ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : KILLING INDEFINITELY : chapter 3 ผู้ต้องสงสัยรายแรก
cinna
monbr />
3
ผู้ต้องสงสัยรายแรก
《 KILLLING INDEFINITELY 》
"นายกินข้าวเที่ยงหรือยัง"ลู่หานถามผมพร้อมกับยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้ผม ก่อนหน้านี้ซักยี่สิบนาทีผมนั่งรอเขาซึงเข้าไปถามเกี่ยวกับคดีอยู่ตรงแถวบันไดอาคารสาม ตอนนี้โรงเรียนเรามีคนตายเพิ่มมาอีกแล้วหนึ่งคน...
"ยัง ฉันนั่งรอเพื่อนอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างตึกแต่พอได้ยินเสียงคนร้องก็รีบวิ่งมาดูก่อนเลยไม่ทันได้ไปกินข้าวกับเพื่อน"พูดถึงเรื่องกินข้าวอันที่จริงผมบอกจองอาไว้ว่าผมจะรอตรงข้างตึกทว่าเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นว่าเธอจะมาตามนัด ถ้ายัยนั่นมาถึงแล้วไม่เห็นผมก็คงไปกินก่อนแล้วล่ะมั้ง
"งั้นกินนี่ไหม"ลู่หานนั่งรอข้างๆผมพร้อมกับวางกล่องข้าวไว้ตรงหน้า
"นี่นายห่อข้าวมากินที่โรงเรียนด้วยเหรอเนี่ย"ผมทำหน้าตาเหลือเชื่อไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย คือไม่ใช่อะไรหรอก แต่ลู่หานเนี่ยนะ!?
"ก็อืม ทำไมเหรอ"ลู่หานตอบหน้าตายก่อนจะค่อยๆแกะห่อข้าวที่ข้างในเป็นคิบบับหน้าตาน่ากิน
"แลดูสาวน้อยแฮะ"ผมตอบพร้อมกับรับตะเกียบจากเขามาและลองคีบข้าวห่อสาหร่ายหรือคิมบับชิมนึงคำ งืมๆ อร่อยแฮะ
"ฮ่าๆ ฉันก็คิดว่างั้น แต่เพราะใครบางคนฉันเลยต้องให้แม่ทำข้าวกล่องมากินที่โรงเรียนทุกวัน เขาไม่ค่อยชอบกินข้าวที่โรงอาหารน่ะ"ลู่หานหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะหยิบคิมบับที่ห่อไว้ในถุงแยกต่างหากมากินบ้าง
"นายหมายถึงเซฮุนหรือเปล่า"ลู่หานชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเศร้าๆให้กับคำถามของผม
"อืม ฉันกับเขาชอบกินข้าวกล่องด้วยกันแค่สองคนน่ะ เราชอบมานั่งกินกันแถวๆนี้แหละ"รอยยิ้มที่ดูไม่สดใสของลู่หานทำให้ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าพูดออกไปเลย เขาคงจะรู้สึกแย่แน่เลยเพื่อนสนิททั้งคนเพิ่งเสียไป ผมที่มันปากเสียจริงๆเลย
"ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันพอทำใจได้แล้วล่ะ ถึงนายไม่พูดออกมาฉันก็คิดถึงหมอนั่นอยู่ดี ผ่านมาทางนี้ทีไรความทรงจำเก่ามันก็ย้อนเข้ามาในหัวตลอด"และดูเหมือนเขาจะอ่านความคิดผมได้แฮะ
"งั้นเปลี่ยนที่ไหม"ผมพูดทั้งที่คิมบับยังคงเต็มปาก
"ไม่เป็นไรหรอก ตรงนี้แหละฉันจะได้รู้สึกว่าเขายังคงอยู่ข้างๆ"
"เฮ้ยๆๆ พูดอย่างงี้ฉันหลอนนะเว้ย"ผมร้องเสียงสูง จู่ๆขนแขนก็ลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"ฮ่าๆ รีบกินเถอะหน่า"ว่าจบเขาก็ก้มหน้าก้มตากินคิมบับต่อ พวกเราเอาแต่กินกับกินเลยไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนผมต้องทำลายความเงียบด้วยการพูดกับเขา
"ได้เรื่องว่าไงบ้างอ่ะ ที่ไปคุยกับพวกตำรวจเมื่อกี้"นี่คงเป็นครั้งที่สองแล้วมั้งที่มีตำรวจมาอยู่ที่โรงเรียนผม ผมคิดว่านี่เริ่มไม่ใช่เรื่องตลกแล้วนะที่มีคนตายในโรงเรียนถึงสองคน
"ตำรวจเขาบอกว่าเด็กๆให้การเหมือนกันหมดนั่นก็คือฮานึลฆ่าตัวตาย"ลู่หานที่กินอยู่ทำหน้าสีหน้าจริงจังในใจเขาดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"ฮานึล?เด็กเกรดสิบที่เป็นประธานชมรมวิทย์ฯน่ะนะ"ผมวางคิบบับลงเพราะเริ่มกินมันไม่ลงแล้ว
"อืม นายว่ามันแปลกๆไหม"รู้สึกเหมือนกันสินะ...
"นายกำลังจะบอกว่ามันแปลกใช่ไหมที่มีคนจะฆ่าตัวตายแต่กลับไม่มีใครที่อยู่ชั้นบนเข้ามาช่วยเลย"ลู่หานเงยหน้ามองผมพลางยกยิ้มขึ้นบางๆเป็นเชิงว่าผมตอบถูก
"เข้าใจอะไรง่ายดีหนิ แต่ที่แปลกกว่านั้นนายรู้ไหมว่าคืออะไร...เด็กทุกคนที่อยู่ชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นที่ฮานึลอยู่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครเห็นฮานึลกำลังจะกระโดดลงไปเลยในขณะที่คนอยู่ข้างล่างก็บอกว่าพวกเขาเห็นฮานึลกำลังจะกระโดดลงมาและพยายามตะโกนห้ามแต่เธอไม่ฟัง ผู้หญิงคนนั้นดูเหม่อลอยอะไรบางอย่างเธอค่อยๆกระโดดลงมาจากทางระเบียง เหมือนเธอเพิ่งจะรู้ตัวก็ต่อเมื่ออยู่กลางอากาศและร่วงตกลงมาในที่สุดเมื่อเธอตกมาถึงพื้น เธอยังไม่ตายและยังมีลมหายใจอยู่ ทุกคนบอกว่าเธอดูเหมือนตกใจอะไรบางอย่างบนตึกและแสดงความกลัวออกมาสุดขีดก่อนจะค่อยๆสิ้นลมหายใจ"
"แปลก...ไม่มีใครบนตึกเห็นเลยทั้งที่คนอยู่บนนั้นก็ไม่ใช่น้อย เดินผ่านไปผ่านมาก็เยอะแยะ"
"ฉันก็ว่างั้น แต่ตอนนี้ตำรวจฟังคำให้การของเด็กนักเรียนและปิดคดีไปเรียบร้อยโดยสรุปว่าผู้ตายขาดสติและฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกลงมา"
"เฮ้อ แล้วนี่เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ยังไงฉันก็ว่าเรื่องต้องมีเบื้องลึกอะไรแน่ๆ"
"ทำไงได้ล่ะ ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอกระโดนตึกลงมาเอง ตำรวจก็เลยสรุปคดีแบบนั้นจะให้แปลกยังไงเรื่องนี้ก็คงจบด้วยการฆ่าตัวตาย"สีหน้าลู่หานดูไม่สู้ดีนัก เด็กคนนี้คงรู้สึกแย่ที่สืบอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ทั้งที่เรื่องพวกนี้มันเป็นหน้าที่ของเขา
"ก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้มีใครตายไปมากกว่านี้เลย"พูดจบผมก็คีบคิมบับเข้าปากต่อ
"หึ นายนี่มันกินเก่งชะมัด ฉันนึกว่านายจะอิ่มซะแล้วอีก"ลู่หานหัวเราะเบาๆก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบเม็ดข้าวที่เปื้อนปากผมอยู่เมื่อกี้
"เปื้อนนานยังเนี่ยย"ผมถามเขาเสียงหลง หวังว่ามันคงจะไม่ได้ติดมาตั้งแต่คำแรกที่ผมกินหรอกนะ
"กี่ขวบแล้ว หืม"เขาไม่ตอบคำถามผมแต่ฉีกยิ้มบางๆให้ราวกับผมเป็นเด็กน้อย
"ฉันโตแล้ว...เอ๊ะ!?"ผมที่เตรียมจะโวยกลับต้องชะงักทันทีเมื่อมองไปตรงด้านหลังก็เห็นอี้ชิงยืนทำลับๆล่อๆอยู่ข้างตึกอาคารสาม ไหนเพื่อนในห้องบอกว่าวันนี้เขาไม่มาไง ตอนเช้าที่ผมจะไปถามหาเขาในห้องเรียนเพื่อนของเขาก็บอกว่าวันนี้อี้ชิงขาดเรียนแต่ทำไมตอนนี้ผมถึงเห็นเขาอยู่ที่โรงเรียนล่ะแถมเขายังไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนด้วยแฮะ
"อะไรเหรอ"ลู่หานถามผมก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลังตามสายตาผม
"ลู่เก่อ"
"ห๊ะ"ลู่หานขานกลับเสียงสูงอาจเป็นเพราะแปลกใจที่อยู่ๆผมก็เรียกฉายาเขาขึ้นมา
"ฉันว่าเรามาเริ่มงานของเราดีกว่า"
MINSEOK END PART
ลู่หานและมินซอกตัดสินใจสะกดรอยตามอี้ชิงมาอย่างเงียบๆโดยทั้งคู่ตั้งใจว่าจะดูท่าทางของอี้ชิงก่อนแล้วค่อยเข้าไปถามอี้ชิงเรื่องเซฮุนอีกที ถ้าให้ยอมรับตรงๆมินซอกเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันควรจะเริ่มยังไงดี จะให้เดินไปถามตรงๆว่าอี้ชิงฆ่าเซฮุนหรือเปล่าไก่ก็คงตื่น ถึงจะฆ่าจริงๆก็คงไม่มีใครยอมรับหรอกว่าตัวเองฆ่าคนตายอีกอย่างมินซอกก็เริ่มรูสึกไม่มั่นใจกับลางสังหรณ์ตัวเองซะแล้วสิ
ทั้งเขาและลู่หานต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีเบื้องลึกมากกว่านั้น อาจจะมีใครบางคนที่ซ่อนอยู่ซึ่งมินซอกและลู่หานต่างก็ยังหาไม่เจอ ใครซักคนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายไปมากยิ่งขึ้น
"ทำไมหมอนั่นถึงต้องบอกคนอื่นด้วยว่าตัวเองไม่มา"มินซอกทำหน้างงด้วยความไม่เข้าใจ แก้มยุ้ยๆพองลมไปมาอย่างใช้ความคิด ทุกการกระทำที่แสนน่ารักของมินซอกอยู่ในสายตาของลู่หานหมด คนบ้าอะไรวะ ใช้ความคิดแล้วต้องอมแก้มป่องๆ อย่างกะเด็กสามขวบ หึๆ
"อาจจะเป็นเพราะต้องการลดข้อสงสัยก็ได้นะ แกล้งทำทีว่าวันนี้ตัวเองป่วยอยู่บ้านเพื่อให้ไม่มีใครสังเกต"แต่แม้ลู่หานจะคิดว่ามินซอกน่ารักแค่ไหนเขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ตัวเองจะมาสนใจเรื่องพวกนี้เขาจึงเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ
"อืม"อีกแล้วอมแก้มอีกแล้ว...
"ทุกครั้งที่จะมีคนตายในโรงเรียนหมอนั่นก็ชอบลาป่วยไม่ก็ขาดเรียนแต่สุดท้ายก็มีคนเห็นเขาอยู่ที่โรงเรียนตลอด"ลู่หานพูดพลางหยิบหมากฝรั่งในกระเป๋าขึ้นมาเคี้ยว
"งั้นเราเข้าไปถามเขาเลยดีกว่า"
"เห๊ย เดี๋ยวก่อน"ว่าจบมินซอกก็เดินตรงไปหาอี้ชิงที่แอบมองอะไรบางอย่างเหมือนกับกลัวว่าใครจะเห็น อี้ชิงดูหวาดระแวงกับบางสิ่ง
"นี่นาย"มินซอกจับบ่าของอี้ชิงเพื่อเรียกให้คนตัวสูงกว่าเขานิดนึงหันมาดู แต่ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือ...
ผลัก!!
"อย่าๆ อย่านะ ฉันขอโทษ ฉัน...ฉัน อย่าหลอกฉันเลย"อี้ชิงที่ไม่ทันได้มองด้านหลังตกใจสุดขีดจนเผลอผลักมินซอกลงไปนั่งกับพื้น
"ทำบ้าอะไรของนาย!"ลู่หานที่วิ่งตามารีบเข้ามาพยุงมินซอกขึ้นจากพื้นส่วนมินซอกที่ล้มก้นจ้ำเบ้าก็ลูบก้นน้อยๆของตัวเองเบาๆด้วยความเจ็บ
"อะไรกัน ฉันนึกว่า..."อี้ชิงที่ได้สติหน้าเจื่อนลงไปทันทีเมื่อถูกลู่หานตวาดใส่เมื่อกี้ อี้ชิงทำท่าว่าจะมาช่วยมินซอกแต่ก็ชะงักไว้ก่อนเมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา ถ้าผู้ชายคนนี้มาแบบให้ซุ่มให้เสียงเขาก็คงไม่ตกใจจนเผลอผลักลงไปกองกับพื้นหรอกแถมยังเป็นเวลาแบบนี้ด้วยเป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นแหละ
"ฉันผิดเองแหละที่จู่ๆก็โผล่มาขอโทษด้วยละกัน"มินซอกเอ่ยขอโทษอี้ชิงก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้ต้องสงสัยของเขา
"เหอะ ช่างมันเถอะ ว่าแต่นายมีธุระอะไรกับฉัน"อี้ชิงกอดอกมองมินซอกทางปลายสายตาอย่างเย่อหยิ่งตามนิสัยเคยชินของตัวเอง
"จะเริ่มไงดีล่ะ"มินซอกเกาหัวตัวเองแกรกๆ ไอ้ตัวเขาก็ไม่ทันคิดด้วยสิ พอไม่ได้ทันตั้งตัวเขาก็เลยไปไม่เป็น
"ทำไมวันที่เซฮุนตายนายถึงบอกว่าลาป่วยแต่คนอื่นกลับเห็นนายอยู่ที่โรงเรียน"คราวนี้เป็นลู่หานเองที่ถามขึ้นมา ใบหน้าหล่อมีสีหน้าตึงเครียดราวกับจะคาดคั้นเขาเป็นนัยๆ
"ถามอย่างงี้หมายความไง"อี้ชิงตอบกลับไปเสียงแข็ง บริเวณนี้ไม่มีใครเพราะเด็กนักเรียนเข้าเรียนกันไปหมด เหล่าบรรดาอาจาร์ยก็ต่างวุ่นอยู่กับเรื่องการตายของฮานึล
"วันนี้ก็ด้วย มีคนตายนายไม่ได้มาแต่สุดท้ายก็โผล่มาที่โรงเรียน"ลู่หานไม่ได้ตอบคำถามของอี้ชิง เขาพูดถึงสาเหตุบางอย่างซึ่งทำให้อี้ชิงรู้กลายๆว่าสองคนนี้กำลังสงสัยเขาอยู่
"นี่อย่าบอกนะว่านายคิดว่าฉันคือคนที่ฆ่าเด็กคนนั้น"อี้ชิงกลอกตาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคน
"เปล่า แค่สงสัย"ลู่หานพูดไปงั้นล่ะ ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าอี้ชิงจะเป็นฆาตกรหรอกแต่พอเห็นนิสัยแบบนี้หมอนี่ถ้าเคยฆ่าใครมาก็คงไม่แปลก
"งั้นก็ล้มเลิกความคิดซะ"ว่าจบอี้ชิงก็เดินกระแทกไหล่ลู่หานไปโดยไปลืมที่จะหันมาทิ้งคำพูดชวนให้อารมณ์เสีย
"ถ้าคิดจะสงสัยใครจริงๆ คนที่ยืนอยู่ข้างนายมีโอกาศเยอะกว่าฉันนะ หึ"
อี้ชิงกรีดยิ้มร้ายให้ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้มินซอกเจ็บใจกับคำพูดยุยงนั้นแต่มินซอกก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ ใบหน้าอ่อนกว่าวัยหันไปมองลู่หานที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
"นายคงเริ่มไม่ไว้ใจฉันแล้วสินะ"มินซอกพูดเสียงอ่อย เขาพอรู้ตัวดีว่าตอนนี้เขามันน่าสงสัยที่สุดแต่เด็กคนนี้ก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อใจเขาเพียงเพราะหลักฐานที่อยู่เล็กน้อย
"ไม่ใช่หรอก ฉันแค่เริ่มสงสัยใครอีกคนน่ะ"
"เห๊?"
"คริส...เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน"
"ก็ไม่รู้สิ"มินซอกยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เขากังวลว่าลู่หานจะไม่ไว้ใจเขา
"เฮ้ๆ ไม่ต้องเครียดหรรอกหน่ายังไงฉันก็ไม่คิดว่านายเป็นคนร้ายอยู่ดี แม้ตอนแรกจะสงสัยเพราะสถานการ์ณมันบังคับแต่พอได้ลองคุยกับนายเรื่อยๆฉันก็รู้ว่าคนอย่างนายฆ่าใครตายไม่เป็นหรอก"ลู่หานเดินเนียนเข้ามาโอบไหล่มินซอกเหมือนปลอบใจ แต่ทว่าโดนมินซอกสะบัดออก มันไม่ใช่...มินซอกไม่เคยรู้สึกแปลกๆแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่สกินชิพกับเขาความรู้สึกที่ส่งผ่านออกมามันก็ไม่เกินคำว่าเพื่อนตลอดแต่สัมผัสของลู่หานมันแปลกๆ
"งืม ว่าแต่ทำไมถึงคิดว่าแฟนของอี้ชิงเป็นคนร้ายล่ะ"
"อาจจะไม่ได้เป็นคนร้ายแต่อาจจะเป็นคนร่วมมือกับอี้ชิง"สายลมเย็นยะเยือกบางอย่าง พัดผ่านมาทำให้ทั้งคู่ขนลุกอย่างห้ามไม่ได้ มันมีไม่กี่อย่างหรอกที่ชอบมากับลม...
"ฉันว่าเราเข้าเรียนกันก่อนเถอะ นี่ก็เกินเวลาพักมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว"มินซอกพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"อืม งั้นแยกกันตรงนี้ละกัน"ลู่หานโบกมือนิดหน่อยก่อนจะเดินเไปตรงตึกเรียนของตัวเองส่วนมินซอกก็แยกกลับไปที่อาคารเรียนของเด็กเกรดสิบสองเช่นกัน
บางที...มินซอกก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีอะไรบางอย่างที่ลึกมากกว่านั้น อะไรบางอย่างที่เขาก็มองไม่เห็นเหมือนกัน
《 KILLING INDEFINITELY 》
3
ผู้ต้องสงสัยรายแรก
เรียวขายาวของใครบางคนก้าวเท้าเร็วราวกับหนีอะไรบางอย่าง ในเวลาเย็นจนตะวันลับขอบฟ้าแบบนี้ทว่ายังมีเด็กนักเรียนคนนึงในจองชินโจไฮท์สกูลที่ยังคงไม่กลับบ้าน
ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความซวยหรือเรื่องบังเอิญของอี้ชิงที่เขาดันมาทำกระเป๋าสตางต์หายในเวลานี้และกว่าที่เขาจะหามันเจอก็ใช้เวลาเลยไปถึงหกโมงเย็นกว่าๆ
ตอนนี้ที่ที่อี้ชิงยืนอยู่คือล็อคเกอร์บริเวณนี้ไม่มีใคร ทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกบางอย่างจากทางด้านหลัง สายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านไปมากับเสียงฝีเท้าแปลกๆ ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้เดินคนเดียว ถ้าเป็นตามปกติมันก็คงจะดีที่เวลานี้มีคนมาเดินเป็นเพื่อนแต่ถ้าสิ่งที่มาไม่ใช่คนล่ะ...ในเมื่อเขาเดินมาคนเดียวเขาก็ควรที่จะรู้สึกว่าตัวเองเดินคนเดียวสิถึงจะถูก
"ยังไม่กลับอีกเหรอ"
"ยัง"อี้ชิงเผลอตอบกลับไปทันที เมื่อมีเสียงปริศนาบางอย่างแทรกขึ้นมาในความเงียบทว่าพอเขาหันไปสิ่งที่พบเจอคือความว่างเปล่า...งั้นเมื่อกี้เสียงใครล่ะ ไม่...มันไม่มีทางเป็นไปได้อี้ชิง...หมอนั่นตายแล้ว เสียงเมื่อกี้จะต้องไม่ใช่เขา
แววตาของอี้ชิงดูตื่นตะหนกขึ้นมาใบหน้าขาวซีดมีเหงื่อผุดขึ้นด้วยความกลัวเมื่อเขาตั้งสติได้ขาของเขาก็เริ่มก้าวเดินให้ไวขึ้น ก่อนจะกลายเป็นวิ่งให้สุดชีวิตและในตอนนั้นเองที่เสียงฝีเท้าของใครบางคนในเงามืดก็ค่อยๆเร่งตามเขามาและในตอนนั้นเองที่มีมือจากทางด้านหลังคว้าไหล้เขาไว้
"อ๊ากก"คนตัวเล็กร้องออกมา เข่าทั้งสองทรุดลงไปนั่งกับพื้นน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความกลัวใบหน้าหวาดก้มหงุดอยู่กับพื้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมือนั้น
"เป็นอะไรไป"เสียงเข้มๆที่คุ้นเคยของใครบางคนทำให้อี้ชิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะพบว่าคนตรงหน้าเขาคือคริสแฟนคนล่าสุดของเขานั่นเอง คริสค่อยๆย่อตัวลงมาและจับไหล่ทั้งสองข้างของอี้ชิงด้วยความเป็นห่วง นักเรียนแลกเปลี่ยนจากแคนาดามองแฟนตัวเองด้วยแววตาฉงนก่อนจะค่อยๆพยุงร่างบางขึ้นมาจากพื้น
"คริสเมื่อกี้ฉัน...ฉันได้ยินเสียงเซฮุน เขาตามฉันมา...ฮึก"ร่างบางปากสั่นด้วยความกลัว ใบหน้าสวยส่ายไปมาราวกับวิตกกังวลอะไรบางอย่าง
"เซฮุน?ใช่เด็กเกรดสิบเอ็ดที่เคยคบกับนายมาก่อนหรือเปล่า หมอนั่นตายไปแล้วหนิ"คิ้วเข้มคมวดเป็มปมใหญ่ทั้งความไม่เข้าใจและความหงุดหงิดใจที่อี้ชิงพูดถึงแฟนเก่า แถมเป็นแฟนเก่าที่ไม่มีลมหายใจแล้วซะด้วยสิ...
"ก็ใช่ ตายไปแล้ว แล้วเขาก็มาหลอกฉัน"อี้ชิงใช้มือปาดน้ำตาตัวเองลวกๆก่อนจะพูดกับคริสด้วยสีหน้าจริงจัง
"นายจะบ้าเหรอ เรื่องพวกนี้มันมีจริงที่ไหนกัน"คริสพูดโดยหลีกเลี่ยงคำว่า'ผี'เพราะเขาเองก็กลัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกันแต่ว่าคริสต้องแสร้งทำเป็นใจกล้าเพื่อปลอบแฟนของเขาอย่างอี้ชิงที่คบกันมาได้เดือนนึงแล้ว
"แต่ฉันได้ยินเสียง...เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเสียงนาย"อี้ชิงที่หวาดกลัวเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างเพราะบางทีเสียงเมื่อกี้อาจจะเป็นเสียงคริส
"เสียง?"
"อือ ที่นายถามฉันว่าทำไมยังไม่กลับอ่ะ"
"อ้อ เสียงฉันเองทำไมเหรอ"คริสพยักหน้าหงึกหงักให้อี้ชิงและพออี้ชิงได้ยินเช่นนั้นความกลัวทุกอย่างก็ค่อยๆจางหายไปด้วยความโล่งอก
"นายก็น่าจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้ตกใจหมดเลย"อี้ชิงบ่นเบาๆใส่คริสที่ยืนหน้ามึนอยู่
"ฮ่ะๆ เรากลับกันเถอะ"คริสหัวเราะแห้งๆก่อนจะหยิบกระเป๋าอี้ชิงที่หล่นไปเมื่อตอนวิ่งหนีเขาขึ้นมาถือให้และเดินออกจากอาคารเรียนเพื่อกลับบ้านของพวกเขา คริสยังคงคุยและยิ้มให้อี้ชิงตลอดทางอย่างปกติแม้ในใจจะมีอะไรบางอย่างที่สงสัยตกค้างภายในใจก็ตาม นี่เขาควรบอกแฟนของเขาหรือเปล่าว่าเขาเพิ่งมาเมื่อกี้และยังไม่ได้ถามอี้ชิงเรื่องกลับบ้านเลย...
MINSEOK PART
คุณคิดว่าการที่โดนใครซักคนบอกเลิกโอกาสที่จะแค้นจนลงมือฆ่านี่มีเท่าไหร่? ส่วนตัวผมนะยี่สิบเปอร์เซนยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ...แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ มันไม่มีใครน่าสงสัยเท่าจาง อี้ชิงแล้วนี่นา ถ้าจะมีก็คงเป็นผมนี่แหละ เฮ้อ ผมจะหาคนร้ายเจอไหมเนี่ย ในเมื่อตอนนี้ผู้ต้องสงสัยก็มีโอกาสที่จะเป็นฆาตกรน้อยโคตรๆแต่ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆเพราะงั้นผมกับลู่หานก็เลยกะว่าจะลองสืบเรื่องดูซะก่อนถ้ามันไม่มีอะไรคืบหน้าจริงๆ...ผมก็ต้องกลายเป็นฆาตกรแหละทุกคน
ในเมื่อผมมันน่าสงสัยที่สุดถ้าหาคนร้ายตัวจริงไม่ได้ลู่หานเขาคงจะไม่ปิดคดีโดยการสรุปว่าผมคือฆาตกรใจร้ายที่ฆ่าคนตายได้อย่างเลือดเย็นใช่ไหม โอ๊ยยย นี่ทำไมชีวิตไอ้มินซอกมันถึงได้เป็นแบบนี้วะ!? เวลานี้ผมควรจะมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อจะได้ทุนในเทอมที่สองของภาคเรียนสิแต่นี่ผมกลับมานั่งเครียดว่าตัวเองจะติดคุกไหมเนี่ยนะ
"กรี๊ดดดดด"ผมที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างอาคารสามสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กนักเรียนหญิงคนนึงดังมาจากด้านหน้าตึกและก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมรีบวิ่งไปดูทั้งที่ปกติผมไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเท่าไหร่
ทันทีที่วิ่งมาถึงบริเวณที่มีเสียงร้องของเด็กผู้หญิง ผมก็ถึงกับช็อคเมื่อพบว่าช้างหน้าของเธอนั้นมีศพนักเรียนหญิงคนนึงนอนอยู่ปลายเท้าของเธอ เด็กผู้หญิงคนนั้นถึงกับเป็นลมหมดสติไปจนพวกผู้ชายต้องอุ้มไปห้องพยาบาล เด็กนักเรียนคนอื่นๆต่างก็เข้ามามุงดูเหตุการ์ณก่อนจะรีบเดินหนีออกไปแทบไม่ทันเมื่อเห็นสภาพศพของผู้หญิงคนนึงซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้
ศพหัวกระโหลกยุบเข้าไป ร่างกายแขนขาหงิกงอผิดรูปร่าง กระดูกบางส่วนโผล่ทะลุออกมาจากเนื้อจนน่าสยดสยอง ไหนจะดวงตาถลนที่ดูเหมือนว่าก่อนตายจะพบเจอกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอดูตกใจขนาดนี้
"ถึงกับเป็นลมไปเลยว่ะ"ผมหันไปทางต้นเสียงของเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนคุยกันอยู่
"แหงดิ เดินอยู่ดีๆมีคนตกลงมาตายต่อหน้าต่อตาเป็นใครเค้าก็ช็อคกันทั้งนั้นแหละ"
"ฉันว่าพวกเราออกไปเถอะมองนานๆภาพติดตาแล้วขนลุกชอบกล"ตกลงมางั้นเหรอ? ไม่ได้เป็นศพอยู่แล้วแล้วล่วงลงมาใช่ไหม อืม...ดูจากสภาพศพแล้วมันก็น่าจะใช่อย่างที่เด็กสองคนนั้นพูดหัวกระโหลกยุบแขนขาบิดเบี้ยวราวกับถูกกระแทกอย่างแรง
"นี่มีใครแจ้งอาจาร์ยหรือยัง"ผมที่ยืนมองเพ่งศพอยู่นานอย่างใช้ความคิด ถามขึ้นมาและก็ได้คำตอบจากเด็กเกรดเจ็ด(ดูจากชุดกับดาวตรงคอปกอ่ะนะ)ว่าแจ้งไปแล้วและพวกอาจาร์ยผู้ชายกำลังจะมา ส่วนเหล่าบรรดามิสๆทั้งหลายก็เป็นลมล้มพับกันไปหมดแม้แต่มิสเคธี่ที่ชอบเอาหัวกระโหลกเก่าแก่มาให้ศึกษาในคาบเรียนประวัติศาสตร์ของเธอยังต้องลมจับไปอีกคน
แต่อย่างว่าล่ะ ศพนี่มันสยองจริงๆเละจนแทบดูไม่ออกว่าเป็นใครถ้าไม่เห็นยูนิฟอร์มก็คงไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิง ตัวผมเองก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มองมันราวกับเป็นเรื่องปกติไปหรือว่าผมเคยชินกันนะ?
"เปาซึ"และในระหว่างนั้นเองที่ผมกำลังเหม่อลอยใช้ความคิดอยู่ก็มีเสียงที่คุ้นเคยของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลัง หึ...กะแล้วว่างานนี้ต้องมีเขา
ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความซวยหรือเรื่องบังเอิญของอี้ชิงที่เขาดันมาทำกระเป๋าสตางต์หายในเวลานี้และกว่าที่เขาจะหามันเจอก็ใช้เวลาเลยไปถึงหกโมงเย็นกว่าๆ
ตอนนี้ที่ที่อี้ชิงยืนอยู่คือล็อคเกอร์บริเวณนี้ไม่มีใคร ทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกบางอย่างจากทางด้านหลัง สายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านไปมากับเสียงฝีเท้าแปลกๆ ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้เดินคนเดียว ถ้าเป็นตามปกติมันก็คงจะดีที่เวลานี้มีคนมาเดินเป็นเพื่อนแต่ถ้าสิ่งที่มาไม่ใช่คนล่ะ...ในเมื่อเขาเดินมาคนเดียวเขาก็ควรที่จะรู้สึกว่าตัวเองเดินคนเดียวสิถึงจะถูก
"ยังไม่กลับอีกเหรอ"
"ยัง"อี้ชิงเผลอตอบกลับไปทันที เมื่อมีเสียงปริศนาบางอย่างแทรกขึ้นมาในความเงียบทว่าพอเขาหันไปสิ่งที่พบเจอคือความว่างเปล่า...งั้นเมื่อกี้เสียงใครล่ะ ไม่...มันไม่มีทางเป็นไปได้อี้ชิง...หมอนั่นตายแล้ว เสียงเมื่อกี้จะต้องไม่ใช่เขา
แววตาของอี้ชิงดูตื่นตะหนกขึ้นมาใบหน้าขาวซีดมีเหงื่อผุดขึ้นด้วยความกลัวเมื่อเขาตั้งสติได้ขาของเขาก็เริ่มก้าวเดินให้ไวขึ้น ก่อนจะกลายเป็นวิ่งให้สุดชีวิตและในตอนนั้นเองที่เสียงฝีเท้าของใครบางคนในเงามืดก็ค่อยๆเร่งตามเขามาและในตอนนั้นเองที่มีมือจากทางด้านหลังคว้าไหล้เขาไว้
"อ๊ากก"คนตัวเล็กร้องออกมา เข่าทั้งสองทรุดลงไปนั่งกับพื้นน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความกลัวใบหน้าหวาดก้มหงุดอยู่กับพื้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมือนั้น
"เป็นอะไรไป"เสียงเข้มๆที่คุ้นเคยของใครบางคนทำให้อี้ชิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะพบว่าคนตรงหน้าเขาคือคริสแฟนคนล่าสุดของเขานั่นเอง คริสค่อยๆย่อตัวลงมาและจับไหล่ทั้งสองข้างของอี้ชิงด้วยความเป็นห่วง นักเรียนแลกเปลี่ยนจากแคนาดามองแฟนตัวเองด้วยแววตาฉงนก่อนจะค่อยๆพยุงร่างบางขึ้นมาจากพื้น
"คริสเมื่อกี้ฉัน...ฉันได้ยินเสียงเซฮุน เขาตามฉันมา...ฮึก"ร่างบางปากสั่นด้วยความกลัว ใบหน้าสวยส่ายไปมาราวกับวิตกกังวลอะไรบางอย่าง
"เซฮุน?ใช่เด็กเกรดสิบเอ็ดที่เคยคบกับนายมาก่อนหรือเปล่า หมอนั่นตายไปแล้วหนิ"คิ้วเข้มคมวดเป็มปมใหญ่ทั้งความไม่เข้าใจและความหงุดหงิดใจที่อี้ชิงพูดถึงแฟนเก่า แถมเป็นแฟนเก่าที่ไม่มีลมหายใจแล้วซะด้วยสิ...
"ก็ใช่ ตายไปแล้ว แล้วเขาก็มาหลอกฉัน"อี้ชิงใช้มือปาดน้ำตาตัวเองลวกๆก่อนจะพูดกับคริสด้วยสีหน้าจริงจัง
"นายจะบ้าเหรอ เรื่องพวกนี้มันมีจริงที่ไหนกัน"คริสพูดโดยหลีกเลี่ยงคำว่า'ผี'เพราะเขาเองก็กลัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกันแต่ว่าคริสต้องแสร้งทำเป็นใจกล้าเพื่อปลอบแฟนของเขาอย่างอี้ชิงที่คบกันมาได้เดือนนึงแล้ว
"แต่ฉันได้ยินเสียง...เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเสียงนาย"อี้ชิงที่หวาดกลัวเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างเพราะบางทีเสียงเมื่อกี้อาจจะเป็นเสียงคริส
"เสียง?"
"อือ ที่นายถามฉันว่าทำไมยังไม่กลับอ่ะ"
"อ้อ เสียงฉันเองทำไมเหรอ"คริสพยักหน้าหงึกหงักให้อี้ชิงและพออี้ชิงได้ยินเช่นนั้นความกลัวทุกอย่างก็ค่อยๆจางหายไปด้วยความโล่งอก
"นายก็น่าจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้ตกใจหมดเลย"อี้ชิงบ่นเบาๆใส่คริสที่ยืนหน้ามึนอยู่
"ฮ่ะๆ เรากลับกันเถอะ"คริสหัวเราะแห้งๆก่อนจะหยิบกระเป๋าอี้ชิงที่หล่นไปเมื่อตอนวิ่งหนีเขาขึ้นมาถือให้และเดินออกจากอาคารเรียนเพื่อกลับบ้านของพวกเขา คริสยังคงคุยและยิ้มให้อี้ชิงตลอดทางอย่างปกติแม้ในใจจะมีอะไรบางอย่างที่สงสัยตกค้างภายในใจก็ตาม นี่เขาควรบอกแฟนของเขาหรือเปล่าว่าเขาเพิ่งมาเมื่อกี้และยังไม่ได้ถามอี้ชิงเรื่องกลับบ้านเลย...
MINSEOK PART
คุณคิดว่าการที่โดนใครซักคนบอกเลิกโอกาสที่จะแค้นจนลงมือฆ่านี่มีเท่าไหร่? ส่วนตัวผมนะยี่สิบเปอร์เซนยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ...แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ มันไม่มีใครน่าสงสัยเท่าจาง อี้ชิงแล้วนี่นา ถ้าจะมีก็คงเป็นผมนี่แหละ เฮ้อ ผมจะหาคนร้ายเจอไหมเนี่ย ในเมื่อตอนนี้ผู้ต้องสงสัยก็มีโอกาสที่จะเป็นฆาตกรน้อยโคตรๆแต่ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆเพราะงั้นผมกับลู่หานก็เลยกะว่าจะลองสืบเรื่องดูซะก่อนถ้ามันไม่มีอะไรคืบหน้าจริงๆ...ผมก็ต้องกลายเป็นฆาตกรแหละทุกคน
ในเมื่อผมมันน่าสงสัยที่สุดถ้าหาคนร้ายตัวจริงไม่ได้ลู่หานเขาคงจะไม่ปิดคดีโดยการสรุปว่าผมคือฆาตกรใจร้ายที่ฆ่าคนตายได้อย่างเลือดเย็นใช่ไหม โอ๊ยยย นี่ทำไมชีวิตไอ้มินซอกมันถึงได้เป็นแบบนี้วะ!? เวลานี้ผมควรจะมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อจะได้ทุนในเทอมที่สองของภาคเรียนสิแต่นี่ผมกลับมานั่งเครียดว่าตัวเองจะติดคุกไหมเนี่ยนะ
"กรี๊ดดดดด"ผมที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างอาคารสามสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กนักเรียนหญิงคนนึงดังมาจากด้านหน้าตึกและก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมรีบวิ่งไปดูทั้งที่ปกติผมไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเท่าไหร่
ทันทีที่วิ่งมาถึงบริเวณที่มีเสียงร้องของเด็กผู้หญิง ผมก็ถึงกับช็อคเมื่อพบว่าช้างหน้าของเธอนั้นมีศพนักเรียนหญิงคนนึงนอนอยู่ปลายเท้าของเธอ เด็กผู้หญิงคนนั้นถึงกับเป็นลมหมดสติไปจนพวกผู้ชายต้องอุ้มไปห้องพยาบาล เด็กนักเรียนคนอื่นๆต่างก็เข้ามามุงดูเหตุการ์ณก่อนจะรีบเดินหนีออกไปแทบไม่ทันเมื่อเห็นสภาพศพของผู้หญิงคนนึงซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้
ศพหัวกระโหลกยุบเข้าไป ร่างกายแขนขาหงิกงอผิดรูปร่าง กระดูกบางส่วนโผล่ทะลุออกมาจากเนื้อจนน่าสยดสยอง ไหนจะดวงตาถลนที่ดูเหมือนว่าก่อนตายจะพบเจอกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอดูตกใจขนาดนี้
"ถึงกับเป็นลมไปเลยว่ะ"ผมหันไปทางต้นเสียงของเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนคุยกันอยู่
"แหงดิ เดินอยู่ดีๆมีคนตกลงมาตายต่อหน้าต่อตาเป็นใครเค้าก็ช็อคกันทั้งนั้นแหละ"
"ฉันว่าพวกเราออกไปเถอะมองนานๆภาพติดตาแล้วขนลุกชอบกล"ตกลงมางั้นเหรอ? ไม่ได้เป็นศพอยู่แล้วแล้วล่วงลงมาใช่ไหม อืม...ดูจากสภาพศพแล้วมันก็น่าจะใช่อย่างที่เด็กสองคนนั้นพูดหัวกระโหลกยุบแขนขาบิดเบี้ยวราวกับถูกกระแทกอย่างแรง
"นี่มีใครแจ้งอาจาร์ยหรือยัง"ผมที่ยืนมองเพ่งศพอยู่นานอย่างใช้ความคิด ถามขึ้นมาและก็ได้คำตอบจากเด็กเกรดเจ็ด(ดูจากชุดกับดาวตรงคอปกอ่ะนะ)ว่าแจ้งไปแล้วและพวกอาจาร์ยผู้ชายกำลังจะมา ส่วนเหล่าบรรดามิสๆทั้งหลายก็เป็นลมล้มพับกันไปหมดแม้แต่มิสเคธี่ที่ชอบเอาหัวกระโหลกเก่าแก่มาให้ศึกษาในคาบเรียนประวัติศาสตร์ของเธอยังต้องลมจับไปอีกคน
แต่อย่างว่าล่ะ ศพนี่มันสยองจริงๆเละจนแทบดูไม่ออกว่าเป็นใครถ้าไม่เห็นยูนิฟอร์มก็คงไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิง ตัวผมเองก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มองมันราวกับเป็นเรื่องปกติไปหรือว่าผมเคยชินกันนะ?
"เปาซึ"และในระหว่างนั้นเองที่ผมกำลังเหม่อลอยใช้ความคิดอยู่ก็มีเสียงที่คุ้นเคยของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลัง หึ...กะแล้วว่างานนี้ต้องมีเขา
《 KILLLING INDEFINITELY 》
"นายกินข้าวเที่ยงหรือยัง"ลู่หานถามผมพร้อมกับยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้ผม ก่อนหน้านี้ซักยี่สิบนาทีผมนั่งรอเขาซึงเข้าไปถามเกี่ยวกับคดีอยู่ตรงแถวบันไดอาคารสาม ตอนนี้โรงเรียนเรามีคนตายเพิ่มมาอีกแล้วหนึ่งคน...
"ยัง ฉันนั่งรอเพื่อนอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างตึกแต่พอได้ยินเสียงคนร้องก็รีบวิ่งมาดูก่อนเลยไม่ทันได้ไปกินข้าวกับเพื่อน"พูดถึงเรื่องกินข้าวอันที่จริงผมบอกจองอาไว้ว่าผมจะรอตรงข้างตึกทว่าเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นว่าเธอจะมาตามนัด ถ้ายัยนั่นมาถึงแล้วไม่เห็นผมก็คงไปกินก่อนแล้วล่ะมั้ง
"งั้นกินนี่ไหม"ลู่หานนั่งรอข้างๆผมพร้อมกับวางกล่องข้าวไว้ตรงหน้า
"นี่นายห่อข้าวมากินที่โรงเรียนด้วยเหรอเนี่ย"ผมทำหน้าตาเหลือเชื่อไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย คือไม่ใช่อะไรหรอก แต่ลู่หานเนี่ยนะ!?
"ก็อืม ทำไมเหรอ"ลู่หานตอบหน้าตายก่อนจะค่อยๆแกะห่อข้าวที่ข้างในเป็นคิบบับหน้าตาน่ากิน
"แลดูสาวน้อยแฮะ"ผมตอบพร้อมกับรับตะเกียบจากเขามาและลองคีบข้าวห่อสาหร่ายหรือคิมบับชิมนึงคำ งืมๆ อร่อยแฮะ
"ฮ่าๆ ฉันก็คิดว่างั้น แต่เพราะใครบางคนฉันเลยต้องให้แม่ทำข้าวกล่องมากินที่โรงเรียนทุกวัน เขาไม่ค่อยชอบกินข้าวที่โรงอาหารน่ะ"ลู่หานหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะหยิบคิมบับที่ห่อไว้ในถุงแยกต่างหากมากินบ้าง
"นายหมายถึงเซฮุนหรือเปล่า"ลู่หานชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเศร้าๆให้กับคำถามของผม
"อืม ฉันกับเขาชอบกินข้าวกล่องด้วยกันแค่สองคนน่ะ เราชอบมานั่งกินกันแถวๆนี้แหละ"รอยยิ้มที่ดูไม่สดใสของลู่หานทำให้ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าพูดออกไปเลย เขาคงจะรู้สึกแย่แน่เลยเพื่อนสนิททั้งคนเพิ่งเสียไป ผมที่มันปากเสียจริงๆเลย
"ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันพอทำใจได้แล้วล่ะ ถึงนายไม่พูดออกมาฉันก็คิดถึงหมอนั่นอยู่ดี ผ่านมาทางนี้ทีไรความทรงจำเก่ามันก็ย้อนเข้ามาในหัวตลอด"และดูเหมือนเขาจะอ่านความคิดผมได้แฮะ
"งั้นเปลี่ยนที่ไหม"ผมพูดทั้งที่คิมบับยังคงเต็มปาก
"ไม่เป็นไรหรอก ตรงนี้แหละฉันจะได้รู้สึกว่าเขายังคงอยู่ข้างๆ"
"เฮ้ยๆๆ พูดอย่างงี้ฉันหลอนนะเว้ย"ผมร้องเสียงสูง จู่ๆขนแขนก็ลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"ฮ่าๆ รีบกินเถอะหน่า"ว่าจบเขาก็ก้มหน้าก้มตากินคิมบับต่อ พวกเราเอาแต่กินกับกินเลยไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนผมต้องทำลายความเงียบด้วยการพูดกับเขา
"ได้เรื่องว่าไงบ้างอ่ะ ที่ไปคุยกับพวกตำรวจเมื่อกี้"นี่คงเป็นครั้งที่สองแล้วมั้งที่มีตำรวจมาอยู่ที่โรงเรียนผม ผมคิดว่านี่เริ่มไม่ใช่เรื่องตลกแล้วนะที่มีคนตายในโรงเรียนถึงสองคน
"ตำรวจเขาบอกว่าเด็กๆให้การเหมือนกันหมดนั่นก็คือฮานึลฆ่าตัวตาย"ลู่หานที่กินอยู่ทำหน้าสีหน้าจริงจังในใจเขาดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"ฮานึล?เด็กเกรดสิบที่เป็นประธานชมรมวิทย์ฯน่ะนะ"ผมวางคิบบับลงเพราะเริ่มกินมันไม่ลงแล้ว
"อืม นายว่ามันแปลกๆไหม"รู้สึกเหมือนกันสินะ...
"นายกำลังจะบอกว่ามันแปลกใช่ไหมที่มีคนจะฆ่าตัวตายแต่กลับไม่มีใครที่อยู่ชั้นบนเข้ามาช่วยเลย"ลู่หานเงยหน้ามองผมพลางยกยิ้มขึ้นบางๆเป็นเชิงว่าผมตอบถูก
"เข้าใจอะไรง่ายดีหนิ แต่ที่แปลกกว่านั้นนายรู้ไหมว่าคืออะไร...เด็กทุกคนที่อยู่ชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นที่ฮานึลอยู่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครเห็นฮานึลกำลังจะกระโดดลงไปเลยในขณะที่คนอยู่ข้างล่างก็บอกว่าพวกเขาเห็นฮานึลกำลังจะกระโดดลงมาและพยายามตะโกนห้ามแต่เธอไม่ฟัง ผู้หญิงคนนั้นดูเหม่อลอยอะไรบางอย่างเธอค่อยๆกระโดดลงมาจากทางระเบียง เหมือนเธอเพิ่งจะรู้ตัวก็ต่อเมื่ออยู่กลางอากาศและร่วงตกลงมาในที่สุดเมื่อเธอตกมาถึงพื้น เธอยังไม่ตายและยังมีลมหายใจอยู่ ทุกคนบอกว่าเธอดูเหมือนตกใจอะไรบางอย่างบนตึกและแสดงความกลัวออกมาสุดขีดก่อนจะค่อยๆสิ้นลมหายใจ"
"แปลก...ไม่มีใครบนตึกเห็นเลยทั้งที่คนอยู่บนนั้นก็ไม่ใช่น้อย เดินผ่านไปผ่านมาก็เยอะแยะ"
"ฉันก็ว่างั้น แต่ตอนนี้ตำรวจฟังคำให้การของเด็กนักเรียนและปิดคดีไปเรียบร้อยโดยสรุปว่าผู้ตายขาดสติและฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกลงมา"
"เฮ้อ แล้วนี่เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ยังไงฉันก็ว่าเรื่องต้องมีเบื้องลึกอะไรแน่ๆ"
"ทำไงได้ล่ะ ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอกระโดนตึกลงมาเอง ตำรวจก็เลยสรุปคดีแบบนั้นจะให้แปลกยังไงเรื่องนี้ก็คงจบด้วยการฆ่าตัวตาย"สีหน้าลู่หานดูไม่สู้ดีนัก เด็กคนนี้คงรู้สึกแย่ที่สืบอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ทั้งที่เรื่องพวกนี้มันเป็นหน้าที่ของเขา
"ก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้มีใครตายไปมากกว่านี้เลย"พูดจบผมก็คีบคิมบับเข้าปากต่อ
"หึ นายนี่มันกินเก่งชะมัด ฉันนึกว่านายจะอิ่มซะแล้วอีก"ลู่หานหัวเราะเบาๆก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบเม็ดข้าวที่เปื้อนปากผมอยู่เมื่อกี้
"เปื้อนนานยังเนี่ยย"ผมถามเขาเสียงหลง หวังว่ามันคงจะไม่ได้ติดมาตั้งแต่คำแรกที่ผมกินหรอกนะ
"กี่ขวบแล้ว หืม"เขาไม่ตอบคำถามผมแต่ฉีกยิ้มบางๆให้ราวกับผมเป็นเด็กน้อย
"ฉันโตแล้ว...เอ๊ะ!?"ผมที่เตรียมจะโวยกลับต้องชะงักทันทีเมื่อมองไปตรงด้านหลังก็เห็นอี้ชิงยืนทำลับๆล่อๆอยู่ข้างตึกอาคารสาม ไหนเพื่อนในห้องบอกว่าวันนี้เขาไม่มาไง ตอนเช้าที่ผมจะไปถามหาเขาในห้องเรียนเพื่อนของเขาก็บอกว่าวันนี้อี้ชิงขาดเรียนแต่ทำไมตอนนี้ผมถึงเห็นเขาอยู่ที่โรงเรียนล่ะแถมเขายังไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนด้วยแฮะ
"อะไรเหรอ"ลู่หานถามผมก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลังตามสายตาผม
"ลู่เก่อ"
"ห๊ะ"ลู่หานขานกลับเสียงสูงอาจเป็นเพราะแปลกใจที่อยู่ๆผมก็เรียกฉายาเขาขึ้นมา
"ฉันว่าเรามาเริ่มงานของเราดีกว่า"
MINSEOK END PART
ลู่หานและมินซอกตัดสินใจสะกดรอยตามอี้ชิงมาอย่างเงียบๆโดยทั้งคู่ตั้งใจว่าจะดูท่าทางของอี้ชิงก่อนแล้วค่อยเข้าไปถามอี้ชิงเรื่องเซฮุนอีกที ถ้าให้ยอมรับตรงๆมินซอกเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันควรจะเริ่มยังไงดี จะให้เดินไปถามตรงๆว่าอี้ชิงฆ่าเซฮุนหรือเปล่าไก่ก็คงตื่น ถึงจะฆ่าจริงๆก็คงไม่มีใครยอมรับหรอกว่าตัวเองฆ่าคนตายอีกอย่างมินซอกก็เริ่มรูสึกไม่มั่นใจกับลางสังหรณ์ตัวเองซะแล้วสิ
ทั้งเขาและลู่หานต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีเบื้องลึกมากกว่านั้น อาจจะมีใครบางคนที่ซ่อนอยู่ซึ่งมินซอกและลู่หานต่างก็ยังหาไม่เจอ ใครซักคนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายไปมากยิ่งขึ้น
"ทำไมหมอนั่นถึงต้องบอกคนอื่นด้วยว่าตัวเองไม่มา"มินซอกทำหน้างงด้วยความไม่เข้าใจ แก้มยุ้ยๆพองลมไปมาอย่างใช้ความคิด ทุกการกระทำที่แสนน่ารักของมินซอกอยู่ในสายตาของลู่หานหมด คนบ้าอะไรวะ ใช้ความคิดแล้วต้องอมแก้มป่องๆ อย่างกะเด็กสามขวบ หึๆ
"อาจจะเป็นเพราะต้องการลดข้อสงสัยก็ได้นะ แกล้งทำทีว่าวันนี้ตัวเองป่วยอยู่บ้านเพื่อให้ไม่มีใครสังเกต"แต่แม้ลู่หานจะคิดว่ามินซอกน่ารักแค่ไหนเขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ตัวเองจะมาสนใจเรื่องพวกนี้เขาจึงเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ
"อืม"อีกแล้วอมแก้มอีกแล้ว...
"ทุกครั้งที่จะมีคนตายในโรงเรียนหมอนั่นก็ชอบลาป่วยไม่ก็ขาดเรียนแต่สุดท้ายก็มีคนเห็นเขาอยู่ที่โรงเรียนตลอด"ลู่หานพูดพลางหยิบหมากฝรั่งในกระเป๋าขึ้นมาเคี้ยว
"งั้นเราเข้าไปถามเขาเลยดีกว่า"
"เห๊ย เดี๋ยวก่อน"ว่าจบมินซอกก็เดินตรงไปหาอี้ชิงที่แอบมองอะไรบางอย่างเหมือนกับกลัวว่าใครจะเห็น อี้ชิงดูหวาดระแวงกับบางสิ่ง
"นี่นาย"มินซอกจับบ่าของอี้ชิงเพื่อเรียกให้คนตัวสูงกว่าเขานิดนึงหันมาดู แต่ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือ...
ผลัก!!
"อย่าๆ อย่านะ ฉันขอโทษ ฉัน...ฉัน อย่าหลอกฉันเลย"อี้ชิงที่ไม่ทันได้มองด้านหลังตกใจสุดขีดจนเผลอผลักมินซอกลงไปนั่งกับพื้น
"ทำบ้าอะไรของนาย!"ลู่หานที่วิ่งตามารีบเข้ามาพยุงมินซอกขึ้นจากพื้นส่วนมินซอกที่ล้มก้นจ้ำเบ้าก็ลูบก้นน้อยๆของตัวเองเบาๆด้วยความเจ็บ
"อะไรกัน ฉันนึกว่า..."อี้ชิงที่ได้สติหน้าเจื่อนลงไปทันทีเมื่อถูกลู่หานตวาดใส่เมื่อกี้ อี้ชิงทำท่าว่าจะมาช่วยมินซอกแต่ก็ชะงักไว้ก่อนเมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา ถ้าผู้ชายคนนี้มาแบบให้ซุ่มให้เสียงเขาก็คงไม่ตกใจจนเผลอผลักลงไปกองกับพื้นหรอกแถมยังเป็นเวลาแบบนี้ด้วยเป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นแหละ
"ฉันผิดเองแหละที่จู่ๆก็โผล่มาขอโทษด้วยละกัน"มินซอกเอ่ยขอโทษอี้ชิงก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้ต้องสงสัยของเขา
"เหอะ ช่างมันเถอะ ว่าแต่นายมีธุระอะไรกับฉัน"อี้ชิงกอดอกมองมินซอกทางปลายสายตาอย่างเย่อหยิ่งตามนิสัยเคยชินของตัวเอง
"จะเริ่มไงดีล่ะ"มินซอกเกาหัวตัวเองแกรกๆ ไอ้ตัวเขาก็ไม่ทันคิดด้วยสิ พอไม่ได้ทันตั้งตัวเขาก็เลยไปไม่เป็น
"ทำไมวันที่เซฮุนตายนายถึงบอกว่าลาป่วยแต่คนอื่นกลับเห็นนายอยู่ที่โรงเรียน"คราวนี้เป็นลู่หานเองที่ถามขึ้นมา ใบหน้าหล่อมีสีหน้าตึงเครียดราวกับจะคาดคั้นเขาเป็นนัยๆ
"ถามอย่างงี้หมายความไง"อี้ชิงตอบกลับไปเสียงแข็ง บริเวณนี้ไม่มีใครเพราะเด็กนักเรียนเข้าเรียนกันไปหมด เหล่าบรรดาอาจาร์ยก็ต่างวุ่นอยู่กับเรื่องการตายของฮานึล
"วันนี้ก็ด้วย มีคนตายนายไม่ได้มาแต่สุดท้ายก็โผล่มาที่โรงเรียน"ลู่หานไม่ได้ตอบคำถามของอี้ชิง เขาพูดถึงสาเหตุบางอย่างซึ่งทำให้อี้ชิงรู้กลายๆว่าสองคนนี้กำลังสงสัยเขาอยู่
"นี่อย่าบอกนะว่านายคิดว่าฉันคือคนที่ฆ่าเด็กคนนั้น"อี้ชิงกลอกตาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคน
"เปล่า แค่สงสัย"ลู่หานพูดไปงั้นล่ะ ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าอี้ชิงจะเป็นฆาตกรหรอกแต่พอเห็นนิสัยแบบนี้หมอนี่ถ้าเคยฆ่าใครมาก็คงไม่แปลก
"งั้นก็ล้มเลิกความคิดซะ"ว่าจบอี้ชิงก็เดินกระแทกไหล่ลู่หานไปโดยไปลืมที่จะหันมาทิ้งคำพูดชวนให้อารมณ์เสีย
"ถ้าคิดจะสงสัยใครจริงๆ คนที่ยืนอยู่ข้างนายมีโอกาศเยอะกว่าฉันนะ หึ"
อี้ชิงกรีดยิ้มร้ายให้ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้มินซอกเจ็บใจกับคำพูดยุยงนั้นแต่มินซอกก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ ใบหน้าอ่อนกว่าวัยหันไปมองลู่หานที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
"นายคงเริ่มไม่ไว้ใจฉันแล้วสินะ"มินซอกพูดเสียงอ่อย เขาพอรู้ตัวดีว่าตอนนี้เขามันน่าสงสัยที่สุดแต่เด็กคนนี้ก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อใจเขาเพียงเพราะหลักฐานที่อยู่เล็กน้อย
"ไม่ใช่หรอก ฉันแค่เริ่มสงสัยใครอีกคนน่ะ"
"เห๊?"
"คริส...เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน"
"ก็ไม่รู้สิ"มินซอกยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เขากังวลว่าลู่หานจะไม่ไว้ใจเขา
"เฮ้ๆ ไม่ต้องเครียดหรรอกหน่ายังไงฉันก็ไม่คิดว่านายเป็นคนร้ายอยู่ดี แม้ตอนแรกจะสงสัยเพราะสถานการ์ณมันบังคับแต่พอได้ลองคุยกับนายเรื่อยๆฉันก็รู้ว่าคนอย่างนายฆ่าใครตายไม่เป็นหรอก"ลู่หานเดินเนียนเข้ามาโอบไหล่มินซอกเหมือนปลอบใจ แต่ทว่าโดนมินซอกสะบัดออก มันไม่ใช่...มินซอกไม่เคยรู้สึกแปลกๆแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่สกินชิพกับเขาความรู้สึกที่ส่งผ่านออกมามันก็ไม่เกินคำว่าเพื่อนตลอดแต่สัมผัสของลู่หานมันแปลกๆ
"งืม ว่าแต่ทำไมถึงคิดว่าแฟนของอี้ชิงเป็นคนร้ายล่ะ"
"อาจจะไม่ได้เป็นคนร้ายแต่อาจจะเป็นคนร่วมมือกับอี้ชิง"สายลมเย็นยะเยือกบางอย่าง พัดผ่านมาทำให้ทั้งคู่ขนลุกอย่างห้ามไม่ได้ มันมีไม่กี่อย่างหรอกที่ชอบมากับลม...
"ฉันว่าเราเข้าเรียนกันก่อนเถอะ นี่ก็เกินเวลาพักมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว"มินซอกพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"อืม งั้นแยกกันตรงนี้ละกัน"ลู่หานโบกมือนิดหน่อยก่อนจะเดินเไปตรงตึกเรียนของตัวเองส่วนมินซอกก็แยกกลับไปที่อาคารเรียนของเด็กเกรดสิบสองเช่นกัน
บางที...มินซอกก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีอะไรบางอย่างที่ลึกมากกว่านั้น อะไรบางอย่างที่เขาก็มองไม่เห็นเหมือนกัน
《 KILLING INDEFINITELY 》
อี้ชิงไม่เคยหงุดหงิดอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย เขาเดินกระแทกเท้ามาตลอดทางเพราะไม่รู้จะระบายอารมณ์ยังไง เมื่อตอนบ่ายมีนักสืบอย่างลู่หานกับเด็กประหลาดที่ชอบเก็บตัวอย่างมินซอกมาหาเขาแถมพูดจาราวกับว่าเขาเป็นคนร้ายอีกต่างหาก
มันโคตรบ้าเลยว่ะ"อี้ชิงบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ชักโครกในห้องน้ำ เขาไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนดีในระหว่างรออะไรบางอย่าง ถ้ารออยู่ข้างนอกแล้วมีคนเห็นก็เป็นเรื่องอีก
พรึบ!!
และวันนี้มันคงเป็นวันซวยของเขาเพราะยังไม่ทันไร ไฟในห้องน้ำก็ดับขึ้นมา อี้ชิงที่เห็นอย่างนั้เลยเปิดประตูออกไปข้างนอกห้องน้ำแล้วล้างหน้าตรงอ่างล้างมือซักพัก ก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองกระจกในห้องน้ำที่มีเพียงแสงจากภายนอกลอดเข้ามานิดเดียว
"ไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ"เสียงของใครบางคนทำให้อี้ชิงที่มัวแต่เช็ดหน้าอยู่ต้องหันไปมอง
"เฮ้ย!!"หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นเมื่อทันทีที่เงยหน้ามาก็เห็นเงาของเซฮุนในสภาพเลือดเต็มคออยู่ในกระจก น้ำเสียงเย็นเยียบเมื่อกี้ทำให้อี้ชิงตัวแข็งข้าง แม้จะเป็นเพียงแวบเดียวที่ภาพนั้น เกิดขึ้นมาแต่มันกลับติดตาอี้ชิงได้ดี เขามองไปรอบๆก็พบว่าไฟค่อยๆติดที่ละดวง
ไม่มีผีเซฮุนแล้ว...
สติที่หายไปเพราะความกลัวค่อยๆถูกเรียกกลับมา ขาทั้งสองข้างวิ่งออกไปจากห้องน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาด้วยความกลัว เขาวิ่งไปอย่างไร้จุดหมายเพื่อหนีจากอะไรบางอย่างให้มากที่สุดถึงแม้จะรู้แก่ใจดีว่าไม่มีวันหนีพ้นก็ตาม
"ฮึก...ทำไมกัน หรือว่ายังโกรธเรื่องนั้นอยู่ ฉันไม่ได้ผิดขนาดนั้นซักหน่อย"เข่าทั้งสองค่อยๆทรุดลงอย่างอ่อนแรง เขาหมดหนทางแล้วจริงๆสิ่งที่เขาทำมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่เด็กคนนั้นก็ยังตามรังควานเขา
"ไหนวันนี้หัวหน้าห้องเช็คนายขาดไม่ใช่หรือไง"คริสที่บังเอิญลงมาข้างล่างตึกแล้วเห็นแฟนของตัวเองนั่งทรุดอยู่ตรงบันไดพร้อมกับน้ำตาที่นองหน้า
"นะ...นาย"
"พักนี้นายแปลกๆนะ เป็นอะไรหรือเปล่า"อี้ชิงไม่ตอบกลับอะไร คนตัวเล็กรีบโผลกอดแฟนตัวเองด้วยความกลัว ส่วนคริสก็ตกใจเหมือนกันที่จู่ๆอี้ชิงก็เป็นแบบนี้
"ผีเซฮุน เด็กนั่นมาหลอกฉัน ฮึก"
"เซฮุนอีกแล้วงั้นเหรอ?"คริสชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ มันจะอะไรนักหนาตายแล้วยังคิดถึงมัน...
"ใช่ ฮึก ฉันกลัว...คริส ฉันกลัว"
"บอกแล้วไงว่ามันไม่มีจริงเลิกกลัวอะไรบ้าๆได้แล้ว"คริสลูบหัวอี้ชิงอย่างปลอบโยนแม้ในใจจะหงุดหงิดที่อี้ชิงยังไม่เลิกพูดถึงแฟนเก่าซักที
"แต่ฉัน...ฉันเห็นจริงๆนะ"
"ไม่จริงหรอก ภาพหลอนไม่ก็คิดไปเองมากกว่า หรือถ้าจริงเด็กนั่นจะโผล่มาให้นายเห็นทำไมล่ะ"นั่นสิ ทำไมกัน?
"คือฉัน..."
"มีฉันอยู่ทั้งคนอย่ากลัวไปเลย ฉันไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรนายหรอก จะผีหรือคนก็ตาม"คริสกอดปลอบอี้ชิงที่ตัวสั่นขวัญเสียอยู่ ท่ามกลางบทสนทนาของพวกเขาสองคนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นคอยฟังตลอดเวลา
หึ เพราะงี้สินะถึงกล้านอกใจฉันน่ะอี้ชิง แต่คนอย่างนายมันก็คงเป็นได้แค่ของเล่นของคนอื่นเขาเท่านั้นแหละ หมดประโยชน์เมื่อไหร่เดี๋ยวก็หายไปเอง...
มันโคตรบ้าเลยว่ะ"อี้ชิงบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ชักโครกในห้องน้ำ เขาไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนดีในระหว่างรออะไรบางอย่าง ถ้ารออยู่ข้างนอกแล้วมีคนเห็นก็เป็นเรื่องอีก
พรึบ!!
และวันนี้มันคงเป็นวันซวยของเขาเพราะยังไม่ทันไร ไฟในห้องน้ำก็ดับขึ้นมา อี้ชิงที่เห็นอย่างนั้เลยเปิดประตูออกไปข้างนอกห้องน้ำแล้วล้างหน้าตรงอ่างล้างมือซักพัก ก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองกระจกในห้องน้ำที่มีเพียงแสงจากภายนอกลอดเข้ามานิดเดียว
"ไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ"เสียงของใครบางคนทำให้อี้ชิงที่มัวแต่เช็ดหน้าอยู่ต้องหันไปมอง
"เฮ้ย!!"หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นเมื่อทันทีที่เงยหน้ามาก็เห็นเงาของเซฮุนในสภาพเลือดเต็มคออยู่ในกระจก น้ำเสียงเย็นเยียบเมื่อกี้ทำให้อี้ชิงตัวแข็งข้าง แม้จะเป็นเพียงแวบเดียวที่ภาพนั้น เกิดขึ้นมาแต่มันกลับติดตาอี้ชิงได้ดี เขามองไปรอบๆก็พบว่าไฟค่อยๆติดที่ละดวง
ไม่มีผีเซฮุนแล้ว...
สติที่หายไปเพราะความกลัวค่อยๆถูกเรียกกลับมา ขาทั้งสองข้างวิ่งออกไปจากห้องน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาด้วยความกลัว เขาวิ่งไปอย่างไร้จุดหมายเพื่อหนีจากอะไรบางอย่างให้มากที่สุดถึงแม้จะรู้แก่ใจดีว่าไม่มีวันหนีพ้นก็ตาม
"ฮึก...ทำไมกัน หรือว่ายังโกรธเรื่องนั้นอยู่ ฉันไม่ได้ผิดขนาดนั้นซักหน่อย"เข่าทั้งสองค่อยๆทรุดลงอย่างอ่อนแรง เขาหมดหนทางแล้วจริงๆสิ่งที่เขาทำมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่เด็กคนนั้นก็ยังตามรังควานเขา
"ไหนวันนี้หัวหน้าห้องเช็คนายขาดไม่ใช่หรือไง"คริสที่บังเอิญลงมาข้างล่างตึกแล้วเห็นแฟนของตัวเองนั่งทรุดอยู่ตรงบันไดพร้อมกับน้ำตาที่นองหน้า
"นะ...นาย"
"พักนี้นายแปลกๆนะ เป็นอะไรหรือเปล่า"อี้ชิงไม่ตอบกลับอะไร คนตัวเล็กรีบโผลกอดแฟนตัวเองด้วยความกลัว ส่วนคริสก็ตกใจเหมือนกันที่จู่ๆอี้ชิงก็เป็นแบบนี้
"ผีเซฮุน เด็กนั่นมาหลอกฉัน ฮึก"
"เซฮุนอีกแล้วงั้นเหรอ?"คริสชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ มันจะอะไรนักหนาตายแล้วยังคิดถึงมัน...
"ใช่ ฮึก ฉันกลัว...คริส ฉันกลัว"
"บอกแล้วไงว่ามันไม่มีจริงเลิกกลัวอะไรบ้าๆได้แล้ว"คริสลูบหัวอี้ชิงอย่างปลอบโยนแม้ในใจจะหงุดหงิดที่อี้ชิงยังไม่เลิกพูดถึงแฟนเก่าซักที
"แต่ฉัน...ฉันเห็นจริงๆนะ"
"ไม่จริงหรอก ภาพหลอนไม่ก็คิดไปเองมากกว่า หรือถ้าจริงเด็กนั่นจะโผล่มาให้นายเห็นทำไมล่ะ"นั่นสิ ทำไมกัน?
"คือฉัน..."
"มีฉันอยู่ทั้งคนอย่ากลัวไปเลย ฉันไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรนายหรอก จะผีหรือคนก็ตาม"คริสกอดปลอบอี้ชิงที่ตัวสั่นขวัญเสียอยู่ ท่ามกลางบทสนทนาของพวกเขาสองคนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นคอยฟังตลอดเวลา
หึ เพราะงี้สินะถึงกล้านอกใจฉันน่ะอี้ชิง แต่คนอย่างนายมันก็คงเป็นได้แค่ของเล่นของคนอื่นเขาเท่านั้นแหละ หมดประโยชน์เมื่อไหร่เดี๋ยวก็หายไปเอง...
โปรดติดตามตอนต่อไป
140503
กลับมาอัพแล้วววว หายไปนานเลยตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแล้วค่ะ คาดว่าอาจจะอัพได้ถี่ขึ้น ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้นะ ตัวละครยังออกไม่หมดความหลอนปมต่างๆยังไม่จบแค่นี้แน่ๆ คือระหว่างที่หายไปนานไรท์ก็เริ่มคิดว่าจะให้โอเซตายเปล่าก็ยังไงอยู่เลยเพิ่มบทให้นางนิดหน่อย จากที่เป็นฟิคแนวลึกลับสืบสวนก็จะเพิ่มอีกอย่างนึงคือสยองขวัญ.... ยิ่งอ่านขนหัวจะยิ่งลุกนะจ๊ะ ฮ่าๆ
สกรีมลงทวิตได้ที่แท็ก #ฟิคฆ่า หรือ #ฟิคqling เราอยากมีแท็กให้ฟิคบ้าง ใครเล่นทวินฝากติดแท็กหน่อยน้า~
กลับมาอัพแล้วววว หายไปนานเลยตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแล้วค่ะ คาดว่าอาจจะอัพได้ถี่ขึ้น ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้นะ ตัวละครยังออกไม่หมดความหลอนปมต่างๆยังไม่จบแค่นี้แน่ๆ คือระหว่างที่หายไปนานไรท์ก็เริ่มคิดว่าจะให้โอเซตายเปล่าก็ยังไงอยู่เลยเพิ่มบทให้นางนิดหน่อย จากที่เป็นฟิคแนวลึกลับสืบสวนก็จะเพิ่มอีกอย่างนึงคือสยองขวัญ.... ยิ่งอ่านขนหัวจะยิ่งลุกนะจ๊ะ ฮ่าๆ
สกรีมลงทวิตได้ที่แท็ก #ฟิคฆ่า หรือ #ฟิคqling เราอยากมีแท็กให้ฟิคบ้าง ใครเล่นทวินฝากติดแท็กหน่อยน้า~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น