The Fantasy World
เป็นเรื่องแรกที่ผมแต่ง อาจจะใช้ภาษาถ้อยคำไม่ครบถ้วน ติเตือน กันได้นะครับ ปล.ห้ามด่าคำหยาบคายนะครับ
ผู้เข้าชมรวม
87
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1 จุดกำเนิดของผู้กล้า
“ในไม่ช้าโลกของเราจะเข้าสู่ความสงบ” คำกล่าวของกษัตริย์แมควิลในวันที่ท่านครองราชย์ ซึ่งในขณะนั้นพระองค์ทรงไม่รู้เลยว่า มีมุมหนึ่งของโลกที่พระองค์ทรงปกครองกำลังจะเกิดสงครามที่นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงและเป็นจุดพลิกผลันของประวัติศาสตร์
3 วันก่อนแต่งตั้งกษัตริย์ ณ เมืองเล็กๆทางตอนเหนือของนอธเอิร์ด เมืองบิลเดล
“ แม่ฮะๆ ผมอยากจะเป็นทหารที่เก่งเหมือนพ่อฮะ ” เด็กชายวัย 12 ปี กล่าวขิ้นมา
“ ลูกต้องอายุ 15 ก่อนถึงจะเข้ารับการสมัครเป็นหทารได้นะ ” แม่ของเด็กชายกล่าวพร้อมอมยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“ เดซี่ ลูกชายร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ ฉันอยากให้เจ้าหมูแฮมเมอร์เป็นอย่างนั้นบ้างก็ดี
เจ้าลูกชายนี้เอาแต่กินอย่างเดียวเลย ” หญิงสาวตัวท้วมอ้วนกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
เธอคือพอลตี้ แม่ของแฮมเมอร์เจ้าหนูที่เอาแต่กินไม่เลือก พ่อของแฮมเมอร์ชื่อแฮมเบิร์กเป็นช่างตีเหล็กชื่อดังของเมือง แฮมเมอร์ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้เป็น 1ใน 3 นักดีเหล็กที่ดีที่สุดของเอิร์ดเวิล์ล
“ แม่ฮะๆ คืนนี้แม่จะทำอาหารเย็นอะไรหรอฮะ ” เด็กชายกล่าวถามอย่างสงสัยเมื่อมองดูตระกร้านั้นไม่มีอะไรอยู่เลย
“ ป่าวหรอกวิลเลียมเราจะไปเก็บของป่ากันจ๊ะ ” แม่ของเด็กชายกล่าวอย่างร่าเริง
“ แม่ฮะๆ ผมกลัวฮะ ในป่ามีแต่สิ่งน่ากลัว ทั้ง อ็อค ทั้ง เอลล์ ทั้ง เซนทอร์ ” เด็กชายกล่าวด้วยความหวาดกลัว
เธอยิ้มพร้อมทั้งทำท่าทางเหมือนทหารกำลังเจอศัตรู “ เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอกเด็กน้อย
ข้าผู้นี้ วิวเนอร์ เคอแรงค์ จะปกป้องเจ้าเอง ”
“ พ่อ ป่าวนะ พ่อ ข้าไม่ได้กลัว ท่านแม่กลัวต่างหาก ข้าจะปกป้องท่านแม่เอง พ่อไม่ต้องห่วง ” วิลเลียม กล่าวด้วยท่าทางที่เข้มแข็ง
“ แต่ท่าทางของเจ้า เหมือนกำลังจะกลัวนะ ” เดซี่แย้ง
“ ป่าวพ่อ ผมแค่แกล้งแม่เล่นเฉยๆ ” วิลเลียมตอบ
“ เมื่อลูกเป็นเช่นนี้ พ่อคงไม่ต้องเป็นห่วงลูกแล้ว ” เดซี่กล่าว
“ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงฮะ เพราะผมจะเป็นทหารที่เข้มแข็งเหมือนพ่อฮะ ”
“ ลูกนี่เหมือนพ่อขึ้นไปทุกวันเลยนะ วิลเลียม ” เดซี่กล่าวด้วยท่าทางที่อ่อนโยน
“ ผมต้องปกป้องแม่ในส่วนของพ่อด้วยฮะ ถ้าผมไม่เข้มแข็งแล้วใครจะปกป้องแม่ได้ฮะ ”
เดซี่หัวเราะและทั้ง2ก็เดินเข้าป่าไป
เวลาผ่านได้ครู่หนึ่งทั้ง2ก็เก็บทั้งผัก ผลไม้ ได้จำนวนไม่น้อยและ ในขณะนั้นวิลเลียมก็สังเกตุเห็นบางสิ่งบางอย่าง
“ วิลเลียม ลูกเจออะไรหรือยัง ” เดซี่กล่าวถามเมื่อเห็นวิลเลียมเดินออกไปเหมือนเจออะไรสักอย่าง
“ แม่ฮะๆ มาดูนี่สิ มาดูนี่สิฮะ ว่าผมเจออะไร แม่ฮะ มันวิเศษมาก ” วิลเลียมกล่าวด้วยความดีใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ทั้ง2นั้นพบเห็นคือ ค้อน โล่ ดาบ และ ชุดเกาะนับสิบ ที่ว่างกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ
“ แม่ฮะๆ ทำไมของพวกนี้ถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ฮะ ” วิลเลียมถามด้วยความสงสัย
“ สงสัยจะมาซ้อมรบกันมั้ง ” เดซี่ตอบเหมือนไม่ค่อยอยากตอบสักเท่าไหร่
“ แม่ฮะแล้วทหารไปไหนหมดละฮะ ผมอยากจะเจอ ผมอยากจะรู้ว่าพวกเขารู้จักพ่อผมมั้ยฮะ พวกเขาไปไหนกันฮะ ผมไม่เห็นใครเลย ” วิลเลียมกล่าวถามอย่างตื่นเต้น
“ วิลเลียม กลับบ้านกันเถอะลูก นี่ก็เย็นมากแล้ว ” เดซี่กล่าวคำชักชวน
“ แม่ฮะ ผมอยากเห็นหทารก่อน ผมยังไม่อยากกลับฮะ ” วิลเลียมกล่าว
“ แต่ลูก ตอนกลางคืนในป่ามันอันตรายนะ กลับบ้านกันเถอะลูก ” เดซี่ชักชวนอีกครั้ง
“ แต่แม่ฮะ ผมยัง ”
“ วิลเลียม หทารที่ดีควรฟังคำสั่งสิ ” กล่าวแย้งขึ้นมา
“ กลับก็กลับฮะ ” วิลเลียมกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ
แต่ทันใดนั้น วิลเลียมก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง ประกายแสงเหมือนทับทิมสีแดงส่องสว่างในความมืด แต่วิลเลียมก็ไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด
ตกเย็นอาหารของที่บ้านเคอแรงค์ ไม่น่าอร่อยเอาซะเลย เพราะวิลเลียมเอาแต่ถามถึงเรื่องที่เจอเมื่อตอนกลางวัน และเหมือนคำถามพวกนนั้นจะทำให้เดซี่เกิดความรำคานนิดๆ
“ แม่ฮะ พรุ่งนี้เราไปในป่าอีกได้มั้ยฮะ ผมอยากจะเจอทหาร ” วิลเลียมกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ วิลเลียม ในป่ามันอันตรายนะ ลูกก็รู้ พวกทหารพวกนั้นอาจมาปราบสัตว์ร้ายแถวนี้ก็เป็นไปได้ ” เดซี่ตอบ
“ แต่แม่บอกว่า พวกทหารมาซ้อมรบกันนิฮะ ” วิลเลียมตอบอย่างงงงวย
“ นี่ก็ดึกแล้วลูก ถึงเวลานอนของลูกแล้วนะ มาเร็วสิวิลเลียมเข้านอนเถอะลูก ” เดซี่ตอบแบบตัดปัญหา
“ แต่แม่ฮะ แม่ยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลย ” วิลเลียมแย้ง
“ ลูก หทารที่ดีควรทำตามคำสั่งนะ ” เดซี่พูดกล่อมพร้อมทั้งพาวิลเลียมเข้านอน
“ นอนหลับฝันดีนะลูก พรุ่งนี้เช้าแม่จะทำอาหารที่ลูกชอบให้ทานนะ ” เดซี่กล่าวลา
พร้อมทั้งจูบหน้าผาก และเดินออกจากห้องไปอยากเงียบๆ
แต่ถึงกระนั้นวิลเลียมก็ไม่อาจยับยั้งช่างใจตัวเองถึงเรื่องที่พบเจอในวันนี้ได้ มันช่างน่าสงสัยจริงๆว่าทำไมทหารพวกนั้นถึงมาเมืองที่ห่างไกลความเจริญ และทำไมแม่ถึงบอกว่ามาซ้อมรบ แล้วทำไมต้องมาซ้อมรบที่นี้ แล้วก็ทำไมแม่ถึงบอกว่า มาปราบสัตว์ประหลาด แล้วทำไม ทำไม ทำไม วิลเลียมตั้งคำถามมากมายจนอาจไม่มีคำตอบสำหรับคำถามพวกนั้น และในที่สุดจนวิลเลียมก็หลับไปพร้อมคำถามอีกเป็นร้อยๆคำถามในคืนเดียว
กลิ่นหอมโชยมาจากที่ไหนสักแห่งในบ้าน นั้นทำให้วิลเลียมตื่นมาพร้อมกลิ่นที่น่าดึงดูดใจ ใช่แล้วนั้นคือกลิ่นพายแอปเปิล สิ่งที่จะทำให้วิลเลียมดีใจจนต้องลุกออกจากที่นอนทั้งๆที่อาจจะยังไม่ตื่นดีเลยแท้ๆ
ตึงๆ ตึง ตึง !!
“ วิลเลียม ช้าๆก็ได้ลูก เดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก ” เดซี่กล่าวทักทายยามเช้า
“ แม่ฮะ ถ้าจมูกผมไม่ผิด นั้นคือพายแอปเปิลใช่มั้ยฮะ” วิลเลียมกล่าวถามด้วยความดีใจ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่านั้นคือ พายแอปเปิล
“ ใช่แล้วจ๊ะ แอปเปิลพวกนี้คือ แอปเปิลที่เราเก็บด้วยกันเมื่อวานไงจ๊ะ ” เดซี่กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ เย้ๆ วันนี้กินพายแอปเปิล วันนี้กินพายแอปเปิล วันนี้ของฉันโชคิดี วันนี้ของฉันโชคิดี ”
วิลเลียมร้องเพลงทั้งที่มันไม่น่าจะใช่เพลงด้วยซ้ำ
หลังจากที่ทั้ง2ทานอาหารเช้าจนเสร็จแล้ว วิลเลี่ยมก็ไปอาบน้ำ ส่วนเดซี่ก็ไปทำงานเย็บเสื้อผ้าที่รับสั่งตามเคย แต่เดซี่ไม่รู้ว่า เธอได้พูดบางสิ่ง บางอย่างกระตุ้นต่อมอยากรู้ของเจ้าหนูช่างสงสัยเกิดความอยากรู้ อยากเห็นขึ้นมาเสียแล้ว
“ แม่ฮะ ผมไปหาเจ้าหมูแฮมเมอร์นะ ” วิลเลียมขออนุญาติจากเดซี่ก่อนออกไป
“ ได้จ๊ะ กลับมาก่อนอาหารเย็นนะ ” เดซี่ตอบ
วิลเลียมรีบวิ่งไปบ้านของแฮมเมอร์ซึ่งเป็นร้านตีเหล็กขนาดใหญ่ มันอาจจะใหญ่กว่าบ้านของเขาถึง 4 เท่าด้วยซ้ำ แต่วิลเลียมไม่เคยใส่ใจกลับขนาดของบ้านเขาเลย
“ น้าพอลตี้ แฮมเมอร์อยู่มั้ยฮะ ” วิลเลียมถาม
“ นั้นไง เจ้าหมูแฮมเมอร์อยู่นั้นไง ” เธอกล่าวตอบ
แฮมเมอร์กำลังนั้นทานอาหารเช้าอยู่ แต่ปริมาณอาหารที่ทานนั้น พอๆกลับให้วิลเลียมทานได้ถึง 2 มื้อเลยทีเดียว
“ แฮมเมอร์ แกรีบๆกินเลย ฉันมีเรื่องพิเศษ รับรองแกต้องสนใจแน่ ” วิลเลียมกล่าวเร่ง พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่เจอเมื่อวานให้แฮมเมอร์ฟัง
เมื่อแฮมเมอร์ทำอะไรทุกอย่างเสร็จทั้ง 2 ต่างก็รีบเข้าไปในป่า วิลเลียมหวังว่าเขาจะได้เจอหทารอย่างที่เขาอยากเจอ ส่วนแฮมเมอร์นั้นเหมือนติดสอยห้อยตามวิลเลียมไป เหมือนเขาจะไม่ค่อยอยากไปเสียเท่าไหร่
“ แฮมเมอร์รีบๆหน่อยสิ ใกล้จะถึงแล้วนะ ” วิลเลียมเร่ง
“ ช้าๆ หน่อยวิล ฉันจะเป็นลมอยู่แล้ว ให้ตายสิฉันชักอยากจะผอมขึ้นมาแล้วนะ ”
เมื่อถึงที่หมายวิลเลียมได้แอบซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้ พร้อมทั้งแฮมเมอร์มาถึงด้วยหน้าตาซีดและหมดแรง
แต่ถึงกระนั้นวิลเลียมอาจไม่สนใจแฮมเมอร์จนกระทั้งมีเสียงดังขึ้นมา
กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ !!
“ แฮมเมอร์ นี้แกจะกินไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย ฉันไม่แปลกใจเลยที่แม่แกเรียกแกว่า แฮมสเตอร์ แกนี้มันหวงกินจริงๆเลยนะ ” วิลเลียมกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
แล้วทันใดนั้นพื้นดินสั่นไหว พุ่มไม้ใบหญ้ารอบๆก็เหมือนจะกระโดนลุกขึ้นมาเต้นรำ และมีเสียงดังขึ้นมา
“ ระวัง เหล่าทหารกล้า อ็อคบุก !!! ” เสียงชายผู้หนึ่งตะโกนขึ้น
และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงต่างๆอีกนับสิบนาที ทั้งเสียงดาบฟันกัน เสียงร้องที่หยาบและโหยหวย พร้อมทั้งเสียงเหมือนของมีดคมฟันเข้าใส่เนื้อหนัง แฮมเมอร์ก้มหน้าหลับตาและดูเหมือนว่า
แฮมเมอร์จอมเขมือบกำลังตัวสั่นและกลัวอย่างสุดชีวิต
“ วิลเลียม เรากลับกันเถอะฉันไม่ไหวแล้ว ” แฮมเมอร์กล่าวด้วยเสียงสั่นและหวาดกลัว
เหมือนวิลเลียมจะไม่สนใจคำกล่าวของแฮมเมอร์ แต่กลับจ้องมองบางสิ่งบางอย่างอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ
“ แฮมเมอร์ เจ้านั้นมันตัวอะไร แกรู้มั้ย นั้นคือตัวอะไร ” วิลเลียมกล่าวถามอย่างตื่นเต้น
แต่เหมือนแฮมเมอร์จะไม่ได้สนใจอะไร เพราะความหวาดกลัวของแฮมเมอร์นั้นทำให้เขาเอามือปิดหูทั้งสองข้าง หลับตา และตัวสั่น จนไม่ได้ยินสิ่งที่วิลเลียมถาม และสิ่งที่วิลเลียมเห็น วิลเลียมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะสิ่งที่วิลเลียมเห็นนั้น ไม่เหมือนในหนังสือที่เคยอ่าน ไม่เหมือนในจินตนาการที่เคยคิด ไม่เหมือนสิ่งที่เขาเคยฟังจากการคุยโม้ของแฮมเมอร์ และไม่เหมือนสิ่งที่แฮมเมอร์รู้มาทั้งสิ้น
นั้นคือ อ็อค ตัวใหญ่มหึมา ความสูงของมันอาจจะมากกว่า 3 เมตรด้วยซ้ำ และ ขนาดตัวของมันอาจจะใหญ่กว่าแฮมเมอร์ 5 คนที่เกาะรวมกันเสียอีก ในตาสีแดงเลือด ผิวสีเขียวเข้ม มีเขี้ยวงอกจากฟันล่างขึ้นมาถึงแก้ม สวมหมวกเหล็กมีเขา มือถือขวานที่มีคราบเลือดเปอะเปื้อนอยู่ หน้าตาดุร้ายและน่าหวาดกลัว ซึ่งกำลังต่อสู้กับทหาร ที่ล้อมไว้ถึง 5 คน แต่ถึงกระนั้น อ็อค ก็ไม่หวั่นไหวหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด แต่กลับใช้ขวานฟาดฟันอย่างไม่ปราณี
“ อ้า ” ทหารคนนึงถูกอ็อคชกใส่ที่กลางลำตัว กระเด็ดไปไกล 4-5 เมตร
และเหมือนทหารทั้ง 5 คนจะสู้ อ็อค เพียงตนเดียวไม่ได้ ในขณะนั้นเอง อัศวินผู้หนึ่งได้กระโจกใส่หลังอ็อค อย่างบ้าคลั่ง มือทั้งสองเกาะที่หมวกของอ็อคพยายามเอาหมวกของอ็อคกดลงให้ปิดตา
อ็อคยักษ์ เหวี่ยงตัวไปมา ด้วยความแรงยิ่งกว่า กระทึงที่บ้าคลั่งเสียอีก แต่อัศวินก็ไม่ได้ปล่อยมือหรือยอมแพ้เสียแม้แต่น้อย เมื่อเวลาผ่านไปได้ครู่หนึ่ง อ็อคก็อ่อนแรงลง แล้วล้มลงเขาทรุดกับพื้น
“ เอาเชือกเหล็กกล้ามัดมันไว้ซะ เร็วสิเจ้าพวกโง่ ” อัศวินผู้กล้า ออกคำสั่งแก่ทหาร
ทันใดนั้น อ็อคก็ล้มลงไปนอนกับพื้นและหมดฤทธิ์ลงในที่สุด
“ จบสักที เพราะแกทำให้พวกข้าต้องเหนื่อยเดินทางมาปราบอ็อคโซโครก ” ทหารคนหนึ่งกล่าวว่าอย่างเหยียดหยาม
“ กลับไปประจำการที่กองซะ เจ้าทหารโง่ ” อัศวินกล่าว
ทหารเดินกลับไปอย่างไม่พอใจ
หลังจากทุกๆอย่างสงบลงแล้ว วิลเลียมยังตื่นเต้นกลับเหตุการณ์ที่ได้พบ และไม่อาจจะลืมสิ่งนั้นได้
ตลอดชีวิต
“ แฮมเมอร์ ” วิลเลียมกระซิบ พร้อมทั้งปลุกให้แฮมเมอร์ตื่นจากอาการกลัว
“ จะ จะ จบ แล้วหรอ สะ สะ สงบ แล้วหรอ ทุกอย่าง ” แฮมเมอร์กล่าวเสียงสั่น
“ ใช่แล้ว ดูนั้นสิ นั้น อ็อคตัวเป็นๆเลยนะ ” วิลเลียมชี้ไปทีอ็อค
หลังจากที่แฮมเมอร์เห็นก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เหมือนเป็นแฮมเมอร์ที่ไร้วิญญาณ
“ นั้นมันอ็อค จริงๆหรอ ฉันเคยเห็นแต่ในหนังสือ นี้มันเรื่องจริงใช่มั้ย ฉันฝันไปหรือป่าว วิลเลียมตบหน้าฉันที ” แฮมเมอร์กล่าว
เพลีย !!
“ โอ้ย ฉันเจ็บนะ นี้ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย ” แฮมเมอร์กล่าวอย่างประหลาดใจ
และแล้วทันใดนั้นอัศวินผู้ปราบอ็อค ก็ปรากฏตัวขึ้น
“ ทำไม แกถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ” อัศวินกล่าวถาม อ็อคที่นอนแน่นิ่งกับพื้น
ทั้ง 2 คน เริ่มไม่เข้าใจกับอัศวินผู้นั้น และสงสัยว่าอ็อคพูดภาษามนุษย์ได้ด้วย แต่ทันใดนั้นทั้ง 2 คน ถึงต้องกับตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่ใหญ่ เยือกเย็นและน่าหวาดกลัวดังมาจากอ็อค
“ โจเซ่ โจเซ่ มันทำลายหมู่บ้านของข้า มันเผาและสังหารพี่น้องของข้าจนหมด ”
อ็อคกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าและเยือกเย็น
“ โจเซ่ ไวท์อ็อค ใช่หรือป่าว ” อัศวินกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่น
“ ใช่ มันคือ อ็อคสีขาว ผู้อำมหิตมันต้องการจะปกครองเหล่าอ็อค ผู้ใดที่ขัดขื่นจะถูกสังหารทั้งครอบครัว และอีกไม่นานนัก โจเซ่จะบุกมาที่นี่ เพื่อสังหารมนุษย์ ”
“ แล้วมีเหตุผลใด ทำไม โจเซ่ถึงมีเป้าหมายที่มนุษย์ อ็อคกับมนุษย์มีสัญญาสงบศึกกันอยู่ไม่ใช่รึ ” อัศวินกล่าวถาม
“ สัญญาสงบศึกนั้นใช้กับอ็อคเขียวเท่านั้น ไม่มีผลกับอ็อคขาว และ อ็อคดำ ”
อ็อคเขียวตอบ
เมื่ออัศวินได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็อดที่จะวิตกกังวลไปไม่ได้
“ แล้วจะมีวิธีหยุดมันได้หรือไม่ ” อัศวินกล่าวถามด้วยความวิตก
“ ด้วยกองกำลังของท่านในตอนนี้ ไม่อาจจะหยุดได้แม้ทัพหน้าของโจเซ่ด้วยซ้ำ ทหารของท่านไร้ความสามารถอีกทั้งยังไร้สมองและความกล้า ” อ็อคกล่าว
“ แล้วเช่นนั้น ข้าควรจะทำเช่นใด ” อัศวินกล่าวถาม
“ ท่านจงหนีไปซะ จงพาชาวเมืองทั้งหมดหนีไปซะ ” อ็อคแนะนำ
“ แล้วข้าจะพาชาวทั้งหมดหนีไปได้เช่นใด ชาวเมืองพวกนี้ไม่อาจรู้ด้วยซ้ำว่าจะมีอ็อคบุกมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะมีสงคราม แล้วจะให้ข้าละทิ้งพวกเขาหรอ ” อัศวินท้วง
“ แล้วท่านจะปะทะกับกองทัพปีศาจพวกนั้นหรือ ” อ็อคกล่าวแย้ง
“ ข้าจะสู้ถึงแม้จะมีเพียงข้าเพียงผู้เดียว ข้าจะปกป้องทั้งชาวเมืองและกองทหาร ” อัศวินกล่าวอย่างกล้าหาญ
“ แค่คำพูด ไม่อาจชนะสงครามได้หรอก ” อ็อคกล่าว
“ คำสัตย์ของลูกผู้ชาย ถ้ามิอาจกระทำได้ บุรุษผู้นั้นเปรียบได้คือสตรี นี้คือปณิธาณของข้า ”
อัศวินกล่าวด้วยคำพูดที่แค่คำพูดเดียวอาจทำให้ทหารทั้งกองพลหึกเหิมและลุกขึ้นสู้ในศึกสงครามนั้นได้
แล้วทันใดนั้น
“ ข้าก็จะสู้เคียงข้างท่านเช่นกันฮะ ท่านอัศวิน ” เด็กหนุ่มผู้มีจิตใจแห่งความกล้าหาญกล่าวขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบของผืนป่า พร้อมเด็กชายตัวท้วมอ้วนที่ถูกดึงออกมาจากข้างพุ่มไม้
“ ไม่นะ วิลเลียม ไม่นะ ” แฮมเมอร์อุทาน พร้อมสีหน้าที่วิตกกังวลจนถึงขีดสุด
ผลงานอื่นๆ ของ PaO_o_O ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ PaO_o_O
ความคิดเห็น