ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    bts ★ the bloody flower blooming in the springtime ★ minv

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 63




    บทที่สอง

     





              วสันตฤดูวนเวียนกลับมาเยือนอีกครา แมกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมเจือจางลอยไปตามสายลมแห่งฤดูกาล ไม่ว่าจะมองไปทางใดล้วนพบเจอแต่สีสันสดใส อากาศอบอุ่น ท้องฟ้าแจ่มใส สายลมเย็นสบาย เหมาะแก่การเที่ยวเล่นและผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง บรรยากาศในเมืองล้วนเต็มไปด้วยความรื่นเริงใจ นับว่าเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ดี



              ข้าอยู่นี่! ข้าอยู่นี่! ”



              ทางนี้เจ้าค่ะ ไม่สิ ทางนั้น ๆ


            ภายในจวนตระกูลคิมเองก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน มีเด็กน้อยหลายคนส่งเสียงโหวกเหวกอยู่ตรงลานโล่งใต้ร่มไม้บริเวณหน้าจวนใหญ่ ท่ามกลางร่างกระจ้อยร่อยของเหล่าเด็ก ๆ มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งถูกคาดตาด้วยผ้าสีดำ ยื่นไม้ยื่นเดินสะเปะสะปะเพื่อไล่จับใครสักคน 



              เอ๋ .. คุณชายอย่าขี้โกงสิเจ้าคะ! ”



              เด็กหญิงคล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงร้องตะโกนขึ้นราวกับไม่ยินยอม ทำให้เด็กคนอื่นพากันชะเง้อคอมองตามอย่างสนใจใคร่รู้ คนถูกจับได้แทนที่จะสำนึกผิดกลับยิ้มเผล่ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปปลดผ้าคาดตาตนเองออก ใช้เวลาชั่วครู่รอสายตาปรับความคุ้นชินกับแสงแดดยามสาย



              โดนจับได้เสียแล้วหรือนี่



    หวา ทำแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านพ่อข้าบอกเสมอว่าคนขี้โกงนั้นเป็นคนนิสัยไม่ดี!



              ก็ข้าเหนื่อยแล้วนี่ ผ่านมาตั้งหลายรอบข้ายังจับพวกเจ้าไม่ได้เลยสักคน เขาแสร้งบ่น จริง ๆ ก็จับได้อยู่หรอกถ้าหากว่าคนโดนจับไม่ร้องกระจองอแงให้เริ่มใหม่อยู่ร่ำไป เฮ้อ เด็กหนอเด็ก เจ้านี่หูตาไวดีจริง ๆ เลยนะซูยอน



              แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อของข้าบอกว่าข้าน่ะนะ .. หูตาไวเหมือนท่านแม่เปี๊ยบ! ”



              เขายกนิ้วชี้ขึ้นทาบริมฝีปากตนเองเมื่อเริ่มมีบุคคลที่สามและสี่ถูกดึงมาพูดถึง ก่อนจะมีใครผ่านมาได้ยินเข้าแล้วเอาไปร่ำลือเสีย ๆ หาย ๆ นางเป็นเด็กฉลาด เห็นดังนั้นก็เข้าใจได้ในทันที ดวงตาของนางเบิกกว้าง ฝ่ามือของนางรีบยกขึ้นปิดปากตนเองเอาไว้ 



              เป็นผู้หญิงก็อย่าได้พูดเสียงดังไป ใครมาเห็นเข้าจะตำหนิเอาได้รู้หรือไม่



              ขออภัยเจ้าค่ะ



    เด็กหญิงกล่าวเสียงอ่อย ดูเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้นแล้วก็ไม่วายมีเจ้าน้องชายตัวแสบของเขารีบวิ่งมากางแขนปกป้องด้วยสีหน้าขึงขัง ดูน่ารักน่าชังมากกว่าน่ากลัว



    แต่อย่างไรก็ตาม .. ท่านพี่โกงพวกเรา ท่านพี่ต้องโดนลงโทษนะขอรับ



              โดนลงโทษอย่างไรหรือ?



              เด็กชายทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ดวงตาหลุกหลิกไปมา เขาลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น เพียงแค่เจ้าน้องชายตัวแสบอ้าปากคนเป็นพี่หรือจะดูไม่ออก เด็ก ๆ คนที่เหลือสุมหัวกระซิบกระซาบกันถึงบทลงโทษ แต่ทว่าเสียงเหล่านั้นก็ดังเกินไปจนลอยมาถึงหูเขาแล้ว



              เอาล่ะ ๆ ข้ายอมรับผิด วันพรุ่งนี้จะซื้อขนมในตลาดมาให้พวกเจ้าทุกคนเลยดีไหม?       



              เพียงได้ยินคำว่า ขนมเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวกับนกกระจิบแตกรังก็ดังขึ้นทันที เขาหัวเราะ ต่อให้ไม่ถูกลงโทษเพราะแอบโกงการละเล่น อย่างไรเสียตนก็มักจะซื้อขนมติดไม้ติดมือมาจากด้านนอกอยู่แล้ว ช่างเห็นแก่กินกันจริงเชียวเด็กพวกนี้

             







              กลีบดอกไม้สีขาวแซมชมพูถูกปักลงบนผ้าแพรอย่างประณีต



              ช่วงนี้คุณชายใหญ่ทำอะไรบ้างหรือ?



              คุณชายใหญ่มักจะไปรวมกลุ่มกับจิตรกร บางวันก็อยู่ในห้องเพื่อวาดรูปหรืออ่านตำราขอรับ



              พ่อบ้านเหลือบมองนายหญิงของตนวางสะดึงปักผ้าผืนน้อยลงบนหน้าตัก ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามลายปักอย่างทะนุถนอม ดวงตาของนางเหม่อมองดอก*เมฮวาด้านนอกที่สั่นไหวตามแรงลมแห่งวสันตฤดู ก่อนจะละสายตาจากความงามของธรรมชาติไปยังคนผู้หนึ่ง 



              ทุกอย่างปกติดีใช่หรือไม่?



              ปกติดีทุกอย่างขอรับ



              อดีตคุณชายน้อย .. ที่บัดนี้กลับกลายเป็นคุณชายใหญ่กำลังทอดกายนอนภายใต้ร่มเงาของต้นดอกเมฮวา ใบหน้านั้นดูสงบสุขเป็นอย่างยิ่ง สายลมพัดผ่าน ดอกเมฮวาร่วงหล่น กลีบดอกไม้สีขาวแซมชมพูกระจัดกระจายราวกับภาพฝัน ปลิวมาตกบนเส้นผม เปลือกตา ผิวแก้ม และตามลำตัว



              ชั่วครู่หนึ่งเปลือกตานั้นก็ค่อย ๆ ปรือขึ้น จับจ้องมาทางนี้ราวกับรู้ตัวว่าถูกเฝ้ามอง เมื่อนายหญิงแย้มยิ้ม คุณชายใหญ่จึงเผยยิ้มตาม เป็นรอยยิ้มที่งดงามจับใจ สว่างไสวราวกับแสงแดดยามรุ่งอรุณ อีกทั้งบุคลิกนิสัยความสุภาพนุ่มนวล อบอุ่น และเป็นมิตร คุณชายใหญ่ถึงได้เป็นที่นิยมของผู้คนที่ได้พบเห็นหรือคลุกคลีด้วยตั้งแต่เล็กจนโต   



    ...เช่นนั้นข้าก็วางใจ



              หลังจากบุตรชายหายจากอาการป่วยไข้เป็นปลิดทิ้ง ไม่นานนักก็ราวกับว่าฟ้าได้ประทานพรให้แก่พวกเขาอีกครั้ง ซอนอาได้ตั้งครรภ์บุตรชายอีกหนึ่งคนเมื่อผ่านมาได้ราว ๆ หกปี นางตั้งชื่อให้บุตรชายคนที่สองว่า คิมยอนจุน นับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งที่ตระกูลคิมมีบุตรชายเป็นผู้สืบทอดถึงสองคน



    บัดนี้ล่วงเลยผ่านมาหลายปี บุตรชายของนางต่างเติบโตมาเป็นอย่างดี สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ในแต่ละวันของจวนตระกูลคิมช่างสงบสุข ซอนอามักจะใช้เวลาตลอดทั้งวันไปกับการนั่งปักผ้า อ่านหนังสือ เขียนกลอน และคอยมองดูความสดใสของบุตรชายอย่างเช่นวันนี้ อีกทั้งสองในเจ็ดวันมักจะมีเด็กหญิง อีซูยอน ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรชายคนเล็กมาวิ่งเล่นด้วยกันในจวนตระกูลคิมเสมอ



    ท่านแม่



    ซอนอาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้มาเยือน วสันตฤดูครั้งนี้บุตรชายคนโตของนางจะอายุครบสิบแปดหนาว เค้าโครงใบหน้าบุตรชายคนนี้ละม้ายคล้ายนางหลายส่วนเพียงแต่มีกลิ่นอายของเด็กหนุ่มที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หน้าตาสดใส ท่วงท่าสง่างาม ไร้ซึ่งเค้ารางของอาการเจ็บป่วยที่ครั้งหนึ่งเกือบคร่าชีวิต



    วสันตฤดูกลับมาเยือนอีกหนแล้ว... นิ้วมือเรียวบรรจงปักด้ายลงบนผืนผ้าที่นางตั้งใจจะมอบมันให้บุตรชาย อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของเจ้า แม่ตั้งใจปักผ้าเช็ดหน้าเป็นรูปดอกเมฮวา เป็นของขวัญสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอีกปีหนึ่ง



    ดอกเมฮวานั้นมักจะผลิบานในช่วงวสันตฤดู เป็นดอกไม้แสนงาม บอบบางทว่ากลับอดทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดี ผลิดอกเร็วกว่าดอกไม้ประจำวสันตฤดูชนิดอื่น ยามดอกเมฮวาผลิบานถือเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ นั่นทำให้นางหวนนึกถึงบุตรชายอยู่เสมอ



    ท่านแม่โปรดวางใจ ข้าสัญญาว่าจะใช้ชีวิตเป็นอย่างดี



    เมื่อบุตรชายให้คำมั่นสัญญานางจึงค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง



    ข้าเห็นท่านนั่งปักผ้ามาหลายชั่วยามแล้ว เหตุใดท่านจึงไม่พักผ่อน? ฝ่ามือของนางถูกกอบกุมเอาไว้อย่างนุ่มนวล หัวคิ้วบุตรชายขมวดเล็กน้อย ก่อนที่สะดึงในมือจะถูกดึงออกไป เอาเช่นนี้ .. ให้ข้าช่วยท่านปักต่อดีหรือไม่?



    จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเจ้าเด็กคนนี้ แม่ตั้งใจปักเป็นของขวัญวันเกิด หากเจ้าทำมัน นั่นจะยังเรียกว่าของขวัญจากแม่ได้อีกหรือ?



    ซอนอาหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือไปแย่งสะดึงมาจากมือบุตรชาย ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้คิดจะปักมันต่อเพราะเริ่มรู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ตรงปลายนิ้วขึ้นมาบ้างแล้ว



    พ่อบ้านกล่าวว่าช่วงนี้เจ้ากำลังอ่านตำราอยู่หรือ?



    ขอรับ นางลูบแก้มบุตรชายอย่างรักใคร่ ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะอยากให้ข้าเข้ารับราชการ



    แล้วเจ้าอยากรับราชการหรือไม่



    ท่านแม่ก็รู้ว่าในชีวิตข้าสนใจเพียงแต่การวาดรูปเท่านั้น



    บุตรชายกล่าวอย่างออดอ้อน ทำไมผู้เป็นมารดาจะไม่รู้กันเล่าว่าบุตรของตนชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด แต่ไหนแต่ไรทั้งตัวนางและสามีก็มักตามใจบุตรชายทุกอย่าง ต่อให้ตอนนี้บุตรชายของนางจะไม่ได้มีสุขภาพย่ำแย่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ทว่ากลับยังคงไม่ใจแข็งพอที่จะบังคับฝืนใจบุตร



    เอาเถิด แม่แล้วแต่เจ้า นางกล่าว เช่นนั้นเจ้าลองคิดเรื่องแต่งงานบ้างดีหรือไม่?



    บุตรชายมองสบตานางก่อนจะยิ้มหวาน



    ข้ายังไม่มีคนในดวงใจขอรับ



    เป็นเช่นนี้แล้วนางจึงได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความระอาใจ รอยยิ้มเจือจางปรากฏตรงมุมปาก







     

    ยิ้มหนึ่งครา 

    บุปผาเหี่ยวเฉาบานสะพรั่ง

    วสันตฤดูมาเยือนถึงหน้าบ้านข้า 

    เฉลิมฉลองให้แก่ความงามของเจ้า




    เป็นอย่างไร? เจ้าชอบกลอนบทนี้หรือไม่?



    ไพเราะดี เขาเอ่ยปากชม กลอนเช่นนี้หญิงสาวคนใดได้ยินก็คงจะเขินอาย เจ้าแต่งเองหรือ



    แทนที่คนฟังจะดีอกดีใจกลับกลายเป็นว่าทำหน้ายับย่นคล้ายไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง ฮยองชิก ตบโต๊ะเบา ๆ ก่อนจะชี้หน้าสหายผู้นี้ที่ดูจะไม่สนใจสิ่งใดเลย เจ้าหมอนี่ช่างน่าโมโหเสียจริง ไม่ว่าเขาจะนำเรื่องใดมาเล่าให้ฟังก็หาได้สนใจเลยแม้แต่น้อย!



    เจ้านี่มันอย่างไรกัน เห็นออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแทบทุกวันแต่กลอนบทนี้เจ้ากลับไม่รู้จัก



    เหตุใดเจ้าจึงต้องโมโหด้วยเล่า?



    อีกฝ่ายกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ฝ่ามือเรียวสวยรินน้ำชาให้ตนอย่างนุ่มนวลเพื่อเป็นการเอาอกเอาใจ



    ก็เพราะกลอนบทนี้มีคนแต่งให้เจ้าน่ะสิ



    แต่งให้ข้า?



    ว่ากันว่าความงามของคุณชายใหญ่ตระกูลคิมนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองหลวง จนถึงขนาดว่ามีคนแต่งกลอนเพื่อบรรยายถึงรอยยิ้มงาม ๆ ของอีกฝ่ายกันเลยทีเดียวเชียว เวลาออกไปเตร็ดเตร่ในตลาดฮยองชิกมักจะได้ยินคนกล่าวกลอนบทนี้อยู่เสมอ เขาเคยนึกสนใจอยากรู้ว่าผู้ใดกันที่แต่งกลอนชมเชยสหายผู้ไม่รู้ความของตน ทว่ากลับไม่พบแม้แต่เงา



    หากข้าเป็นหญิงสาวก็คงจะเขินอายอยู่หรอกนะ



    เฮ้อ เจ้าคนผู้นี้อายุย่างเข้าสิบแปดหนาวแล้วแต่กลับไม่สนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เลยแม้แต่น้อย



    บัณฑิตหนุ่มจิบชาอย่างเกียจคร้าน นั่งเท้าคางมองภาพวาดที่ยังไม่สมบูรณ์ดีบนผืนกระดาษไปพลาง ๆ เมื่อเห็นว่าสหายของตนกำลังเพ่งความสนใจไปที่มันแล้วจึงได้ถอนหายใจอีกครา ในชีวิตของคนผู้นี้เห็นทีคงมีแต่การวาดรูป วาดรูป และวาดรูปเสียกระมัง



    เจ้าวาดสิ่งใดอยู่หรือ?



    ข้ากำลังวาดดอกเมฮวาที่บานสะพรั่งบนกิ่งก้าน ดูสิ .. สวยใช่ไหม?



    ทว่าฮยองชิกกลับมองเพียงแค่ชั่วครู่ก่อนจะหมดความสนใจโดยสิ้นเชิง



    นี่ ข้าได้ยินมาว่าในตลาดมีคณะละครเร่ร่อนมาเปิดการแสดงด้วยล่ะ



    ครานี้มือที่กำลังวาดรูปอย่างขยันขันแข็งชะงักลง ฮยองชิกแทบโห่ร้องที่ในที่สุดใบหน้างาม ๆ ของสหายรักก็ยอมเงยขึ้นมองกันและมีท่าทีสนใจสิ่งที่เขากล่าวเสียที นัยน์ตากลมโตกะพริบปริบก่อนจะหรี่ลงน้อย ๆ แสดงความสนอกสนใจอย่างชัดเจน



    เมื่อไหร่กัน?



    ตอนกลางคืน เขาเติมน้ำชาลงในถ้วยของตนอีกครา พยายามนำเสนอความน่าตื่นตาตื่นใจเพื่อให้สหายผู้นี้ยอมออกไปเที่ยวเล่นกับตน เห็นว่ามีการแสดงหนึ่งงดงามแปลกตายิ่งนัก ข้าอยากไปดูให้เห็นกับตา เจ้าเองก็รีบหาวันว่าง ๆ ไปชมการแสดงนั้นกับข้าเสียสิ



    เอาไว้ข้าจะส่งคนไปนัดหมายเจ้าอีกทีดีหรือไม่



    เช่นนั้นก็ได้ แต่อย่าให้มันนานนักล่ะ ข้าไม่รู้ว่าคณะละครเร่ร่อนจะออกจากเมืองหลวงเมื่อไหร่



    ข้าไม่ผิดนัดกับเจ้าหรอกน่า



    อยากรู้จริงเชียวว่าการแสดงที่เจ้าว่าจะงดงามแปลกตาขนาดไหน



    กลีบดอกเมฮวาบนผืนกระดาษค่อย ๆ ถูกแต่งเติมด้วยสีสันจนเผยให้เห็นถึงความงดงามของภาพจำลองนั้น ช่วงบ่ายในจวนของคุณชายใหญ่ดำเนินไปเช่นนี้ .. เจ้าของจวนนั่งวาดรูปเล่นอยู่ในสวนของตน โดยมีสหายรู้ใจนั่งจิบชาชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย กว่าฮยองชิกจะขอตัวกลับจวนของตนบนโต๊ะก็กองไปด้วยภาพดอกเมฮวาที่ทับถมกันร่วงหล่น เนื่องจากไม่มีพื้นที่บนโต๊ะเหลืออีกแล้ว



    เย็นวันนั้นคนในจวนตระกูลคิมได้แต่ลอบยิ้มขบขัน คุณชายใหญ่ปรากฏตัวขึ้นยามมื้ออาหารพร้อมกับรอยหมึกและสีเลอะเป็นจุดบนใบหน้ากับเสื้อผ้า ท่าทางอ่อนล้าหากแต่ดวงตายังส่องประกายสดใส ยองกวังมองใบหน้าเลอะเทอะราวกับเด็กของบุตรชายตนแล้วจึงทอดถอนลมหายใจ เขาจับตะเกียบขึ้น คีบอาหารที่บุตรชายคนชอบในในถ้วยของอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร



    ขอบคุณขอรับ



    บุตรชายฉีกยิ้มหวาน



    อืม กินให้เยอะ ๆ




    ขอเพียงแค่มีชีวิตที่ดีในอีกปีก็ดีแล้ว




    เรื่องที่ผ่านแล้วจงลืมมันไปเสียเถิด






    TALK;
    * ดอกเมฮวา = ดอกบ๊วยหรือดอกแอปริคอต คล้าย ๆ ดอกซากุระ เป็นดอกไม้มงคลของทางจีนด้วย
    * สะดึง = ที่ปักผ้าทรงกลม ไอ้ที่เอาไว้ขึงผ้าให้ตึง ๆ นั่นเอง

    ลืมอะไร! ใครลืม! 

    บทนี้ใช้เวลาไปกับการบรรยายความงามของคุณชายตระกูลคิม อยากให้รู้ว่าเขางามแค่ไหน!!! 
    (ಥ _ ಥ) 
    แต่ละตอนจะไม่เขียนยาวมากนะคะ เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองให้ขยันขึ้นอีกนิดดดดนึง
    เดี๋ยวนี้เอะอะแต่งกลอนจริง ๆ 

    #ดอกไม้สีแดงเบ่งบานยามวสันตฤดู



             
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×