คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : KLFNT : 01 คดีใหม่ในโซล
KILLING FINAL TIME
คดีใหม่ในโซล
“คนร้ายหลบหนีไปทางประตูหลัง ดูเหมือนว่าจะจับผู้หญิงเป็นตัวประกัน ระวังด้วย"ยูตะพูดใส่วิทยุสื่อสารกับลูกน้องของเขา ก่อนหน้านี้เขาถูกแทยงด่าตั้งแต่เข้าตึกยันออกมาทำ งาน เรื่องที่เมื่อคืนทิ้งงานแล้วไปบาร์KAMONGของจงอิน
อันที่จริงมันไม่ใช่ความผิดเขาด้วยซ้ำ ตัวต้นเหตุคือจอห์นนี่ต่างหากแต่เขาต้องถูกด่าคนเดียวเพียงเพราะว่าถูกเรียกมาให้จับคนร้ายเมายาที่จับผู้หญิงเป็นตัวประกันและสายก็ยังรายงานด้วยว่าในนี้มีผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องตัดขาศพปะปนอยู่ในนี้ด้วย
"คุณไม่ไปเกลี้ยกล่อมคนเมายาให้ปล่อยตัวประกันเหรอ"น้ำเสียงเนิบนาบกับคำพูดที่แสนสุภาพทำให้ยูตะรู้ได้เลยว่าเป็นใครแม้ไม่ต้องหันไปมอง จงอินอยู่ในชุดไปรเวตเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำธรรมดาแต่กลับดูดียังน่าเหลือเชื่อ ทั้งตัวของเขาสิ่งเดียวที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่คือบัตรที่ห้อยคออยู่ ตัวเขาไม่มีอาวุธอะไรเลย ยูตะเดาว่าหมอนี่คงเพิ่งหายแฮงค์แล้วถูกมินซอกไล่ให้มาทำงาน
"ไม่ล่ะ ฉันให้ลูกน้องไปดูแลแล้ว"ยูตะตอบโดยไม่มองหน้าจงอิน เขามองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีตรงไหนบ้างที่กล้องวงจรปิดยังไม่ถูกทำลาย สภาพในผับแห่งนี้ดูแทบไม่ได้ ผู้คนส่วนใหญ่พอรู้ว่ามีฆาตกรแฝงตัวในนี้บวกกับมีคนเมายาบ้าจับตัวประกันอยู่ในนี้ก็รีบหนีออกไป ตอนนี้หน่วยงานที่ยูตะดูแลได้รับคำสั่งจากเขาให้แบ่งออกเป็นสองทีม เขาสั่งให้ลูกน้องไปช่วยตัวประกันส่วนเขาจะหาตัวฆาตกรที่ตัดขาศพนั่นเอง
"มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ"จงอินถามพร้อมกับหาวออกมา สภาพเขาดู ไม่น่าพร้อมใช้งานแต่ยูตะจำเป็นต้องมีผู้ช่วย
"เอานี่ไปแล้วตามฉันมา"ยูตะโยนปืนให้จงอิน เขารับไว้ได้ก่อนจะเดินตามไปอย่างงงๆ จริงๆแล้วจงอินไม่ใช่ตำรวจ เขาถูกบรรจุเข้ามาให้หน่วยงานนี้เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษใครจะไปเชื่อว่าคนที่ดูสุภาพอย่างจงอินจะเคยเป็นอันธพาลมาก่อน
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่จงอินยังเรียนมหาลัยอยู่เขามักจะมีเรื่องชกต่อยและคอยก่อเรื่องอยู่เสมอ เมื่อหลายปีก่อนจงอินเคยทำงานในวงการบันเทิงมาก่อนแต่เพราะมีข่าวฉาวและข่าวคาวมากเกินไปเลยทำให้ถูกแบนออกจากวงการและถูกสังคมลืมไปช้าๆ เหมือนจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้พอเข้ามหาลัยจงอินก็เปลี่ยนไป
ตอนที่จงอินเรียนจบมินซอกจึงชวนให้จงอินมาทำงานด้วยกัน มินซอกเล็งเห็นความ สามารถเรื่องการต่อสู้ของจงอินและจงอินเองก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนของมินซอก มินซอกเลยชวนให้จงอินมาทำงานด้วยกัน
มินซอกรู้ดีว่าทำไมจงอินถึงเป็นคนเสเพลเพราะคนที่เขารักตายไปแล้วจงอินจึงใช้ชีวิตแบบนั้น มินซอกอยากให้จงอินลืมคนรักตัวเองแล้วเปลี่ยนตัวเองใหม่จึงชวนให้จงอินมาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษในกรมและตอนนี้จงอินก็เปลี่ยนตัวเองได้แล้ว ประโยคทีมินซอกเคยพูดอยู่กับเขาอยู่ประจำมันทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนตัวเอง
เขาไม่ใช่จงอินคนเก่าแล้ว จงอินคนที่เคยมีชื่อเสียง จงอินคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้จุดหมายมันตายไปแล้ว
"คิดอะไรอยู่"ยูตะถามขึ้นมาเพราะเห็นจงอินเงียบไป เจ้าของผิวสีแทนยิ้มให้พร้อมกับส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่มีอะไร
"ผมแปลกใจอย่างนึงครับ"จงอินพูดหน้านิ่ง บางทียูตะก็คิดว่าเวลาที่จงอินพูดจาสุภาพๆนั้นมันเป็นเพราะหมอนี่อยากผูกมิตรจริงๆหรือแค่กวนประสาทเขาเล่นกันแน่
"อะไร"ยูตะตอบกลับเสียงแข็งทันควัน เขาไม่ได้มองจงอินแต่มองทางข้างๆและจ่อปืนไปข้างหน้าเพราะกลัวคนร้ายจะโผล่มาตอนที่เขาคุยกับไอ้หล่อหน้ามึนนี่อยู่
"ทำไมคุณจอห์นนี่ไม่มาทำงานนี้เอง มันเป็นหน้าที่ของเขาไม่ใช่เหรอครับ"จงอินถามทั้งที่รู้ดี ที่จอห์นนี่หายไปเพราะไม่อยากถูกเพื่อนตัวเองอย่างแทยงสวดยับ เรื่องที่พาคนในกรมไปเมากันที่บาร์ของเขา และที่เขาต้องมาทำงานทั้งที่ยังแฮงค์แบบนี้ก็เป็นเพราะว่าถูกมินซอกสั่งให้ดูที่เกิดเหตุ จงอินคิดว่าที่ยูตะมาอยู่ที่นี่ก็คงเป็นเพราะว่าแทยงไล่ให้มาทำงานโทษฐานที่เมื่อคืนหนีเที่ยว
"อย่าสงสัยอะไรที่รู้อยู่แล้วเลย นายโชคดีที่ไม่ได้ไปที่หน่วยงาน แต่ฉันน่ะสิ โดนไอ้แทยงด่าลั่นกรมแค่เพราะแอบหนีเที่ยวเท่านั้นเอง เซ็งชิบหาย รู้งี้ไม่น่าไปที่ เขตสี่เลย"ยูตะพูดอย่างงั้นเพราะว่าที่จริงแล้วเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่เขตสี่
ยูตะเป็นตำรวจในกรมสืบสวนคดีพิเศษของหน่วยงานเขตสองแต่เขาถูกส่งตัวมา อยู่เขตสี่เพราะเจ้าหน้าที่คนก่อนเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติงาน พอคนในกรมสืบสวนของหน่วยงานนี้ขาดเขาเลยต้องมาแทนและก็เพราะคนในเขตสองเป็นผู้ตายในคดีฆาตกรรมที่กำลังได้รับความสนใจในช่วงนี้เขาจึงต้องเข้ามาดูแล แต่ก็ชั่วคราวเท่านั้นแหละ จบงานก็ลากันทีกับเขตสี่ที่มีแต่ตำรวจติ๊งต๊องแบบนี้
ในโซลเมืองหลวงของเกาหลีใต้ปี2024ซึ่งก็คือปีนี้รัฐบาลได้เปลี่ยนระบบการดูแลใหม่ หลังจากที่สิบปีที่แล้วมีคดีต่างๆและมีอาชญากรเพิ่มขึ้นมากมาย ทางรัฐบาลจึงได้เล็งเห็นว่าสิ่งที่พวกเขาควรจะทำไม่ใช่หาเงินเข้าประเทศอย่างเดียวแต่เป็นการจัดการปัญหาอาชญากรรมในประเทศ
ตำรวจในโซลถูกแบ่งออกเป็นยี่สิบสี่หน่วยงานเขต ทั้งยี่สิบห้าเขตทำงานตามคำสั่งรัฐบาล ปีค.ศ.2024 ปีนี้เป็นปีทีมีเหตุอาชญากรรมเยอะมากที่สุดในรอบสิบปีแต่ก็ยังน้อยกว่าปีสิบปีที่แล้วอยู่ดี และในขณะเดียวกันอาชีพตำรวจก็ได้รับความนิยมมากด้วย เพราะอาชีพนี้ในโซลมีรายได้มากกว่าอาชีพทนายซะอีก
"เหอะๆ คุณไม่ควรโกรธคุณแทยงเขานะครับ เป็นผมผมก็หงุดหงิดที่ถูกปล่อยให้ทำงานจนดึกดื่นคนเดียวแถมพอเรียกใช้งานยังไม่มีใครโผล่หัวมาอีก"จงอินพูดหน้าตาเฉย ยูตะได้แต่บ่นในใจเพราะจงอินเองก็หนีเที่ยวด้วยเหมือนกันแถมเป็นเจ้าของร้านอีกต่างหาก
"ชิ นายก็ไปกับฉันเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ไม่ได้โดนด่าทำมาเป็นพูดดี"ยูตะจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ที่เขาหัวเสียไม่ใช่เพราะโดนแทยงด่าหรอกแต่เป็นเพราะไอ้คน ที่เป็นตัวต้นเรื่องชวนไปเมาอย่างจอห์นนี่กลับไม่ถูกด่าต่างล่ะ
ยูตะหยุดคุยกับจงอินแล้วคุยกับตำรวจผ่านวิทยุสื่อสารที่รายงายเหตุการ์ณของ คนร้ายที่เมายาตอนนี้ช่วยเหลือตัวประกันได้แล้ว ภาระทั้งหมดจึงตกมาที่เขา ผู้บังคับบัญชาการสั่งให้ตำรวจเขตสี่จับฆาตกรต่อเนื่องให้ได้ภายในวันนี้ แต่ตอนนี้ยูตะยังไม่รู้เลยว่าคนร้ายหน้าตาเป็นยังไง
"แล้วตกลงคุณให้ผมตามคุณมาทำไมครับ"จงอินเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เขาเดินตามยูตะมาโดยที่ไม่รู้เลยว่ายูตะโยนปืนให้เขาทำไม
"ช่วยฉันจับคนร้ายน่ะสิ ฉันว่ามันยังไม่ออกจากที่นี่หรอก"ยูตะมองทางข้างหน้าและเดินอย่างระมัดระวัง เขาเล็งปืนไปแต่ละที่ด้วยความรอบคอบ ตอนนี้ในผับแห่งนี้ไม่มีคนอยู่ พวกเขากำลังอยู่ที่ชั้นบนของผับแห่งนี้
"คนร้ายคือใครครับ"จงอินถามหน้านิ่งๆ คำถามนั้นเรียกเสียงถอนหายใจจากยูตะได้เป็นอย่างดี ให้ตายสิ หมอนี่ช่วยเข้าใจอะไรง่ายๆได้มั้ย
"ถ้าฉันรู้ก็คงประกาศหมายจับไปแล้วสิวะ"ยูตะกำลังหัวเสีย นาทีนี้เขาคิดถึงฮันซอล เพื่อนร่วมงานเขาที่เขตสองสุดๆ ให้ตายสิ ทำไมมินซอกต้องส่งมันมาด้วยวะ
"ผมเปล่ากวนประสาทคุณนะครับ แต่คุณจะจับคนร้ายโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นใครน่ะเหรอครับ"พอจงอินพูดอย่างงั้นขึ้นมาเขาก็คิดได้ทันที นั่นสินะ เขาจะรู้ได้ไงว่าใครเป็นคนร้าย
"แล้วทีนี้ทำไงดี"ยูตะทำหน้าครุ่นคิดในตอนนั้นเองที่มีเสียงดังมาจากด้านล่าง ใครบางคนกำลังทุบกระจกที่อยู่ตรงข้างประตู ยูตะและจงอินรีบวิ่งลงไปข้างล่าง เขาเห็นใครบางคนวิ่งออกไปทางหน้าต่างกำลังจะรีบวิ่งตามไปแต่คนร้ายปาระเบิดมาทางพวกเขา จงอินจึงรีบดึงตัวยูตะออกมา
"เดี๋ยวก่อน!!"
ตู้ม!!
จงอินคิดไว้แล้วว่ามันคือแผนการของคนร้ายที่จะล่อเขามาตาย เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ายูตะวิ่งตามไปแล้วสภาพจะเป็นยังไง
"เกือบไปแล้วมั้ยล่ะคุณ"จงอินพูดกับยูตะที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา พอยูตะตั้งสติได้จึงรีบผละตัวออกมาทันที เขาทำหน้าตารังเกียจกับทำท่าทีขนลุกใส่จงอินทันที
"แล้วทีนี้จะทำไงดีเนี่ย คนร้ายก็หนีไปได้ แถมยังต้องมาเฉียดตายอีกต่างหาก"ยูตะอยากจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆ เขาไม่ยากจะคิดเลยว่ากลับไปต้องเจออะไรบ้าง นี่มันวันซวยของเขาชัดๆ
"ก็รายงานไปตามความจริงไงครับ เราพลาดก็คือพลาด"จงอินพูดเสียงเรียบ หน้านิ่งๆของคนตรงหน้าทำให้ยูตะอดคิดไม่ได้ว่าโดนกวนอวัยวะเบื้องล่างหรือเปล่า
"เออ เรื่องนั้นน่ะรู้แล้วเว้ย ฉันแค่พูดลอยๆไม่ได้ถาม"ยูตะดูจะหัวเสียกับจงอิน แค่เขาจับคนร้ายไม่ได้ก็ทำเขาอารมณ์เสียมากพอแล้ว ยิ่งมาเจอกับจงอินแล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
"อ้อเหรอครับ"ยูตะหันไปมองจงอินตาขวางทันที เขาแอบเห็นว่าจงอินแอบหัวเราะเบาๆ สรุปหมอนี่กวนตีนเขามาตลอดเลยสินะ
"ยังไงตอนนี้นายก็ประสบชะตามกรรมเดียวกับฉัน เตรียมใจไว้เถอะ ถ้าเจอคถาสวดยับของไอ้แทยงแล้วจะกวนตีนไม่ออก"
"ครับ ผมหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น"
KLFNT
"อะไรทำให้นายคิดว่าตัวเองยังไม่หายขาดล่ะ"เสียงทุ้มต่ำของร่างสูงโปร่งพูดกับมิน ซอกที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตรงข้ามเขา ชานยอลยังคงเป็นจิตแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งนี้อยู่เหมือนเดิม มินซอกเองก็ยังมาหาชานยอลอยู่บ่อยๆ
"คิดไปเองมั้ง ผมรู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่อยู่คนเดียว ไม่รู้สิ มันเหมือนกับว่าผมแค่ซ่อนอีกบุคลิกตัวเองได้แต่มันยังไม่หายไป มันมักจะโผล่มาทุกครั้งเวลาที่ผมอยู่คนเดียว"ชานยอล มองตามสายตาชานยอลไปก็เห็นว่าคนไข้ของเขากำลังมองหน้าต่างที่มีตัวหนังสือเขียนอยู่
"ฝีมือแบคฮยอนนั่นแหละ หมอนั่นดีใจที่เข้ามหาลัยโซลได้เลยมาเขียนประกาศให้โลกรู้"ชานยอลตอบยิ้มๆให้มินซอก ส่วนมินซอกก็ยิ้มกลับให้ชานยอล
ครั้งนึงพวกเขาเคยรู้จักกันเพราะมินซอกและผู้ชายคนนั้นต้องมาสืบคดีที่โรงพยาบาลนั้นด้วยกันและตั้งแต่นั้นมามินซอกก็แวะเวียนมารักษาอาการทางจิตของตัวเองที่นี่เป็นประจำจนวันนี้ที่หมอปาร์คบอกว่าเขาปกติเหมือนคนอื่นแล้วแต่เขากลับรู้สึกว่าลึกๆแล้วเขายังเป็นไบโพลาร์อยู่...แค่ในบางครั้งที่คิดถึงลู่หาน
"น่าอิจฉาคุณจังนะ"มินซอกพูดออกมาเบาๆ ชานยอลสังเกตว่าแววตาเศร้าๆ ของมิน ซอกนั่นกำลังคิดถึงใครบางคนอยู่
"เดี๋ยวนี้นายยังได้ไปหาลู่หานอยู่หรือเปล่า"ชานยอลพอจะรู้มาบ้างว่าเมื่อสิบปีที่แล้วลู่หานเพื่อนของมินซอกเข้าไปอยู่สถานกักกันเยาวชนเพราะเผลอฆ่าคนโดยไม่เจตนา
"ผมไม่ได้ไปเยี่ยมเขาหลายเดือนแล้วครับ"มินซอกก้มหน้าหลุบตาต่ำ แค่คิดถึงเรื่องลู่หานขึ้นมามินซอกก็รู้สึกหน่วงในใจแล้ว เขาไม่รู้ว่าต่อไปนี้เรื่องระหว่างเขาและลู่หานจะเป็นยัง ไงต่อไป มินซอกไม่รู้ว่าที่เขาสัญญากับลู่หานไว้ว่าจะรอนั้นมันจะเป็นจริงหรือเปล่า
"ทำไมล่ะ"หมอชานพูดออกไปโดยไม่ทันคิดว่าจะเป็นคำถามที่มินซอกไม่อยากตอบ สีหน้าของมินซอกดูลำบากใจแต่สุดท้ายเขาก็พูดออกมา
"เขาเป็นคนบอกกับผมเองว่าให้เลิกรอเขา"สายตาของมินซอกมองออกไปนอกหน้า ต่าง เสียงนกตัวเล็กๆที่ร้องอยู่นอกหน้าต่างทำให้บรรยากาศของพวกเขาดูไม่อึดอัด แต่ดูเหมือนมันจะเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
"นายคบกับเขาหรือยัง"ชานยอลไม่สามารถห้ามความอยากรู้ของตัวเองได้ เขายังคงถามมินซอกต่อไปเรื่อยๆโดยไม่รู้เลยว่าคำถามพวกนั้นมันเหมือนมีดแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของมินซอก
"ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขา แต่ผมรู้แค่ว่าผมรักเขาเขารักผม...แต่มันแค่ตอนนั้นเท่านั้น ตอนนี้ผมไม่รู้เลย ไม่รู้ว่าเขายังรักผมหรือเปล่า"...แต่มินซอกยังคงรักลู่หานอยู่ไม่เคยเปลี่ยนไป
"เขาต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่ เด็กคนนั้นไม่ทำอะไรแบบไร้เหตุผลหรอก"
"ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปเจอเขาอีกเลย เวลาก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เราไม่ได้เจอ กัน ตอนนี้เขาคงลืมผมไปแล้วล่ะ"นัยน์ตาสีน้ำตาลมองทอดออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกอ้างว้างกัดกินหัวใจของเขา สำหรับมินซอกแค่รู้ว่าผู้ชายที่เขารักไม่สามารถอยู่เคียงข้างเขาได้นั้นก็ทำให้เขาเจ็บปวดเกินจะอยู่ต่อไปได้แล้ว
ในหัวของมินซอกมีแต่คำว่าไม่เข้าใจ เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะรอลู่หาน ตลอดไปแต่ในเมื่อลู่หานบอกให้เขาหยุดเขาก็คงต้องหยุด มันจริงอย่างที่ลู่หานพูดทุกอย่าง เขาไม่รู้ว่าจะได้อยู่กับลู่หานตอนไหนและต้องรออีกเมื่อไหร่ เพราะลู่หานคิดอย่างนั้นจึงปล่อยเขาไป
"ผมไม่รู้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำยังไงต่อไปดี"มินซอกกุมใบหน้าตัวเองเขาพยายามเก็บซ่อนน้ำตาไว้ เพราะชานยอลเป็นจิตแพทย์ ทุกครั้งที่เขาคุยกับชานยอลเลยทำให้เขาปลดปล่อยความรู้สึกทุกอย่าง
"ฉันเองก็ไม่รู้ ขอโทษที่ครั้งนี้ฉันไม่สามารถให้คำปรึกษาที่ดีกับนายได้ แต่ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะลืมเรื่องผู้ชายคนนั้นให้หมดและคิดซะว่าเขาแค่ผ่านมาในชีวิตนายและก็กำลังจะผ่านไป ฉันเชื่อว่าซักวันนายจะต้องเจอคนที่ดีกว่าลู่หาน"
"แต่คนที่ผมรักเท่าไอ้เด็กบ้านั่นคงจะไม่มีอีกแล้ว ฮึก"ชานยอลหัวเราะออกมา เมื่อเห็นคนไข้ของเขาร้องไห้เหมือนเด็กๆ เขายีเส้นผมสีดำขลับนั่นจนยุ่งและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"อย่าคิดถึงเรื่องเขาอีกเลย มันจะทำให้นายเครียดนะ"อย่างน้อยๆชานยอลก็ไม่ อยากให้คนไข้ที่อยู่ในความดูแลของเขาเป็นอะไรไป
"ขอบคุณหมอนะ อย่างน้อยๆมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้"คนที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนปกติมากที่สุดนอกจากลู่หานก็คือหมอชานคนนี้นี่แหละ
Ringgggggg
เสียงโทรศัพท์ของมินซอกดังขึ้นมา เขาหยิบมันขึ้นมารับสายและเดินออกไปคุยข้างนอกห้อง
"มีอะไร"มินซอกไม่แม้แต่จะทักทายคนในสาย เขารีบถามขึ้นด้วยความรำคาญ ใจที่คนคนนั้นโทรมาหาเขานอกเวลางาน
"มีงานด่วน มาที่หน่วยงานเขตสี่ตอนนี้"เสียงในสายของแทยงก็ดูซีเรียสจนมินซอกเชื่อว่านี่มันงานด่วนจริงๆ มินซอกได้ยินเสียงเอะอะดังออกมาจากในสายด้วย ถ้าให้เดาตอนนี้ทุกคนในเขตสี่คงอยู่กันพร้อมหน้า
"ไม่มีได้มั้ย แสดงว่าเป็นคำสั่งสินะ นี่แทยง นายก็รู้ว่าฉันเป็นหมอไม่ใช่ตำรวจ ฉันไม่จำเป็นหรอกหน่า"มินซอกตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ทั้งที่ตั้งใจว่าจะกลับไปเคลียร์งานที่โรงพยาบาลซะอีก วันหยุดแบบนี้ยังต้องไปที่นั่นอีกเหรอเนี่ย
"แต่คดีนี้นายจำเป็น จำเป็นมากด้วยคุณหมอ"อืม…คุณหมองั้นเหรอ เป็นคุณหมอที่ต้องมาหาหมอ ตลกดีจัง มินซอกหัวเราะแห้งๆไม่มีเสียงและตอบแทยงกลับไป
“เข้าใจแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึงที่นั่น”
“โอเค อีกหนึ่งชั่วโมงถึง ระหว่างรอฉันจะจัดการกับไอ้พวกเวรนี่ที่หนีงานไปกินเหล้าก่อน”
“ดีมากที่รักที่เข้าใจฉัน รู้ใจฉันแบบนี้สิถึงจะทำงานด้วยง่าย”มินซอกพูดปนตลก แทยงรู้ว่าครึ่งชั่วโมงของมินซอกน่ะไม่เหมือนชาวบ้าน ถ้าบอกจะมาภายในครึ่งชั่วโมงเขาจะไม่มีทางมาภายในครึ่งชั่วโมงเด็ดขาด เพราะนิสัยของมินซอกไม่ใช่คน on time แต่ เป็นคน in time และออกแนวไปทาง late ซะด้วยสิ
“นี่เป็นนายนะมินซอก ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมาเรียกฉันว่าที่รัก ฉันจะจับข้อหาพูดจาล่วงละเมิดสิทธิความเป็นผู้ชายของฉัน”มินซอกหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปเป็นประโยคสุดท้ายและวางสายไป
“มันมีกฎหมายข้อนั้นอยู่บนโลกนี้ที่ไหนกันเล่า”ร่างสูงเพียงร้อยหกสิบแปดเซ็นเดินเข้าไปในห้องและยิ้มให้กับหมอที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ มินซอกหยิบกระเป๋าตัวเองและขอตัวกลับบ้านก่อน
“ไว้ผมจะมาหาใหม่นะ คราวหน้าคุณอย่าลืมพาแบคฮยอนมาด้วยล่ะ”ชานยอลพยักหน้ารับให้มินซอกที่เดินออกไปจากห้อง มินซอกมุ่งหน้ากลับคอนโดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและขับรถออกมาไปที่หน่วยงานเขตสี่และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะแวะนู่นนั่นนี่เพื่อให้ระยะเวลาในการเดินมากขึ้นด้วย ก็คนอย่างคิม มินซอกถ้าบอกว่าจะสายก็ต้องสาย อีกอย่างนิสัยของเขาคือชอบให้คนรอซะด้วยสิ
มินซอกคิดทบทวนเรื่องราวตลอดสิบปีที่ผ่านมาระหว่างที่ขับรถ เขาเริ่มรู้จักลู่หานเมื่อตอนอายุสิบแปด เด็กคนนั้นอายุสิบเจ็ดเป็นนักสืบที่หาตัวจับยากแต่แล้ววันหนึ่งชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อผู้ชายคนนั้นมาใส่ร้ายมินซอกว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าเพื่อนของเขา ในตอนแรกลู่หานดูจะปักใจเชื่อเหลือเกินว่าเขาคือคนร้ายแต่ก็นั่นแหละ มินซอกหาคำอธิบายและหลักฐานมาพูดกับลู่หานจนในที่สุดลู่หานก็เชื่อว่ามินซอกไม่ได้เป็นคนทำ และเมื่อรู้อย่างนั้นลู่หานจึงช่วยตามหาคนร้ายที่แท้จริงเพื่อให้มินซอกหลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้
ระหว่างที่ตามหาคนร้ายอยู่เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เด็กนักเรียนแต่ละคนตายเพราะอุบัติเหตุติดกันหลายครั้งจนทั้งคู่รู้ได้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ลู่หานเองก็เริ่มรักมินซอกมากขึ้นเมื่อได้มาอยู่ใกล้ชิดกับมินซอก มินซอกคือผู้ชายที่เขาแอบรักมาตลอดแต่ไม่สามารถพูดไปได้เพราะตอนนั้นมินซอกมีแฟนแล้ว ทั้งคู่ตามหาคนร้ายไปเรื่อยๆจนในที่สุดเรื่องก็หักมุมด้วยการที่ว่าลู่หานนั่นแหละคือคนที่ฆ่าเพื่อนของเขา ยังไม่ทันที่มินซอกจะได้บอกรักลู่หานและทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกันฟ้าก็พรากพวกเขาให้ห่างกัน แต่ด้วยหัวใจที่รักจนไม่สามารถทำลายได้ มินซอกเลยสัญญาว่าจะรอ รอวันที่ลู่หานจะพ้นโทษและออกมาอยู่กับเขา ถึงแม้ว่าจะหมดหวังเพราะไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จะได้อยู่ด้วยกันมินซอกก็จะรอ
แต่ลู่หานคงไม่ได้คิดแบบนั้น ลู่หานไม่อยากให้มินซอกรอเขาต่อไป ลู่หานต้องการให้มินซอกได้เจอคนที่ดีกว่าการที่ต้องมาเสียเวลาเพราะคนอย่างเขา และถึงแม้จะยังรักมินซอกแค่ไหนสุดท้ายลู่หานก็ต้องปล่อยมือจากมินซอกไป
ห้าปีที่แล้ว….
“ฉันยังอยากอยู่กับนาย ฉันขอแค่ยังมีนายต่อให้ต้องรอนานแค่ไหนฉันก็ยอม”เสียงสั่นๆของมินซอกพูดออกมาทั้งน้ำตา ลู่หานที่อยู่อีกฝั่งของกระจกไม้กล้าแม้แต่จะมองหน้าคนที่เขารักมาตลอดสิบปี แค่ได้ยินเสียง แค่เห็นน้ำตาของมินซอกหัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบจนแหลกคามือ ยิ่งมินซอกเจ็บมากเท่าไหร่ลู่หานยิ่งเจ็บมากเท่านั้น ยิ่งคนที่ทำให้มินซอกเสียใจคือเขาเขาก็ไม่รู้จะโทษตัวเองยังไงดีแล้ว
“ฟังนะมินซอก ฉันยังรักนายอยู่และจะไม่วันเลิกรัก แต่ฉันไม่อยากให้นายต้องทรมานกับการรอคนอย่างฉัน…มันเสียเวลา”ประโยคสุดท้ายลู่หานเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนน้ำตาของตัวเองที่กำลังจะไหลออกมาเหมือนกับมินซอกในตอนนี้
“ฉันไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา เพราะฉันรักนาย”มินซอกเอื้อมฝ่ามือผ่านช่องเล็กๆเข้าไปหาลู่หานและกุมใบหน้าเขาไว้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาเจอกันเพียงแค่ตรงกระจกใสที่กั้นระหว่างญาติที่มาเยี่ยมและผู้คุมขัง
“ได้โปรดเถอะมินซอก ไปหาคนที่ดีกว่าฉันเถอะนะ เลิกรอฉัน เลิกหวังลมๆแล้งๆว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันซักที ถ้านายไม่มาที่นี่อีก เลิกคิดถึงฉัน ฉันเชื่อว่านายลืมฉันได้แน่ ถ้านายเจอคนที่ดีและรักนาย ถึงตอนนั้นนายก็คงเลิกรักฉันไปเอง”สิ่งที่ลู่หานพูดออกไปนั้นทำร้ายจิตใจของทั้งตัวเขาและมินซอก เขาเจ็บปวดไม่ต่างจากมินซอกแต่เพื่อคนที่เขารักแล้ว ต่อให้ต้องโดดเดี่ยวก็ยอม ที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายเห็นแก่ตัวกับมินซอกมาตลอดถึงคราวที่เขาจะต้องเสียสละบ้างแล้ว
“ชีวิตฉันมีแค่นายฉันไม่ต้องการใครที่ดีกว่า ฉันต้องการแค่ผู้ชายธรรมดาๆอย่างนายนะลู่หาน ฮึก…ขอร้องล่ะ ให้ฉันได้รอนายต่อไปเถอะนะ”มินซอกแทบคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนลู่หานเพราะมินซอกไม่ได้บอกเรื่องที่แม่เขาเพิ่งเสียไปลู่หานจึงไม่รู้ว่าต่อไปนี้ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
“ออกไปจากชีวิตฉันซะ”
“……..!”เหมือนมีสายฟ้าฟาดเข้ามาที่กลางหัวของมินซอก คำพูดแบบนั้นมินซอกไม่คิดเลยว่าจะได้ยินจากปากลู่หาน นี่ลู่หานเกลียดเขาแล้วงั้นเหรอ ลู่หานหมดรักเขาแล้วใช่มั้ยถึงได้พูดออกมาแบบนั้น
“ฟังนะมินซอกคนดี นายจะต้องลืมฉัน ลืมว่าเคยรู้จักคนชื่อลู่หาน นั่นคือสิ่งที่จะทำให้นายมีความสุขและไม่ทุกข์ทรมานอีกต่อไป ลืมไอ้สารเลวที่ฆ่าแม้กระทั่งเพื่อนตัวเองไปเถอะ”ลู่หานใช้สองมือประคองใบหน้าของมินซอกก่อนจะก้มไปใกล้และจูบที่ริมฝีปากของคนตัวเล็ก มินซอกจูบกลับโดยอัตโนมัติ รสจูบที่เคยหอมหวานตอนนี้เหลือแต่ความเศร้าที่เต็มอยู่ในใจของพวกเขาทั้งคู่
ลืมงั้นเหรอ…ให้ลืมคนที่รักจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ถ้าไม่มีเขาอยู่เคียงข้างน่ะเหรอ
“อย่าพูดเหมือนง่ายทั้งที่นายไม่ใช่ฝ่ายลืมสิ มีความสุขถ้าลืมได้งั้นเหรอ คำพูดพวกนั้นมันโกหกทั้งเพ ทุกวันนี้ฉันใช้ชีวิตอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายเพราะไม่มีนาย ที่ฉันต้องทนเหงาอยู่อย่างนี้ก็เพราะจะลืมไอ้สารเลวอย่างนายไม่ใช่หรือไง”มินซอกพูดขึ้นมาในตอนที่เขากำลังขับรถ เขาสะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดและพยายามลืมเรื่องลู่หานอีกครั้ง จริงอย่างที่แฟนเก่าของเขาเคยบอกแหละ จะก้าวไปข้างหน้าได้ต้องทิ้งอดีตของตัวเองซะก่อน
Ringgggggg
มินซอกหันไปมองโทรศัพท์ตัวเองที่มีคนโทรเข้ามา ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแทยงที่โทรมาเร่งก็เลยจะไม่รับแต่พอเห็นว่าไม่ใช่จึงหยิบมันมากดรับสาย เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลกด้วยสิ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า….”
“ยังใช้เบอร์เดิมอยู่สินะ เสียงนายดูโตขึ้นนะมินซอก”ยังไม่ทันที่มินซอกจะพูดจบคนในสายก็พูดขึ้นมาก่อน น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้มินซอกพยายามนึกว่าเขาเป็นใคร
“นี่นายคือ…”
“ฉันกลับมาแล้ว คิดถึงนายชะมัด”
KLFNT
MINSEOK PART
ผมขับรถมาถึงสถานีตำรวจเขตสี่ในอีกครึ่งชั่วโมงหลังจากที่เขาโทรมา จงแดแฟนเก่าของผมที่ไปเรียนที่จีนกลับมาอยู่ที่เกาหลีแล้วหลังจากที่เรียนจบเขาทำงานอยู่ที่นั้นอยู่หลายปีแต่เพราะเป็นห่วงครอบครัวเลยกลับมาอยู่ที่เกาหลี ทีแรกผมคิดว่าที่เขาโทรมาเพราะต้องการให้ผมไปรับที่สนามบินซะอีกแต่เปล่าเลย แค่โทรมาทักทายเฉยๆ
เรื่องของผมกับจงแดมันจบไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วหลังจากที่ความจริงทุกอย่างเฉลยว่าเขาแค่เห็นผมเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนึงที่เขารักมากๆตั้งแต่วันนั้นมาผมกับเขาลดสถานะเหลือแค่เพื่อนกันและปีต่อมาเขาก็ไปอยู่ที่จีนหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเสียดายนิดหน่อยที่ตอนนั้นเราไม่ได้คุยกันอีกแต่พอรู้ว่าเขาอยู่ที่เกาหลีแล้วผมก็คิดว่าคงจะได้มีโอกาสเจอกันอีกบ่อยๆ
แทยงนัดผมให้มาภายในหนึ่งชั่วโมงแต่นี่ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว…ผมคิดว่าเขาคงต้องประเมินผมใหม่แล้วล่ะมั้ง แต่การที่เขาไม่โทรมาเร่งระหว่างรอผมก็แสดงว่าคงไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร ผมเดินเข้าไปในตึกหกชั้นและขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดเพื่อไปหาแทยงที่ห้องประชุม ผมเคาะประตูพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดเข้าไป ทันทีที่ประตูเปิดออกทุกคนในห้องก็หันมามองผมเป็นสายตาเดียว ในห้องมีแทยง แจฮยอน จงอิน ยูตะ จอห์นนี่และซึงวานเจ้าหน้าที่นิติเวชเหมือนผมที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในห้อง
“ดูเหมือนว่าคุณจะมาสาย”คำทักทายแรกจากซึงวานนั้นทำให้ผมรำคาญนิดหน่อยอาจเป็นเพราะรู้สึกหงุดหงิดใจที่มีคนไม่ชินกับนิสัยของผมล่ะมั้ง
“โอ๊ะ ขอโทษที พอดีรถมันติดน่ะ ว่าแต่พวกนายมีธุระอะไรกับฉันอย่างงั้นเหรอ”ผมแกล้งทำสีหน้าเหมือนรู้สึกผิดก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ถัดจากยูตะที่ดูเหมือนจะยุ่งกับแฟ้มคดีอะไรบางอย่าง
“งั้นเรามาคุยเรื่องงานกันเลยดีกว่า”แทยงส่ายหน้าเอือมระอากับผมเล็กน้อยก่อนจะโยนเอกสารที่อยู่ในแฟ้มของยูตะมาให้ผม ผมหยิบมันขึ้นมาอ่านก็พบว่านี่คือเอกสารเกี่ยวกับคดีฆาตกรต่อเนื่องในโซล อ่านเผินๆก็ดูเหมือนคดีฆาตกรรมทั่วไปที่เจอบ่อยครั้งแต่ผมก็มาสะดุดตาเอาตรงบรรทัดแรกของย่อหน้าสุดท้ายนี่แหละ เหยื่อทุกคนของคดีนี้ถูกคนร้ายตัดขาซ้ายและขโมยไป ในที่เกิดเหตุไม่เจอร่องรอยของขาที่ถูกตัดไปเลย ตอนนี้เหยื่อของคดีนี้มีทั้งหมดสี่คนและเหยื่อรายล่าสุดแทยงกับแจฮยอนก็เป็นคนพบศพด้วย
“อืม เป็นคดีที่แปลก แต่แล้วไง จะให้หมอชันสูตรศพอย่างฉันตามหาคนร้ายเหรอ ฉันเป็นหมอไม่ใช่ตำรวจนะ ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”ผมวางเอกสารไว้บนโต๊ะและเท้าคางมองหน้าแทยงที่กลอกตาเซ็งๆใส่ผม
“มันไม่ใช่หน้าที่ของนาย แต่ที่ฉันเรียกนายมาเพราะว่านายอาจจะทำให้ฉันเจอคนร้ายได้ต่างหาก ดูนี่ซะ”แทยงยื่นรูปอะไรบางอย่างมาตรงหน้าผม ผมคว้ามันมาดูด้วยอาการมึนงง ทันทีที่เห็นรูปนั้นตัวของผมชาวาบไปหมด นี่มัน…..
“…..!”
“จงอินบอกว่านายรู้จักกับคนในรูปและเพราะเหตุนี้ฉันเลยเรียกนายมา ผู้ชายคนนั้นถูกกล้องวงจรปิดในผับที่ยูตะกับจงอินไปช่วยตัวประกันมาบันทึกไว้ได้ เวลาตอนที่เขาเดินออกจากร้านมันใกล้เคียงกับเวลาที่ฆาตกรต่อเนื่องในคดีนี้หลบหนีไปได้พอดี พวกฉันก็เลยให้เขาอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัยในคดีนี้”
“ละ…แล้ว ฉันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ถึงฉันจะเคยรู้จักเขาก็เถอะแต่เราไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว”ผู้ชายในรูปนั้นคืออี้ชิง ผู้ชายคนนึงที่ผมและลู่หานเคยสงสัยว่าเขาเป็นคนฆ่าเพื่อนลู่หาน ตอนนั้นผมกับเขาค่อนข้างจะไม่ถูกกันเพราะเขาชอบใส่ร้ายผมให้ลู่หานหลงคิดว่าผมคือฆาตกรในคดีนั้นจริงๆ แต่เรื่องมันจบไปตั้งแต่ที่ความจริงเผยว่าลู่หานเป็นคนร้ายแล้วล่ะ
ในตอนนั้นทั้งผม ลู่หาน จงแด และจงอิน พวกเราต้องเผชิญกับความหวาดกลัวที่เข้าครอบงำจิตใจจนทำให้ผมอาการกำเริบ ในตอนที่โรงเรียนมีฆาตกรแฝงตัวอยู่และเด็กนักเรียนเริ่มหายไปทีละคน พวกเราต่างหวาดผวาว่าซักวันจะเป็นตัวเองที่ถึงคิวต้องตาย ส่วนผมก็ตั้งใจหาตัวคนร้ายที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า สุดท้ายพระเจ้าก็เล่นตลกกับผม ลู่หานคือจุดเริ่มต้นทั้งหมดของคดีฆาตกรรมนี้
เฮ้อ ผมคิดว่าผมควรเลิกนึกถึงมันแต่ก็อดไม่ได้ทุกที เหตุการ์ณครั้งนั้นยังคงเป็นฝันร้ายสำหรับผมและสำหรับใครบางคนในห้องนี้ที่นั่งหลับอยู่….จงอิน ผู้ชายคนนั้นต้องสูญเสียใครบางคนไปเพราะฝีมือลู่หาน และนี่คือสาเหตุที่ผมไม่สามารถมองหน้าจงอินได้ติด เราเหมือนจะสนิทกัน แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีช่องโหว่อยู่มาก เพราะคนที่เขารักตายไปเพราะคนที่ผมรัก ถึงเขาจะไม่ได้พูดออกมาแต่ผมก็อ่านสายตานั้นของเขาออก สายตาที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้นที่บ่งบอกได้ว่าเขาจะไม่มีวันให้อภัยลู่หานเด็ดขาด
สิบปีที่แล้วมีเรื่องราวมากมายที่ผมได้พบเจอ ช่วงชีวิตผมตอนนั้นมันช่างวุ่นวายและน่าสับสนไปซะทุกอย่าง เหมือนโลกที่ผมอยู่ตอนนั้นมันบิดเบี้ยวไปหมด สิ่งที่ผมได้พบเจอเมื่อหลายปีก่อนมันยังคงฝังใจผมมาจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ห้าปีที่แล้วที่ผมไม่ได้ไปเยี่ยมลู่หานอีกผมก็เอาแต่โหมงานหนัก เพราะพยายามจะลืมเรื่องผู้ชายคนนั้นจึงต้องทำให้ตัวไม่ยุ่ง
ชีวิตผมกลับเข้าสู่ความเป็นปกติ ผมกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในคอนโด แม้จะยังลืมเรื่องลู่หานไม่ได้สนิทแต่ตอนนี้ผมก็คิดว่าตัวเองเก่งพอที่จะอยู่คนเดียวได้โดยไม่ร้องไห้เมื่อนึกถึงเขาแล้วล่ะ ผมควรจะยินดีกับการที่ตัวเองได้มีชีวิตแบบนี้นะ ชีวิตที่เหมือนกับคนปกติทั่วไปที่ฝันว่าอยากจะมีเพราะที่ผ่านมาผมต้องเจอแต่เรื่องแปลกๆมากมาย
ชีวิตผมดูเรียบง่ายแบบนั้นมาตลอดห้าปีหลังจากที่เลิกติดต่อกับลู่หานแต่ดูเหมือนวันนี้จะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป ทุกอย่างเหมือนกำลังกลับมาเป้นเหมือนเดิม ราวกับกำลังมีบางสิ่งที่กำลังจะเกิดและพลิกชีวิตผมให้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ผมสังหรณ์ได้ตั้งแต่ที่จู่ๆจงแดก็กลับมาที่จีนและที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือเขาติดต่อผมเป็นคนแรก
“มินซอก พูดตรงๆเข้าเรื่องเลยนะ พวกเราต้องการให้คุณช่วยตามหาจางอี้ชิง”แจฮยอนมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง ผมก้มหน้าและหลบสายตาทุกคนรวมถึงจงอินที่ตื่นขึ้นมามองผมด้วยสายตากดดันอีกคน ผมไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ ผมกลัวว่าต้องเจอกับอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องบ้าๆอีก ผมแค่อยากให้ชีวิตที่ปกติและแสนธรรมดาของผมดำเนินเรื่อยๆไปอย่างงี้ ผมไม่อยากจะหาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้ว ถึงแม้จะฟังดูเห็นแก่ตัวก็เถอะแต่ผมไม่อยากกลับไปเจอคนพวกนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีผมคนเดียวที่รู้จักอี้ชิงและพอจะหาเบาะแสได้
“ฉันไม่ว่างมานั่งตามคนร้ายให้พวกนายหรอก งานนี้มันไม่ใช่งานของฉัน ฉันรู้จักเขาก็จริงแต่ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้หรอกนะ แค่ตามหาคนคนเดียวมันคงไม่ยากพอที่ตำรวจอย่างพวกนายจะทำหรอกมั้ง”
“ใช่ มันไม่ยากแต่ที่ฉันอยากให้นายช่วยเพราะฉันได้ยินมาว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนนายเคยตามหาคนร้ายคดีฆาตกรรมในโรงเรียนได้นี่ ฉันรู้ว่านายไม่ได้มีดีแค่เป็นหมอผ่าศพคนไปวันๆหรอกนะมินซอก ฆาตกรรายนี้ต่างจากที่หน่วยเราเคยเจอมา ฉันว่ามันฉลาดกว่าที่คิด เพราะอย่างงั้นฉันถึงอยากให้ตกลงรับงานยังไงล่ะ”
“อย่าพูดเป็นเล่นสิแทยง ฉันจะฉลาดหรือว่าคนร้ายจะเก่งมันไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่ฉันอยากรู้คือฉันจะได้อะไรตอบแทนจากงานนี้ ถ้าเป็นเงินล่ะบอกไว้เลยว่าให้ฉันไปทำงานที่โรงพยาบาลยังได้เงินเดือนเยอะกว่าอยู่กับพวกนายอีก ฉันไม่อยากทำ ไม่ใช่งานของฉัน ไม่ได้อะไรตอบแทน แค่สามข้อนี้ก็พอจะเป็นเหตุผลที่ฉันจะปฏิเสธได้แล้วใช่มั้ย”แทยงกัดปากแน่นเหมือนพยายามใช้ความคิดอยู่ พวกเขาเงียบไปซักพักและยูตะก็พูดขึ้นมาในที่สุด
“ขอร้องล่ะมินซอก พวกเราตามหาคนร้ายคดีนี้มาหลายเดือนแล้วแต่ยังจับตัวไปไม่ได้เลย พอได้เบาะแสชิ้นใหญ่มาก็คิดว่าจะทำให้หาตัวคน ร้ายได้ง่ายขึ้นแต่เปล่าเลย สามวันมานี้เราหาข้อมูลของคนที่ชื่ออี้ชิงไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเรารู้แค่ชื่อจากจงอินที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเขาตอนมอปลายแค่นั้น ส่วนที่อยู่หรือประวัติต่างๆเราไม่สามารถค้นหาได้เลย…ราวกับว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้”จะเป็นไปได้ยังไงกัน อี้ชิงไม่ใช่คนลึกลับขนาดนั้นซักหน่อย ทำไมถึงไม่มีข้อมูลเขาในเอกสารราชการเลยล่ะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“พวกนายหาดีแล้วเหรอ ข้อมูลที่โรงเรียนล่ะ เขาเคยอยู่จองชินโจเหมือนกับฉันและจงอินทำไมไม่ไปหาข้อมูลเขาที่โรงเรียนล่ะ”ผมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี อาการสั่นแปลกๆมันทำให้คนรอบข้างรู้ว่าผมกำลังวิตกกังวลกับอะไรบางอย่าง
“หาแล้ว แต่ที่โรงเรียนนั้นบอกว่าไม่เคยมีเด็กนักเรียนคนนี้เรียนอยู่ที่นี่ ฟังนะคุณหมอ ถ้าเขามีตัวตนจริงๆเรื่องแค่นี้ตำรวจอย่างเราหาข้อมูลแค่วันเดียวก็รู้เรื่องแล้ว”แจฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส ผมเริ่มลังเลกับเรื่องที่เกิดขึ้นทีละน้อย
“เป็นไปไม่ได้….”ผมช็อคจนพูดไม่ออกเลยล่ะทุกคน
“ไม่อยากจะถามอย่างงี้หรอกนะ แต่นายช่วยยืนยันอีกครั้งสิว่าครั้งนึงเคยเห็น เคยได้คุยกับเขา”จอห์นนี่ที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรมาตั้งแรกเริ่มถามผมบ้าง
“ฉันเคยคุยกับเขา ฉันขอยืนยันว่าเขามีตัวตนจริงๆ”ผมมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาของจอห์นนี่เพื่อให้เขาเชื่อว่าผมไม่ได้โกหก
“งั้นก็ขอร้องล่ะนะมินซอก มีแค่นาย แค่นายคนเดียวที่จะปิดคดีนี้ได้ฉันเชื่ออย่างนั้น”แจฮยอนเอ่ยปากขอร้องผมอีกครั้งจนผมรู้สึกลำบากใจ ผมไม่อยากยุ่งกับเรื่องพวกนี้แต่พอเห็นว่าตำรวจพวกนี้ทำการอะไรไม่ได้เลยก็ชักจะหงุดหงิดจนอยากจะเริ่มตามหาและสืบค้นเอง
“ฉันอยากให้นายเอาเรื่องนี้กลับไปคิด ค่าตอบแทนที่นายว่าเราให้ได้ทุกอย่างที่นายต้องการและเราสามารถหามาให้นายได้”สิ้นเสียงยูตะ ทุกคนก็เริ่มทยอยลุกออกจากห้องไปเหลือเพียงจงอินที่เหมือนมีเรื่องจะคุยกับผม
“นายกำลังกลัวอยู่ใช่มั้ยมินซอก”จงอินเดินไปเปิดหน้าต่างและเหม่อมองออกไปข้างนอก ท้องฟ้าในเวลายามบ่ายกับแดดจ้าที่ส่องเข้ามามันทำผมคิดถึงใครบางคน
“ฉันไม่อยาก ไม่อยากให้ชีวิตตัวเองต้องวุ่นวายไปมากกว่านี้อีกแล้ว”ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งตรงโซฟาหลังห้อง
“ช่วยไม่ได้นี่นา มันมีแค่นายคนเดียวที่สามารถตามหาเขาได้ นายคงต้องยอมรับแล้วล่ะว่านายคงไม่สามารถมีชีวิตเหมือนคนปกติได้”
“ก็คงงั้น ตราบใดที่ฉันยังหายใจโลกก็คงเหวี่ยงให้ฉันไปเจอกับเรื่องต่างๆอยู่ตลอดแหละ ชีวิตฉันมันไม่เคยอยู่กับที่อยู่แล้วนี่”ความจริงที่ตัวผมเพิ่งค้นพบคือภายใต้เมืองหลวงที่กว้างใหญ่นี้มีอะไรมากมายรอผมอยู่ เรื่องราวต่างๆที่ผมกำลังจะได้พบมันจะเปลี่ยนชีวิตผมอีกครั้งและไม่แน่ว่ามันอาจจะทำให้ผมได้พบพากับใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันมานานหรืออาจจะไม่เคยเจอกันเลยก็ได้
MINSEOK ENDPART
KLFNT
หลายวันต่อมามินซอกไปทำงานที่โรงพยาบาลตามปกติ เขายังไม่ได้ให้คำตอบกับตำรวจพวกนั้นและช่วงนี้ก็พยายามหลบหน้าคนพวกนั้นเพราะยังไม่อยากให้คำตอบ แต่ลึกแล้วๆมินซอกก็อยากจะรับงานนั้นแต่ก็ติดอยู่ที่อะไรบางอย่างซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ฝนหยุดตกแล้วนะคะหมอ”เสียงของพยาบาลคนนึงเอ่ยทักมินซอกที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าคนไข้ เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้เธอและเดินไปหยิบกระเป๋า
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”มินซอกโค้งหัวให้และเดินออกไป วันนี้เขาไม่ได้เอารถมาจึงตั้งใจว่าจะนั่งรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างทางเดินข้ามถนนมินซอกมัวแต่เหม่อลอยจนไม่ทันสังเกตรถที่พุ่งเข้ามารู้ตัวอีกทีรถคันนั้นก็มาใกล้เกินไปจนเขาหลบไม่ทัน จึงได้แต่หลับตาปี๋เตรียมรอรับความตายของตัวเองไว้แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงแรงกระชากบางอย่างก่อนตัวของเขาจะล้มลงไปกระแทกพื้น
เอี๊ยดดดดด
“ตาย…ตายแล้วแน่ๆเลย”มินซอกพูดกับตัวเองทั้งที่ยังไม่ลืมตา เขารู้สึกได้ว่ากำลังมีลมร้อนๆบางอย่างเป่ารดรินอยู่ตรงซอกคอเขา เสียงหัวเราะเบาๆที่เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนกำลังดังอยู่ข้างหู
“ยังไม่ลืมตาแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าตายแล้ว”
“……!”มินซอกลืมตาโพลงทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น เขาหันไปมองรอบๆก็พบว่าคนที่เดินผ่านไปมามองเขาที่นอนอยู่ข้างถนน ร่างกายของเขาถูกกระชากตัวเข้าไปก่อนที่รถจะมาถึงตัวและล้มลงไปพร้อมกับคนคนนั้นที่ดึงตัวเขาเขาไปบนฟุตบาต ผู้ชายคนนั้นกำลังกอดเขาอยู่ มินซอกค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของผู้มีพระคุณช้าๆและทันทีที่เห็นหน้ามินซอกถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
ปากนั้น ตาคู่นั้น ไม่ผิดแน่ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่? มินซอกเอื้อมมือไปสัมผัสกับใบหน้านั้นช้าๆ น้ำตาของเขาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงแหบแห้งนั้นเรียกชื่อคนตรงหน้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกโหยหา
“ลู่หาน…..”
TO BE CONTITUNE
ขอโทษน้าที่มาอัพช้า จะไม่ดองแล้ว ที่หายไปนานเพราะดองไว้เนื่องจากไม่มีอารมณ์แต่งแต่สุดท้ายก็ไปหาหนังแนวสืบสวนฆาตกรรมมาดูบิ้วต์อารมณ์ตัวเองจนได้ 55555
ความคิดเห็น