ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    bts ★ the bloody flower blooming in the springtime ★ minv

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่เจ็ด - โรงเตี๊ยมหวนกลับมาและสุราดอกไม้

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 63




    บทที่เจ็ด

     





              ความฝันอันน่าสะพรึงไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวแต่อย่างใด มิหนำซ้ำกลับทำให้รู้สึกอยากทำความรู้จักกับคนที่มาปรากฏในฝันมากยิ่งขึ้น ช่างเป็นแรงดึงดูดที่แปลกประหลาดนัก แทฮยองไม่มั่นใจว่าความรู้สึกนี้คือสิ่งใด ทว่าเขานึกอยากพบพานและสนทนากับนักเต้นปริศนาผู้นั้นจนตัดสินใจออกจากจวนยามค่ำคืนเพื่อไปดูอีกฝ่ายทำการแสดงอีกครา หากแต่กลับต้องพบกับความผิดหวัง



              เรียนคุณชาย เท่าที่ข้าทราบ .. คณะละครเร่ร่อนจะเปิดแสดงสามวัน หยุดพักสี่วัน ดำเนินไปเช่นนี้จนกว่าจะครบกำหนดเดินทางออกจากเมืองหลวงขอรับ



              พ่อค้าร้านขายผ้ากล่าว เมื่อได้ยินดังนั้นแทฮยองก็ไม่อาจปกปิดความผิดหวังและความเสียดายผ่านทางสีหน้าได้อีกต่อไป นี่เป็นราตรีที่สี่ที่คณะละครเร่ร่อนเข้ามาในเมืองหลวงพอดิบพอดี แสดงว่าตอนนี้พวกเขาคงกำลังพักผ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพียงแค่คิดว่าตนจะไม่ได้พบใครอีกคนในราตรีนี้หัวใจพลันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา   



              ...เช่นนั้นหรอกหรือ



    นัยย์ตากลมโตเหลือบมองลานกว้างในตลาดที่มีเพียงผู้คนสัญจรไปมาตามปกติ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ พ่อค้าร้านขายผ้าเห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วก็อดเอ่ยปากปลอบใจคุณชายท่านนี้ไม่ได้ ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงตั้งใจมาดูการแสดงจริง ๆ หากแต่กลับไม่รู้ว่าการแสดงไม่ได้ถูกจัดขึ้นทุกวันจึงต้องมาเสียเที่ยว



              คุณชายโปรดอดใจรออีกสามวันเถิด ป่านนี้พวกเขาคงพักผ่อนอยู่กระมัง



              แล้วท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าพวกเขาพักอยู่ที่ใด?



              อยู่ที่โรงเตี๊ยมท้ายตลาดนี่เองขอรับ



              เห โรงเตี๊ยมนั่นไม่ใช่ว่าร้างมานานแล้วหรือท่านลุง?



    กุงซูอุทานขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ แทฮยองเองก็เผลอขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อค้าร้านขายผ้าบอก โรงเตี๊ยมท้ายตลาดนั้นตั้งอยู่ในตรอกลึก ครั้งสุดท้ายที่เห็นสภาพของมันก็ทรุดโทรมลงไปมากแล้ว ห่างออกไปไม่ไกลจากโรงเตี๊ยมนั้นเป็นป่าทึบ บางฤดูกาลอาจโชคร้ายพบสัตว์ป่าหรือสัตว์มีพิษ แม้เจ้าของเดิมจะขายด้วยราคาที่ถูกจนเหมือนให้เปล่า ๆ ปลี้ ๆ เพียงใดก็ไม่มีใครคิดว่าการลงทุนกับโรงเตี๊ยมแห่งนั้นจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ด้วยทำเลที่ไม่เหมาะสมและความทรุดโทรมยากแก้ไขจึงทำให้ที่นั่นร้างมานานหลายสิบปี



    ข้าได้ยินว่ามีบัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งซื้อโรงเตี๊ยมเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อน พ่อค้าร้านขายผ้าหัวเราะ คงมาจากต่างถิ่นกระมังถึงกล้าซื้อทำเลอัปมงคลเช่นนั้น ข้าว่านะ .. อีกไม่นานที่นั่นคงกลับมาร้างตามเดิม นอกจากคนต่างถิ่นแล้วคงไม่มีใครในเมืองหลวงย่างกรายไปที่นั่นหรอก



    บัณฑิตหนุ่ม? แทฮยองฉุกนึกถึงใบหน้านุ่มนวลที่ประดับรอยยิ้มของบัณฑิตหนุ่มที่บังเอิญได้สนทนากันไม่กี่วันก่อน คุณชายผู้นั้นก็เคยบอกว่าตนมาจากต่างถิ่นเช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นก็นับว่าพวกเขามีวาสนาต่อกันไม่น้อย เจอกันครั้งหน้าก็อาจได้นับถือเป็นสหาย



    คณะละครนั่นก็ตระหนี่จริงเชียว สามราตรีที่ผ่านมาสามารถกอบโกยเงินทองได้ตั้งมากมายแท้ ๆ แทนที่จะไปหาโรงเตี๊ยมดี ๆ อยู่กลับเลือกสถานที่ซอมซ่อเช่นนั้น ว่าแล้วพ่อค้าวัยกลางคนก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะเอนตัวมาทางพวกเขาเล็กน้อย พวกท่านไม่รู้ล่ะสิว่าเสนาบดีอีถึงกับลงทุนจ้างไปแสดงให้ดูเป็นการส่วนตัวถึงในจวนเชียวนา



    เขาฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดอย่างนึกสนใจ ดวงตาสีเข้มพลันกระจ่างใสเมื่อได้รู้ว่าสามารถจ้างคณะละครเร่ร่อนให้ไปแสดงถึงในจวนได้ด้วย ในหัวเริ่มขบคิดต่าง ๆ นานาว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะได้พบหน้าจีมินอีกสักครา แทฮยองมัวแต่จมอยู่ในห้วงความคิดของตนโดยลืมเลือนสิ่งรอบตัวไปชั่วขณะ โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางสนอกสนใจของตนอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มข้างกายทั้งหมด



    ในฐานะที่อยู่รับใช้คุณชายใหญ่มาทั้งชีวิต มองปราดเดียวกุงซูก็รู้ได้ในทันทีว่าคุณชายใหญ่มีท่าทีที่ดูผิดแปลกไปจากเดิม แม้จะแค่เล็กน้อยแต่เขาก็จับสังเกตได้ทั้งหมด เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดคุณชายของตนถึงได้ให้ความสนใจกับคณะละครเร่ร่อนนั่นนัก นอกจากการแสดงของชนเผ่านอกด่านที่สาบสูญมานานหลายร้อยปีแล้วก็ไม่เห็นจะมีสิ่งใดแปลกใหม่



    เอ .. หรือเป็นเพราะว่าตนไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์อันซับซ้อนของพวกศิลปินได้กันหนอ?



    คุณชายใหญ่คงไม่คิดที่จะทำแบบเดียวกับท่านเสนาบดีอีใช่หรือไม่ขอรับ



    นับว่าเจ้ารู้ใจข้า คุณชายใหญ่หัวเราะ การแสดงของพวกเขางดงามตระการตา อีกทั้งยังหาชมได้ยาก หากท่านพ่อกับท่านแม่ได้ชมคงจะทำให้พวกท่านผ่อนคลายไม่น้อย หรือเจ้าไม่คิดเช่นนั้น?



    เอ๊ย! ข้ามิบังอาจหรอกขอรับคุณชายใหญ่ เพียงแต่เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าของพวกเขามาก่อน หากเชิญเข้าจวนก็เกรงว่าจะ...



              แทฮยองใช้พัดในมือเคาะหน้าผากเด็กหนุ่มเบา ๆ ไปหนึ่งที



    ระวังปากเสียบ้าง เราไม่รู้จักพวกเขาไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็ไม่ควรไปตัดสินพวกเขา



    โธ่ คุณชายใหญ่ขอรับ ข้าเพียงแต่เป็นห่วงเท่านั้นเอง



              เอาเป็นว่า ถ้าหากวันนั้นมาถึงพวกเราค่อยจ้างทหารมาคุ้มกันเพิ่มดีหรือไม่?



              เมื่อผู้เป็นนายกล่าวเช่นนี้แล้วตัวเขาหรือจะกล้าเอ่ยแย้งให้ขุ่นเคืองใจอีก กุงซูทำปากยื่นปากยาวพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากป้อย ๆ แม้ตนจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ต้องพาใครก็ไม่รู้เข้ามาในจวน แต่ถ้ามีทหารรับจ้างฝีมือดีมาคุ้มกันเพิ่มก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกกระมัง?



              ดี! เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ



              ทว่าเส้นทางที่คุณชายใหญ่กำลังจะไปมันมิใช่ทางกลับจวนนี่นา!



              ค .. คุณชายใหญ่ ทางกลับจวนอยู่ทางนี้นะขอรับ



              คุณชายใหญ่ค่อย ๆ ผลิรอยยิ้มซุกซน — รอยยิ้มที่ทำให้กุงซูรู้สึกถึงเม็ดเหงื่อตรงแผ่นหลัง!



              ข้าบอกเมื่อใดว่าจะกลับจวน?

     





    //

             





              พวกเรากลับกันเถอะขอรับ! ”



    กุงซูแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ



              ภายในตรอกลึกอันเป็นหนทางไปสู่โรงเตี๊ยมท้ายตลาดที่ติดชายป่านั้นค่อนข้างซับซ้อนและคดเคี้ยวคล้ายกับเขาวงกตขนาดย่อมอย่างไรอย่างนั้น ระหว่างทางก็เงียบเหงาวังเวงเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ราตรีนี้จันทร์กระจ่างจึงทำให้พอจะมองเห็นสิ่งรอบข้างได้เลือนราง  



    แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ! บรรยากาศเช่นนี้มันชวนขนหัวลุกเกินไปแล้ว! เด็กหนุ่มเบียดตัวเข้าไปใกล้คุณชายใหญ่ มือที่ถือโคมไฟสั่นงันงกเสียจนเงาสะท้อนบนพื้นสั่นไหวไปมา



              ว .. ไว้พวกเราค่อยกลับมาตอนเช้าไม่ดีกว่าหรือขอรับ



              หากเจ้ากลัวก็ไปรอข้าที่ตลาด



              ได้อย่างไรเล่าขอรับ! ” กุงซูร้อง ไม่ว่าตนจะตามกับคุณชายใหญ่ไปหรือปล่อยให้อีกฝ่ายไปเองก็น่ากังวลพอ ๆ กัน ข้าปล่อยให้คุณชายไปที่นั่นตามลำพังไม่ได้เด็ดขาดขอรับ ฮือ คุณชายใหญ่ ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเช่นนี้เลย ไม่สู้ท่านรอให้ถึงเช้า แล้วค่อยมาอีกทีเถิดขอรับ



              พวกเราเดินมาตั้งขนาดนี้แล้วยังคิดจะหันหลังกลับอยู่หรือ



              ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบริเวณนี้แทบไม่มีผู้คนสัญจร ยกเว้นเสียแต่จะอยากใช้ทางลัดเข้าป่าไปหาของมาขาย ระหว่างทางมีบ้านเพียงไม่กี่หลังปลูกห่างกันและค่อนข้างเงียบสงบ กุงซูกลืนน้ำลายลงคอ ต่อให้ไม่มีสิ่งลี้ลับก็น่าจะมีโจร หรือถ้าไม่มีโจรก็อาจมีผี! บรรยากาศวังเวงทำให้เด็กหนุ่มกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เขากวาดตามองรอบตัวอย่างระแวดระวัง



    ใจก็บ่นผู้เป็นนายที่ไม่รู้จักระวังตัว พวกเขาสองคนล้วนไม่มีใครต่อสู้เป็น เรี่ยวแรงรวมกันยังแล้วก็ยังล้มผู้ชายตัวใหญ่สักคนไม่ได้เลยกระมัง หากเกิดอะไรขึ้นมาล่ะก็— 



              ที่นี่แหละ



                เบื้องหน้าของพวกเขาปรากฏโรงเตี๊ยมที่สว่างไสวด้วยโคมไฟกระดาษ ตั้งตระหง่านท่ามกลางความมืด โดยเบื้องหลังคือป่าทึบที่มีเสียงใบไม้ไหวดังแว่วมาเป็นระยะ โคมไฟกระดาษหน้าประตูแกว่งไกวเล็กน้อยตามแรงลม โรงเตี๊ยมแห่งนี้ถูกซ่อมแซมไปแล้วบางส่วน แม้สภาพจะดีขึ้นจากเดิมแต่ก็ยังคงความเก่าและทึมเทา



    เหนือประตูไม้มีป้ายที่สลักตัวอักษรไว้อย่างประณีตว่า หวนคืนกลับมา



              พวกเรากลับกันเถิดขอรับ ข .. ข้ากลัวจนจะบ้าแล้วนะขอรับ!



              ชู่ว! ” แทฮยองยกนิ้วแตะริมฝีปาก เจ้าลองเงี่ยหูฟังดูสิ



    เมื่อเดินเข้าไปใกล้พวกเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยสนุกสนานดังเล็ดลอดออกมา แทฮยองสบตากับกุงซูเล็กน้อย เด็กหนุ่มขี้ตื่นตูมมีสีหน้าประหลาดใจ ฝ่ามือเรียวผลักประตูให้เปิดออก ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มที่ยืนทำหน้าเหรอหราอยู่ข้างหลัง ที่แห่งนี้เคยร้างมาเป็นสิบปี กุงซูจึงคิดว่ามันจะทรุดโทรม ทว่าเมื่อลองมองให้เต็มตากลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดโดยสิ้นเชิง



    โอ้ ที่นี่มีคนเยอะกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก



    แทฮยองรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง บรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมผิดกับบรรยากาศข้างนอกลิบลับ ราวกับอยู่คนละโลกอย่างไรอย่างนั้น ที่นี่สะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ได้โอ่อ่าแต่ก็ถูกตกแต่งอย่างประณีต แม้ผู้คนจะไม่พลุกพล่านดังเช่นโรงเตี๊ยมใจกลางเมืองแต่ก็ไม่ได้เงียบเหงาเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตากลมโตลอบสังเกตการแต่งกายและลักษณะท่าทางของผู้คน รู้ได้ในทันทีว่าที่นี่มีแต่คนต่างถิ่นมาพักจริง ๆ ดังที่พ่อค้าร้านขายผ้ากล่าว และเขายังพบคนจากคณะละครเร่ร่อนอีกด้วย พวกเขากำลังสนุกสนานและเมามายได้ที่



    ยินดีต้อนรับคุณชายทั้งสอง ชายคนหนึ่งเดินมาต้อนรับพวกเขาด้วยท่าทีเป็นมิตร ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่ขอรับ?



    ข้าต้องการโต๊ะสำหรับสองคน



    อา .. ต้องขออภัยคุณชายทั้งสอง ราตรีนี้ไม่มีโต๊ะใดว่างเลยขอรับ



    เป็นอีกครั้งที่แทฮยองต้องแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา รู้สึกทดท้อใจเป็นอย่างมากที่การจะได้เจอใครสักคนหนึ่งช่างยากเย็นแสนเข็ญ ครั้งเมื่อมีวาสนาได้พบหน้ากลับมีเวลาเพียงน้อยนิดในการสนทนาพูดคุย เขาถอนหายใจ ในเมื่อราตรีนี้โชคไม่เข้าข้าง อย่างไรค่อยกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็ไม่สาย



    หากคุณชายไม่รังเกียจ...



    ข้ายินดีเชิญท่านไปนั่งชมจันทร์ด้วยกันในราตรีนี้    



    บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมมีใครคนหนึ่งยืนตระหง่านท่ามกลางแสงวูบไหวน้อย ๆ จากตะเกียงน้ำมัน ใบหน้าเรียวเล็กครึ่งหนึ่งถูกบดบังด้วยเงามืด อีกครึ่งหนึ่งถูกอาบไล้ด้วยแสงสลัว นัยน์ตาเรียวเล็กเรืองรองจากแสงที่ตกกระทบ อีกฝ่ายทอดมองมาพร้อมรอยยิ้มบางเบาที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายลึกลับ แทฮยองเพ่งมองใบหน้านั้นด้วยความประหลาดใจในคราแรก ก่อนจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นระคนยินดี สายตาสองคู่มองสบกันผ่านแสงสลัว



              หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักสลับบีบรัดอยู่ในอก ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดดีแท้



              ผิวแก้มร้อนวูบวาบจนเผลอยกมือขึ้นสัมผัสมันเบา ๆ



    ...ต้องขอรบกวนท่านแล้ว



    ผู้ดูแลที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไม่ได้กล่าวสิ่งใดนอกจากค้อมตัวน้อย ๆ แล้วเดินเลี่ยงออกไปจากบทสนทนาอย่างเงียบเชียบ



              จีมินเยื้องย่างลงมาตามขั้นบันได ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความสง่างามและมั่นคงราวกับคุณชายผู้หนึ่งหาใช่นักเต้นในคณะละครเร่ร่อน อีกฝ่ายหยุดตรงชานบันได เว้นระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป



              เชิญคุณชายตามมาทางนี้



              แทฮยองพยักหน้าก่อนจะเดินตามใครอีกคนไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยม ชายเสื้อคลุมของจีมินพริ้วไสวตามจังหวะก้าวเดิน ยามมันขยับเขาจะได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยมาแตะจมูก กลิ่นหอมนั้นไม่เจือจางรวดเร็วดังเช่นน้ำหอมทั่วไป หากแต่กลับลอยอบอวลในอากาศ เมื่อสูดดมมากเข้าก็รู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องและสั่นไหวในจิตใจ




    กลิ่นดอกไม้แห้งงั้นหรือ?




              คุณชายใหญ่



              หือ?



              กุงซูกระตุกรั้งแขนเสื้อของเขาเบา ๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความกังวล



              ท่านไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ได้นานนัก ไม่เช่นนั้นคนที่จวนจะเป็นห่วงเอาได้นะขอรับ



              เข้าใจแล้ว แทฮยองส่งยิ้มให้เจ้าเด็กขี้ตื่นตูม เจ้าทำตัวเหมือนพ่อบ้านเข้าทุกวัน



              โธ่ คุณชายล่ะก็… ”



              พวกเขาพากันเดินมาหยุดตรงหน้าห้อง ๆ หนึ่งสุดทางเดินชั้นสองของโรงเตี๊ยม นัยน์ตาเรียวเหลือบแลมองมาสบตากับเขาอีกคราหนึ่ง คล้ายไม่ตั้งใจหรืออาจจะตั้งใจ ประกายแวววาวในแววตาคู่นั้นทำให้หัวใจคุณชายใหญ่ตระกูลคิมไหวระริกราวกับใบไม้ที่ลู่ไปตามสายลม จีมินคลี่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเปิดประตูเชื้อเชิญให้พวกเขาเข้าไปด้านใน



              อาจจะคับแคบไปบ้าง ลำบากคุณชายแล้ว



              อ๊ะ ไม่เลย



              ห้องนี้ไม่ได้กว้างมากแต่ก็ไม่ได้คับแคบเกินไปสำหรับคนสามคน ภายในสะอาดสะอ้าน ข้าวของน้อยชิ้นทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของแทฮยองมากที่สุดคือหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับลมเย็น สามารถเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของชายป่ายามราตรี กับดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน แม้แต่กุงซูยังถึงกับต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ ความอคติที่มีต่อโรงเตี๊ยม หวนคืนกลับมาลดลงจนแทบไม่เหลือ



              เด็กหนุ่มลอบมองใบหน้าสุขุมเจือรอยยิ้มของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความสงสัยใคร่รู้ ความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้ย่ำแย่เลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนสามราตรีที่ผ่านมาคณะละครเร่ร่อนจะกอบโกยเงินทองไปได้มากมายจริงดังที่มีคนว่า



              นี่คือแพคฮวาจู*ขอรับ ทำมาจากดอกไม้แห้งร้อยชนิด เข้ากันยิ่งนักกับวสันตฤดู



              หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในห้องได้ไม่นานนัก ผู้ดูแลคนเดิมก็เดินเข้ามาพร้อมกับขวดสุราและกับแกล้มสองสามอย่างบนถาดไม้ ก่อนจะจากไปชายคนเดิมยังได้กล่าวอวยพรอีกว่า



              ดวงใจพลัดพรากจากไปเนิ่นนาน ณ ที่แห่งนี้ .. หวนคืนกลับมาสู่อ้อมแขน



              ขอให้เป็นราตรีที่ดีสำหรับทุกท่าน



              แทฮยองหันไปมองชายคนนั้นด้วยความฉงน ทว่าอีกฝ่ายกลับหมุนตัวเดินหายลับไปจากบานประตูอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าห่างไกลออกไปจนกระทั่งเหลือเพียงความเงียบสงบบริเวณชั้นสอง



              สิ่งที่เขากล่าวมามันหมายความว่าอย่างไรหรือ?



              ขวดสุราบนโต๊ะส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้นานาชนิดออกมายั่วยวนใจแม้จะยังไม่ได้เปิดฝาออก เพียงแค่ได้กลิ่นลำคอก็แห้งผากอยากจะลิ้มรสแทบแย่ เขายื่นมือออกไปหมายจะเป็นฝ่ายรินสุราแจกจ่ายให้แก่ทุกคน ทว่าใครอีกคนกลับเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่า — จึงทำให้ฝ่ามือของพวกเขาสัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจ



              “ ...ขออภัย



    กระแสความอุ่นวาบแล่นปราดไปทั่วปลายนิ้วเสียจนเขาชะงักงัน ก่อนความอุ่นนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนผ่าวที่ลามไล้ไปทั่วทั้งใบหน้าและหู สัมผัสเพียงบางเบากลับส่งผลกระทบต่อหัวใจรุนแรงเป็นเท่าตัว แทฮยองกระแอมไอด้วยความกระดากอายแล้วจึงขอโทษอีกฝ่ายอย่างสุภาพ



    ใบหน้านั้นยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ไร้ซึ่งท่าทีโกรธเคือง เว้นเสียแต่แววตาทอประกายที่เจือกระแสอารมณ์บางอย่างยามทอดสายตาอ้อยอิ่งมองมา นำพาความรู้สึกร้อนวูบวาบแผ่ไปทั่วร่างกาย อีกฝ่ายค่อย ๆ รินสุราลงในถ้วย ท่าทีนุ่มนวลชวนมองมิรู้เบื่อ จีมินส่งถ้วยให้แทฮยองและกุงซู แพคฮวาจูส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะเมื่อต่างคนต่างประคองถ้วยเหล้าของตนเองขึ้นลิ้มรส



              คุณชายอาจไม่ทันได้สังเกต อีกฝ่ายกล่าวเสียงนุ่ม ดวงใจพลัดพรากจากไปเนิ่นนาน ณ ที่แห่งนี้ .. หวนคืนกลับมาสู่อ้อมแขนนั้นเป็นที่มาของชื่อโรงเตี๊ยมขอรับ



              เป็นเช่นนี้นี่เอง



              รสชาติอ่อนนุ่มกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไหลผ่านลำคอ ช่างเป็นรสชาติที่เข้ากับวสันตฤดูดังที่ชายคนนั้นกล่าวไว้จริง ๆ เสียด้วย แทฮยองละเลียดชิมมันอย่างพึงพอใจ



              รสชาติถูกปากคุณชายหรือไม่?



    จีมินรินสุราลงในถ้วยของเขาอีกครา



              “ อืม เป็นสุราที่ดีทีเดียว



              ขอรับ เป็นสุราที่ดี...



              จีมินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย อีกฝ่ายยกถ้วยสุราของตนขึ้นสูดกลิ่นหอมของแพคฮวาจูหลังจากรินมันให้เขาแล้วหลายถ้วย ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอน้อย ๆ ขณะจรดลงบนขอบถ้วย ในจังหวะหนึ่งนัยน์ตาเรียวค่อย ๆ ช้อนขึ้นมองเขา ทว่าเมื่อดวงตาสอดประสานกันอีกฝ่ายกลับหลุบตาลงพร้อมกับเอ่ยเบา ๆ ว่า



              ชวนให้ลิ้มลองไม่รู้เบื่อจริง ๆ

     





    Talk;
    *แพคฮวาจู = สุราที่ทำจากดอกไม้แห้ง 100 ชนิด

    จะพยายามมาอัพบ่อย ๆ นะต้ะ

    #ดอกไม้สีแดงเบ่งบานยามวสันตฤดู




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×