คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : KLFNT : 02 การพบกันที่ไม่เหมือนเดิม
KILLING FINAL TIME
การพบกันที่ไม่เหมือนเดิม
เหมือนเวลาของมินซอกหยุดไปชั่วขณะ วินาทีที่สายตาของเขาสบตากับคนตรงหน้า มันเหมือนกับโลกหยุดหมุน ผู้ชายที่เขาพยายามลืมมาตลอดตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา
"พระเจ้า...ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้"มินซอกโผลเข้ากอดผู้ชายคนนั้นพร้อมกับร้องไห้ออกมา เขาทำตัวไม่ถูกที่อยู่ดีๆมินซอกก็กอดเขา ผ่านไปหลายนาทีเขาเพิ่งจะตั้งสติได้จึงค่อยๆผละตัวออกจากมินซอก
"นี่คุณกลัวตายจนถึงกับต้องร้องไห้เลยเหรอเนี่ย"เขาคิดว่าที่มินซอกโผลเขากอดเขาอาจจะเป็นเพราะว่ารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งน้ำใจของเขาก็เป็นได้
"มันเป็นเพราะฉันคิดถึงนายต่างหากล่ะไอ้บ้า ฮึก..."มินซอกทุบไหล่ของเขาอย่างแรงจนเขาร้องออกมา มือหนาใหญ่นั้นกุมไหล่ตัวเองไว้เพราะเจ็บก่อนจะมองคนตรงหน้าที่บอกว่าคิดถึงเขาด้วยสายตางงๆ
"คิดถึงผม? ขอโทษนะ...แต่เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ"
"....!"เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาตรงกลางหัวมินซอก ผู้ชายตรงหน้าที่เหมือนลู่หานทุกอย่างราวกับเป็นคนคนเดียวกันบอกว่าไม่รู้จักเขา คนตรงหน้านี่ไม่ใช่ลู่หานหรอกเหรอ
"ก็นายคือลู่หานไม่ใช่เหรอ"มินซอกยกมือปาดน้ำตาลวกๆเหมือนเด็กก่อนจะลุกขึ้นยืนเพราะรู้สึกว่ามีแต่คนมอง เขาถอยหลังไปสามก้าวเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างตัว เขากับลู่หานปลอม (?) ทั้งที่เป็นฝ่ายกอดเขาก่อนแท้ๆแต่พอรู้ว่าเขาไม่ใช่ลู่หานก็ทำเป็นเหมือนรังเกียจเขาเฉยเลย
"ผมไม่ใช่ลู่หานอะไรนั่น คุณทักคนผิดแล้ว ฮะๆ"เขาหัวเราะแห้งๆและมองมินซอกที่ยืนนิ่งเพราะทำตัวไม่ถูก ผู้ชายคนนี้เหมือนลู่หานทุกอย่างแค่แตกต่างตรงที่ว่าสูงกว่าและผิวแทนกว่านิดนึงก็เท่านั้นเอง
"จะเป็นไปได้ยังไง ถ้านายไม่ใช่ลู่หานแล้วทำไมถึงได้เหมือนเขาขนาดนี้ล่ะ"มินซอกนึกถึงเรื่องของเขาและแฟนเก่าของจงแดขึ้นมา นี่นอกจากเขากับมินอา บนโลกนี้ยังมีคนที่หน้าตาเหมือนกันมากๆแต่ไม่ใช่คนคนเดียวกันอีกเหรอเนี่ย เขากับมินอายังต่างกันตรงที่เขาเป็นผู้ชายมินอาเป็นผู้หญิงแต่กับผู้ชายคนนี้เหมือนลู่หานทุกอย่างราวกับเป็นคนเดียวกัน
"ลู่หานคือใครผมไม่รู้หรอกนะ แต่ที่รู้ๆคือผมไม่ใช่เขาและผมไม่เคยรู้จักคุณเลย ผมแค่เห็นว่าคุณกำลังจะถูกรถชนก็เลยช่วยเท่านั้น"เขาพูดก่อนจะเดินไปยกฟิกเกียร์สีดำของตัวเองที่ล้มอยู่ขึ้นมา
มินซอกพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆและตั้งสติให้ดี ลู่หานจะไม่พ้นโทษจนกว่าจะถึงสามสิบปีเพราะฆ่าคนไปสองคน แต่นี่เพิ่งผ่านไปสิบปีเองนะ ไม่น่าจะพ้นโทษไวขนาดนี้นี่เพราะอย่างงั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่คนตรงหน้าเขาจะไม่ใช่ลู่หานถึงแม้ว่าลึกๆมินซอกจะคิดว่าเขาเหมือนลู่หานก็เถอะ
"ขอโทษนะที่ผมไม่ใช่คนที่คุณตามหา"น้ำเสียงที่เหมือนกับคนรักของตนทำให้มินซอกใจสั่นวาบ เพียงได้ยินเสียง ได้เห็นหน้า มินซอกก็รู้สึกดีจนควบคุมอาการไม่อยู่ถึงแม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ลู่หานที่เขารู้จักก็ตาม
พอเห็นอย่างงี้มินซอกก็รู้เลยว่าที่ผ่านมาเขาโหยหาลู่หานมาตลอด แม้ที่ผ่านมาจะพยายามลืมผู้ชายคนนั้นแต่ลึกๆแล้วหัวใจเขายังคงมีแต่ลู่หาน ถ้าเป็นไปได้ขอเพียงได้เจอซักครั้งก็ยังดี เขาอยากให้ลู่หานคนเดิมที่เขารักกลับมาอยู่กับเขาอีกครั้ง
"นั่นสินะ...เขาจะมาอยู่ที่ตรงนี้ได้ยังไง ขอโทษนะที่ทำให้นายเสียเวลา"มินซอกหลุบตาลงต่ำ น้ำเสียงและแววตาที่ผิดหวังของมินซอกทำให้ผู้ชายคนนั้นรู้สึกผิดแปลกๆ นัยน์ตาสีดำที่ดูเศร้าแบบนั้นเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่จำไม่ได้แล้วว่าเห็นมันตอนไหน ใบหน้าขาวซีดที่เปื้อนคราบน้ำตานั้นคุ้นเคยราวกับว่าครั้งนึงเคยสัมผัสและโหยหามาตลอด แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังปฏิเสธมัน ตกลงแล้วคนที่ทักเขาผิดเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกได้มากขนาดนี้
"ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาเป็นใครแต่ก็ขอให้คุณได้เจอเขาไวๆละกัน เพราะตอนนี้ผมก็ กำลังตามหาคนคนนึงอยู่เหมือนกัน ผมไปล่ะ"เขาโบกมือลาและขี่จักรยานฟิกเกียร์ ที่ขี่มาตอนแรกออกไป เหลือแต่มินซอกที่ยืนงงอยู่ พอตั้งสติได้ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ ได้ถามชื่อและขอบคุณผู้ชายคนนั้นเลย
"ฉันเชื่อว่าซักวันนายจะต้องเจอคนที่ดีกว่าลู่หาน"
จู่ๆมินซอกก็นึกถึงประโยคที่หมอชานเคยพูดกับเขาพลางนึกถึงผู้ชายคนนั้นและคิดอะไรแปลกๆขึ้นมา จะเป็นไปได้มั้ยที่เขาจะมาแทนที่ลู่หาน ทั้งเวลาที่ได้พบกันจะเกิดจากความบังเอิญหรือผิดพลาดอะไรก็ตามแต่มินซอกรู้สึกว่าการที่ได้พบผู้ชายคนนั้นมันเป็นโชคชะตา ถึงจะดูไร้สาระก็เถอะแต่มินซอกก็คิดอย่างงั้นไปแล้ว
คงได้เจอกันอีก ไม่ช้าหรือเร็วเราคงต้องรู้จักอีก...ถ้าพระเจ้าไม่เล่นตลกกับเขาล่ะนะ
KLFNT
MINSEOK PART
วันนี้คือวันสุดท้ายที่ตำรวจเขตสี่ให้เวลาผมตัดสินใจ จากที่มาคิดๆดูแล้วมันจะดูใจร้ายไปหน่อยถ้าผมไม่รับงานทั้งที่คนพวกนั้นไว้ใจผม อีกอย่างผมไม่อยากปล่อยงานใหญ่แบบนี้ให้คนพวกนั้นทำด้วยสิ
"ตกลงว่าคุณจะรับคดีนี้ไปทำใช่มั้ย"แจฮยอนถามผมขึ้นมาหลังจากที่ปล่อยให้ผมคิดอยู่นาน
"ไม่ใช่รับไปทำแต่แค่จะช่วยเท่านั้น หน้าที่ของฉันคือแค่ตามหาอี้ชิงเท่าที่จะหาได้แต่ไม่ขอรับปากว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จ"ผมนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมหัวโต๊ะราวกับว่าผมเป็นบอสทั้งที่จริงๆแล้วหัวหน้าของกองบังคับการคดีอาชญากรรมนี้คือแทยง
"เอางั้นก็ได้ แค่รับปากว่าจะช่วยก็พอ"แทยงพูดพร้อมกับเตรียมจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแต่พอเห็นซึงวานเดินเข้ามาก็รีบเก็บทันที ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าแทยงกับเจ้าหน้านิติเวชอย่างซึงวานจะเคยมีซัมติงกันอยู่ แต่เห็นว่าตอนนี้เริ่มห่างกันแล้วล่ะและจอห์นนี่เองก็กำลังดำเนินหน้าจีบซึงวานอยู่
"ในเมื่อตอนนี้เราไม่สามารถตามหาบุคคลไร้ตัวตนอย่างอี้ชิงได้เราก็ต้องไปหาเบาะแสจากคนที่เกี่ยว ข้อง ซึ่งคนที่รู้จักเขาในตอนนี้ไม่ได้มีแค่ฉันและจงอิน"ว่าจบผมก็เอารูปของใครบางคนให้แทยงดู
"ผู้ชายคนนี้คือใคร"แทยงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
"เขาชื่อคริส เป็นแฟนของอี้ชิง ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขายังคบกันอยู่มั้ย แต่ว่าตอนนี้น่าจะมีแค่คริสที่จะทำให้เราได้เบาะแสจากอี้ชิงเพิ่ม"ผมพูดกับเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่คุ้นชินเลยแสดงอาการประหม่าออกไปนิดหน่อย ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะได้มาทำงานที่นี่ เพราะงานประจำของผมอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง งานนี้เป็นเพียงแค่งานเสริมที่ผมถูกหน่วยงานบรรจุเข้ามาแต่เพราะที่มีเจ้าหน้าที่นิติเวชอย่างซึงวานอยู่แล้ว ทำให้ผมมาทำงานที่เขตสี่นี่แค่บางครั้ง
“นายพอจะรู้ที่อยู่หรืออะไรเกี่ยวกับเขามากกว่านี้มั้ย”ยูตะถามขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมานาน ในห้องนี้มีผม จงอิน ซึงวาน แทยง ยูตะและแจฮยอนเท่านั้น ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมซึงวานที่ไม่ได้เกี่ยวกับคดีนี้ต้องมาอยู่ที่นี่ก็เถอะ แต่ก็นะ เธอคงมีประโยชน์สำหรับอะไรบางอย่างพวกเขาถึงได้ให้เธอมาฟังเบาะแสจากผมด้วย
“ที่อยู่น่ะฉันไม่รู้หรอก แต่แค่บอกชื่อไปที่โรงเรียนก็น่าจะมีข้อมูลอยู่บ้างแหละ รู้สึกว่าเขาจะอายุน้อยกว่าผมและอี้ชิงปีนึงมั้ง น่าจะเป็นเด็กนักเรียนปีการศึกษา ค.ศ.2014 ถ้านายได้ที่อยู่เข้ามาแล้วก็อย่าลืมเอามาให้ฉันด้วยล่ะ”ผมออกคำสั่งพวกเขาเหมือนเป็นเจ้านายแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะเอาแต่จดรายละเอียดอยู่ เขตสี่คงตั้งใจกับคดีนี้จริงๆสินะ ก็แหงล่ะ เมื่อวันก่อนผมเห็นแทยงเดินคอตกออกมาจากห้องประชุมเพราะถูกเบื้องบนเรียกเข้าไปตำหนิ ถึงแม้ว่าผมจะทำงานเขตนี้แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่มากถ้าเทียบกับจงอิน
อันที่จริงเขตสี่ไม่จำเป็นจะต้องรับงานนี้ก็ได้ เพราะการทำงานของตำรวจในโซลนั้นเริ่มจากแต่ละเขต เมื่อเกิดเหตุที่เขตใดหน่วยงานของเขตนั้นๆก็ต้องรับผิดชอบทำคดีและดูเหมือนว่าศพทั้งสามศพก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ตายในเขตสี่ หน่วยงานเขตสี่ดูและปกครองยงซานและชงกูสองเขตนี้รวมกันเป็นเขตสี่หรือหน่วยงานที่สี่ แต่ศพที่ตายสามศพแรกตายที่เขตสองซึ่งดูแลแถวซงโนและซอแดมุนเพราะงั้นเขตสี่จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้แต่แรก ในตอนแรกหลายเขตต่างก็อยากยื่นมือเข้าไปช่วยเขตสองเพื่อเอาหน้าแต่พอเห็นว่าคดีนี้มันไม่ธรรมดาจึงถอนตัวกลับไปเพราะกลัวจะเสียหน้าที่ปิดคดีไม่ได้มากกว่าจะได้หน้า
ส่วนศพที่สี่ที่แทยงและแจฮยอนเจอก็เป็นคนในเขตสองก็คือแถวซอแดมุนที่มีย่านขึ้นชื่อแหล่งรวบรวมวัยรุ่นและมหาวิทยาลัยดังๆอย่างชินซนและฮงแด แต่ถึงจะมาตายในเขตสี่ก็เถอะ แต่ตำรวจของที่นี่ก็ต้องคอยดูแลเรื่องการเคลื่อนย้ายศพส่วนเรื่องคดีอันนั้นก็ปล่อยให้ทางเขตสองจัดการเอาเองก็ได้ แต่ว่าหัวหน้าสำนักงานเขตสี่ซึ่งก็คือคนใหญ่คนโตของที่นี่ดูเหมือนจะไม่ยอมเสียโอกาสเรื่อได้หน้าเอาง่ายๆก็เลยรับงานมากลายเป็นภาระหนักให้หัวหน้าของกองบังคับการคดีอาชญากรรมนี้อย่างแทยง
ในเขตสี่นั้นมีอยู่สองกองก็คือกองบังคับการและปราบปรามคดีอาชญากรรมมีแทยงเป็นหัวหน้ากองบังคับการและจอห์นนี่ที่เป็นหัวหน้ากองบังคับการสืบสวนสอบสวน พวกเขามักจะเป็นคู่หูในการสืบคดีแต่บางครั้งจอห์นนี่ก็ชอบหายตัวไป แจฮยอนที่เป็นลูกน้องของจอห์นนี่จึงต้องมารับหน้าที่แทน แต่ถึงแม้ว่าแจฮยอนจะเป็นลูกน้องก็เถอะ แต่ทุกคนในสำนักงานนี้จริงๆก็อายุเท่ากันหมดแหละ
“ไหนนายบอกว่าจะทำแค่บอกเบาะแสให้ไงล่ะ แล้วนายจะรู้ข้อมูลไปทำไม ถ้าเราหาที่อยู่ได้เดี๋ยวต่อจากนี้เราก็จะไปตามสืบเอง นายต้องการอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ”แทยงเหลือบตามองผม
“ก็อยากทำอย่างนั้นแหละ แต่ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ฉันเองก็ไม่อยากปล่อยงานใหญ่ๆไว้กับคนโง่ๆอย่างพวกนาย ยังไงถ้ามีฉันเปอร์เซ็นจะปิดคดีนี้ได้ก็มีไปมากกว่าครึ่งแล้วล่ะ”ผมกอดอกเชิดหน้าด้วยความมั่นใจจนพวกนั้นถึงกับทำเหมือนจะอ้วกออกมาเล่นๆ แล้วก็พากันหัวเราะ อันที่จริงที่ผมพูดไปแบบนั้นก็แค่อยากให้พวกเขาผ่อนคลายกันเท่านั้นแหละไม่ได้หลงตัวเองอะไรเลยวักนิด
“นี่หมอคิมไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกัน ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะของใครบางคนดังเข้ามา ในเขตสี่คนที่เรียกผมว่าหมอคิมมีแค่คนเดียวเท่านั้น จอห์นนี่เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับถือแฟ้มเอกสารเยอะแยะและวางไว้บนโต๊ะ ดูเหมือนเขาจะแอบฟังพวกเราคุยกันมาก่อหน้านี้ใช่มั้ยนะหรือเขายืนอยู่ตรงประตูตั้งนานแต่ผมไม่ทันได้สังเกต
“ติดความมั่นหน้ามาจากนายอ่ะแหละ”ผมตอบเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพลางเบะปากใส่ ในบรรดาตำรวจทั้งหลาย ผมสนิทกับจอห์นนี่ที่สุดแล้ว ถ้าไม่นับจงอินที่เป็นเพื่อนเก่าอ่ะนะ แต่อันที่จริงจงอินก็ไม่ใช่ตำรวจเขาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ ทันทีที่จอห์นนี่เดินเข้ามา ห้องประชุมที่กำลังผ่อนคลายก็กลับมาตึงเครียดเหมือนเดิม จอห์นนี่เดินตรงไปนั่งข้างซึงวานและแทยง เขาทำตัวสนิทสนมกับแทยงแต่ดูเหมือนแทยงจะแปลกไป หรือเป็นเพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยทำงานด้วยกันพออยู่ด้วยกันอีกครั้งเลยอึดอัดกันนะ
“คดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว โทษทีที่ไม่ได้มาประชุมด้วยคราวก่อนนะ ฉันติดสอบสวนพยานในเหตุการ์ณศพที่สามน่ะ”จอห์นนี่ยิ้มให้ทุกคนเพราะความเป็นกันเองของเขาทำให้ทุกคนกลับมาผ่อนคลายเหมือนเดิมแต่แทยงยังคงทำสีหน้าแปลกๆอยู่ส่วนซึงวานก็เหลือมองจอห์นนี่สลับกับมองแทยง หรือว่าเป็นเพราะจอห์นนี่กำลังจีบซึงวานอยู่นะ แทยงที่ไม่ถูกกับซึงวานเลยอาจจะไม่อยากให้เพื่อนไปยุ่งกับคนที่ไม่ชอบ น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง
“จากที่ฉันรวบรวมข้อมูลมาได้ตอนนี้มีสามอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อการหาคนร้ายได้ อย่างแรกผู้ตายทั้งสี่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย ไม่มีอะไรเป็นข้อเด่นชัดว่าคนร้ายถึงเลือกเหยื่อพวกนี้ ทั้งฐานะ ครอบครัว อาชีพและเรื่องต่างๆไม่ได้ตรงกัน เหมือนคนร้ายจะสุ่มเหยื่อแล้วก็ข้าทิ้งจุดประสงค์เดียวที่ต้องการคือขาซ้าย อย่างที่สองเหยื่อพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนในเขตสอง อย่างที่สามเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันไปช่วยตัวประกันกับจงอิน คนร้ายที่หนีไปได้ทิ้งนี่ไว้ในที่เกิดเหตุ”ยูตะหยิบถุงซิบที่ใส่สร้อยข้อมืออันเล็กๆมา เล็กจนน่าจะเป็นของผู้หญิงมากกว่าของที่ผู้ชายจะใส่เข้าไปได้
“นายส่งไปกองพิสูจน์หลักฐานแล้วใช่มั้ย”แจฮยอนถามยูตะที่หยิบมันมาวางไว้ตรงหน้าทุกคน
“อืม มีรอยนิ้วมือ แต่…พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นของใคร มันไม่ตรงกับใครที่เราสงสัยเลย ยกเว้นผู้ชายที่ชื่ออี้ชิง ถ้าเราพาตัวเขามาตรวงยืนยันได้เราก็จะได้รู้ว่าเขาเป็นคนร้ายหรือเปล่า แต่มันแปลกจริงๆนะ….”
“แปลกอะไร”
“ช่างมันเถอะ ได้เวลาแล้ว ฉันต้องกลับไปที่เขตสองเพราะงานที่เขตฉันก็ยุ่งเหมือนกัน”เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและเดินออกไปโดยไม่สนใจจะตอบคำถามของจงอิน ทุกคนต่างก็มองหน้ากันเป็นเชิงสงสัยว่าหมอนั่นเป็นอะไรไป
“แล้วนี่เอกสารอะไรของแก”แทยงบ่นขึ้นมาทันที เขามองเพื่อนสนิทตัวเองอย่างจอห์นนี่ด้วยแววตาหงุดหงิดใจ นี่เขาคงจะไม่ชอบที่จอห์นนี่จีบซึงวานจริงๆสินะ
“’งานของกองแกแหละ ฉันอุตส่าห์แบกมาให้ทำประชุมจบแค่นี้ใช่มั้ย ฉันไปล่ะ”ว่าจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่แม้จะปรายตามองซึงวานที่มองเขาอยู่เลย อะไรของคนพวกนี้กันนะ ความสัมพันธ์ที่ยุ่งยากแบบนี้ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
“ฉันเองก็ต้องไปทำงานของฉันเหมือนกัน บายล่ะ”ผมกำลังจะเดินออกไปบ้างแต่แทยงก็เรียกผมไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนมินซอก ฉันรู้มาว่านายจะไปเป็นวิทยากรที่มหาลัยแถวซอแดมุน ตรงนั้นเป็นที่ของเขตสอง ยังไงก็อย่าลืมไปหาข้อมูลมาด้วยล่ะ”แทยงเกาหัวแก้เก้อนิดหน่อยเพราะหลังจากที่แจฮยอนออกไปแล้วและผมกับจงอินก็กำลังจะออกไป เขากับซึงวานจึงอยู่กันแค่สองคน อาจเป็นเพราะหมอนั่นประหม่าก็เลยแกล้งทำทีเป็นพูดทักท้วงผมไปงั้นล่ะมั้ง
“อ่าฮะ เข้าใจแล้ว”ผมเดินออกไปพร้อมจงอิน เขาเดินตามผมมาเงียบๆไม่รู้ว่าแค่ผ่านทางเดียวกับผมหรือมีอะไรจะคุยกับผมกันแน่
“นายจะเอายังไงต่อไป”
“เอ๊?”ผมหันไปทำหน้างงใส่จงอินเพราะไม่เข้าใจคำถาม เขาไม่ได้พูดอะไรแต่สะบัดหน้าเพื่อให้ผมมองตามไปทางโซนขวามือที่พวกตำรวจมาชงกาแฟดื่มกัน เขาเดินนำหน้าผมไปและผมก็เดินตามเขาไป สงสัยเขาคงอยากคุยกับผมมั้ง จงอินชงกาแฟตรงนั้นมาสองแก้ว เขาให้ผมแก้วนึงและตัวเองแก้วนึง เรานั่งคุยกันตรงนั้นเพราะขี้เกียจออกไปหาร้านกาแฟแถวนี้นั่งคุย
“ว่าไง ตกลงนายจะทำยังไงต่อไป นายจะหาคนร้ายคดีนี้ด้วยตัวนายเองเหรอ”จงอินถามพลางซดกาแฟหมดแก้ว เขาจะถามผมแค่นี้ไม่เห็นต้องเรียกผมมากินกาแฟเลย อีกอย่างผมรีบมากด้วย
“อ่าฮะ คงงั้น นายก็รู้นิสัยฉันนี่ พอเห็นอะไรที่มันขัดหูขัดตาเลยทนไม่ได้น่ะ ถ้าให้พวกนั้นทำงานแทนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้คงมีคนตายไปร้อยศพ”ผมกระดกกาแฟในแก้วตัวเองกินบ้าง แม้จะไม่ได้รสชาติดีเลิศเหมือนกาแฟของร้านดังๆแต่ก็พอกินได้อยู่ ผมมองแก้วกาแฟในมือตัวเองเพราะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา จู่ๆในหัวก็มีภาพของลู่หานตอนที่ซื้อกาแฟมาให้ผมที่ป้ายรถเมล์ รู้สึกว่าตอนนั้นเรากำลังจะไปสืบคดีที่บ้านซอนอินมั้ง อ่า…ทำไมผมความจำดีแบบนี้นะ หรือจริงๆแล้วสมองผมมันเมมโมรี่เรื่องราวของผมกับเขาไว้ลึกสุดจนไม่สามารถเอาออกไปได้
“นายจะเริ่มต้นยังไง ให้ฉันช่วยมั้ย”จงอินพูดออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังดีจนผมแปลกใจว่าทำไมจู่ๆเขาถึงมาทำดีกับผม ทั้งที่สมัยเรียนเราแทบไม่สนใจกันเลยด้วยซ้ำ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายคิดอะไรอยู่แต่ก็ขอบคุณมาก คดีนี้ฉันต้องได้รับความช่วยเหลือจากนายแน่ๆแค่ไม่ใช่ตอนนี้ เอาล่ะ ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว โชคดีนะ”ผมพูดเหมือนตัวจะไปตายยังไงไม่รู้ จงอินพยักหน้างงๆและมองผมที่เดินออกมาจนสุดสายตา ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหรอกนะที่จงอินดีกับผมแบบนี้ ต่อให้เขาจะมีจุดประสงค์อะไรหรือเต็มใจช่วยผมเพราะเห็นผมเป็นเพื่อนคนนึงก็ตามแต่ยังไงผมก็ต้องปฏิเสธ เพราะผมไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำตัวปกติและยิ้มรับความช่วยเหลือจากเขาได้ ยังไงซะลู่หานก็เป็นคนฆ่าคยองซู ผู้ชายที่จงอินเคยรัก ผมเลยถึงได้รู้สึกผิดที่ไปหลงรักฆาตกรที่พรากคยองซูไปจากจงอิน เพราะเหตุการ์ณครั้งนั้นมันยังคงเป็นฝันร้ายสำหรับพวกเราทุกคน ตราบาปและความละอายใจยังคงติดตามลู่หานไปเสมอ…ผมเชื่ออย่างนั้นน่ะนะ
MINSEOK END PART
KLFNT
เมี๊ยววว
เสียงของแมวน้อยตัวสีขาวกำลังร้องอยู่นั้นทำให้ใครบางคนที่นอนหลับอยู่ตื่นขึ้นมา เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีกำลังนอนอยู่ตรงสนามหญ้ากว้างใหญ่ในสวนสาธารณะข้างมหาลัยแห่งหนึ่งแถวซอแดมุน เขาลุกขึ้นนั่งเพราะถูกแมวน้อยนั้นรบกนการนอน ในตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไล่มันไปไกลๆ แต่พอเห็นว่าแมวตัวนี้ได้รับบาดเจ็บที่ขาจึงรีบอุ้มขึ้นมาดูทันที
“นี่แกไปโดนอะไรมาเนี่ย เลือดไหลเยอะเลย รอแป๊บนะแมวน้อย”เขาควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าตัวเองก่อนจะหยิบมันออกมา เด็กหนุ่มเอาพลาสเตอร์มาติดตรงแผลของแมวตัวนั้นก่อนจะปล่อยให้มันเดินจากไป เขาตั้งใจว่าจะนอนต่ออีกซักพักแต่พอเหลือบมองไปเห็นนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองก็รีบพุ่งพรวดขึ้นมาก่อนจะวิ่งไปเอาจักรยานฟิกเกียร์คู่ใจมาขี่ออกไปที่มหาลัย
“เวรแล้วไง ดันหลับยาวขนาดนี้ สายแน่ๆ ถูกเช็คขาดแน่ๆ”เขาบ่นพึมพำขณะที่ขี่จักรยานข้ามถนน ในตอนนั้นเองก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้อาจาร์ยไม่เข้าแต่มีวิทยากรมาแทนคงจะไม่ได้เช็คชื่อ แล้วเขาจะรีบทำไมกัน และระหว่างที่เขาเหม่ออยู่จนไม่ได้ดูรถก็มีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามา
เอี๊ยดดดดด
โครม!!
“เฮ้ยไอ้หนู ดูรถด้วยสิเว้ย”เสียงคนขับรถที่ตะโกนด่าก่อนที่จะขับไปทำให้เด็กหนุ่มอาย คนแถวนั้นหันมามองเขาที่เสียหลักล้มแต่ไม่ถูกรถชน ทำไมต้องมองด้วยสายตาแบบนั้นด้วยนะ
“ชิ!”เขาจิปากด้วยอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะยกจักรยานขึ้นมาและขี่ออกไปยังมหาลัยด้วยความเร็วเนื่องจากว่าตัวเองยังคงอาย เขาจอดจักรยานไว้ตรงหน้าห้องสมุดของมหาลัยก่อนจะเดินไปตึกของคณะตัวเอง นัยน์ตาสีน้ำตาลเพ่งมองนาฬิกาตัวเองและภาวนาขอให้เข็มยาวนั้นอย่าเดินไปถึงเลขหนึ่งเพราะอย่างน้อยๆเขาจะได้อ้างวิทยากรได้ว่าสายไม่ถึงห้านาที เขาวิ่งสุดกำลังจนหอบเมื่อมาถึงหน้าห้องก็เปิดประตูเข้าไปและเผลอทำเหมือนไม่สนใจวิทยากรที่ยืนหัวโด่อยู่
“นี่นักศึกษา คุณมาสายเกินห้านาทีนะ แถมตอนเข้ายังทำเหมือน…เอ๊ะ!?”เสียงของวิทยากรตัวเล็กหยุดชะงักไปเพราะอะไรบางอย่าง เขามองหน้าเด็กคนนั้นชัดๆก่อนจะพบว่าเขาเคยเจอเด็กคนนี้มาก่อน
“นี่คุณ….”
“นายที่เจอวันนั้นนี่นา นายเรียนอยู่ที่นี่เหรอ”มินซอกร้องทักออกมาด้วยความแปลกใจ ในขณะที่นักศึกษาคนอื่นๆในห้องต่างก็มึนงงอยู่
“เอ่อ…คือ”เด็กผู้ชายคนนั้นยืนนิ่งเพราะเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี คนทั้งห้องกำลังมองเขาและตอนนี้เขากำลังกลายเป็นจุดเด่นมากๆ
“งั้นนายไปนั่งก่อนไป”มินซอกเพิ่งรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งทักทายกัน เขาให้ผู้ชายคนนั้นไปนั่งที่และเริ่มสอนต่อ ตลอดทั้งคลาสมินซอกยังคงละสายตาไปจากเขาไม่ได้และผู้ชายคนนั้นก็เช่นกัน พวกเขาสองคนแอบมองกันตลอดจนหมดคลาส
KLFNT
มินซอกเดินออกมาจากห้องก่อนผู้ชายคนนั้น หลังจากที่สอนไปทั้งชั่วโมงมินซอกก็ได้รู้ว่าคนคนนั้นชื่อโจ ชินกิ เป็นนักศึกษาที่มหาลัยนี้ จากปีที่เรียนมินซอกคิดว่าชินกิน่าจะอายุประมาณยี่สิบ ซึ่งถ้าชินกิเป็นลู่หานจริงๆตอนนี้ชินกิจะต้องอายุยี่สิบหก มินซอกจึงสรุปได้ว่าชินกิอาจเป็นแค่ผู้ชายคนนึงบนโลกที่หน้าเหมือนลู่หานก็เท่านั้นเอง
“ไง”เสียงทักทายของชินกิทำให้มินซอกหันไปมองและหยุดเดินเพื่อรอเขา
“ไง งั้นเหรอ นายทักทายคนที่อายุเยอะกว่านายหลายปีด้วยคำนี้เนี่ยนะ”มินซอกแกล้งทำเป็นไม่พอใจกับคำทักทายของชินกิ
“เอ่อ…งั้นสวัสดี เราเจอกันอีกแล้วนะ”ชินกิเกาหัวแก้เก้อ เขาแอบหน้าเสียเล็กๆที่มินซอกดูจะไม่ชอบที่เขาตีสนิทด้วย
“ฮ่ะๆ นายนี่เอ๋อเหมือนคนที่ฉันเคยรู้จักเลยนะ”และมินซอกก็หลุดขำออกมา เขามองดูใบหน้าของชินกิแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรทำให้มีคนบนโลกหน้าเหมือนกันขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเคยเจอมินอา ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตายไปแล้วและหน้าตาเหมือนเขามากๆเขาคงคิดว่าคนตรง หน้าเขาคือลู่หาน
“ผมไม่ได้เอ๋อนะ แค่ตกใจที่คุณไม่พอใจผมเฉยๆ”
“ทำไมจะไม่พอใจล่ะ ฉันพอใจนายมากๆเลยล่ะ”มินซอกยิ้มตาหยี เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรแปลกๆออกไป
“เห?”
“เอ่อ คือฉันหมายความว่าพอใจนิสัยนายน่ะ นายดูเป็นคนดีไง”มินซอกรีบแก้ตัวเพราะเห็นสีหน้าแปลกๆของชินกิ พวกเขาเดินไปคุยไปจนมาถึงในลิฟต์
“คุณชื่ออะไรเหรอ”ชินกิชวนมินซอกคุยเพราะไม่อยากให้บรรยากาศในลิฟต์อึดอัดเนื่องจากมีแต่พวกเขาสองคน
“มินซอก แล้วนายชื่อชินกิใช่มั้ย”มินซอกอดคิดถึงลู่หานไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ลู่หานและเรื่องของลู่หานกับเขามันจบไปนานแล้วแต่เขาก็ยังไม่สามารถลบผู้ชายคนนั้นออกจากหัวใจได้ มันเป็นอะไรที่แปลกมากจริงๆที่เขากลับรู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ลู่หานกำลังยืนอยู่ข้างเขาทั้งที่จริงๆแล้วคนคนนี้คือชินกิต่างหาก
“อืม แปลกดีนะที่ผมกับคุณกลับมาเจอกันอีกรอบ”
“จริงๆมันมีอะไรบางอย่างที่แปลกกว่านี้อีก นายรู้มั้ยว่านายหน้าเหมือนคนคนนึงที่ฉันเคยรู้จักมากๆเลยล่ะ แต่ว่ามันก็หลายปีมาแล้วที่ฉันไม่ได้เจอเขา แล้วจู่ๆวันนึงฉันก็ได้เจอกับนาย ทีแรกฉันคิดว่านายคือเขาซะอีก”
“ผมหน้าเหมือนเขาขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ราวกับคนคนเดียวกันเลยแหละ”ระหว่างที่คุยกันอยู่ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพวกเขาเดินออกมาและตัดสินใจว่าจะแยกกันตรงนี้ แต่จู่ๆชินกิก็หันกลับมาและชวนมินซอกไปด้วยกัน
“คุณว่างมั้ยครับ คือเอ่อ…คือผม…จะชวนไปกินข้าวด้วยกัน ผมคิดว่าเราควรสนิทกันไว้เพราะเพื่อว่าอนาคตอาจจะได้เจอกันอีก”ชินกิพูกับมินซอกด้วยความไม่มั่นใจ นิสัยขี้อายนั่นและดูไม่มีพิษภัยของเขาทำให้มินซอกเชื่อสนิทใจไปแล้วว่าเขาอาจจะไม่ใช่ลู่หานจริงๆ ถ้าเป็นหมอนั่นจะต้องหาทางมัดมือชกให้เขาไปด้วยและใช้เล่ห์กลวิธีต่างๆสารพัดตามแบบฉบับอัจฉริยะอย่างเขา
“เอางั้นก็ได้ วันนี้ฉันไม่มีงานที่ไหนต่อพอดี”มินซอกเองก็อยากจะรู้จักชินกิให้มากขึ้นเหมือนกัน พวกเขาตัดสินใจกันไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารเล็กๆข้างมหาลัย
“คุณทำงานอะไรเหรอ”ชินกิเริ่มถามมินซอก เขายังคงไม่กล้าเรียกมินซอกด้วยคำที่ไม่เป็นทางการเพราะมินซอกอายุเยอะกว่าเขาหลายปีในขณะที่เขาเพิ่งจะสิบเก้า
“ฉันทำงานเป็นหมอนิติเวชในกรมตำรวจน่ะ แต่นั่นไม่ใช่งานหลักของฉันหรอก งานที่ฉันทำอยู่จริงคือที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง”มินซอกตอบพร้อมกับเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปาก ชินกิแอบหลุดยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นคุณหมอตรงหน้ากินข้าวเหมือนเด็กๆ
“ในกรมตำรวจงั้นเหรอ งั้นคุณก็น่าจะช่วยผมได้สิ”ชินกิตาโตขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ามินซอกทำงานอะไร
“หืม ช่วยอะไร นายจะให้ฉันไปผ่าศพใครเหรอ”
“คือว่าพี่ชายผมหายตัวไปอาทิตย์นึงแล้ว ผมเลยอยากให้คุณช่วยแจ้งตำรวจในหน่วยงานคุณให้ช่วยตามหาเขาได้มั้ย”ชินกิพูดด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังในขณะที่มินซอกยังคงตั้งใจกินเหมือนเด็กๆ
“นายมีพี่ชายด้วยงั้นเหรอ”
“ใช่ ผมอยู่กับพี่ชายมาสี่ปีแล้ว จริงๆแล้วเขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆผมหรอก เขาแค่เก็บผมมาเลี้ยงดูเพราะพ่อกับแม่ผมเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ และผมจำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าญาติเป็นใคร บ้านอยู่ไหน พี่ชายเป็นคนที่มีบุญคุณกับผมมาก แต่ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนพี่ชายผมหายตัวไป ข้าวของทุกอย่างของเขายังอยู่ดี ผมตั้งใจว่าจะให้ตำรวจตามหาให้แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องเพราะตอนนี้พวกตำรวจต่างก็วุ่นกับคดีศพขาหายนั่นอยู่”
“แล้วนายคิดว่าตำรวจในกรมฉันไม่ยุ่งเหมือนกันเหรอ อะไรทำให้นายคิดว่าฉันจะช่วยนายได้ล่ะ”คิ้วเรียวเล็กได้รูปขมวดเข้าหากัน มินซอกทำหน้าจิงจังเพราะเรื่องคนหายมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จากการที่ตั้งใจว่าจะแค่มากินมือเที่ยงทำความรู้จักกันแค่นั้นกลับกลายเป็นว่าตอนนี้มินซอกกำลังได้คดีใหม่มาให้พวกตำรวจที่กรมปวดหัวเข้าไปอีก มันก็จริงอย่างที่ชินกิพูดแหละ ตำรวจกำลังยางกับคดีฆาตกรรมนั้นจริงรวมถึงตัวเขาเองก็ด้วย
“งั้นไม่เป็นไร”ชินกิตอบกลับไปด้วยสีหน้าผิดหวังแม้จะพูดว่าไม่เป็นไรก็ตาม เขาและมินซอกก้มหน้ากินอาหารของตัวเองต่อ พวกเขาทั้งคู่เงียบไปซักพันจนมินซอกตัดสินใจพูดออกมา
“ฉันขอโทษที่ช่วยนายไม่ได้เพราะฉันไม่ใช่ตำรวจ ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถขอร้องคนพวกนั้นให้ช่วยตามหาพี่นายได้แต่ถ้าเป็นฉันล่ะก็…ฉันคิดว่าฉันอยากช่วยนาย”มินซอกอยากตบปากตัวเองแรงๆที่พูดแบบนั้นออกไปเพราะความขี้สงสารของตัวองเลยเผลอไปตกปากรับคำว่าจะช่วย ให้ตายสิ แค่ไอ้คดีศพขาขาดยังเอาตัวเองไม่รอดเลย ตำรวจก็ไม่ใช่แล้วยังจะมาทำงานพวกนี้
“จริงเหรอ คุณจะช่วยผมตามหาพี่ชายผมจริงๆเหรอ”ชินกิดีใจจนเผลอดึงมือของคุณหมอตัวเล็กมากุมไว้แต่พอตั้งสติได้ก็รีบปล่อยมือออก
“ฉันไม่ขอรับปากนะ แต่ว่าเมื่อกี้นายบอกว่านายจำอะไรไม่ได้?”มินซอกเริ่มสงสัยในตัวชินกิอะไรหลายๆอย่าง บุคลิกนิ่มๆไม่มีพิษสงของชินกิดูเหมือนไม่ใช่ตัวเขายังไงไม่รู้ ถึงมินซอกจะหวาดระแวงเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ก็เถอะแต่ลึกๆเขากลับมีความรู้สึกอุ่นใจบางอย่าง เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับตอนที่เขาอยู่กับลู่หาน
“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ ก็อย่างที่ผมบอกนี่แหละ ผมจำอะไรก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับพี่ไม่ได้เลย รู้แค่ว่าพ่อกับแม่ผมตายไปแล้ว และผมก็ไม่มีญาติที่ไหน”ชินกิยิ้มกว้างให้มินซอกตอนพูด เขาดูไม่สะทกสะท้านอะไรถึงเรื่องนั้นทั้งที่ตามปกติแล้วคนความจำเสื่อมไม่น่าจะมีความสุขทั้งที่ความทรงจำหายไปแบบนี้
“งั้นฉันจะไว้ใจนายได้ยังไง ประวัตินายก็หาไม่ได้ ชินกินี่ใช่ชื่อจริงหรือเปล่า”มินซอกหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ เพราะความรอบคอบมากเกินไปจนกลายเป็นคนขี้ระแวงของเขาทำให้คนรอบตัวรำคาน
“ชินกิคือชื่อของผมจริงๆ ถึงผมจะไม่มีความทรงจำก่อนหน้านั้นอยู่ในหัวแต่พี่ชายผมเล่าทุกอย่างให้ผมฟังหมดแล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อใจผมคุณมองตาผมก็ได้ ผมโกหกไม่เก่งพิรุธผมมักจะออกมาทางสายตาเสมอ ลองมองตาผมสิคุณจะได้รู้ว่าผมหลอกคุณหรือเปล่า”ชินกิยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้คุณหมอหน้าเด็กที่พยายามหลบสายตาเขาอยู่
มินซอกลองจ้องตาชินกิดูดีๆแต่ก็รีบสะบัดหน้าหนีด้วยความตกใจเพราะจู่ๆความทรงจำที่เกี่ยวกับลู่หานก็ไหลเข้ามาในหัว มินซอกนิ่งไปชั่วขณะเขาพยายามลืมเรื่องทั้งหมดให้ออกไปจากสมองแต่ยิ่งลืมความคิดและความทรงจำมหาศาลนั้นก็ยังโผล่เข้ามาในหัวจนมินซอกล้มลงไปจากเก้าอี้ และในตอนนั้นเองที่น้ำตาของความคิดถึงค่อยๆไหลออกมา
“มินซอก! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”ชินกิรีบไปพยุงมินซอกให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่าเขามีท่าทีแปลกไป มินซอกกำลังร้องไห้ นัยน์ตาที่เหม่อลอยนั้นกำลังมีน้ำใสๆไหลออกมา
“ลู่หาน….”ชื่อของผู้ชายคนนั้นถูกเอ่ยออกมาจากปากคนตัวเล็ก ชื่อของใครบางคนที่ยังมีอิทธิพลต่อจิตใจเขาเสมอ
“ผมขอโทษ เพราะผมทำให้คุณคิดถึงผู้ชายคนนั้นเหรอ”ชินกิรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาไม่คิดเลยว่าคนคนนั้นจะทำให้มินซอกเป็นได้ขนาดนี้ ให้ตายสิ ต่อไปนี้ถ้าเขาจะทำอะไรคงต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีกว่านี้
“เปล่าหรอก ฉันแค่หน้ามืดเฉยๆ”มินซอกที่ได้สติกลับมาแล้วปฏิเสธชินกิไปทั้งที่เขารู้ดีว่ามันเป็นแบบนี้เพราะตัวเขาเผลอคิดว่าชินกิคือลู่หาน นอกจากจะแสดงท่าทางแปลกๆแบบนั้นไปเขายังเผลอร้องไห้ออกมาอีกต่างหาก มินซอกกังวนใจว่าชินกิอาจจะคิดว่าเขาเพี้ยนไปแน่ๆที่มาร้องไห้เพียงเพราะนึกถึงคนคนนึงแบบนี้
“คุณไหวแน่นะ ให้ผมไปส่งที่บ้านมั้ย”
“ไม่ต้อง ไปที่กรมกับฉัน”อยู่ๆมินซอกก็เปลี่ยนสีหน้า เขากระชากข้อมือของชินกิให้ลุกตามไปโดยไม่ลืมจ่ายตังค์ที่เค้าท์เตอร์ มินซอกรีบพาชินกิวิ่งมาที่รถของตัวเองที่จอดอยู่มหาลัย เขาผลักชินกิให้ไปนั่งข้างคนขับและตัวเองก็มานั่งฝั่งคนขับก่อนจะขับรถออกไป
“คุณจะพาผมไปที่นั่นทำไม”ชินกิชักจะไม่เข้าใจมินซอกแล้วล่ะสิ เมื่อกี้ยังร้องไห้อยู่เลยแท้ๆ
“ก็นายบอกว่าจะให้ฉันช่วยตามหาพี่ชายไม่ใช่หรือไง ฟังนะชินกิ เราต้องแลกเปลี่ยนกัน ฉันช่วยนายตามหาพี่และนายต้องช่วยฉันตามหาคนร้ายที่ฉันกำลังทำคดีอยู่”มินซอกละสายตาจากถนนมามองหน้าชินกิชั่วครู่ อากาศร้อนกว่าปกติทำให้มินซอกเอื้อมมือไปปรับเพิ่มแอร์ในรถ
“คดีอะไร คุณเป็นหมอนิติเวชไม่ใช่เหรอ หน้าที่จับผู้ร้ายมันเป็นของตำรวจนี่”
“ก็ใช่ แต่ฉันดันไปรับปากตำรวจพวกนั้นว่าจะช่วยเพราะผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือคนที่ฉันเคยรู้จักมาก่อน”
“คุณหมายถึงคนที่ชื่อลู่หานอะไรนั่นเหรอ แล้วที่คุณร้องไห้เพราะนึกถึงลู่หานนี่ก็เป็นเพราะว่าเรื่องนี้ใช่มั้ย คุณคงเสียใจที่ต้องตามจับเพื่อนตัวเองสินะ โธ่ คุณหมอคนสวย ถึงแม้จะเป็นเรื่องสะเทือนใจแต่คุณก็ยังตกลงรับงานแถมคุณยังรับภาระเพิ่มด้วยการช่วยผมตามหาพี่ชายอีกต่างหาก คุณนี่หน้าตาก็ดีจิตใจก็ดีถ้าคุณเป็นผู้หญิงผมคงชอบคุณไปแล้วแน่ๆ”มินซอกกลอกตาและเบะปากให้กับความคิดเพ้อเจอและเออออเองของชินกิ
“นี่นายเมาแดดเหรอ อากาศร้อนจัดจนทำนายเพี้ยนไปแล้วหรือไง คนคนนั้นไม่ใช่เพื่อนสนิทฉันอะไรและฉันไม่จำเป็นต้องเสียใจถ้าเขาถูกจำอีกอย่างผู้ต้องสงสัยก็ไม่ใช่ลู่หานด้วย ลู่หานน่ะเขาเป็น…ช่างมันเถอะ แต่ที่นายบอกว่าฉันสวยนี่คืออะไรห๊ะ”มินซอกรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อกี๊เขาเกือบเผลอบอกเรื่องที่ลู่หานเป็นแฟนเก่าไปแล้ว ไม่สิอันที่จริงยังใช้คำว่าแฟนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ก็คุณสวยจริงๆนี่ หน้าคุณเล็กเหมือนผู้หญิงเลย ผิวคุณก็ด้วย นี่คุณอายุเท่าไหร่เหรอ”
“ยี่สิบเจ็ด”
“ห่างกับผมตั้งเก้าปีแน่ะ”
“นายอายุสิบเก้าเหรอ”
“อืม ว่าแต่ถ้าคุณไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องที่ลู่หานเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วคุณร้องไห้ทำไม”ชินกิไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก เขาแค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเพราะอยากให้บรรยากาศอึดอัดเท่านั้นเอง
“ฉันไม่ได้ร้อง อากาศมันร้อนก็เลยหน้ามืด น้ำตานั่นก็เป็นเพราะว่าฉันช็อกจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันร่างกายก็เลยขับของเสียออกมาผ่านม่านตาเท่านั้นเอง ก็นายคิดดูสิอากาศร้อนแบบนี้แล้วเราก็เดินเข้าไปในร้านอาหารที่มีแอร์เย็นร่างกายจะปรับตัวมันได้ยังไง”มินซอกรู้สึกว่าพัฒนาการด้านการแถของเขาเริ่มเก่งขึ้นมาหน่อยแล้ว
“มันมีจริงเหรอไอ้อาการนั้นอ่ะ”
“มีสิ ฉันเป็นหมอนะ”
“อ่า…นั่นสินะ”และมินซอกไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชินกิจะเชื่อเขา
“พี่ชายนายชื่ออะไรเหรอ”คราวนี้เป็นมินซอกที่เริ่มชวนชินกิคุยบ้าง พอได้อยู่ด้วยกันนานๆมินซอกก็เริ่มรู้สึกสนิทกับชินกิมากขึ้น เด็กคนนี้มีส่วนที่เหมือนกับลู่หานมากและก็มีบางส่วนที่แตกต่างจากลู่หานโดยสิ้นเชิง เหมือนกับเขาอยู่กับลู่หานที่มาจากโลกตรงข้ามยังไงยังงั้นแหละ มีบางครั้งที่มองใบหน้านั้นแล้วคิดถึงลู่หานแต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่สมองและหัวใจของมินซอกมันย้ำว่าเด็กคนนี้คือชินกิและไม่มีทางเป็นลู่หานไปได้
“ชินยอง พี่ผมชื่อชินยอง เขาเป็นคนดีมากเลยนะ คุณต้องช่วยผมหาพี่ชายผมให้ได้นะ”ถ้าเป็นลู่หานละก็ไม่มีทางพูดมากแบบนี้แน่ ไอ้รอยยิ้มที่ขยันส่งมาให้เขาตลอดเวลาแบบชินกิสำหรับลู่หานน่ะไม่มีหรอก ถ้าเปรียบเทียบด้านนิสัยชินกิดูเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงที่น่าจะโลกสวยไม่เบาซึ่งต่างจากลู่หานที่ดูเป็นคนแปลกๆ เป็นผู้ชายที่ทำตัวเหมือนมีความลับซ่อนอยู่ตลอดเวลา แต่สองคนนี้เวลาอยู่ด้วยให้ความรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจเหมือนกัน
“นั่นแหละ แค่ตามหาคนที่ไม่ได้ตั้งใจหายน่ะไม่ยากหรอก ในกรณีของฉันกับนายมันต่างกันเยอะ”ในตอนที่มินซอกพูดชินกิแอบเผลอมองแก้มเนียนใสนั่นและคิดอะไรแปลกๆ เขาสะบัดหัวไร้ความคิดบ้าๆออกไป
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ก็ถ้าพี่นายไม่ได้หนีไปไหนมันก็ตามหาไม่ยากหรอกแต่ในคดีของฉันน่ะผู้ร้ายไม่ใช่แค่หลบหนีแต่เรายังตามหาประวัติไม่เจอด้วย มันเป็นอะไรที่ช็อกมากที่จู่ๆคนที่ฉันเคยรู้จักก็กลายเป็นบุคคลไร้ตัวตนบนโลกนี้”ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาของชินกิค่อยๆหุบยิ้มลง เขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างแต่ไม่ได้พูดออกไป
“แล้วคดีที่คุณทำนี่มันคืออะไรล่ะ คุณบอกจะให้ผมช่วยนี่ผมต้องรู้รายละเอียดด้วยนะ”ชินกิไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าเขาจะเป็นตัวช่วยหรือตัวถ่วงของคุณหมอนิติเวชคนนี้ นักศึกษาปีหนึ่งอย่างเขาจะไปช่วยอะไรใครได้แต่ก็นะ มินซอกขอให้เขาช่วยหนิ เขาเองก็ต้องตอบแทนที่มินซอกจะช่วยเขาตามหาพี่ชายเหมือนกัน อันที่จริงมันก็มีดีอย่างนึงตรงที่ว่าทำให้เขากับมินซอกสนิทกันขึ้น ถ้าได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆเขากับมินซอกคงจะเป็นเพื่อนกันได้ ถึงจะเป็นเพื่อนที่แก่กว่าเก้าปีก็เถอะ
“นายได้ตามข่าวที่กำลังดังในตอนนี้มั้ย”
“ข่าวอะไรอ่ะ หมาหายเหรอ”
“หมาบ้านนายสิ ฉันหมายถึงข่าวฆาตกรรมต่อเนื่องที่ฆาตกรฆ่าผู้หญิงในเมืองแล้วตัดเอาขาศพไปไง”
“มันมีข่าวแบบนี้ด้วยเหรอ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยแฮะ”ชินกิเกาหัวตัวเองจนฟูพลางทำหน้างงและตามไม่ทันกับสิ่งที่มินซอกพูด มินซอกที่เห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
“เฮ้อ เอาเป็นว่าคดีนั้นคือคดีที่นายต้องช่วยฉันตามหาคนร้ายละกัน ตอนนี้กรมตำรวจเขตสี่คิดว่าจางอี้ชิงคือคนร้ายเพราะมีภาพเขาอยู่ในกล้องวงจรปิดของร้านที่ได้เบาะแสว่ามีฆาตกรปะปนอยู่ ทีนี้กิเหลือแค่ตามหาเขามาเพื่อสอบปากคำ แต่พอจะค้นประวัติกลับกลายเป็นว่าไม่มีชื่อของเขาอยู่ในเอกสารทางราชการซะได้ ทีนี้จากงานหมูก็เลยกลายเป็นงานช้าง”
“แล้วทำไมคุณถึงต้องรับงานด้วยล่ะ เป็นหมอนิติเวชผ่าศพคนอื่นก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณทำงานนี้มันเสี่ยงอันตรายนะ อยากให้คนอื่นมาชันสูตรศพคุณแทนหรือไง”แม้จะดูเป็นการจิกกัดด้วยคำพูดแช่งชักหักกระดูกแต่ใจจริงแล้วชินกิแค่เป็นห่วงมินซอกเท่านั้น
“ปากเสีย ฉันไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงตายยิงปืนไล่ตามจับผู้ร้ายหรอก อันนั้นมันหน้าที่ตำรวจ หน้าที่ของฉันน่ะแค่ค้นหา แค่หาให้เจอว่าอี้ชิงอยู่ที่ไหนไม่ก็ตามหาว่าคนร้ายตัวจริงคือใครก็แค่นั้น”มินซอกค้อนใส่ชินกิที่แอบแช่งเขาทั้งที่รู้ดีว่าคำพูดพวกนั้นแฝงความเป็นห่วงไว้อยู่
“งั้นคุณคงยังไม่มั่นใจสินะว่าเขาเป็นฆาตกร”
“เขาเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย”ชินกิเงียบไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ มินซอกเองก็ขับรถมาถึงสำนักงานเขตสี่แล้ว เขาทั้งคู่ลงจากรถและเดินเข้าไปในนั้น ชินกิเองก็เดินตามมินซอกเข้าไปอย่างว่าง่ายโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอะไร
มินซอกพาชินกิมาลงบันทึกประจำวันเรื่องคนหายไว้และตั้งใจว่าจะพาเขาไปคุยกับแจฮยอนให้ทางหน่วยงานช่วยตามหาพี่ชายของชินกิแต่เหตุการ์ณไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่พิเศษคนนึงกำลังมุ่งหนาเดินตรงมาทางนี้ ทันทีที่จงอินเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยนั้นกำลังยืนคุยกับมินซอกร่างกายที่กำลังสั่นเทาก็พุ่งตรงเข้าไปหาชินกิก่อนจะปล่อยหมัดหนักๆลงไปที่หน้าละอ่อนของชินกิ
โครม!
ร่างกายผอมแห้งนั้นถึงกับเซล้มลงไปกับพื้นเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่บริเวณนั้นต่างก็ตกใจที่อยู่ๆจงอินก็ทำร้ายร่างกายประชาชนในสถานที่ราชการแห่งนี้ เท่านั้นไม่พอจงอินดูเหมือนจะไม่ได้หยุดแค่หมัดเดียวแต่เขากำลังจะพุ่งเข้าไปซัดชินกินั่งอึ้งอยู่กับพื้นอีก แววตาเนือยหน่ายที่เคยเห็นเป็นประจำตอนนี้ราวกับมีไฟลุกอยู่ในตาของเขา สีหน้าเกรี้ยวกราดแบบนั้นของจงอินแบบนั้นทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไอ้สารเลว! เมิงออกมาจากคุกทำไม!”จงอินตะโกนด่าชินกิเสียงดังลั่นจนพวกแจฮยอนและแทยงต้องวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น มินซอกเองก็รีบเข้าไปดึงตัวจงอินไว้ไม่ให้ทำร้ายร่างกายชินกิไปมากกว่านี้
“เอ่อ…ผม”ชินกิไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับตัวเขา เมื่อหลายนาทีที่แล้วเขาถูกคนแปลกหน้าพุ่งเข้ามาชกเขาเต็มๆพร้อมชี้หน้าด่าว่าเขาเป็นไอ้สารเลว ให้ตายสิ ใครก็ได้บอกเขาหน่อยว่าเรื่องพวกนี้มันคืออะไรกัน
“ใจเย็นๆหน่อยสิจงอิน คนนี้ไม่ใช่ลู่หานนะ”แรงอันน้อยนิดของมินซอกชักจะเริ่มยื้อจงอินไว้ไม่ไหว คนตัวเล็กหันหน้าไปขอความช่วยเหลือตำรวจคนอื่นๆให้เข้ามาล็อคจงอินที่กำลังโกรธจัด มินซอกถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางปาดเหงื่อบนหน้าผากที่เปียกหน้าม้าเขาไปหมด มินซอกเรียกแจฮยอนมาและบอกให้เขาพาชินกิไปลงบันทึกประจำวันส่วนเรื่องจงอินเขาจะจัดการเอง
“พาเขาตามฉันมา”มินซอกสั่งตำรวจสองคนที่ล็อคตัวจงอินอยู่ให้ลากเขาเข้ามาที่ห้องประชุมเล็กก่อนจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้จงอินฟัง
“ไอ้เลวนั่นมันออกมาจากคุกได้ยังไง นี่เพิ่งผ่านไปสิบปีนะ โทษของมันคือสามสิบปีไม่ใช่หรือไง”จงอินกำลังหัวเสียขั้นสุด ในขณะที่มินซอกกำลังพยายามใจเย็นและตั้งสติว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับจงอินยังไงดี มินซอกเดินไปล็อคประตูขังตัวเขาและจงอินอยู่ในห้องนี้แค่สองคน
“นายรู้ด้วยเหรอว่าลู่หานต้องอยู่ในคุกกี่ปี แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันโกหกฉันว่าโทษของเขาไม่แน่นอน เขาอาจจะต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต เหอะ คงอยากให้ฉันตัดใจจากเขาสินะ”มินซอกย้อนกลับจงอินที่นั่งไม่ติดเพราะความโมโห ลู่หานที่มินซอกพูดถึงสำหรับจงอินเขาคือฆาตกรเลือดเย็นที่ฆ่าปิดปากคนรักของเขาอย่างคยองซู
“อย่ามาเปลี่ยนประเด็นได้มั้ยมินซอก ตอบฉันมาซิว่าทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้!?” ริมฝีปากหนาเม้มแน่น จงอินกำลังระงับความโกรธตัวเองอยู่
“ลู่หานไอ้สารเลวของนายก็อยู่ในคุกยังไงล่ะ ส่วนเด็กที่นายเพิ่งต่อยหน้าไปก็ไม่ใช่ลู่หาน เขาเป็นแค่คนหน้าเหมือน”มินซอกกัดฟันพูดประโยคแรกด้วยความเจ็บใจเพียงเพราะแค่อยากประชดจงอิน ในสายตาคนอื่นคนที่เขารักคงเป็นคนที่เลวมากสินะ แต่ตอนนี้มันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะปกป้องลู่หานอีกแล้วล่ะ ผู้ชายคนนั้นได้กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาไปแล้ว
“มันจะเป็นไปได้ยังไงที่มีคนหน้าเหมือนกันขนาดนั้นอยู่บนโลกแต่ไม่ใช่ฝาแฝดกันน่ะ นายเลิกปกป้องมันซักที มันคือลู่หานก็ยอมรับซะเถอะ”มือเล็กกำแน่นอย่างข่มอารมณ์ มินซอกรู้สึกเจ็บกับคำพูโพวกนั้นแต่ปฏิเสธความเกลียดชังพวกนั้นไม่ได้ ที่จงอินจงเกลียดจงชังลู่หานขนาดนี้มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่ลู่หานทำแต่เขาอดจะเสียใจไม่ได้ มันเหมือนกับเขาหันหลังให้คนทั้งโลกและแบกรับคำพูดของคนพวกนั้นแทนลู่หาน ทั้งที่อยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้แต่ก็ทำไม่ได้ที่จะทิ้งลู่หานให้อยู่เพียงลำพังกับความเกลียดชังพวกนี้ และแม้กระทั่งตอนนี้ที่ลู่หานได้เดินจากเขาไปแล้ว เขาก็ยังทิ้งความเจ็บปวดพวกนี้ไปไม่ได้
“เขาไม่ใช่ลู่หาน ชินกิไม่มีวันเป็นลู่หาน ผู้ชายคนนั้นไม่เคยถูกใครแทนที่”ขอบตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมาทำให้มินซอกเบือนหน้าหนี แค่ชื่อของผู้ชายคนนั้นก็ทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้
“ฉันรู้ว่านายรักลู่หานมาก แต่เชื่อฉันเถอะนะมินซอก นายหาคนได้ดีกว่านี้เยอะ เลิกแบกรับเรื่องที่หมอนั่นก่อแล้วใช้ชีวิตใหม่เถอะนะ”จงอินเริ่มใจเย็นลงเมื่อเห็นน้ำใสๆอยู๋ในนัยน์ตาของมินซอก
“ฉันรู้ แต่ว่าชินกิไม่ใช่ลู่หานจริงๆนะ ฉันหาประวัติเขาแล้ว เอาบัตรประชาชนเขาไปค้นดูก็ได้ เด็กคนนั้นเพิ่งอายุสิบเก้าเป็นนักศึกษาอยู่ที่หมาลัยแถวเขตสอง”มินซอกพูดไปอย่างงั้นแหละ ความเป็นจริงเขายังไม่เคยค้นประวัติของชินกิหรอก
“จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง”
“เขาจำฉันไม่ได้ ฉันดูออก แววตาของเขามันไม่มีความทรงจำของฉันอยู่ในนั้นเลย เขาไม่ใช่ลู่หานหรอก”จงอินเริ่มคิดตาม อันที่จริงโอกาสที่ชินกิจะเป็นลู่หานก็น้อยมากเพราะโทษของลู่หานคือจำคุกตลอดชีวิต
“แล้วนายพาเขามาที่นี่ทำไม”
“พี่ชายของเขาหายตัวไปก็เลยพามาลงบันทึกประจำวัน แล้วก็อีกอย่างฉันก็๗ให้เขาเข้ามาช่วยสืบคดีฆาตกรรมนั้นด้วยก็เลยอยากจะแนะ นำเขาให้นาย”
“ทำไมต้องเป็นมัน ฉันก็ช่วยนายได้นะ”จงอินขมวดคิ้วไม่พอใจ เขาเท้าสะเอวมองมินซอกด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ มินซอกไม่ไว้ใจเขางั้นเหรอ ทั้งที่เขาแสดงตัวว่าอยากจะมินซอกมากขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมกัน ทำไมต้องเป็นหมอนั่นด้วย ถึงมันจะไม่ใช่ลู่หานแต่เขาก็ไม่ชอบขี้หน้ามันอยู่ดี อย่างน้อยๆมันก็หน้าตาเหมือนคนที่พรากคยองซูจากเขาไป แค่เห็นมันหัวใจก็เจ็บจนชาไปหมดแล้ว
“ฉันไม่อยากรบกวนนายนี่ อีกอย่างฉันกับเขามีข้อแลกเปลี่ยนกันบางอย่าง ฉันบอกว่าถ้าเขาช่วยคดีฉันก็จะช่วยเขาตามหาพี่ชายของเขาเพราะงั้นฉันถึงบอกเรื่องคดีนี้เขาไป”จงอินพูดไม่ออก หัวใจแข็งชานั้นกำลังสั่นไหวด้วยหลากหลายอารมณ์
พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับเขาอยู่หรือเปล่านะถึงได้ส่งคนหน้าตาเหมือนกันราวกับคนคนเดียวมาให้เขาเจอแบบนี้ จงอินไม่อยากจะยอมรับสิ่งที่มินซอกขอแต่การตัดสินใจของมินซอกคือสิ่งที่เด็ดขาดที่สุดรองลงมาจากแทยงเพราะจงอินเป็นคนเสนอให้มินซอกทำคดีนี้เอง ถ้าเขารู้ว่ามินซอกจะดึงคนที่หน้าตาเหมือนคนที่เขาเกลียดมาพัวพันแบบนี้เขาคงไม่ให้มินซอกเข้ามายุ่งในคดีนี้ตั้งแต่แรก
นี่ฉันควรทำยังไงดีคยองซู…ฉันจะทนได้ยังไง แค่เห็นหน้ามันฉันก็โกรธจนแทบบ้าแล้ว
“ว่าไงจงอิน นายจะยอมให้เขาเป็นตัวช่วยของฉันหรือเปล่า”มินซอกถามขึ้นมาเพราะเห็นจงอินกำลังเหม่อคิดอะไรบางอย่าง
“เรื่องของนายเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันไม่รับผิดชอบล่ะ”ว่าจบจงอินก็เดินออกไปจากห้องซึ่งเป็นตอนที่ชินกิเดินเข้ามาหามินซอกพอดี จงอินมองชินกิตาขวางก่อนจะกระแทกไหล่ร่างผอมแห้งนั่นจงเซและเดินออกไป ท่าทีไม่เป็นมิตรนั่นของจงอินทำให้ชินกิสงสัย
“เรากลับกันเถอะ ขอโทษที่พานายมาเจอเรื่องบ้าๆนะ”มินซอกปาดน้ำตาที่คาอยู่ในเบ้าเมื่อครู่ออก ลวกๆ ในตอนที่ร่างเล็กเดินผ่านชินกิเขาก็รีบคว้าข้อมือนั่นและจูงคุณหมอหน้าอ่อนกว่าวัยออกมาโดยไม่พูดไม่จาอะไร ใบหน้าไร้เดียงสาตอนนี้ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ข้างนอกที่ฝนตกรุนแรงแต่ชินกิยังคงลากมินซอกออกไปและเดินไปเรื่อยๆตามถนน
“นายเป็นอะไรของนายเนี่ยชินกิ รถฉันอยู่นั่นนะ จะเดินตากฝนกลับไปหรือไง”มินซอกเริ่มกระชากมือออกจากการเกาะกุมของชินกิ ชินกิที่ได้เห็นอย่างนั้นก็หยุดเดินและหันมาหามินซอกพร้อมกับจับใบหน้าของมินซอกให้เงยมองเขา สายตาที่อ่อนโยนของชินกิในเวลานี้เปลี่ยนไปมีเพียงนัยน์ตาเย็นชาที่มองเข้ามาในดวงตาของมินซอก
“ลู่หานคือใครกันแน่…ไม่สิ จริงๆแล้วผมคือใครกันแน่”
TO BE CONTINUTE
เวลานึกถึงชินกิให้นึกหน้าพี่ลู่ออกมาเลยนะคะ คิดซะว่าเป็นลู่หานในร่างชินกิละกัน ส่วนปมของชินกิเดี๋ยวอีกสามสี่ตอนมาเฉลย ไรท์ย้ำอีกครั้งว่าพระเอกเรื่องนี้คือลู่หาน ตอนจบหมินคู่กับลู่แน่ๆ เรื่องนี้มีจุดพีคแน่นอนไม่ต้องกลัวใครแทนที่ใคร
ความคิดเห็น