ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Through the Window

    ลำดับตอนที่ #1 : Part 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10
      0
      7 ต.ค. 57

    Through the window

    Part 1

            มันสมควรจะเป็นวันที่ดีกว่านี้สิ จริงไหม? หญิงสาววัย 41 ปี บ่นพึมพำในใจ ระหว่างเธอกำลังนั่งรถแท็กซี่พร้อมกับลูกชายของเธอที่ระหว่างทางเต็มไปด้วยฝนโปรยปรายลงมาแม้ไม่หนักมาก แต่ก็หนักพอที่จะทำให้ถนนมันลื่นขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เป็นวันที่ดีของเธอ ในที่สุดเธอก็ได้ย้ายจากอพาร์ตเม้นต์เก่าซอมซ่อมาที่นี่ อันที่จริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรมาก แต่เธอก็ย้ายออกอยู่ดีนั่นแหละ ที่นั่นมันให้ความทรงจำที่ไม่ดีนักกับเธอ

                เธอหันมองออกนอกกระจกรถแล้วหันกลับมาหาลูกชายวัย 7 ขวบ ที่กำลังเป็นเด็กวัยซนเลยทีเดียว กำลังหลับอยู่เห็นหน้าเขาทีไรเธอก็หายเครียดทุกที แต่มันกลับแทนที่ด้วยความห่วงหาอาทรของผู้เป็นพ่อของเขา ที่จากไปเมื่อนานมาแล้ว น้ำตาเธอปริ่มออกมาเล็กน้อย เธอทำจมูกฟึดฟัดและเช็ดน้ำตาออกไป เธอเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยจะแต่งหน้าอะไรเท่าไร ดังนั้นหน้าตาเธอก็ดูโทรมตามวัยของเธอแต่เธอคิดว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไรมากหรอก สำหรับ จูลี่ แมนดิสัน วัย 41 ปีที่เป็นนักเขียนนิยายรักโด่งดังในนามปากกา กุหลาบสีขาว

                เธอหันมองออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง แล้วก็พบว่าตัวเธอมาอยู่ที่หมู่บ้านที่หมายแล้วจากป้ายใหญ่เบ้อเริ่มที่ตั้งตระหง่านอยู่ว่า หมู่บ้าน แองเคิลแลนด์มันเป็นหมู่บ้านใหม่ที่ดูสวยหรู เพราะว่าถนนหนทางในหมู่บ้านนั้นคดเคี้ยวยิ่งกว่างูเลื้อยเสียอีก แถมด้วยบ้านแต่ละหลังนั้นทั้งใหญ่และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และที่สำคัญมันราคาถูกมากถ้าเทียบกับบ้านในแถบนี้ บ้านของเธอนั้นอยู่ในที่ในสุดของหมู่บ้านซึ่งอาจจะดูเหมือนป่าขนาดย่อมๆหากถัดจากบ้านของเธอไป แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะทิวทัศน์ที่นั่นสวยงามเนื่องจากทะเลสาบขนาดย่อมๆหน้าบ้านล่ะนะ

                ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาจอดที่หน้าบ้านของเธอตามที่ได้นัดหมายไว้ เธอหันกลับมามองในรถพบลูกชายตัวเองหลับอยู่เช่นเดิมจึงเข้าไปกระซิบปลุกลูกชายตัวน้อย

    ถึงบ้านแล้วครับ..” ผู้เป็นแม่ทำเสียงน่ารักๆปลุกลูกชาย

                เจ้าตัวน้อยก็เริ่มงัวเงียตื่นขึ้นมา เธอก็เปิดประตูรถเพื่อไปขนกระเป๋าที่มีแต่เสื้อผ้าลงจากหลังรถ พลางสังเกตบรรยากาศรอบๆ น่าแปลกที่ฝนหยุดตกแล้วทั้งๆที่เมื่อกี้ตกลงมาอย่างสม่ำเสมอตลอด แต่กลับแทนที่ด้วยอากาศหนาวเย็นและแสนชื้นแฉะ ข้างหน้ามีต้นเอล์มต้นใหญ่อยู่ด้านหน้าติดกับทะเลสาบเล็กๆด้านหน้าบ้าน ที่มีท่าเรือและเรือพายเล็กๆสำหรับพายเล่น เมื่อเธอหันกลับมาก็พบเจ้าตัวน้อยเดินลงมาจากรถแล้ว

                เอ้า! ช่วยแม่ถือของด้วยนะลูก!” คุณแม่อ้อนวอนและยิ้มไปที่ลูก

                ค้าบบบ เด็กน้อยตอบกลับ

    ...........................

    เวลาผ่านไปรวดเร็ว สองแม่ลูกช่วยกันขนของและจัดของเข้าตู้เสื้อผ้า เนื่องจากไม่ได้มีของมากมาย เพราะซื้อบ้านนี้พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ สองแม่ลูกจึงมีเวลาอยู่ร่วมกันและเล่นสำรวจบ้านกัน

    บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นเมื่อเปิดเข้าบ้านมา แม้ทั้งสองจะพบกับความหนาวเย็นแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เมื่อเปิดประตูใหญ่เข้าบ้านมาก็จะเห็นโถงทางเดินใหญ่ๆ ที่มีบันไดขนาดกลางอยู่ทางขวามือ ทางซ้ายมีซุ้มประตูไปยังห้องนั่งเล่น ด้านขวาเป็นห้องครัวและห้องรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน ส่วนเมื่อเดินตามโถงไปด้านในก็จะมีซุ้มประตูใหญ่ๆ ของห้องนั่งเล่นที่มีทีวีขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเล่นซีดีและเครื่องเล่นเกมรวมถึงเครื่องเสียงที่สุดยอดอีกด้วย

    แต่ชั้นล่างนี้กลับมีห้องหนึ่งที่ถูกตอกตะปูปิดตายเอาไว้ นั่นคือห้องใต้บันไดที่ถูกปิดตายไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งสองแม่ลูกก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไร บางทีเจ้าของบ้านเก่าอาจจะไม่อยากให้เรายุ่งกับมัน ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามการยุ่งกับของของคนอื่น มันผิดมหันต์แม้เราจะซื้อต่อเขามาก็ตาม ถ้าเขาไม่ให้ยุ่งเราก็ไม่ควรจะยุ่งล่ะนะ

    เมื่อสองแม่ลูกเดินขึ้นบันไดมาก็พบว่ามีโถงทางเดินตรงกลางที่แยกระหว่างห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำที่มีอ่างน้ำที่ใหญ่ใช้ได้เลยทีเดียว

    โดยรวมแล้วบ้านหลังนี้ก็ควรจะเป็นที่ที่เธอได้อยู่อย่างสงบสุขกับลูกตัวน้อยของเธอได้อย่างแน่นอน เธอคิดเช่นนั้นแม้ว่าในใจลึกๆของเธอมันจะปฏิเสธก็ตาม อาจเป็นเพราะเธอพยายามคิดถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำเก่าๆแล้วเอามาปนกับปัจจุบันที่กำลังดีอยู่ก็เป็นได้

    หญิงสาวสลัดความคิดฟุ้งซ่านพวกนั้นออกไปจากหัวแล้วเพ่งเล็งดูความจริง ข้างหน้าเธอคือลูกชายวัยเจ็ดขวบที่กำลังน่ารักเลยทีเดียว นอนหนุนตักเธออยู่และหายใจเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอดูน่ารักน่าเอ็นดู เธอเห็นหน้าเขาแล้วนึกถึงความพูดสุดท้ายของคนรักของเธอ

    ดูแลเขาให้ดีที่สุดนะ..

    เมื่อเธอเฝ้าคิดถึงมันความเศร้าก็เข้ามาเยือน แต่เธอก็จะต้องต่อสู้กับมัน เธอต้องเข้มแข็งปกป้องครอบครัวที่มีกันอยู่สองคนนี้และปกป้องลูกชายคนนี้ให้เติบใหญ่เป็นอนาคตที่ดีให้ได้ แม้หลายๆอย่างจะฉุดรั้งเธอมากแค่ไหนก็ตาม

    ตึงๆๆๆ...

    เสียงอะไรน่ะ?

    ตึงๆๆๆ...

    มันดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอเงี่ยหูฟังก็รู้ว่ามันมาจากประตูห้องน้ำชั้นบน โจร? แค่มาบ้านใหม่วันแรกก็เจอแล้วหรอนี่? เธอปล่อยลูกชายตัวน้อยให้หลับสนิทบนโซฟาต่อไปก่อนจะหยิบมีดแล่ปลาที่เธอใช้ทำครัวมาจากห้องครัวและค่อยๆย่องขึ้นไปทางห้องน้ำ

    ซ่า.......

    เสียงเปิดฝักบัวดังขึ้น

    ไอ้โจรที่ไหนมันมาอาบน้ำบ้านคนอื่นรึไงกัน ด้วยความสงสัยอย่าถึงที่สุดเธอง้างมีดในมือออกและเอามือจับที่ลูกบิดประตู เสียงน้ำไหลมันก็ยิ่งดังขึ้นเมื่อเธอยิ่งเข้าใกล้ประตูนั้น เธอไม่รีรออะไรอีกและเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว ง้างมีดถึงที่สุด.....

    แต่มันกลับว่างเปล่า...

    ไม่มีคน? เสียงน้ำ? มันมาจากไหนกัน ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งฟุ้งซ่าน เธอจึงกลับไปเก็บมีดและหาลูกที่กำลังหลับสนิท เธอมองดูเวลา.. 18.36 น. เวลาล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้วหรือนี่?

    ตึงๆๆๆๆๆๆ

    เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น เธอสะดุ้งเฮือกก่อนจะเดินไปเปิดประตูออก มีออดให้กดทำไมไม่กดนะ? เมื่อเปิดประตูออกก็พบกับชายแก่ร่างท้วมหน้าตาท่าทางใจดี ใส่ชุดเหมือนคนทำสวยยังไงยังงั้น พร้อมกับหมวกแก็ปสีส้มสดใส

    คุณนายแมนดิสันใช่มั้ยขอรับ?ตาแก่พูดพลางยิ้มไป

    ใช่ค่ะหญิงสาวตอบกลับยิ้มเจื่อนๆ

    ผมเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ อัลเลน แองเคิลแมนเองนะครับ เพื่อจะมาทำความรู้ตักกันเราขอให้คุณไปงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ลานน้ำพุเย็นนี้น่ะครับ แห่ะๆ

    ก็ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้วค่ะ เอาลูกชายไปด้วยได้ไหมล่ะคะ? แกเพิ่งเจ็ดขวบเอง

    อ้อ... ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้วครับผม เชิญมาได้เลย..

    หญิงสาวจึงตัดสินใจรีบปลุกลูกชาย ต่างคนต่างเตรียมตัวไปงานเลี้ยงคืนนี้ เธอแต่งชุดราตรีสุดสวย ส่วนลูกชายเธอเองก็แต่งชุดหล่อเกินวัยแกไปหน่อยแต่ก็ดูสุภาพที่สุดล่ะนะ

    เวลาผ่านเลยไปเกือบสองทุ่มสองแม่ลูกก็เดินมาที่ลานน้ำพุ ที่มีน้ำพุขนาดใหญ่พร้อมลานกว้าง ใจกลางหมู่บ้าน เป็นสถานที่ที่น่าจดจำไม่น้อยทีเดียว แต่ละคนในงานก็ต่างดูมีความสุขกันทั้งนั้น

    ครอบครัวแมนดิสันนั่งลงในโต๊ะจีนที่ทางเจ้าของงานจัดเตรียมไว้ให้ สองแม่ลูกต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมทั้งทักทายคนรอบข้างที่ผ่านไปมาอย่างอารมณ์ดี

    ทันใดนั้นชายคนหนึ่งสวมเสื้อสูทสีดำดูมีฐานะ ก็เดินผ่านมาพร้อมจูงมือลูกสาวใส่ชุดสีชมพูน่ารักเดินมา

    สวัสดีค่ะ เอ่อ.. คุณชื่ออะไรหรอคะ? หญิงสาวทัก

    ชายหนุ่มหันมาทำหน้าอึ้งๆ แล้วก็หันมาตอบกลับหญิงสาว

    เอ่อ... เบอร์นาร์ดครับ เบอร์นาร์ด แองเคิลแมนน่ะครับ ชายหนุ่มแนะนำตัว

    อ๋อ... งั้นคุณก็คงเป็นลูกของเจ้าของหมู่บ้านสินะคะ...

    ใช่แล้วครับ แหะๆ

    แล้วหนูน้อยนี่ชื่ออะไรจ้ะหญิงสาวเปลี่ยนไปถามสาวน้อยตัวเล็กพอๆกับลูกชายของเธอ

    แต่ดูเหมือนสาวน้อยจะไม่ชอบเธอนัก เธอหลบหน้าและหลบหลังตัวคุณพ่ออย่างหวาดกลัว

    เธอชื่อ มายา น่ะครับผู้เป็นพ่อตอบแทน

    อ๋อค่ะ.. ขี้อายนะเนี่ย

    ก็ เป็นพักหลัง ตั้งแต่แม่แกเสียน่ะครับ

    พูดเช่นนี้ จูลี่ก็หน้าเสียที่ไปพูดเรื่องแบบนั้นให้เบอร์นาร์ดนึกถึงเรื่องเก่าๆ

    เอ่อ ขอโทษนะคะที่ทำให้นึกถึง

    ฮะๆๆ ไม่เป็นไรหรอกครับชายหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน

    จากนั้นทั้งสองครอบครัวก็นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน เพราะคุยกันติดลมกันไปไกล จนสนิทกันอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่เท่านั้น เด็กน้อยทั้งสองก็เช่นเดียวกัน แกล้งกันไปแกล้งกันมาดูแล้วก็น่ารักแบบเด็กๆดี

    งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา งานครั้งนี้ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอกับลูกอยู่จนถึงวินาทีสุดท้ายของงาน และกลับมาที่บ้านของเธอ

    บรรยากาศเมื่อกลับมา เหมือนว่าทั้งคู่จะรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกๆภายในบ้าน เมื่อเหยียบมาในอาณาเขตบ้านทั้งคู่ก็เงียบทั้งๆที่กำลังคุยกันสนุกสนาน

    จูลี่เดินไปพร้อมกับลูกหยิบกุญแจจากกระเป๋าสะพายของเธอและจะมาเปิดบ้าน แต่ลูกของเธอกลับเปิดประตูเข้าไปก่อน

    ประตูไม่ได้ล๊อค!!?

    เธอก็เดินตามลูกเข้าไปเมื่อพยายามเปิดไฟก็กลับเปิดไม่ขึ้นเมื่อมองไปบนเพดาน ก็มีประกายไฟแตกลงมาเรื่อยๆเหมือนหลอดไฟแตก รอบกายมีแต่กลิ่นเหม็นสาบเลือดที่ไม่ควรจะมีในบ้านหลังนี้

    แม่ไปหยิบไฟฉายในครัวก่อนนะ ผู้เป็นแม่กล่าว

    ม่ายอาวว ป๋มกลัววว

    งั้นก็ตามมานะ

    เธอเดินเข้าไปหยิบไฟฉายที่ตั้งทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าวอย่างยากลำบาก เมื่อได้ไฟฉายมาแล้วเธอก็เปิดไฟฉายให้แสงสว่างทันที เมื่อเธอส่องไฟไปกพบว่าทั้งโถงทางเดินมีแต่รอยเลือดเต็มไปหมด ทั้งสมองเธอเริ่มคิดหนักไปต่างๆนาๆ

    เมื่อเธอหันเอาไฟฉายไปที่บันได ก็พบกับใครบางคนนั่งอยู่ตรงบันไดบ้าน

    กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ที่เธอเห็นก็คือ อัลเลน แองเคิลแมนเจ้าของหมู่บ้านแห่งนี้นี่เองแต่สภาพของเขากลับไม่ใช่คนเดิม ตาทั้งสองข้างของเขาถลนออกมาหล่นอยู่ตรงพื้น ร่างกายมีรอยถูกแทงเลือดท่วมทั้งร่าง บนมือของเขาก็มีรอยแดงเป็นตัวอักษรที่ถูกสลีกด้วยมีดว่า

    May the god forgive us

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×