ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    bts ★ the bloody flower blooming in the springtime ★ minv

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สาม

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 63




    บทที่สาม

     





    สองสามวันมานี้บ่าวรับใช้จวนตระกูลคิมกำลังตระเตรียมข้าวของสำหรับงานเลี้ยงวันเกิดของคุณชายใหญ่อย่างขยันขันแข็ง แม้จะไม่ใช่งานเลี้ยงที่เอิกเกริกแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง นอกจากการเฉลิมฉลองเล็ก ๆ อย่างเช่นการร่วมมื้ออาหาร นายหญิงกับคุณชายใหญ่ยังต้องการนำอาหารที่ตระเตรียมไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ยากไร้อีกด้วย



    ตระกูลคิมเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในเมืองหลวงมานาน ท่านเสนาบดีคิมเป็นขุนนางที่เก่งกาจ อีกทั้งยังสร้างผลงานมากมายจนกลายเป็นที่โปรดปรานของพระราชา ส่วนผู้เป็นภรรยาก็เป็นถึงคุณหนูจากตระกูลใหญ่ นางมักช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยการแจกจ่ายอาหารมานานหลายปี แม้แต่คุณชายใหญ่กับคุณชายเล็กก็ยังเป็นที่รู้จักกว้างขวางในบรรดาลูกหลานขุนนางทั้งระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง เนื่องจากความเป็นมิตรและความไม่ถือตัว




    นับเป็นครอบครัวที่มีแต่ผู้คนรักและนิยมชมชอบโดยแท้




    แม้จะยังไม่ถึงวันเกิดของคุณชายใหญ่ตระกูลคิมทว่ากลับมีข้าวของมากมายถูกนำมามอบให้ถึงหน้าจวน ช่างเป็นสองสามวันที่วุ่นวายไปด้วยผู้คนที่แวะมาเยี่ยมเยือนและอวยพร ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าตระกูลคิมค่อนข้างรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง อาจเพราะสมัยก่อนคุณชายใหญ่สุขภาพอ่อนแอ แม้ทุกวันนี้ผู้คนจะเห็นอีกฝ่ายเที่ยวเล่นไปทั่วเมืองแต่การใช้ชีวิตของจวนตระกูลคิมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง



    ข้าวของมากมายเช่นนี้ข้าจะใช้หมดได้อย่างไรกัน



    แทฮยองพึมพำกับตนเองพร้อมกับแสดงสีหน้าลำบากใจ มองดูของขวัญมากมายที่ถูกส่งมาแล้วรู้สึกหนักใจอย่างไรชอบกล เขาต้องใช้เวลาหลายชั่วยามในการนั่งคัดแยกสิ่งของเหล่านั้น สิ่งใดเก็บเอาไว้กับตนได้ก็เก็บ สิ่งใดสามารถแจกจ่ายให้บ่าวในจวนได้ก็แจกจ่ายไปเสีย หลังจากนั้นเขาจึงนำหมึก พู่กัน และกระดาษอย่างดีออกมาเพื่อเขียนคำขอบคุณ ก่อนจะกำชับให้บ่าวคนหนึ่งนำจดหมายของตนไปส่งตามจวนตระกูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน  



    หืม?



    เขาหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมาดูอย่างสนอกสนใจ ท่ามกลางของขวัญมีราคามากมายที่กองพะเนิน .. แทฮยองเหลือบไปเห็นถุงผ้าแพรสีดำตกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอ กุงซู บ่าวรับใช้คนสนิทของคุณชายใหญ่สังเกตเห็นว่าผู้เป็นนายกำลังจับจ้องของชิ้นนั้นจึงรีบหยิบมันขึ้นมา และส่งให้ถึงมืออย่างนอบน้อม



    สิ่งนี้ผู้ใดให้มาหรือ?



    ถุงผ้าแพรเรียบ ๆ นั้นปักด้วยลวดลายดอกไม้สีแดง ประณีตและแปลกตายิ่งนัก



    ขออภัยขอรับคุณชายใหญ่... เด็กหนุ่มจ้องถุงผ้าในมือเขาอยู่ชั่วครู่ หัวคิ้วขมวดมุ่นคล้ายกำลังคิดไม่ตก ข้าน้อยเองก็เพิ่งเคยเห็นของสิ่งนี้ขอรับ



    กุงซูจับจ้องถุงผ้าปริศนาไม่วางตา รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แม้ว่าตนจะไม่ได้มีการศึกษาอะไรมากมายหากแต่ความทรงจำนั้นเป็นเลิศ เขาเป็นคนรับของขวัญทุกชิ้นเองกับมือ อีกทั้งยังจดจำใบหน้ากับชื่อของผู้ส่งได้หมดทุกคนไม่มีตกหล่นอย่างแน่นอน เขาจำได้ว่าของขวัญทุกชิ้นหากไม่ถูกห่อด้วยผ้าก็เป็นกล่องไม้ แต่ของชิ้นนี้มันอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?



    ส่งมันมาให้ข้าเถิดขอรับ



    เด็กหนุ่มรีบบอกนายของตนด้วยเกรงว่าผู้ที่ส่งของสิ่งนี้มาอาจจะไม่ประสงค์ดี ไหนจะดอกไม้ที่ปักอยู่บนถุงผ้านั้นมันเป็นดอกไม้อัปมงคล คนดี ๆ ที่ไหนจะนำของเช่นนี้มามอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ผู้อื่นกัน



    เจ้ากังวลเกินไปแล้วกุงซู ไม่เป็นไร .. ขอข้าดูของที่อยู่ด้านในก่อนก็แล้วกัน



    แทฮยองหัวเราะน้อย ๆ เมื่อเห็นท่าทีแตกตื่นของบ่าวรับใช้ เขาไม่ได้ส่งมันให้อีกฝ่ายซ้ำยังเปิดถุงนั้นออก เมื่อถุงผ้าแพรถูกเปิดกลับมีกลิ่นหอมเจือจางคล้ายกำยานอะไรสักอย่าง เขามองบ่าวรับใช้ของตนกำลังเบิกตาจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือตาแทบไม่กะพริบ ราวกับกลัวว่าจะมีอะไรสักอย่างกระโจนออกมา ก่อนเขาจะได้หยิบบางสิ่งออกมาดู



    เจ้าดูนี่สิกุงซู มันเป็นแค่สร้อยข้อมือเท่านั้นเอง



    สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในถุงผ้าเป็นเพียงสร้อยข้อมือที่ทำมาจากเชือกถักสีแดงเท่านั้น แทฮยองลูบนิ้วไปตามเส้นเชือกด้วยความแปลกประหลาดใจ มันเป็นแค่เชือกธรรมดา ๆ หาได้มีสิ่งใดน่าสนใจแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นแล้วสีแดงสดของมันกลับโดดเด่นสะดุดตา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกใจ เขาจึงสวมมันบนข้อมือตน แล้วเก็บถุงผ้าปักลายดอกไม้นั้นเอาไว้ในอกเสื้อ



    อย่าใส่มันเลยขอรับคุณชาย



    ข้าชอบมัน



    ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นบ่าวก็ไม่อาจเอ่ยอะไรได้อีก ผู้เป็นนายเห็นดังนั้นจึงระบายยิ้ม 



    เจ้าอย่าได้กังวลไปเลยน่ากุงซู



    ขออภัยขอรับ ข้าน้อยเพียงแต่เป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน



    ข้ารู้ หากแต่มันไม่มีสิ่งใดที่เจ้าจะต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย เข้าใจหรือไม่?



    “ …ขอรับคุณชาย



    อ้อ จริงสิ จดหมายแผ่นหนึ่งถูกเลื่อนมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม เจ้าจงนำจดหมายนี้ไปมอบให้คุณชายฮยองชิกเสีย บอกเขาว่าราตรีนี้ข้าจะไปตามนัดแน่นอน

     







    แม้จะกล่าวว่าเป็นงานเฉลิมฉลองให้แก่คุณชายใหญ่ .. หากแต่ความเป็นจริงแล้วค่ำวันนี้กลับไม่ได้แตกต่างไปจากการรับประทานอาหารร่วมกันในอีกวันหนึ่ง ยกเว้นเสียแต่อาหารมื้อนี้กลับมีสุราดอกไม้หมักอย่างดีเพิ่มมา แทฮยองที่เพิ่งได้ลิ้มรสของสุราครั้งแรกพลันเบิกตาโตเล็กน้อย ใบหน้าอุ่นซ่าน สุราดอกไม้มีรสชาตินุ่มละมุนลิ้น หากแต่เมื่อกลืนลงคอจะรู้สึกร้อนวูบวาบช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงอยู่ในอารมณ์รื่นเริงมากเป็นพิเศษ



    ของขวัญจากท่านพ่อเป็นพัดที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาหยิบพัดราคาแพงมาจากกล่องไม้ ก่อนจะค่อย ๆ คลี่มันออกเพื่อชื่นชมภาพวาดทัศนียภาพอันงดงามซึ่งมีตัวอักษรตวัดเขียนด้วยพู่กันที่หนักแน่นและเป็นระเบียบของท่านพ่อ หลังจากชื่นชมพัดจนพอใจแล้วเขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกเมฮวาฝีมือท่านแม่ขึ้นมาสูดดม กลิ่นหอม ๆ ดอกเมฮวายังคงกรุ่นอยู่บนผืนผ้า เขาพับผ้าเช็ดหน้าเก็บเอาไว้ในอกเสื้อของตน และของขวัญอีกชิ้นคือสร้อยข้อมือที่ทำมาจากหินสีหายากของเจ้าน้องชายตัวแสบ



    นี่เจ้ามีเงินซื้อของแพง ๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?



    ข้าก็เก็บหอมรอมริบเอาน่ะสิท่านพี่! ” น้องชายที่อายุห่างกันถึงหกปียืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ อธิบายสรรพคุณของของขวัญของตนเองประหนึ่งเป็นพ่อค้าเสียเอง หินสีเช่นนี้คนยื้อแย่งกันแทบตายท่านรู้หรือไม่ คนขายบอกข้าว่ามันจะช่วยปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย โชคดีที่ข้าไปทันจับจองเส้นสุดท้ายพอดิบพอดี เป็นอย่างไรเล่าท่านพี่ .. ข้าเป็นน้องชายที่ดีใช่หรือไม่?



    คนอื่น ๆ พากันหัวเราะชอบใจในความช่างพูดช่างคุยนั้น แทฮยองยื่นมือไปลูบเส้นผมของน้องชายเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูระคนมันเขี้ยว ก่อนจะรับสร้อยข้อมือเส้นนั้นมาสวมคู่กับเชือกถักสีแดงพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า วันเกิดของเขาก็ผ่านไปเช่นนี้



    พ่อกับแม่ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่าการขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดี



    แทฮยองยิ้มรับ เขาดึงฝ่ามือของท่านพ่อและท่านแม่มากอบกุมเอาไว้ บีบกระชับเบา ๆ



    ขอบคุณท่านพ่อและท่านแม่ หากไม่มีพวกท่านข้าก็คงไม่มีวันนี้



    แล้วข้าล่ะ?



    ยอนจุนกระตุกแขนเสื้อเขายิก ๆ ใบหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ



    ขอบคุณเจ้าเหมือนกันนะเจ้าตัวแสบ



    ข้าไม่ใช่เจ้าตัวแสบเสียหน่อย! ”



    อาหารที่เหลือถูกบ่าวรับใช้ยกออกไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงสุราดอกไม้กับขนมหวานสามสี่อย่างบนโต๊ะ พวกเขาสี่คนพ่อแม่ลูกร่วมใช้เวลาที่มีอยู่เพื่อพูดคุยกัน เนื่องจากท่านพ่อมีงานรออยู่อีกมากจึงมักไม่ค่อยมีเวลาให้พวกเขามากมายนัก ดังนั้นช่วงเวลาเช่นนี้จึงมีค่ายิ่งกว่าทอง



    ว่าแต่เจ้าให้กุงซูไปที่ใดมาหรือ?



    ข้าให้กุงซูไปแจ้งการนัดหมายแทนข้ากับฮยองชิกขอรับ แทฮยองรินเหล้าให้ท่านพ่ออีกจอกหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยสำทับว่า เห็นว่าราตรีนี้จะมีคณะละครเร่ร่อนมาทำการแสดง น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง



    เช่นนั้นก็ให้กุงซูไปกับเจ้า



    โธ่ ท่านพ่อ อย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ ข้าไปเที่ยวตามลำพังเสียเมื่อไหร่ อีกอย่างราตรีนี้คนพลุกพล่านทั่วเมือง ไม่มีสิ่งใดอันตรายหรอกขอรับ    



    ผู้เป็นบิดาเงียบไปชั่วครู่ขณะที่ในมือหมุนจอกเล็ก ๆ ไปมา ดวงตาคมกริบเหลือบมองตนอยู่หลายอึดใจกว่าจะยกจอกนั้นขึ้นดื่มจนหมด แล้วกล่าวว่า



    เช่นนั้นก็อย่าได้เหลวไหล

     







    ราตรีนี้ผู้คนพลุกพล่านอย่างที่กล่าวไว้ไม่มีผิดจริง ๆ เสียด้วย .. สองข้างถนนประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสีชวนตื่นตาตื่นใจ ร้านรวงมากมายช่างครึกครื้น พวกเขาสองคนได้กลิ่นหอมของอาหารและขนมหวานตลอดทาง ไหนจะกลิ่นดอกไม้ยามสายลมพัดผ่านมาอีกเล่า แทฮยองเดินเคียงคู่ไปตามท้องถนนกับสหายคนสนิท จิตใจจดจ่ออยู่กับการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นมากกว่าสิ่งใด



    ขณะที่กำลังเดินเหม่อลอยนั้น จู่ ๆ ฝ่ามือของฮยองชิกกลับแปะลงมาบนแก้มทั้งสองข้างของเขา บังคับให้หันไปทางตนเอง อีกทั้งยังพลิกใบหน้าเขาไปมาจนเวียนหัวอีกต่างหาก



    เหตุใดแก้มเจ้าจึงแดงเช่นนี้?



    เอามือของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้เลย เขาร้อง ข้าเพิ่งดื่มฉลองวันเกิดกับท่านพ่อมาอย่างไรเล่า



    อ้อ...



    เมื่อหายสงสัยอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจแก้มแดง ๆ ของเขาอีก



    จริง ๆ ข้านึกว่าเจ้าจะผิดนัดเสียแล้วเชียว ทำไมถึงได้ชักช้านัก



    นั่นเป็นเพราะเจ้ารีบร้อนเกินไปต่างหาก



    หนอย เกินไปแล้วนะเจ้าน่ะ!



    ฮยองชิกเริ่มบ่นกะปอดกะแปด ช่างเป็นคุณชายที่จู้จี้จริง ๆ เลยเชียว แทฮยองล้วงเอาพัดที่เพิ่งได้มาจากท่านพ่อออกมาจากแขนเสื้อ เคาะมันลงบนช่วงอกสหายคนสนิทของตนเองสองสามทีก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ อย่างไม่คิดแยแสเสียงกร่นด่านั้น



    อย่ามัวแต่พูดมากซี หากข้าพลาดการแสดงข้าจะโทษเจ้า



    เฮอะ อีกฝ่ายเบ้ปาก เช่นนั้นก็รีบเร่งเท้าของเจ้าเสีย! ”



    พวกเขาใช้เวลาเดินเท้าไม่นานนักก็มาถึงลานกว้างกลางตลาด แม้จะรีบรุดมาแต่พื้นที่ว่างกลับถูกจับจองไปจนเกือบหมดแล้ว การแสดงพิเศษของคณะละครเร่ร่อนดูจะเป็นที่เลื่องลือไม่น้อยจึงได้มีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันอยู่ ณ ที่นี่ นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปรอบตัว พบว่ามีทั้งคนที่อยู่ในเมืองหลวงและคนที่น่าจะเดินทางมาจากเมืองอื่นปะปนกัน ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฮยองชิกกล่าวคงไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด



    ผู้คนมากมายเช่นนี้พวกเราจะมองเห็นการแสดงหรือ



    ดูเหมือนตรงนั้นจะไม่มีใคร



    พวกเขาพยายามเบียดฝูงชนเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ แต่กลับล้มเหลว แต่โชคดีที่แทฮยองบังเอิญเห็นมุมอับสายตาคนมุมหนึ่งอยู่ไม่ไกลจึงได้สะกิดให้สหายมองตาม พวกเขาสบตากันเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนที่ปักหลักในการรอชมการแสดงอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้มีใครตามมาเบียดเสียดด้วย



    ข้ารู้ว่าราตรีนี้พวกท่านทั้งหลายกำลังเฝ้ารอคอยสิ่งใด



    ชายสวมหน้ากากผู้หนึ่งเดินออกมาโค้งคำนับผู้ชม ทันใดนั้นเสียงพูดคุยเซ็งแซ่พลันเงียบลง



    พวกท่านเคยได้ยินเรื่องเล่าของ ชนเผ่านอกด่าน ที่สาบสูญไปตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนในสมัยอาณาจักรชิลลาหรือไม่?



    พัดในมือของเขาหยุดชะงัก แทฮยองจับจ้องไปยังชายสวมหน้ากากผู้นั้นด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง ชายผู้นั้นกำลังกล่าวถึงสิ่งใดกัน? เรื่องเล่าเช่นนี้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกเขาไม่เคยได้เรียนหรือแม้แต่ได้ยินใครพูดถึงมาก่อนเลยด้วยซ้ำ



    ชนเผ่านอกด่านที่สาบสูญเช่นนั้นหรือ? เขาเอ่ยทวนคำพูดของชายผู้นั้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เรื่องเล่าเช่นนี้ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน



    ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เจ้าไม่เคยได้ยิน เรื่องมันเกิดตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้ว จะมีสิ่งใดหลงเหลือให้ศึกษานอกเสียจากเรื่องเล่าที่ถูกแต่งเติมเป็นเสียส่วนใหญ่



    เจ้าจะบอกว่าสิ่งที่ชายสวมหน้ากากกล่าวเป็นเรื่องแต่งเติม?



    ข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น ฮยองชิกลูบคางตนเองเบา ๆ พวกเขาพูดคุยกันขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเบื้องหน้า ในวันแรกชายสวมหน้ากากผู้นั้นกล่าวว่า .. การแสดงนี้เดิมทีเป็นการเต้นรำของชนเผ่านอกด่านที่หายสาบสูญ หากแต่มันจะเป็นไปได้หรือที่วัฒนธรรมของชนเผ่าที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วจะยังคงหลงเหลือมาจนถึงบัดนี้?



    แล้วในบันทึกที่เจ้าเคยอ่านไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชนเผ่านี้เลยหรืออย่างไร?



    มีข้อมูลปรากฏเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น หาได้มีประโยชน์อันใด



    กองไฟโดยรอบถูกพ่นน้ำมันจนมันลุกโชนราวกับจะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ ผู้คนพากันถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก เกิดความโกลาหลขึ้นชั่วขณะหนึ่งพร้อมกับเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย ทว่าต่อมาความวุ่นวายเหล่านั้นกลับสงบลงทันใด คนผู้หนึ่งค่อย ๆ เดินออกมาจากเงามืด ทุกย่างก้าวแผ่วเบาและมั่นคง ใบหน้านั้นถูกผ้าคลุมสีแดงราวกับชุดวิวาห์ของชาวจีนบดบังจนใครหลาย ๆ คนต้องชะเง้อคอมองตามอย่างสนใจใคร่รู้



    ...การแสดงกำลังจะเริ่มแล้ว



    แทฮยองได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของฮยองชิกดังอยู่ใกล้หู หากแต่เขาไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังมัน



    ภาพสะท้อนในแววตาของเขามีเพียงคนผู้นั้นยืนสงบนิ่งท่ามกลางแสงเจิดจ้าจากกองไฟที่ลุกโชนอย่างเร่าร้อน เสียงตีกลองดังกระหึ่มในตอนแรก ก่อนที่ผ้าคลุมสีแดงผืนบางจะพลิ้วไสวไปตามสายลมยามราตรี คนผู้นั้นค่อย ๆ ปลดผ้าคลุมลงพร้อมกับขยับจัดท่าทางของร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำการแสดง เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมใส่เป็นสีดำทั้งหมดจนแทบถูกกลืนหายไปในความมืด แต่เมื่อแสงเจิดจ้าร้อนแรงจากกองไฟตกกระทบกลับดูสวยงามยิ่งนัก



    ทันทีที่คนผู้นั้นเริ่มร่ายรำ หัวใจของเขาพลันเต้นตุบรุนแรงด้วยความรู้สึกอันหนักหน่วง



    ภาพเบื้องหน้าช่างงดงามเหลือจะกล่าว คนมองเช่นตนแทบลืมหายใจยามเฝ้าดูร่างนั้นร่ายรำด้วยท่วงท่าที่งดงามแปลกตาอย่างที่ไม่เคยพบเห็นจากที่ใดมาก่อน ทุกท่วงท่าอ้อนช้อยทว่าแฝงเร้นไปด้วยความแข็งแกร่งดุดัน ท่วงทำนองดนตรีเร่าร้อนรุนแรง ประกอบกับกองไฟโดยรอบนั่นแล้วจึงยิ่งเสริมให้บรรยากาศรุ่มร้อนเข้าไปใหญ่ การแสดงนี้คล้ายกำลังเชิญชวนและยั่วเย้าผู้ที่เฝ้ามองตนอย่างไรอย่างนั้น ผู้คนโดยรอบล้วนแต่ตกอยู่ในภวังค์ไม่เว้นแม้แต่เขา



    เปลวไฟที่แดงอมส้มสว่างไสวภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดสนิท ฉาบไล้บนเสี้ยวใบหน้าของคนผู้นั้นที่กำลังร่ายรำให้ผู้คนนับสิบนับร้อยชื่นชม แทฮยองกะพริบตา เหตุใดเขาจึงมองเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้านั้นได้ชัดเจนยิ่งนัก? เขายืนเหม่อลอยมองภาพเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกวูบวาบในอกอย่างน่าประหลาด เผลอนำพัดแตะค้างไว้ตรงริมฝีปากตนเองเนิ่นนาน



    ชายเสื้อร่นลงเล็กน้อย เผยให้เห็นเชือกถักสีแดงโดยที่ผู้เป็นเจ้าของไม่รู้ตัว



    สายลมเย็นสดชื่นยามราตรีพัดผ่านมาวูบหนึ่ง กลีบดอกเมฮวาร่วงหล่นลงมาบนศีรษะของคุณชายใหญ่ตระกูลคิมแผ่วเบา ก่อนที่สายลมนั้นจะพัดผ่านมาอีกหนหนึ่งพร้อมกับหอบเอากลีบดอกไม้บอบบางนั้นลอยเข้าไปใกล้เปลวเพลิง ชั่วพริบตากลีบดอกเมฮวากลับถูกแผดเผาไม่เหลือสิ่งใดให้ยล






    TALK;
    เรื่องชนเผ่าที่หายสาบสูญเป็นเพียงสิ่งที่แต่งขึ้นมาเองเท่านั้นน้า 

    ช่วงนี้ว่างและฟุ้งซ่านมากค่ะ ; - ; ชีวิตเด็กจบใหม่แต่ยังออกไปหางานไม่ได้มันเจ็บเหมือนมีคนเอาศอกมาโดนนม
    ไม่มีไรทำก็จบลงด้วยการเขียนก๊อก ๆ แก๊ก ๆ หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในเร็ววัน
    ดูแลตัวเองกันด้วยน้า กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่แมสก์ 

    #ดอกไม้สีแดงเบ่งบานยามวสันตฤดู



             
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×