทำให้ผมไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ผมรีบวิ่งตามไปทว่าคนร้ายกับหนีออกไปทางช่องประตูด้านหลังได้ก่อน ผมเห็นไม่ชัดนักดูจากขนาดตัวก็แทบแยกไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมเดินมายังล็อคเกอร์ที่ถูกงัดแงะเมื่อกี้มันคือล็อคเกอร์ของ...จงแด
ผมก้มลงมองพื้นก็พบกับสิ่งของบางอย่างที่ตกอยู่บริเวณนั้น พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันคือเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนเรา เข็มกลัดจะมีอยู่สองแบบ แบบแรกจะติดตรงกระเป๋าเสื้อนักเรียนด้านซ้ายซึ่งให้ผู้ชายผู้ชายติด แต่ไอ้สิ่งที่ผมเจอมันคือเข็มกลัดที่เอา ไว้ติดตรงคอปกเสื้อซึ่งมันเป็นของนักเรียนหญิง...คนร้ายเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ
《 KILLING INDEFINITELY 》
ฟุบ!
เสียงเตียงของผมยุบลงไปทันทีที่ผมทิ้งตัวลงนอน ผมกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกกังวลใจบางอย่าง สิ่งที่ผมสันนิษฐานมันดูคลาดเคลื่อนไปซะหมดหลังจากที่เห็นหลักฐานเมื่อตอนเย็น ผมคิดว่าผมต้องเริ่มเดาเกมส์ใหม่ทั้งหมด...
ติ๊ง!
ผมกลิ้งตัวไปหยิบโทรศัพท์ข้างหัวเตียงขึ้นมาก็เลื่อยดูหน้าจอเมื่อมีคนไลน์มาหาและคนคนนั้นไม่ใช่ใคร...ลู่เก้อ เด็กนั่นส่งรูปอาหารที่ดูเหมือนจะไปกินเลี้ยงกับเพื่อนวันนี้มา เนื้อหลากหลายชนิดถูกวางไว้ในถาดสวยงามน่ากินจนผมอยากจะไปหาเขาซะตอนนี้ โอ๊ย หิวว่ะ ถ่ายมายั่วกันหรือไงห๊า และสักพักเขาก็ส่งข้อความในไลน์มาหาผม...
Luge : ฉันกินเผื่อนายเยอะเลย อิ่มมั้ย เปาซึ~
Baozi : อิ่มบ้านแกสิ ไอ้เด็กบ้า คิดจะยั่วน้ำลายฉันหรือไง
Luge : ฮ่าๆ ถ้าหิวก็หาข้าวกินซะนะ
Baozi : อะไรของนาย =__=
Luge : อย่าเครียดเรื่องคดีมากเกินไปเลย เดี๋ยวซักวันก็รู้เองแหละว่าใครเป็นคนร้าย
Baozi : แล้วฉันต้องรอไปอีกนานแค่ไหนล่ะ ต้องมีคนตายไปอีกเท่า
ไหร่
Luge : เอาเถอะหน่า ยังไงก็อย่าซีเรียสล่ะ
Baozi : ขอบใจ จะไปนอนแล่ว
Luge : ครับ Goodnight :)
ทำไมต้องเป็นห่วงกันขนาดนั้นด้วยนะ ไอ้เด็กบ้า...
โปรดติดตามตอนต่อไป
140523
เรื่องนี้ยังคงมีพี่คริสต่อเสมอแม้ว่าสถานการ์ณของวงจะเป็นยังไงก็ตาม
PS. พี่ลู่ แซ่ลู่ ชื่อหานนะจ๊ะ นางไม่ได้นามสกุลเสี่ยว แต่เราเอาฉายาที่แฟนจีนเรียกพี่ลู่มาใช้เป็นนามสกุลเพื่อไม่ให้ชื่อสั้นไปเท่านั้นเอง อย่าสับสนหรือเข้าใจผิดน้า เราบอกเผื่อบางคนยังงงอยู่
140817
*ควรอ่าน แก้ไขคำใบ้นะคะ จากที่ใบ้ว่า เลขคู่ตัวสะกดแก้เป็นเลขคู่ ตัวสระ นะคะ
#ฟิคฆ่า ขอบคุณสำหรับแท็กและคอมเม้นท์มากค่ะ
เรื่องนี้ยังคงมีพี่คริสต่อเสมอแม้ว่าสถานการ์ณของวงจะเป็นยังไงก็ตาม
PS. พี่ลู่ แซ่ลู่ ชื่อหานนะจ๊ะ นางไม่ได้นามสกุลเสี่ยว แต่เราเอาฉายาที่แฟนจีนเรียกพี่ลู่มาใช้เป็นนามสกุลเพื่อไม่ให้ชื่อสั้นไปเท่านั้นเอง อย่าสับสนหรือเข้าใจผิดน้า เราบอกเผื่อบางคนยังงงอยู่
140817
*ควรอ่าน แก้ไขคำใบ้นะคะ จากที่ใบ้ว่า เลขคู่ตัวสะกดแก้เป็นเลขคู่ ตัวสระ นะคะ
#ฟิคฆ่า ขอบคุณสำหรับแท็กและคอมเม้นท์มากค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น